ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

    ลำดับตอนที่ #72 : ข้อสังเกตอีกอย่างที่สำคัญ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.16K
      0
      23 ก.ค. 48





                             เขียนวันที่ 23 ก.ค. 48                                     หนัก 72.8 กก.





                             ไม่ได้เขียนรายงานให้ทราบมาประมาณ 1 อาทิตย์พอดีนะครับ 1 อาทิตย์ผ่านไปน้ำหนักของผมก็ลดลงไปอีก 2 กก. โดยประมาณ ก็ถือว่าน่าพอใจครับ ที่ไม่ได้เขียนซะนานเพราะต้องการสังเกตอะไรบางอย่าง เพราะประมาณวันที่ 18 ที่ผ่านมาผมมีความรู้สึกอยากคาร์โบไฮเดรตและอาหารระหว่างมื้อครับ น่าแปลกที่ไม่เคยอยากอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ความอยากแบบนี้มาชัดเจนจริงๆในวันที่ 20 ก.ค. 48 ที่ผ่านมา วันนั้นตอนเช้าผมทานก๋วยเตี๋ยวเรือไป 2 ชามครับ ชามละ 15 บาท ไม่เยอะเท่าไหร่ ส่วนมื้อเที่ยงแทนที่จะทานสลัด ผมดันอยากข้าวขึ้นมามากกว่าปกติ ก็เลยสั่งผัดผักรวมมิตรกับข้าวเปล่า 1 จาน พอตกเย็นก็เลยสั่งข้าวอบไหมแก้วมาทาน 1 จาน สรุปว่าทานข้าวทั้ง 3 มื้อเลยครับ แล้วก็ได้เดินออกกำลังกายนิดหน่อย ตอนแรกทำใจไว้แล้วครับว่า ยังไงๆน้ำหนักก็ต้องขึ้น แต่ก็ไม่ยักจะขึ้นแฮะ ก็เลยรอดตัวไป



                             วันนั้นนอกจากอยากข้าวแล้ว ผมยังกินอาหารระหว่างมื้อเข้าไปด้วย กินไอติมบัทซ์ไป 1 ถ้วย และขนมปังสับปะรด คนแถวที่ทำงานยังแปลกใจเลย เพราะผมไม่เคยทานอะไรแบบนี้ให้เขาเห็นมานาน วันที่ 21 ก.ค. 48 มื้อเช้า 2 มื้อก็ยังทานสลัดน้ำฟักทองได้ ส่วนตอนเย็นก็เข้าไปทานข้าวหมูอบครับ โชคดีที่ยังมีเวลาไปเดินออกกำลังกาย วันที่ 22 ก.ค. 48 ผมพักผ่อนอยู่บ้าน แม่ผมก็เตรียมอาหารให้ ตอนเช้าแม่ผมเตรียมสลัดน้ำฟักทองกับเต้าหู้นึ่งให้ พอตกเที่ยง แม่ผมเตรียมเกาเหลาโฟให้ แต่ผมยืนยันว่ามื้อนี้ต้องเป็นเส้นหมี่โฟครับ แม่ก็เตรียมให้ ส่วนตกเย็นแม่ผมเตรียมเกาเหลาโฟกับผักต้มไว้ให้ ผมก็ยืนยันอีกว่า ขอข้าวด้วย ท่านก็ตามใจ แต่ให้กินแค่ครึ่งถุง ผมก็โอเค แม่ผมก็แปลกใจเหมือนกัน เพราะทุกครั้งตอนเย็นผมจะไม่แตะข้าวเลย



                             แล้วเมื่อวานทั้งวัน ผมอยากทานอาหารระหว่างมื้อมาก อาจเป็นได้ว่าอยู่บ้านทั้งวัน ผมกินถั่วต้ม แตงโม ส้มโอ และฝรั่งเป็นอาหารระหว่างมื้อ แล้วก็ออกกำลังกายช่วงเย็นพอประมาณ จะเน้นเต้นไปเต้นมาครับ เมื่อเช้าผมก็ทานข้าวมันไก่พิเศษ ช่วงกลางวันเป็นสลัดไก่ แล้วก็แอบทานขนมปังสับปะรดเป็นระยะ พอทานได้ 5 ชิ้นก็ต้องไปเอาน้ำเปล่ามาดื่มแล้วครับ ดื่มหมดไป 2 ขวดก็รู้สึกดีขึ้น ถ้าไม่ทำอย่างนั้นคงกินไปเรื่อยๆแบบหยุดไม่ได้ พอช่วงเย็นก็เดินออกกำลังกายประมาณ 40 นาที แล้วก็มานั่งพิมพ์อยู่ตรงนี้ครับ



