ตอนที่ 12 : บทที่ 6 เข้าถ้ำเสือ (1)
“แล้วแกไม่ชอบหรือไง หนูนางก็สวยเรียบร้อย ถ้าชอบ พ่อก็ว่าใช้ได้”
อาทิตย์ยิ้มบางๆ ไม่ตอบอะไร เป็นความรู้สึกที่คลุมเครือสำหรับคนเป็นพ่อมากทีเดียวทว่าครองประทีปไม่ได้คาดคั้นไปมากกว่านี้ ลูกชายของเขาเป็นคงนิ่งเงียบเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก เรื่องส่วนตัวแทบไม่เคยพูดกับพ่อแม่ แต่ก็ไว้วางใจได้ ไม่เคยทำเรื่องเสียหาย ความคิดหรือความในใจของลูกจึงเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดเดาได้เลยเพราะอาทิตย์มักไม่พูดหรือแสดงออกให้เห็น ชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไรแทบไม่รู้เลย
เรื่องที่อาทิตย์แสดงความรู้สึกได้ชัดเจนมากที่สุดก็เห็นจะเป็นความเกลียดชังที่มีต่อวันฟ้าใหม่เรื่องเดียว
เธอต้องไปสำรวจพื้นที่สร้างโรงเรือน
วันฟ้าใหม่คิดไว้ทั้งคืนว่าเช้าวันนี้จะต้องไปดูสถานที่จริงที่ครองประทีปจะใช้ทำเรือนกล้วยไม้ หลังจากหมกตัวอยู่ในบ้านได้สามวันสามคืนเพื่อจัดการข้าวของแต่ละข้อมูลในการเพาะชำกล้วยไม้ร้อยแปดอย่าง เธออยู่บ้านทุกวัน จะออกไปไหนต้องคอยระวังไม่อยากให้อาทิตย์เห็น กลัวก็เรื่องหนึ่ง ไม่อยากรกหูรกตาใครก็เรื่องหนึ่ง
การกลับมาพบกับอาทิตย์อีกครั้งหลังจากสี่ปีผ่านไปความรู้สึกหลงรักหวงแหนที่เธอเคยมีต่อเขาได้จางหายไปสิ้นแล้ว แต่ความเกลียดชังที่เขามีต่อเธอยังอยู่ครบถ้วน ไม่แน่ว่ามันอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
อยู่ห่างๆ ได้เป็นดี
ร่างบางสวมชุดกางเกงเอี๊ยมยีนขายาว สวมเสื้อยืดสีขาวด้านใน รองเท้าเซฟตี้หุ้มข้อเท้าป้องกันสัตว์มีพิษและการบาดเจ็บจากหนามของวัชพืช วันฟ้าใหม่ก้มมองตัวเองก็รู้สึกว่าเธอเวอร์ไปนิด แต่คิดอีกที...เธอต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด อย่าให้เกิดอันตรายแม้แต่ปลายเล็บ เพราะหากเจ็บป่วยขึ้นมา พิจารณาจากปริมาณมิตรที่มีจำนวนเท่ากับศูนย์แล้วนั้น เธอตายอย่างเดียว
“พี่ หวัดดี”
เสียงเล็กๆ ของใครบางคนทำให้วันฟ้าใหม่ที่กำลังยืนอยู่หน้าระเบียงบ้านต้องหันซ้ายแลขวา แต่ทว่ากลับไม่พบใคร
“อยู่ตรงนี้”
