ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi]Ħ บน บาน ศาล รัก Ħ

    ลำดับตอนที่ #1 : The 01st Blessing

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 58


    The 01st Blessing

    แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม?..  เลือกให้เธอไม่บนได้หรือเปล่า?

     

     

     

     

    “สวัสดีค่ะบอส...ประชุมเป็นยังไงบ้างคะ?” เลขาสาวผู้ควบตำแหน่งพีอาร์และมาร์เก็ตติ้งกล่าวทักทายเจ้าพ่อห่อไหล่ที่ปรากฏกายตรงโถงด้านหน้าห้องทำงานด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน 

     

    เจ้าพ่อห่อไหล่ในชุดสูทกึ่งลำลองยิ้มรับ แล้วตอบคำถามด้วยการติดตามงานที่คั่งค้าง

    “ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกศกุณตลารัศมี...

    .

    ...แล้วงานล่ะ มีอะไรเร่งด่วนหรือเปล่า?”

     

    “ช่วงสองวันที่บอสไม่อยู่ ก็มีงานเข้ามาบ้างประปรายค่ะ...”

     

     

    ศกุณตลารัศมีในชุดไทยประยุกต์สีกลีบบัว กล่าวรายงานพลางก้าวเดินอย่างกระฉับกระเฉงตามหลังเจ้าพ่อห่อไหล่เข้าสู่ห้องทำงานส่วนตัวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ของเทวบุตร  ห้องนี้ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายเน้นการใช้สอยมากกว่ารูปลักษณ์ตามรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ  เจ้าพ่อหยุดยืนชื่นชมวิวอันงดงามของอ่างเก็บน้ำยามแดดช่วงสายส่องกระทบจนผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ระหว่างรับฟังการสรุปงานโดยเลขาผู้ปราดเปรียว

     

     

    “...มีคนมาขอพรหกราย...

    ...ขอให้ช่วยปัดเป่าเรื่องทุกข์โศกโรคภัยอีกสามราย...

    ...แต่ยังไม่มีคำขอในส่วนของการชี้ทางสว่าง สร้างหนทางบุญ...

    ...ซึ่งนับเป็นเรื่องปกติของมนุษย์วัยเรียนเหล่านี้ ที่ไม่นิยมการพ้นทุกข์ มากเท่ากับการเพิ่มทุกข์สักเท่าไร” เทพธิดาเลขาค่อน

     

    “พูดเหมารวมอย่างนั้นไม่ได้หรอกนะศกุนตลารัศมี...

    ...เพราะจะว่าไป เหล่าเทวบุตรและเทวธิดาอย่างเราๆ ก็ไม่ได้บำเพ็ญภาวนาเพิ่มแต้มสะสมบุญกันเป็นประจำเสียหน่อย...

    .

    ...ในเมื่อเราได้รับมอบหมายจากสำนักงานใหญ่ ให้ลงมาประจำยังโลกมนุษย์เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ช่วยประคับประคองจิตใจในยามอ่อนแอไร้ที่พึ่ง จนพวกเขาสามารถกลับไปดำเนินชีวิตได้อย่างมีสติและเป็นปกติสุข...

    .

    .

    ...ต่อให้เราต้องพบเจอมนุษย์ร้อยพ่อพันแม่ แต่เราต้องไม่ลืมใจความของคำขวัญขององค์กรเราเป็นอันขาด...

    .

    ...ศกุลตลารัศมี...

    ...คุณยังจำคำขวัญขององค์กรเราได้ใช่ไหม?” เจ้าพ่อเตือนสติอีกฝ่าย พร้อมกับพูดให้ส่งสัญญาณเจ้าหล่อนทำบางอย่าง...ซึ่งเลขาส่วนตัวรู้ความหมายเป็นอย่างดี

     

     

    เลขาสาวอาศัยจังหวะที่เจ้านายยังไม่หันกลับมาแอบกลอกตา และเบ้ปากด้วยความไวแสง

    ก่อนจะร่วมกล่าวคำขวัญขององค์กรไปพร้อมๆกับเจ้าพ่อห่อไหล่ด้วยน้ำเสียงฮึกเหิม

     

     

    สิ่งใดอยู่ในอำนาจที่พวกเราพอจะทำได้... 

    ...เราก็จะทำสิ่งเหล่านั้นอย่างมีความสุขโดยไม่มีอคติ เหรือเลือกฝักเลือกฝ่ายฉันใดก็ฉันนั้น!!

     

    “ขอโทษค่ะบอส พอดีรัศมีอินกับฟีดของเพจดราม่าในเซจบุ๊คมากไปหน่อย...

    ...คราวหน้า รัศมีจะไม่เพ้อคลั่งทางอารมณ์จนส่งผลกระทบกับงานอีกแล้วค่ะ” เลขาสาวเอ่ยหน้ามุ่ย

     

    “ไม่เป็นไรหรอก ผมเข้าใจ...

    ...เรากลับมาว่าเรื่องงานต่อเลยแล้วกัน...

    .

    ...ในบรรดางานที่คุณสรุปมา มีเคสไหนน่าเป็นห่วง หรือต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษรึเปล่า?”

