[Yaoi] คุณครับ...รับรักนักสืบสักคนไหม? เบาะแสที่ 1
เรื่องราวของนักสืบหนุ่มที่ต้องรับงานติดตามชายหนุ่มอีกคน โดยผู้ว่าจ้างคือแฟนเก่าไฮโซหนุ่มที่ยังรักและยังรั้ง สุดท้ายเขาจึงต้องเลือกระหว่างความถูกใจ และความถูกต้อง
ผู้เข้าชมรวม
4,698
ผู้เข้าชมเดือนนี้
9
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เบาะแสที่ 1: งานง่ายๆของชายหนุ่มผู้ถูกเลือก
เสียงรอสายบอกผมว่าปลายสายว่าง ผมรอเพียงไม่นานคนปลายสายก็รับโทรศัพท์
“คุณน้องน็อตที่เคารพครับ! พี่ส่งรายละเอียดงานใหม่ไปทางเมลกับแฟ็กซ็ข้อมูลเบื้องต้นไปให้แล้วนะ ตอนนี้พี่อยากได้ตั๋วเครื่องบินและโรงแรมที่ญี่ปุ่นตามรายละเอียดการเดินทางที่เพิ่งแฟกซ์เข้าไปนั่นแหละ บินสายอะไรก็ได้แต่ขอเป็นภายในวันนี้เลยนะ เออ ถ้าเสร็จแล้วโทรมาหาพี่ด้วย เดี๋ยวเราต้องคุยรายละเอียดกันอีกที”
“คุณพี่ปีย์ที่เราคบขะรับ! งานคราวนี้พี่ได้ไปเมืองนอกเลยเหรอขะรับ...เจ๋งว่ะ ให้ผมไปด้วยดิพี่ เดี๋ยวผมไปขออาก้องเลยเนี่ยะ ออกเงินไปเองก็ได้อ้ะ นะนะ”
“แหม่... ไอ้คุณน็อตครับ กูเริ่มจะไม่เคารพและอยากคบมึงแล้วนะครับ มึงอย่าเยอะแล้วช่วยไสตูดไปทำงานได้แล้วครับ แค่นี้ก่อนนะโว้ย”
ผมล่ะอ่อนใจกับไอ้น้องคนนี้ซะจริงๆ คิดพลางกดวางมือถือไปพลางแล้วก็ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา ผมไม่ได้อยากรู้เวลา ผมแค่หาจุดพักให้สายตาที่เหม่อ... เหม่อย้อนไปถึงเหตุการณ์ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไอ้ปีย์ มึงมาทำอะไรที่นี่...?
เสียงในหัวผมเอ่ยถามตัวเองขณะที่กำลังถอยรถเข้าซองในที่จอดรถอันว่างเปล่า ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ถ้าไม่ติดที่อาก้องขอร้อง ไม่สิ อันที่จริงมันคือการสั่งยกเลิกงานที่ผมกำลังทำอยู่กลางคันแบบสายฟ้าแล่บแล้วก็ยัดเยียดเคสนี้ให้มาอยู่ในความผิดชอบของผมแทน ก่อนที่ผมจะฟาดงวงฟาดงาด่าสวนแกไป แกรีบบอกผมว่ามันเป็นคำขอร้องแกมบังคับที่เบื้องบนมีคำสั่งลงมาให้ผมต้องมารับงานนี้ทั้งที่แกอยากจะเลี่ยงแทนให้แต่ก็ทำไม่ได้ แกเลยบอกให้ผมปลง และคิดซะว่าบริษัทคืนกำไรให้พนักงานโดยให้ผมได้รับวันหยุดพักร้อนแบบพิเศษสุด แถมด้วยงานเบาๆพ่วงค่าจ้างสูงเกินห้ามใจ พร้อมการการันตีว่าไม่ต้องเสี่ยงอันตรายเหมือนกับงานอื่นๆที่ผมถนัด เท่านี้คงจะพอช่วยทำให้ผมบ่นได้ไม่เต็มปากได้แน่ๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะอาก้องกับเหตุผลแถๆของแก... ผมก็คงไม่ต้องมาเสียเวล่ำเวลากับเรื่องไร้สาระอย่างนี้หรอก
