โรงเรียนวุ่นชุลมุนรัก(ภาคพิเศษ Family's love)
ภาคพิเศษของเรื่องโรงเรียนวุ่นชุลมุนรักนะคะ ในที่สุดก็แต่งจบซะที สำหรับคนที่รอคอยก็ขอขอบคุณมากๆเลย และก็ขอโทษที่ทำให้รอนานนะคะสำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่านลองเข้ามาอ่านถ้าติดใจก็ไปอ่านในSchool's loveได้นะคะ
ผู้เข้าชมรวม
1,138
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Family’s love
(โรงเรียนวุ่นชุลมุนรัก ภาคพิเศษ)
“อืม...”
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าส่องลอดหน้าต่างเข้ามาในห้องนอน ประกอบกับแอร์ที่เปิดมาทั้งคืนทำให้บรรยากาศในห้องนอนเย็นเยียบ ร่างบางจึงขยับร่างเข้าหาที่อุ่นๆซุกนอนทันใดนั้นก็มีวงแขนแข็งแกร่งของใครบางคนตวัดโอบร่างของเธอเข้าชิดตัว ทำให้เธอเริ่มตื่นออกจากภวังค์ของความฝันทันที
“นี่...พี่ไค”
ร่างบางพยายามยกแขนที่โอบอยู่รอบลำตัวออก แต่คนขี้เซาเจ้าของวงแขนกว้างก็ยังไม่ยอมตื่นสักที แถมยังกดรัดร่างของเธอเข้าไปในอ้อมแขนมากเข้าไปอีก ทำให้เธอหงุดหงิดมากขึ้นจึงใช้ฟันงับเข้าที่ลำแขนแข็งแกร่งเต็มแรง
“โอ๊ย!!!!”
ได้ผลคนขี้เซาสะดุ้งสุดตัวคลายอ้อมแขนแล้วมองหน้าเธอด้วยความไม่พอใจ ผ้าห่มร่นลงมากองที่สะโพกทำให้เห็นแผงอกกว้างขาวเนียนละเอียดอย่างชัดเจน
“ทำอะไรน่ะมามิจัง”ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ตาปรือๆกำลังจะปิดและฟุบลงไปบนเตียงอีกครั้งทำให้ร่างบางต้องใช้ความเร็วรั้งแขนของเขาไว้ทันที
“พี่ไคจะนอนต่อไม่ได้แล้วน่ะค่ะ เช้านี้มีประชุมไม่ใช่เหรอ”
“อะไร...เรื่องแค่นี้เดี๋ยวโทรเลื่อนเอาก็ได้ เจ้าของโรงพยาบาลนั่งอยู่ตรงนี้แล้วไม่มีปัญหาแน่น้อน”ไม่พูดเปล่าแถมยังดึงร่างบางลงไปกอดเพื่อนอนต่ออีก
“ถ้าพี่ไคไม่ตื่นฉันกัดอีกครั้งไม่ปล่อยเลยน่ะค่ะคราวนี้”ร่างบางแยกเขี้ยวขู่แล้วทำท่าจะงับลงไปบนแขนของเขาอีกครั้ง
“ก็ด้ายๆ ภรรยาใครก็ไม่รู้ดุเหมือน...”
“ถ้าพูดคำสุดท้ายออกมาล่ะก็...จะกัดให้ขาดเลย”
“จ้าๆ”ร่างสูงรับอย่างหวาดๆแล้วลุกขึ้นจากเตียงก่อนที่จะก้มหน้าลงมาmorning kissภรรยาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
คงสงสัยกันใช่มั้ยล่ะค่ะว่าทำไมพี่ไคถึงเรียกฉันว่าภรรยา หลายคนคงเดาถูก ใช่แล้วค่ะ!!!ฉันแต่งงานกับพี่ไคแล้วแถมยังอยู่ด้วยกันมาสองปีแล้วด้วย พี่ไคทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลโฮนโจ ส่วนฉันก็ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลของพ่อ ถ้าถามว่าทำไมฉันถึงไม่ไปอยู่ที่โรงพยาบาลของพี่ไคก็เพราะเหตุผลของพ่อที่ว่า
‘ยังไงก็เจอกันทุกวันเช้าเย็นอยู่แล้ว จำเป็นด้วยเหรอที่จะต้องทำงานที่เดียวกันอีก’
ดูท่า...พ่อของฉันคงกำลังประกาศตัวเป็นศัตรูกับพี่ไคซะล่ะมั้ง พ่อไม่ถูกกับพี่ไคมาตั้งแต่ครั้งอดีตแล้วนี่ แต่ยังไงซะโรงพยาบาลของพี่ไคก็ถือหุ้นของโรงพยาบาลฉันเกินครึ่งอยู่แล้วถ้าจะรวมเป็นโรงพยาบาลเดียวกันก็ไม่ยากอะไรหรอก แต่ปัญหามันอยู่ที่พ่อของฉันก็เท่านั้นแหละ
“นี่มามิจังผ้าขนหนูของฉันหายไปไหนน่ะ”
เสียงพี่ไคดังออกมาจากห้องน้ำทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ความคิดชั่วคราว
“ธรรมดามันก็อยู่ในห้องน้ำตลอดเวลาอยู่แล้วนี่ค่ะ”
“แต่ตอนนี้มันไม่อยู่นี่นา มาดูให้หน่อยสิ”
คำพูดของพี่ไค ทำให้ฉันต้องจำใจหยิบผ้าห่มขึ้นมาพันร่างกายแล้วเดินไปหาเขาที่ห้องน้ำด้วยความไม่สบอารมณ์ รู้มั๊ยทำไมฉันถึงต้องเอาผ้าห่มพันตัวก็เพราะว่าฉันไม่ได้ใส่เสื้อผ้าน่ะสิ -///- แล้วทำไมถึงไม่ใส่? ก็เพราะว่าเมื่อคืนฉันกับพี่ไค...เอ่อ...ทำเรื่องที่สามีกับภรรยาต้องทำกันน่ะสิ ว๊าก!พูดแล้วอายอ่ะ >///<!!!!
