Just us [BrightGulf] - นิยาย Just us [BrightGulf] : Dek-D.com - Writer
×

    Just us [BrightGulf]

    .... กอดแน่นแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องปล่อย ฝันดีแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องตื่น ....

    ผู้เข้าชมรวม

    1,008

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1K

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    14
    หมวด :  รักดราม่า
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  20 เม.ย. 63 / 19:33 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    “ไอ้ไบร์ท  จอดให้กูลงซื้อบุหรี่ก่อน”

                    เด็กหนุ่มร่างหนาบอกให้วชิรวิชญ์หยุดรถ  ก่อนที่จะเปิดประตูแล้ววิ่งฝ่าเม็ดฝนที่กำลังตกอย่างบ้าคลั่งเพื่อเข้าร้านสะดวกซื้อ

    “มึงขึ้นไปก่อนเลย  เดี๋ยวกูตามไป”

    สิ้นเสียงตะโกนแข่งกับสายฝนที่กำลังตกอย่างไม่ลืมหูลืมตาของจอมทัพเพื่อนสนิทสมัยเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นมัธยมบอกให้เขาไม่ต้องรอมันซื้อของจนเสร็จ  วชิรวิชญ์เหยียบคันเร่งตะบึงรถคันงามพุ่งเข้าลานกว้างใต้คอนโดหรูใจกลางเมืองเพื่อจอดมันไว้ในช่องประจำอย่างไม่รอให้เสียเวลาไปมากกว่านี้  เกือบจะตีสามแล้วที่ผิดเวลานัดไปหลายชั่วโมงเพราะอยู่เลี้ยงฉลองกันหนักกับชัยชนะของฟุตบอลคู่สำคัญของลีกอังกฤษ  ทีมเชลซีแพ้คาบ้านตัวเองให้กับทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างหมดรูป  สร้างความประทับใจจนอดใจไม่ไหวที่จะอยู่สังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนเก่าสมัยที่เขายังเป็นนักฟุตบอลประจำโรงเรียนทีมเดียวกับพวกมันเมื่อหลายปีก่อน

                    “พี่ไบร์ท  นายรออยู่ครับ”

                    “อืม  ขอบใจ” 

                    ความหวังดีของเด็กรุ่นน้องวัยห่างกันไม่ถึงสองปีผู้มีหน้าที่เฝ้าลานจอดชั้นพิเศษ  เร่งให้คนที่กำลังคว้าเป้ใบใหญ่ขึ้นสะพายหลังรีบก้าวขายาวออกจากตัวรถ  ปรกติไม่เกินเที่ยงคืนของทุกวันศุกร์  เขาและจอมทัพจะต้องมาถึงที่คอนโดนี้นานแล้ว  ไม่ต้องคิดเลยการมาล่าช้าขนาดนี้  จะสร้างความไม่พอใจให้ผู้เป็นนายขนาดไหน

    ..............................................................

     

                    “ไม่รักษาเวลาเลยนะมึง”

                    น้ำเสียงแข็งกร้าวที่พร้อมจะดุด่าทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเหลวไหล  ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรไม่ใช่เรื่องดีเลยที่จะให้คนตรงหน้าเกิดความไม่พอใจ  หากมือหนาที่ยกขึ้นโบกไปมาอย่างไม่ถือโกรธออกจะรำคาญมากกว่าทำให้โล่งใจขึ้น  นายก็เป็นอีกคนที่คงกำลังอารมณ์ดีไม่แพ้กัน  ทีมโปรดของเราคว้าชัยชนะให้ได้ชื่นหัวใจในค่ำคืนเมื่อวาน

    “ไอ้จอมทัพไปไหน  ทำไมมาคนเดียว”

                    “มันซื้อบุหรี่อยู่ข้างล่าง   นี่ครับ”

                    ถุงกระดาษสีน้ำตาลหนักๆ  ขนาดใหญ่กว่ามาตรฐานสามถุงถูกหยิบออกมาจากเป้ใบใหญ่เพื่อยื่นให้ผู้มีอำนาจในวงการธุรกิจสีเทา  ในนั้นคือเม็ดเงินจากการทายผลแพ้ - ชนะของฟุตบอลหลายคู่  รวมทั้งแมตซ์ที่เขาภูมิใจในชัยชนะนักหนา

