คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : The 01st Blessing
The 01st Blessing
แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม?.. เลือกให้เธอไม่บนได้หรือเปล่า?
“สวัสดีค่ะบอส...ประชุมเป็นยังไงบ้างคะ?” เลขาสาวผู้ควบตำแหน่งพีอาร์และมาร์เก็ตติ้งกล่าวทักทายเจ้าพ่อห่อไหล่ที่ปรากฏกายตรงโถงด้านหน้าห้องทำงานด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
เจ้าพ่อห่อไหล่ในชุดสูทกึ่งลำลองยิ้มรับ แล้วตอบคำถามด้วยการติดตามงานที่คั่งค้าง
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกศกุณตลารัศมี...
.
...แล้วงานล่ะ มีอะไรเร่งด่วนหรือเปล่า?”
“ช่วงสองวันที่บอสไม่อยู่ ก็มีงานเข้ามาบ้างประปรายค่ะ...”
ศกุณตลารัศมีในชุดไทยประยุกต์สีกลีบบัว กล่าวรายงานพลางก้าวเดินอย่างกระฉับกระเฉงตามหลังเจ้าพ่อห่อไหล่เข้าสู่ห้องทำงานส่วนตัวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ของเทวบุตร ห้องนี้ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายเน้นการใช้สอยมากกว่ารูปลักษณ์ตามรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ เจ้าพ่อหยุดยืนชื่นชมวิวอันงดงามของอ่างเก็บน้ำยามแดดช่วงสายส่องกระทบจนผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ระหว่างรับฟังการสรุปงานโดยเลขาผู้ปราดเปรียว
“...มีคนมาขอพรหกราย...
...ขอให้ช่วยปัดเป่าเรื่องทุกข์โศกโรคภัยอีกสามราย...
...แต่ยังไม่มีคำขอในส่วนของการชี้ทางสว่าง สร้างหนทางบุญ...
...ซึ่งนับเป็นเรื่องปกติของมนุษย์วัยเรียนเหล่านี้ ที่ไม่นิยมการพ้นทุกข์ มากเท่ากับการเพิ่มทุกข์สักเท่าไร” เทพธิดาเลขาค่อน
“พูดเหมารวมอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะศกุนตลารัศมี...
...เพราะจะว่าไป เหล่าเทวบุตรและเทวธิดาอย่างเราๆ ก็ไม่ได้บำเพ็ญภาวนาเพิ่มแต้มสะสมบุญกันเป็นประจำเสียหน่อย...
.
...ในเมื่อเราได้รับมอบหมายจากสำนักงานใหญ่ ให้ลงมาประจำยังโลกมนุษย์เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ช่วยประคับประคองจิตใจในยามอ่อนแอไร้ที่พึ่ง จนพวกเขาสามารถกลับไปดำเนินชีวิตได้อย่างมีสติและเป็นปกติสุข...
.
.
...ต่อให้เราต้องพบเจอมนุษย์ร้อยพ่อพันแม่ แต่เราต้องไม่ลืมใจความของคำขวัญขององค์กรเราเป็นอันขาด...
.
...ศกุลตลารัศมี...
...คุณยังจำคำขวัญขององค์กรเราได้ใช่ไหม?” เจ้าพ่อเตือนสติอีกฝ่าย พร้อมกับพูดให้ส่งสัญญาณเจ้าหล่อนทำบางอย่าง...ซึ่งเลขาส่วนตัวรู้ความหมายเป็นอย่างดี
เลขาสาวอาศัยจังหวะที่เจ้านายยังไม่หันกลับมาแอบกลอกตา และเบ้ปากด้วยความไวแสง
ก่อนจะร่วมกล่าวคำขวัญขององค์กรไปพร้อมๆกับเจ้าพ่อห่อไหล่ด้วยน้ำเสียงฮึกเหิม
“สิ่งใดอยู่ในอำนาจที่พวกเราพอจะทำได้...
...เราก็จะทำสิ่งเหล่านั้นอย่างมีความสุขโดยไม่มีอคติ เหรือเลือกฝักเลือกฝ่ายฉันใดก็ฉันนั้น!!”
“ขอโทษค่ะบอส พอดีรัศมีอินกับฟีดของเพจดราม่าในเซจบุ๊คมากไปหน่อย...
...คราวหน้า รัศมีจะไม่เพ้อคลั่งทางอารมณ์จนส่งผลกระทบกับงานอีกแล้วค่ะ” เลขาสาวเอ่ยหน้ามุ่ย
“ไม่เป็นไรหรอก ผมเข้าใจ...
...เรากลับมาว่าเรื่องงานต่อเลยแล้วกัน...
.
...ในบรรดางานที่คุณสรุปมา มีเคสไหนน่าเป็นห่วง หรือต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษรึเปล่า?”