     

     

    เจ้าพ่อห่อไหล่เดินกลับมานั่งยังโต๊ะทำงานระหว่างรอคำตอบของเลขาสาว

    แล้วจึงหลับตาครู่หนึ่งเพื่อส่งกระแสจิตสั่งให้หน้าจอแสดงผลรุ่นล่าสุดปรากฏขึ้นตรงหน้า

    ทุกครั้งที่เปิดคอมฯ บุตรแห่งเทพอดนึกยกย่องผลงานการออกแบบ และความคิดสร้างสรรค์ของจอบส์ ผู้อำนวยการแผนกนวัตกรรมและเทคโนโลยีคนใหม่ขององค์กรไม่ได้จริงๆ...

     

    ได้ยินว่า เทพเจ้าแห่งความตายเฝ้าอวยพรให้เส้นสปาเก็ตตี้พันหลอดลมซักเคอร์เบิร์กจนไม่อยากหายใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

    ท่านคงอยากให้มาร์กมาช่วยอัพเกรดเซจบุ๊คขององค์กรให้สูสีกับผลงานระหว่างที่เขายังคงสถานะเป็นมนุษย์ล่ะมั้ง

     

     

    “อืม จากที่รัศมีดูในเม็มโมที่ด้วนกับดำแนบไฟล์คำร้องมาให้...

    ...รัศมีว่า ไม่น่าจะมีอะไรเหลือบ่ากว่าแรงของบอสหรอกค่ะ...

    ...รัศมีรับรองเลยว่า KPI ของออฟฟิศเรารอบสามเดือนนี้จะต้องดีงามแน่ๆค่ะ” เลขาคนเก่งสรุปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

     

     

    แน่นอน...เพราะผลงานของเจ้าพ่อห่อไหล่ เท่ากับผลงานของทุกคนในออฟฟิศ

    ถ้าเขาทำงานได้บรรลุตามเป้า หรือเกินกว่าที่ได้รับมอบหมาย...โบนัสบุญประจำไตรมาศของทุกคนจะไปไหนเสีย

     

     

    “ได้ยินอย่างนั้นผมก็สบายใจ...

    ...ขอบคุณๆมากนะศกุณตลารัศมี ที่ดูแลทางนี้ให้ตอนที่ผมไม่อยู่...

    .

    .

    ...จริงสิ ผมลืมบอกไป...

    ...วันนี้คุณเกือบจะสวยเหมือนเดิมแล้วนะ...

    ...ถ้าไม่ใช่เพราะเศษขนม หรืออะไรสักอย่างสีเขียวๆที่ติดอยู่ตรงข้างแก้ม กับรอบๆคอเสื้อน่ะ”  เจ้าพ่อห่อไหล่แสดงความเห็น  นิ้วมือของเทวบุตรหนุ่มชี้วนรอบปากและช่วงคอตัวเองเพื่อบอกพิกัดขณะจ้องตากับเลขาสาวด้วยสีหน้ายิ้มๆ

     

    “ชะอุ้ย!! รัศมีขอโทษค่ะ พอดีด้วนกับดำเอาคุกกี้ชาเขียวออร์แกนิคมาให้ลองชิม...

    ...เห็นสองตนนั่นบอกว่าเป็นของเซ่นไหว้ที่เพิ่งได้มาสดๆร้อน...

    .

    .

    ...คุกกี้อะไรก็ไม่รู้ เอร็ดอร่อยเกินห้ามใจ...

    ...ได้กินแค่คำเดียวก็ทำให้หญิงสาวเรียบร้อยดังผ้าพับไว้อย่างรัศมีอดใจไม่ไหว...ขอเบิ้ลต่ออีกหลายชิ้นจนเกือบหลุดอาการกินไม่งามออกมาทีเดียวเชียวค่ะ ฮุ ฮุ ฮุ”

     

     

    เทพธิดาเลขาทำท่าเอียงอายเมื่อย้อนนึกถึงความเจริญอาหารจนเกินพอดีของตน

    แต่เจ้าพ่อห่อไหล่กลับนิ่งฟังโดยไม่ยินดียินร้าย

    เจ้าหล่อนจึงเปลี่ยนมาเอ่ยทิ้งท้ายถึงรายละเอียดงานที่ยังตกหล่น

     

     

    “อ้อ! บอสคะ รัศมีส่งเมลแจ้งรายละเอียดงานทั้งหมดที่เพิ่งคีย์เข้าฐานข้อมูลกลางให้บอสแล้วนะคะ...

    ...บอสสามารถเปิดดูกำหนดส่งงาน และข้อมูลของคำร้องแต่ละเคสได้เลยค่ะ...

    ...งานนี้รัศมีจัดหนักจัดเต็ม เพื่อพวกเราทุกตนค่ะ!!

     

    “ขอบคุณครับ  คุณไปทำงานต่อเถอะ”

     

    “ค่ะบอส”  

     

    ขากลับ...

    เทพธิดาเลขาหายตัวออกจากห้องไปเฉยๆต่างจากตอนเข้ามา

    เนื่องจากรู้ดีว่า เจ้าพ่อคงอยากใช้เวลาเป็นส่วนตัวศึกษางานโดยเร็วที่สุด

     

     

     

     

     

     

    ทันทีที่กระแสจิตของศกุณตลารัศมีจางไป

    ระบบอีเมลของเจ้าพ่อก็ปลดล็อคจนข้อความใหม่หลั่งไหลเข้าอินบ็อกซ์อย่างไม่ขาดสาย

     

     

    “หืมมม?! แม่พระธรณีส่งอะไรมา?...

    .

    .

    ...เซย์ไฮจากมัลดีฟส์...

