ตอนที่ 28 : 28 | Christmas with You
28 | Christmas with You
กล่องของขวัญสีแดง มาร์ชเมลโล่ และเตาผิง
ในค่ำคืนที่ละอองหิมะร่วงหล่น เริงระบำ
Secrets of Garden
เสียงโวยวายที่ดังแว่วมาจากห้องครัวทำให้แบคฮยอนส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ฝ่ามือบางใช้กรรไกรม้วนปลายริบบิ้นที่ผูกอยู่บนกล่องของขวัญใบเล็กให้ดูสวยงาม ก่อนจะนำไปวางรวมกับกล่องอื่นๆ เพื่อใช้ตกแต่งใต้ต้นคริสต์มาส
หลังจากกลับมาจากจัตุรัสในตัวเมืองเฮลเวเทีย ว่าที่คุณแม่ตัวกลมก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการช่วยปาร์คคนเล็กแต่งต้นคริสต์มาส และแน่นอนว่าเป็นต้นคริสต์มาสต้นใหม่ที่เด็กแสบออดอ้อนพี่ชายให้ซื้อให้เพราะอยากได้ต้นที่ใหญ่กว่าของปีที่แล้ว
“จะแต่งต้นคริสต์มาสหรือจะเอาแต่กินกันแน่คะคุณเล็ก” เสียงบ่นอย่างอ่อนใจของคุณป้าแม่บ้านทำให้แบคฮยอนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ก่อนจะหันไปมองทางประตูห้องครัวที่มีเด็กหนุ่มร่างสูงยืนกอดอกหน้ามุ่ยอยู่
“ก็มันหิวนี่แมรี่ ทำงานหนักก็ต้องกินเยอะๆ สิ”
“ป้ายังไม่เห็นว่าคุณเล็กทำอะไรเลยค่ะ”
“ทำซี่~ ก็แต่งต้นคริสต์มาสนั่นไง”
แมรี่มองตามปลายนิ้วเรียวที่ชี้ไปยังต้นคริสต์มาสซึ่งตั้งอยู่กลางโถงนั่งเล่น ก่อนจะถอนหายใจออกมาเพราะสภาพของมันยังคงเหมือนกับตอนที่ซื้อมาไม่มีผิด
“ป้าเหนื่อยที่จะเถียงกับคุณเล็กแล้วค่ะ”
“ถ้างั้นก็ให้เล็กเข้าไปในครัวนะ น้า~ เล็กขอแค่คุกกี้เนยถั่วโหลเดียวเท่านั้น”
ใบหน้าออดอ้อนที่เห็นมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ทำให้แมรี่ใจอ่อนในที่สุด ก่อนจะพยักหน้าอย่างจำยอมให้คนเด็กกว่าที่ยิ้มกว้างทันทีที่ได้รับอนุญาต
ส่วนปาร์ค เซฮุนที่ได้ในสิ่งที่ต้องการก็รีบวิ่งเข้าไปในครัวเพื่อหยิบโหลคุกกี้ที่หมายตาเอาไว้ เสียงทุ้มนุ่มฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินตัวปลิวไปที่โถงกลางบ้าน ทิ้งไว้เพียงเสียงถอนหายใจของแมรี่ที่ดังตามหลังมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาทำให้ว่าที่คุณแม่ที่เริ่มห่อของขวัญกล่องใหม่เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนที่ใบหน้าหวานจะคลี่ยิ้มบางให้เจ้าของเรือนกายสูงโปร่งที่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน
“คุกกี้เนยถั่วไหมแบค” คนถูกถามก้มมองโหลคุกกี้ในอ้อมแขนของคนเด็กกว่าก่อนจะส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่เสียงหวานจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งสงสัยกึ่งเอ็นดู
“ยังไม่อิ่มอีกหรือครับ” ที่เอ่ยถามเพราะว่าก่อนจะกลับมาจากตัวเมืองพวกเขาแวะทานมื้อกลางวันกันมาแล้ว แถมยังเป็นมื้อใหญ่อีกด้วย
“สำหรับขนมอร่อยๆ เล็กกินได้ตลอดแหละ”
แบคฮยอนพยักหน้ารับเพราะเชื่ออย่างที่เจ้าตัวพูดจริงๆ ก่อนที่เรียวตาคู่สวยจะผละออกมาจากเด็กแก้มกลมที่กำลังเพลิดเพลินกับคุกกี้เพื่อทำสิ่งที่ค้างเอาไว้ต่อ เพียงไม่นานกล่องของขวัญสีแดงที่ผูกด้วยริบบิ้นสีเขียวก็ถูกวางรวมกับอีกหลายสิบกล่องที่ทำไว้ก่อนหน้านี้
“หลานรักของอากินคุกกี้ไหมครับ” ในขณะที่แบคฮยอนกำลังจะเอื้อมไปหยิบกระดาษห่อของขวัญอันใหม่ ใบหน้าขาวใสที่ก้มลงมาจนเกือบจะแนบกับท้องและเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้นก็ทำให้ว่าที่คุณแม่หันไปมอง
“เจ้าก้อนยังทานไม่ได้ครับคุณเล็ก”
“อ่า.. ถ้างั้นรีบออกมาเร็วๆ น้าเด็กดี เดี๋ยวอาจะพาไปกินของอร่อยๆ”
คุณอาที่เห่อหลานยิ่งกว่าอะไรก้มหน้าคุยงุ้งงิ้งกับหน้าท้องกลมพร้อมกับลูบฝ่ามือไปมา เป็นภาพที่ชวนให้เอ็นดูจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม “อยากเจอเร็วๆ จัง”
เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยออกมาแผ่วเบาเรียกรอยยิ้มบางจากแบคฮยอน ฝ่ามือข้างหนึ่งวางลงบนกลุ่มผมสีอ่อนก่อนจะลูบเบาๆ อย่างรักใคร่และเอ็นดู
“อีกไม่นานก็ได้เจอกันแล้วครับ”
“อื้ม~” เซฮุนเงยหน้าขึ้นมาคลี่ยิ้มกว้างให้พี่สะใภ้คนโปรด ก่อนจะก้มหน้าลงไปกดจูบลงบนหน้าท้องกลมที่โอบอุ้มหลานรักของตนเอาไว้อย่างทะนุถนอม
ความรักกำลังผลิบานขึ้นในหัวใจของผู้คนที่อยู่ในปางไม้เติมฝัน และไม่นานมันจะเบ่งบานอย่างสวยงามจนเต็มหุบเขาและผืนป่า
บ่ายแก่ๆ ที่แสงแดดเริ่มรำไรส่องผ่านทิวสน เสียงเพลงในจังหวะสนุกๆ ดังแว่วออกมาจากลำโพงติดผนัง เรือนกายสูงโปร่งของเด็กแสบโยกไปมาตามจังหวะเพลง หัวกลมภายใต้เส้นผมสีอ่อนส่ายดุ๊กดิ๊กอย่างน่าเอ็นดู
“I don’t like it, I love it, love it, love it, uh oh~”
เซฮุนฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับเริ่มแต่งต้นคริสต์มาสที่ย้ายมาตั้งไว้มุมห้อง ฝ่ามือเรียวเริ่มจากติดไฟกระพริบไว้รอบๆ ต้นเพื่อที่ตอนกลางคืนจะช่วยทำให้บรรยากาศโรแมนติก จากนั้นก็ติดของตกแต่งชิ้นเล็กๆ อย่างลูกบอลประดับ ถุงเท้า และตุ๊กตาซานตาคลอสกับสโนว์แมนลงบนต้นสนปลอมที่สูงเกือบสิบฟุต
“อย่าลืมติดดาวด้านบนด้วยนะครับ” แบคฮยอนที่ห่อของขวัญกล่องสุดท้ายเสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นไปบอกคนที่ปีนอยู่บนบันได ซึ่งเซฮุนก็ขานรับเสียงใสก่อนจะหันกลับไปติดของตกแต่งตามเดิม
แบคฮยอนที่เห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงจึงค่อยๆ ลุกออกไปจากโถงกลางเรือนเพื่อเข้าไปในครัว ว่าที่คุณแม่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะอบคุกกี้และพุดดิ้งสำหรับวันคริสต์มาส แต่จะทำเยอะหน่อยเพราะจะแบ่งให้คนงานในปางที่จะจัดงานฉลองในเย็นวันพรุ่งนี้
ร่างอวบกลมที่เดินอุ้ยอ้ายเข้ามาในครัวทำให้แมรี่ที่กำลังจะเตรียมมื้อเย็นรีบเข้าไปประคอง แบคฮยอนหันไปยิ้มขอบคุณให้คุณป้าแม่บ้านพร้อมกับเอ่ยขึ้น
“ผมจะอบคุกกี้น่ะครับ”
“ให้ป้าทำให้ดีกว่าไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ คุณป้าเตรียมมื้อเย็นเถอะครับ”
“แต่ว่า..”