“ไหนล่ะผ้าขนหนูของฉัน”เสียงพี่ไคดังออกมาจากล็อกอาบน้ำกระทบหูฉันที่ยืนอยู่ตรง
ล็อกอ่างล้างหน้า
“เดี๋ยวหาแป้บนึงน่ะค่ะ”ฉันบอกแล้วหาผ้าขนหนูที่ใส่ไว้ตรงชั้นที่อยู่ตรงข้ามกับอ่างล้างหน้า
พี่ไคตาบอดรึไงเนี่ย ผ้าขนหนูก็วางอยู่ตรงนี้ตั้ง 2 -3 ผืน ทุกวันก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรนี่หว่า
“เอ้า! นี่ค่ะ”ฉันหันหน้าไปอีกทางแล้วใช้มือข้างที่ว่างเปิดประตูจากนั้นก็โยนผ้าขนหนูเข้าไปในห้องน้ำที่พี่ไคยืนเปลือยอยู่
“เฮ้! ทำอย่างงี้ก็เปียกสิ”พี่ไคโวยวายแล้วใช้มือยันประตูห้องน้ำที่ฉันยืนอยู่
“ว้าก! พี่ไค พี่ไคแก้ผ้าอยู่น่ะค่ะ อย่าเพิ่งเดินออกมาให้ฉันเห็นสิ”ฉันโวยวายแล้วหลับตาปี๋
โป้ก!!!!
“ยัยบ้า! ฉันไม่ใจกล้าขนาดนั้นหรอกนะ มานี่เลย”
“อะ...อะไรค่ะ จะพาฉันไปไหนน่ะ>_<”
พี่ไคดึงฉันเข้าไปในห้องน้ำทำให้ฉันเห็นว่าเขาใส่ผ้าขนหนูเรียบร้อยแล้ว
“นี่พี่ไคจะทำอะ...”ฉันพูดยังไม่ทันจบพี่ไคก็อุ้มฉันขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนจากนั้น...
ตูม!!!!
พี่ไคปล่อยฉันลงไปในอ่างอาบน้ำทั้งผ้าห่ม
“โอย...แค่กๆ”
“แก้แค้นที่เธอกัดฉันเมื่อเช้าน่ะ หึหึ^^”พี่ไคว่าพลางใช้มือยันอ่างอาบน้ำไว้แล้วโน้มตัวมาพูดกับฉัน เหตุผลที่เขาโยนฉันลงมาในอ่างอาบน้ำทำเอาฉันเถียงไม่ออกไปเลย เขาทำท่าจะเดินออกไปแต่จู่ๆ เขาก็หันกลับมาแล้วแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ฉัน
“อ้อ...ลืมเอาผ้าห่มออกให้น่ะ”พี่ไคบอกนัยน์ตาพราวระยับ แล้วเขาก็ดึงผ้าห่มออกจากตัวของฉันทันที
“กรี๊ด!!!! พี่ไค!! TTOTT”
สายแล้ว สายแล้ว ฉันก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเองอย่างร้อนรน แล้วรีบวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลทันทีที่เท้าเหยียบถึงพื้นที่ทางเข้าของโรงพยาบาล
“สวัสดีค่ะ คุณมามิ” คุณมินาโกะทัก ขณะที่ฉันกำลังวิ่งหน้าตั้งจะไปเข้าลิฟต์
“สวัสดีค่ะ^-^;;;” ฉันยิ้มทักอ่อนๆแล้วรีบเข้าไปในลิฟต์ทันที
ติ๊ง...
