ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิทยานิพนธ์ดาร์คแลนด์

    ลำดับตอนที่ #16 : ---คณะแพทย์ศาสตร์---ปริญญาโท

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 57



    ---คณะแพทย์ศาสตร์---

    ระดับปริญญาโท

    เรื่อง 
    อาหารดีมีประโยชน์ที่ชาวดาร์คควรกิน




    นำเสนอ
    ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์แพทรา เวชยา

    มหาวิทยาลัยดาร์คแลนด์

    ........................................................................................................................


    ข้อมูลผู้จัดทำ






    ............................................................................................................




    บทที่1

     
    ศึกษาในหัวข้อ  อาหารดีมีประโยชน์ที่ชาวดาร์คควรกิน

    ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
      ข้าพเจ้าได้สังเกตจากประชาชนที่อยู่ภายในดาร์คแลนด์ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน หอพัก บ้านในหมู่บ้านต่างๆ พบว่า อาหารที่ชาวดาร์คกินนั้นส่วนใหญ่เป็น "ของหวาน" ชาวดาร์คมักจะนำของหวานมาฝากเพื่อน ญาติสนิทมิตรสหาย คนในครอบครัว 

       ของหวานเหล่านั้นเป็นของหวานที่ประกอบด้วยน้ำตาลเป็นส่วนประกอบสูง ถึงแม้ว่าจะมีผลไม้ก็ตาม ดังนั้น ควรเปลี่ยนจากของหวานเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งประกอบด้วยพืชผักผลไม้เป็นของฝากกันดีกว่า

    วัตถุประสงค์ในการวิจัย
    1.เพื่อศึกษาอาหารที่มีประโยชน์
    2.เป็นแนวทางในการรับประทานอาหารที่ดี ถูกสุขลักษณะ และปลอดภัย

    ขอบเขตการวิจัย
    1.ศึกษาที่โรงเรียนดาร์คแลนด์
    2.
    ตามแคว้น หมู่บ้านที่พบเห็นบ่อยๆ

    3.ระยะเวลา1วัน(1วันพอ ทำวันละเรื่อง55555555+//อีกและ)

    ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
    1.เป็นประโยชน์ให้กับพวกเด็กๆที่ไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้
    2.เป็นตัวอย่างที่ดี


    เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
    1.
    โรงเรียน
    ดาร์คแลนด์
    2.10อาหารขยะที่อันตรายที่สุดในโลก
    3.อาหาร5หมู่
    4.ผัีกทอด
    5.ส้มตำปูปลาร้า
    6.สูตรน้ำผลไม้ปั่น



     
    ....................................................


    บทที่2

    ตอนที่1
       สำรวจ 

       ข้าพเจ้าได้ไปสำรวจที่โรงเรียนศาสตร์มืดดาร์คแลนด์ พบว่า ส่วนใหญ่นักเรียนที่นำของฝากมามีแต่ขนมหวาน ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆมาได้ง่ายๆ เช่น โรคอ้วน เบาหวาน โคเรสโตรอลในเส้นเลือด ที่เกิดจากการกินของหวานมากเกินไป 

    ตัวอย่าง






    //แอบไปเก็บภาพมา อิอิ

    ปล.ข้าก็เคยให้ขนมหวานนะ แต่ไม่บ่อยเพราะไม่ค่อยสิงอยู่ในหอพัก เลยไม่ได้กิน=w=


    ตอนที่2
    อาหารที่อันตราย

    วันนี้ข้าขอเสนอ 10อาหารขยะที่อันตรายที่สุดในโลกก!!
    มีอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ มันน่าสนใจแน่นอน! ไปดูกันเล้ยย>w<


    1.แฮมเบอเกอร์

     

         แฮมเบอร์เกอร์ทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก หูและส่วนอื่นๆของมัน เพราะว่าเบอร์เกอร์ทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef)แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่สารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น และท้ายที่สุดก็ทำให้ท่านอ้วนขึ้นด้วย  อุตสาหกรรมปศุสัตว์ เป็นผู้ใช้ยาปฏิชีวนะมากที่สุดในโลก เพื่อใช้ในการหักล้างแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในเนื้อ

     

    2.ฮอทด็อก

     


    ฮอทด็อกทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก สันจมูก หู เล็บและส่วนอื่นๆของมัน เพราะว่าฮอทด็อกทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef) หรือ ทำจากไก่งวงแท้ 100%

     

    3.เฟรนช์ฟราย

     

    เป็นอาหารที่มี “ความเป็นพิษสูง”การทอดเฟร้นช์ฟราย จะทอดกันที่อุณหภูมิสูง ทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์(Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท

     

    4.โอริโอ้ คุกกี้

     

    ที่เด่นชัดมากก็คือ ส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว  
    ช็อกโกเล็ตนั้นเป็นสารอาหารรายการสุดท้าย นั่นหมายความว่า มีช็อคโกเล็ตประกอบอยู่น้อยมาก 
    น้ำตาลปริมาณสูง ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น

     

    5.พิซซ่า

     

    พิซซ่าในเชิงทางการค้าจะประกอบไปด้วยอาหารที่มาจากการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม 5 ชนิด 
    -. เนยแท้ (cheese) เพียง 10% เท่านั้น 
    -. แป้งที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้ว แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตามจำนวนโมเลกุลที่มันเคยมีอยู่เข้าไปใหม่
    -ซอสมะเขือเทศ ทำด้วยสารที่คล้ายมะเขือเทศที่สร้างยาฆ่าแมลงของมันขึ้นมาได้เอง ในร่างกายของท่าน 
    -แป้งสาลีที่นำมาใช้เป็นแป้งชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม 
    -มีน้ำมันฝ้ายประกอบอยู่ด้วย ฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้

     

    6.น้ำอัดลม

     