    ...น้ำทะเลใส หาดสวยมาก...

    ...นึกๆแล้วก็อยากจะถอนตัวจากการเป็นไอดอลทางการเมือง...

    ...มาเอาดีกับงานพรีเซนเตอร์การท่องเที่ยวแทนเสียจริงๆ แต่จะให้กลับตัวตอนนี้คงไม่ทัน # ปาดน้ำตาป้อยๆ...

    .

    ...นี่ฮิปปี้...

    ...อยู่ที่นี่ฉันเจอเทวบุตรชั้น Father Fucker แจ่มๆเยอะเลยนะจ๊ะ...

    ...วันทั้งวัน ต่อมจิ้นฉันทำงานหนักมาก...

    ...แต่ฮิปปี้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะฉันจะไม่เทใจให้คู่ไหน  ถ้าไม่ใช่...บันยันทรีกับฮิปปี้เพื่อนรัก...

    .

    ...คิดถึงนะจ๊ะฮิปปี้ เจอกันอีกทีเดือนหน้า! Muah!!...

    ...The One and Only – แม่พระธรณีของเธอคนเดียว... 

    ...#ทีมโฮลี่มุง  #แกนนำกลุ่มเทวธิดาวาย

    .

    .

    ...หึ หึ เยอะจริงแม่คุณ กลับมาอย่าบ่นว่าตัวดำล่ะ...

    ...แล้วลงท้ายอะไร...

    ...บันยันทง บันยันทรี!...

    ...รู้ว่าเพื่อนไม่ชอบ ยังจะจับคู่ให้อยู่ได้”

     

     

    เจ้าพ่อห่อไหล่สายหัวอ่อนใจกับข้อความจากเพื่อนรักที่ลาพักร้อนยาวหลังจากกรำงานหนักตลอดช่วงปีที่แล้ว...

    เทวบุตรค่อนข้างจะเห็นใจแม่พระธรณีมาก เพราะเจ้าหล่อนต้องตรากตรำอำนวยพรให้กับใครต่อใครโดยไม่ได้วางมือ ได้พักสักทีคงจะทำให้หล่อนอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย

     

     

    “แล้วนี่คำร้องเรื่องอะไร?...

    .

    .

    ...ขอให้ผ่านอิ้งตัวสุดท้าย เพราะถ้าเปอร์คงอายน้องเฟรชชี่ ที่สำคัญ...อยากรับปริญญาพร้อมเพื่อน...

    ...อืม...อันนี้ไม่น่ายาก เดี๋ยวแวะไปเข้าฝันแล้วชวนคุยเป็นภาษาอังกฤษสักสองสามเดือนล่วงหน้า ก็น่าจะใช้ได้”

     

     

    เจ้าพ่อลากไฟล์คำร้องนี้เข้าไปเก็บในคลัง งานประจำทำง่ายๆโดยไม่ต้องคิด

    แล้วจึงเลื่อนเปิดอีเมลเข้าใหม่ที่เหลือเพื่ออ่าน ก่อนจะจัดแยกประเภทของงานตามลำดับก่อนหลัง

    จนกระทั่ง...อีเมลฉบับล่าสุดที่เพิ่งถูกส่งเข้ากล่องรับข้อความเมื่อตอนเจ็ดโมงเช้าของวันถูกคลิกเลือก

     

     

    “เอาล่ะ...คำขอสุดท้าย...

    .

    ...หืมมม  มาพร้อมกับเครื่องเซ่นไหว้ด้วยเหรอ?...

    ...ไม่ใช่เคสขอพรธรรมดาแล้วสิ นี่มันบนชัดๆเลยนี่นา...

    ...บนเรื่องอะไร?...

    .

    .

    ...ขอให้ช่วยทำให้นายบวรพล หนนกระโทก สมหวัง...ได้ครองคู่กับนายธันวา อริยะตรัยด้วย...

    ...อีกทีซิ  ยังไงนะ?...

    .

    .

    .

    ...ทำให้...

    ...นายบวรพล หนนกระโทก สมรักกับ นายธันวา อริยะตรัย...

    ...อืม ขอพรให้สมหวังเรื่องความรักเองหรอกเหรอ...

    ...น่าหนักใจเหมือนกันแฮะ ไม่เคยมีใครมาขอพรแบบนี้กับเรามาก่อน ยังไม่รู้เลยว่าจะทำได้หรือเปล่า...

    .

    .

    ...แต่เดี๋ยว...

    ...รู้สึกเหมือนเราจะมองข้ามอะไรบางอย่าง”

     

     

    สายตาของเจ้าพ่อห่อไหล่วนกลับไปอ่านข้อความบนบานอีกครั้ง...

    .

    ...และอีกสามครั้ง

     

     

    ห๊ะ!!!!!!...

    .

    ...ผู้ชายมาขอให้เราช่วยบันดาลให้ผู้ชายอีกคนมารักด้วยเนี่ยะนะ????!!...

    ...จะบ้าเหรอ?!! เรื่องแบบนี้ใครมันจะไปช่วยได้”  

     

     

    เจ้าพ่อห่อไหล่รีบเข้าระบบฐานข้อมูลพลางภาวนาให้ศกุณตลารัศมียังไม่คีย์คำร้องข้อนี้เข้าระบบ

    เพราะภายหลังจากที่คำขอถูกคีย์เข้าสู่ฐานข้อมูลขององค์กรแล้ว จะไม่มีวันยกเลิกคำขอนั้นได้เป็นอันขาด...