    ใช่!!  เขาเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจสีเทาของผู้ที่เป็นทั้งนายและรุ่นพี่ร่วมสถาบันศึกษาเดียวกันเมื่อแปดปีก่อน    มาสุผู้มีเบื้องหลังการครอบครองธุรกิจผิดกฎหมายเกือบทุกรูปแบบ

                    “พี่ไม่นับก่อนเหรอ”         

    “กูเคยนับเงินที่มึงถือมาหรือวะ”  เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆ  เหมือนแหย่เสือให้หงุดหงิดเล่น  ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามาสุรักเขาเหมือนน้องชายมากแค่ไหน  เขาที่เคยเอาตัวเองรับคมมีดจากคู่อริที่ไม่ถูกกัน  จนต้องนอนให้เลือดให้น้ำเกลือดูอาการอยู่ในห้องไอซียูเป็นสัปดาห์  หลังจากนั้นไม่นานไม่ว่าใครที่อยู่ในอาณาจักรของมาสุ  เมื่อได้สบตาเขาก็เหมือนเห็นผู้เป็นนายมายืนแผ่อำนาจอยู่ตรงหน้า

    “มึงกลับไปได้เลย”

    ร่างโปร่งอดแปลกใจไม่ได้  คนมีอำนาจไม่แม้แต่จะยื่นมือมารับเหมือนทุกครั้ง  กลับชี้นิ้วให้ส่งซองหนากับผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวด้านซ้ายมือของห้อง  มิหนำซ้ำยังออกปากไล่ให้กลับทันทีทั้งที่ปกติอยู่คุยลากยาวกันไปจนเกือบเช้า  หรือหลายครั้งก็เป็นเช้าวันจันทร์กว่าเขาจะย่างก้าวออกจากห้องนี้

    “มึงรอรับโทรศัพท์กู”

    มือใหญ่ที่กำลังส่งซองกระดาษให้คนร่างยักษ์ที่เปรียบเสมือนเป็นองครักษ์และมือขวาของมาสุชะงักไปแค่เพียงนิดเดียว  ก่อนจะหันกลับไปมองคนที่เขาเพิ่งสังเกตว่าตั้งแต่เดินเข้ามา  มาสุยังไม่ละสายตาจากจอใหญ่ในมือขึ้นมามองหน้ากันเลยสักครั้ง

    เป็นสิ่งที่วชิรวิชญ์ไม่ชอบ

                    “อืม”

    เสียงเตือนฟังดูหงุดหงิดของยักษ์ใหญ่ร่างดำที่ยื่นมือรอรับซองกระดาษดึงสติเขาให้กลับมา  เด็กหนุ่มส่งซองกระดาษที่มีราคาพร้อมสายตาที่เป็นคำถามไปพร้อมกัน  และแน่นอนมีเพียงดวงตาแสดงความดุดันกับใบหน้าที่ดุเหี้ยมส่ายหน้าเล็กน้อยส่งกลับมา  สัญญาณเตือนที่บ่งบอกให้เขารู้ตัวว่าไม่ควรไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของผู้เป็นนาย

    เป็นอีกครั้งที่เขายังคงไม่สามารถบังคับสายตาไม่ให้หันกลับไปมองคนที่กำลังสนใจอะไรบางอย่างในโทรศัพท์เครื่องใหญ่ได้  เขาเพิ่งเห็นสีหน้าคมหล่อแต่ดุเหี้ยมของมาสุ  ว่ากำลังจดจ่อกับอะไรอย่างจริงจังในกรอบสี่เหลี่ยมนั้น  อะไรบางอย่างที่ถูกส่งมาอาจจะเป็นรูปถ่ายหรือคลิปของสินค้าที่สามารถสร้างความพึงพอใจได้เป็นอย่างมากเพื่อแลกกับผลประโยชน์ตอบแทนที่น่าจะมากโข  คืนนี้จะเป็นอะไรที่ถูกส่งมาสิ่งผิดกฎหมายที่เกินกว่าคำว่าธุรกิจสีเทา

    ยาเสพติด  อาวุธสงคราม  หรือแรงงานมนุษย์!!

                    เสียงเคาะประตูเป็นสัญญาณก่อนลูกน้องของมาสุจะเปิดออกเพื่อต้อนรับคนมาใหม่  เป็นเพื่อนสนิทของเขาที่คงรีบวิ่งขึ้นมาเพราะอาการเหนื่อยหอบยังมีให้เห็น

                    “ไอ้จอม”

    สภาพของจอมทัพไม่ต่างอะไรกับหมาบ้าตกน้ำ  เขาไม่อยากคิดถึงรถคันงามสีเขียวสะท้อนแสงที่จอดอยู่ข้างล่างจะเปียกเปื้อนขนาดไหนเพราะต้องขับรถวนไปส่งมันกลับคอนโด  ก่อนที่เขาจะขับกลับคอนโดตัวเองที่ห่างไปอีกเกือบชั่วโมง    

    “เออ  กูขอโทษ....” 