ดีนะที่ผมไม่ต้องวิ่งกลับเข้าไปที่ออฟฟิศก่อน ร้านที่ผู้ว่าจ้างนัดมาอยู่ไม่ห่างจากที่ๆผมกำลังออกสืบอยู่เท่าไร... ก็ไม่เสียเที่ยวดี แต่ผมยังติดใจว่าทำไมผมต้องมาเริ่มงานใหม่ทันทีทั้งๆที่เพิ่งถูกถอดออกจากงานเก่าเมื่อเช้านี้ สำนักงานนักสืบของเราไม่เคยต้องเร่งรับงานอย่างนี้มาก่อน
ร้านอาหารอิตาเลียนกึ่งผับชื่อดังแถวทองหล่อสถานที่นัดคุยงานของผมในคราวนี้ร้างจนน่าแปลกใจเหมือนถูกใครเหมา เพราะเท่าที่ผมจำได้คือตอนนี้มันเลยเวลาเปิดรับลูกค้าช่วงสายมาแล้วหลายชั่วโมง หนำซ้ำร้านนี้ยังเป็นร้านอาหารที่ไม่เคยขาดลูกค้านั่งประดับเลยแม้ในช่วงเวลาแรกเปิดร้านของแต่ละวัน
ผู้ว่าจ้างใจร้อนของผมนั่งลำพังตรงโซฟาที่ตั้งเข้ามุมลึกด้านในสุดของร้าน ตามนิสัยการทำงานของผมทำให้อดไม่ได้ที่จะลอบสังเกตผู้ชายคนนั้นตั้งแต่เริ่มเดินเข้าประตูหน้าร้านไปยังโต๊ะที่เขานั่งอยู่เพื่อเก็บข้อมูลทั้งหมดซึ่งเกี่ยวข้องกับงานและผู้ว่าจ้าง มองจากไกลๆผมว่าเขาคงจะเป็นชายหนุ่มวัยทำงานที่ดูสำอางค์ แต่ก็คงจะไม่ได้เป็นแค่พนักงานบริษัทกระจอกๆ เพราะนอกจากใบหน้าเกลี้ยงเกลาโดดเด่นชวนมองบวกเข้ากับผมสั้นที่ตัดตามสมัยนิยมของเขา เสื้อผ้าราคาแพงหูฉี่ที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าได้รับการออกแบบและตัดเย็บอย่างประณีตช่างพอดีตัวและเนี๊ยบนำแฟชั่น ทั้งหมดที่ว่ามาส่งเสริมให้ไม้แขวนเสื้อที่มีชีวิตคนนี้ยิ่งดูและน่าหลงใหลอย่างที่สุด สำทับด้วยกลิ่นอ่อนๆของอาฟเตอร์เชฟราคาแพงลอยมากระทบจมูกของผมก่อนที่จะเข้าถึงตัวเขาเสียอีก
...เขาไม่ใช่คนธรรมดา และหน้าตาอย่างนี้... ยิ่งคุ้นมาก
อา... ใช่แล้ว! เขาชื่อธนโชติ ทรัพย์เสริมสถิตย์วานิชพันธ์ ผู้บริหารหนุ่มวัยสามสิบต้นๆที่เพิ่งสละโสดเมื่อไม่นานมานี้ กระนั้นเขาก็ยังเนื้อหอมและเป็นที่ต้องการของบรรดาสาวน้อยใหญ่ไล่ไปจนถึงเพศที่สามสี่ห้าทั่วฟ้าเมืองไทย เขาเป็นทายาทชายคนเดียวของเจ้าสัวหัวเรือใหญ่แห่งอาณาจักรสิ่งพิมพ์ที่ทำกำไรกว่าหลายพันล้านบาทต่อปี... ก็ไม่แปลกหากเขาจะเป็นที่คุ้นหน้าค่าตาในโลกสังคมไฮโซไปจนถึงคนในชั้นกรรมาชีพ... แต่ที่มันแปลกก็คือ....คนอย่างเขาจะมาต้องการอะไรจากผม?