     

    แต่แล้วฝันร้ายก็ปรากฏกายอยู่ตรงหน้าเจ้าพ่อห่อไหล่ในรูปของไฟล์คำขอที่ถูกอนุมัติโดยเบื้องบนเมื่อชั่วโมงก่อน

    แถมด้วยการกำหนดวันส่งมอบงานที่แน่นอนกำกับอยู่เรียบร้อย...

     

    ซึ่งเมื่อดูวันที่แล้ว เจ้าพ่อห่อไหล่ถึงกับต้องกุมขมับ...

    เพราะถ้าว่ากันตาม KPI มาตรฐานในการทำงาน...

    นับจากวันนี้ไปอีกสามเดือน เขาจะต้องทำให้ผู้ชายสองคนตกลงปลงใจกันให้จงได้

     

     

    “...เบลอหนอ...

    .

    ...ไม่เชื่อหนอ...

    .

    ...อึ้งหนอ...

    .

    ...สติแตกหนอ!” เจ้าพ่อพยายามไล่ตามสติ ทำความเข้าใจจิตของตน ไปพร้อมๆกับบรรเทาความรู้สึกพลุ่งพล่านข้างในใจ

     

     

    ใครเลยจะรู้ว่า วันหนึ่ง...คำขวัญขององค์กร ลี้ลับ กับ ศักดิ์สิทธิ์คอร์ปฯ ที่เขามักจะท่องอย่างเชิดชูอยู่เสมอ

    จะกลายเป็นหนามตำใจเจ้าพ่อระดับสูงขององค์กรอย่างเขาได้ในวันนี้เอง

     

     

     ‘สิ่งใดอยู่ในอำนาจที่พวกเราพอจะทำได้...

    ...เราก็จะทำสิ่งเหล่านั้นอย่างมีความสุข...

    ...โดยไม่มีอคติ เหรือเลือกฝักเลือกฝ่าย

     

     

    “.....สติแตกหนอ...

    .

    ...สติแตกหนอ...

    .

    ...รวบรวมสติหนอ...

    ...ไม่เป็นไรหนอ...

    ...แก้ไขได้หนอ...

    ...แก้ไขได้หนอ”

     

     

    เมื่อความวุ่นวายใจบรรเทาเบาบางลง

    เจ้าพ่อก็เปลี่ยนมาอ่านเม็มโมที่มาพร้อมกับไฟล์คำร้องเบื้องต้นอีกครั้ง

     

     

    “...ไหนดูสถานะของเซ่นไหว้หน่อยซิ...

    ...อาหารคาวสำรับใหญ่ กับคุกกี้ธัญพืชออร์แกนิครสชาเขียวแบบโฮมเมด...

    .

    ...รับเข้าคลังเรียบร้อย...

    ...ลงชื่อด้วน เสมียนรับคำร้องและพนักงานธุรการที่สอง”

     

     

     

    ด้วนกับดำรับของเซ่นไหว้เรียบร้อย...

    ด้วนกับดำรับของเซ่นไหว้เรียบร้อย...

    ด้วนกับดำรับของเซ่นไหว้เรียบร้อย...

     

    คุกกี้ธัญพืชออร์แกนิครสชาเขียว...

    คุกกี้ธัญพืชออร์แกนิครสชาเขียว...

     

    ศกุลตลารัศมี...

    แก้มและเสื้อเปื้อนผงสีเขียวๆ...

    ของเซ่นไหว้เพิ่งมาใหม่แบบสดๆร้อนๆ...


    คุกกี้ธัญพืชออร์แกนิครสชาเขียว...

    คุกกี้ธัญพืชออร์แกนิครสชาเขียว...

    คุกกี้ธัญพืชออร์แกนิครสชาเขียว...

    คุกกี้ธัญพืชออร์แกนิครสชาเขียว!!!

     

     

    อย่างนี้ก็หมายความว่า...

    ...บริวารตัวแสบทั้งสองออกหน้าไปรับอามิสสินจ้าง แล้วแอบรวมหัวกันกินล้างบางจนของเซ่นไหว้หายเรียบ...

    ...หนำซ้ำกลับไม่สังวรเลยว่า งานที่มาพร้อมกับของเซ่นไหว้ชุดใหญ่เช่นนี้ จะมีความเป็นไปได้มากน้อยสักเพียงไหน...

    .

    .

    .

    ...เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง ยังจะถูกอ้ายด้วนอ้ายดำโยนกระดูกมาแขวนคอเข้าจนได้...

    ...บรรลัยแล้วล่ะ ห่อไหล่เอ๋ย!!

     

     

     

    Ħ------------------------------------------------------------------------------------Ħ

     

     

     

    เอ...ทำไมเราถึงกลับมาที่ศาลเจ้าพ่ออีกล่ะ?...