                    “พวกมึงออกไปด่ากันข้างนอกเลย  ไปมึงกลับกันไปได้แล้ว”

                    ก่อนข้อโต้เถียงเรื่องความเปียกปอนของจอมทัพระหว่างเขาและมันจะเกิดขึ้น  สินค้าคงกำลังถูกส่งมาไว้ที่ไหนสักแห่งอีกไม่นาน  เป็นอีกครั้งที่พวกเขาถูกเร่งให้ออกไปจากห้องนี้  และเป็นอีกครั้งที่มาสุยังคงไม่ละสายตาจากโทรศัพท์จอใหญ่ในมือ

                    ช่างมันเป็นไร  มันไม่ใช่เรื่องของเขาอยู่แล้ว

    ..............................................................

     

                    “มึงไปทำอะไรมาวะ  ทำไมเปียกขนาดนี้  กูไม่ได้ปล่อยมึงลงไปเดินตากฝนสักหน่อย”

                    “ส่งมาสักทีซิวะกูหนาว  มึงก็บ่นจังหอนเป็นหมาตัวเมียเลยนะมึง”

                    ผ้าขนหนูผืนเล็กพร้อมเสื้อยืดสีดำจากเบาะหลังถูกรวบอย่างลวกๆ ก่อนที่เจ้าของจะปาใส่หน้าจอมทัพอย่างแรงและเร็วจนเกือบรับแทบไม่ได้  เขาหัวเราะขำเพราะรู้ดีว่าทำไมไอ้เพื่อนคนนี้ถึงหัวเสีย  ในเมื่อเป็นที่รู้กันว่ามันรักรถคันนี้มากแค่ไหน

                    รถสปอตร์ราคาแพงระยับเกินกว่าที่เด็กหนุ่มเพียงอายุยี่สิบสองปีทั่วไปจะมีไว้ครอบครอง  แต่ไม่ใช่คนอย่างวชิรวิชญ์ที่จะมีมันไว้เป็นสมบัติไม่ได้  ค่าตอบแทนจากน้ำพักน้ำแรงของการทำงานให้มาสุตลอดระยะเวลากว่าสี่ปี  ทำให้มีทั้งบ้านหลังใหญ่ให้พ่อแม่และน้องสาวคนเดียวได้พักอาศัย  มีคอนโดหรูราคาเป็นล้านไว้ให้ตัวเองได้ซุกหัวนอนในทุกคืน  มีเงินติดตัวในบัญชีไว้ใช้สอยส่วนตัวเป็นสิบล้าน  แล้วนับประสาอะไรกับรถคันงามราคาไม่กี่ล้านบาท

                    เหนือสิ่งอื่นใดมันไม่ได้มีดีแค่ความร่ำรวยผิดปกติ  เหมือนสวรรค์เทความรักให้ผู้ชายอย่างวชิรวิชญ์ไปทั้งหมด  ด้วยรูปร่างสูงโปร่งลักษณะแบบชายแท้ๆ  ผิวเนื้อที่ออกไปทางคนขาวแต่ไม่ละเอียดเนียนจนเกินความเป็นชาย  หน้าตาหล่อเข้มกับบุคลิกภาพที่ดูดีมีชาติตระกูล  ดูเป็นลูกคุณหนูเพราะมีเลือดเสี้ยวเชื้อฝรั่งของผู้เป็นพ่อ  ที่สำคัญดวงตาดุคมที่สามารถสะกดใจสาวน้อยสาวใหญ่จนพากันอยากจะเป็นตัวจริงของมัน 

                    หล่อฉิบหาย!!