เจ้าพ่อห่อไหล่เดินกลับมานั่งยังโต๊ะทำงานระหว่างรอคำตอบของเลขาสาว
แล้วจึงหลับตาครู่หนึ่งเพื่อส่งกระแสจิตสั่งให้หน้าจอแสดงผลรุ่นล่าสุดปรากฏขึ้นตรงหน้า
ทุกครั้งที่เปิดคอมฯ บุตรแห่งเทพอดนึกยกย่องผลงานการออกแบบ และความคิดสร้างสรรค์ของจอบส์ ผู้อำนวยการแผนกนวัตกรรมและเทคโนโลยีคนใหม่ขององค์กรไม่ได้จริงๆ...
ได้ยินว่า เทพเจ้าแห่งความตายเฝ้าอวยพรให้เส้นสปาเก็ตตี้พันหลอดลมซักเคอร์เบิร์กจนไม่อยากหายใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ท่านคงอยากให้มาร์กมาช่วยอัพเกรดเซจบุ๊คขององค์กรให้สูสีกับผลงานระหว่างที่เขายังคงสถานะเป็นมนุษย์ล่ะมั้ง
“อืม จากที่รัศมีดูในเม็มโมที่ด้วนกับดำแนบไฟล์คำร้องมาให้...
...รัศมีว่า ไม่น่าจะมีอะไรเหลือบ่ากว่าแรงของบอสหรอกค่ะ...
...รัศมีรับรองเลยว่า KPI ของออฟฟิศเรารอบสามเดือนนี้จะต้องดีงามแน่ๆค่ะ” เลขาคนเก่งสรุปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
แน่นอน...เพราะผลงานของเจ้าพ่อห่อไหล่ เท่ากับผลงานของทุกคนในออฟฟิศ
ถ้าเขาทำงานได้บรรลุตามเป้า หรือเกินกว่าที่ได้รับมอบหมาย...โบนัสบุญประจำไตรมาศของทุกคนจะไปไหนเสีย
“ได้ยินอย่างนั้นผมก็สบายใจ...
...ขอบคุณๆมากนะศกุณตลารัศมี ที่ดูแลทางนี้ให้ตอนที่ผมไม่อยู่...
.
.
...จริงสิ ผมลืมบอกไป...
...วันนี้คุณเกือบจะสวยเหมือนเดิมแล้วนะ...
...ถ้าไม่ใช่เพราะเศษขนม หรืออะไรสักอย่างสีเขียวๆที่ติดอยู่ตรงข้างแก้ม กับรอบๆคอเสื้อน่ะ” เจ้าพ่อห่อไหล่แสดงความเห็น นิ้วมือของเทวบุตรหนุ่มชี้วนรอบปากและช่วงคอตัวเองเพื่อบอกพิกัดขณะจ้องตากับเลขาสาวด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ชะอุ้ย!! รัศมีขอโทษค่ะ พอดีด้วนกับดำเอาคุกกี้ชาเขียวออร์แกนิคมาให้ลองชิม...
...เห็นสองตนนั่นบอกว่าเป็นของเซ่นไหว้ที่เพิ่งได้มาสดๆร้อน...
.
.
...คุกกี้อะไรก็ไม่รู้ เอร็ดอร่อยเกินห้ามใจ...
...ได้กินแค่คำเดียวก็ทำให้หญิงสาวเรียบร้อยดังผ้าพับไว้อย่างรัศมีอดใจไม่ไหว...ขอเบิ้ลต่ออีกหลายชิ้นจนเกือบหลุดอาการกินไม่งามออกมาทีเดียวเชียวค่ะ ฮุ ฮุ ฮุ”
เทพธิดาเลขาทำท่าเอียงอายเมื่อย้อนนึกถึงความเจริญอาหารจนเกินพอดีของตน
แต่เจ้าพ่อห่อไหล่กลับนิ่งฟังโดยไม่ยินดียินร้าย
เจ้าหล่อนจึงเปลี่ยนมาเอ่ยทิ้งท้ายถึงรายละเอียดงานที่ยังตกหล่น
“อ้อ! บอสคะ รัศมีส่งเมลแจ้งรายละเอียดงานทั้งหมดที่เพิ่งคีย์เข้าฐานข้อมูลกลางให้บอสแล้วนะคะ...
...บอสสามารถเปิดดูกำหนดส่งงาน และข้อมูลของคำร้องแต่ละเคสได้เลยค่ะ...
...งานนี้รัศมีจัดหนักจัดเต็ม เพื่อพวกเราทุกตนค่ะ!!”
“ขอบคุณครับ คุณไปทำงานต่อเถอะ”
“ค่ะบอส”
ขากลับ...
เทพธิดาเลขาหายตัวออกจากห้องไปเฉยๆต่างจากตอนเข้ามา
เนื่องจากรู้ดีว่า เจ้าพ่อคงอยากใช้เวลาเป็นส่วนตัวศึกษางานโดยเร็วที่สุด
ทันทีที่กระแสจิตของศกุณตลารัศมีจางไป
ระบบอีเมลของเจ้าพ่อก็ปลดล็อคจนข้อความใหม่หลั่งไหลเข้าอินบ็อกซ์อย่างไม่ขาดสาย
“หืมมม?! แม่พระธรณีส่งอะไรมา?...
.
.
...เซย์ไฮจากมัลดีฟส์...
...น้ำทะเลใส หาดสวยมาก...