ประตูลิฟต์ปิดลง ฉันปาดเหงื่อออกจากใบหน้าแล้วเหลือบสายตาไปมองข้างๆก็เห็นชายหนุ่มรุ่นๆเดียวกับฉันยืนอยู่ รูปร่างของเขาสูงโปร่งมองจากด้านข้างก็รู้แล้วว่าหล่อ แต่จู่ๆเขาก็หันมาสบตากับฉันเข้าอย่างจัง เมื่อเห็นหน้าเขาเท่านั้นแหละฉันจึงได้แต่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
“พี่...พี่ซาเคียวใช่มั้ยค่ะOoO!!!” ฉันชี้หน้าเขา ก็รู้อยู่หรอกว่ามันเป็นมารยาทที่ไม่ดีแต่มันตกใจมากจริงๆนะไม่คิดว่าจะมาเจอพี่ซาเคียวอีก เราไม่เจอกันกี่ปีแล้วนะ อืม...ห้าหกปีแล้วมั้ง
“เอ่อ...ครับผมชื่อซาเคียว แต่ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับO_O?” เขาหันมาหาฉันแล้วทำหน้างงเต๊กปนไม่พอใจนิดหน่อย
“ฉันมามิไงค่ะ^O^” ฉันจับมือเขาเขย่าขึ้นลงหวังว่าพี่ซาเคียวจะจำฉันได้
“เอ๋? มามิจังงั้นเหรอ” ความประหลาดใจฉายชัดในแววตาของพี่ซาเคียว แล้วสักพักเขาก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ
“มามิจังจริงๆเหรอเนี่ย >_<!!!” พี่ซาเคียวว่าพลางเอื้อมมือมาจับใบหน้าของฉันเบาๆ...
ติ๊ง...
เสียงประตูลิฟต์เปิดออกขัดจังหวะเมื่อถึงชั้นที่ฉันกดไว้ ประตูลิฟต์ค่อยๆเลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆเผยให้เห็นร่างคุ้นตายืนทำหน้ายักษ์อยู่ตรงหน้าประตูลิฟต์ ทำให้ฉันต้องรีบถอยห่างออกมาจากพี่ซาเคียวทันที
“ที่เธอรีบขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำก็เพราะว่าจะมาเจอไอ้หมอนี่ใช่มั้ย...” พี่ไคยืนกอดอกมองฉันอย่างจับผิด ดูท่าเขาคงจะจำพี่ซาเคียวไม่ได้แน่ๆเลย แล้วอีกอย่างพี่ซาเคียวแก่กว่าเขาปีนึงน่ะเรียกว่าไอ้หมอนี่ได้ไงTT^TT
“พะ...พี่ไค...” ฉันยังพูดไม่ทันจบพี่ไคก็เดินมาลากฉันออกไปจากลิฟต์ทันที พี่ซาเคียวเดินตามออกมาช้าๆดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรมากมาย(เค้าจะไปทุกข์ร้อนอะไรล่ะฉันนี่แหละกำลังจะโดนเชือดTTOTT)
“สวัสดีไค^^” พี่ซาเคียวยิ้มทักพี่ไค
“อือ...กองไว้ตรงนั้นแหละ” พี่ไคผงกหัวรับแล้วพูดกวนๆสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ฉัน พี่ซาเคียวยิ้มกริ่ม
“ไง มีอะไรจะสารภาพมั้ย” พี่ไคยิ้มเหี้ยมเกรียมถามฉัน
“คือ คือว่า...” ฉันกำลังคิดว่าจะอธิบายยังไงดี พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นพี่ซาเคียวยืนมองฉันกับพี่ไคทะเลาะกันอย่างสนอกสนใจ
“เอ่อ...พี่ไคคะ เราไปคุยกันที่ห้องของฉันกันดีกว่านะคะ” ฉันไม่รอให้พี่ไคปฏิเสธแล้วรีบก้มหน้าก้มตาดึงเขาไปที่ห้องของฉันทันที พี่ไคทำหน้ามุ่ยเดินตามฉันมาอย่างไม่พอใจแต่สักพักเขาก็เร่งฝีเท้าเดินมาโอบไหล่ของฉันไว้แล้วพากลับไปที่ห้อง
ปัง!!!!
พี่ไคปิดประตูเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นด้วยแรงโทสะเมื่อเดินมาถึงห้อง ทำเอาฉันสะดุ้งเฮือก
“แล้ววันนี้พี่ไคไม่มีประชุมหรอค่ะ^-^;;;” ฉันยิ้มฝืดๆพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบไว้ก่อน แล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟาสำหรับแขก พี่ไคเดินมานั่งลงข้างๆ แล้วจ้องหน้าฉัน