    สารตัวสำคัญที่มีอยู่ในโค้กก็คือกรดกำมะถัน (Phosphoric acid) ในด้านความเป็นกรดด่าง มันมีความเป็นกรดอยู่สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วันกรดที่สะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้

     

    7.ชิ้นไก่เนี้อนุ่มไม่มีกระดูก

     

    ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว น้อยมากที่จะทำมาจากเนื้อขาวจริงๆการรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไป จะให้พลังงาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมันมีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง มีการเติมสารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะ


    8.ไอศครีม

     

    มีไขมันอยู่สูงมาก (ขนาดปกติ 4 ออนซ์) มีไขมันเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีคาร์โบไฮเดรตอยู่มาก เกือบ 40% ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีน้ำตาลอยู่มาก ทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น


    9.โดนัท

     

    โดยเฉลี่ยแล้ว จะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ ในโดนัทหนึ่งชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน  มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ 
     


     
    10.โปเตโต้ชิพ อาหารขบเคี้ยว 

    การทอดโปเตโต้ชิพจะทอดกันที่อุณหภูมิสูงทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์ (Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท  กินมันฝรั่งทอดเพียงวันละ 1 ถุง เท่ากับซดน้ำมันพืชปีละ 5 ลิตร


    เป็นอย่างไรบ้าง พออ่านแล้ว รู้สึกว่าเรากินของพวกนี้ไปเยอะจนไม่รู้ตัวแล้วว งั้นวันหลังเลิกกินๆ= =" 



    ตอนที่3
    อาหารหลัก5หมู่


    มื่อพูดถึงอาหาร 5 หมู่เราต่างก็รู้ว่ามีความจำเป็นต่อการเลือกรับประทานอาหารในทุกๆวัน แต่เชื่อเถอะว่าหลายคนยังจำหรือแยกไม่ได้ท่องได้ไม่ครบ 5 หมู่ หรือคืนครูไปหมดแล้ว วันนี้ทางเราจึงได้ทำการพูดถึงเรื่องอาหาร 5 หมู่สักหน่อย ว่ามีอะไรบ้างและมีประโยชน์อย่างไร ไปดูกันเลย

    1.โปรตีน เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว โปรตีน ถือว่าเป็นธาตุอาหารที่สำคัญที่สุดในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ โปรตีน เป็นสารอินทรีย์ ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ของ สายยาวของกรดอะมิโน (amino acid) ในแง่โภชนาการ โปรตีนเป็นสารอาหาร ที่ให้พลังงาน โปรตีน 1 กรัมให้พลังงาน 4 แคลอรี (calorie) โปรตีนเป็นส่วนประกอบของร่างกาย ที่มีปริมาณมากเป็นอันดับสองรองจากน้ำ โดยเป็นส่วนประกอบพื้นฐานของเซลสิ่งมีชีวิต เช่น เอนไซม์ (enzyme) ฮอร์โมน ซึ่งจำเป็นต่อการทำงาน และการดำรงชีวิต มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการเสริมสร้างเนื้อเยื่อส่วนที่สึกหรอของสัตว์

    ประโยชน์ของโปรตีน : ช่วนในการเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างกระดูก กล้ามเนื้อ น้ำย่อย ฮอร์โมน
    - ประโยชน์ต่อเซลล์ผิว มีหน้าที่สร้างใยคลอลาเจนใต้ชั้นผิวหนังในร่างกาย ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น และช่วยเชื่อมประสานแต่ละเซลล์ให้ยืดติดกันเป็นเนื้อเดียว ทั้งช่วยปกป้องริ้วรอยก่อนวัยได้ และยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเซลล์ผมและเล็บของเราอีกด้วย
    - ประโยชน์ต่อระบบกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อทุกมัดมีโครงสร้างพื้นฐานจากกรดอะมิโนหลากหลายชนิดเรียงร้อยกันเป็นมัดกล้าม ดังนั้นโปรตีนคุณภาพจึงมีความสำคัญในการสร้ามเนื้อให้แข็งแรง
    - ประโยชน์ต่อการฟื้นตัวของร่างกายและระบบภูมิต้านทาน โปรตีนคุณภาพมีส่วนช่วยในการทดแทนเซลล์ที่สูญเสียไปในแต่ละวัน ช่วยลดกลไกการแข็งตัวของเลือด รวมทั้งเป็นส่วนประกอบหลักของภูมิคุ้มกันในร่างกายด้วย
    - ประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร เนื่องจากอาหารที่เราทานเข้าไป ต้องใช้เอนไซม์หลายชนิด รวมถึงสารคัดหลั่งจากกระเพาะอาหาร ตับอ่อน และลำไส้เล็ก เพื่อช่วยแปรเปลี่ยนอาหารให้มีหน่วยเล็กลงและสามารถดูดซึมได้ง่าย หากร่างกายได้รับโปรตีนคุณภาพซึ่งเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ในปริมาณที่เพียงพอ ก็จะช่วยให้อาหารต่างๆ ถูกย่อยและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    อาหารหลัก 5 หมู่ โปรตีน

    ตัวอย่างอาหารที่ให้โปรตีน
    พืชสังเคราะห์โปรตีนได้จากไนโตรเจน ส่วนคนและสัตว์ชั้นสูงอาศัยกรดอะมิโนที่ได้รับจากอาหาร แหล่งอาหารโปรตีนที่สำคัญของมนุษย์และสัตว์ ได้แก่ เนื้อสัตว์ (meat) นม (milk) ไข่ (egg) ถั่ว (legume) เช่น ถั่วเหลือง เมล็ดธัญพืช (cereal grain) นอกจากนี้ จุลินทรีย์ เช่น ยีสต์ สาหร่าย เห็ดหนอน แมลงที่กินได้ก็เป็นแหล่งของโปรตีนที่ดี