    ...เมื่อเช้าเราบนเสร็จไปแล้วนี่นาบ๊วยถามตัวเองด้วยความสงสัยติดหมัด

     

    เพราะแทนที่จะต้องมายืนเป็นหมาหลงทิศอยู่ตรงหน้าศาลเจ้าพ่อห่อไหล่

    ในเวลานี้...เขาควรจะนอนหลับฝันดีถึงชายหนุ่มสุดหล่อที่เขาเฝ้าปรารถนามาโดยตลอดอยู่บนเตียงต่างหาก

     

    จังหวะที่บ๊วยเหลียวมองหารถจักรยานของตน น้ำเสียงเย็นๆ ทุ้มกังวานเหมือนเสียงประกาศผ่านลำโพงก็ดังก้องไขข้อข้องใจ ราวกับอีกฝ่ายแอบฟังสิ่งที่เขาพึมพำอยู่ตรงหลังต้นกันเกรา

     

     

    ข้าพาเจ้ามาเองน่ะแหละ

     

    ใครน่ะ? เสียงใคร...ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!!’  บ๊วยร้องสั่ง...เขาไม่ชอบใจที่คู่สนทนาทำตัวมีลับลมคมใน แถมยังใช้เสียงเขย่าขวัญกันให้กลัวจนหัวหด

     

    เมื่อเช้าเจ้าไปขอพรกับใคร...เจ้าก็กำลังคุยกับคนๆนั้นอยู่นั่นแหละเสียงมีอำนาจกระตุ้นให้เขานึกทบทวน

     

    เมื่อเช้า...ขอพร...

    .

    .

    ...เจ้าพ่อห่อไหล่...

    ...เจ้าพ่อห่อไหล่เหรอ?...

    ...ไม่จริง!! เป็นไปไม่ได้  บ๊วยตะโกนเสียงสั่น...

     

     

    สำหรับชายหนุ่ม บรรยากาศโดยรอบที่กำลังประสบคงไม่น่ากลัวนัก หากเจ้าของเสียงหลอนคลอนประสาทยินดีจะเผยตน

    ไม่รู้เป็นโชคดี หรือ โชคร้ายของบ๊วยที่อีกฝ่ายสามารถอ่านใจได้... เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มคิด ได้สัมฤทธิ์กลายเป็นรูปธรรมอย่างฉับพลันทันตา

     

     

    ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้ข้ายืนอยู่ตรงหน้าเจ้านี่แล้วยังไงล่ะสิ้นคำ กลุ่มแสงเรืองรองรูปร่างคล้ายคน

    ก็ค่อยๆปรากฏขึ้นท่ามกล่างความว่างเปล่าด้านหน้าของชายหนุ่ม

     

    เหวออออออออออ!!!บ๊วยแหกปากร้องด้วยความตกใจถึงขีดสุด  

     

     

     

    และแล้ว...

    ห้วงฝันของชายหนุ่มก็ถูกทำลายลงอย่างง่ายดายภายในพริบตา

     

     

    “โธ่เอ๊ย! ไม่น่าทำให้หมอนี่ตกใจจนตื่นเลย...

    ...แล้วจะเอายังไงกันดีล่ะทีนี้...

    .

    ...เฮ้อ! สงสัยต้องใช้มาตรการขั้นสุดท้ายเสียแล้วสิ” เจ้าพ่อห่อไหล่ที่ถูกดีดกระเด็นหลุดจากความฝันของชายหนุ่ม บ่นกระปอดกระแปดกับตัวเองด้วยความเสียดายอย่างสุดซึ้ง

     

     

     

     

     

     

     

     

    บ๊วยตกใจกับสิ่งที่เห็นในความฝันจนสะดุ้งตื่น เหงื่อกาฬไหลอาบร่างผอมแห้งจนเสื้อย้วยที่ตนใส่นอนเปียกชุ่ม

    เขากวาดสายตาฝ่าความมืดมองสอดส่องไปรอบๆด้วยความระแวดระวัง  ทั้งห้องเงียบกริบไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆนอกจากเสียงหอบหายใจของเขาเท่านั้น  นั่นจึงยิ่งทำให้เสียงหมาหอนรับกันเป็นทอดๆที่ดังอยู่ห่างๆ กระแทกเข้าอย่างจังที่กระดูกค้อน ทั่ง โกลนราวกับกำลังโก่งคอหอนเสียเอง 

     

    วินาทีนี้...

    ชายหนุ่มปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เขารู้สึกชิงชังพี่ห้องทั้งสองคนขึ้นมาจับใจ

     

     

    เป็นพี่ห้องประสาอะไร...

    ทำไมไม่มาอยู่ให้บ๊วยได้นอนซุกจั๊กกะแร้เวลากลัวผีจนขนทั้งตัวตั้งรัวๆแบบคืนนี้บ้างเลย?!!

    ไอ้พี่บาส ไอ้พี่บอมบ์ใจร้าย ทิ้งบ๊วยตั้งกะวันแรกที่เปิดเทอม...แย่ที่สุด!

     

     

    ปกติบ๊วยไม่ใช่พวกขวัญอ่อนเที่ยวหวาดกลัวสิ่งที่ตามองไม่เห็นจนไม่เป็นอันกินอันนอนเช่นคืนนี้

    เพราะเขาเฝ้าฝึกฝนตัวเองมาเป็นอย่างดีตลอดหลายปีที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกับเพื่อนสนิททั้งสาม...

    เหล่าชายหนุ่มรูปงามผู้แปลกประหลาดเกินคาดเดาติดอันดับหล่อเร้นลับของชมรมมิติพิศวงประจำมหาวิทยาลัย

     

     

    กระนั้น...ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  หากสิ่งที่ว่า...เป็นสิ่งลี้ลับที่ไม่คาดฝันว่าจะได้เห็นหน้าค่าตา แต่อยู่ๆเกิดจะอยากโผล่ขึ้นมาตุ้งแช่ให้ได้เชยชมในระยะเผาขนแบบในฝันเมื่อครู่

     

    ต่อให้เป็นแค่ฝัน...แต่เล่นโผล่ออกมาให้เห็นตำตาขนาดนั้น...