...นึกๆแล้วก็อยากจะถอนตัวจากการเป็นไอดอลทางการเมือง...
...มาเอาดีกับงานพรีเซนเตอร์การท่องเที่ยวแทนเสียจริงๆ แต่จะให้กลับตัวตอนนี้คงไม่ทัน # ปาดน้ำตาป้อยๆ...
.
...นี่ฮิปปี้...
...อยู่ที่นี่ฉันเจอเทวบุตรชั้น Father Fucker แจ่มๆเยอะเลยนะจ๊ะ...
...วันทั้งวัน ต่อมจิ้นฉันทำงานหนักมาก...
...แต่ฮิปปี้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะฉันจะไม่เทใจให้คู่ไหน ถ้าไม่ใช่...บันยันทรีกับฮิปปี้เพื่อนรัก...
.
...คิดถึงนะจ๊ะฮิปปี้ เจอกันอีกทีเดือนหน้า! Muah!!...
...The One and Only – แม่พระธรณีของเธอคนเดียว...
...#ทีมโฮลี่มุง #แกนนำกลุ่มเทวธิดาวาย
.
.
...หึ หึ เยอะจริงแม่คุณ กลับมาอย่าบ่นว่าตัวดำล่ะ...
...แล้วลงท้ายอะไร...
...บันยันทง บันยันทรี!...
...รู้ว่าเพื่อนไม่ชอบ ยังจะจับคู่ให้อยู่ได้”
เจ้าพ่อห่อไหล่สายหัวอ่อนใจกับข้อความจากเพื่อนรักที่ลาพักร้อนยาวหลังจากกรำงานหนักตลอดช่วงปีที่แล้ว...
เทวบุตรค่อนข้างจะเห็นใจแม่พระธรณีมาก เพราะเจ้าหล่อนต้องตรากตรำอำนวยพรให้กับใครต่อใครโดยไม่ได้วางมือ ได้พักสักทีคงจะทำให้หล่อนอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
“แล้วนี่คำร้องเรื่องอะไร?...
.
.
...ขอให้ผ่านอิ้งตัวสุดท้าย เพราะถ้าเปอร์คงอายน้องเฟรชชี่ ที่สำคัญ...อยากรับปริญญาพร้อมเพื่อน...
...อืม...อันนี้ไม่น่ายาก เดี๋ยวแวะไปเข้าฝันแล้วชวนคุยเป็นภาษาอังกฤษสักสองสามเดือนล่วงหน้า ก็น่าจะใช้ได้”
เจ้าพ่อลากไฟล์คำร้องนี้เข้าไปเก็บในคลัง ‘งานประจำทำง่ายๆ’ โดยไม่ต้องคิด
แล้วจึงเลื่อนเปิดอีเมลเข้าใหม่ที่เหลือเพื่ออ่าน ก่อนจะจัดแยกประเภทของงานตามลำดับก่อนหลัง
จนกระทั่ง...อีเมลฉบับล่าสุดที่เพิ่งถูกส่งเข้ากล่องรับข้อความเมื่อตอนเจ็ดโมงเช้าของวันถูกคลิกเลือก
“เอาล่ะ...คำขอสุดท้าย...
.
...หืมมม มาพร้อมกับเครื่องเซ่นไหว้ด้วยเหรอ?...
...ไม่ใช่เคสขอพรธรรมดาแล้วสิ นี่มันบนชัดๆเลยนี่นา...
...บนเรื่องอะไร?...
.
.
...ขอให้ช่วยทำให้นายบวรพล หนนกระโทก สมหวัง...ได้ครองคู่กับนายธันวา อริยะตรัยด้วย...
...อีกทีซิ ยังไงนะ?...
.
.
.
...ทำให้...
...นายบวรพล หนนกระโทก สมรักกับ นายธันวา อริยะตรัย...
...อืม ขอพรให้สมหวังเรื่องความรักเองหรอกเหรอ...
...น่าหนักใจเหมือนกันแฮะ ไม่เคยมีใครมาขอพรแบบนี้กับเรามาก่อน ยังไม่รู้เลยว่าจะทำได้หรือเปล่า...
.
.
...แต่เดี๋ยว...
...รู้สึกเหมือนเราจะมองข้ามอะไรบางอย่าง”
สายตาของเจ้าพ่อห่อไหล่วนกลับไปอ่านข้อความบนบานอีกครั้ง...
.
...และอีกสามครั้ง
“ห๊ะ!!!!!!...
.
...ผู้ชายมาขอให้เราช่วยบันดาลให้ผู้ชายอีกคนมารักด้วยเนี่ยะนะ????!!...
...จะบ้าเหรอ?!! เรื่องแบบนี้ใครมันจะไปช่วยได้”
เจ้าพ่อห่อไหล่รีบเข้าระบบฐานข้อมูลพลางภาวนาให้ศกุณตลารัศมียังไม่คีย์คำร้องข้อนี้เข้าระบบ
เพราะภายหลังจากที่คำขอถูกคีย์เข้าสู่ฐานข้อมูลขององค์กรแล้ว จะไม่มีวันยกเลิกคำขอนั้นได้เป็นอันขาด...
