ตอนที่ 1 : บทนำ 25%
บทนำ
เสียงเอะอะเอ็ดตะโรที่ดังลอดออกมาจากห้องเรียนของชั้นประถมสอง ทำให้ครูประจำชั้นซึ่งมีรูปร่างท้วมต้องรีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้อง ก่อนจะร้องห้ามเสียงดังเมื่อเห็นว่าสาเหตุมาจากคู่วิวาทคู่เดิม ที่กำลังถูกเพื่อนร่วมห้องช่วยกันจับแยกออกจากกันอย่างทุลักทุเล
หนึ่งในคู่วิวาทเป็นเด็กหญิงร่างอ้วน ผิวคล้ำ ดวงตาคู่โตดำขลับทอประกายวาววับอยู่ในอาการกรุ่นโกรธ มือทั้งคู่กำหมัดแน่น ส่วนคู่กรณีเป็นเด็กชายร่างสูงผอม มุมปากแตกมีเลือดซึม ครั้นพอเห็นหน้าครูก็อ้าปากส่งเสียงฟ้อง ทำให้เลือดที่ตอนแรกแค่ซึมไหลออกมาจนกบปาก
“บุษบามินตราต่อยผมอีกแล้วครับครูครับ”
ร่างท้วมของคุณครูในชุดสีกากีส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับคู่วิวาท เพราะคำว่า ‘อีก’ นั้นบ่งบอกว่าทั้งคู่ทะเลาะกันไม่ใช่เป็นครั้งแรก เรียกว่าไม่เว้นแต่ละวันเลยก็ว่าได้ ทว่าครั้งนี้ดูน่าจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง เพราะถึงขั้นเลือดตกยางออกกันเลยทีเดียว
“คราวนี้ใครเป็นคนเริ่มก่อน บอกครูมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” คนเป็นครูถามน้ำเสียงยังแฝงอาการเหนื่อยหอบจากการวิ่งเมื่อครู่
“ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนนะครับ” เด็กชายสุนทรรีบพูดออกตัว ก่อนยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากพลางมองไปทางคู่กรณีที่ยืนเม้มปากแน่นด้วยสายตาฉายแววเยาะเย้ย
“บุษบามินตรา ทำไมถึงทำตัวเป็นอันธพาลอย่างนี้ ที่นี่เป็นโรงเรียนนะไม่ใช่สนามมวย”
ครูประจำชั้นหยิบไม้บรรทัดขึ้นมาเตรียมตัวจะทำโทษ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินน้ำเสียงแผ่วเบากึ่งกล้ากึ่งกลัวดังมาจากเด็กหญิงผิวขาวรูปร่างผอมบาง หน้าตาน่ารัก ที่ก้าวออกมายืนเคียงข้างเด็กหญิงบุษบามินตราที่ยังยืนนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่เช่นเดิม
“คุณครูคะ หนูเห็นสุนทรพูดจาล้อเลียนนุช เอ่อ...บุษบามินตราก่อน นะคะ”
“จริงอย่างที่อรุณรัศมีพูดหรือเปล่าสุนทร” ครูถามพลางใช้ไม้บรรทัดที่ถืออยู่ตีลงบนฝ่ามือเบาๆ เป็นการขู่ไปในตัว
“ผม...ผม” คนถูกถามเกิดอาการอึกอักขึ้นมาทันที ครั้นเห็นครูเผลอก็ถลึงตาใส่ร่างผอมบาง จนเจ้าตัวต้องไปยืนหลบด้านหลังเด็กหญิงร่างอ้วน
“อรุณรัศมี เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ครูฟังสิ ว่าสุนทรพูดล้อเลียนเพื่อนว่าอะไร ถึงต้องลงไม้ลงมือกันจนเลือดตกยางออกถึงขนาดนี้ด้วย”
“สุนทรเรียกบุษบามินตราว่าอีเด็กลูกไม่มีพ่อค่ะ และยังเรียกหนูว่า...อีเด็กถังขยะด้วยค่ะ”
เด็กหญิงอรุณรัศมีบอกครูน้ำเสียงสั่นเครือ ทั้งน้ำตาก็เริ่มปริ่มขอบตา จนเด็กหญิงตัวอ้วนต้องหันไปมองและบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ อย่างปลอบประโลม ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บแค้น
“คนปากเสียอย่างสุนทรต้องถูกต่อยแบบนี้แหละค่ะคุณครู”
แม้ตัวเองจะเคยถูกล้อเลียนว่าเป็น ‘เด็กอ้วนตัวดำฟันหลอ’ อยู่บ่อยครั้ง แต่ทว่าคำคำนั้นก็ยังไม่เจ็บปวดเท่ากับการถูกล้อเลียนว่าเป็น ‘ลูกไม่มีพ่อ’ เท่านั้นไม่พอ ยังลามปามมาถึงแฝดคนละฝาของเธออีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้!