    มันก็ต้องมีหงายเงิบ เกิบแหกกันบ้างล่ะครับพี่น้อง

     

     

     

    สายตาของเขาสำรวจไปทั่วห้องโดยไม่พบความผิดปกติให้ใจสั่น

    แต่กลับต้องมาสะดุดกับชายผ้าม่านสีขาวเนื้อผ้าบางเบาที่ปลิวไสวแม้ไม่มีลมพัดผ่าน...

    .

    .

    ...คำถามก็คือ...

    ...ห้องเขามีม่านตั้งแต่เมื่อไร?...

    ...แล้วทำไมต้องสีขาว? แล้วทำไมต้องไหว?...

    ...แล้วทำไมบรรยากาศต้องเหมือนหนังผี???????...

     

     

    แว๊กกกกกกกกกก!!!!!บ๊วยร้องเสียงหลงเมื่อเห็นชายผ้าค่อยๆลอยเข้ามาใกล้

     

     

    อารามตกใจ...ชายหนุ่มรีบสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม ก่อนจะจัดท่าให้ตัวเองนอนแผ่ราบ

    ด้วยเข้าใจว่า การทำตัวกลมกลืนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของผ้าผวย จะช่วยให้ผีมองไม่เห็น

     

     

    อย่ามาโปเยโปโลเยใส่บ๊วย...

    ...บ๊วยกลัวแล้วค๊าบบบบบ!!...

    ...สกลเคยบอกว่า เวลาเจอผีให้สวดมนต์บทไหนก็ได้ที่นึกออก...

    .

    ...มะโนตัสสะ ภะคะวะโต อะระหังสัมมา สัมพุทโธ...

    ...มะโนตัสสะ ภะคะวะโต อะระโต สัมมาสัมพุทธัสสะ!!!...

     

    “จะบอกอะไรให้นะ...

    .

    ...ถ้าเจ้าสวดมนต์ผิดๆถูกๆแบบนี้...

    ...ต่อให้สวดจนวันตาย ผีก็ไม่หายไปไหนหรอก” เสียงเย็นๆเสียงเดียวกับที่เพิ่งได้ยินในความฝันกลับมาหลอกหลอนชายหนุ่มอีกครั้ง หากแต่คราวนี้ดังติดหู

     

    “......เราไม่รู้......เราไม่เข้าใจ......เราคุยกับนายไม่ได้.......เราเป็นผ้าห่ม.....” เสียงอู้อี้ลอดออกมาจากผืนผ้าเป็นระยะๆ เจ้าพ่อคาดว่า คนพูดคงกำลังเผชิญกับอาการขาดอากาศหายใจเบื้องต้น  และหากปล่อยเอาไว้นานกว่านี้...อาจจะมีผีผ้าห่มเกิดขึ้นในโลกหลังความตายจริงๆก็เป็นได้

     

    “นี่...เจ้าน่ะ ออกมาเถอะ  ข้ารู้นะว่าเจ้าแอบอยู่ตรงนั้น”

     

     

    เทวบุตรสุดจะเอือมระอา เมื่อไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆ อย่างเป็นรูปธรรม

    ครั้นจะปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นปลอมตัวเป็นผ้าห่มต่อไปเรื่อยๆ คงต้องทั้งเหนื่อย ทั้งไม่ได้งานแน่ๆ

    เจ้าพ่อห่อไหล่จึงหาทางหลอกล่อให้บ๊วยยอมออกจากโปงผ้า เพื่อจะได้เปิดฉากเจรจากับชายหนุ่มให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที

     

     

    “แล้วถ้าข้าบอกเจ้าว่า ข้ามาที่นี่ เพื่อคุยกับเจ้าเรื่องที่เจ้าไปขอให้ข้าช่วยให้เจ้ากับนายธันวา อริยะตรัยรักกัน...

    ...เจ้าจะยอมออกมาคุยกับข้าดีๆไหม?...

    .

    ...อ้อ! แล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดหรอกนะว่า  สกล หรือฝาแฝดจอมขมังเวทย์จะแอบรู้เรื่องที่เจ้ามาบนกับข้า แล้วส่งผีสางนางพรายมาหลอกหลอนเจ้าเล่น... เพราะข้านี่แหละ เจ้าพ่อห่อไหล่เสียงจริงตัวจริง...

    .

    ...รู้อย่างนี้แล้ว เจ้าจะยอมออกมาคุยกับข้าดีๆได้หรือยัง?” เจ้าพ่อพูดดักทางด้วยล่วงรู้ถึงความคิดอีกฝ่ายอย่างแจ่มแจ้ง

     

     

    ใบหน้าแหยๆ ของชายหนุ่มค่อยๆโผล่พ้นชายผ้าห่ม  เขาส่งสายตาหวาดๆออกสำรวจยังที่มาของเสียงที่เพิ่งพูดจบไปเมื่อครู่  กระทั่งได้เห็นรูปกายของอีกฝ่ายที่ยืนอยู่ข้างๆเตียง  บ๊วยก็ผุดลุกขึ้นนั่งหลังตรงตัวแข็ง พลางแสดงสีหน้าตกใจระคนประหม่าออกมาทันที

     

     

    “กะ กะ กะ...เก็ก...นายเข้ามาห้องเราได้ยังไง?” ชายหนุ่มถามเสียงสั่น ความไม่มั่นใจเข้าจู่โจมเขาอีกครั้ง

     

    “อย่าบอกนะว่าเจ้ากลัวเราจนสมองกลับไปแล้ว ถึงได้ทำตาเยิ้มหวานหยดใส่เราแบบนี้...