“นะครับ” รอยยิ้มหวานที่ไม่ว่าใครก็ต้องเอ็นดูทำให้แมรี่ใจอ่อนยวบ ดูเหมือนว่าคนแก่อย่างเธอจะแพ้ทางลูกอ้อนของพวกคุณเขาอย่างราบคาบ
“ถ้ามีอะไรให้ป้าช่วยก็บอกนะคะ”
“ครับ” แบคฮยอนตอบรับคุณป้าแม่บ้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะเริ่มลงมือทำคุกกี้และพุดดิ้งตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้
อีกฝั่งหนึ่ง ณ ไร่องุ่นที่ทอดตัวยาวจรดเทือกเขา – เรือนกายสูงใหญ่ของพ่อเลี้ยงแห่งผืนป่ากำลังขะมักเขม้นช่วยคนงานเก็บองุ่นภายในไร่ รอบนี้เป็นผลผลิตล็อตสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งมีทั้งองุ่นที่ใช้สำหรับหมักไวน์และองุ่นที่ส่งออกสู่ตลาดภายใต้ชื่อแบรนด์เติมฝัน
กายกำยำที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อขยับไปมาอย่างคล่องแคล่วและชำนาญ เพียงไม่นานพวงองุ่นที่สุกเต็มที่ก็ถูกวางลงในตะกร้าอย่างไร้รอยบอบช้ำ โดยที่ใบหน้าคมประดับไว้ด้วยรอยยิ้มบางอย่างพอใจในคุณภาพของผลผลิตที่มาจากน้ำพักน้ำแรง
“นึกแล้วว่ามึงต้องอยู่ที่นี่” เสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นด้านหลังไม่ได้เรียกให้เจ้าของใบหน้าชื้นเหงื่อหันไปมอง ชานยอลยังคงตั้งใจเก็บผลองุ่นตามเดิม และนั่นทำให้คนที่มาหาอย่างจงอินต้องเดินเข้ามาใกล้ๆ
“คุยด้วยนะเว้ย”
“มีอะไร”
“เย็นชาชะมัด” สัตวแพทย์หนุ่มบ่นอุบกับตัวเอง ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะเอ่ยขึ้นถึงธุระที่ทำให้ตนต้องมาที่นี่ “พรุ่งนี้พวกคนงานจะจัดงานฉลองเล็กๆ ที่ฟาร์ม ซึ่งมึงน่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว”
“อืม”
“เออนั่นแหละ, กูเลยมาถามว่ามึงจะไปร่วมงานไหม”
คำถามนั้นทำให้ชานยอลละมือจากงานตรงหน้า ก่อนจะเลิกคิ้วมองเพื่อนสนิทเป็นเชิงว่าถามอะไรโง่ๆ “ก็มาทุกปี”
“ก็นึกว่าปีนี้จะอยู่ฉลองคริสต์มาสกับเมียกับลูกไง”
“ไร้สาระ” ชานยอลถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายคนตรงหน้า แน่นอนว่าท่าทางเช่นนั้นทำให้จงอินทำหน้าเหลอหลาเพราะไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป
“เย็นนี้กูไปกินข้าวที่เรือนใหญ่ด้วยนะ”
“ไม่”
“อะไรวะ กูคิดถึงรสชาติซุปฟักทองของแบคฮยอนจะแย่อยู่แล้ว”
ชานยอลหรี่ตามองเพื่อนสนิทอย่างจับผิด มันคิดว่าเขาดูไม่ออกหรือไงว่าเอาซุปฟักทองมาอ้างเพื่อที่จะได้ไปหาน้องชายตัวแสบของเขา “ไม่ก็คือไม่”
“กูจะไป”
“ไอ้..”
“อย่านะเว้ยไอ้พ่อเลี้ยง นั่นมันกรรไกร! มึงอย่าโยนมานะเว้ย”
สัตวแพทย์ประจำฟาร์มถึงกับร้องลั่นเมื่อเห็นว่าคนที่เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสนิทกำลังง้างมือเตรียมขว้างกรรไกรมาใส่หัวตน เรือนกายกำยำโยกตัวหลบไปทางซ้ายทีทางขวาทีจนคนงานที่อยู่ในบริเวณนั้นแอบหัวเราะเบาๆ
“ไปไกลๆ ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว” ชานยอลเอ่ยเสียงต่ำ ก่อนจะปรายตามองอีกฝ่ายด้วยแววตาคมกริบจนคนถูกมองอย่างจงอินแอบขนลุก
“ทำเป็นโหด”
“ไอ้หมอหมา”
“เลิกเรียกกูแบบนั้นสักที!”