ยังไม่ทันที่ก้นของผมจะได้สัมผัสลงบนเบาะของโซฟาหนัง ไฮโซหนุ่มก็เริ่มเปิดบทสนทนา
“ผมขอถือวิสาสะสั่งกาแฟให้คุณแล้วนะครับคุณปิยังกูร กาแฟที่นี่อร่อยมาก ผมรับรองว่าคุณต้องชอบ เอาล่ะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาอันมีค่าของทั้งคุณและผม ผมว่าเราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะครับ” เขาว่าพลางยิ้มน้อยๆที่ทำให้ใบหน้าโดดเด่นดูชวนมองมากไปกันใหญ่ มิน่าล่ะ... ใครๆถึงได้คลั่งไคล้คนๆนี้เหลือเกิน
ผมสงสัยว่าเขาคงไม่อยากให้มีใครเข้ามายุ่มย่ามระหว่างการพูดคุยของเรา ขนาดแค่สั่งเครื่องดื่มเขายังรวบรัดสั่งให้
หึ! นี่กะจะให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดในร้านนี้นอกจากผมกับเขาเลยสินะ สงสัยเรื่องที่เขาว่าจ้างผมจะต้องเป็นความลับซึ่งเจ้าตัวไม่ต้องการให้ใครได้มีโอกาสล่วงรู้แน่ๆ
เขาเลื่อนซองหนาสีน้ำตาลมาไว้ตรงหน้าผม พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงชวนฟัง
“เหตุผลสำคัญที่ผมเลือกคุณ เพราะคุณเป็นผู้ชายแท้ๆ ที่ชอบผู้หญิงและไม่มีประวัติชู้สาวกับผู้ชายด้วยกันมาก่อน นั่นทำให้ผมมั่นใจว่าคุณคงไม่เปลี่ยนรสนิยมทางเพศง่ายๆ และอีกข้อก็คือ ในวงการของคุณแม้ว่าคุณจะเป็นนักสืบหนุ่มที่เริ่มทำงานด้านนี้มาไม่นาน แต่ใครๆต่างพูดถึงคุณเป็นเสียงเดียวว่า คุณเป็นมือดี...หาตัวจับยาก ทำเคสหินๆสำเร็จมานักต่อนัก นอกจากนี้คุณยังเป็นคนมีความรับผิดชอบสูงและพร้อมทุ่มเทต่องานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ คุณรักษาสัญญาและไม่เคยผิดคำพูด สิ่งที่ผมเคยได้ยินมาเกี่ยวกับตัวคุณทั้งหมด...คงไม่ผิดไปจากความเป็นจริงมากนัก ใช่ไหมครับ?”