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เธอจับทิศทางเสียงได้จึงชะโงกหน้ามองจากระเบียงไปยังด้านล่างเห็นเด็กหญิงและเด็กชายน่าจะอายุราวๆ แปดถึงสิบขวบยืนเท้าเอวอยู่หน้าบ้าน
“มีอะไรเหรอ” เธอถามออกไป เด็กสองคนแหงานหน้าจนคอตั้งบ่ามองมาที่เธอ
“ก็แค่อยากจะมาแนะนำตัวกับคนมาอยู่ใหม่ ผมชื่อมะเดี่ยวอายุเก้าขวบ ส่วนนี่น้องสาวผม ชื่อมะยมอายุเจ็ดขวบ”
แนะนำตัว? วันฟ้าใหม่ทบทวนคำนั้นในใจอีกรอบ ก่อนจะเดินลงไปหาแขกทั้งสอง เห็นเป็นเด็กหน้าตาน่ารักเธอจึงยิ้มเอ็นดู
“แนะนำตัวทำไมจ๊ะ”
“พวกเราเป็นเจ้าถิ่น คนมาอยู่ใหม่ก็ต้องรู้จักกันไว้จะได้ทำตัวถูก อยู่ที่นี่ถ้ามีปัญหาพวกเราช่วยพี่ได้นะ แต่ขอเก็บค่าคุ้มครองนิดๆ หน่อยๆ รับรองว่าปลอดภัย” คนเป็นพี่บอกเสียงเจื้อยแจ้ว
คราวนี้วันฟ้าใหม่ถึงกับนิ่งไป เธอไม่อยู่ที่นี่แค่สี่ปีไร่ตะวันฉายมีมาเฟียแล้วหรือนี่ โธ่เอ้ย! มาเฟียอะไรตัวเล็กกะเปี้ยก อย่างมากก็แค่เด็กแก่แดดดูละครมากไปเท่านั้นกระมัง อันที่จริงเธอไม่อยากสนใจ แต่เรื่องรบรากับเด็กนี่ถือเป็นงานของเธอเลย ใครจะไปยอมง่ายๆ
“เป็นเจ้าถิ่นเหรอ รู้ไหม ว่าฉันเป็นใคร”
“รู้จิ” คราวนี้เด็กเด็กผู้หญิงผมสั้นแค่ติ่งหูพูด เธอเท้าเอวทำปากยื่นปากยาว “พี่ก็คือคนที่จะมาทำให้นายอาทิตย์ต้องปวดหัว แล้วนายอาทิตย์ก็เกลียดพี่มากๆ ด้วย”
วันฟ้าใหม่เบิกตากว้าง เจ็บจี๊ดในใจ แม้แต่เด็กก็เกลียดขี้หน้าเธอด้วยเหตุนี้อย่างนั้นหรือ? อยากรู้จริงๆ ว่าวัวว่าม้าของที่นี่จะเกลียดเธอด้วยหรือเปล่า
“เป็นเด็กก็อยู่ส่วนเด็กไปเหอะ ฉันจะไปทำงาน” พอเห็นว่าเป็นเรื่องนี้วันฟ้าใหม่จึงไม่อยากพูดด้วยให้เสียเวลา
“ค่าคุ้มครองล่ะ” เด็กชายมะเดี่ยวร้องถาม
วันฟ้าใหม่จึงหันไปถามเนือยๆ ว่า “เท่าไหร่”
“ห้าบาท”
“แค่นี้ใช่มั้ย” หญิงสาวคักเงินในกระเป๋าออกมาสองเหรียญแล้วส่งให้สองพี่น้องคนละเหรียญเพื่อตัดปัญหา “ฉันให้คนละสิบบาทเลย ไปได้ยัง”
“เชิญขอรับ”
มะเดี๋ยวบอกด้วยรอยยิ้มกระจ่างใส แต่เด็กอีกคนกลับทำท่าเหมือนจะเบะปาก
‘ยายเด็กนี่คิดอะไรเกินเด็กไปหรือเปล่าเนี่ย’
เอาล่ะในไร่นี้เธอมีคนเกลียดเพิ่มอีกสอง เป็นเด็กประถมตัวกระเปี้ยก และสาเหตุที่ทำให้เด็กสองคนนั้นเกลียดเธอจะเป็นอะไรไปได้ถ้าไม่ใช่เพราะพวกผู้ใหญ่คอยเสี้ยม
บันเทิงจริงจริ๊ง