                             สรุปว่าผมมีอาการอยากแป้งกับอาหารระหว่างมื้อประมาณวันที่ 170 ของการเข้าโปรแกรม อยากมาแล้วประมาณ 4 วัน แต่ก็ยังควบคุมมันได้ กินสิ่งที่อยากบ้างแต่พยายามบริหารจัดการไม่ให้มามีผลต่อโปรแกรมมากนัก วิธีแก้ปัญหาคือต้องกินตามที่อยากบ้างตามสมควร แต่ต้องมีสติและพยายามควบคุมไม่ให้มันมากเกินไป ผมนึกถึงคำพูดของเพื่อนคนหนึ่งว่า ถ้าจะให้ปลอดภัยจริงๆต้องให้พ้น 6 เดือนไปก่อน สำหรับผมวันที่ 31 ก.ค. 48 นี้ก็จะครบ 6 เดือนแล้ว ผมก็นึกไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในช่วงนี้ แต่ผมตั้งสมมติฐานไว้ว่า คนที่เกิดโยโย่ในช่วงนี้น่าจะมีสาเหตุมาจากอะไร



                             ถ้าเกิดอยากคาร์โบไฮเดรตและอาหารระหว่างมื้อ คนส่วนใหญ่ที่ลดน้ำหนักมาได้ประมาณผมน่าที่จะมีความรู้สึกคล้ายๆกันคือ มาอีกแล้วเหรอวะ นึกว่าจะพ้นไปแล้ว และก็อาจตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่งใน 2 วิธีนี้คือ



    1. กินตามใจอยาก ถ้าทำแบบนี้ล่ะก็อาจกลับมากินเหมือนเดิมได้ไม่ยาก และน้ำหนักก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้น

    2. ตกใจเลยพยายามจะหักห้ามทุกวิถีทาง แต่ยิ่งหักห้ามเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีความอยากแรงมากขึ้นเท่านั้น มิน่าล่ะหลายคนจึงเรียกมันว่าเด้งกลับ และอาจเจอกับการเด้งกลับขนานใหญ่



                             ส่วนผม ผมตัดสินใจที่จะกินอะไรที่อยากเข้าไปบ้าง สลับกับอาหารแคลอรี่ต่ำเท่าที่จะนึกออกหรือหาได้ ผมว่าการแก้ปัญหาตรงนี้ค่อนข้างสำคัญเหมือนกัน หลายคนอาจสงสัยว่าผมเอากำลังใจในการแก้ปัญหามาจากไหน จริงๆแล้วผมก็เอามาจากสถิติที่ผมจดเอาไว้ไงครับ



                              ที่ผ่านมาตั้งแต่วันแรก ผมจะอยากดังต่อไปนี้



    วันที่ 11 ของการเข้าโปรแกรม   อยากเบเกอรี่



    วันที่ 21 ของการเข้าโปรแกรม   อยากข้าวมันไก่



    วันที่ 55 ของการเข้าโปรแกรม   อยากกินมาม่าจานนึง 4 ห่อ



    วันที่ 100 ของการเข้าโปรแกรม   อยากกินอะไรก็ได้ในปริมาณมากๆๆๆๆ



    วันที่ 170 ของการเข้าโปรแกรม   อยากกินพวกแป้ง ข้าวและอาหารระหว่างมื้อมากๆๆๆ



    ความอยากของทั้ง 5 วัน เกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมเคยชินทั้งสิ้น



    วันที่ 11 21 และ 55 เป็นความอยากแบบมีทิศทางที่เกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมเคยชิน



    วันที่ 100 และ 170 เป็นความอยากอาหารในปริมาณมากที่เกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมเคยชิน



    ทั้งหมดนี้ไม่มีความอยากประเภท ความอยากแบบมีทิศทางและไม่เกี่ยวเนื่องกับพฤตกรรมเคยชินเลย เช่น เห็นอาหารก็อยากขึ้นมาบ้างเป็นพักๆ และสามารถหักห้ามได้ง่าย หรือกินบ้างนิดๆหน่อยๆแบบคุมได้



    ถ้าสังเกตจากข้อมูลที่มีอยู่ ถ้าจะดูระยะห่างระหว่างวันที่อยากในวันนั้นกับวันที่อยากก่อนหน้านั้นว่าห่างกันประมาณเท่าไหร่



