บุกล่าหาสมบัติ - นิยาย บุกล่าหาสมบัติ : Dek-D.com - Writer
×

    บุกล่าหาสมบัติ

    บุกตะลุยฝ่าอุปสรรคเพื่อจุดหมายที่ชื่อว่า"สมบัติ"

    ผู้เข้าชมรวม

    57

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    57

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ผจญภัย
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  27 ส.ค. 55 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ เสียงฟ้าร้องที่ดังราวกับจะเขย่าพื้นพสุธา  ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดมน

    บนยอดปราสาทที่ตั้งตระหง่านไม่หวั่นไหว   ปรากฏร่างบุรุษปริศนาภายใต้เสื้อคลุมสีดำที่มี แววตาเจ้าเล่ห์พร้อมรอยยิ้มอย่างคนที่มั่นใจเต็มเปี่ยมยืนอยู่  พลันเงานั้นก็กระโจนพุ่งตัวลงจากยอดปราสาทผ่านหน้าต่างของปราสาท ชายนิรนามก็ตีลังกากลับตัวกลางอากาศแล้วโยนเชือกที่ผูกตะขอไปเกี่ยวกับขอบหน้าต่าง แล้วปีนขึ้นไปตามเชือกอย่างคล่องแคล่วราวกับฝึกฝนมาอย่างช่ำชอง 

                    เมื่อปีนเข้าหน้าต่างมาได้สำเร็จนั้นก็หันมองซ้ายมองขวาก่อนจะยิ้มออกมาอย่างชื่นชมในความสามารถของตัวเอง

    “งานนี้หมูๆ”  ชายปริศนาพึมพากับตัวเองอย่างคนอารมณ์ดี

    ตึก ตึก ตึก!!  เสียงฝีเท้าของทหารเวรยามซึ่งเดินมาตรวจความเรียบร้อยตามปกติ   เรียกความสนใจจากคนที่มัวแต่พึมพำกับตัวเองให้หันมาสนใจงานที่ได้รับมอบหมายมา  บุรุษปริศนาจึงย่องเข้าไปอาศัยความมืดและชุดสีดำที่ตัวเองใส่ พรางตัวอยู่ในช่องระหว่างหุ่นเกราะนักรบโบราณและมุมกำแพง  ทหารยามเดินผ่านมาสำรวจไม่พบอะไรผิดปกติจึงจะเดินกลับ ทันใดนั้นเขาก็พุ่งตัวออกจากที่ซ่อนเข้าประชิดด้านหลังแล้วใช้ยาสลบชนิดรุนแรงที่สามารถทำให้ช้างสลบได้ถึง 3 วัน ที่เตรียมมาจัดการกับทหารยามคนนั้น

    “ขอโทษนะแต่มันจำเป็นต้องทำ”  เสียงที่เอ่ยออกมาจากผู้ที่รอบเข้ามาที่ตอนนี้กำลังลากทหารผู้โดนยาสลบไปซ่อน

    “ขอยืมชุดหน่อยนะ” เมื่อกล่าวจบเขาก็จัดแจงถอดเครื่องแต่งกายของทหารยามโดยที่ไม่รอคำตอบ

    เมื่อจัดการเครื่องแต่งกายเสร็จเรียบร้อยเขาก็เดินลงบันไดลงไปข้างล่างผ่านทหารยามหลายคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดสงสัยในตัวเขา เพราะว่าเขาปลอมตัวได้อย่างแนบเนียน

    “ปลอมตัวเก่งขนาดนี้จับได้ก็บ้าแล้ว” เขาคิดในใจก่อนส่งเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ

    เขาทำการเดินสำรวจความผิดปกติในปราสาทอย่างที่ทหารเวรควรจะทำ  แต่จริงๆเขาก็แค่เดินสำรวจสภาพด้านในและจดจำแผนผังของปราสาท  จนมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องๆหนึ่งซึ่งล็อคด้วยกุญแจอย่างหนาแน่นเขาหันมองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่บริเวณนั้น แล้วนำกุญแจผีที่เตรียมมาไขเข้าไปดู