แต่แล้วฝันร้ายก็ปรากฏกายอยู่ตรงหน้าเจ้าพ่อห่อไหล่ในรูปของไฟล์คำขอที่ถูกอนุมัติโดยเบื้องบนเมื่อชั่วโมงก่อน
แถมด้วยการกำหนดวันส่งมอบงานที่แน่นอนกำกับอยู่เรียบร้อย...
ซึ่งเมื่อดูวันที่แล้ว เจ้าพ่อห่อไหล่ถึงกับต้องกุมขมับ...
เพราะถ้าว่ากันตาม KPI มาตรฐานในการทำงาน...
นับจากวันนี้ไปอีกสามเดือน เขาจะต้องทำให้ผู้ชายสองคนตกลงปลงใจกันให้จงได้
“...เบลอหนอ...
.
...ไม่เชื่อหนอ...
.
...อึ้งหนอ...
.
...สติแตกหนอ!” เจ้าพ่อพยายามไล่ตามสติ ทำความเข้าใจจิตของตน ไปพร้อมๆกับบรรเทาความรู้สึกพลุ่งพล่านข้างในใจ
ใครเลยจะรู้ว่า วันหนึ่ง...คำขวัญขององค์กร ‘ลี้ลับ กับ ศักดิ์สิทธิ์คอร์ปฯ’ ที่เขามักจะท่องอย่างเชิดชูอยู่เสมอ
จะกลายเป็นหนามตำใจเจ้าพ่อระดับสูงขององค์กรอย่างเขาได้ในวันนี้เอง
‘สิ่งใดอยู่ในอำนาจที่พวกเราพอจะทำได้...
...เราก็จะทำสิ่งเหล่านั้นอย่างมีความสุข...
...โดยไม่มีอคติ เหรือเลือกฝักเลือกฝ่าย’
“.....สติแตกหนอ...
.
...สติแตกหนอ...
.
...รวบรวมสติหนอ...
...ไม่เป็นไรหนอ...
...แก้ไขได้หนอ...
...แก้ไขได้หนอ”
เมื่อความวุ่นวายใจบรรเทาเบาบางลง
เจ้าพ่อก็เปลี่ยนมาอ่านเม็มโมที่มาพร้อมกับไฟล์คำร้องเบื้องต้นอีกครั้ง
“...ไหนดูสถานะของเซ่นไหว้หน่อยซิ...
...อาหารคาวสำรับใหญ่ กับคุกกี้ธัญพืชออร์แกนิครสชาเขียวแบบโฮมเมด...
.
...รับเข้าคลังเรียบร้อย...
...ลงชื่อด้วน เสมียนรับคำร้องและพนักงานธุรการที่สอง”
ด้วนกับดำรับของเซ่นไหว้เรียบร้อย...
ด้วนกับดำรับของเซ่นไหว้เรียบร้อย...
ด้วนกับดำรับของเซ่นไหว้เรียบร้อย...
คุกกี้ธัญพืชออร์แกนิครสชาเขียว...
คุกกี้ธัญพืชออร์แกนิครสชาเขียว...
ศกุลตลารัศมี...
แก้มและเสื้อเปื้อนผงสีเขียวๆ...
ของเซ่นไหว้เพิ่งมาใหม่แบบสดๆร้อนๆ...
คุกกี้ธัญพืชออร์แกนิครสชาเขียว...
คุกกี้ธัญพืชออร์แกนิครสชาเขียว...
คุกกี้ธัญพืชออร์แกนิครสชาเขียว...
คุกกี้ธัญพืชออร์แกนิครสชาเขียว!!!
อย่างนี้ก็หมายความว่า...
...บริวารตัวแสบทั้งสองออกหน้าไปรับอามิสสินจ้าง แล้วแอบรวมหัวกันกินล้างบางจนของเซ่นไหว้หายเรียบ...
...หนำซ้ำกลับไม่สังวรเลยว่า งานที่มาพร้อมกับของเซ่นไหว้ชุดใหญ่เช่นนี้ จะมีความเป็นไปได้มากน้อยสักเพียงไหน...
.
.
.
...เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง ยังจะถูกอ้ายด้วนอ้ายดำโยนกระดูกมาแขวนคอเข้าจนได้...
...บรรลัยแล้วล่ะ ห่อไหล่เอ๋ย!!
Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ
‘เอ...ทำไมเราถึงกลับมาที่ศาลเจ้าพ่ออีกล่ะ?...
