ประเดิมรักครั้งใหม่ ลาก่อนนายแวมไพร์ - ประเดิมรักครั้งใหม่ ลาก่อนนายแวมไพร์ นิยาย ประเดิมรักครั้งใหม่ ลาก่อนนายแวมไพร์ : Dek-D.com - Writer

    ประเดิมรักครั้งใหม่ ลาก่อนนายแวมไพร์

    "เอ๊ะ นี่มันหนังสืออะไรเนี่ย ทำไมมันโบร๊านโบรานชอบกล" ด้วยความสงสัยฉันจึงโด้หนังสือเล่มนั้นออกมาจากห้องสมุด(ซะงั้น) แล้วพอตกกลางคืน..."กรี๊ด นายเป็นใครอ่ะ ขโมยหยอเข้ามาในห้องฉันได้ไง"

    ผู้เข้าชมรวม

    1,218

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.21K

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    11
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 มี.ค. 50 / 14:07 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ประเดิมรักครั้งใหม่ ลาก่อนนายแวมไพร์

                      ตึง...ตึ๊ง...ตึง...ตึ่ง... เสียงออดพักกลางวันดังขึ้น

                      ครืด!! เสียงเลื่อนประตูห้องเรียนเปิดออก พร้อมกับนักเรียนที่เดินไหลทะลักออกมาจากห้องเรียนอย่างรวดเร็ว ทีเวลาพักนี่รีบกันจริงจริ๊ง -_- ทำไมเวลาเรียนไม่รีบเข้าเรียนแบบนี้บ้างน่ะ =_=^ จะว่าไปฉันจะมานึกบ่นในใจเหมือนยายแก่อย่างนี้ทำไมกันน่ะ

                      "เฮ้!! ยัย  อุเอโนะ มามิ!!"

                      เพื่อนงี่เง่าของฉันตะโกนใส่หูของฉันอย่างไร้ความปราณี นี่เพื่อนเธอน่ะยะ -O-^

                      "ว่าไงล่ะ! ตะโกนอยู่ได้ หูฉันปกติดีย่ะ -O-!!!"

                      "ฉันพูดกับเธออยู่ตั้งนาน=O=^ไม่ได้ฟังฉันเลยใช่มะ!!"

                      "เอ๊ะ...งั้นเหรอ? แล้วเธอพูดอะไรล่ะ=_=;;"

                      "วันนี้ไม่ต้องกินข้าวเที่ยงรายงานของคู่เรายังไม่เสร็จเลยน่ะ!เธอฟังฉันบ้างสิ!"เซริตะคอกใส่ฉัน เมื่อเห็น ฉันไม่สนใจเธอ แล้วหันไปมองผู้ชายห้องข้างๆแทนที่จะฟังเธอพูด

                      "จ้าๆ^_^;;อ่ะ...ว่ามาสิ"

                     "กลางวันนี้ไปห้องสมุด=_=^หาข้อมูลเกี่ยวกับการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ไปทั่วโลกด้วยกันเข้าใจม่ะ!-O-"

                      "จ้า เข้าใจแล้ว แต่อาหารกลางวันล่ะเซริT^T"

                      "ไม่ต้องกินไง-_-"

                      "ตะ...แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องน่ะ"

                      "ถ้าเมื่อวานเธอไม่ชวนฉันไปนัดบอด รายงานคู่ของเราก็คงเสร็จไปแล้วล่ะ-_-^"

                      "งั้นสรุป ฉันผิดเรอะ+_+?"

                      "ก็ใช่สิย้า!!>O<ไปกันได้แล้ว ส่งวันพรุ่งนี้น่ะ ไม่ใช่เดือนหน้า!!"

                      ยัย ชิงุเระ เซริ เพื่อนงี่เง่าผู้คงแก่เรียนคนเดียวของฉัน ตะโกนใส่หน้าฉันจนฉันได้กลิ่นกล้วยที่เธอกินมาเมื่อเช้า แล้วฉุดกระชากลากถูร่างกายอันบอบบางของฉันไปตามทางเดินไปห้องสมุด ตามด้วยสายตาของพวกสอดรู้สอดเห็นหลายคน-O-มองอะไรกันย่ะไม่เคยเห็นคนสวยเรอะ -O-!

                      +ห้องสมุด+

                      "เธอไปหาต้นกำเนิดของศาสนาคริสต์และก็...ประวัติของพระเยซู ส่วนฉัน จะพิมพ์ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ตอนนี้ โอเค้!!"

                      "โอ...เค...=_="ฉันบอกเสียงเนือยแล้วทำหน้าเซ็ง ยังไงซะฉันก็ขัดเธอไม่ได้อยู่แล้วนี่ยัยเซริ - -*

                      ฉันเดินไปที่ชั้นหนังสือมุมศาสนาและวัฒนธรรมแล้วหยิบหนังสือที่ต้องการมาประมาณ 2-3 เล่ม มันอยู่ในชั้นหนังสือเกือบสุดท้าย แทบทุกเล่มจะมีฝุ่นเกาะอยู่เล็กน้อยถึงปานกลาง เพราะนักเรียนโรงเรียนนี้ส่วนมากจะเป็นเด็กอัจฉริยะเลยไม่ค่อยเข้าห้องสมุดนอกจากอาจารย์สั่ง หรือไม่ก็คงขี้เกียจมั้ง แต่ฉันว่ามันต้องเป็นเหตุผลที่ 2แน่ๆเลย...=_=;

                      ขณะที่ฉันกำลังจะเดินออกจากชั้นหนังสือไปทำงานที่โต๊ะนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ในชั้นหนังสือชั้นลึกที่สุดของห้องสมุด มันเป็นที่รวบรวมหนังสือที่เก่าที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียน เลยไม่มีใครเข้าไปแตะต้องเลย แต่ทำไมฉันถึงกำลังเดินเข้าไปในชั้นหนังสือที่มีแต่ฝุ่นชั้นนั้นกันน่ะงงตัวเองอยู่เหมือนกันแฮะฉันเดินเกาหัวแกรกๆเข้าไปในชั้นหนังสือนั้น แล้วมองสำรวจดู มีหนังสือเก่าเป็นร้อยๆเล่มยังงี้ทำไมอาจารย์ไม่เอาไปชั่งกิโลขายน่ะ ฉันคิดในใจ แล้วหยิบหนังสือเล่มนึงที่มีสันสีดำเขียนไว้ว่า 'ทำใจให้กล้าเอาไว้' ออกมาดู

                      ฟึ่บ!!

                      ฉันหลับตาปี๋เพราะฝุ่นกระจายไปทั่วบริเวณที่ฉันดึงหนังสือเล่มนั้นออกมา ฉันลองปัดๆฝุ่นที่อยู่ตรงหน้าปกออก

                      "แค่กๆๆ>_<"ฉันไอออกมาแล้วมองหนังสือเล่มนั้น มันเป็นสีดำหมดทั้งเล่มตรงหน้าปกไม่มีอะไรเลย มีแต่ชื่อเป็นอักษรคันจิเขียนไว้ตรงมุมขวาบนสุดตัวเล็กๆว่า ฮาเสะ จุน ชื่อคนรึเปล่าหว่าO_O? ฉันเก็บความสงสัยไว้แล้วรีบเดินออกมาทำงานข้างนอก โดยเก็บหนังสือเล่มนั้นใส่กระเป๋านักเรียนไว้

                      ฉันทำงานกับเซริจนถึงเวลาเข้าเรียนภาคบ่าย  ฉันกับเซริเดินไปเข้าห้องเรียนพร้อมกัน

                      "เอ่อ...คือ มามิจังจ้ะ^_^;;" เซริเรียกฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ที่จะใช้กับฉัน ก็เฉพาะเวลาที่เธอต้องการขอร้องให้ฉันช่วยอะไรบางอย่างเท่านั้น

                      "มีอะไรเหรอ?O_O"

                      "คือ...วันนี้เธอกลับบ้านคนเดียวได้มั้ยอ่ะ"

                      "หาOoOทำทำไมอ่ะ"