    กิ๊ก!   เสียงแม่กุญแจที่ถูกสะเดาะดังขึ้นอย่างเบาๆ          ชายนิรนามที่บัดนี้กำลังภูมิใจกับผลงานตรงหน้าของตนเองจนลืมที่จะระมัดระวังคนที่ย่องเข้ามาด้านหลัง พร้อมกับดาบที่ถือกระชับแน่นอยู่ในมือพร้อมที่จะลงดาบได้ทุกเมื่อ

    “หยุดอย่าขยับ”  เสียงแหลมเล็กราวกับเสียงของสตรีของผู้ที่เดินมาข้างหลังพร้อมกับดาบที่จ่ออยู่ที่ท้ายทอย

    บุรุษปริศนาที่กำลังจะเปิดประตูถึงกับสะดุ้งเมื่อรู้ว่าตนเองถูกจับได้จากใครสักคนที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างหลังพร้อมกับปลายดาบที่จี้อยู่ที่ท้ายทอย  เขาพยายามรวบรวมสติที่มีทั้งหมดไม่ให้แตกกระเจิง  เมื่อรวบรวมสติได้เขาก็คิดวิธีหาเอาตัวรอด จากคมดาบ  โดยความคิดแรกคือต้องโน้มน้าวให้เอาดาบออกจากท้ายทอยก่อน  เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างช้าๆ  พร้อมเริ่มบทสนทนากับบุคคลที่อยู่ด้านหลัง

    “เอ่อ.......คุณครับ”

    ชายนิรนามพูดยังไม่ทันจบประโยค  เสียงจากคนที่อยู่ข้างหลังก็ดังขัดขึ้นมาก่อน

    “แกเป็นใคร  เข้ามาทำไม  เข้ามาได้ไง  แล้วมาทำอะไรหน้าห้องนี้”

    คำถามที่มาเป็นชุด  เล่นซะวายร้ายที่อยู่ตรงหน้าถึกกับชะงักกับคำถามที่ถาโถมเข้ามาดั่งพายุที่กำลังก่อตัวอยู่ในขณะนี้

    “.......!  ผู้บุกรุกที่ตอนนี้ตั้งตัวไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้แต่คิดหาทางหนีทีไล่   ทันใดนั้นกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ก็พุ่งตรงจากเมฆพายุ  ผ่าลงมายังยอดปราสาท

    ตึ้ม!!!! เสียงฟ้าผ่าที่ดังอึกทึกราวกับฟ้าจะถล่ม   ทำให้ผู้ที่ถือดาบถึงกับทำดาบหลุดมือด้วยความตกใจบวกกับความกลัวในเสียงฟ้าผ่า

    จอมวายร้ายที่บัดนี้รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้า  ก็ฉวยโอกาศอาศัยจังหวะพุ่งตัวไปหยิบดาบที่ตกขึ้นมาก่อนพุ่งตัวไปประชิดด้านหลังแล้วนำดาบมาจ่อที่ท้ายทอยของเจ้าของเดิม

    “นายต้องการอะไรกันแน่” เสียงนั้นดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

    “ป่าว.....แค่มาทำธุระนิดหน่อย” คำตอบจากคนที่อยู่ข้างหลังดังขึ้น

    “ถึงกับกล้าบุกปราสาทของพระราชาเชียวหรือ”คนถูกจี้พยายามถามต่อ

    “นั่นมันเรื่องของฉัน” คำตอบที่ได้กลับมากลับยั่วโมโหคนถูกจี้

    “อย่าหวังเลยว่านายจะได้ออกจากที่นี่”คนตรงหน้าเริ่มขึ้นเสียง

    เสียงหัวเราะดังมาจากคนด้านหลังและพูดขึ้นว่า  “ถ้าหนีไม่ได้จะกล้าเข้ามาหรอ”