    2.คาร์โบไฮเดรต ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน คาร์โบไฮเดรต (carbohydrate) คือ สารประกอบอินทรีย์ เป็นสารอาหารที่เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของมนุษย์ คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงานเท่ากับ 4 แคลอรี (calorie)

    อาหารหลัก 5 หมู่ คาร์โบไฮเดรต

    ประโยชน์ของคาร์โบไฮเดรต
    - ให้พลังงานและความร้อน  (  1  กรัม  ให้พลังงาน 4 แคลอรี่ )
    - ช่วยสงวนโปรตีนให้ร่างกายนำไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์มากที่สุด
    - คาร์โบไฮเดรตที่เหลือใช้   เปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกายได้

    ตัวอย่างอาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรต
    ได้แก่ เมล็ดธัญพืชแป้ง สตาร์ซ น้ำตาลข้าว ขนมปัง ข้าว

    3.เกลือแร่หรือแร่ธาตุ เป็นสารอาหารอีกประเภทหนึ่งที่ร่างกายต้องการและขาดไม่ได้เพราะแร่ธาตุบางชนิดเป็นส่วนประกอบของอวัยวะและกล้ามเนื้อบางอย่าง  เช่น  กระดูก  ฟัน  เลือด  บางชนิดเป็นส่วนของสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน  เฮโมโกลบิน  เอนไซม์  เป็นต้น  นอกจากนี้แร่ธาตุยังช่วยในการควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายให้ทำหน้าที่ปกติ  เช่น  ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท  การแข็งตัวของเลือด  และช่วยควบคุมสมดุลของน้ำในการไหลเวียนของของเหลวในร่างกาย

    อาหารหลัก 5 หมู่ เกลือแร่

    ประโยชน์ของแร่ธาตุ
    ช่วยในเรื่อง ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ฟัน ช่วยทำให้ผิวพรรณสดใส ช่วยให้ระบบการย่อย และการขับถ่ายเป็นปกติ
    ตัวอย่างอาหารที่ให้แร่ธาตุ
    พืช ผัก ชนิดต่างๆ

    4.วิตามิน เป็นสารอาหารที่ร่างกายของเราต้องการในปริมาณน้อย แต่ก็ไม่สามารถขาดได้ ถ้าขาดจะทำให้ระบบร่างกายของเราผิดปกติ หรือเกิดโรคต่างๆได้ วิตามินแบ่งออกเป็น 2 พวก ได้แก่
    - วิตามินที่ละลายในน้ำ ได้แก่ วิตามินซี และวิตามินบีรวม
    - วิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามิน เอ ดี อี เค

    อาหารหลัก 5 หมู่ วิตามิน


    ประโยชน์ของวิตามิน
    บำรุงสุขภาพของผิวหนังให้สดชื่น  บำรุงสุขภาพปาก  เหงือก  และฟัน ช่วยให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายเป็นปกติ
    ตัวอย่างอาหารที่ให้วิตามิน
    ผลไม้ชนิดต่างๆ

    5.ไขมัน ที่ให้พลังงานที่มีส่วนประกอบหลักคือที่ไตรกลีเซอไรด์ (triglyceride) ไขมัน 1 กรัมให้พลังงาน 9แคลอรี (calorie) ขณะที่โปรตีน และคาร์โบไฮเดรท ให้พลังงาน 4 แคลอรี

    ประโยชน์ของไขมัน
    พลังงานและให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ช่วยในเรื่องการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมัน  ได้แก่  วิตามินเอ  วิตามินอี  วิตามินดี  และวิตามินเค  นอกจากนี้ไขมันยังช่วยในการป้องกันการกระทบ กระเทือนของอวัยวะภายในอีกด้วย

    อาหารหลัก 5 หมู่ ไขมัน

    ตัวอย่างอาหารที่ให้ไขมัน
    - ไขมันเป็นอาหารสำคัญที่มีความจำเป็นต่อร่างกายและเป็น 1 ในอาหาร 5 หมู่ ที่มีประโยชน์ นอกเหนือจากโปรตีน คาร์โบไฮเดรท วิตามินและเกลือแร่
    - ไขมันช่วยในการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมัน (Fat soluble Vitamins) เช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย
    - ไขมันให้พลังงานแก่ร่างกายที่สูงที่สุดคือ 9 แคลอรี่ต่อ 1 กรัมของไขมัน ช่วยทำให้ร่างกายมีพลังงานที่จะทำงานและประกอบกิจวัตรประจำวัยได้ตามปกติ
    - ไขมันช่วยปกป้องและกันความร้อน รวมทั้งคอยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ โดยทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อน (Thermal Insulator) ของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและอวัยวะที่อยู่ภายในร่างกาย
    - ไขมันช่วยเป็นเสมือนกันชนให้ร่างกาย คือช่วยป้องกันการกระเทือนของอวัยวะภายในร่างกาย ที่เกิดจากแรงกระแทกหรือการเคลื่อนไหวอย่างแรงของร่างกาย ซึ่งคอยป้องกันการบาดเจ็บของอวัยวะภายในร่างกาย
    - ไขมันเป็นส่วนประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อประสาทนั่นคือ เส้นประสาทของคนเราจะมีไขมันเป็นส่วนประกอบในอัตราที่สูง โดยเฉพาะจะหุ้มเส้นประสาท ช่วยในการป้องกันเส้นประสาทให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อถูกสั่งจากสมองไปยังกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
    - ไขมันเมื่อรวมกับโปรตีนก็คือ ไลโปโปรตีน (Lipoproteins) จะเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ต่างๆ โดยเฉพาะผนังเซลล์และไมโตคอนเดรีย ส่วนนี้มีประโยชน์สำหรับคนเรามาก เพราะร่างกายของเราประกอบเป็นตัวตนด้วยเซลล์หลายๆ ล้านเซลล์ และเซลล์ของร่างกายเรา จะผลิตทุกวันเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ นั่นคือ ถ้าขาดไขมัน ผนังเซลล์ของร่างกายเราก็จะอ่อนแอ เซลล์ที่ตายไปก็ไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้

    ตอนที่4
    อาหารหลัก5หมู่มันธรรมดาไป ไม่ชอบกินผักใช่ไหม? มาทำอาหารกันดีกว่าา!