“เอาละ! ไม่ต้องมาพูดจาเพื่อตัดสินกันเอง เธอสองคนทำผิดกฎระเบียบที่ห้ามไม่ให้นักเรียนทะเลาะวิวาทกันในโรงเรียน ครูเคยบอกและทำโทษพวกเธอไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เคยเข็ดและหลาบจำกันเลย ฉะนั้นครั้งนี้ครูจะทำโทษเธอทั้งคู่หนักขึ้นกว่าเดิม” คุณครูพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแล้วหันหน้าไปหาเด็กชาย
“ครูจะตีเธอห้าทีโทษฐานที่พูดจาล้อเลียนปมด้อยของเพื่อน ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรทำ แล้วเธอมีเรื่องชกต่อยกับผู้หญิง ไม่อายเพื่อนคนอื่นบ้างหรือไงสุนทร” คุณครูส่ายหน้าขณะพูด แล้วจึงหันไปทางเด็กหญิงที่มีชื่ออันเพราะพริ้งว่าบุษบามินตรา
“ส่วนเธอ...ครูจะตีเจ็ดที โทษฐานทำตัวเป็นอันธพาลในโรงเรียน เพราะแทนที่จะให้ครูเป็นคนตัดสินว่าใครผิดถูก กลับมาตั้งศาลเตี้ยตัดสินกันเองในห้องอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง”
คนถูกตีเจ็ดทีปรายตามองคู่วิวาทอย่างโกรธเคือง ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะต้องถูกตีมากกว่าอีกฝ่ายสองทีจะต่อยไม่ยั้งให้ฟันหักทั้งปากกินข้าวไม่ได้ไปหลายวันเลยทีเดียว น่าเจ็บใจนัก!
“ก็ผมพูดเรื่องจริงนี่ครับครู”
เด็กชายสุนทรพึมพำออกมาอย่างอดโมโหไม่ได้ เพราะนอกจากจะเจ็บตัวจนถึงขั้นปากแตก ยังต้องเสียหน้าถูกคุณครูทำโทษต่อหน้าเพื่อนนักเรียนในห้องอีก แล้วเรื่องที่เขาพูดก็เป็นความจริงนี่นา ยายเด็กอ้วนตัวดำฟันหลอเป็นลูกไม่มีพ่อ ส่วนยายเด็กตัวผอมซีดอย่างกับเด็กขี้โรคนั่นก็เป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงจากถังขยะ ทำไมเขาต้องถูกทำโทษ แถมยังถูกตีน้อยกว่าแค่สองทีเอง น่าเจ็บใจจริงๆ!