เสียงโวยวายของสัตวแพทย์หนุ่มผิวสีน้ำผึ้งดังคลอไปกับเสียงหวีดหวิวของสายลมเย็นที่พัดลงมาจากยอดเขา ดาวฤกษ์ดวงโตเริ่มคล้อยต่ำจนแสงร้อนแรงถูกเจือจาง หมู่เมฆทยอยข้ามฟ้าเป็นสัญญาณว่ายามสนธยากำลังมาเยือน
เสียงดนตรีขับขานดังแว่วมาจากพงไพร หยาดน้ำค้างค่อยๆ พร่างพรมเป็นริ้วคลื่นเกาะกุมเหนือยอดหญ้า วิหคฝูงใหญ่บินผ่านทิวสนท่ามกลางดวงอาทิตย์ที่ใกล้ลาลับ
อากาศยามเช้าของวันที่ยี่สิบห้าในเดือนธันวาคมยังคงเยือกเย็นแม้จะเข้าสู่ช่วงกลางของฤดู ลมหนาวจากยอดเขาพัดพากลิ่นเย็นๆ ของเกล็ดหิมะลงสู่ที่ราบลุ่ม แตะสัมผัสลงบนปลายจมูกเชิดรั้นของบางคนที่นอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา
และเพราะความเยียบเย็นที่สัมผัสผิวเนื้อจึงปลุกให้ร่างที่หลับใหลตื่นจากห้วงนิทรา เปลือกตาสีอ่อนค่อยๆ ขยับไหวก่อนจะปรือเปิดในเวลาต่อมา แสงแดดอ่อนจางที่แทรกตัวผ่านผืนผ้าม่านไล้เลียลงบนแก้มนิ่ม การมาเยือนของอรุณรุ่งพาความรู้สึกอบอุ่นมาโอบกอดหัวใจ
ตุบ
สัมผัสแผ่วเบาที่เกิดขึ้นบริเวณท้องกลมเรียกรอยยิ้มบางจากว่าที่คุณแม่ แบคฮยอนแนบฝ่ามือลงบนหน้าท้องก่อนจะลูบไปมาเพื่อทักทายเจ้าก้อนที่ตื่นมาซนตั้งแต่เช้า น้ำเสียงเอ็นดูเอ่ยขึ้นเบาๆ หากแต่มากล้นไปด้วยความรู้สึกรักและหวงแหน
“อรุณสวัสดิ์ครับเด็กดี”
ตุบ
สัมผัสตุบๆ ที่ตอบกลับมาทำให้แบคฮยอนหัวเราะเบาๆ ทว่านั่นกลับปลุกใครอีกคนที่นอนกอดกันอยู่ด้านหลังให้ลืมตาตื่นเพราะเสียงหัวเราะของคนในอ้อมกอด
“หัวเราอะไรหืม” เสียงแผ่วเบาที่กระซิบข้างหูเรียกให้ใบหน้าหวานหันไปมอง ก่อนที่เสียงนิ่มหวานจะเอ่ยขึ้น
“เด็กซนถีบท้องแต่เช้าน่ะครับ”
“ลูกดิ้น..”
แววตาคู่คมที่เปล่งประกายลึกล้ำไปด้วยความสุขและตื่นเต้นเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากแบคฮยอน ฝ่ามือบางกอบกุมหลังมือหนาวางแนบลงบนหน้าท้องกลมพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุยกับลูกสิครับ”
ปาร์ค ชานยอลทอดมองเรียวตาฉ่ำหวานของภรรยาตัวน้อยด้วยความรู้สึกรักและขอบคุณ ก่อนที่ฝ่ามือหนากร้านซึ่งสั่นเทาเพราะความประหม่าจะค่อยๆ ลูบท้องกลมแผ่วเบา
“อะ อรุณสวัสดิ์ครับเจ้าก้อนของแด๊ด”
ตุบ ตุบ
“ลูก.. ลูกคุยกับพี่” เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยออกมาสั่นพร่า หากแต่แววตากลับเต็มไปด้วยความรักและทะนุถนอมสุดหัวใจ น้ำตาหยดหนึ่งคลอหน่วยตาคู่คมเมื่อในที่สุดก็สัมผัสได้ถึงลูกน้อยหลังจากที่รอมานาน
แบคฮยอนที่เห็นท่าทางของสามีก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึม ฝ่ามือบางลูบกลุ่มผมสีเข้มอย่างปลอบโยน ก่อนที่กดจูบลงบนหน้าผากได้รูปที่ซบอยู่บนไหล่ของตน
“ดีใจด้วยนะครับคุณแดดดี้”
“ขอบคุณครับ”
ชานยอลคลี่ยิ้มบางก่อนจะกระชับอ้อมแขนที่โอบกอดแบคฮยอนให้แน่นขึ้น ฝ่ามือหนากร้านยังคงลูบแผ่วเบาลงบนท้องกลมโต สลับกับเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยกับลูกน้อยอย่างอ่อนโยน
ในขณะที่ว่าที่คุณพ่อกำลังเห่อคุยกับลูกชายไม่หยุด เจ้าก้อนกลมที่ได้ยินเสียงทุ้มก็เหมือนจะคึกไม่ต่างกัน เท้าเล็กๆ ถีบหน้าท้องของแบคฮยอนรัวๆ จนว่าที่คุณแม่นิ่วหน้า
“โอย.. เบาหน่อยเจ้าตัวแสบ” เสียงร้องแผ่วเบาของคนในอ้อมกอดทำให้ชานยอลชะงัก ใบหน้าคมที่เคยก้มคุยกับลูกเงยหน้าขึ้นมามองแม่ของลูกทันที
“ที่รัก เป็นอะไรหืม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“เปล่าครับๆ แค่เจ้าก้อนถีบแรงไปหน่อย สงสัยจะดีใจที่ได้คุยกับพี่ชานยอล”
คำพูดของภรรยาที่รักทำให้ชานยอลแนบใบหน้าลงบนหน้าท้องกลม ริมฝีปากหยักกดจูบลงไปแผ่วเบา ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำทว่าแสนอ่อนโยนจะเอ่ยขึ้น
“อย่าซนสิครับเด็กดี คุณแม่เจ็บแล้วเห็นไหม”
ตุบ ตุบ
“หึๆ” เจ้าก้อนถีบท้องกลับมาคล้ายกับจะเถียงจนชานยอลรู้สึกได้ถึงแรงตอดเบาๆ ที่ริมฝีปาก ซึ่งนั่นทำให้ว่าที่คุณพ่อหัวเราะอย่างเอ็นดู “สงสัยจะแสบน่าดู”
“เหมือนแดดดี้ของเขาไงครับ”
“หึๆ พี่ว่าดื้อเหมือนคุณอาของเจ้าก้อนมากกว่า”
เสียงหัวเราะหยอกล้อดังขึ้นในห้องนอนอันแสนอบอุ่น แสงอ่อนจางจากดาวฤกษ์ดวงใหญ่โผล่พ้นเส้นขอบฟ้าสีคราม กลุ่มเมฆลอยต่ำเหนือผืนป่า แว่วยินเสียงเสียดสีของทิวสน
ห่างออกมาจากห้องนอนทางฝั่งปีกขวาของเรือน ภายในห้องครัวของเช้าวันนี้ปาร์คคนเล็กที่ถูกพาดพิงถึงจามเสียงดังลั่นจนแมรี่ที่ยืนคั้นน้ำส้มอยู่หันมามอง ใบหน้าอวบขาวที่ปรากฏริ้วรอยตามวัยแสดงออกถึงความเป็นห่วง พร้อมกับน้ำเสียงใจดีที่เอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล
“เป็นหวัดหรือเปล่าคะคุณเล็ก”
คนที่ถูกถามเงยหน้าขึ้นจากมื้อเช้าก่อนจะส่ายหัวเบาๆ สองแก้มกลมยังคงอัดแน่นไปด้วยแอปริคอตอบแห้งในตอนที่เอ่ยตอบกลับมา “ไม่นะแมรี่”