       มาที่เมนูแรกเลย
    เมนูของคาว เรามาทำผักทอดกันน!

      สูตรอาหารไทย : ผักชุบแป้งทอด

    [ TEMPURA VEGETABLE ]


    สูตรอาหารไทย | ผักชุบแป้งทอด

     

    * แป้งสาลีหรือแป้งสำหรับทอด 150 กรัม

    * ไข่ไก่ 1 ฟอง

    * น้ำเปล่า 3/4 ถ้วยตวง

    * ผงฟู 1/4 ช้อนชา

    * ผักสดหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ

      (เลือกตามความชอบเพื่อนำมาทอดเช่น ข้าวโพดอ่อน,

       แครอท, หอมใหญ่, ถั่วฝักยาว, อื่นๆ)

    * น้ำมันพืชสำหรับทอด

    สูตรอาหารไทย |  ผักชุบแป้งทอด
    สูตรอาหารไทย | ผักชุบแป้งทอด
     
     

         วิธีทำทีละขั้นตอน



    1. ในชามขนาดใหญ่ ผสมแป้ง, ไข่ไก่และน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นใส่ผงฟูและคนให้เข้ากันทั่วอีกครั้ง

    2. นำผักที่ต้องการจะทอดไปคลุกกับแป้งให้ติดทั่ว

    3. ตั้งน้ำมันในกระทะด้วยไฟร้อนปานกลาง เมื่อน้ำมันร้อนได้ที่จึงใส่ผักที่จุ่มแป้งแล้วลงไปทอดจนเหลืองกรอบ นำออกมาสะเด็ดน้ำมัน

    4. จัดผักทอดใส่จาน เสริฟเป็นของว่างทานเล่นพร้อมน้ำจิ้มไก่, น้ำจิ้มบ๊วยหรือซ๊อสมะเขือเทศก็ได้ตามความชอบ


    เมนูที่2
    ส้มตำปูปลาร้า!

     

     

    ส้มตำปูปลาร้า

     

    ส้มตำปูปลาร้า วันนี้รู้สึกเปรี้ยวๆปากอยากกินส้มตำเลยไปหาสูตรการทำส้มตำมาฝาก มะละกอสับหยาบๆ เวลาเคี้ยวแซบคัก ที่ถูกตำเข้ากับเครื่องต่างๆ ทำให้ได้รสชาติ เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด ครบทุกรส กินเปล่าๆหรือทานกับข้าวเหนียวก็เข้ากันได้ดี ไปเบิ่งวิธีการตำบักหุ่งกัน

     
    ส่วนประกอบและเครื่องปรุง
    1.มะละกอดิบหั่นฝอย 2 ถ้วยตวง
    2.ถั่วฝักยาว 1/2 ถ้วยตวง (หั่นความยาวประมาณ 1" )
    3.แครอทหั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง (สูตรอีสานแท้ ๆ ไม่ใส่เด้อ)
    4.น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าเป็นสูตรอีสานแท้ๆ ไม่ใช้น้ำตาล)
    5.น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
    6.มะเขือเทศ 1/2 ถ้วยตวง (หั่นครึ่ง)
    7.พริกแห้งหรือพริกสด 3-5 เม็ด เผ็ดตามใจมัก
    8.กระเทียมสด 5 กลีบ
    9.ถั่วฝักยาวหั่น 5 ชิ้น 
    10.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
    11.ปูนา หรือปูทะเล 1 ตัว
    12.น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ
    13.น้ำมะขามเปียก


     
    ขั้นตอนการทำ
    1.สับมะละกอที่จัดเตรียมไว้ ให้ได้เส้นมะละกอหยาบ ๆ และแครอทหั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง
    2.เตรียมครก กระเทียม พริก โคกให้ละเอียดพอดีคลุกเคล้าให้เข้ากัน
    3.จากนั้นใส่มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว อีปู มะนาว น้ำปลาร้า น้ำปลา น้ำตาลปี๊ปปรุงรสชาติให้อร่อย
    4.ใส่เส้นมะละกอที่เตียมไว้ใส่ลงไปตำ พอให้บุบไม่ต้องตำจนแลกละเอียด เดียวไม่อร่อยเด้อ
    5.ตำ ๆ ๆ ค้น ๆ ให้เข้ากันกับเครื่องปรุง ชิมได้ทีแล้วตักเสร็ฟใส่จาน แซบอีหลีมื้อหนี้



    เมนูของหวานกันบ้าง

    เชื่อว่าหลายคนเลิกไม่ได้ งั้นเปลี่ยนจากขนมเค้ก ลูกกวาด มาเป็นน้ำผลไม้กันดีกว่า^ ^


    สูตรน้ำปั่น

    Banana Milkshake 


    กล้อยหอม 1 
    ไอศครีมวานิลา 2 ลูก
    นมสด 120 ซีซี
    น้ำเชื่อม (ปรุงตามใจชอบ) 
    น้ำแข็งเล็กน้อย 
    วิธีทำ ปั่นพร้อมกันทั้งหมด

    Papaya Milkshake


    มะละกอสุก 1 ชิ้น
    ไอศรีมวานิลา 2 ลูก
    นมสด 120 ซีซี
    น้ำเชื่อม (หากไม่ชอบหวาน ไม่ต้องใส่)
    น้ำแข็งเล็กน้อย
    วิธีทำ ปั่นพร้อมกันทั้งหมด