                      "ฉันจะไปเดทกับแฟนน่ะ...ได้มั้ยล่ะ น้ามามิจังเพื่อน love ขอวันนี้วันเดียว แล้ววันอื่นฉันจะไปส่งเธอที่บ้านทุกวันเลย"เซริพูดพลางกระพริบตาปริบๆแล้วมาเกาะแขนขอร้องฉัน ที่ฉันต้องให้ยัยเซริเดินเป็นเพื่อนไปส่งที่บ้านทุกวันก็เพราะว่าทางกลับบ้านของฉันมีพวกนักเรียนที่เกโรงเรียนไม่ค่อยไปโรงเรียนมาซุ่มสูบบุหรี่อยู่แถวนั้นบ่อยๆ ฉันเลยไม่ค่อยกล้าไปคนเดียว เลยเอายัยเซริไปด้วยเพราะเธอเรียนศิลปะการต่อสู้ ส่วนฉันนั้นไม่ได้เรียนเลยเอาตัวไม่ค่อยรอดเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น แต่ตอนนี้เพื่อนของฉันกำลังจะมีความสุขกับแฟนแล้วใครจะไปขัดได้ล่ะ

                      "ก็ได้^_^ฉัน(อาจจะ)ไม่เป็นไรหรอก"

                      "เย้ >O< รักมามิจังที่สุดเลย" เซริตะโกนแล้วกระโดดกอดคอฉันพาเข้าห้องเรียน เธอกำลังมีความสุข...ส่วนฉัน...จะรอดมั้ยเนี่ย T^Tแงงงงงงงง แค่วันเดียวไอ้พวกนักเรียนกลุ่มนั้นมันคงไม่ทำอะไรฉันหรอก(มั้ง) ฮือ...

                      +เลิกเรียน+

                      "กลับบ้านดีๆน่ะมามิจัง^O^"เซริพูดขึ้นเมื่อเราเดินมาถึงหน้าโรงเรียน เมื่อโรงเรียนเลิก แฟนเธอมารอรับอยู่ที่หน้าโรงเรียน เซริเดินไปหาแฟนของเธอแล้วโบกมือ บ๊าย บาย ฉัน ฉันโบกมือให้เธออย่างร่าเริง ส่วนในใจฉันนั้นเป็นยังไงทุกคนคงรู้ใช่มั้ยอ่ะTT_TTเพื่อเพื่อนๆ ท่องไว้ๆ

                      ฉันเดินกลับบ้าน ขณะนี้เวลา 6 โมงเย็นพอดีพระอาทิตย์กำลังทอแสงสีแดงสวยงาม  อีกไม่นานแถวบ้านฉันคงจะเริ่มมืดและเปลี่ยวแน่ๆ ทั้งที่ตอนกลางวันมันไม่น่ากลัวสักนิด แต่ตอนกลางคืนมันไม่ยักจะเป็นยังงั้นน่ะสิ

      ฉันเริ่มเดินเข้ามาถึงเขตบ้าน ก็เห็นนักเรียนชายกลุ่มนึงกำลังนั่งสูบบุหรี่ ฉันรีบเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วแล้วทำท่าใจดีสู้เสือไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ทั้งที่ในใจกลัวจะตายT^Tนี่ฉันขี้ขลาดไปรึเปล่าฟะ

                      "เฮ้!! สาวน้อย วันนี้ไม่มีเพื่อนมาส่งเหรอจ้ะ^_^"หนึ่งในนั้นลุกขึ้น เขาใช้เท้าบี้บุหรี่ แล้วเดินมาหาฉัน

                      "แหะๆๆ ไม่มีค่ะ ^_^;"ฉันยิ้มแห้งๆให้เขาแล้วรีบเดินหนี บ้านฉันอยู่ห่างไปอีกประมาณ 10 เมตรเองน่ะ อย่าเพิ่งมายุ่งกับฉันตอนนี้เลยดีกว่า แงงงงง

                      "จะรีบเดินไปไหนล่ะ อยู่คุยด้วยกันก่อนสิ"มันพูดแล้วดึงแขนของฉันไว้

                      "คือ...ว่า วันนี้งานฉันเยอะน่ะค่ะ เอาไว้วันหลังฉันจะมาคุยด้วยใหม่น่ะค่ะ^_^;;"ฉันบอกเขาแล้วรีบสะ- บัดแขนออก แต่ไอ้บ้านี่จับไว้แน่นชะมัดเลยอ่ะ แงงงงงง ทำไงดีอ่ะ เซริช่วยด้วย อ้วย อ้วย (เสียงเอคโค่)

                      "โถ่...แป็บเดียวเองน่า ฉันคุยไม่นานหรอก"มันพูดแล้วเริ่มดึงฉันไปทางกลุ่มที่พวกมันนั่งอยู่ ฉันพยาม-ยามขืนตัวไว้ แต่ทำไมไอ้พวกนี้มันถึงแรงเยอะนักน่ะ ฉันทำอะไรไม่ได้เลยต้องตามมันไป

                      "ดูสิฉันได้อะไรมา^^"มันคนที่ดึงฉันมา พูดกับพวกเพื่อนของมัน แล้วคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มก็ยืนขึ้น ถึงตอนนี้จะมืดแล้วแต่ฉันว่าตาฉันไม่ฝาดแน่นอนที่เห็นหัวหน้ากลุ่มของแก๊งนี้ คือ...แฟนของเซริน่ะOoO!!เป็นไปได้ยังไงกัน...

                      "หน้าตาน่ารักดีนี่...ไปเก็บมาจากไหนล่ะ^_^"คนที่ฉันคาดว่าน่าจะเป็นแฟนของเซริถามขึ้น

                      "หึๆ บ้านอยู่แถวนี้ก็เลยลากมาน่ะ"คนที่ดึงฉันมาบอก

                      "งั้นฉันขอตัวยัยคนนี้แป๊บน่ะ"

                      มันพูดจบก็ลากฉันออกมาทางอื่นทันทีมันพาฉันเดินเข้ามาในตรอกมืดๆที่ไม่ค่อยมีคนกล้าเข้ามาในตอนกลางคืน เมื่อมาถึงฉันรีบสะบัดข้อมือออกจากการจับกุมของมันทันที

                      "ทำบ้าอะไรน่ะ นายเป็นแฟนของเซริไม่ใช่เหรอ -O-^"ฉันถามขึ้น

                      "เซริเหรอ ฉันรู้จักน่ะ แต่ขอโทษ ยัยนั่นไม่ใช่แฟนฉัน^^"มันยิ้มเย็นๆแล้วตอบฉันกลับมา

                      "พูดบ้าๆ เมื่อตอนเย็นฉันยังเห็นนายไปเดทกับเซริอยู่เลย แล้วตอนนี้นายมาอยู่ที่นี่ได้ไงกัน?"

                      "เฮ้อ...บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ เรื่องของยัยเซริอะไรนั่นน่ะ ตอนนี้ไม่สำคัญหรอก สำคัญอยู่ที่ตอนนี้เธอมีอะไรอยู่ในกระเป๋าหนังสือนั่นมากกว่า"มันพูดแล้วมองไล่มาที่กระเป๋าหนังสือที่ฉันสะพายอยู่ข้างตัว

                      "อะไร...ฉันไม่ได้เอาอะไรสำคัญมานี่ นายพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ ^_^?"

                      "หนังสือสีดำนั่นไง ฉันต้องการมัน เอามาให้ฉันซะ"มันพูดอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วเดินเข้ามาใกล้ฉัน ฉันรีบเดินถอยหลังห่างออกมาทันที หนังสือสีดำที่มันพูด หมายถึงหนังสือที่ฉันเอามาจากห้องสมุดงั้นเหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายนี่ล่ะ หรือว่า...

                      "นายคือ ฮาเสะ จุน งั้นเหรอ"ฉันถามกลับไป

                      "หึๆๆ ถ้าใช่แล้วเธอจะทำไมล่ะ"มันยิ้มอย่างเย็นชา แล้วเดินเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น จนหลังของฉันติดกับกำแพงแล้ว มันจึงเอามือทาบกำแพงข้างๆฉันไว้ทันที นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย -O-^

                      "นายต้องบอกมาก่อน ว่านายต้องการมันไปทำไม ฉันเป็นคนหยิบมันมาจากห้องสมุดโรงเรียนของฉัน น่ะ"

                      "เธอไม่จำเป็นต้องรู้!!"มันเริ่มตะโกนใส่ฉัน วันนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ตอนนี้เวลาเพียงแค่ 1 ทุ่มทำให้ฉันเห็นเขี้ยวที่อยู่ตรงมุมปากของเขาอย่างชัดเจน แววตาของเขา...มันเหมือนไม่ใช่คน ถึงหน้าตาของเขาจะหล่อมากก็เถอะ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกกลัวมากกว่า

                      "ฉะ...ฉันไม่ให้!!"ฉันตะโกนใส่หน้าเขา นี่ยัยมามิเธอไปเอาความกล้ามาจากไหนกันเนี่ย =_= ไม่รู้สิ T^T

                      "งั้นฉันก็จำเป็น...ต้องฆ่าเธอ..."