“ผมไม่ยักรู้ว่ารสนิยม ‘ส่วนตัว’ ทางเพศคือข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต่อการจ้างงานนักสืบอย่างผม ขอโทษด้วยถ้าผมพูดอะไรไม่เข้าหู” ผมสวนไปอย่างห้วนๆ เหตุผลในการว่าจ้างมันแปลกเกินไป นี่ถ้ามันแปลกไปกว่านี้ ผมคงจะไม่ทนนั่งฟังหมอนี่พล่ามต่อไปอีกแล้วล่ะ
“ไม่เป็นไรครับ คุณว่ามาตรงๆอย่างนี้ก็ดีครับ คือจริงๆ...คุณไม่ได้เป็นคนแรกที่ทำงานนี้ให้ผม แค่จู่ๆคนอื่นที่เคยทำงานนี้กับผมมาก่อน พวกเค้ากลับกลายมามีคุณสมบัติที่ไม่ดีเอาซะมากๆในระหว่างการทำงาน ผมก็เลยต้องเลิกจ้างไป”
“คุณสมบัติของคนเนี่ยะ มันไม่เปลี่ยนกันได้ง่ายๆเหมือนพลิกฝ่ามือหรอกมั้งคุณ โดยเฉพาะนักสืบอย่างเราๆ คนในสายอาชีพนี้ไม่น่าจะบกพร่องด้านคุณสมบัติระหว่างการปฏิบัติงานภายในชั่วเวลาไม่นานได้หรอกนะครับ”
“หึๆ ที่ผมพูด ผมก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะลบหลู่คุณหรือเพื่อนร่วมสายงานของคุณเลยแม้แต่นิดเดียวนะครับ เอาเป็นว่าผมรบกวนคุณดูรายละเอียดของงาน ข้อมูลเป้าหมาย และได้โปรดช่วยฟังผมให้จบก่อนนะครับ ผมคิดเอาเองว่างานนี้น่าจะเป็นงานง่ายๆที่ไม่เกินความสามารถของคุณแน่นอน และผมพร้อมจะจ่ายให้คุณอย่างงามให้คุ้มค่าเวลาของคุณเลยครับ”
ผมไม่แน่ใจว่าน้ำเสียงที่เขาใช้มันคือการเยาะหยัน หรือขำขัน... สัญชาตญาณบอกผมว่าชายผู้นี้ต้องแอบซ่อนอะไรเอาไว้ภายใต้หน้าตาหล่อเหลาและรอยยิ้มอบอุ่นสะกดสายตาใครๆแน่ๆ
ผมยื่นมือไปหยิบซองตรงหน้าขึ้นมา ข้างในมีแฟ้มข้อมูลของคนๆหนึ่งที่ถูกเรียบเรียงเอาไว้แน่นจนแฟ้มบวมผิดรูป บนปกแฟ้มมีรูปสองใบหนีบติดไว้ด้วยคลิปดำตัวเล็กๆ รูปนั้นเป็นรูปถ่ายของ... ผู้ชาย เอ๊ะ! หรือว่าผู้หญิงกันนะ ผมชักไม่แน่ใจ
“คนในรูปเค้าชื่อ กานต์ วงษ์รัตนศมาครับ... เป็นเป้าหมายของงานนี้
สำหรับเค้าผมคงเป็นได้แค่แฟนเก่า... แต่สำหรับผม เค้าคือคนรักที่ผมยอมให้ไปอยู่ห่างสายตาเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ระหว่างที่ผมกำลังทำเรื่องขอหย่าจากภรรยาทางกฏหมายของผมในอีกสองถึงสามเดือนข้างหน้านี้ ผมอยากให้คุณช่วยปลอมตัวไปคอยเฝ้าดูเค้าใกล้ๆโดยไม่ให้คลาดสายตาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงของทุกวัน และที่สำคัญที่สุด...คุณต้องไปคอยกันผู้ชายคนอื่นที่มีท่าทีว่าจะเข้ามาพัวพันหรือชอบพอเค้าแทนผม และคอยรายงานความคืบหน้าของแมลงหวี่แมลงวันพวกนั้นให้ผมรู้อยู่ตลอดเวลา ในแฟ้มจะมีข้อมูลที่ตัวผมเอง และนักสืบคนก่อนๆรวบรวมเอาไว้ มันเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับกานต์ทั้งหมด คุณลองไปศึกษาดูก่อนนะครับ ถ้าสงสัยอะไรเพิ่มเติม ผมยินดีตอบทุกคำถามครับ”
หึ! ที่แท้ก็เรื่องชู้สาว ไม่สิ ชู้หนุ่มนี่เอง... ไม่น่าเชื่อว่าเศรษฐีหนุ่มเนื้อหอมจะแต่งงานบังหน้าเพื่อปกปิดรสนิยมทางเพศ
แต่ผมก็สงสัย ว่าทำไมงานติดตามและรายงานความคืบหน้าของคนๆเดียวที่ง่ายพอจะปล่อยให้เด็กใหม่คนไหนทำก็ได้อย่างนี้ มีอันต้องมาทำให้พี่ๆคนอื่นพลาดท่าเสียทีกันได้?