    (หรือเปลี่ยนเป็นผลไม้ตามฤดูกาลที่ชอบ จะได้รสชาติความอร่อยที่แตกต่างกันไป)

    Kiwi Yogurt


    กีวีสด 2 ลูก (หรือไซรัปกีวี 2 ออนส์ แล้วแต่ยี่ห้อไซรัปที่ใช้ด้วยค่ะ) 
    โยเกิร์ต 150 ซีซี
    น้ำเชื่อม (หากใช้ไซรัปมีความหวานในตัวอยู่แล้ว อาจใส่น้ำเชื่อมน้อยลง) 
    น้ำแข็งเล็กน้อย 

    Apple Sherbet 


    แอปเปิ้ลฟูจิ 1 ลูก 
    นมสด 100 ซีซี
    น้ำผึ้ง 30 ซีซี
    น้ำแข็ง 100g
    วิธีทำ 
    ให้แบ่งแอปเปิ้ลครึ่งลูก(มีเปลือก) หั่นเป็นชิ้น อีกครึ่งลูกปอกเปลือก แล้วนำทั้งหมดลงไปปั่นพร้อมกัน
    หากนำแอปเปิ้ลหั่นชิ้นแล้วแช่น้ำเกลือ จะเพิ่มความกรอบได้
    (วางแอปเปิ้ลบางๆ วิปปิ้งครีม และโรยน้ำตาลสีเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความสวยงาม) 

    Coffee Smoothie

    กาแฟ Espresso 30 ซีซี (อยากได้รสกาแฟเข้มๆก้อเพิ่มกาแฟค่ะ)
    แยมช็อคโกแลต 45 ซีซี
    ไอศรีมวานิลา 1ลูก
    นมสด 75ซีซี
    น้ำแข็งเล็กน้อย 
    วิธีทำ ปั่นพร้อมกันทั้งหมด


    ลองเอาแบบม็อกเทล ป่ะ มีสูตรหนึ่งเอาลิ้นจี่1 กระป๋อง โซดา2 ขวด น้ำเชื่อมทับทิม1/2ส่วน น้ำส้มซันควิด1/2ส่วน คนเข้ากันเสริฟ

    1 สูตรนี้ตั้งชื่อกับเพื่อนว่าน้ำซูกัส
    นำมะนาว 1ผล นำหวานแฮลดูบอย 4ช้อน นมข้นหวาน 3ช้อน นำแข้ง 1แก้ว
    เกลือติดปลายช้อนนิดหน่อย ปันรวมกันถ้ายังไม่หวานก็เพิ่มนำหวานอีกได้นะจ๊ะ
    2 สูตรนี้ดูหรูและแปลก เราไปกินที่แม่กลองมา
    มะนาวดอง หรือน้ำมะนาวดอง ซัก 2-3ช้อน เกลืออย่าเยอะนะเดี๋ยวเค็มน้ำเชื่อม
    ที่ทำมาจากน้ำตาลทรายแดง ผสมรวมกัน ชิมรสตามชอบใจ จะปั่นก็ได้ หรือใสกับน้ำแข็งได้ หรือเปลี่ยนเป็นมะนาวสดก็ได้ก็อร่อยไปอีดแบบ
    3 เวลาเสริฟ ลองหาแก้วสวยๆ หาดอกไม้ หรือผลไม้ติดขอบแก้วด้วยน่าจะถูกใจคนทานมากๆนะ


    น้ำฝรั่ง



    ส่วนผสม
         ฝรั่งแก่จัด (หันชินเล็ก ๆ) 30 กรัม (2 ช้อนคาว) 
         น้ำต้มสุก 200 กรัม (14 ช้อนคาว) 
         น้ำเชื่อม 15 กรัม (1 ช้อนคาว) 
         เกลือป่นเล็กน้อย 2 กรัม (2/5 ช้อนชา) 
    วิธีทำ
          เลือกฝรั่งที่แก่จัด ล้างน้ำสะอาด ฝานเฉพาะเนื้อชิ้นเล็ก ๆ นำใส่เครื่องปั่น เติมน้ำสุก ปั่นจนละเอียด แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง เติมน้ำเชื่อมและเกลือป่นเล็กน้อย ชิมรสตามใจชอบ 
    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ     คุณค่าทางอาหาร มีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และมีสารเบต้า-คาโรทีน ช่วยลดสารพิษในร่างกาย ทั้งยังป้องกันไม่ให้ไขมันจับที่ผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดแข็งตัว 
         คุณค่าทางยาช่วยลดระดับไขมันในเลือด ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วย เส้นเลือดอุดตัน

    น้ำมะขาม


    ส่วนผสม
         เนื้อมะขามสด หรือเปียก 20 กรัม (2 ฝักใหญ่) 
         น้ำเชื่อม 30 กรัม (2 ช้อนคาว) 
         เกลือป่นเสริมไอโอดีน 2 กรัม (2/5ช้อนชา) 
         น้ำเปล่า 240 กรัม (16 ช้อนคาว) 
    วิธีทำ
         นำมะขามสดไปลวกในน้ำต้มเดือด ตักขึ้นแกะเอาแต่เนื้อมะขาม นำไป ต้มกับน้ำตามส่วนผสม
    ให้เดือด เติมน้ำเชื่อม เกลือ ชิมรสตามชอบ แต่ถ้าใช้มะขามเปียก ควรแช่น้ำไว้สัก 1/2 ชั่วโมง เพื่อให้มะขามเปียก เปื่อยยุ่ยออกมารวมกับน้ำ ก่อนนำไปต้มจนเดือด แล้วปรุงด้วยน้ำเชื่อม และเกลือ 
    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
         คุณค่าทางอาหาร มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา และมีแคลเซียมช่วย บำรงกระดูก รวมทั้งแก้กระหายน้ำ 
         คุณค่าทางยาช่วยขับเสมหะ แก้ไอ เป็นยาระบายท้อง ช่วยการ ขับถ่ายได้ดี ลดอาการโลหิตจาง ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน

    น้ำสับปะรด


    ส่วนผสม

         น้ำสับปะรด 240 กรัม (1/4 ผลใหญ่) 
         น้ำเชื่อม 15 กรัม (1 ช้อนคาว) 
         เกลือป่นเสริมไอโอดีน 2 กรัม (2/5 ช้อนชา) 
    วิธีทำ
         นำสับปะรดล้างให้สะอาด ปอกเปลือกแล้วล้างอีกครั้ง คั้นเอาแต่น้ำ เติมน้ำเชื่อม เกลือ ชิมรสตามชอบ 
    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
         คุณค่าทางอาหาร มีแคลเซียม และฟอสฟอรัสมากช่วยบำรุงกระดูก และฟันรองลงมามีวิตามินซีช่วยป้องกันโรคเลือด ออกตามไรฟัน 
         คุณค่าทางยาช่วยย่อยอาหาร ลดอาการแน่นท้อง ลดอาการ อักเสบ บวม ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอ ช่วยขับ เสมหะ 

    น้ำส้ม


    ส่วนผสม

         ส้มเขียวหวาน 220 กรัม (3 ผลขนาดกลาง) 
         เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1 กรัม (1/5 ช้อนชา) 
    วิธีทำ
         นำส้มมาล้างเปลือกให้สะอาดใช้มีดผ่าขวางลูก คั้นเอาแต่น้ำ เติมเกลือ ตักเอาเมล็ดออก ชิมรสตามชอบ 
    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
         คุณค่าทางอาหาร มีวิตามินเอมาก ช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้ยังมี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซี ช่วยบำรุง กระดูก และ ฟัน 
         คุณค่าทางยาป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันโรคเลือดออกตาม ไรฟัน

    น้ำกระเจี๊ยบ


    ส่วนผสม

         ดอกกระเจี๊ยบสด/แห้ง 20 กรัม (5 ดอก) 
         น้ำเชื่อม 30 กรัม (2 ช้อนคาว) 
         น้ำเปล่า 200 กรัม (14 ช้อนคาว) 
         เกลือป่นเสริมไอโอดีน 2 กรัม (2/5 ช้อนคาว) 
    วิธีทำ
         1 เอาดอกกระเจี๊ยบสดหรือแห้งก็ได้ ล้างน้ำทำความสะอาดนำใส่หม้อ ต้มจนเดือด แล้วลดไฟลงอ่อน ๆ เคี่ยวเรื่อย ๆ จนน้ำเป็นสีแดง จนเข้มข้น 
         2. เอาดอกกระเจี๊ยบขึ้นจากหม้อต้ม แล้วเอาน้ำเชื่อมและเกลือใส่ลงไป ปล่อยให้น้ำกระเจี๊ยบเดือด 1 นาที ก็ยกลง ชิมรสตามใจชอบ 
         3. เอาขวดแม่โขงมาล้างทำความสะอาด ต้มในน้ำเดือด 20 นาที นำ น้ำกระเจี๊ยบแดงมากรอก แล้วปิดจุกให้แน่น เก็บไว้ได้นาน (ควร แช่ในตู้เย็น) 
         หรืออีกวิธีหนึ่ง นำดอกกระเจี๊ยบมาตากแห้ง แล้วนำมาบดเป็นผง นำผงกระเจี๊ยบครั้งละ 1 ช้อนชา ชงในน้ำเดือด 1 ถ้วย (250 มิลลิกรัม ) 
    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
         คุณค่าทางอาหารให้วิตามินเอสูงมาก ซึ่งช่วยบำรุงสายตารอง ลงมามีแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน 
         คุณค่าทางยาช่วยขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิต เป็นยาระบาย อ่อนๆ และช่วยแก้อาการกระหายน้ำ

    น้ำใบบัวบก


    ส่วนผสม

         ใบบัวบก 10 กรัม (หั่น 5 ช้อนคาว) 
         น้ำเชื่อม 15 กรัม (2 ช้อนคาว) 
         น้ำเปล่าต้มสุก 240 กรัม (16 ช้อนคาว) 
    วิธีทำ
         นำใบบัวบกล้างให้สะอาด นำไปใส่เครื่องปั่น ใส่น้ำครั้งส่วน ปั่นให้ ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ ใส่น้ำที่เหลือ กั้นน้ำให้แห้ง นำน้ำที่ได้ใส่น้ำเชื่อม ชิมรส ตามชอบ 
    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
         คุณค่าทางอาหาร มีวิตามินเอ สูงมาก ช่วยบำรุงสายตา และสาร แคลเซียมมากเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีวิตามินบี 1 สูงกว่าผักหลาย ๆ ชนิด 
         คุณค่าทางยาช่วยแก้ช้ำใน ทำให้หายฟกช้ำได้ดี แก้ร้อนในกระหาย น้ำ ลดอาการปวดศีรษะข้างเดียว บำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้าได้ดี แก้ความดันโลหิตสูง ถ้าดื่มทุกวันเพียง 1 สัปดาห์ความดันโลหิต ที่สูงจะลดลง นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็ง ลดการอักเสบและ รักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยในการไหลเวียนของโลหิต ทำให้ เลือดแข็งตัวเร็ว ช่วยขับปัสสาวะ