“ภรรยาสุดที่รักของฉันรีบออกจากบ้านจนลืมของสำคัญไว้แล้วจะให้ฉันมีสมาธิในการประชุมได้ยังไงล่ะ หืม...^^” พี่ไคแสยะยิ้มน่ากลัวนัยน์ตาของเขาดำมืดมากยิ่งขึ้น
“แหะๆๆ แล้วฉันลืมอะไรไว้ล่ะค่ะ” ฉันกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆอย่างยากลำบาก
“เอ้า...”พี่ไคโยนโน้ตบุ๊กมาให้ ทำเอาฉันรับแทบไม่ทัน
ฉันก็เพิ่งสังเกตเห็นเดี๋ยวนั้นแหละว่าในมือของเขามีกระเป๋าโน้ตบุ๊คของฉันอยู่ แล้วเมื่อเช้าหลังจากที่พี่ไคดึงผ้าห่มของฉันออก อยู่ๆเขาก็เกิดอยากจะอาบน้ำกับฉันขึ้นมา มันก็เลยเสียเวลาไปหน่อยนึง >///< แถมฉันยังนัดคนไข้ไว้อีกตะหาก ถ้าไม่รีบออกมาก็เสียงานน่ะสิ แต่ดูท่าอีตาพี่ไคนี่คงคิดว่าฉันรีบออกมาเจอพี่ซาเคียวแน่ๆเลย -_-^ เฮ้อ...กลุ้ม
“มันเป็นใคร” พี่ไคถามฉัน
“มันไหนคะ ^-^?” ฉันแกล้งตีหน้าซื่อ(บื้อ)
“ไอ้หน้าหม้อที่อยู่ในลิฟต์นั่นน่ะ!!” พี่ไคเริ่มเดือดทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมาตะหงิดๆ
“กะ...ก็พี่ซาเคียวไงค่ะ คนที่อยู่ปี 3 ตอนที่พี่ไคอยู่ปี 2 นะค่ะ”
พี่ไคใช้มือลูบคางตัวเองเบาๆอย่างใช้ความคิด คิ้วเข้มที่อยู่เหนือตาทั้งสองข้างของเขาเริ่มขมวดเข้าหากัน
“คนไหนหว่า” พี่ไคพึมพำออกมาเบาๆสักพักเขาก็ได้ผลสรุป
“โอ้ย!!นึกไม่ออก แต่ไม่ว่ามันจะเป็นใครเธอก็ห้ามไปยุ่งกับมันเข้าใจมั้ย”
“ค่า...” -_- เข้าใจแจ่มแจ้งแดงแจ๋เลยเจ้าค่ะ
“ดี...งั้นฉันไปล่ะ”พี่ไคบอกแล้วลุกขึ้น ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างโล่งอกแล้วลุกขึ้นเดินไปส่งพี่ไคที่ประตู แต่จู่ๆเขาก็หยุดเดิน
“มีอะไรเหรอค่ะ”
“ฉันเพิ่งนึกได้” พี่ไคยักคิ้วกวนๆ(ตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาทำตัวกวนขึ้นเยอะเลยค่ะY_Y)แล้วหันมาทางฉันดั่งภาพสโลว์โมชั่น “ทำไมไอ้หมอนั่นต้องจับหน้าเธอด้วย...”
O_O เวรล่ะสิ...ดันนึกออกอีก ทำไมความจำดียังงี้ฟ่ะ ฉันคิดถูกมั้ยเนี่ยที่มีสามีเป็นอัจฉริยะอ่ะTT_TT
(มานึกเสียใจตอนนี้แล้วมันจะได้อะไรล่ะยะ)
“เอ่อ...ฉันก็ไม่รู้น่ะค่ะ แหะๆ^-^;;”
“มันจับตรงไหนบ้าง!”
แว้ก!! พี่ไคคิดลามกอะไรรึเปล่าฟะเนี่ย(เธอนั่นแหละที่คิดยัยมามิ -_-+)
“จับแค่หน้าค่ะ” ฉันบอกไปตามความจริง
“ตรงไหน” พี่ไคยกมือขึ้นลูบหน้าของฉันทันที
“แก้มข้างซ้ายมั้งค่ะ”
“นี่เหรอ” พี่ไคยกมือขึ้นจับหน้าของฉันทั้งสองข้าง แล้วฉันก็ดันบังเอิญเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเขาพอดีเด๊ะ
นัยน์ตาสีดำของเขาค่อยๆอ่อนแสงลงจนกลายเป็นอ่อนโยน แล้วก็เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างระหว่างฉันกับเขาทำให้เขาเริ่มก้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากกับฉันช้าๆ ลิ้นของเขาค่อยๆสอดเข้ามาในปากของฉันอย่างนุ่มนวลทำให้ฉันเริ่มเคลิ้ม
“อืม...” ฉันเริ่มเอามือโอบตวัดรัดรอบลำคอแข็งแกร่งของพี่ไคอย่างยั่วยวน
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ฉันสะดุ้งแล้วรีบผละออกจากพี่ไคอย่างรวดเร็ว พี่ไคทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างเสียดายส่วนฉันก็รีบวิ่งไปรับโทรศัพท์ทันที
“สวัสดีค่ะ...”