                    “เร็ว  กูง่วงแล้ว  พรุ่งนี้กูว่าจะกลับบ้าน”

                    “กูไปด้วย”

                    แค่บอกจะไปด้วยสายตาคมกริบเหมือนมีดโกนก็ถูกส่งมาให้จอมทัพจนเสียวสันหลัง  พี่ชายอะไรหวงน้องสาวอย่างกับลูกในไส้  ไม่ต้องต่อปากต่อคำอะไรมากไปกว่านี้เจ้าของรถหรูเหยียบคันเร่งพร้อมออกตัวทันที  โดยไม่รอให้เพื่อนรักก้าวขาขึ้นมานั่งให้เรียบร้อย  เสียงเร่งเครื่องยนต์ดังลั่นไปทั่วลานจอดรถใต้คอนโดยามดึกสงัดอย่างไม่ต้องเกรงใจใคร  ไม่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยคนไหนคิดจะเข้ามาตักเตือนหรือต่อว่ากับพฤติกรรมที่ไม่สมควรทำในสังคมของการอยู่ร่วมกันเลยสักคน

                    ไม่มีใครอยากมีปัญหากับคนของมาสุ

    ..............................................................

     

                    “เจอกันมึง  ขับรถดีดี”

                    แรงสั่นของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าทำให้จอมทัพรีบล้วงมันขึ้นมารับสายโดยเร็ว  ด้วยรู้ว่ามีแค่คนเดียวเท่านั้นที่กล้าโทรหาในเวลาดึกขนาดนี้  วชิรวิชญ์เองก็รู้ดีเช่นเดียวกันว่าคนที่โทรมาหาเพื่อนของเขาตอนนี้คือใคร  บทสนทนาในการร่ำลาจึงไม่ยืดเยื้อให้มากความ  รถคันงามจึงถูกผู้เป็นเจ้าของเร่งเครื่องออกไปจากคอนโดของจอมทัพแทบจะในทันทีที่เห็นเพื่อนรับสาย

                    “ครับพี่  แยกกันแล้วครับ  แต่พี่ครับ ผม....ได้ครับ”

                    แรงพ่นลมหายใจที่หนักอึ้งในอกไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่อึดอัดของจอมทัพเบาบางลงไปสักนิด  สีหน้าเคร่งเครียดพร้อมคิ้วหนาที่ค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน  เมื่อเห็นคลิปของสำคัญที่กำลังจะถูกส่งมาโดยให้เขาเป็นคนไปรับในวันพรุ่งนี้  ของสำคัญในคลิปเห็นชัดเจนจนทำให้แรงจับโทรศัพท์ยิ่งกำแน่น  ความไม่เต็มใจในสิ่งที่กำลังจะต้องทำสร้างความสับสนจนไม่อยากรับงานชิ้นนี้  แต่เพราะมันเป็นคำสั่งของมาสุ  เพราะมันคือหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ  ต่อให้ความรู้สึกไม่ดีแค่ไหนเขาก็ต้องทำให้สำเร็จ

    ..............................................................

    “หิวข้าวฉิบหาย”

                    เกือบหกชั่วโมงที่ วชิรวิชญ์ซุกตัวเองอยู่ในความอบอุ่นของผ้าห่มผืนหนา  เครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบเสียงเบาที่ถูกเปิดตลอดเวลาถ้ามีเขาอยู่ในห้องนอนใหญ่โดยไม่สนใจสภาวะโลกร้อนโลกแตกอะไรทั้งสิ้น  อาการประท้วงในช่องท้องเริ่มมีมากขึ้นด้วยไม่มีอาหารตกถึงกระเพาะตั้งแต่เมื่อคืน  มีเพียงน้ำเมาสีทองไม่กี่แก้วกับกลับแกล้มรสชาติดีเพียงไม่กี่คำไม่ทำให้เขาอิ่มท้องจนความหิวเริ่มครอบงำ  มือใหญ่ควานหาเครื่องมือสื่อสารบนเตียงนอนกว้างและไม่นานมันก็เข้ามาอยู่ในมือ นิ้วยาวกดเบอร์โทร.อัตโนมัติแค่ครั้งเดียว  เพียงไม่กี่อึดใจก็ได้ยินเสียงหวานที่เขาคุ้นเคย

                    “สวัสดีค่ะ  ต้องการเรียนสายกับใครคะ”

                    “ต้องการเรียนสายกับใครดีน้า”

                    “พี่ไบร์ท  บีมคิดถึงพี่จังเลย”

                    “พี่ก็คิดถึง....เดี๋ยวค่ำนี้เจอกัน  บอกพ่อกับแม่ว่าพี่จะไปกินข้าวมื้อเย็นด้วย”

    ..............................................................