“แล้วทำไมจามบ่อยขนาดนั้นคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน, ว่าแต่พี่ใหญ่กับแบคเมื่อไหร่จะลงมา เล็กหิวจนท้องแฟบไปหมดแล้วเนี่ย”
คนที่นั่งทานของว่างรอพี่ชายกับพี่สะใภ้บ่นอุบอิบพร้อมกับลูบมือลงบนท้องที่เริ่มส่งเสียงประท้วงว่าหิว ใบหน้าขาวใสงองุ้มอย่างเอาแต่ใจทว่าก็ยังยืนยันที่จะรอทานมื้อเช้าพร้อมกับคนในครอบครัว
“ทานน้ำส้มก่อนนะคะเด็กดี” แมรี่ที่ทั้งอ่อนใจทั้งเอ็นดูเอ่ยเสียงนิ่ม ก่อนจะวางแก้วน้ำส้มคั้นสดลงตรงหน้าเด็กตัวโต
“ขอบคุณครับ” แม้หน้าจะมุ่ยเพราะรู้สึกขัดใจ แต่ฝ่ามือเรียวก็ยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่มอย่างไม่อิดออด
“วันนี้จะออกไปไหนหรือเปล่าคะ”
“ตอนสายๆ เล็กจะออกไปที่ฟาร์มอะ น่าจะกลับมาตอนเย็นๆ นู่นแหละ”
“อย่าซนนะคะ วันนี้วันคริสต์มาสถ้าคุณเล็กเป็นเด็กดีก็จะได้รับของขวัญจากซานตาคอส”
“เล็กไม่ใช่เด็กแล้วนะแมรี่” เซฮุนหน้ามุ่ยเพราะไม่ชอบที่ถูกมองว่ายังเป็นเด็ก ทั้งที่ความจริงเจ้าตัวก็ยังตื่นเต้นกับการรอคอยของขวัญในวันคริสต์มาสอยู่ทุกปีก็ตาม
“ค่ะๆ คุณเล็กของป้าโตเป็นหนุ่มแล้วนี่เนอะ”
“ไม่คุยกับแมรี่แล้ว”
เด็กซนประจำปางไม้เติมฝันค้อนให้คนแก่กว่าพร้อมกับยกแขนขึ้นกอดอกอย่างเด็กเอาแต่ใจ ทว่าในสายตาของคนที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กอย่างแมรี่ก็ยังมีแต่ความรักและเอ็นดู เพราะไม่ว่าปาร์คคนเล็กจะเติบใหญ่กว่านี้อีกแค่ไหน แต่สำหรับแมรี่เธอก็เห็นแต่ภาพเด็กชายตัวเล็กๆ ที่แสบซนเหมือนเมื่อสิบปีก่อน
แม้จะยังอยู่ในช่วงของฤดูอันหนาวเหน็บ ทว่าในวันนี้อุณหภูมิในอากาศของเฮลเวเทียกลับอบอุ่นกว่าทุกวันที่ผ่านมา สายลมเย็นจากเทือกเขาแอลป์พัดลงมาสู่ผืนป่าเพียงแผ่วเบา คล้ายกับเป็นสัญญาณต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขที่ผู้คนเฝ้ารอคอย
หลังจากที่ทานมื้อเช้ากับพี่ชายและพี่สะใภ้เรียบร้อยแล้ว ปาร์ค เซฮุนที่เตรียมพร้อมออกจากบ้านก็หอบหิ้วของพะรุงพะรังลงมาจากชั้นสองของเรือน ซึ่งส่วนมากจะเป็นขนมหลากหลายชนิดที่เจ้าตัวชื่นชอบและหนังสือนวนิยายอีกสองสามเล่ม
เรือนกายสูงโปร่งเดินเลี้ยวเข้าไปครัวก่อนจะหอบตะกร้าสานใบใหญ่ออกมา ทุกการกระทำนั้นตกอยู่ในสายตาของบางคนที่นั่งอยู่บริเวณโถงกลางเรือนตลอดเวลา เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันก่อนที่ฝ่ามือหนาจะปิดหนังสือพิมพ์และวางลงบนโต๊ะในตอนที่ร่างสูงโปร่งกำลังจะเดินผ่านหน้าไป
“อะแฮ่ม”
เสียงกระแอมที่ดังขึ้นทำให้คนที่ถือของเต็มสองมือชะงักกึกในทันที ใบหน้าขาวใสที่ฉายแววตื่นตระหนกแอบหันไปมองอีกด้านเพื่อหลบสายตาคมกริบ ก่อนจะค่อยๆ หันกลับมาพร้อมกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มออดอ้อน
“พี่ใหญ่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“จะไปไหน”
“เอ่อ..”
“…”
“คือ เล็กจะไปที่ฟาร์มครับ”
“แล้วขนอะไรไปเยอะแยะ”
“เอ่อ ก็ของทั่วๆ ไปครับ แหะๆ” นัยน์ตาเรียวคมที่กลอกไปมาทำให้ชานยอลส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ดูก็รู้ว่านัดกับไอ้หมอหมาเอาไว้ “วันนี้พี่ใหญ่จะเข้าปางไหมครับ”
“พี่จะเข้าไปตอนเย็นทีเดียว”
“อ่า ถ้างั้นเล็กไปก่อนนะ”
“อืม”
เมื่อเห็นว่าพี่ชายพยักหน้าอนุญาตเจ้าของร่างสูงโปร่งก็รีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ใบหน้าขาวใสที่เคยจืดเจื่อนเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าที่หน้ารั้วมีใครบางคนยืนรออยู่ ช่วงขายาวรีบก้าวไปหาก่อนจะหัวเราะออกมา
“ขำอะไรหืม” จงอินเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเอ็นดู ก่อนจะเอื้อมมือมาแย่งตะกร้าที่ภายในบรรจุของกินจนล้นมาจากคนเด็กกว่า
“ขำตัวเองนี่แหละ เกือบจะถูกพี่ใหญ่จับได้ซะแล้ว”
“หึๆ”
จงอินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นมือไปหาคุณหนูของตน เซฮุนที่เห็นฝ่ามือหนาที่แบรออยู่ตรงหน้าก็คลี่ยิ้มบางก่อนจะวางมือทาบทับลงไป นัยน์ตาสองคู่ที่ทอดมองกันมีแต่ความรู้สึกรักที่พองโตอยู่เต็มหัวใจ
“พร้อมหรือยังครับ”
“อื้ม~”
ในยามที่แสงแดดอ่อนจางตกกระทบลงบนเสี้ยวหน้าของทั้งคู่ ประกายของรอยยิ้มเปี่ยมสุขก็แจ่มชัดในแววตาของกันและกัน สัมผัสอบอุ่นสลักลึกลงบนหัวใจทั้งสองดวง ความสัมพันธ์เริ่มผลิดอกเบ่งบาน และในที่สุดมันจะเติบโตอย่างงดงามไปพร้อมๆ กับพวกเขา
เสียงกุบกับของเกือกม้ากระทบลงบนผืนหญ้าในจังหวะช้าลงเมื่อท่อนขาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทะยานมาถึงที่หมาย อาชาหนุ่มพันธุ์อเมริกันแซดเดิลค่อยๆ โน้มตัวต่ำเพื่อให้เจ้านายทั้งสองลงจากหลังได้สะดวก ก่อนที่มันจะกลับมายืนตัวตรงอย่างสง่างามสมกับเป็นม้าพันธุ์ดี