...เมื่อเช้าเราบนเสร็จไปแล้วนี่นา’ บ๊วยถามตัวเองด้วยความสงสัยติดหมัด
เพราะแทนที่จะต้องมายืนเป็นหมาหลงทิศอยู่ตรงหน้าศาลเจ้าพ่อห่อไหล่
ในเวลานี้...เขาควรจะนอนหลับฝันดีถึงชายหนุ่มสุดหล่อที่เขาเฝ้าปรารถนามาโดยตลอดอยู่บนเตียงต่างหาก
จังหวะที่บ๊วยเหลียวมองหารถจักรยานของตน น้ำเสียงเย็นๆ ทุ้มกังวานเหมือนเสียงประกาศผ่านลำโพงก็ดังก้องไขข้อข้องใจ ราวกับอีกฝ่ายแอบฟังสิ่งที่เขาพึมพำอยู่ตรงหลังต้นกันเกรา
‘ข้าพาเจ้ามาเองน่ะแหละ’
‘ใครน่ะ? เสียงใคร...ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!!’ บ๊วยร้องสั่ง...เขาไม่ชอบใจที่คู่สนทนาทำตัวมีลับลมคมใน แถมยังใช้เสียงเขย่าขวัญกันให้กลัวจนหัวหด
‘เมื่อเช้าเจ้าไปขอพรกับใคร...เจ้าก็กำลังคุยกับคนๆนั้นอยู่นั่นแหละ’ เสียงมีอำนาจกระตุ้นให้เขานึกทบทวน
‘เมื่อเช้า...ขอพร...
.
.
...เจ้าพ่อห่อไหล่...
...เจ้าพ่อห่อไหล่เหรอ?...
...ไม่จริง!! เป็นไปไม่ได้’ บ๊วยตะโกนเสียงสั่น...
สำหรับชายหนุ่ม บรรยากาศโดยรอบที่กำลังประสบคงไม่น่ากลัวนัก หากเจ้าของเสียงหลอนคลอนประสาทยินดีจะเผยตน
ไม่รู้เป็นโชคดี หรือ โชคร้ายของบ๊วยที่อีกฝ่ายสามารถอ่านใจได้... เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มคิด ได้สัมฤทธิ์กลายเป็นรูปธรรมอย่างฉับพลันทันตา
‘ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้ข้ายืนอยู่ตรงหน้าเจ้านี่แล้วยังไงล่ะ’ สิ้นคำ กลุ่มแสงเรืองรองรูปร่างคล้ายคน
ก็ค่อยๆปรากฏขึ้นท่ามกล่างความว่างเปล่าด้านหน้าของชายหนุ่ม
‘เหวออออออออออ!!!’ บ๊วยแหกปากร้องด้วยความตกใจถึงขีดสุด
และแล้ว...
ห้วงฝันของชายหนุ่มก็ถูกทำลายลงอย่างง่ายดายภายในพริบตา
“โธ่เอ๊ย! ไม่น่าทำให้หมอนี่ตกใจจนตื่นเลย...
...แล้วจะเอายังไงกันดีล่ะทีนี้...
.
...เฮ้อ! สงสัยต้องใช้มาตรการขั้นสุดท้ายเสียแล้วสิ” เจ้าพ่อห่อไหล่ที่ถูกดีดกระเด็นหลุดจากความฝันของชายหนุ่ม บ่นกระปอดกระแปดกับตัวเองด้วยความเสียดายอย่างสุดซึ้ง
บ๊วยตกใจกับสิ่งที่เห็นในความฝันจนสะดุ้งตื่น เหงื่อกาฬไหลอาบร่างผอมแห้งจนเสื้อย้วยที่ตนใส่นอนเปียกชุ่ม
เขากวาดสายตาฝ่าความมืดมองสอดส่องไปรอบๆด้วยความระแวดระวัง ทั้งห้องเงียบกริบไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆนอกจากเสียงหอบหายใจของเขาเท่านั้น นั่นจึงยิ่งทำให้เสียงหมาหอนรับกันเป็นทอดๆที่ดังอยู่ห่างๆ กระแทกเข้าอย่างจังที่กระดูกค้อน ทั่ง โกลนราวกับกำลังโก่งคอหอนเสียเอง
วินาทีนี้...
ชายหนุ่มปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เขารู้สึกชิงชังพี่ห้องทั้งสองคนขึ้นมาจับใจ
เป็นพี่ห้องประสาอะไร...
ทำไมไม่มาอยู่ให้บ๊วยได้นอนซุกจั๊กกะแร้เวลากลัวผีจนขนทั้งตัวตั้งรัวๆแบบคืนนี้บ้างเลย?!!
ไอ้พี่บาส ไอ้พี่บอมบ์ใจร้าย ทิ้งบ๊วยตั้งกะวันแรกที่เปิดเทอม...แย่ที่สุด!
ปกติบ๊วยไม่ใช่พวกขวัญอ่อนเที่ยวหวาดกลัวสิ่งที่ตามองไม่เห็นจนไม่เป็นอันกินอันนอนเช่นคืนนี้
เพราะเขาเฝ้าฝึกฝนตัวเองมาเป็นอย่างดีตลอดหลายปีที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกับเพื่อนสนิททั้งสาม...
เหล่าชายหนุ่มรูปงามผู้แปลกประหลาดเกินคาดเดาติดอันดับหล่อเร้นลับของชมรมมิติพิศวงประจำมหาวิทยาลัย
กระนั้น...ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากสิ่งที่ว่า...เป็นสิ่งลี้ลับที่ไม่คาดฝันว่าจะได้เห็นหน้าค่าตา แต่อยู่ๆเกิดจะอยากโผล่ขึ้นมาตุ้งแช่ให้ได้เชยชมในระยะเผาขนแบบในฝันเมื่อครู่
ต่อให้เป็นแค่ฝัน...แต่เล่นโผล่ออกมาให้เห็นตำตาขนาดนั้น...