ผมไม่เสียเวลามานั่งเดา เลยถามเขากลับไปว่า “ตามที่ผมเข้าใจ คือแค่ไปเฝ้าอยู่ใกล้ๆตลอดเวลาและกันท่าคนอื่น... เท่านั้นเองหรือครับ? นี่คุณกำลังล้อผมเล่นอยู่รึเปล่า...งานอย่างนี้ เงินดีๆแบบนี้ จะมีนักสืบเก่งๆหน้าไหนยอมพลาดจนปล่อยให้หลุดมาถึงมือตาอยู่อย่างผมได้”
“ที่คุณเข้าใจเกี่ยวกับเนื้องานก็ถูกต้องแล้วครับ แต่ที่คุณยังไม่เข้าใจ...คือเหตุผลว่าทำไมนักสืบคนก่อนๆเค้าถึงทำงานไม่สำเร็จกันซักราย จริงๆแล้วมันเป็นเพราะพวกเค้าดันกลายไปเป็นคนเข้าหากานต์ซะเอง ผมเลยจำเป็นต้องยกเลิกสัญญาจ้างไป
แม้ว่างานนี้มันจะฟังดูง่ายสำหรับคนเก่งอย่างคุณ แต่ผมเองก็มีเงื่อนไขข้อหนึ่งที่จะขอให้คุณทำตาม และเงื่อนไขเพียงข้อเดียวของผมนี่แหละที่ผมย้ำกับนักสืบทุกคนที่เคยร่วมงานก่อนการเซ็นสัญญาทุกครั้งว่าอย่าละเมิด ไม่อย่างนั้นการร่วมงานกันของเราจะถือเป็นโมฆะโดยที่ฝ่ายผู้รับงานต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นและชดเชยทุกอย่างตามรายละเอียดที่ระบุในสัญญา... และเงื่อนไขนั้นก็คือ...
ไม่ว่ายังไง ในท้ายที่สุดกานต์จะต้องเป็นแค่เป้าหมาย... ไม่ใช่คู่หมายที่คุณจะคิดเกินเลยได้
ซึ่งผมคิดว่าคนที่ทำงานด้วยจรรยาบรรณ มีความรับผิดชอบสูง และไม่เคยผิดคำพูดอย่างคุณ คงจะไม่มีทางไขว้เขวจนทำงานผิดฟอร์มและเผลอกลืนน้ำลายตัวเองใช่ไม๊ล่ะครับ หึๆ...