    ครั้งที่   1    21-11     =10 วัน



    ครั้งที่   2    55-21     =34 วัน



    ครั้งที่   3    100-55   =45 วัน



    ครั้งที่   4    170-100  =70 วัน



    ถ้าดูจากจำนวนวันแล้วก็ชื่นใจหน่อยเพราะมันจะค่อยๆห่างมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งน่าจะถือว่าเป็นความก้าวหน้าในระดับหนึ่งได้ แต่ถ้าผมเกิดเข้าใจผิดคิดว่า ความอยากที่เกิดขึ้นในวันที่ 170 เป็นความอยากประเภทที่ตีความว่าผมถอยหลัง ผมอาจจะเก็บกดมันไว้ แล้วกินแต่อาหารแคลอรี่ต่ำมากๆ ทำอย่างนั้นได้ไม่นานผมต้องตบะแตกแน่ๆ แล้วหันมากินแบบให้หายอยากกันไปเลย  ผมเลยนึกถึงคำพูดเพื่อนว่า เขาเห็นคนบางคนที่ลดน้ำหนักมาได้ดี ผ่าน 5 เดือนมาแล้ว แต่พอใกล้จะครบ 6 เดือนนี่สิ กลับมากินยิ่งกว่าเก่าอีก กินจนหยุดไม่ได้ แล้วสุดท้ายก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เพื่อนผมคนนี้เขาจะบอกผมมาตลอดว่า ถ้าจะให้แน่จริงต้องให้ผ่าน 6 เดือนไปก่อน



    เพื่อนผมคนนี้เป็นคนที่ไม่เคยอ้วนมาก่อนเลยพอหนักเกิน 75 เขาก็จะประคับประคองตัวเองอยู่ตลอดครับ ไม่ให้หนักไปกว่านั้น และเขาก็ทำได้ดี แต่เขาก็ชอบเก็บข้อมูลเหล่านี้ ข้อมูลที่เขามีอยู่คือต้องผ่าน 6 เดือนไปแล้วถึงจะรับประกันได้ คำเตือนของเขานั้นดีทีเดียวเพราะทำให้ผมไม่ประมาท ถ้าดูจากสถิติระยะห่าง 4 ครั้งนั้น ถ้าสิ่งที่ผมเก็บข้อมูลและตั้งสมมติฐานไว้เป็นจริง ผมจะต้องเผชิญความอยากอะไรพวกนี้อีกในอีกประมาณ 80 วันข้างหน้า ซึ่งถือว่าเป็นวันที่ 250 ในโปรแกรม ซึ่งจะตรงกับวันที่ 8 ต.ค. 48 อันนี้ถือเป็นการทำนายครั้งแรกของผมในช่วง 173 วันของการเข้าโปรแกรม ที่กล้าทำนายเพราะมันเริ่มเห็นข้อมูลอะไรบางอย่างแล้วครับ



    เรามาสรุปกันอีกครั้งดีกว่าครับว่าแต่ละครั้งผมแก้ปัญหาอย่างไร



    วันที่ 11 หักห้ามไม่กินเบเกอรี่ สักพักความอยากก็หายไป



    วันที่ 21 กินข้าวมันไก่ไป 1 จาน ความอยากหายไป



    วันที่ 55 หักห้ามไม่กินมาม่าเพราะเป็นมื้อดึก สักพักความอยากหายไป



    วันที่ 100 ช่วงนั้นผมประคับประคองโดยการกินอาหารมากขึ้นนิดนึง แล้วออกกำลังกายเบาลงหน่อยเพราะกลัวจะกระตุ้นให้เกิดความหิวครั้งมโหฬาร ถ้าจำไม่ผิดผมประคองตัวอยู่ตอนที่หนัก 77 กก. ตอนนั้นรู้สึกว่าจะฉลองการลดลงไปครบ 30 กก. พอดี



    วันที่ 170 ผมแก้ปัญหาด้วยการกินอาหารระหว่างมื้อแต่ส่วนมากจะกินอาหารพลังงานต่ำ เช่น ผลไม้ และถั่วต้ม กินอาหารพลังงานสูงบ้างแต่น้อย ส่วนอาหารมื้อหลักมีการเพิ่มคาร์โบไฮเดรตบ้างตามความอยากอาหารนั้น แต่ไม่ทำให้เป็นภาระแก่ตนเอง เช่น เปลี่ยนจากการกินสลัดมากินข้าวเปล่า 1 จานกับผัดผักรวมมิตร หรือเปลี่ยนจากการกินเกาเหลาโฟ มากินเกาเหลากับข้าวเปล่าประมาณครึ่งจานในมื้อเย็น สถานการณ์ยังปรกติ การแก้ปัญหาทุกอย่างยังโอเค วันนี้หนัก 72.8 กก. ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ หลังจากพิมพ์บทความชิ้นนี้เสร็จแล้ว ผมคงเดินต่ออีกประมาณ 1.5 ชั่วโมง แล้วกินอาหารเย็น เย็นนี้ยังนึกไม่ออกว่าจะกินอะไร



    และนี่คือความรู้ที่ได้ในวันนี้ครับผม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×