มันก็ต้องมีหงายเงิบ เกิบแหกกันบ้างล่ะครับพี่น้อง
สายตาของเขาสำรวจไปทั่วห้องโดยไม่พบความผิดปกติให้ใจสั่น
แต่กลับต้องมาสะดุดกับชายผ้าม่านสีขาวเนื้อผ้าบางเบาที่ปลิวไสวแม้ไม่มีลมพัดผ่าน...
.
.
...คำถามก็คือ...
...ห้องเขามีม่านตั้งแต่เมื่อไร?...
...แล้วทำไมต้องสีขาว? แล้วทำไมต้องไหว?...
...แล้วทำไมบรรยากาศต้องเหมือนหนังผี???????...
“แว๊กกกกกกกกกก!!!!!” บ๊วยร้องเสียงหลงเมื่อเห็นชายผ้าค่อยๆลอยเข้ามาใกล้
อารามตกใจ...ชายหนุ่มรีบสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม ก่อนจะจัดท่าให้ตัวเองนอนแผ่ราบ
ด้วยเข้าใจว่า การทำตัวกลมกลืนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของผ้าผวย จะช่วยให้ผีมองไม่เห็น
อย่ามาโปเยโปโลเยใส่บ๊วย...
...บ๊วยกลัวแล้วค๊าบบบบบ!!...
...สกลเคยบอกว่า เวลาเจอผีให้สวดมนต์บทไหนก็ได้ที่นึกออก...
.
...มะโนตัสสะ ภะคะวะโต อะระหังสัมมา สัมพุทโธ...
...มะโนตัสสะ ภะคะวะโต อะระโต สัมมาสัมพุทธัสสะ!!!...
“จะบอกอะไรให้นะ...
.
...ถ้าเจ้าสวดมนต์ผิดๆถูกๆแบบนี้...
...ต่อให้สวดจนวันตาย ผีก็ไม่หายไปไหนหรอก” เสียงเย็นๆเสียงเดียวกับที่เพิ่งได้ยินในความฝันกลับมาหลอกหลอนชายหนุ่มอีกครั้ง หากแต่คราวนี้ดังติดหู
“......เราไม่รู้......เราไม่เข้าใจ......เราคุยกับนายไม่ได้.......เราเป็นผ้าห่ม.....” เสียงอู้อี้ลอดออกมาจากผืนผ้าเป็นระยะๆ เจ้าพ่อคาดว่า คนพูดคงกำลังเผชิญกับอาการขาดอากาศหายใจเบื้องต้น และหากปล่อยเอาไว้นานกว่านี้...อาจจะมีผีผ้าห่มเกิดขึ้นในโลกหลังความตายจริงๆก็เป็นได้
“นี่...เจ้าน่ะ ออกมาเถอะ ข้ารู้นะว่าเจ้าแอบอยู่ตรงนั้น”
เทวบุตรสุดจะเอือมระอา เมื่อไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆ อย่างเป็นรูปธรรม
ครั้นจะปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นปลอมตัวเป็นผ้าห่มต่อไปเรื่อยๆ คงต้องทั้งเหนื่อย ทั้งไม่ได้งานแน่ๆ
เจ้าพ่อห่อไหล่จึงหาทางหลอกล่อให้บ๊วยยอมออกจากโปงผ้า เพื่อจะได้เปิดฉากเจรจากับชายหนุ่มให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที
“แล้วถ้าข้าบอกเจ้าว่า ข้ามาที่นี่ เพื่อคุยกับเจ้าเรื่องที่เจ้าไปขอให้ข้าช่วยให้เจ้ากับนายธันวา อริยะตรัยรักกัน...
...เจ้าจะยอมออกมาคุยกับข้าดีๆไหม?...
.
...อ้อ! แล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดหรอกนะว่า สกล หรือฝาแฝดจอมขมังเวทย์จะแอบรู้เรื่องที่เจ้ามาบนกับข้า แล้วส่งผีสางนางพรายมาหลอกหลอนเจ้าเล่น... เพราะข้านี่แหละ เจ้าพ่อห่อไหล่เสียงจริงตัวจริง...
.
...รู้อย่างนี้แล้ว เจ้าจะยอมออกมาคุยกับข้าดีๆได้หรือยัง?” เจ้าพ่อพูดดักทางด้วยล่วงรู้ถึงความคิดอีกฝ่ายอย่างแจ่มแจ้ง
ใบหน้าแหยๆ ของชายหนุ่มค่อยๆโผล่พ้นชายผ้าห่ม เขาส่งสายตาหวาดๆออกสำรวจยังที่มาของเสียงที่เพิ่งพูดจบไปเมื่อครู่ กระทั่งได้เห็นรูปกายของอีกฝ่ายที่ยืนอยู่ข้างๆเตียง บ๊วยก็ผุดลุกขึ้นนั่งหลังตรงตัวแข็ง พลางแสดงสีหน้าตกใจระคนประหม่าออกมาทันที
“กะ กะ กะ...เก็ก...นายเข้ามาห้องเราได้ยังไง?” ชายหนุ่มถามเสียงสั่น ความไม่มั่นใจเข้าจู่โจมเขาอีกครั้ง
“อย่าบอกนะว่าเจ้ากลัวเราจนสมองกลับไปแล้ว ถึงได้ทำตาเยิ้มหวานหยดใส่เราแบบนี้...