    ...แล้วเก็กคือใคร?...

    .

    ...ชื่อของข้าคือเจ้าพ่อห่อไหล่...

    ...ถ้าไม่อยากถูกเสกให้กลายเป็นลูกหมา เรียกนามของข้าให้ถูกด้วย!!” เจ้าพ่อเอ่ยเสียงแข็งก่อนถลึงตาดุใส่บ๊วย ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สลด

     

    “ไม่จริง!..นายจะเป็นเจ้าพ่อห่อไหล่ไปได้ยังไง?......ไม่ว่ามองมุมไหน นายมันก็ธันวาชัดๆ!”  บ๊วยเถียงคอเป็นเอ็น

     

    “หึ! ดูท่าเจ้าจะหมกมุ่นกับนายธันวาอะไรนั่นมากเหลือเกิน...

    .

    ...เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ข้าจะเปลี่ยนรูปโฉมใหม่เพื่อเจ้าโดยเฉพาะก็แล้วกัน”   สิ้นเสียง ป็อบ!’  เจ้าพ่อห่อไหล่ก็ปรากฏกายอีกครั้งในรูปลักษณ์ที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

     

    “เหวอออออออ!!!

     

     

    บ๊วยตกใจกับการเปลี่ยนแปลงลักษณะรูปกายภายนอกแบบกะทันหันของอีกฝ่ายจนกลิ้งตกเตียง

    แก้มก้นที่เจ็บถึงขั้นเนื้อเต้นเร่าๆ ช่วยยืนยันให้ยิ่งมั่นใจว่า ตัวเขาไม่ได้อยู่ในความฝันซ้อนฝันอย่างที่เผื่อใจเอาไว้ 

    เมื่อรู้ซึ้งแล้ว...ชายหนุ่มจึงประนมสองมือชูขึ้นเหนือหัว แล้วละล่ำละลักอย่างกระท่อนกระแท่น

     

     

    “ขะ ขะ...ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบบังคมทูลนมัสการเจ้าพ่อห่อไหล่พะย่ะค่ะ...

    ...พระอาญามิพ้นเกล้า กระ..กระ..กระหม่อมผิดไปแล้ว ขอพระองค์โปรดเมตตาข้าน้อยด้วยพะย่ะค่ะ!!

     

     

    ถ้อยคำและท่าทางของชายหนุ่ม  ทำเอาเจ้าพ่อห่อไหล่เผลอรำพึงรำพันกับตัวเองด้วยความสิ้นหวัง...

     

     

    ลำพังแค่ต้องจับงานที่ไม่ถนัดก็ถือว่าหนักหนามหากาฬ  

    ใยต้องมาพบพานกับมนุษย์ผู้พูดจาไม่รู้เรื่องให้ยิ่งต้องชีช้ำด้วยนะ?!

     

     

    แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น...

    เจ้าพ่อห่อไหล่จึงจำใจคุยกับชายหนุ่มด้วยสติอีกครั้ง

     

     

    “เจ้าพูดกับข้าแบบที่มนุษย์ทั่วไปพูดกันก็ได้ ไม่ต้องใช้ศัพท์ใหญ่...ข้าไม่ใช่องค์มหาเทพ”

     

    “อ้อ...อย่างนั้นเองหรือพะย่ะค่ะ...

    ...แล้วพระองค์เสด็จมาที่นี่ด้วยเหตุผลประการใดหรือพะย่ะค่ะ?...

    .

    ...เฮ่ย!!!!...” บ๊วยหลุดอาการตกใจเมื่อได้ยินคำพูดแปลกๆของตัวเอง เขายกมือขึ้นปิดปากระหว่างตั้งสติ แล้วจึงค่อยๆเอ่ยถามเจ้าพ่ออีกครั้งอย่างช้าๆ “...ว่าแต่ ทำไมเจ้าพ่อถึงมาที่นี่ล่ะครับ?”

     

    “ข้ามีข้อเสนอสุดพิเศษมาให้เจ้า” เจ้าพ่อเอ่ยด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

     

    “ข้อเสนอสุดพิเศษที่เจ้าพ่อว่าคืออะไรเหรอครับ?” สายตาของชายหนุ่มแวววาวเป็นประกาย

     

    “ข้าจะให้พรเจ้าสามข้อ...

    .

    ...เจ้าจะขออะไรก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” เทวบุตรตั้งใจเว้นวรรคใจความเพื่อดูท่าทีของอีกฝ่าย

     

    “หืมมม...ข้อแลกเปลี่ยนอะไรเหรอครับเจ้าพ่อ?”

     

    “หึ หึ ง่ายนิดเดียว...

    .