    น้ำขิง 

    ส่วนผสม

          ขิงสด 15 กรัม (ขนาด 1” x 15” 5 ชิ้น) 
         น้ำเชื่อม 15 กรัม (1 ช้อนคาว) 
         น้ำเปล่า 240 กรัม (16 ช้อนคาว) 
    วิธีทำ
         นำขิงมาปอกเปลือกล้างให้สะอาดหั่นเป็นแว่นใส่หม้อใส่น้ำ ตั้งไฟต้ม น้ำจนเดือดสักครู่ยกลง กรองเอาขิงออก ใส่น้ำเชื่อม ชิมรสตามชอบ หรืออีกวิธีหนึ่ง ใช้เหง้าขิงแก่ฝนกับน้ำมะนาว ใช้กวาดคอ หรือใช้ เหง้าขิงสดตำผสมน้ำเล็กน้อย นั้นเอาน้ำและใส่เกลือนิดหน่อยใช้จิบบ่อย ๆ 
    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
         คุณค่าทางอาหาร พรั่งพร้อมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น มีแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน และยัง มีสารเบต้า-แคโรทีนอีกด้วยซึ่งช่วยต้านโรคมะเร็ง 
          คุณค่าทางยาแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม และขับเสมหะ แก้อาการ คลื่นไส้ อาเจียน เมารถเมาเรือ ช่วยเจริญอาหาร กินข้าวได้นอกจากนั้นยังลดการจับตัวของลิ่มเลือด ช่วยย่อยอาหารโดยเพิ่มการหลั่งน้ำดีและน้ำย่อย ต่าง ๆ ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร

    น้ำตะไคร้


    ส่วนผสม

         ตะไคร้ 20 กรัม (1 ต้น) 
         น้ำเชื่อม 15 กรัม (1 ช้อนคาว) 
         น้ำเปล่า 240 กรัม (16 ช้อนคาว) 
    วิธีทำ
         นำตะไคร้มาล้างให้สะอาด หั่นเป็นท่อนสั้น ทับให้แตก ใส่หม้อต้มกับ น้ำให้เดือดกระทั่งน้ำตะไคร้ออกมาปนกับน้ำจนเป็นสีเขียว สักครู่จึงยกลง กรองเอาตะไคร้ออก เติมน้ำเชื่อมชิมรสตามชอบหรืออาจเอาเหง้าแก่ที่อยู่ใต้ดิน ล้างให้สะอาด ฐานเป็นแว่นบาง ๆ คั่วไฟอ่อน ๆ พอเหลือง ชงเป็นชา ดื่มวันละ 3 ครั้ง ๆ ละ 1 ถ้วยชา จะช่วยขับปัสสาวะให้สะดวก 
    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
         คุณค่าทางอาหาร มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้ยัง แคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วย เพิ่มกลิ่นหอมให้กับอาหาร 
         คุณค่าทางยาแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด ขับ ปัสสาวะ ขับเหงื่อได้ดีช่วยลดพิษของสารแปลก ปลอมในร่างกาย รวมทั้งช่วยลดความดันโลหิต

    น้ำใบตำลึง


    ส่วนผสม

         ใบตำลึง 20 กรัม (หัน 10 ช้อนคาว) 
         น้ำเชื่อม 30 กรัม (2 ช้อนคาว) 
         น้ำมะนาว 10 กรัม (2 ช้อนชา) 
         น้ำต้มเปล่าสุก 200 กรัม (14 ช้อนคาว) 
         เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1 กรัม (1/5ช้อนคาว) 
    วิธีทำ
         นำใบตำลึงมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นใส่เครื่องปั่น ใส่น้ำต้มครึ่งหนึ่ง (7 ช้อนคาว) ปั้นให้ละเอียด นำไปกรอง ใส่น้ำที่เหลือนั้นเอาแต่น้ำ นำน้ำทีได้ไปใส่เกลือ น้ำมะนาว น้ำเชื่อม ชิมรสตามชอบ 
    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
         คุณค่าทางอาหาร ให้วิตามินเอสูงมาก ซึ่งช่วยบำรุงสายตา มี แคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูก และ วิตามินซี ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน 
         คุณค่าทางยานำใบมาตำให้ละเอียด แก้อาการแพ้ อาการอักเสบ แมลงกัดต่อย ช่วยป้องกันโลหิตจาง โรคมะเร็ง และหัวใจขาดเลือด

    น้ำมะเขือเทศ


    ส่วนผสม

         มะเขือเทศ 50 กรัม (1 ผลใหญ่) 
         น้ำเชื่อม 15 กรัม (1 ช้อนคาว) 
         น้ำเปล่าต้มสุก 200 กรัม (14 ช้อนคาว) 
         เกลือป่นเสริมไอโอดีน 2 กรัม (2/5 ช้อนชา) 
    วิธีทำ
          นำมะเขือเทศล้างให้สะอาดหั่นให้ชิ้นพอประมาณ ใส่ในเครื่องปั่น พร้อมน้ำเชื่อม เกลือ น้ำสุก ปั้นให้ละเอียด ชิมรสตามชอบ
    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
         คุณค่าทางอาหาร มีเบต้า-คาโรทีน สูงมาก ช่วยต่อต้านมะเร็ง และ มีวิตามินซีมากเช่นกัน ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน 
         คุณค่าทางยาทำให้เกิดความสดชื่น แก้กระหายน้ำ ผิวพรรณ ผ่องใสช่วยให้การย่อยอาหารดีขึ้นช่วยฟอกเลือด และ ป้องกัน โรคมะเร็ง