    “ช่วยด้วย!!!!  เสียงตะโกนของคนที่อยู่ตรงหน้า  ทำเอาผู้บุกรุกถึงกับสะดุ้งจนต้องรีบหนีเอาตัวรอด โดยมีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังไปทั่วปราสาท  ทหารวิ่งกันให้วุ่นเพื่อหาตัวผู้บุกรุก

    “ซวยแล้วสิ  กะจะเข้ามาสำรวจอย่างเงียบๆซะหน่อย ไหงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ว่ะ”เขาบ่นกับตัวเองขณะวิ่งหาทางหลบหนีออกจากปราสาท เขาวิ่งกลับไปทางเดิมซึ่งคือทางที่เขาเข้ามาแต่ก่อนจะไปถึงกับเจอเหล่าทหารยามดักรออยู่ เขาจึงวิ่งย้อนลงมาทางด้านล่างลงมายังชั้นล่างสุด เขาวิ่งหาทางหนีแต่ไม่ว่าจะหนีไปทางไหนก็ต้องพบกับเหล่าหทารยามราวกับถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา

    เขาหนีจนเหนื่อยจนมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องห้องหนึ่ง  ที่ใครเห็นก็ต้องรู้ว่านี่คือห้องของพระราชาเจ้าของปราสาทเพราะประตูห้องทำจากทองคำแท้อย่างอลังการประดับด้วยเพชรทีสันต่างๆสวยงาม  

    “เอาว่ะ...แอบในห้องนี้ซักพักแล้วกัน”พูดจบเขาก็ค่อยๆเปิดประตูอย่างเบาที่สุดแล้วแทรกตัวผ่านช่องประตูเข้าไปก่อนปิดประตูอย่างเบาที่สุดเหมือนกัน

    ภายในห้องจากที่เขามองเห็นภายใต้แสงไฟสลัวๆ  มันช่างใหญ่โตอลังการมากพอๆกับความอลังการของประตูห้อง เพราะห้องทั้งห้องมี่ขนาดใหญ่มากจากที่เขาประเมินก็น่าจะประมาณครึ่งสนามฟุตบอล

    “โอ้โห....จะใหญ่ไปไหนเนี่ย”เขาคิดในใจ

    เขากวาดตามองไปรอบๆ แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับร่างๆหนึ่งซึ่งนอนอยู่บนเตียงขนาดมโหฬารพร้อมด้วยเสียงกรนเบาๆลอดออกมาจากลำคอ “พระราชา” สิ่งแรกที่เขาคิดคือคนคนนั้นคือพระราชาแน่นอน

    เขาละสายตาจากเตียงหันไปกวาดสายตามองหาทางหนี  แล้วเขาก็หันไปเห็นหน้าต่างบานหนึ่งซึ่งเล็กกว่าทางเข้าที่เขาเข้ามาแต่นั่นก็น่าจะเป็นทางออกทางเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้ เพราะถ้าออกไปข้างนอกห้องตอนนี้คงจะต้องเจอพวกทหารยามพวกนั้นกับยัยผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้เขาต้องมาเผชิญกับสถานการณืแบบนี้

    เขาเดินย่องเข้าไปข้างกน้าต่างก่อนที่จะค่อยๆเปิดหน้าต่าง  ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับไฟที่ถูกเปิด และผู้ที่เดินเข้ามาคือยัยผู้หญิงนั่นกับพวกทหารยามอีกโขยง  การบุกเข้ามาในห้องอย่างอุกอาจนี้ทำให้พระราชาตกใจตื่น แต่ไม่ใช่เพียงแค่พระราชาที่ตกใจ  แต่ผู้ร้ายที่รอบเข้ามาในปราสาทก็ถึงกับตาค้างเมื่อหันไปสบตากับสาวหน้าสวยเรียว ผิวขาวเนียน ตาคมสวย นัยน์ตาสีฟ้ารูปร่างบอบบางแต่ดูทะมัดทะแมงอย่างที่นักรบควรจะเป็น  ส่วนบุรุษปริศนาที่ตอนนี้ไม่ปริศนาซะแล้วเพราะเขาถูกเห็นเขาให้แล้วในรูปร่างของชายหนุ่มรูปร่างสมส่วน  หล่อคม ผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนๆ

