The love island legend ช่วยที...ฉันติดเกาะ(รัก) ในตำนาน

เมื่อบรรยากาศอันแสนจะน่าเบื่อในช่วงปิดเทอมมาถึง เด็กสาวแสนขี้เบื่อวัย 19 ปี อย่าง ‘บลูเบลล์’ (นางเอก) จึงขอตามคุณพ่อนักธรณีวิทยาทางทะเลไปสำรวจพื้นที่ทางทะเลแถวสามเหลี่ยมเมอร์บิวด้า และเมื่อการเดินทางได้เริ่มขึ้น ขณะที่เรือสำรวจกำลังแล่นไปบนพื้นน้ำท้องทะเล ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าสดใสในเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วก็ลับหายไปในพริบตาแปรเปลี่ยนมาเป็นท้องฟ้ามืดครึ้มที่อุ้มน้ำไว้เต็มที่ พร้อมกับลมพายุพัดเรือจนโครงเครงอย่างรุนแรง บลูเบลล์ที่เพิ่งเดินออกมาสูดอากาศข้างนอกห้องพักของเรืออย่างไม่รู้เวล่ำเวลาก็ถูกลมพายุพัดจนตัวแทบจะปลิวไปกับแรงลม แต่โชคยังดีที่เธอคว้าราวเหล็กตรงขอบเรือไว้ได้ทันและร้องเรียกให้คนช่วย แต่ด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิงร่างเล็กและภายในห้องพักเรือกำลังมีปาร์ตี้เล็กๆ จึงทำให้เสียงของเธอไม่สามารถที่จะสู้เสียงเพลงในห้องพักเรือได้ เธอจึงค่อยหมดแรงลงช้าๆ มือที่เคยจับขอบเรือคลายออกจากราวเหล็ก แล้วร่างของเธอก็ถูกพัดออกไปนอกเรือด้วยแรงของลมพายุ

                หลังจากนั้นร่างของบลูเบลล์ก็มาปรากฏที่เกาะแห่งหนึ่ง (ภายในเกาะแห่งนี้ประกอบไปด้วยหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งห่างจากชายฝั่งประมาณ 5 กิโลเมตร ปราสาทหินเก่าแก่แสนใหญ่โตมโหฬารตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ อย่างเด่นเป็นสง่าอยู่เหนือหมู่บ้านและเรือกสวนไร่นาบนเกาะ)  ร่างของบลูเบลล์ถูกปลุกด้วย ‘โมดิอาโต้’ เจ้าชายคนโตของเกาะที่เป็นเกย์ เมื่อเธอฟื้นขึ้นก็ขอให้เจ้าชายช่วยเธอด้วยเพราะเธอยังมีอาการปวดเมื่อยและบาดเจ็บตามร่างกาย ในตอนแรกเจ้าชายทำท่ารังเกียจ แต่สุดท้ายก็ช่วยเพราะความเวทนา

                พอบลูเบลล์อาศัยอยู่ในปราสาทได้สักพักก็พบกับ ‘แมคคิอาโต้’ เจ้าชายคนสุดท้องของเกาะและเขาได้ขอร้องบลูเบลล์ให้ช่วยแกล้งเป็นเจ้าหญิง(พระชายา)ของโมดิอาโต้เพื่อที่โมดิอาโต้จะได้ขึ้นครองราชย์โดยไม่ต้องไปแต่งงานกับเจ้าหญิงเมืองอื่นที่พระราชาจัดหาให้เพราะโมดิอาโต้ไม่ชอบผู้หญิง โดยมีเงื่อนไขว่าถ้าทำสำเร็จ(ไม่ถูกจับได้จนกว่าเจ้าหญิงเมืองอื่นจะกลับไป)จะช่วยหาวิธีพาบลูเบลล์กลับบ้านเนื่องจากเกาะนี้เป็นเกาะถูกสาปในตำนานและอยู่คนละโลกกับที่บลูเบลล์อยู่หากใครจะออกไปก็ต้องแก้คำสาปให้ได้เสียก่อนบลูเบลล์จึงตอบตกลงว่าจะทำให้สำเร็จ