“ขอบคุณนะช็อกโก้” เซฮุนลูบฝ่ามือลงบนกลุ่มขนสีน้ำตาลช็อกโกแลตแทนคำขอบคุณ ก่อนจะตบหลังอาชาหนุ่มเบาๆ เพื่อปล่อยให้มันไปเดินเล่นเล็มหญ้า
หลังจากที่ม้าตัวโปรดเดินห่างออกไป เจ้าของเรือนกายสูงโปร่งก็หันกลับมาหาใครอีกคนที่ขี่ม้ามาด้วยกัน สัตวแพทย์หนุ่มกำลังปูผ้าสีขาวสะอาดลงบนผืนหญ้านิ่ม เด็กดื้อของป้าแมรี่ที่เห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปช่วยทันที
“คุณหนูเตรียมขนมอะไรมาบ้างครับ” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามเรียกให้ใบหน้าขาวเงยหน้าขึ้นมามอง รอยยิ้มซุกซนปรากฏขึ้นบนมุมปากอิ่มและแววตาใสที่แสนเจ้าเล่ห์
“ของโปรดฉันไง”
“แล้วไม่มีของผมเลยหรือหืม”
“ไม่”
“น่าน้อยใจจัง”
ใบหน้าคมเข้มที่แสร้งทำเป็นเหงาหงอยทำให้ปาร์คคนเล็กนึกหมั่นไส้จนอดไม่ได้ที่จะบิดท่อนแขนแกร่ง จงอินแกล้งร้องโอดโอยก่อนที่ร่างหนาจะเซมาหาคนเด็กกว่า ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มผมสีเข้มซบลงบนลาดไหล่กว้างอย่างออดอ้อน
“นิสัยไม่ดี” เซฮุนที่รู้ทันคนแก่จอมเจ้าเล่ห์เอ่ยเสียงเข้ม ซึ่งจงอินก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะวาดท่อนแขนโอบกอดเอวของคนตรงหน้า
“ผมเจ็บจริงๆ นะครับคุณหนู”
“หึ ปล่อยได้แล้ว” เด็กดื้อสะบัดตัวเบาๆ ซึ่งจงอินก็ยอมปล่อยแต่โดยดี ก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยกันปูผ้าผืนนิ่มและทิ้งตัวลงนั่งข้างกัน
ท่ามกลางสายลมอ่อนจางที่พัดไหวเถาองุ่นที่ทอดตัวยาวอยู่ไม่ไกล ตะกร้าปิกนิกใบใหญ่ที่บรรจุอาหารหลายชนิดก็ถูกจัดวางลงบนผ้าปูสีขาว เซฮุนหยิบเอากล่องทัพเพอร์แวร์ที่ภายในเต็มไปด้วยผลไม้สดวางลงตรงหน้า ตามด้วยครัวซองต์เนยสดและนูเทลล่าที่ยกมาทั้งกระปุก
ภายในตะกร้ายังอัดแน่นไปด้วยของทานเล่นกระจุกกระจิก แครกเกอร์ธัญพืช น้ำส้มคั้นสดในขวดแก้ว และดอกทิวลิปสีเหลืองช่อเล็กๆ อีกหนึ่งช่อ
“ป้าแมรี่รู้ไหมหืม” จงอินที่เห็นกระปุกนูเทลล่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ หากแต่คนถูกถามกลับยักไหล่แถมยังใช้ช้อนตักช็อกโกแลตผสมถั่วเฮเซลนัทเข้าปากคำโต
“ถ้าบอกแมรี่ก็อดกินน่ะสิ”
“ถ้าถูกดุขึ้นมาผมไม่ช่วยนะครับ”
“ฉันคงจะเหลือหลักฐานให้แมรี่เห็นหรอก หึๆ”
จงอินส่ายหัวอย่างอ่อนใจเพราะรู้ได้ทันทีว่านูเทลล่ากระปุกนี้คงหมดเกลี้ยงอย่างแน่นอน เด็กดื้อของเขาน่ะชอบของหวานเป็นชีวิตจิตใจ แก้มกลมๆ นั่นก็เพราะเจ้าตัวกินเก่งนั่นแหละ
“ฉันแอบหยิบไวน์แอปเปิลของพี่ใหญ่มาให้นายด้วย” เด็กแสบเอ่ยบอกอย่างซุกซน ก่อนจะหยิบขวดไวน์ที่พี่ชายซื้อมาจากออสเตรียส่งให้สัตวแพทย์หนุ่ม
“ถ้ามันรู้ผมตายแน่ๆ”
“พี่ใหญ่ไม่ทำให้ฉันเสียใจหรอก”
“ครับ?”
“ก็ถ้าไม่มีนายอยู่ตรงนี้ ฉันก็คง.. ก็คงร้องไห้จนใจพังล่ะมั้ง”
เสียงงึมงำที่เอ่ยออกมาแผ่วเบาทว่าดังก้องในใจคนฟังทำให้จงอินคว้าอีกคนมากดจูบ กลีบปากร้อนที่ขบเม้มลงมาทำให้คุณเล็กของป้าแมรี่ชะงัก ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงเมื่อสัมผัสได้ถึงความอ่อนหวานที่แสนตราตรึง
เรือนกายโปร่งบางถูกประคองให้นอนราบไปกับผ้าปูผืนนิ่มที่เต็มไปด้วยกองทัพหมอน เสียงเฉอะแฉะของน้ำลายดังผละแผ่วผิดกับผิวเนื้อที่แนบกันแน่นสนิท เซฮุนครางแผ่วในยามที่ริมฝีปากร้อนกดจูบลงมาหนักหน่วงกว่าเดิม
“อื้อ..”
เสียงครางแผ่วทำให้สัตวแพทย์หนุ่มรู้สึกรุ่มร้อนไปทั่วร่าง ก้อนเนื้อใต้แผ่นอกสั่นไหวอย่างรุนแรงด้วยความรู้สึกอยากครอบครอง เกลียวลิ้นร้อนตวัดกวัดเกี่ยวเหมือนกับว่าไม่อยากแยกออกจากกัน
“ผมรักคุณ ผมรักคุณมากๆ คุณหนูของผม”
“ฮื่ออ”
เซฮุนพยายามซุกใบหน้าที่แดงระเรื่อของตนกับแผ่นอกแกร่ง หัวใจดวงน้อยพองโตจนเหมือนจะหลุดออกมาจากอก ฝ่ามือเรียวกำเสื้อของคนที่คร่อมทับอยู่ด้านบนแน่นเพราะเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก
“คุณหนูเล็กครับ”
“…”
“เป็นแฟนกันนะครับ”
ประโยคเรียบง่ายทว่าหวานล้ำที่รอคอยมานานทำให้เซฮุนทุบอกคนตรงหน้าเพราะอีกฝ่ายทำให้หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าจะขาดอากาศหายใจไปเสียก่อน กลีบปากร้อนที่แสนร้ายกาจเอาแต่กดจูบลงมาอย่างพะเน้าพะนอ ท่อนแขนแกร่งที่โอบกอดกายยังคงแนบแน่นคล้ายกับว่าจะไม่มีวันปล่อยมือ
“คุณหนู”
“…”
“…”
“ตลอดไปนะ”
แม้จะไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ แต่จงอินก็รู้ดีว่านั่นคือคำตอบตกลงในแบบของเด็กดื้อ กลีบปากหยักคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากมน แววตาสองคู่ทอดมองกันอย่างมีความหมาย และมันหวานซึ้งไปด้วยไออุ่นของความรัก
“ครับ ตลอดไป”
สถานะทางความสัมพันธ์ที่ชัดเจนเหมือนเช่นภูผาที่ตั้งตระหง่านมั่นคง เมล็ดพันธุ์ของความรักที่ถูกหยั่งรากลึกมาเนิ่นนานถึงเวลาเติบโตอย่างงดงาม มันเบ่งบานและสวยสะพรั่งขึ้นกลางใจที่ผูกคล้องเข้าด้วยกัน