ครองประทีปให้คนเอารถจักรยานยนตร์กลางเก่ากลางใหม่มาให้เพื่อที่จะเดินทางภายในไร่ได้สะดวก ซึ่งนั่นก็เป็นการดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะระยะห่างจากบ้านพักของเธอไปยังที่ต่างๆ ก็ไกลจนเดินเท้าไม่ไหว แต่จะให้ขับโฟล์คไปมาก็ใช่ที่ แต่พอคว้ารถจักรยานยนตร์ได้ก็ต้องงงอยู่พักหนึ่งกับทิศทางว่าจะต้องไปทางไหน
‘เรือนเพาะชำกล้วยไม้อยู่ที่ท้ายไร่ ใกล้กับแปลงเมลอน’
วันฟ้าใหม่นึกถึงคำของครองประทีป นึกตำหนิตัวเองที่ไม่รอบคอบในเรื่องนี้ จะทำเรือนกล้วยไม้แต่ไม่เคยไปดูสถานที่จริง คนที่ไหนเขาทำกัน
ช่างเถอะ ไปดูมันวันนี้ก็ยังไม่สาย เรือนเพราะชำสร้างใกล้กับแปลงเมลอน ถามๆ เอาก็ไม่ยาก
เธอขับรถไปตามทางลาดยางมะตอยแคบๆ ผ่านไร่องุ่นขนาดใหญ่ที่ถูกปลูกทั้งแบบมีหลังคาและไม่มีหลังคา ส่วนที่มีหลังคานั้นเป็นองุ่นตระกูลที่ปลูกไว้รับประทาน ทำหลังคาไว้กันฝนตกลงมาถูกลูกองุ่น จะทำให้องุ่นช้ำเสียหาย เธอเพิ่งมาทราบตอนเรียนด้วยเพราะตอนที่อาศัยอยู่ในไร่แห่งนี้เธอไม่ได้สนใจเรื่องอื่นใดนอกจากเรื่องของอาทิตย์เลย ส่วนแปลงองุ่นที่ไม่ได้ทำหลังคาคลุมไว้นั้นเป็นองุ่นสำหรับทำไวน์ ที่นี่มีโรงงานไวน์ที่ใหญ่มากเช่นกัน
ไร่ตะวันฉายยังมีพืชผักผลไม้อีกหลายชนิด ทั้งมัลเบอรี่ สตอเบอรี่ แก้วมังกร ทุเรียนและผักสวนครัว เธอคิดว่าสภาพอากาศและดินของที่นี่เหมาะแก่การเพาะปลูกมากทีเดียว ทั้งยังมีแหล่งน้ำทางธรรมชาติค่อนข้างอุดมสมบูรณ์
คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเธอก็ขี่รถมาถึงท้ายไร่แล้ว บริเวณนี้ถูกสร้างเป็นฟาร์มโคเนื้อและโคนมขนาด....(1) ตอนเธอเรียนเธอก็ได้เรียนวิชาปศุสัตว์เช่นกัน ถึงขนาดเคยทำคลอดวัวมาแล้วแต่ถ้าเลือกได้เธอชอบคลุกคลีกับพืชมากกว่า เพราะไม่ค่อยถูกโรคกับพวกมันสักเท่าไหร่ อย่างน้อยพวกต้นไม้ใบหน้าหญ้าก็ไม่เคยวิ่งไล่กวดเธอ
หญิงสาวจอดรถแล้วเดินเข้าไปถามคนงานถึงเจ้านายของพวกเขาและไม่นานก็ได้คำตอบ เธอเดินผ่านคอกสัตว์ไปตามคำแนะนำของคนงาน แต่ยิ่งเดินเข้าไปเธอก็พบว่าลานโล่งกว้างกลายเป็นป่าทึบขึ้นเพราะมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นติดๆ กันจนแสงแดดส่องมาไม่ถึงพื้น