                      มันพูดออกมาอย่างแผ่วเบาแล้วฉันก็รู้สึกว่าขยับร่างกายไม่ได้ แม้แต่จะอ้าปากพูดออกมายังไม่ได้เลย เขาก้มหน้าลงมาใกล้ๆคอของฉัน แต่ขณะที่เขาก้มลงมานั้นแวบนึงฉันก็เห็นเขี้ยวของเขายาวออกมา มันเหมือนแวมไพร์ ที่ฉันเคยเห็นในทีวีและหนังเลยนี่นา แล้วตอนนี้ฉันกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่กันแน่เนี่ย !T^T

                      เขี้ยวของเขาฝังลงที่คอของฉันอย่างช้าๆแต่มั่นคง นี่ฉันจะต้องตายแล้วเหรอเนี่ย แงงงง เดี๋ยวเจอนักเลงเดี๋ยวเจอผีดูดเลือด ทำไมแถวบ้านฉันมันถึงมีแต่อันตรายน่ะ ฮือ...TT_TT

                      "โอ๊ะ..."จู่ๆเขาก็อุทานออกมาแล้วกุมหัวตัวเองไว้ หน้าตาของเขาแสดงถึงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ฉันจับคอของตัวเองก็เห็นว่ามีรอยเลือดซึมออกมาเล็กน้อย แล้วฉันก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ฉันใส่ไม้กางเขนอันเล็กไว้ที่คอนี่นา แม่ให้ฉันมาก่อนที่ท่านจะตาย แต่ฉันไม่มีเวลาคิดอะไรมาก ฉันจึงรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

                      "อ้าว...เสร็จแล้วเหรอ!!!"คนที่จับตัวฉันมาตะโกนถามขึ้น เมื่อเห็นฉันวิ่งผ่านหน้ามันไปอย่างรวดเร็ว แต่ที่มันบอกว่าเสร็จน่ะ หมายถึงอะไรเสร็จฟะ แต่ฉันมีเวลาไม่มากจึงไม่สนใจมันแล้ววิ่งมาจนถึงบ้าน

                      ปัง!!! ฉันปิดประตูบ้านอย่างแน่นหนาแล้วเดินเข้าไปในบ้าน

                      "สวัสดีค่ะ คุณหนู^__^"ป้าแม่บ้านที่ทำงานอยู่ที่บ้านฉันทักทายด้วยรอยยิ้ม

                      "สะ...สวัสดีค่ะ"ฉันหอบแฮ่กๆแล้วยิ้มให้คุณป้าอย่างอ่อนแรง "แล้วคุณพ่อล่ะค่ะ"ฉันถาม

                      "ยังไม่กลับจากที่ทำงานเลยค่ะ ท่านฝากบอกว่าวันนี้มีประชุมค่ะ"

                      "งั้นเหรอค่ะ เอ่อ...คุณป้าค่ะ วันนี้ช่วยปิดบ้านให้แน่นหนาที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยน่ะค่ะ"

                      "อ้อ...ได้สิค่ะ"

                      "ค่ะ...ขอบคุณ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ"ฉันยิ้มให้คุณป้าแล้วเดินขึ้นไปบนห้องนอนทันที

                      ฉันอาบน้ำเสร็จก็กินนมแก้วนึงแล้วเดินมาอ่านหนังสือสีดำเล่มนั้นที่เตียง ฉันนอนอ่านมันไปๆมาๆนี่มันก็แค่หนังสือที่กล่าวถึงความเป็นมาของ ผีดูดเลือด หรือ แวมไพร์ เฉยๆนี่นา แล้วทำไมอีตาจุนนั่นถึงอยากได้หนังสือเล่มนี้ถึงกับจะฆ่าฉันได้น่ะ หรือเพราะว่าหนังสือเล่มนี้เป็นของเขาน่ะ ฉันอ่านไปเรื่อยๆ มันบอกไว้ว่า

                      ตำนานของ ชาวคาร์เพเทียน มิได้บอกว่าผีดิบขึ้นมาจากโลงที่ถูกฝังลึกลงไปได้อย่างไร เพราะผีดิบไม่ใช่วิญญาณแต่เป็นศพที่ไร้ลมหายใจจะแทรกโลงแทรกพื้นดินขึ้นมาไม่ได้แต่ตำนานกลับซ่อนปมเด่นของท่านเคานต์ ไว้ว่า"สามารถแปลงร่างเป็นค้างคาว เป็นหมาป่า เป็นกลุ่มควัน และมีอำนาจสะกดจิตในดวงตากล้าแข็งมากจนเมื่อได้สบตาเหยื่อแล้วเหยื่อจะไม่อาจขัดขืนให้ท่านเคานต์ดูดเลือดจากคอได้เลย"

                      อ๋อ...พราะอย่างนี้นี่เองทำให้ฉันขยับตัวไม่ได้ตอนที่เขา จะดูดเลือดของฉัน =_= แล้วมันไม่มีวิธีป้องกันผีดูดเลือดหรือไงน้า

                  ตำนานกล่าวว่าผีดูดเลือดมีทั้งชายและหญิง คนที่เป็นผีดูดเลือด เมื่อตื่นขึ้นจากความตายเป็นครั้งแรกจะระลึกถึงคนที่ตัวเองรักที่สุด และสนิทสนมที่สุด และเดินทางไปหา พร้อมกับใช้ความสนิทสนมดูดเลือดเหยื่อกินเพื่อต่อชีวิต ตำนานจึงบอกต่อไปอีกว่า คนที่เป็นผีดูดเลือดเป็นคนบาปหนา ตายแล้วไม่ได้รับการเหลียวแลจากคริสตจักร ไม่มีการประกอบพิธีศพ เป็นคนที่บาปหนาจนพระเจ้าทอดทิ้งเป็นคนที่มีจิตใจอำมหิตโหดร้ายและต้อง การจะเป็น ใหญ่ในโลกวิญญาณ

                      OoOถะ...ถึงกับถูกพระเจ้าทอดทิ้งนี่มันก็ เลวร้ายสุดๆไปเลยน่ะสิ มันก็น่าอยู่หรอกน่ะ=_= ก็ตอนนั้นเขายังจะดูดเลือดฉันอยู่เลยนี่นา แต่อ่านไปอ่านมายังไงฉันก็ไม่รู้อยู่ดีว่าทำไมเขาจะต้องเอาสมุดเล่มนี้คืนไปด้วยอ่ะ

                      พรึ่บ พรึ่บ เสียงลมตีผ้าม่านที่อยู่ตรงหน้าต่าง

                      ฉันเหลือบตาไปมองทางหน้าต่าง นี่ฉันไม่ได้ปิดหน้าต่างเหรอเนี่ย ฉันก็ว่าฉันปิดแล้วนี่นา ฉันเดินไปที่หน้าต่างเพื่อปิดแต่จู่ๆไฟในห้องนอนของฉันก็ดับลงอย่ารวดเร็วจนเหลือเพียงแสงจันทร์จากหน้าต่างเท่านั้นที่รอดเข้ามา ฉันตั้งสติปิดหน้าต่างจนทั้งห้องมืดสนิท แล้วเดินคลำทางไปในความมืดเพื่อหาสวิทเปิดไฟ>_<วันนี้ทำไมฉันถึงได้บรมโคตรซวยงี้น่ะ T_T ฉันเปิดไฟจนมันสว่างขึ้นทั้งห้อง แล้วฉันก็เห็นคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุดนั่งอยู่บนเตียงของฉันอย่างสบายใจเฉิบ -O-!!