“คนไข้มารอเข้าพบแล้วน่ะค่ะ จะให้เข้าไปเลยมั้ยคะ” เสียงนางพยาบาลดังมาตามสาย
“อ๋อ คนไข้ case กายภาพบำบัดที่ติดต่อมาเมื่อวานใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นบอกว่าอีก 10 นาทีให้เข้ามาได้เลยค่ะ”
“ค่ะ”
ฉันวางหูโทรศัพท์ลงแล้วเดินไปหาพี่ไคที่ยังยืนหน้ามุ่ยอยู่ที่เดิม
“คนไข้ของฉันจะเข้ามาแล้วล่ะค่ะ พี่ไคน่าจะกลับโรงพยาบาลได้แล้วน่ะค่ะ”
“อืม...ก็ว่าจะกลับอยู่” พี่ไคพยักหน้าเออออเห็นด้วยแล้วโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆใบหูของฉัน “งั้นที่เหลือเอาไว้ต่อตอนกลางคืนล่ะกันน่ะ”
คำพูดของพี่ไคทำให้ฉันหน้าแดงไปในทันที พลางคิดในใจว่า อีตาพี่ไคหื่นอีกแล้วนะ ฉันอดใจไม่ไหวเอื้อมมือไปจับหมับเข้าที่หูของพี่ไคแล้วบิดไปมาอย่างหมั่นไส้
“โอ๊ะ...โอ๊ยเจ็บน่ะ” พี่ไคครวญคราง
“ก็ทำให้เจ็บน่ะสิคะ>///<”
“ฉันจะไปแล้วปล่อยเถอะ please”พี่ไคทำหน้าออดอ้อน ฉันจึงปล่อยมือออกจากใบหูของเขาทันที พี่ไคเดินออกไปนอกห้องของฉันแต่ยังไม่วายหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ ฉันมองอย่างเอือมๆแต่ใจจริงๆของฉันน่ะ กำลังกระโดดตีลังกาสามตลบด้วยความมีความสุขเลยล่ะ วะฮะฮ่า >O< มีความสุขจริงๆเลยเหวย
พี่ไคเดินออกไปได้สักพัก ก็มีผู้ชายคนนึงเดินเข้ามา
“สวัสดีครับ มามิจัง”
“พี่ซาเคียว...”
พี่ซาเคียวยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน ฉันมองเขาอย่างอึ้งๆ ไม่นึกมาก่อนเลยนะเนี่ยว่าพี่ซาเคียวจะเป็นคนไข้ของฉันอ่ะ -O-!!!
“เอ่อ...เชิญมานั่งตรงนี้เลยค่ะ”
“ครับ...”พี่ซาเคียวพยักหน้าแล้วเดินมานั่งลงตรงข้ามโต๊ะทำงานของฉัน ส่วนฉันก็นั่งอยู่ตรงข้ามเขา
“พี่ซาเคียวเป็นอะไรหรอคะ ถึงต้องกายภาพบำบัด”
“ถ้าพี่เป็นอะไรจริง พี่จะมีแรงเดินมาหามามิจังหรอครับ^^”
“อ้าว...- -‘’?”
“ไม่ต้องทำหน้างงหรอกครับ พี่ล้อเล่นพอดีว่าแม่พี่ท่านเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงเอวลงไปน่ะครับ”
“อ๋อ...ก็เลยมาขอคำปรึกษา แล้วบังเอิญมาเจอฉันเข้าพอดี”
“ใช่เลยครับ^^”
“ค่ะ ถ้าเป็นอัมพาตเราก็ต้องคอย...”
ฉันเริ่มให้คำปรึกษากับพี่ซาเคียว แต่เนื่องจากแม่ของเขาเคยเกิดอาการแผลกดทับมาก่อนฉันจึงต้องให้คำปรึกษาอย่างละเอียดมากขึ้น จนถึง 5 โมงเช้าซึ่งเป็นเวลาที่ฉันต้องเปลี่ยนเวรกับแพทย์คนอื่นพอดี(โรงพยาบาลนี้จะเปลี่ยนเวรกันทุก 4 ชั่วโมง จากนั้นก็จะมีเวลาให้พัก 2 ชั่วโมงถึงจะเข้ามาทำงานอีกครั้ง วันนึงทำงานประมาณ 8 ชั่วโมง)
“ถ้าทำแบบนี้ทุกวันแม่ของพี่ซาเคียวก็จะอาการดีขึ้นตามลำดับเลยล่ะค่ะ” ฉันจบคำอธิบาย พี่ซาเคียวพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“นี่ก็ถึงเวลาที่มามิจังต้องพักแล้วใช่มั้ยครับ”
“อ่อ...ใช่ค่ะ”ฉันเหลือบมองนาฬิกาที่ฝาผนังห้องพลางตอบเขา
“งั้นไปทานข้าวกับพี่นะครับ ไม่ได้เจอกันมาซะนาน คงไม่ปฏิเสธนะครับ^^”
ฉันขมวดคิ้วครุ่นคิด ถ้าไปแล้วพี่ไคเจอฉันเข้าต้องเกิดเรื่องแน่ๆเลย แต่พอฉันมองพี่ซาเคียวตรงหน้าก็รู้สึกว่าใจมันไม่อยากจะปฏิเสธยังไงก็ไม่รู้ ก็เราไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายปี ถ้าปฏิเสธมันก็คงจะน่าเกลียดไปหน่อยล่ะมั้ง
“ก็ได้ค่ะ แต่แค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นนะคะ”
“คร้าบ...ม่ายมีปัญหา^^”พี่ซาเคียวยิ้มตอบฉันอย่างอารมณ์ดี
ฉันกับเขาลุกขึ้นเก็บของของตัวเองแล้วเดินลงไปที่ลานจอดรถด้านล่างโรงพยาบาล พี่ซาเคียวกดรีโมทรถสปอร์ตสีแดงคันหรู
กึก...