    ...เจ้าแค่ต้องยกเลิกพรที่ขอไปเมื่อเช้า เพื่อแลกกับพรใหม่ทั้งสามข้อที่ข้าจะมอบให้”

     

     

    บ๊วยคงมัวแต่ฝันเฟื่องถึงสามสิ่งที่ต้องการจะขอเพิ่มเติมจากเจ้าพ่อ

    จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าเจ้าเล่ห์ขององค์เทพ

     

    ชายหนุ่มเงียบไปครู่ใหญ่จนเจ้าพ่อเริ่มจะใจเสีย

    แต่สุดท้าย...เขาก็ตัดสินใจได้

     

     

    “...ผมยอมยกเลิกให้เจ้าพ่อก็ได้ครับ...”

     

    “ดีมาก...เจ้านี่เฉลียวฉลาดสมกับที่ข้าคิดเอาไว้ไม่ผิดจริงๆ” เจ้าพ่อฉาบทับความดีใจที่ฟูฟ่องอยู่ในอกด้วยสีหน้านิ่งเฉย  ส่วนคำชมเชยถูกนำมาใช้เพื่อกลบเกลื่อนน้ำเสียงแห่งความยินดีออกนอกหน้า

     

    “แหม...เจ้าพ่อล่ะก็ เล่นชมกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ ผมก็เขินกันพอดีสิครับ!

     

    “พอก่อน  อย่าเพิ่งทําจริตกระบิดกระบวนสะบิ้งสะบัดไปนักเลย...

    ...ตอนนี้ เจ้าอยากจะขอพรอะไรก็ว่ามา ข้าสัญญาว่าข้าจะบันดาลให้ทุกๆคำขอของเจ้าเป็นจริงได้ดั่งตั้งใจ”

     

    “ครับ... ถ้าอย่างนั้น ผมขอเลยแล้วกันนะครับ...

    .

    .

    ...ข้อแรก ผมขอให้ไม่มีสิ่งใดจะเปลี่ยนแปลงพรของผมได้เป็นอันขาด” บ๊วยพูดเสียงดังฟังชัด

     

    “ได้เลย...ข้ารับปาก!!” เจ้าพ่อห่อไหล่ก็ตอบอย่างจริงจังไม่แพ้กัน

     

    “ข้อสอง ผมขอให้พรของผมคือความจริงซึ่งจะคงอยู่ตราบนิจนิรันดร์”

     

    “ตามนั้น...จัดไปอย่าให้เสีย!!!” เทวบุตรรับรองคำขอของบ๊วยอีกครั้งด้วยอารมณ์รื่นเริง

     

    “ข้อสาม...ผมขอให้ผมกับนายธันวา อริยะตรัยได้ครองคู่กันจนแก่เฒ่าอย่างมีความสุข”

     

    ห๊ะ!!!..  เมื่อกี๊เจ้าว่าอะไรนะ?” คราวนี้...กลายเป็นเจ้าพ่อห่อไหล่เสียเองที่ตกใจจนเสียอาการ

     

    “ผมว่าเจ้าพ่อได้ยินสิ่งที่ผมขออย่างชัดเจน และครบถ้วนดีแล้วนะครับ”

     

    บ๊วยย้อนด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเข้าไปในความรู้สึกของเจ้าพ่อ ก่อนจะพูดต่ออย่างมั่นคง 

    “ต่อให้มีพรอื่นๆที่นำมาซึ่งความสมบูรณ์พูนสุขให้กับมนุษย์ได้อีกเป็นล้านๆข้อ  และต่อให้ผมขอพรใหม่ได้อีกกี่ล้านครั้ง...

    .

    ...ก็อย่าหวังว่าผมจะขอพรอื่นใด ที่ไม่ใช่พรข้อนี้...

    ...เพราะไม่มีวันที่ผมจะเปลี่ยนใจจากนายธันวา อริยะตรัยได้หรอกครับ”

     

     

     

     

     

     

     

     

    ค่ำคืนนั้น...

     

    แม่พระธรณีรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็นข้อความใหม่ของเพื่อนสนิทที่ปรากฏในหน้าเซจบุ๊ค

    เจ้าหล่อนรีบส่งกระแสจิตต่อสายหาอีกฝ่ายเพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนได้ปรับทุกข์ และระบายความคับข้องหมองใจ

     

    แต่เจ้าพ่อห่อไหล่กลับไม่เปิดคลื่นความถี่ของจิตให้ว่างตรงกัน...

    เทวธิดาจึงทำได้แค่เพียงกดบูชาข้อความเพิ่มให้ เพราะไม่มีปุ่มไลค์เหมือนโปรแกรมโซเชียลยอดนิยมของพวกมนุษย์

     

     

     

     

    Holy Hipster: รู้สึกหดหู่จนจู่ๆก็นึกอยากถอนหายใจ

     

    อนิจจา...ประวัติการทำงานอันไร้ที่ติกว่าสิบเอ็ดสหัสวรรษของเรา คงถึงคราวมีตำหนิกันหนนี้ # ยิ้มอ่อน

     

     

     

     

     

    โฮะ โฮะ โฮะ... ตอนใหม่ของเรื่องมาแล้วนะคะ

    แบบว่าหลังจากลงตอนแรกแล้วได้กำลังใจดี เลยทำให้มีพลังปั่นตอนใหม่เสร็จเร็วกว่ากำหนดที่ตั้งเอาไว้

    หากรักชอบประการใด ฝากความเห็นเอาไว้ให้คนเขียนอ่านจนชื่นใจหน่อยนะคะ  (ส่งสายตาอ้อนวอนปิ๊งๆ)

     

     

     

     

    Ħ------------------------------------ TBC ------------------------------------Ħ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×