สายลมจางที่พัดยอดหญ้าจนเอนไหวเป็นเหมือนพยานรักที่แวะมายินดี กลีบใบไม้ที่ปลิดปลิวเสมือนเสียงดนตรีอันไพเราะที่เฉลิมฉลอง และเสียงร้องเบาๆ ของเจ้าช็อกโก้ที่แทนคำอวยพร
ว่ารักนี้จะสลักลึกเป็นนิรันดร์ .. ตราบเท่าลมหายใจนี้
ผืนนภาสีครามถูกย้อมด้วยแสงแดดยามเย็น หลากหลายเฉดสีกระจัดกระจายเต็มผืนผ้าใบราวกับภาพวาดที่ถูกละเลงด้วยพู่กัน ก้อนเมฆน้อยใหญ่ลอยล่องคล้ายขนมสายไหมที่แต่งแต้มด้วยสีชมพูพาสเทล
หลอดไฟดวงเล็กจิ๋วที่ถูกติดเอาไว้ตามต้นไม้และบ้านเรือนเริ่มส่องแสงสว่าง เสียงดนตรีบรรเลงแผ่วเบาดังแว่วมาตามลม กลิ่นหอมอบอวลของอาหารหลากหลายชนิดผสมเข้าด้วยกันกับกลิ่นหวานๆ ของเหล่าบุปผาที่ผลิบานในยามเย็น
แมรี่ถือจานใส่ไก่งวงอบออกมาจากโรงครัวของคนงาน ไม่ไกลจากอาคารไม้เปิดโล่งคือสวนเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังฟาร์มโคนม พื้นที่บริเวณนี้ส่วนใหญ่คนงานจะใช้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันหยุดหรือในวันพิเศษอย่างวันนี้
ร่างอวบของหัวหน้าแม่บ้านวางไก่งวงอบลงบนโต๊ะที่จัดเอาไว้ บริเวณโดยรอบประดับประดาไปด้วยหลอดไฟกะพริบสีเหลืองนวล แสงวิบวับของมันส่องกระทบลงบนริบบิ้นหลากสีที่ผูกอยู่บนกล่องของขวัญซึ่งวางรวมกันอยู่ใต้ต้นคริสต์มาส
เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยลูกหลานคนงานในปางที่วิ่งเล่นกันอยู่ดังแว่วไปทั่วสวน ที่ใต้ต้นเมเปิลแดงมีกลุ่มคนงานผู้ชายที่ยืนจับกลุ่มคุยกันพร้อมกับจิบไวน์ในแก้ว ส่วนพวกผู้หญิงก็ช่วยกันเตรียมอาหารให้กับสามีและลูกๆ ได้รับประทาน
“นั่นกล่องอะไรคะคุณแม่บ้าน” เสียงเอ่ยถามจากคนงานหญิงคนหนึ่งทำให้แมรี่เงยหน้าขึ้นมอง ฝ่ามืออวบละไปจากสิ่งที่ทำก่อนจะหันไปมองกล่องกระดาษสีน้ำตาลอ่อนที่วางอยู่ไม่ไกล
“ฉันก็ลืมไปเลย, นั่นคุกกี้กับพุดดิ้งน่ะ คุณแบคฮยอนทำมาให้พวกเรา”
“แม่นางใจดีมากเลยนะคะคุณแม่บ้าน”
“นั่นสิ ฉันดีใจจริงๆ ที่พ่อเลี้ยงมีคนดีๆ อย่างคุณเขาอยู่เคียงข้าง”
แมรี่คลี่ยิ้มบางด้วยหัวใจที่เป็นสุข สำหรับเธอที่เฝ้ามองทุกความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นบนผืนป่าแห่งนี้รู้สึกหมดห่วงเมื่อเห็นว่าเจ้านายทั้งสองมีความสุขเสียที รอยแตกหักและยับเยินที่เป็นแผลเป็นในหัวใจถูกความรักและกาลเวลาเจือจางในที่สุด
สายหมอกบางเบาของย่ำสนธยาลอยต่ำเหนือผิวน้ำในทะเลสาบ กลิ่นเย็นๆ ของหิมะบนเทือกเขาแอลป์พัดแผ่วแตะปลายจมูก เสียงหัวเราะและรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนใบหน้าของทุกคน เทศกาลแห่งความสุขได้เริ่มขึ้นในยามที่แสงตะวันใกล้จะลาลับ
ไม่ไกลจากงานเลี้ยงเล็กๆ ของคนงานในปาง เรือนกายสูงใหญ่ของพ่อเลี้ยงแห่งผืนป่าค่อยๆ ประคองร่างอวบกลมของภรรยาลงจากรถ แบคฮยอนที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากสามีคลี่ยิ้มบางให้คนตัวสูง ก่อนจะกดจูบลงบนปลายคางของอีกฝ่ายแทนคำขอบคุณ
“อย่าซนสิครับคุณแม่” ชานยอลเอ่ยเย้าคนที่ยั่วกันอย่างไม่รู้ตัว ความอดทนของเขาชักจะต่ำลงทุกวันเพราะร่างนุ่มนิ่มที่กกกอดอยู่ทุกคืน
“ผมไม่ได้ซนสักหน่อย”
“เด็กดื้อ”
ปลายนิ้วกร้านบีบจมูกเชิดรั้นเบาๆ อย่างมันเขี้ยว ก่อนที่ฝ่ามือหนาจะโอบเอวของภรรยาและพาเดินเข้าไปในสวน โดยที่มืออีกข้างถือกล่องของขวัญที่นำมาร่วมสนุกกับคนงานเอาไว้
บรรยากาศของงานเลี้ยงเล็กๆ เนื่องในวันคริสต์มาสเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความสุข เหล่าเด็กน้อยต่างก็ตื่นเต้นตาเป็นประกายตอนที่ได้จับฉลากแลกของขวัญ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมเด็กดื้อของป้าแมรี่ที่ลงไปนั่งบนพื้นรวมกับเด็กๆ เพื่อลุ้นของขวัญ
งานเลี้ยงยังคงดำเนินไปแต่ครอบครัวปาร์คและสัตวแพทย์ประจำฟาร์มขอปลีกตัวออกมาเพื่อฉลองวันคริสต์มาสกับครอบครัว แน่นอนว่าชานยอลจ้องเพื่อนสนิทตาขวางเพราะเหมือนจะมีคนไม่รู้ตัวว่าไม่ได้ใช้นามสกุลปาร์ค ทว่าคนถูกจ้องกลับทำเนียนเดินตามหลังคนรักเข้าไปในเรือนไม้หลังงาม
“ทำหน้าดุอีกแล้วครับ” แบคฮยอนที่เห็นทุกอย่างเอ่ยออกมายิ้มๆ ก่อนจะสอดแขนเข้าไปกอดท่อนแขนแกร่งพร้อมกับเอนหัวซบ
“ไม่ต้องมาอ้อนเพื่อช่วยมันเลย”
“อย่าใจร้ายกับคุณจงอินสิครับ”
“พี่แค่เป็นห่วงเซฮุน”
“คุณจงอินเป็นคนดี ที่สำคัญพี่ชานยอลรู้เรื่องนั้นดีที่สุด จริงไหมครับ”
ชานยอลทอดมองใบหน้าหวานที่ออดอ้อนอยู่ตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมาในที่สุด คำพูดของแบคฮยอนคือเรื่องจริงที่เขาไม่อาจปฏิเสธ แต่ถึงอย่างนั้นพี่ชายอย่างเขาก็อดเป็นห่วงน้องชายเพียงคนเดียวไม่ได้อยู่ดี
“ผมรู้ว่าพี่ชานยอลเป็นห่วงคุณเล็ก แต่คุณเล็กโตแล้วนะครับ มันถึงเวลาแล้วที่เราจะปล่อยให้เขาเรียนรู้โลกใบนี้ด้วยตัวเอง”
“พี่..”
“แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะทิ้งเขาไปไหนนี่ครับ เราสองคนจะอยู่กับเขาเสมอ”
ขอแค่เพียงหันกลับมา .. คุณจะเห็นว่าครอบครัวยังคงโอบกอดคุณจากข้างหลังเสมอ
“เข้าใจแล้วครับที่รัก” ชานยอลคลี่ยิ้มบางก่อนจะโน้มหน้าลงมาจุมพิตลงบนหน้าผากมน เสียงทุ้มต่ำกระซิบแผ่วขอบคุณผู้เป็นภรรยา ก่อนที่ทั้งคู่จะยิ้มให้กันและเดินเข้าไปในตัวเรือน
ที่โถงกลางเรือนซึ่งเพดานยกสูงเพื่อให้อากาศถ่ายเท แสงไฟวิบวับจากต้นคริสต์มาสตรงมุมห้องคือสิ่งที่สะดุดสายตาตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามา ชานยอลส่ายหัวอย่างอ่อนใจเพราะไม่คิดว่าต้นสนปลอมที่น้องชายตัวแสบอ้อนขอให้ซื้อจะต้นใหญ่ขนาดนี้ แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขบนใบหน้าของปาร์คคนเล็กก็ได้แต่เลยตามเลย
“สวยไหมครับพี่ใหญ่ เล็กเป็นคนตกแต่งเองเลยนะ~” เซฮุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมกับกางแขนโอบต้นคริสต์มาสให้พี่ชายดูอย่างตื่นเต้น
“เก่งมาก” ชานยอลที่ตามใจน้องมาตลอดเอ่ยชมจากใจจริง ก่อนจะเดินเข้าไปหาเด็กตัวสูงและลูบกลุ่มผมสีอ่อนแผ่วเบา
แบคฮยอนที่เห็นภาพนั้นคลี่ยิ้มบางก่อนจะค่อยๆ ผละออกไปจากตรงนั้นเพื่อไปเตรียมอาหารในครัว ซึ่งว่าที่คุณแม่ก็ได้พบกับสัตวแพทย์หนุ่มที่กำลังจัดเตรียมถ้วยชามและแก้วน้ำสำหรับงานฉลองเล็กๆ นี้
“แบคฮยอนจะเอาอะไรหรือเปล่า” เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งที่หันมาเห็นแม่นางของปางเอ่ยถามอย่างต้องการช่วยเหลือ ซึ่งแบคฮยอนก็ส่ายหัวเบาๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มบาง
“ผมเข้ามาเตรียมเครื่องดื่มน่ะครับ”
“อ่า”
“คุณจงอินยกอาหารไปที่โต๊ะก็ได้ครับ เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง” แบคฮยอนพยักเพยิดหน้าไปทางอาหารที่เตรียมเอาไว้แล้ว จงอินที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มรับก่อนจะทำตามที่อีกคนบอก
คล้อยหลังของคุณหมอหนุ่มที่ยกถาดไม้ออกไปจากครัว แบคฮยอนก็หันกลับมาเตรียมเครื่องดื่มซึ่งเป็นน้ำผลไม้หวานเย็นที่ไม่มีแอลกอฮอล์ มันคือน้ำแครนเบอร์รีผสมโซดา และเพิ่มกลิ่นหอมด้วยใบสดของโรสแมรี่
“ทำอะไรอยู่หืม” สัมผัสคุ้นเคยที่โอบกอดท้องกลมโตทำให้แบคฮยอนสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ามองคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เตรียมเครื่องดื่มน่ะครับ”
“เสร็จหรือยัง” เสียงทุ้มต่ำไม่เพียงเอ่ยถาม แต่กลีบปากหยักยังแต้มจูบลงบนแก้มใสให้คนถูกรังแกหัวเราะเบาๆ
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“งั้นก็ออกไปข้างนอกกันเถอะ”
แบคฮยอนพยักหน้ารับก่อนจะถูกท่อนแขนแกร่งประคองออกไปจากห้องครัว เหยือกแก้วที่ใส่น้ำแครนเบอร์รีเอาไว้ถูกวางลงบนโต๊ะ ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับจงอินและเซฮุนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
เสียงเพลงอะคูสติกดังขึ้นแผ่วเบาท่ามกลางสายลมเย็นที่หอบความหนาวเหน็บลงมาจากยอดเขา กล่องของขวัญสีแดงใต้ต้นคริสต์มาสส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับล้อไปกับแสงสีนวลจากหลอดไฟดวงเล็กจิ๋วที่ติดไว้ทั่วบ้าน กลิ่นหอมหวานของฟองดูว์ชีสกับพุดดิ้งช็อกโกแลตอบอวลหอมละมุน ที่หน้าเตาผิงซึ่งให้ความอบอุ่นในค่ำคืนที่หนาวเหน็บมีมาร์ชเมลโล่ที่กำลังถูกโลมเลียด้วยเปลวเพลิง
เสียงเพลงคลาสสิกสำหรับเทศกาลคริสต์มาสอย่างเพลง Santa Claus is coming to town ที่ดังขึ้นทำให้ปาร์คคนเล็กลุกขึ้นยืนก่อนจะหมุนตัวไปมาราวกับเด็กๆ ที่ขึ้นแสดงบนเวทีในงานโรงเรียน เสียงทุ้มนุ่มที่เพี้ยนไปจากทำนองร้องคลอไปตามเพลงเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากผู้ใหญ่ทั้งสามคน
ทำนองคุ้นหูในความทรงจำยังคงดังคลอไปกับบรรยากาศที่แสนอบอุ่น เสียงพูดคุยและรอยยิ้มไม่เคยเลือนหายไปจากใบหน้าของทุกคน เป็นภาพความสุขของครอบครัวเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรักและความหวังดีต่อกัน
“ถึงเวลาอ่านการ์ดอวยพรแล้ว” เซฮุนที่เพิ่งวางช้อนจากพุดดิ้งช็อกโกแลตเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น มันเป็นธรรมเนียมในวันคริสต์มาสที่สองพี่น้องทำมาทุกปี
และปีนี้พิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมาเพราะครอบครัวของพวกเขามีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกตั้งสามคน
“เล็กอ่านของเล็กก่อนเลยนะ” คนที่เด็กสุดในนี้เอ่ยเสียงใสพร้อมกับเปิดการ์ดอวยพรที่ทำเองกับมือ ก่อนที่เสียงทุ้มนุ่มจะกระแอมเบาๆ และเอ่ยขึ้น