นั่นแหละครับ...งานที่ผมอยากไหว้วานให้คุณช่วยทำ มันมีรายละเอียดง่ายๆแค่นี้เท่านั้นเองครับ”
“ผมเดาจากท่าทางของคุณปิยังกูร ผมคิดว่าคุณคงมองงานนี้อยู่ไม่เกินความสามารถ งั้นผมสรุปเลยละกันนะครับว่าเราตกลงที่จะทำงานร่วมกัน ผมจะส่งสัญญาว่าจ้างสองฉบับและรายละเอียดการแบ่งจ่ายเงินไปให้คุณนรธิปเลขาของคุณที่ออฟฟิศภายในวันศุกร์นี้นะครับ หลังจากที่คุณกลับมาจากญี่ปุ่นก็ค่อยส่งสัญญาที่เซ็นแล้วฉบับหนึ่งคืนมาให้ผมอีกทีตามที่อยู่บนนามบัตรนี้นะครับ”
“ผมน่ะหรอ...ต้องไปญี่ปุ่น? ผมจำได้ว่าผมไม่มีแพลนจะไปที่โน่นตอนนี้หรอกนะ”
“ฮะๆ ผมลืมบอกไปครับว่ากานต์เค้าต้องบินไปติดต่อเรื่องงานที่โน่นราวๆอาทิตย์นึง ผมอยากให้คุณตามไปเพราะว่ามันดันมีหุ้นส่วนของกานต์เค้า...ก็... หนึ่งในบรรดาผู้ชายที่เข้าหากานต์เดินทางไปด้วยน่ะครับ ผมก็เลยไม่ค่อยวางใจเท่าไร”
ผมว่าผมคงตาฝาดไปแน่ๆ เพราะแม้จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ชายผู้ดูอบอุ่นอ่อนโยนที่กำลังนั่งคุยอยู่ตรงหน้าผมเมื่อนาทีก่อนกลายร่างเป็นอีกคนที่แผ่รังสีอำมหิตออกมาเมื่อเอ่ยถึงบุคคลที่สามซึ่งตัวเองไม่พึงประสงค์ แต่เหมือนเขาจะรู้ตัว เพราะอาการที่ว่าถูกกลบด้วยรอยยิ้มน้อยๆสะท้านใจอีกครั้ง....
...ผมต้องคอยระวังคนๆนี้ให้ดีๆ...
“เอาเป็นว่าวันนี้คุณจะได้รับเงินโอนงวดแรกสำหรับการเดินทางไปญี่ปุ่นของคุณ ผมฟอร์เวิร์ดอีเมลเกี่ยวกับตารางบินและรายละเอียดการเดินทางของกานต์ไปให้ที่อีเมลที่คุณใช้ติดต่องานแล้วนะครับ... คุณคงต้องบินภายในวันนี้ เพราะว่ากานต์เค้าก็จะบินวันนี้เหมือนกัน ไปถึงพร้อมกันก็น่าจะดี...มันคงจะไม่ฉุกละหุกจนเกินไปนัก...ใช่ไหมครับ
สำหรับการเดินทางไปทำงานที่ญี่ปุ่นคราวนี้...ผมอยากให้คุณคิดซะว่ามันเป็นการท่องเที่ยวพักผ่อนที่ผมให้เป็นของขวัญเพื่อแสดงความขอบคุณที่คุณยอมร่วมงานกับผมก็แล้วกันครับ”
มันจะอะไรกันนักหนา กะอีแค่เฝ้าผู้ชายคนเดียว และกันผู้ชายคนอื่นๆออกไป... ทำไมผมต้องถ่อไปถึงญี่ปุ่น?
แล้วทำไมถึงมีแต่ผู้ชายที่เข้ามา...?
คนที่ชื่อกานต์เนี่ยะเค้าไม่น่าสนใจในสายตาผู้หญิงหรอกเหรอ... แล้วทำไมคนๆนี้ถึงดึงดูดแต่ผู้ชายล่ะ?
ขนาดว่าไฮโซแฟนเก่ายังไม่ทันยอมปล่อยออกจากอก ก็มีชายอื่นเรียงแถวเข้ามาขายขนมจีบกันอย่างไม่หวาดไม่ไหว
จนแฟนเก่าต้องหาไม้กันหมามาคอยไล่...
...ที่น่าหัวเราะก็คือบรรดาไม้กันหมาต่างสิ้นท่าอยากจะเป็นหมาสอยเครื่องบินซะเอง...
...พ่ออดีตนกน้อยในกรงทองของไฮโซหนุ่มเนื้อหอมเป็นคนยังไงกันแน่?
... ว่าแต่... แล้วทำไมมึงต้องมานั่งคิดสงสัยเรื่องของเป้าหมายคนนี้ซะจนเกินกว่าที่ควรจะทำด้วยวะไอ้ปีย์!!
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผลงานอื่นๆ ของ มะลิมารุ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ มะลิมารุ
ความคิดเห็น