    น้ำมะนาว


    ส่วนผสม

         น้ำมะนาว 30 กรัม (2 ช้อนคาว,1ผล) 
         น้ำเชื่อม 30 กรัม (2 ช้อนคาว) 
         น้ำเปล่าต้มสุก 180 กรัม (12 ช้อนคาว) 
         เกลือป่นเสริมไอโอดีน 2 กรัม (2/5 ช้อนชา) 
    วิธีทำ
         นำมะนาวมาล้างเปลือกแล้วผ่าออก เอาเมล็ดมะนาวออกให้หมด คั้น เอาแต่น้ำ ผสมกับน้ำ น้ำเชื่อม เกลือ คนให้เกลือละลาย ชิมรสตามชอบ หรืออาจเอาเปลือกของผลสดประมาณครึ่งผลหรือทุบเล็กน้อยพอให้ น้ำมันออก ชงน้ำร้อนดื่มเวลา มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด 
    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
         คุณค่าทางอาหาร มีวิตามินซีมากช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน 
         คุณค่าทางยาช่วยขับเสมหะลดอาการไอ เจ็บคอ คลื่นไส้ อาเจียน และช่วยขับลมในกระเพาะ แก้ท้องอืด ท้องเรื่องและอ่อนเพลีย 

    น้ำลูกเดือย


    ส่วนผสม

         ลูกเดือยดิบ 50 กรัม (5 ช้อนคาว) 
         น้ำตาลทฆราย 10 กรัม (2 ช้อนกาแฟ) 
         น้ำเปล่า 250 กรัม (16 ช้อนคาว) 
          เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1 กรัม (1/5ช้อนกาแฟ) 
    วิธีทำ
         นำลูกเดือยล้างให้สะอาด ใส่หม้อเติมน้ำตั้งไฟเคี่ยวจนลูกเดือยสุกเปื่อย ใส่น้ำตาล เกลือปนใส่ในเครื่องปั่น ปั้นให้ละเอียด ชิมรสตามชอบ 
    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
         คุณค่าทางอาหาร ให้ฟอสฟอรัสสูงมากช่วยบำรุงกระดูกรองลงมา มีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตาบำรุงธาตุ เป็นอาหาร สำหรับคนไข้ฟักฟื้น ช่วยเจริญอาหาร 
         คุณค่าทางยาชงเป็นยาเย็น ขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน บำรุงไต กระเพาะอาหาร ม้าม รวมทั้งบำรุงเลือดลมใน สตรีหลังคลอด รักษาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง

    น้ำธัญพืช 

     ส่วนผสม

          ข้าวแดงจากข้าวซ้อมมือ 2 กำมือ 
          ข้าวเหนียวซ้อมมือ 2 กำมือ 
         ข้าวสาลีเม็ด 1 กำมือ 
         ข้าวบาร์เลย์ 1 กำมือ 
         ข้าวฟ่าง 1 กำมือ 
         ลูกเดือย 1 กำมือ 
         ลูกบัว 1 กำมือ 
         ข้าวโอ๊ต 1 กำมือ 
         น้ำเปล่า 2 ลิตร 
    วิธีทำ
         1 นำลูกบัว ลูกเดือย ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวฟ่างมาต้มจนเดือด พอเดือดแล้วใส่ข้าวซ้อมมือ ข้าวเหนียวซ้อมมือ ข้าวแดง ตามลงไป 
         2 ต้มต่อไปจนเดือดอีกครั้ง จากนั้นใส่ข้าวโอ๊ตเป็นส่วนสุดท้าย เดือด แล้วปิดไฟ ปล่อยให้ข้าวต่าง ๆ นอนก้น แล้วตักแต่น้ำใส ๆ ดื่ม ร้อน ๆ หรืออุ่น ๆ ก็ได้ 
          3. กากข้าวเอาไปทำข้าวต้มต่อ อาจเติมฟักทอง มันเทศ หรือเผือกลง ไปก็ได้ ต้มจนข้าวเป็นยาง จึงยกลง (จากหนังสือ “กูแน่”ของดร.สาทิส อินทรกำแหง) 
    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
         คุณค่าทางอาหาร ช่วยบำรุ่งร่างกาย และแก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยให้กินอาหารได้นอนหลับ 
         คุณค่าทางยาช่วยป้องกันโรคเหน็บชา

    น้ำดอกคำฝอย


    ส่วนผสม

         ดอกคำฝอยแห้ง 2-5 กรัม (1 หยิบมือ) 
         น้ำเดือด 150 กรัม (1 ถ้วยกาแฟ) 
    วิธีทำ
         1. เอาดอกคำฝอยใส่ในถ้วยกาแฟ เทน้ำร้อนลงไป 
         2. เอาช้อนกาแฟคนให้เข้ากับน้ำร้อน จนกระทั่งน้ำเป็นสีแดงปนน้ำตาล สีจะเข้ม แล้วจิบดื่มช้าๆ 
    ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับ
          คุณค่าทางยาลดไขมันในเส้นเลือด ลดความดันโลหิตสูง ช่วย ขับเหงื่อช่วยระบายอ่อนๆคนจีนใช้รักษาโรคหัวใจ และ หลอดเลือด

    ^
    ^
    ^ ก๊อปมาทั้งยวง55+ แต่มีประโยชน์มากๆ น่าทำ



     
    ................................................

    บทที่3
    วิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผล
      จากการที่ข้าพเจ้าได้ไปสำรวจมานั้นพบว่ามีผู้คนมากมายเลือกที่จะซื้อของฝากที่มีแต่ของหวาน ดังนั้นควรเปลี่ยนพฤติกรรมจากการรับประทานของหวานมาเป็นทานของที่มีประดยชน์มากกว่าเช่น ผลไม้ น้ำผลไม้ ที่อุดมณ์ไปด้วยวิตามินซี และสารอาหารอื่นๆจำนวนมาก อีกทั้งย่อยง่ายและท้องไม่ผูก แถมยังช่วยรักษาโรคไปในตัว ทำให้สุขภาพเราแข็งแรง..


     
    ลงชื่อ
    ดรากิออน อีลิคเทรียน อินเทอร์นอลเลี่ยน
    นักศึกษาปริญญาตรีสาขาแพทย์ศาสตร์
    มหาวิทยาลัยดาร์คแลนด์





     

     



    H y d r a n g e a

     
     
     
    Blue Wings - Loading
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×