                      "นะ นาย นาย มาได้ยังไงน่ะ!"ฉันถามจุนเสียงดัง

                      "ก็ปีนหน้าต่างขึ้นมาน่ะสิ ห้องนอนเธออยู่สูงชะมัด" เขาบอกฉันแล้วบ่นเบาๆ จากนั้นก็มองหน้าฉันแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็นมาให้

                      "กลับไปเดี๋ยวนี้เลยน่ะ ไม่งั้นฉันจะเรียกแม่บ้านขึ้นมา!!"

                      "ก็เรียกสิ หึๆ"

                      "ได้!! คุณปะ...อุ๊บ อื้อ..."เขารีบเอามือมาอุดปากฉันทันทีเมื่อฉันเริ่มตะโกนหาคุณป้า เขามองฉันอย่างเย็นชา

                      "ถ้าเธอส่งเสียงดังแม้แต่นิดเดียวน่ะ ฉันจะปล้ำเธอ" เขาบอก แล้วแยกเขี้ยวใส่ฉัน ทำให้ฉันเป็นใบ้ไปในทันทีทันใด

                      "ถึงฉันจะกัดเธอไม่ได้เพราะเธอมีไม้กางเขน แต่ฉันปล้ำเธอได้แน่"เขาขู่ฉัน แล้วดันฉันอย่างแรง จนฉันล้มลงบนเตียงแล้วเขาก็ขึ้นคล่อมฉันไว้อย่างรวดเร็ว แงงงงงงงTTOTTไอ้แวมไพร์หื่นกาม!!!

                      "นายต้องการอะไรอีกเล่าTTOTT"

                      "ฉันอยากได้หนังสือเล่มนั้นคืน…"

                      "ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ให้ นั่นมันหนังสือของโรงเรียนฉันน่ะ ถ้านายอยากได้ก็ไปขอซื้อต่อจากโรงเรียนฉันเองดิ!"ฉันว่าเขาอย่างกวนๆ

                      "หึๆ ถ้าฉันไปโรงเรียนของเธอจริงๆแล้วจะหนาว" เขาพูดออกมาอย่างน่ากลัว ทำให้ฉันรู้ตัวทันทีว่าพูดอะไรบางอย่างผิดไปซะแล้ว

                      "ฉันจะให้...ก็ต่อเมื่อนายบอกมาว่าต้องการ มัน-ไป-ทำ-ไม"ฉันพูดเน้นทุกถ้อยคำ

                      "เธอจะรู้ไปทำไม"

                      -O-เออ...จริงสิ ฉันจะอยากรู้ไปทำไมฟะ เออ...น่าเอาเป็นว่าอยากรู้ล่ะกัน

                      "ก็นั่น...มันเป็นสมบัติของโรงเรียนฉัน...ฉันก็ต้องอยากรู้เป็นธรรมดา"

                      "ฉันจะบอกเธอก็ได้...ถ้าเธออยากรู้ซะขนาดนั้นล่ะก็..."เขาบอกฉันแล้วลุกขึ้นจากตัวฉันไปนั่งอยู่ตรงปลายเตียง "ที่ฉันอยากมาเอาสมุดเล่มนั้นคืนก็เพราะว่ามันเป็นของฉันก่อนที่ฉันจะตายน่ะสิ"

                      "OoOงั้นก็หมายความว่านายตายแล้วงั้นเหรอ"

                      "จะเรียกว่าอย่างนั้นมันก็ใช่น่ะ ^^ ฉันกำลังหาวิธีส่งตัวเองกลับเข้าสู่อ้อมกอดของพระเจ้าอยู่น่ะ"

                      "แต่ในหนังสือเล่มนั้น...บะ...บอกว่าคนที่เป็นผีดูดเลือดถูกพระเจ้าทอดทิ้งไปแล้วเพราะบาปหนานี่นา แล้วนายจะกลับเข้าสู่อ้อมกอดของพระเจ้าได้งั้นเหรอ แล้วทำไมนายถึงตาย..."

                      "ในหนังสือเล่มนั้นมีวิธีอยู่ เพราะฉันเป็นคนค้นคว้าหาข้อมูลเองกับมือ ตอนที่ฉันยังไม่กลายเป็นแบบนี้แต่ฉันจำรายละเอียดไม่ได้!!"

                      "ละ...แล้วทำไม นายถึงตาย"

                      เขาหันมามองหน้าฉันด้วยแววตาสีดำสนิทที่ดูน่ากลัวของเขา แต่ทำไม... ตอนนี้ฉันถึงเห็นว่ามันน่าเศร้ามากกว่าล่ะเนี่ย

                      "เธอไม่จำเป็นต้องรู้...ฉันบอกเธอแค่นี้มันก็มากเกินพอแล้ว"

                      "แล้วนายจะไปกินเลือดจากที่ไหนล่ะ"

                      "ฉันจะไม่ดูดเลือดมนุษย์โดยไม่จำเป็น ส่วนมากฉันจะแอบเข้าไปดูดเลือดสัตว์ในฟาร์มมากกว่า"

                      เอื้อก!-O-ฉันกลืนน้ำลาย ด้วยความหวาดเสียว

                      "ฉันพอจะช่วยอะไรได้บ้างไหม"ฉันถามออกไป ฉันรู้แล้วล่ะว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดี +_+

                      "เอาหนังสือเล่มนั้นมาให้ฉัน"เขาตอบแทบจะในทันทีที่ฉันถามจบ ฉันค่อยๆลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นมาให้เขา

                      "ขอให้นาย...ทำได้สำเร็จน่ะ"ฉันอวยพรเขาขณะที่ยื่นหนังสือเล่มนั้นให้เขา

                      "ขอบใจ..."เขาพูดแล้วยิ้มให้ฉัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขายิ้มอย่างเต็มใจให้ฉัน ถึงแม้ว่ามันจะดูเศร้าก็เถอะ เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดหน้าต่าง ลมพัดเข้ามาพร้อมกับแสงของพระจันทร์เต็มดวงที่ดูสวยงาม ภาพของเขาที่กำลังจะปีนลงไปทางหน้าต่างนั้นทำให้ฉันนึกถึงภาพวาดที่อยู่ในโบสถ์ภาพนึง มันเป็นภาพที่ดูเศร้าสร้อยมาก เขาหันมายิ้มให้ฉันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกระโดดลงไปทันที

                      ฉันวิ่งไปที่หน้าต่าง ชะโงกหน้ามองหาเขาข้างล่าง แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่เงา...

                      +1 อาทิตย์ผ่านไป(ไวเหมือนโกหก)+

                      "มามิจังจ๋า..."เซริเรียกฉันเสียงหวานเมื่อฉันเดินเข้ามาในโรงเรียน

                      "มีอะไรเหรอ"

                      "วันนี้กลับบ้านคนเดียวน่ะจ้ะ ^_^;;;"

                      "อะไรน่ะ!! อีกแล้วเหรอ -O-^"

                      "อืม...ขอโทษน่ะ ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้ว น่ะ นะ นะ มามิจังที่ love"เซริพูดแล้วทำตาปริบๆ

                      "เธอไปเดทกันบ่อยจังเลย กลัวแฟนนอกใจรึไงพักเนี้ย"

                      "ไม่ใช่ๆ วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของพี่ชายเขาน่ะ"

                      "หืม...แฟนเธอมีพี่ชายด้วยเหรอ"

                      "อุ้ย...มีสิจ้ะ เขามีพี่ชายฝาแฝดชื่อ ฮาเสะ จุน น่ะแต่เขาตายไปแล้วล่ะน่ะ ฮะๆๆ"

                      "ละ...แล้วทำไมเขาถึงตายล่ะ"ฉันถามเสียงสั่น ที่แท้ จุนก็เป็นพี่ชายฝาแฝดของแฟนเซรินี่เอง

                      "ฉันบอกแล้วเธอก็เงียบไว้น่ะ"เซริกระซิบบอกที่ข้างหูฉันเสียงเบา

                      "พี่ชายของจินโนะ(ชื่อแฟนของเซริ) น่ะ เขาชอบเรื่องเกี่ยวกับแวมไพร์มาก เลยศึกษาค้นคว้าโดยการเดิน ทางไปที่ทวีปยุโรป ประมาณแถวทรานซิลวาเนีย อะไรสักอย่างเนี่ยแหละ แล้วเขาก็...หายสาบสูญไปเลยหลายปี จนไม่กี่ปีมานี้ประเทศนั้นเขาก็ส่งเรื่องมาบอกว่า...พี่ชายของเขาตายแล้ว"

                      "ละ...แล้วไงต่อ..."