อยู่ที่ไร่นี้มาหลายปีวันฟ้าใหม่ไม่เคยเข้ามาถึงตรงนี้เลย รู้แค่ว่าท้ายไร่มีน้ำตกสายเล็กๆ ที่สวยงามมาก ครองประทีปเคยชวนเธอบ่อยๆ ให้มาพักใจที่นี่อาจจะช่วยให้สมองปลอดโปร่งขึ้นแต่จนแล้วจนรอดเธอก็เคยย่างเท้ามาถึงที่นี่สักครั้ง ตอนนั้นเธอรู้แค่ว่าสิ่งเธอต้องเผชิญไม่มีอะไรเยียวยาได้
ผ่านมาจึงได้รู้ ไม่ว่าจะเจ็บปวดสักเพียงใดสุดท้ายมันจะหายเพราะทุกคนมียาที่ดีที่สุดเหมือนกัน ยานั้นเรียกว่า ‘เวลา’
“มีใครอยู่มั้ยคะ” วันฟ้าใหม่ร้องเรียกเพราะเธอเดินห่างจากผู้คนมาไกลมากจนเริ่มไม่เห็นใคร อาณาบริเวณเงียบสนิทจนได้ยินเสียงน้ำไหล
วันฟ้าใหม่คิดพลางลูบแขนตัวเองเมื่ออยู่ๆ อากาศฤดูร้อนกลับเย็นยะเยือกขึ้นมา บรรยากาศเหมือนหนังฆาตกรรมสยองขวัญ เธอก้าวถอยหลังช้าๆ ตั้งท่าจะหมุนตัวกลับแต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
“กรี๊ด!”
อะไรบางอย่างโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ ทันทีที่มันเห็นเธอก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว วันฟ้าใหม่ก้าวขาไม่ออกยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นจนเจ้าตัวดังกล่าวชนกับร่างของเธอเข้าอย่างจัง ร่างบอบบางในชุดเอี้ยมหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ขาดห้วงหายไปหลังจากก้นกระแทกพื้นดินดังอั๊ก!
“วันฟ้าใหม่”
เสียงทุ้มคุ้นหูดังแว่วอยู่ไม่ไกล แต่วันฟ้าใหม่ไม่มีแก่ใจจะหันไปมองเพราะตาจ้องอยู่กับเจ้าหมูป่าตั้งท่าจะขวิดเธออีกรอบ
“ไอ้แสบ จับมัน” อาทิตย์ตะโกนบอกลูกน้อง
แสบที่ตามเจ้านายมาติดๆ วิ่งไปคว้าผ้าผืนใหญ่โยนแล้วจัดการใส่เจ้าหมูป่าก่อนตะคลุบไว้พลางตะโกนร้องเรียกคนให้มาช่วย คนงานสองคนวิ่งมากจากไหนไม่ทราบมาช่วยล็อกตัวมันไว้อีกแรงราวห้านาทีมันก็เริ่มสิ้นฤทธิ์จนยอมให้ถูกลากออกไปง่ายๆ
“เธอมาที่นี่ทำไม”
เสียงเข้มถามขึ้น วันฟ้าใหม่เงยหน้าขึ้นมองคนพูดทั้งที่ยังนั่งอยู่กับพื้น เจ็บสะโพกจนลุกไม่ขึ้น คิ้วบางขมวดมุ่น อดเคืองไม่ได้ แทนที่จะถามว่าเธอเป็นอย่างไรเจ็บตรงไหนบ้าง กลับถามว่าเธอมาที่นี่ทำไม ถ้ารู้ก็คงไม่มาให้โง่ ทั้งหมูทั้งคน...ดุเหมือนกันเลย
“แป้งจะไปเรือนกล้วยไม้ค่ะ คุณลุงบอกว่าอยู่หลังไร่ ใกล้กับแปลงเมล่อน”
“ไม่ใช่ว่า...คิดจะมาทำอะไรไม่ดีหรอกหรือ”