     

                    “มึงจะไปบ้านกูหรือเปล่า”

                    ถึงจะหวงน้องสาวคนเดียวมากแค่ไหน  เขารู้ดีจอมทัพไม่เคยคิดไม่ซื่อกับน้องสาวของเขา  มันก็แค่พูดจาเย้าแหย่กวนประสาทไปอย่างนั้น  เพราะในความเป็นจริงมันก็รักและห่วงใยน้องสาวของเขามากเช่นกัน

                    “กูมีงานต้องไปทำ  เดี๋ยวเจอกันที่คอนโดพี่มาสุเลยมึง”

                    “งานอะไรของมึงวะ  ทำไมกูไม่รู้เรื่อง”

                    เหมือนได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆ ของมันเล็ดลอดเข้ามาในโทรศัพท์

                    “งานด่วนมึง  คนที่เขามีบุญคุณกับกูไว้ใจแค่กูคนเดียว  ฝากกราบพ่อกับแม่ฝากความคิดถึงน้องมึงด้วย  แล้วเจอกันมึง”

                    “เออ  ไว้เจอกัน”

                    ถึงเสียงถอนหายใจของเพื่อนรักยังคงติดหู  แต่หากเหลือกำลังที่จะจัดการได้มันก็คงเอ่ยปากขอให้ช่วย  เกือบสามชั่วโมงกว่าเขาจะขับรถถึงจุดหมาย  สามเดือนแล้วที่ไม่มีโอกาสแบบนี้  เวลาทีจะได้อยู่พร้อมหน้าครอบครัวไม่ได้มีมากพอที่จะทำให้เขาต้องสนใจเก็บเรื่องของคนอื่นมาใส่ใจ  ความสุขและความรักกำลังรอคอยเขาอยู่ที่บ้าน

    ..............................................................

                    “มึงมันเหี้ย”

                    หมัดหนักกระแทกเข้าที่ปากที่จมูกอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว  แรงของหมัดมากพอจนทำให้ปกป้อง เซถลาก่อนจะสะดุดขาตัวเองล้มลงกับพื้น  น้ำตาเริ่มเอ่อแทบจะล้นออกจากดวงตาตี่เล็ก  ถึงจะรู้สึกแย่มากแค่ไหนเขาก็เลือกแล้วที่จะให้ตัวเองและครอบครัวปลอดภัย

     “ถ้ากูเห็นหน้ามึงอีกครั้งไม่ว่าที่ไหน  กูเอามึงตาย”

    เสียงอาฆาตด้วยความโกรธจัดจากเจ้าของหมัดหนักปลุกความหวาดกลัวในใจขึ้นมาอีกครั้ง  ปกป้องรู้ดีว่าคำพูดของเพื่อนเก่าคนนี้คำไหนคือคำนั้นไม่ใช่แค่คำขู่เล่นเหมือนสมัยที่เรียนหนังสือมาด้วยกัน  และเพราะคำว่าเพื่อนเก่าเขาถึงยังมีลมหายใจ  ยังไม่ถูกฆ่าตายคามือแบบคนจริงอย่างจอมทัพ

    “ไอ้จอม....”

    สองขาของจอมทัพก้าวเดินไปที่รถกระบะคันใหญ่ที่ยังไม่ถูกดับเครื่อง  มันไม่คิดจะฟังคำร้องขออะไรจากปากของเขาทั้งนั้น  ความเกลียดชังในดวงตาคู่คมถูกส่งมาให้อีกครั้ง  ก่อนบานประตูหลังของรถคันใหญ่จะถูกมือหนากระชากเปิดโดยแรง  ของสำคัญของมาสุที่เขานำมาชดใช้แทนเงินค่าพนันบอลยังคงอยู่อย่างสงบนิ่งบนเบาะรถกว้าง  เขาเห็นจอมทัพสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงเมื่อแน่ใจว่าใช่ของสำคัญที่มาสุต้องการก่อนมันจะกัดฟันแน่นจนเห็นเป็นสันนูนเพื่อสะกดกลั้นความอึดอัดลงไปในอกเป็นครั้งสุดท้าย  แล้วพยักหน้าให้ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาช้อนร่างคนที่ยังนอนไม่ได้สติจากเบาะขึ้นพาดบ่า 

    ใช่!!  ของสำคัญของมาสุไม่ใช่ยาไม่ใช่อาวุธไม่ใช่สินค้า  แต่เป็นหนึ่งชีวิตที่ถูกชดใช้แทนหนี้พนันนับสิบล้านของเขา