เสียงปลดล็อกประตูรถดังขึ้น พี่ซาเคียวเดินไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้ฉันก่อนที่ตัวเองจะเดินไปนั่งประจำที่คนขับ พี่ซาเคียวขับรถออกมาจากโรงพยาบาล
“ตอนนี้พี่ซาเคียวทำงานอะไรอยู่หรอคะ”ฉันชวนเขาคุยพลางมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาที่ยังหล่อเหมือนเดิมไม่เสื่อมคลาย ให้ตายเถอะคนหน้าตาดีนี่หน้าอิจฉาจริงๆเลย
“อ่อ...ตอนนี้ก็รักษาความปลอดภัยให้คนทั่วไปน่ะครับ”
“เอ๋? พี่ซาเคียวเป็น รปภ. หรอคะ”
“เฮ้ย...ไม่ใช่!!”
“อ้าวก็บอกว่ารักษาความปลอดภัยง่ะ =^=”ฉันทำหน้าง้ำ
“ฮ่าๆๆ มันก็คล้ายๆนะครับแต่มันจะไฮโซขึ้นมาหน่อย”
“มีงาน รปภ.ที่ไหนไฮโซด้วยหรอคะ -_-^^”
“มีซิครับ ที่เขาเรียกกันว่าบอร์ดี้การ์ดไงครับ”
“อ๋อ...พี่ซาเคียวเป็นบอร์ดี้การ์ดหรอคะเนี่ย”
“คร้าบบ”
“แล้ววันนี้ไม่ต้องทำงานหรอคะ”
“พี่ลามาครับ”
“อ๋อ...แม่พี่ไม่สบายนี่เนาะ”
“ครับ”
ฉันกับเขาคุยกันเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย จนเขามาจอดรถที่หน้าภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง
“เป็นบอร์ดี้การ์ดนี่ท่าจะรายได้ดีกว่าหมออีกนะคะเนี่ย -*-“ฉันเหน็บเขาเล็กๆขณะที่ก้าวขาลงจากรถที่เขาเปิดให้
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ^^”
บ่ายโมงตรง
“วันนี้ฉันสนุกมากๆเลย ขอบคุณนะคะ”ฉันบอกกับพี่ซาเคียวที่มาส่งฉันถึงหน้าโรงพยาบาล
“ครับไม่เป็นไรครับ โอกาสหน้าเราคงได้เจอกันอีก”
“ค่ะ”
ฉันมองตามพี่ซาเคียว จนเขาขึ้นรถแล้วขับไปจนลับสายตาแล้วจึงขึ้นไปทำงานต่อที่ห้องของตัวเอง...
“ไง...”
“พี่ไค!”
พอฉันเปิดประตูห้องทำงานเข้าไปก็จ๊ะเอ๋กับพี่ไคเข้าอย่างจัง
“ทำไม...ตกใจขนาดนั้นเลยหรอ - -*”
“เอ่อ...ก็ไม่เชิง เอ้ย...ไม่ใช่ค่ะ”
“ไปไหนมาล่ะ”
“แล้วพี่ไคไม่ทำงานหรอคะ” เปลี่ยนเรื่องเฉยเลยฉัน -_-
“ถ้าทำก็คงไม่มาอยู่ตรงนี้หรอก”
“อ่า...ค่ะ”
พี่ไคจ้องหน้าฉันด้วยสายตาแปลกๆ ทำให้ฉันรู้สึกสยองขึ้นมาตะหงิดๆ
“ไปกินข้าวมาอร่อยมั้ย”
ถ้าตอบว่าอร่อยนายจะเอาไม้หน้าสามตีหัวฉันมั้ยล่ะยะ
“ก็งั้นๆแหละค่ะ”ความจริงอร่อยม้ากมาก
“ดีจังนะ...สามีตัวเองต้องเข้าประชุมเพื่อหาเงินมาให้ภรรยา แต่ตัวภรรยากลับออกไปเที่ยวกับผู้ชายอื่น”
เอาแล้วไง...อย่างงี้เขาเรียกว่าประชดใช่มั้ยคะคุณผู้อ่านนนน O-!!!
“พี่ไคคะ พี่ซาเคียวเขาแค่ชวนฉันไปกินข้าวเพื่อตอบแทนที่ฉันให้คำปรึกษาเท่านั้นเองนะคะ -^-;;”
“อ๋อ...หรอ...”
แง่มๆๆ...อีตาบ้านี่งอนแล้วง้อยากซะด้วยแฮะ
“พี่ไคประชุมเสร็จแล้วก็รีบมาที่นี่เลยหรอคะ”
“อืม...ว่าจะมาชวนภรรยาสุดที่รักไปกินข้าวซะหน่อย”
เอื้อก...พูดยังงี้ทำให้ฉันรู้สึกผิดอย่างแรง
“แล้วพี่ไคก็ยังไม่ได้กินข้าวหรอคะ”
“อืม”
“พี่ไครอฉันตั้งแต่ 5 โมงเช้าเลยหรอคะ”
“อืม”
“หิวมั้ยคะ”
“หิว”
อ้ากกกก...อีตาบ้าอย่าตอบแต่คำสั้นๆได้มั้ย!!!!