วันฟ้าใหม่หรี่ตาลงอย่างเซ็งๆ เธอน่าจะรู้อยู่แล้วว่าคำพูดของเธอไม่มีความหมายกับคนอย่างอาทิตย์ เขาพร้อมจะเชื่อทุกอย่างที่อยากชื่อ แต่จะไม่ยอมเชื่อทุกอย่างที่ออกมาจากปากเธอ
ประเด็นก็คือ...เขาจะเสียเวลามาถามเธอให้เมื่อยทำไม
“แป้งหลงทางจริงๆ ค่ะ ถ้าพี่อาทิตย์สะดวกก็บอกทางแป้งหน่อยเถอะว่าเรือนกล้วยไม้อยู่ตรงไหน” วันฟ้าใหม่ยันตัวเองให้ลุกขึ้น แม่จะเจ็บแต่ก็ยังยืนด้วยสองขาของตัวเองได้
“โกหก”
“พี่อาทิตย์” วันฟ้าใหม่ต้องฝืนตัวเองแทบตายที่จะไม่กรอกตาให้เสียมารยาท
“ถ้าจะให้ฉันเดา เธอคงคิดจะมาให้ท่าฉันอีกล่ะสิ”
“หลงตัวเองไปหรือเปล่าคะ” เธอพูดไม่เต็มเสียงแต่ก็ดังพอให้คนฟังได้ยินชัดทุกคำ
“จำไม่ได้เหรอ ว่าเมื่อก่อนเธออยากได้ฉันเป็นผัวมากแค่ไหน”
วันฟ้าใหม่ถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าอาทิตย์จะพูดออกมาตรงๆ เธอไม่โทษเขาที่โกรธเธอฝังใจขนาดนี้ แต่สิ่งที่อยากขอก็เพียงแค่ต่างคนต่างอยู่ เขาจะเกลียดเธอจนไม่อยากมองหน้าเลยก็ย่อมได้ แต่การต้องมาคอยทะเลาะกันอยู่แบบนี้มันไม่ดีเลย
“แป้งจะไม่เข้ามาตรงนี้อีกก็แล้วกันค่ะ”
“ออกไปจากไร่นี้เลยสิ ฉันถึงจะพอใจ”
“แป้งไปแน่ค่ะ แต่แป้งต้องสร้างเรือนกล้วยไม้เสร็จก่อน” วันฟ้าใหม่ยืนยัน เธอตั้งใจแล้วก็อยากจะทำให้ได้อย่างที่ตั้งใจสักครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะเรือนกล้วยไม้ ชีวิตเธอก็ไม่มีความหมายอะไรอีก
“ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเธอยอมที่จะอยู่ที่นี่อย่างไม่เป็นสุข”
------------------------------------------------------------------------------
//แป้ง จับหมูทุ่มใส่หน้าพี่อาทิตย์เลยค่ะ//
แค่ความคิดแบบเด็กๆ ของแป้งในตอนนั้น ทำให้ใครบางคนคิดหลงตัวเอง 555 พี่อาทิตย์ ชิ!
สู้ๆนะแป้ง พี่อาทิตย์ ร้ายไปไหม หลงตัวเองไปอี้กกก แต่เราชอบบบ ขอร้ายๆเลยพี่ เวลารักจะได้หลงหนักๆ ฮาาาา
น่าติดตามค่ะ สนุกมาก
สงสารแป้งเกลียดนายอาทิตย์ ผลลืมยาก
คนไรแก่แล้วยังหลงตัวเองอีก
เฮียก็ช่วยถุงแป้ง
สร้างเรือนกล้วยไม้
ให้เสร็จเร็ว ๆ สิเฮีย
อย่ามาหลงรักน้องนะพี่อาทิตย์ถึงเวลานั้นแม่จะหัวเราะเยาะให้ดังสนั่นไร่เลยค่ะ
#ทีมนุ้งแป้ง