                     "อันนี้เป็นความลับสุดยอดเลยน่ะ..."เซริปรับเสียงให้เบาลงกว่าเดิม"ศพของพี่ชายเขาน่ะตรงคอมีรอยถูก กัดอยู่ 2 รอย ซึ่งครอบครัวเขาก็บอกว่าเขาอาจโดนแวมไพร์กัดมาก็ได้ล่ะ แต่ว่าสำหรับคนทั่วไปมันอาจจะดูงมงายก็ได้ ครอบครัวเขาเลยปิดเป็นความลับ ฉันก็เพิ่งรู้ตอนจินโนะเล่าให้ฟังนั่นแหละ"

                      "งะ...งั้นเหรอ"เมื่อฉันได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ก็รู้สึกว่าร่างกายแข็งทื่อไปในทันที งั้นเขาก็คงเป็น...

                      แวมไพร์จริงๆใช่มั้ย

                      เวลาผ่านไปจนถึงเวลาเลิกเรียน เซริออกไปหาแฟนของเธอ ส่วนฉันก็เดินกลับบ้านเพียงคนเดียว ไม่รู้ว่าตอนนี้จุนจะหาวิธีหลุดพ้นจากบ่วงกรรมของผีดูดเลือดได้รึยัง ฉันก็พยายามภาวนาขอให้เขาทำได้สำเร็จอยู่เหมือน กันน่ะเฮ้อ =_=

                      ฉันเดินมาจนถึงบริเวณของนักเรียนที่ซุ่มสูบบุหรี่กันอยู่แถวบ้านฉัน วันนี้ฉันมองหาจุนผ่านพวกนักเรียนกลุ่มนั้น จนคนที่ดึงฉันไปหาจุนวันนั้นเห็นฉันเข้า

                      "อ้าว...สาวน้อย วันนี้กลับคนเดียวอีกแล้วหรอจ้ะ^_^"

                      "ค่ะ...แล้วจุนไปไหนเหรอค่ะ วันนี้"

                      "ทำไมล่ะ  ติดใจไอ้จุนมันเหรอ ^_^"

                      "มะ...ไม่ใช่ค่ะ คือฉันแค่...แค่ เป็นห่วงเขาเฉยๆน่ะค่ะ"

                      "อืม...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะไอ้จุนมันไม่ได้มาที่นี่ 1 อาทิตย์แล้วล่ะ"

                      "เหรอค่ะ...งั้นฉันไปล่ะค่ะ"ฉันลาเขาแล้วเดินกลับบ้านทันที สงสัยเขาคงเห็นหน้าตาของฉันเศร้าๆล่ะมั้งเลยปล่อยให้เดินมาเฉยๆไม่ทำอะไร จะว่าไป...ทำไมฉันจะต้องเป็นห่วงอีตาจุนอะไรนั่นด้วยนี่

                      ฉันกินข้าวเย็นเสร็จก็เดินขึ้นมาบนห้องนอนทันที ตอนนี้ 3 ทุ่มแล้ว วันนี้เป็นคืนพระจันทร์เสี้ยว ฉันปิดไฟในห้องนอนไว้ เลยทำให้มีแสงจากพระจันทร์ส่องรอดหน้าต่างที่ฉันไม่ได้ปิดเข้ามาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่ฉันกำลังเคลิ้มๆจะหลับนั้น ก็ได้ยินเสียง กุกกักๆ ตรงหน้าต่าง ทำให้ฉันลืมตาตื่นขึ้นทันที ฉันลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วฉันก็เห็นร่างคุ้นตากับใบหน้าคมเข้มของเขาผ่านแสงของดวงจันทร์

                      "นาย...มีเรื่องอะไรเหรอ"ฉันถามออกไป ส่วนในใจก็นึกดีใจอยู่เหมือนกันที่เห็นหน้าเขา

                      "ฉันมีเรื่องต้องให้เธอช่วยแล้วล่ะ"เขาตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆ

                      "ช่วยอะไรOoO?"

                      "ตามฉันมาสิ..."เขาบอกแล้วกวักมือให้ฉันไปทางหน้าต่าง ฉันเดินตามเขาไปอย่างงงๆ อย่าบอกน่ะว่าเขาจะให้ฉันกระโดดลงหน้าต่างไปแบบเขาอ่ะ

                      "นายจะให้ฉันทำอะไรน่ะ"

                      "ก็ไปกับฉันน่ะสิ"

                      "เฮ้ย –O-!!...แล้วจะให้ฉันไปยังไง"

                      "เดี๋ยวฉันก็พาไปได้เองล่ะน่า"

                      "นายจะทำ...กรี๊ด!!!!!"ฉันหลับตาปี๋แล้วกรี๊ดเสียงดังลั่น เมื่ออยู่ดีๆอีตาบ้านี่ก็อุ้มฉันแล้วจับโยนลงไปจากทางหน้าต่าง ห้องนอนของฉันมันอยู่ชั้น 2 น่ะแต่อีตานี่ดันโยนลงมายังกับฉันอยู่ชั้น 1 อย่างงั้นแหละ

                      อ๊ากกกกกกกกกกก

      เวลาแห่งความหวาดเสียวผ่านไปเนิ่นนาน จนในที่สุดฉันก็ได้ยินเสียงจุน

                      "ลืมตาได้แล้ว"

                      "ไม่เอา แงงงงง ฉันตายแล้วใช่มั้ย พระเยซูเจ้าช่วยลูกด้วย"ฉันโวยวายแล้วหลับตาปี๋ไม่ยอมลืมตาเด็ดขาด

                      "ยัยบ๊อง! ถ้าเธอไม่ลืมตาแล้วจะเห็นมั้ยเนี่ย!" จุนตะคอกใส่ฉันอย่างเอือมระอา ฉันค่อยๆหลี่ตาขึ้นมองภาพตรงหน้าอย่างช้าๆ เมื่อฉันปรับโฟกัสภาพตรงหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แล้วสิ่งที่ฉันเห็นก็คือ

                      OoO!!สุสาน!

                      "เมื่อไรเธอจะลงไปยืนข้างล่างซักทีล่ะเนี่ย -_-^"

                      "หืมO_O?"ฉันมองสำรวจตัวเองแล้วก็พบว่าจุนกำลังอุ้มฉันอยู่ ส่วนฉันก็กำลังกอดคอเขาแน่น ฉันรีบกระโดดลงจากอ้อมแขนของจุนด้วยความเขินบวกอายทันที +///+

                      "จะว่าไป...นายพาฉันมาที่นี่ทำไมกันเนี่ย"ฉันถามขึ้นด้วยความสงสัย แล้วเริ่มใช้สายตากวาดสำรวจไปทั่วสุสานทันทีวันนี้มีเมฆมากทำให้บรรยากาศในสุสานดูอึมครึมน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ลมพัดเอื่อยๆทำให้อากาศหนาวเย็นพอสมควร ขนฉันลุกซู่ขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

                      "ฉันมีเรื่องให้เธอช่วย...เป็นครั้งสุดท้าย..."จุนพูดด้วยรอยยิ้มสดใสแต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเศร้า แวบนึงฉันเห็นน้ำในดวงตาของเขา

                      "ระ...เรื่องอะไรเหรอ"

                      "^_^จำเรื่องที่ฉันเล่าให้ฟังคืนนั้นได้มั้ย ที่บอกว่าฉันกำลังหาทางกลับเข้าสู่อ้อมกอดของพระเจ้าอยู่น่ะ..."เขาพูดเสียงแผ่วเบา"ฉันหาวิธีได้แล้วล่ะ..."