“งั้นฉันพาไปกินข้าวมั้ยคะ”
“ไปสิ”
เฮ้ย! ถ้าจะพาพี่ไคไปงั้นฉันก็ต้องโดดงานอ่ะสิ
“เอ่อ...เดี๋ยวขอฉันโทรหาเพื่อนแป้บนะคะ”
พี่ไคไม่ตอบอะไร เขาพยักหน้าฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคุณมินาโกะเจ้าเก่าทันที
“เอ่อ...คุณมินาโกะคะฉันขอสลับเวรกับคุณหน่อยได้มั้ยคะ”
“อ้อ...ได้สิคะ ฉันว่างๆอยู่พอดี”เสียงใสๆของคุณมินาโกะดังมาตามสาย
“ค่ะ...ขอสลับเป็นฉันทำบ่ายโมงพรุ่งนี้แล้วคุณมาทำวันนี้แทนฉันทีนะคะ”
“ได้ค่ะ...ฉันจะรีบไปทันที”
“ค่ะ”
ฉันวางสายลง ถอดเสื้อกาวน์ออกพาดไว้บนพนักเก้าอี้แล้วดึงแขนพี่ไคออกมาจากห้องทำงานทันที
“เธอจะพาฉันไปไหน”พี่ไคถามขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน(เวลาที่เขาอารมณ์ไม่ดีเขาจะพูดไม่มาก)
“นั่นสิ...เราจะไปไหนกันดีล่ะคะ”ฉันถามด้วยใบหน้ามึนๆ
“เฮ้อ...จริงๆเลย เธอนี่นะ”เขาส่ายหัวอย่างเอือมๆ
“งั้นก็กลับบ้านกันเลยละกัน ไหนๆวันนี้เธอกับฉันก็โดดมาพร้อมกันแล้วนี่”
“อย่าพูดยังงั้นสิคะเสียชื่อเราสองคนหมด - -*”
ฉันกับพี่ไคกลับมาถึงบ้านในเวลาบ่ายสองโมงครึ่ง(ว่าแต่ฉันจะคอยบอกเวลาทำไมกันนะ - -*)แม่บ้านมองเราสองคนแปลกๆ แต่ดูพี่ไคไม่สนใจอะไรเลย เหมือนเขาจะยังไม่หายโกรธ ทำไงดียัยมามิ >_<
พี่ไคเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เขานั่งลงบนโซฟาหน้าโทรทัศน์อย่างไม่สบอารมณ์
“พี่ไคคะ”ฉันเข้าไปนั่งข้างๆพี่ไค เอาไม้ตายเลยละกันฉัน
“ไม่เคยเรียกชื่อฉันหรอ” =_=นั่น...กวนกลับมาอีก
“ฉันรักพี่ไคนะคะ”
ตุ้บ!
พี่ไคทำรีโมตที่ถืออยู่ในมือร่วงลงพื้น
“พูดอะไรของเธอ”พี่ไคหน้าแดงไม่ยอมหันมาสบตาฉัน ช่างน่ารักอะไรเช่นนี้ สามีฉัน >_<!!!
“ก็ฉันรักพี่ไคนี่คะทำไมจะพูดไม่ได้ >^<!!”ฉันพูดพลางกระแซะเข้าไปเบียดพี่ไค เขาหันหน้าที่แดงเถือกไปทางอื่นแต่มือของเขากลับค่อยๆโอบเอวของฉันเข้าไปใกล้
“ฉันก็รักเธอนะ...”
“อะไรนะคะ...ไม่ได้ยินเลย ^O^”
“ฉันรักเธอ!”
“อะไรนะคะ...อุ๊บ...”
ฉันแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วโน้มหูเข้าไปใกล้พี่ไค เขาจึงดึงหน้าฉันไปจูบแทนคำตอบ ริมฝีปากของเขาค่อยๆบดเบียดริมฝีปากของฉันอย่างอ่อนโยน แต่จู่ๆฉันก็รู้สึกคลื้นไส้ขึ้นมา
พลั่ก!!ตุ้บ!!!
ฉันออกแรงผลักพี่ไคจนเขาหล่นลงไปก้นกระแทกกับพื้นเสียงดังตุ้บ แล้วฉันก็รีบวิ่งไปอ้วกที่ห้องน้ำทันที
“แหวะ...อุ...อ้วก...”
พี่ไครีบวิ่งมาเอามือลูบหลังฉันทันที
“เป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ไม่...ค่ะ...อุ...อุ...อ้วกกกกก”
“ค่อยๆอ้วกออกมาให้หมดเลยนะ”
“ค่ะ...อ้วกกกกกก”
30 นาทีผ่านไป
“เป็นยังไงบ้าง ค่อยยังชั่วขึ้นมั้ย”พี่ไคถามฉันที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง เพราะหลังจากฉันอ้วกเสร็จก็เป็นลมไปทันที
“ฉันตรวจแล้วเหมือนร่างกายเธอจะอ่อนเพลียมากหรือไม่ก็อาหารเป็นพิษ นอนพักผ่อนให้มากๆนะ”
“ค่ะ...”
“หรือเมื่อคืนจะหนักเกินไป...”