...แล้วเก็กคือใคร?...
.
...ชื่อของข้าคือเจ้าพ่อห่อไหล่...
...ถ้าไม่อยากถูกเสกให้กลายเป็นลูกหมา เรียกนามของข้าให้ถูกด้วย!!” เจ้าพ่อเอ่ยเสียงแข็งก่อนถลึงตาดุใส่บ๊วย ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สลด
“ไม่จริง!..นายจะเป็นเจ้าพ่อห่อไหล่ไปได้ยังไง?......ไม่ว่ามองมุมไหน นายมันก็ธันวาชัดๆ!” บ๊วยเถียงคอเป็นเอ็น
“หึ! ดูท่าเจ้าจะหมกมุ่นกับนายธันวาอะไรนั่นมากเหลือเกิน...
.
...เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ข้าจะเปลี่ยนรูปโฉมใหม่เพื่อเจ้าโดยเฉพาะก็แล้วกัน” สิ้นเสียง ‘ป็อบ!’ เจ้าพ่อห่อไหล่ก็ปรากฏกายอีกครั้งในรูปลักษณ์ที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
“เหวอออออออ!!!”
บ๊วยตกใจกับการเปลี่ยนแปลงลักษณะรูปกายภายนอกแบบกะทันหันของอีกฝ่ายจนกลิ้งตกเตียง
แก้มก้นที่เจ็บถึงขั้นเนื้อเต้นเร่าๆ ช่วยยืนยันให้ยิ่งมั่นใจว่า ตัวเขาไม่ได้อยู่ในความฝันซ้อนฝันอย่างที่เผื่อใจเอาไว้
เมื่อรู้ซึ้งแล้ว...ชายหนุ่มจึงประนมสองมือชูขึ้นเหนือหัว แล้วละล่ำละลักอย่างกระท่อนกระแท่น
“ขะ ขะ...ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบบังคมทูลนมัสการเจ้าพ่อห่อไหล่พะย่ะค่ะ...
...พระอาญามิพ้นเกล้า กระ..กระ..กระหม่อมผิดไปแล้ว ขอพระองค์โปรดเมตตาข้าน้อยด้วยพะย่ะค่ะ!!”
ถ้อยคำและท่าทางของชายหนุ่ม ทำเอาเจ้าพ่อห่อไหล่เผลอรำพึงรำพันกับตัวเองด้วยความสิ้นหวัง...
ลำพังแค่ต้องจับงานที่ไม่ถนัดก็ถือว่าหนักหนามหากาฬ
ใยต้องมาพบพานกับมนุษย์ผู้พูดจาไม่รู้เรื่องให้ยิ่งต้องชีช้ำด้วยนะ?!
แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น...
เจ้าพ่อห่อไหล่จึงจำใจคุยกับชายหนุ่มด้วยสติอีกครั้ง
“เจ้าพูดกับข้าแบบที่มนุษย์ทั่วไปพูดกันก็ได้ ไม่ต้องใช้ศัพท์ใหญ่...ข้าไม่ใช่องค์มหาเทพ”
“อ้อ...อย่างนั้นเองหรือพะย่ะค่ะ...
...แล้วพระองค์เสด็จมาที่นี่ด้วยเหตุผลประการใดหรือพะย่ะค่ะ?...
.
...เฮ่ย!!!!...” บ๊วยหลุดอาการตกใจเมื่อได้ยินคำพูดแปลกๆของตัวเอง เขายกมือขึ้นปิดปากระหว่างตั้งสติ แล้วจึงค่อยๆเอ่ยถามเจ้าพ่ออีกครั้งอย่างช้าๆ “...ว่าแต่ ทำไมเจ้าพ่อถึงมาที่นี่ล่ะครับ?”
“ข้ามีข้อเสนอสุดพิเศษมาให้เจ้า” เจ้าพ่อเอ่ยด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ข้อเสนอสุดพิเศษที่เจ้าพ่อว่าคืออะไรเหรอครับ?” สายตาของชายหนุ่มแวววาวเป็นประกาย
“ข้าจะให้พรเจ้าสามข้อ...
.
...เจ้าจะขออะไรก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” เทวบุตรตั้งใจเว้นวรรคใจความเพื่อดูท่าทีของอีกฝ่าย
“หืมมม...ข้อแลกเปลี่ยนอะไรเหรอครับเจ้าพ่อ?”
“หึ หึ ง่ายนิดเดียว...
.