                      "แล้ว...จะให้ฉันช่วยยังไง"ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไร เพราะฉันกลัวว่าวิธีของเขาจะตรงกับวิธีที่ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มนั้นของเขา

                      "ตามฉันมาสิ"

                      จุนพูดแล้วเดินนำฉันไปยังโบสถ์ร้างที่ตั้งอยู่ในสุสาน สภาพของมันดูทรุดโทรมไปตามกาลเวลา คืนนี้เป็นคืนข้างแรม ทำให้เห็นโบสถ์อยู่ในเงามืดสลัวดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อก้อนเมฆที่บดบังดวงจันทร์เริ่มเลื่อนออกก็ทำให้ฉันเห็นไม้กางเขนอันเล็กติดอยู่ที่ส่วนหน้าของหลังคาโบสถ์

                      แอ็ดดดดดดด

                      จุนค่อยๆเลื่อนประตูโบสถ์เปิดออกอย่างช้าๆ มีเศษไม้กระเด็นออกมาเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะมีปลวกจำนวนมากมากัดแทะ ฉันมองสำรวจไปรอบๆโบสถ์ ดูโดยรวมก็เหมือนโบสถ์ทั่วไปมีที่นั่งเรียงอยู่เป็นแถวๆส่วนด้านหน้าก็มีหินอ่อนแกะสลักเป็นรูปพระเยซูถูกตรึงติดอยู่กับไม้กางเขนดูมีราคา แต่คงไม่ค่อยมีคนเข้ามาในโบสถ์นี้มั้งหินอ่อนที่สวยงามเช่นนี้จึงไม่ถูกเคลื่อนย้ายไปที่อื่น

                      "นายจะให้ฉันทำอะไร"ฉันถามขึ้นเบาๆทำลายความเงียบที่โอบล้อมฉันกับเขาไว้

                      "ฉันต้องการให้เธอใช้นี่..."จุนพูดแล้วหยิบกริชเงินอันนึงออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา จากนั้นเขาก็เอากริชนั้นมาใส่มือของฉัน ฉันมองหน้าเขาสลับกับกริชด้วยความงงงวย

                      "ใช้กริชนี่...แทงที่หัวใจของฉัน..."เขาพูดต่อให้ฉันคลายความงง แล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของฉัน ในที่สุดเขาก็เลือกวิธีนี้จริงๆด้วยสิน่ะ ฉันรู้สึกถึงน้ำตาที่เริ่มรื้นขึ้นมาที่ขอบตาของฉัน

                      "ฉัน...ฉันทำไม่ได้! นายจะให้ฉันทำไปเพื่ออะไร!"ฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

                      "ถึงฉันจะอยู่บนโลกนี้ต่อไป ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกน่ะ... เธอก็รู้ว่าคนที่เป็นแวมไพร์อย่างฉันน่ะเป็น...เป็นคนที่ถูกพระเจ้าทอดทิ้ง..."

                      "ฮึก... ฉัน... ฉัน... ช่วยบอกหน่อยได้มั้ยทำไมนายถึง...กลายเป็นแวมไพร์" ฉันสะอึกเล็กน้อยแล้วถามในสิ่งที่อยากรู้มากที่สุดออกไป

                      "ฉัน...ช่วยเด็กผู้หญิงคนนึงไว้จากการถูกแวมไพร์ดูดเลือด...ฉันเลยต้องเป็นแบบนี้"เขาพูดขึ้นเบาๆเหมือนไม่อยากให้ฉันรู้ ฉันกำกริชในมือแน่นจนสั่น ถ้าฉันไม่ฆ่าเขาซะ เขาก็ต้องทนทุกข์ทรมานต่อไป ไม่มีเหตุผลอะไร...ที่ฉันจะรั้งเขาไว้ได้เลย ที่สำคัญฉันต้องเป็นคนลงมือฆ่าเขาเอง เพราะฉันเป็นคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเป็นแวมไพร์ แม้แต่ พ่อ แม่ และน้องของเขาก็ไม่รู้

                      "โอเค...ฉันจะทำ..."ฉันบอกเขา แล้วกำกริชในมือให้กระชับมากยิ่งขึ้น จุนมองหน้าฉันแล้วค่อยๆหลับ ตาลงช้าๆอย่างสงบ ฉันกลั้นใจกลืนก้อนน้ำตาลงไปจากนั้น...

                      ฉึก!!

                      เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากร่างกายของเขา ฉันไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ ฉันค่อยๆเอามือปิดปาก เพื่อกลั้นเสียงสะอื้น จุนยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายแล้วค่อยๆทรุดลงไปนั่งกับพื้น ฉันรีบนั่งลงประคองจุนไว้ ความจริงฉันอยากจะดึงกริชออกจากร่างกายของเขาใจจะขาด แต่ฉันก็ทำแบบนั้นไม่ได้ นี่เป็นวิธีปลดปล่อยเขาได้ดีที่ สุด น้ำตาของฉันค่อยๆหยดลงบนใบหน้าของเขา

                      "ถ้าชาติหน้ามีจริง...ฉัน...ขอให้เราพบกันใน...สภาพที่ดีกว่านี้...น่ะ"จุนพูดเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ค่อยๆหลับตาลงอย่างสงบ...

                     

                      +2 อาทิตย์ผ่านไป+

                      วันนี้เป็นวันที่ครอบครัวของฉันได้พร้อมหน้ากันเป็นครั้งแรก หลังจากจุนจากไป ฉันพยายามทำใจมาตลอด 2 อาทิตย์ ทุกเย็นฉันจะไปสวดภาวนาที่โบสถ์ทุกวัน โดยขอให้จุนมีความสุขแล้วกลับมายังโลกมนุษย์เร็วๆ ฉันก็ขอไปอย่างนั้นแหละทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้

                      "มามิจัง...หนูเป็นอะไรไปน่ะ ไม่ค่อยกินข้าวเลยน่ะ"พ่อของฉันถามขึ้น

                      "เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ช่วงนี้หนูกำลังไดเอทอยู่น่ะค่ะ"

                      "งั้นเหรอ พ่อว่าลูกผอมอยู่แล้วนา..."

                      "แต่สำหรับวัยรุ่นมันอ้วนเกินไปน่ะค่ะ" ฉันรีบสวนตอบพ่อทันทีก่อนที่พ่อจะสงสัยอะไรไปมากกว่านั้น

                      "อืม...พ่อก็แค่กลัวว่าเดี๋ยวแม่ของลูกมองลงมาจากสวรรค์ แล้วเห็นลูกของเราผอมเกินไป ก็จะคิดว่าพ่อ เลี้ยงดูลูกไม่ดีน่ะสิ  ฮะๆๆ"พ่อของฉันพูดเล่นๆแต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง

                      "เอ่อ...คุณพ่อค่ะ"

                      "หือ...มีอะไรเหรอ"

                      "พ่อ...คิดว่า แวมไพร์หรือผีดูดเลือดมีจริงรึเปล่าค่ะ"ฉันลองเสี่ยงถามขึ้น พ่อของฉันสำลักข้าวเล็กน้อย แล้วค่อยๆยกน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มให้โล่งคอ

                      "ทำไมจู่ๆถึงถามอย่างนั้นล่ะ..."

                      "หนู ก็แค่อยากรู้น่ะค่ะ เห็นว่ามันมีละครกับหนังสือออกเรื่องเกี่ยวกับแวมไพร์เยอะน่ะค่ะ"

                      พ่อของฉันมองหน้าฉันแล้วค่อยๆ รวบช้อนกับซ้อมวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ แล้วเอ่ยขึ้น

                      "มันก็ต้องแล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลน่ะลูก เรื่องพวกเนี้ย ถ้าไม่เจอกับตัวเองก็ไม่มีทางเชื่อหรอก อย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลยน่ะ แม้แต่พ่อยังเคยเจอเรื่องเกี่ยวกับแวมไพร์มาก่อนเลย" พ่อของฉันพูดเบาๆในประโยคสุด ท้ายเหมือนไม่อยากให้ใครได้ยิน

                      "หมายความว่าไงค่ะ"

                      "มันก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกนั่นแหละ แต่ลูกจะทำใจยอมรับความจริงนี้ได้รึเปล่าเท่านั้นน่ะแหละ ตอนนี้ลูกก็โตพอแล้ว พ่อคิดว่าถ้าลูกอยากรู้พ่อก็จะเล่าให้ฟัง"

                      "หือ...เล่า...เล่าเลยค่ะ"

                      "อืม...มันก็นานมาแล้วล่ะน่ะเรื่องนี้ ก็จำตอนที่พ่อพาลูกไปเที่ยวทรานซิลวาเนียตอนอายุ14ได้มั้ยล่ะ"พ่อฉันพูดเสียงเบามากขึ้นเรื่อยๆ แล้วภาพในอดีตก็เริ่มเข้าสู่ความทรงจำของฉัน มันคือเรื่องที่ฉันอยากลืมมากที่สุดในชีวิต แล้วฉันก็ลืมมันได้สำเร็จตอนที่ฉันอายุ 16 แล้วตอนนี้ฉันก็กำลังจะจำมันได้อีกครั้ง ความทรงจำที่โหดร้ายที่สุดของเด็กอายุ 14 ...