    ครั้งนี้มันไม่ได้นอนขี้เซาหลับเหมือนตาย  หากมันโดนเขาวางยาในแก้วเหล้าที่ผับดังแห่งหนึ่งตั้งแต่กลางดึกเมื่อคืน  และนั่นคือช่วงเวลาที่ปกป้องถ่ายคลิปส่งให้มาสุได้ดูเพื่อเป็นการยืนยันว่าของสำคัญกำลังรอให้คนของมาสุมารับในวันนี้  หากเขาไม่คิดว่าคนที่มาสุส่งมาจะเป็นจอมทัพ  คนที่เคยมีเรื่องชกต่อยกับพวกเขามาก่อนจนแทบจะสิ้นสุดความสัมพันธ์ของความเป็นเพื่อน 

    “ไอ้จอม...มึงฟังกูก่อน”

    เพราะเสียงเรียกของปกป้องที่ยังคงเดินแกมวิ่งตามหลังจอมทัพยังไม่ยอมหยุด  ร่างสูงใหญ่กว่าหันกลับไปพร้อมเหวี่ยงกำปั้นกระแทกเข้าใบหน้าที่เริ่มบวมช้ำของปกป้องอีกครั้งและอีกครั้ง  คอเสื้อถูกดึงกระชากเข้าหาเจ้าของมือหนาจนสันจมูกแทบจะชนกัน  เสียงคำรามลั่นที่ปกป้องรู้ดีว่าจอมทัพกำลังพยายามสะกดอารมณ์ให้เย็นลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

    “มึงยังจะมาพูดเหี้ยอะไรอีก”

    “กูขอ....”

    “ลากมันออกไป!!

    สิ้นเสียงคำสั่งที่เด็ดขาดของจอมทัพก่อนจะหวดอีกหมัดเข้าใบหน้าปกป้องจนกระเด็นล้มลงไม่เป็นท่า  เด็กหนุ่มผิวขาวจัดเชื้อสายจีนยังถูกชายร่างใหญ่อีกสองคนทั้งฉุดทั้งลากตัวกลิ้งไปตามพื้นลานจอดรถอย่างไร้ความปราณี  เสียงตะโกนร้องขอยังคงดังกึกก้องด้วยข้อความที่ซ้ำไปซ้ำมา

    “มึงต้องช่วยมัน  ไอ้จอมมึงต้องช่วยมัน”

    เสียงตะโกนที่เพิ่มความสั่นเครือในน้ำเสียงค่อยๆ ห่างไกลไปเรื่อยๆ  ยิ่งทำให้จอมทัพกำสองมือแน่นจนรู้สึกถึงปลายเล็บที่จิกเข้าเนื้อหากเขาไม่สนใจ

    “จะมาห่วงเหี้ยอะไร  มึงเป็นคนพามันมาลงนรก!!

    อารมณ์ที่ยังไม่สามารถสงบได้ของจอมทัพกลับปะทุขึ้นอีกจนเกือบจะถึงจุดเดือดที่อยากจะเปลี่ยนใจสั่งให้ลากปกป้องกลับมาฆ่าทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด  เป็นความรู้สึกที่อาจจะเรียกได้ว่าน่าสมเพชมากที่สุดอีกครั้งเท่าที่เคยได้เจอมาในชีวิต  เขาเองไม่อยากจะเชื่อว่าความเห็นแก่ตัวของคนคนนึง  จะกล้าเอาชีวิตคนอีกคนมาชดใช้แทนความระยำที่มันไม่ได้ก่อ  เพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากความเลวร้าย

    หน้าอกบางยังคงกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจเข้าออกบอกให้รู้ว่า  คนที่ยังไม่ฟื้นยังมีชีวิตอยู่บนเบาะหนังแท้ในรถหรูที่ถูกเปลี่ยนคัน  มันคงไม่รู้ว่าชีวิตหลังการนอนหลับที่แสนสบายเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วจะถูกพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ  หรืออาจจะจากหน้ามือเป็นหลังตีนเลยก็ได้

    เสียงโทรศัพท์ปลุกความคิดที่กำลังจมดิ่งในด้านมืดให้หยุดชะงัก  ความรับผิดชอบในการขนของสำคัญกำลังจะเกิดขึ้น  งานก็คืองาน  เมื่อได้รับมอบหมายให้จัดการอะไรก็ต้องทำให้สำเร็จ 

    “ได้ตัวมาแล้วครับ”

    *****************************************************

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น