“คริสต์มาสปีนี้เป็นอีกปีที่มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น แต่เล็กขอเลือกจำแต่เรื่องราวดีๆ ที่ทำให้เล็กมีความสุข ขอให้พี่ใหญ่ แบคฮยอน และแมรี่สุขภาพแข็งแรง มีความสุขมากๆ ขอให้คิม จงอิน เอ่อ น่ารักและใจดีกับเล็กตลอดไป และขอบคุณซานตาคลอสที่ปีนี้มอบของขวัญที่มีค่าที่สุดให้กับเล็ก” นัยน์ตาเรียวคมช้อนมองทุกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า “คือทุกคนที่ยังอยู่กับเล็ก และหลานตัวน้อยๆ ที่กำลังจะเกิดมา”
ทุกคำพูดที่เซฮุนเอ่ยออกมาทำให้แบคฮยอนน้ำตาไหลอย่างตื้นตันใจ ไม่ต่างอะไรกับชานยอลและจงอินที่แม้ไม่มีน้ำตาแต่แววตากลับเต็มไปด้วยความรักและภูมิใจที่เห็นว่าเด็กน้อยของพวกเขาเติบโตอย่างงดงาม เด็กน้อยในอดีตที่หวาดกลัวการสูญเสียคนนั้นเข้มแข็งมากแล้วในวันนี้
หลังจากนั้นชานยอล แบคฮยอน และจงอินก็เริ่มอ่านการ์ดอวยพรของตนให้ทุกคนฟัง เนื้อความในการ์ดไม่ได้มีอะไรพิเศษนอกจากความห่วงใยและความหวังดีกับบุคคลอันเป็นที่รัก ก่อนที่จะถึงเวลามอบของขวัญที่ต่างฝ่ายต่างเตรียมเอาไว้ให้กันและกัน
ชานยอลเป็นคนแรกที่ยื่นกล่องของขวัญให้น้องชายตัวแสบและเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ ของจงอินเป็นไวน์ราคาแพงที่หมักบ่มมานานนับสิบปี ของเซฮุนเป็นนาฬิกาเรือนหรูที่เจ้าตัวอ้อนขอมานานซึ่งเด็กซนก็แทบจะกระโดดจนตัวลอยหลังจากที่เห็นของขวัญ
ส่วนของแบคฮยอนพ่อเลี้ยงหนุ่มกระซิบบอกว่าจะมอบให้ทีหลังในตอนที่อยู่กันแค่สองคน
“อันนี้ของฉัน” จงอินเลื่อนกล่องของขวัญไปให้เพื่อนตัวสูงและภรรยา ซึ่งในนั้นคือชุดเสื้อผ้าและอุปกรณ์ของเด็กอ่อนซึ่งมีครบเซตและเป็นของแบรนด์ชื่อดัง
“แล้วของฉันล่ะ” คุณเล็กของป้าแมรี่ที่ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะให้ของขวัญเอ่ยท้วงด้วยน้ำเสียงงอแง ซึ่งจงอินก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะลุกออกไปจากโต๊ะ
หลังจากที่ลุกออกไปไม่นานสัตวแพทย์หนุ่มก็กลับมาพร้อมกับของขวัญในมือ ใบหน้าคมประดับไว้ด้วยรอยยิ้มขี้เล่นในตอนที่ยื่นมันมาตรงหน้าคนเด็กกว่า และนั่นทำให้เซฮุนเบิกตากว้างก่อนจะรีบเอื้อมมือไปรับทันที
“ผมเห็นว่ามันทั้งซนและร่าเริงเหมือนกับคุณหนู”
“ขอบคุณนะ น่ารักมาก~”
เสียงใสเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้นก่อนจะก้มลงจูบบนกลุ่มขนสีดำสลับเทาขาว ของขวัญที่จงอินมอบให้คนรักคือลูกสุนัขเพศผู้พันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ตัวอ้วนกลมในวัยหนึ่งเดือน
“ตั้งชื่อให้มันด้วยนะครับคุณหนู”
“อื้ม~” เสียงใสที่ตอบรับอย่างอารมณ์ดีทำให้จงอินลูบฝ่ามือลงบนกลุ่มผมสีอ่อนอย่างเอ็นดู ก่อนจะผละออกไปเพราะเสียงกระแอมที่ดังขึ้นจากคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
แบคฮยอนที่เห็นอาการหวงน้องของสามีหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะมอบของขวัญที่เตรียมเอาไว้ให้กับทุกคน “อันนี้เป็นของขวัญจากผมครับ”
กล่องแรกเป็นของเซฮุนซึ่งเจ้าตัวก็รีบรับไปแกะเปิดเพราะอยากรู้ว่าพี่สะใภ้คนโปรดจะให้อะไร และทันทีที่เห็นของขวัญภายในกล่องเด็กตัวสูงก็ลุกจากเก้าอี้และเดินเข้ามากอดแบคฮยอนอย่างขอบคุณ
“แบคถักเองใช่ไหม เล็กชอบมากเลยครับ” ในมือเรียวมีผ้าพันคอไหมพรมสีฟ้าอ่อนผืนใหญ่ถือเอาไว้ ส่วนอีกข้างคือสโนว์บอลที่มาพร้อมกล่องดนตรี
“ใช่ครับ, ของคุณจงอินเป็นถุงมือกันหนาวน่ะครับ” เอ่ยตอบเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายก่อนจะหันไปบอกคุณหมอที่กำลังแกะกล่องของขวัญ ซึ่งจงอินก็เอ่ยขอบคุณพร้อมกับลองสวมถุงมือสีน้ำเงินเข้มที่ถูกถักขึ้นอย่างประณีต
“อันนี้ของพี่ชานยอลครับ”
แบคฮยอนยื่นกล่องของขวัญเรียบๆ ให้คนที่นั่งอยู่ข้างกาย รอยยิ้มหวานประดับอยู่บนใบหน้าเช่นเดียวกับแววตาที่ทอดมองใบหน้าคมด้วยความรู้สึกรัก
“ขอบคุณครับคนดี” ชานยอลรับกล่องของขวัญจากภรรยาก่อนจะกดจูบลงบนขมับบางอย่างอ่อนโยน ซึ่งการกระทำนั้นก็ทำให้จงอินและเซฮุนหันมองหน้ากันก่อนจะต่างฝ่ายต่างหน้าแดงและหลบสายตากัน
ชานยอลค่อยๆ แกะกล่องของขวัญก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นสเวตเตอร์ไหมพรมสีขาวที่วางอยู่ด้านใน แม้จะเป็นของขวัญที่ไม่ได้มีราคาอะไรแต่มันมีคุณค่าทางจิตใจอย่างมากมายเหลือเกิน
“พี่ชานยอลชอบไหมครับ”
“ชอบมากๆ เลยครับ”
ไออุ่นของความรักหวานละมุนและโอบล้อมอยู่รอบกายพวกเขา เกล็ดหิมะสีขาวบริสุทธิ์ค่อยๆ โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าที่เต็มไปด้วยกระจุกดาว สีสันของแสงไฟในคืนวันคริสต์มาสส่องเป็นประกายระยับระยับ
และใครเล่าจะรู้ว่าในคืนวันคริสต์มาสอีฟที่ผ่านมา อาจจะมีคุณตาพุงพลุ้ยที่ชื่อว่าซานตาคลอสปีนปล่องไฟลงมา และหย่อนกล่องของขวัญลงในถุงเท้าที่แขวนเอาไว้หน้าเตาผิงให้กับพวกเขา
tbc.
ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะทุกคน ด้วยรักและเป็นห่วง
คิดถึงเสมอ :)
#ซคกด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไรท์มาต่อไวๆนะค้าบบบ //นั่งรอ
ㅠ ㅠ อบอุ่นมากกกๆๆ
/ไรท์ก็ดูแลสุขภาพเช่นกันนะคะ