...เจ้าแค่ต้องยกเลิกพรที่ขอไปเมื่อเช้า เพื่อแลกกับพรใหม่ทั้งสามข้อที่ข้าจะมอบให้”
บ๊วยคงมัวแต่ฝันเฟื่องถึงสามสิ่งที่ต้องการจะขอเพิ่มเติมจากเจ้าพ่อ
จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าเจ้าเล่ห์ขององค์เทพ
ชายหนุ่มเงียบไปครู่ใหญ่จนเจ้าพ่อเริ่มจะใจเสีย
แต่สุดท้าย...เขาก็ตัดสินใจได้
“...ผมยอมยกเลิกให้เจ้าพ่อก็ได้ครับ...”
“ดีมาก...เจ้านี่เฉลียวฉลาดสมกับที่ข้าคิดเอาไว้ไม่ผิดจริงๆ” เจ้าพ่อฉาบทับความดีใจที่ฟูฟ่องอยู่ในอกด้วยสีหน้านิ่งเฉย ส่วนคำชมเชยถูกนำมาใช้เพื่อกลบเกลื่อนน้ำเสียงแห่งความยินดีออกนอกหน้า
“แหม...เจ้าพ่อล่ะก็ เล่นชมกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ ผมก็เขินกันพอดีสิครับ!”
“พอก่อน อย่าเพิ่งทําจริตกระบิดกระบวนสะบิ้งสะบัดไปนักเลย...
...ตอนนี้ เจ้าอยากจะขอพรอะไรก็ว่ามา ข้าสัญญาว่าข้าจะบันดาลให้ทุกๆคำขอของเจ้าเป็นจริงได้ดั่งตั้งใจ”
“ครับ... ถ้าอย่างนั้น ผมขอเลยแล้วกันนะครับ...
.
.
...ข้อแรก ผมขอให้ไม่มีสิ่งใดจะเปลี่ยนแปลงพรของผมได้เป็นอันขาด” บ๊วยพูดเสียงดังฟังชัด
“ได้เลย...ข้ารับปาก!!” เจ้าพ่อห่อไหล่ก็ตอบอย่างจริงจังไม่แพ้กัน
“ข้อสอง ผมขอให้พรของผมคือความจริงซึ่งจะคงอยู่ตราบนิจนิรันดร์”
“ตามนั้น...จัดไปอย่าให้เสีย!!!” เทวบุตรรับรองคำขอของบ๊วยอีกครั้งด้วยอารมณ์รื่นเริง
“ข้อสาม...ผมขอให้ผมกับนายธันวา อริยะตรัยได้ครองคู่กันจนแก่เฒ่าอย่างมีความสุข”
“ห๊ะ!!!.. เมื่อกี๊เจ้าว่าอะไรนะ?” คราวนี้...กลายเป็นเจ้าพ่อห่อไหล่เสียเองที่ตกใจจนเสียอาการ
“ผมว่าเจ้าพ่อได้ยินสิ่งที่ผมขออย่างชัดเจน และครบถ้วนดีแล้วนะครับ”
บ๊วยย้อนด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเข้าไปในความรู้สึกของเจ้าพ่อ ก่อนจะพูดต่ออย่างมั่นคง
“ต่อให้มีพรอื่นๆที่นำมาซึ่งความสมบูรณ์พูนสุขให้กับมนุษย์ได้อีกเป็นล้านๆข้อ และต่อให้ผมขอพรใหม่ได้อีกกี่ล้านครั้ง...
.
...ก็อย่าหวังว่าผมจะขอพรอื่นใด ที่ไม่ใช่พรข้อนี้...
...เพราะไม่มีวันที่ผมจะเปลี่ยนใจจากนายธันวา อริยะตรัยได้หรอกครับ”
ค่ำคืนนั้น...
แม่พระธรณีรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็นข้อความใหม่ของเพื่อนสนิทที่ปรากฏในหน้าเซจบุ๊ค
เจ้าหล่อนรีบส่งกระแสจิตต่อสายหาอีกฝ่ายเพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนได้ปรับทุกข์ และระบายความคับข้องหมองใจ
แต่เจ้าพ่อห่อไหล่กลับไม่เปิดคลื่นความถี่ของจิตให้ว่างตรงกัน...
เทวธิดาจึงทำได้แค่เพียงกดบูชาข้อความเพิ่มให้ เพราะไม่มีปุ่มไลค์เหมือนโปรแกรมโซเชียลยอดนิยมของพวกมนุษย์
Holy Hipster: รู้สึกหดหู่จนจู่ๆก็นึกอยากถอนหายใจ
อนิจจา...ประวัติการทำงานอันไร้ที่ติกว่าสิบเอ็ดสหัสวรรษของเรา คงถึงคราวมีตำหนิกันหนนี้ # ยิ้มอ่อน
โฮะ โฮะ โฮะ... ตอนใหม่ของเรื่องมาแล้วนะคะ
แบบว่าหลังจากลงตอนแรกแล้วได้กำลังใจดี เลยทำให้มีพลังปั่นตอนใหม่เสร็จเร็วกว่ากำหนดที่ตั้งเอาไว้
หากรักชอบประการใด ฝากความเห็นเอาไว้ให้คนเขียนอ่านจนชื่นใจหน่อยนะคะ (ส่งสายตาอ้อนวอนปิ๊งๆ)
Ħ------------------------------------ TBC ------------------------------------Ħ
ความคิดเห็น