“ยังจะมาเถียงอีกนะสุนทร!” คุณครูดุเสียงดัง สั่งให้เด็กชายสุนทรแบมือขึ้น จากนั้นก็ใช้ไม้บรรทัดฟาดลงไปเต็มแรงถึงห้าครั้ง จนคนถูกทำโทษสะดุ้งเฮือก น้ำตาเล็ดเพราะความเจ็บ แล้วจึงหันไปจัดการกับคู่วิวาทที่แม้จะถูกตีถึงเจ็ดครั้งก็ตาม แต่เด็กหญิงกลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาให้ใครเห็นสักหยด
“คุณครูขา ศาลเตี้ยคืออะไรเหรอคะ” เสียงของเด็กหญิงมะปราง ผู้เคยเป็นหนึ่งในคู่กรณีของเด็กหญิงบุษบามินตรามาก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ศาลเตี้ยแปลว่า การชำระความกันเองโดยพลการ หมายถึงการตัดสินลงโทษคนทำผิดกันเองโดยไม่คำนึงถึงกฎระเบียบ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ถ้าหากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะมีใครแกล้งใครหรือถูกใครแกล้งให้บอกครู เราจะใช้กฎระเบียบตัดสินลงโทษคนทำผิด อย่างเช่นที่ครูตีเพื่อนเราเมื่อกี้ ไม่ใช่มาจัดการชกต่อยกันเองแบบนี้” ครูตอบพร้อมปรายตาไปยังคู่กรณีทั้งสองเพื่อกำราบ
“แล้วที่สำคัญ จำไว้นะว่าเราเรียนอยู่ห้องเดียวกันควรจะรักกันไว้ ไม่ใช่มาทะเลาะกันเองให้อับอายขายขี้หน้าห้องอื่นแบบนี้” คุณครูพูดทิ้งท้ายก่อนจะออกจากห้องไป
เด็กหญิงตัวอ้วนเดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเองที่อยู่หลังห้อง โดยมีเด็กหญิงตัวผอมเดินตามไปติดๆ ดวงตาคู่โตที่มีน้ำตาคลอจวนเจียนจะหยดมองคนถูกตีด้วยความสงสาร แล้วชำเลืองมองมือของอีกฝ่ายที่แดงแปร๊ดอย่างขยาด
“เจ็บหรือเปล่านุช”
“เจ็บสิ” ดวงตาของเด็กหญิงวาวโรจน์ขณะตอบ
เสียงออดดังกังวานขึ้นเมื่อถึงเวลาเลิกเรียน เด็กนักเรียนต่างรีบเดินกรูกันออกจากห้องเรียน รวมทั้งคู่แฝดคนละฝาที่พากันเดินจูงมือเพื่อกลับบ้าน เพื่อนร่วมห้องหลายคนต่างพากันรีบหลีกทางให้ ไม่มีใครกล้าพูดล้อเลียนทั้งคู่อีก เพราะครั่นคร้ามกับฤทธิ์หมัดของเด็กหญิงบุษบามินตรา
ครั้นกลับมาถึงบ้านได้ คนถูกล้อเลียนว่าเป็นลูกไม่มีพ่อก็วิ่งตรงรี่ไปยังต้นมะม่วงหลังบ้าน กำหมัดขึ้นชกไปยังลำต้นไม่ยั้ง เพราะความเจ็บใจที่ยังหลงเหลืออยู่
“ไอ้สุนทร ไอ้คนปากหมา ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน...” เสียงก่นด่าของเด็กหญิงดังออกมาไม่ขาดปาก
“หยุดได้แล้วนุช ดูสิเลือดไหลแล้ว ไม่เจ็บมือบ้างหรือไงนะ” ร่างผอมบางที่วิ่งตามหลังมาติดๆ ร้องห้ามพลางทำหน้าหวาดเสียว เมื่อเห็นหลังมือของอีกฝ่ายแตกเป็นแผลมีเลือดไหลออกมา
“ถ้ายายมาได้ยินนุชด่าก็จะถูกดุอีกนะ”
“ยายไม่ได้อยู่ตรงนี้จะกลัวไปทำไมล่ะ โอ๊ย! ไอ้มดแดงบ้า กัดอยู่ได้” คนกำลังด่าและชกต่อยต้นมะม่วงอย่างเมามันหันมาเถียงพลางสะบัดมือเร่าๆ เพราะถูกมดแดงที่อยู่ตามต้นกัดเอา
“ขึ้นไปหายายบนเรือนกันเถอะ”
เด็กหญิงอรุณรัศมีเอ่ยชวนยิกๆ ดวงหน้าเล็กๆ เหยเกเหมือนจะร้องไห้ ส่วนคนชกต้นมะม่วงก็ดูเหมือนเพิ่งจะรู้สึกเจ็บ เมื่อเห็นเลือดไหลซึมออกมาพร้อมทั้งยังสูดปากดังลั่นเพราะถูกมดแดงกัด จึงเลิกชกแล้วตรงเข้าคว้าข้อมือบางของคนขี้แยพาเดินแกมวิ่งตรงไปยังเรือนหลังใหญ่
![]() |
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แวะมาเจิม...นู๋นุชแอบโหดชกต้นมะม่วง....เปลี่ยนมาเป็นเตะต้นกล้วยดีกว่าไหมลูก? อิอิอิ สงสารมือน้อยๆของน้องนุชอ่า
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 29 มิถุนายน 2553 / 09:57