    “ขอประทานอภัยเพคะ ท่านพ่อ เผอิญมีผู้บุกรุกเข้ามาในปราสาทเพคะ” หล่อนรีบรายงานต่อพระราชาที่ตอนนี้ดูจะรวบรวมสติได้แล้วกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ก่อนหันไปมองผู้บุกรุกที่ตอนนี้ยืนขาแข็งในท่าเตรียมจะกระโดดหนีออกทางหน้าต่าง

    พระราชาหันมาสบตากับผู้บุกรุกก่อนหันไปสั่งให้ทหารเขามาจับกุมผู้บุกรุก

    “ จับเขาไปขังไว้” 

    คำสั่งจากพระราชาที่เด็ดขาดทำเอาชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งก่อนจะทำใจดีสู้เสือแล้วหัวเราะลั่นก่อนจะกระโดดออกจากหน้าต่างพร้อมกับบทสนทนาที่ทิ้งไว้ว่า

    “โอ้! หวังว่าเราได้พบกันอีกนะครับสุดสวยเขากล่าวพร้อมปั้นร้อยยิ้มที่สดใสให้กับเจ้าหญิง

    “ซิลเวียนี่มันเกิดอะไรขึ้น”พระราชาถามย้ำ

    “มีผู้บุกรุกเพคะ”เจ้าหญิงตอบอย่างเจื่อนๆ

    “ทำงานกันยังไงถึงปล่ยให้มีผู้บุกรุกเข้ามาได้”พระราชากล่าวด้วยน้ำเสียงดุเกมๆโกรธ

    “หม่อมฉันผิดเองเพคะ  ที่ปล่อยให้เขารอดไปได้” เจ้าหญิงซิลเวียกล่าว

    “แล้วมันได้อะไรไปหรือป่าว”พระราชาถามต่อด้วยความหงุดหงิด

    “ไม่มีเพคะ”ซิลเวียตอบ

    “เตรียมการประชุมด่วน” พระราชาออกคำสั่ง

     

     

    ด้านผู้บุกรุกซึ่งตอนนี้หลบหนีออกจากปราสาทได้สำเร็จก็กำลังตรงดิ่งกับฐานลับอย่างรวดเร็ว

    ฐานทับ

    “โอย  ถึงเสียทีแทบแย่” ชายหนุ่มบ่นแล้วเดินเข้าไปในโกดังร้างแถวชานเมือง

    “เป็นไงได้อะไรมาบ้าง”  เสียงสตรีคนหนึ่งดังขึ้น

    “ได้อะไรดีๆมาไหม”  เสียงหนุ่มอีกคนดังขึ้น

    “ก็นะ  นิดหน่อย”  เขาตอบ  “แล้วหัวหน้าหล่ะ”  เขาเปลี่ยนเรื่องคุย

    “รีบเปลี่ยนเรื่องอย่างนี้สงสัย.......”    สตรีนางเดิทกล่าว

    “นั่นซิ”  เด็กหนุ่มเสริม

    “อย่าไปแซวเขาซิ  มาเรีย  จอร์จ”  ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมเดินออกมาจากมุมมืด

    ผู้ที่ถูกเรียกชื่อถึงกับสะดุ้ง ก่อนหันไปหาชายคนเรียก

    “ได้มาแล้วใช่ไหมอาเธอร์”  ชายวัยกลางคนถาม

    “ได้แล้วครับท่านบาโรว์”  อาเธอร์ตอบพร้อมรอยยิ้มพร้อมชี้ไปที่สมอง “จำไว้ในนี้หมดแล้ว”

     

     

     

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น