                      +ทรานซิลวาเนียปี2002+

                      "มามิจังรอพ่อตรงนี้น่ะ อย่าเดินไปไหนล่ะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว"

                      "ค่ะพ่อ^_^"ฉันขานรับอย่างร่าเริงแล้วเดินไปนั่งที่ม้านั่งของสวนสาธารณะแห่งนี้ ฉันก้มลงมองดูนาฬิกาก็พบว่าขณะนี้เวลา 5 ทุ่ม 45 นาทีแล้ว พ่อเพิ่งพาฉันไปงานเลี้ยงของเพื่อนสนิทที่เพิ่งแต่งงานมาทำให้เลิกดึกนิดหน่อย และตอนนี้พ่อก็กำลังจะเดินไปซื้อน้ำมาให้ฉันเพราะฉันเกิดหิวน้ำขึ้นมากะทันหัน

                      ซ่าๆๆ เสียงลมพัดแรงขึ้นจนทำให้ใบไม้บริเวณนั้นปลิวว่อนไปทั่ว คู่รักที่กำลังนั่งพลอดรักกันในสวน สาธารณะเมื่อตะกี้นี้เดินออกไปแล้ว ทำให้เหลือแต่ฉันเพียงคนเดียวที่ยังนั่งรอพ่ออยู่ตรงนั้น ความรู้สึกกลัวเริ่มเข้าครอบงำจิตใจของฉัน

                      "เมื่อไรพ่อจะมาน่ะ -_-"ฉันบ่นออกมาเบาๆ

                      กรอบ แกรบ กรอบ แกรบ เสียงเหมือนมีคนเดินย่ำเท้าบนใบไม้กรอบแห้งๆ ฉันเงยหน้าขึ้นมามองทันที

                      ...ไม่มีคนอยู่ตรงนั้น...

                      ละ...แล้วเสียงมันมาได้ยังไงกัน ฉันเริ่มหันซ้ายหันขวา ชะเง้อคอดูว่าพ่อมารึยัง แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แวว ฉันจึงตัดสินใจลุกขึ้นยืนเพื่อเดินไปตามหาพ่อดีกว่ามานั่งรอตรงนี้คนเดียวแน่

                      "แฮ่!!!"

                      "กรี๊ด!!!!"

                      ตอนที่ฉันลุกขึ้นยืนนั้นฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งหน้าซีดๆเดินมาใกล้ฉันมากทำให้ฉันตกใจกรี๊ดออกไปเสียงดัง ฉันเดินถอยหลังออกมาช้าๆด้วยความกลัว

                      ผู้ชายคนนี้ มีผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ขากางเกงขาดหลุดลุ่ย อายุน่าจะประมาณ 30 กว่าๆ หน้าตาเหมือนอดหลับอดนอนมาหลายคืน แล้วที่สำคัญคือ

                      -O-เขามีเขี้ยว!!

                      "เอ่อ...คุณลุงจะไปไหนเหรอค่ะ^_^;;;"ฉันถามคุณลุงคนนั้น แต่เหมือนเขาจะไม่ได้ยินที่ฉันถาม คุณลุงเริ่มเร่งความเร็วในการเดินมาหาฉันมากขึ้นเรื่อยๆ จนหลังของฉันชนกับหอนาฬิกาที่อยู่ใจกลางสวนสาธารณะ

                      ลุงคนนั้นเดินมาจนถึงตัวของฉันแล้วเอามือจับตัวของฉันไว้ ฉันไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะทำอะไรเลยยืนอยู่เฉยๆ เพราะนึกว่าคุณลุงคนนั้นจำคนผิดเลยเดินเข้ามาหาฉัน แต่ฉันก็เริ่มรู้ตัวว่าคิดผิดเมื่อคุณลุงเริ่มก้มหน้าแล้วเอาเขี้ยวมาใกล้คอของฉัน

                      "กรี๊ด!! คุณลุงจะทำอะไรน่ะค่ะ!!!>O<"ฉันดิ้นแล้วดันลุงคนนั้นออกไป แต่ก็ดันไม่ออก ฉันหลับตาปี๋ยอมจำนนต่อชะตากรรม...

                      ผัวะ!!!!

                      คุณลุงโดนชกจนกระเด็นล้มไปอีกทาง ฉันเงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นผู้ชายชายคนหนึ่ง กำลังกระหน่ำชกคุณลุงคนนั้นอยู่

                      "พี่ค่ะ พอเถอะค่ะ"ฉันเดินไปดึงแขนพี่ชายคนนั้นขึ้นมาให้เลิกทำร้ายลุงคนนั้น

                      "ออกไป!!!ไอ้ลุงคนเนี้ยมันไม่ใช่คน!!น้องออกไปซะ!!!!!!!!"พี่คนนั้นหันมาตะโกนใส่ฉันเสียงดังจนฉันสะดุ้ง จึงเดินออกมาห่างๆจากรัศมีการต่อสู้ พี่ชายคนนั้นดึงมีดเงินเล่มนึงขึ้นมาจากกระเป๋าที่สะพายมาแล้วง้างขึ้นหมายจะแทงหัวใจของลุงตรงหน้า ฉันหลับตาปี๋ เพราะไม่อยากเห็นภาพหวาดเสียวตรงหน้า

                      "อ๊าก!!!!!"

                      เสียงของพี่ชายคนนั้นดังขึ้นฉันรีบลืมตาขึ้นดูทันทีแล้วฉันก็เห็นว่าลุงคนนั้น กำลังดูดเลือดจากคอของพี่ ชายคนนั้นอยู่ O_O มันเป็นไปได้ยังไงกัน!! ในเมื่อตะกี้นี้พี่ชายยังจะแทงคุณลุงอยู่เลยนี่นา ฉันมองไปที่พื้นก็เห็นมีดของพี่คนนั้นกระเด็นมาหล่นอยู่             

                      "พะ...พี่ค่ะ"ฉันเรียกพี่ชายคนนั้นเสียงสั่นด้วยความกลัว

                      "ฉัน...บอก...ให้เธอ...ออกไปไงเล่า!!!!!!"พี่คนนั้นตะคอกออกมา ฉันน้ำตาแตกทันที

                      ฉันวิ่งออกมาจากสวนสาธารณะเพื่อมาตามหาคนไปช่วยพี่ชายคนนั้น แล้วฉันก็วิ่งไปชนพ่อเข้า

                      "มามิจัง...ลูกจะไปไหนน่ะ"พ่อของฉันถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

                      "พ่อขาTTOTTไปช่วยพี่คนนั้นด้วยน่ะค่ะ ช่วยเขาด้วย!!!"

                      "ชะ...ช่วยใครล่ะลูก"

                      "พะ...พี่ชายค่ะ...พี่ชายคนนั้นน่ะค่ะ...อ่ะ"ฉันพูดด้วยความรวดเร็วจนโรคหัวใจกำเริบแล้วก็สลบไป

                      "มามิจัง!!!"

                      หลังจากนั้นฉันก็เป็นโรคประสาทด้วยความคิดมากจนต้องเข้ารักษาตัวกับจิตแพทย์เป็นเวลา 2 ปี ฉันจึงลืมเรื่องทั้งหมดแล้วกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติได้เหมือนเดิม

                      +ญี่ปุ่นปัจจุบัน+

                      "ลูกเป็นอะไรรึเปล่า มามิจัง"พ่อของฉันถามขึ้นเมื่อเห็นฉันเงียบไปนาน

                      "มะ...ไม่มีอะไรค่ะ...หนูอิ่มแล้ว ขอตัวขึ้นห้องเลยน่ะค่ะ"

                      "จ้ะ^_^"พ่อฉันยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

                      ฉันเดินขึ้นบันไดมาจนถึงห้องนอน ฉันล็อกประตูแล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงนอน พลางเอามือก่ายหน้า ผาก แล้วใช้สมองครุ่นคิดอย่างหนัก

                      ฉันจำเรื่องทั้งหมดได้แล้ว พี่ชายที่มาช่วยฉันไว้ตอนนั้นคือ ฮาเสะ จุน งั้นเหรอ แล้วทำไมเขาต้องมาช่วยฉันด้วยล่ะ ทำไมกัน หรือเป็นแค่เพราะว่า เขาเห็นฉันเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวไม่มีทางชนะไอ้แวมไพร์คนนั้นได้เขาจึงมาช่วยฉันไว้ ทำให้เขาต้องกลายเป็นแวมไพร์ไปแทนฉัน ความรู้สึกผิดค่อยๆก่อตัวเข้าสู่จิตสำนึกของฉัน ฉัน...ควรจะทำยังไงดีถึงจะลบล้างความผิดนี้ได้น่ะ...ฮือ...จุน ฉันขอโทษ...