“จะบ้าเหรอคะ!!!!”ฉันแหวใส่เขาทันที เขายิ้มที่มุมปากนิดๆแล้วเดินมาลูบหัวฉันที่นอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนโยน
“แล้วพี่ไคกินข้าวหรือยังคะ”
“ให้แม่บ้านชงกาแฟให้แล้ว”
“เดี๋ยวก็ไม่อิ่มหรอกค่ะ”
“ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า”พี่ไคว่าแล้วเอามือมาวางที่ท้องของฉัน เขาขมวดคิ้ว
“ทำไมหรอคะ?”ฉันถามงงๆ
“เธออ้วนขึ้นหรือเปล่า”
“พี่ไคพูดยังงี้กับสุภาพสตรีได้ยังไงคะ!”ฉันแว้ดใส่เขาทันที นี่ถ้าฉันลุกไหวฉันคงเอาหมอนฟาดเขาไปหลายทีแล้ว
“ฉันไม่ได้จะว่าเธอยังงั้น แต่ฉันไม่แน่ใจ
”
“ไม่แน่ใจอะไรคะ O-^^^^”ฉันทำหน้าบึ้ง
“ก็...”
“อ้วกกกกกก...”ฉันรีบหยิบถังขยะข้างเตียงมาอ้วกทันที เหมือนจะมีคนเตรียมไว้ให้ จู่ๆก็เกิดคลื่นไส้ขึ้นมาได้ยังไงเนี่ย
“อ่ะ...”พี่ไคยื่นแก้วน้ำให้ฉันดื่ม
“สงสัยอาหารจะเป็นพิษมั้งคะ”ฉันพูดขึ้นหลังจากดื่มน้ำเสร็จเป็นเวลาเดียวกับที่ห้องนอนเปิดออกพอดี
“สวัสดีครับ”ผู้ชายใส่เสื้อกาวน์คนนึงเดินเข้ามา
“ช่วยตรวจให้หน่อยครับเหมือนเธอจะมีอาการแพ้อะไรบางอย่าง”
พี่ไคบอกหมอคนนั้น พี่ไคก็เป็นหมอทำไมเขาต้องให้นายคนนี้มาตรวจให้ฉันด้วยล่ะเนี่ย ผู้ชายคนนั้นมองฉันและถังขยะที่วางอยู่ข้างๆเตียง
“สภาพยังงี้คงไม่ต้องตรวจอะไรมากหรอกครับ”
“เห?...”
“วันนี้อาเจียนมากี่รอบแล้วครับ”
“เอ่อ...เมื่อกี้ก็รอบที่สองค่ะ”
“เชื่อมั้ยครับว่าต้องมีรอบที่สะ...”
“อ้วกกกกกกกกก....”
เขาพูดยังไม่ทันขาดคำฉันก็อ้วกออกมาอีกครั้ง
หมอคนนั้นยิ้มอย่างอบอุ่นแล้วหันไปมองทางพี่ไค
“ยินดีด้วยนะไค เมียนายท้องแล้วว่ะ”
“หา!!!!!”ฉันอุทานออกมาเสียงดัง
“ว่าแล้วเชียว”พี่ไคพูดเรียบๆแต่ริมฝีปากของเขากลับกระตุกยิ้มฉายแววยินดีออกมา
“ขุนดีๆล่ะ...ลูกจะได้ออกมาแข็งแรง”
กรี๊ดดดด...ฉันไม่ใช่หมูนะยะจะมาขุนฉันได้ยังง้ายยยยยย
“ขอบใจว่ะ เอาไว้วันหลังฉันจะเลี้ยง”พี่ไคพูดกับหมอคนนั้นสักพัก แล้วหมอคนนั้นก็เดินออกไป
“มามิ...”พี่ไคเรียกฉันที่กำลังมองเขาด้วยสายตาหงุดหงิด
“พี่ไคล้อเล่นรึเปล่าคะเนี่ย”
“หน้าตาฉันน่าล้อเล่นมากเลยหรอ”
“งั้น...ฉันท้องจริงๆหรอคะ”
“ก็จริงน่ะสิ หรือจะให้พิสูจน์”พี่ไคมองฉันด้วยสายตากรุ้มกริ่มแล้วมานั่งข้างๆฉัน
“ม่ะ...ไม่ต้องค่ะ แล้วฉันจะทำยังไงต่อไปดี”
“ไม่ต้องทำอะไรหรอก...เป็นแม่ของลูกที่ดีก็พอ”
“พี่ไค”
พี่ไคยิ้มให้ฉันแล้วเขาก็กอดฉันไว้แน่น ฉันกอดตอบเขาด้วยความตื้นตัน
“ฉันรักเธอนะ...รักลูกของเราด้วย”พี่ไคพูดข้างๆหูของฉัน
“ค่ะ...ฉันก็รักพี่ไค”
นิยายความรักของฉันก็คงจบลงเพียงเท่านี้...ต่อจากนี้ไปฉันคงต้องเริ่มนิยายบทใหม่โดยมีลูกของฉันเพิ่มเข้าไปด้วย ทุกคนคงจะมีคนรักของตัวเอง
...พยายามรักษาความรักนั้นไว้ให้ดีที่สุดนะคะ แล้วเราจะได้ผลตอบแทนที่ทำให้มีความสุขตลอดไป...
ผลงานอื่นๆ ของ อะจะปะแฮบแฮบ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ อะจะปะแฮบแฮบ
ความคิดเห็น