                     

                      +7 ปีผ่านไป...+

                      "คุณอุเอโนะ...คุณอุเอโนะ มามิค่ะ"

                      "อ่ะ...หืมมีอะไรค่ะ"ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเพราะมัวแต่มองออกไปนอกหน้าต่างเพลินไปหน่อย

                      "จะให้คนไข้รายต่อไปเข้ามาเลยรึเปล่าค่ะ"

                      "เอาเข้ามาได้เลยจ้ะ^_^"

                      นางพยาบาลคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินออกไปตามคนไข้เข้ามา ฉันนั่งเหม่อมองออกไปทางนอกหน้าต่างอีกครั้ง นี่ก็ 7 ปีแล้วสิน่ะ ป่านนี้เขาคงอยู่ที่ไหนสักแห่งบนสวรรค์สิน่ะ

                      +ย้อนรำลึกอดีต+

                      'สิ่งที่พี่จุนอยากทำในอนาคตน่ะเหรอO_O?'หลังจากที่ฉันคิดอยากจะตอบแทนจุนแล้วฉันจึงเดินทางไปหาน้องชายของเขาเพื่อถามว่าสิ่งที่จุนอยากทำในอนาคตคืออะไรทันที

                      'ใช่...นายพอจะรู้มั้ยจินโนะ'

                      'ฉันเคยเห็นพี่จุนเลือกคณะในมหาลัยว่าอยากเป็นหมออ่ะ'

                      'หรอ...หมอเกี่ยวกับอะไรล่ะ'

                      'คงจะเป็นหมอเด็กน่ะแหละเพราะพี่จุนเขารักเด็กอ่ะน่ะ...อืม...น่าจะใช่นะ'

                      'อืม...ขอบใจน่ะ'ฉันขอบใจจินโนะพลางคิดในใจว่าต้องเป็นหมอเด็กให้ได้เลย แล้วตอนนี้ฉันก็ทำมันสำเร็จแล้ว...

      + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

                      "สวัสดีครับคุณหมอ^O^"

                      "อ้าว...สวัสดีจ้ะ วันนี้ กินตะจัง มาคนเดียวหรอจ้ะ^_^" ฉันแปลกใจเล็กน้อย ที่เห็นคนไข้ประจำตัวน้อยของฉัน รายนี้เดินเข้ามาคนเดียว

                      "คร้าบบบบ...ผมเก่งมั้ยครับ ผมนั่งรถเมล์มาคนเดียวเลยน่ะครับ^O^"กินตะจังพูดพร้อมกับยกแขนขึ้นมา 2 ครั้งทำท่าเบ่งกล้ามให้ฉันดู

                      "จ้า^_^เก่งมากเลย แต่ที่หลังให้คุณแม่มาส่งดีกว่าน่ะ มาคนเดียวมันอันตรายน่ะจ้ะ"

                      "คร้าบผม^O^/"

                      "เอาล่ะ...วันนี้แผลเป็นยังไงบ้างจ้ะ"

                      "เมื่อคืนนี้คันนิดหน่อยครับ แต่พอผมทายาก็หายเลย^O^"

                      "โอ้...หรอจ้ะ ไหนขอแผล ให้คุณหมอดูหน่อยสิค่ะ"

                      "คร้าบ^O^"กินตะจังยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้ววิ่งมาใกล้ๆฉัน เด็กชายตัวน้อยเปิดแขนเสื้อให้ฉันดู ก็เห็นผื่นสีแดงเม็ดเล็กเต็มแขนเต็มไปหมด แต่ที่ดูนี่ก็คงอาการดีกว่าเดิมแล้วล่ะ เพราะตอนที่มาหาฉันครั้งแรกเขาร้องไห้งอแงตลอดเวลาแล้วตุ่มสีแดงบางตุ่มนี่ก็มีหนองด้วย พอสรุปอาการแล้วฉันก็พบว่าเด็กคนนี้แพ้เหงื่อ

                      "ใกล้หายแล้วนี่จ้ะ อย่าเกาและก็อย่าให้เหงื่อออกน่ะจ้ะจนกว่าจะหายดี^_^"

                      "ครับ^O^งั้นผมกลับได้รึยังอ่ะครับ"

                      "กลับได้เลยจ้า แต่รอเอายาที่เคาน์เตอร์ก่อนน่ะจ้ะ"

                      "คร้าบผม"กินตะจังทำถ้าตะเบะ เขายิ้มให้ฉันอย่างร่าเริงแล้วเดินออกไป ฉันเตรียมเก็บของกลับบ้าน เพราะวันนี้ฉันนัดกับเซริไว้ว่าจะไปกินข้าวที่ร้านอาหารจีนเปิดใหม่สักหน่อย ฉันเดินออกมาจากห้องทำงาน แล้วเดินตรงไปที่โรงเก็บรถใต้อาคารทันที

                      พลั่ก!!!!!!!

                      "โอ้ย!!"เมื่อกี้ตอนที่ฉันรีบเดินมาฉันก็รู้สึกว่าชนอะไรบางอย่างแข็งๆเข้า

                      "ขอโทษครับ...เป็นอะไรรึเปล่า"

                      "ไม่เป็นไรค่ะ"ฉันบอกเขาแล้วลุกขึ้นปัดฝุ่นออก ก็เห็นแฟ้มเอกสารประวัติคนไข้ของฉันหล่นกระจายอยู่เต็มพื้นทางเดิน ฉันจึงเดินไปเก็บเอกสารพวกนั้นขึ้นมาทันที แล้วฉันก็เห็นผู้ชายคนนั้นก้มลงช่วยฉันเก็บด้วย จน ถึงแผ่นสุดท้าย เรา 2 คนก็บังเอิญจับมันพร้อมกันทำให้มือไปโดนกันเข้า

                      ฉันเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาพร้อมกัน

                      "เอ่อ...ขอโทษครับ บังเอิญมือมันโดน…"

                      "มะ...ไม่เป็นไรค่ะ" ฉันบอกเขาแล้วดึงเอกสารแผ่นนั้นเข้ามาเก็บไว้ในแฟ้มอย่างรวดเร็ว ฉันก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาเขาเพราะกลัวเขาจะจับได้ว่าฉันกำลังหน้าแดงอยู่ ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงคุ้นหน้าเขาอย่างบอกไม่ถูก

                      "เอ่อ...ถ้าไม่เป็นการเสียเวลาผมจะ ขอเลี้ยงอาหารเย็นเป็นการขอโทษได้มั้ยครับ^_^"

                      "กะ...ก็ได้ค่ะ^///^"

                      แล้วรักอันสดใสของฉันก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับดวงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าในตอนเย็น แม้ว่ามันจะดูเหมือนเป็นการลาจากอะไรบางอย่าง แต่ฉันก็รู้สึกว่าฉันคงใกล้จะได้เริ่มต้นรักครั้งใหม่ กับผู้ชายบางคนแล้วล่ะ...

                      +ร้านอาหารจีน+

                      "ฮึ่ย...ยัยมามินัดไว้ก็ไม่มาไปกินขี้อยู่ที่ไหนน่ะ!!-O-!!!!!!!!"เซริตะโกนขึ้นก้องร้านอาหารจีน ด้วยความโมโห แต่ขอโทษน่ะตอนนี้ฉันกำลังแฮปปี้จ้ะ กินคนเดียวไปก่อนแล้วกัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ^O^

      The end

                      Mary

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×