ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #112 : ตอนพิเศษ ใส่ไข่ใบสุดท้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22.46K
      84
      1 ก.ค. 58

    ตอนพิเศษ บ่อยจัง



     

     

     

    พอตกบ่ายพวกผมก็ไม่สามารถทนแดดประเทศไทยที่คล้ายไฟนรกได้ ก็ไม่เคยอยู่ในนรกหรอกนะครับ แต่คิดว่าน่าจะร้อนประมาณนี้ และเมื่อเวลานั้นมาถึง หากได้ลงไปอยู่จริงๆก็คิดว่าคงโอเค ถ้าทนแดดเมืองไทยได้กระทะทองแดงก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เลยยกทัพกลับเข้าบ้านแยกย้ายกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไอ้เชนไอ้แมทไอ้ปันไปอาบบ้านไอ้คิว ส่วนที่เหลืออาบที่บ้านเจ้าภาพ

     

     

    และแล้วก็ได้เวลาเริ่มทำงาน……ซะที่ไหน คึ นี่มันคือเวลาของการดื่มกินต่างหากล่ะครับ ไอ้เชนกับไอ้เบียร์ที่เป็นพวกมีตารางชีวิตเป็นขั้นเป็นตอน มีความรับผิดชอบที่แน่นอนตรงเวลาถึงกับงง แต่ก็งงได้ไม่นาน มีเหล้าอย่างงนาน เสียเวลา

     

     

    เรากินกันแบบเบาๆ สองชั่วโมงหมดไปสามกลมถือว่าเบาๆครับ ยังไม่มีใครเมา และเราพร้อมช่วยงานไอ้ฟ่างเต็มที่ จริงๆแล้วคนที่ช่วยได้ก็มีผม ภูมิ ไอ้คิว ไอ้เต้ย ไอ้แทน ไอ้เชน ส่วนไอ้ปันไอ้มิคเป็นฝ่ายสันทนาการ ไอ้แมทกับไอ้เบียร์มันก็ช่วยเท่าที่พอจะช่วยได้แม้ไม่ค่อยมีหัวทางนี้สักเท่าไร

     

     

    แต่ไอ้แทนนี่สิครับแม่งเรียนวิศวะคอมฯ แต่จะตัดโมเก่งกว่าเขียนโปรแกรมล่ะ อีกหน่อยคงเขียนแบบ ดราฟงานให้ฟ่างได้ ในขณะเดียวกันไอ้ฟ่างก็อาจจะพรีเซ็นงานเป็นภาษาซี ภาษาจาวาไม่ก็ต่อเมนบอร์ดแผงวงจรเข้ากับโมเดลตึก เรียกว่าเป็นคู่สร้างคู่สมช่วยกันทำมากิน(ไม่นับเวลาตีกัน)

    เมื่อก่อนใครใช้ให้ไอ้แทนซ่อมคอมฯให้นี่มันโกรธมาก มันบอกว่ามันเรียนวิศวะไม่ใช่สารพัดช่าง ไม่ได้ซ่อมคอม แต่ตอนนี้พอคอมกับเครื่องปริ้นไอ้ฟ่างมีปัญหาหน่อยไอ้แทนจัดการให้หมด แม้แต่โรงพิมพ์ไหนดีมันยังรู้เลย รู้ดีกว่าคนเรียนสถาปัตย์อีก

     

    แต่ข้าพเจ้ากับภูมิไม่ได้เป็นเช่นนั้น แค่ผมฝากซื้อกระดาษมันยังซื้อผิด ให้ซื้อกระดาษชานอ้อย กูได้กระดาษลูกฟูก ให้ช่วยขึงเฟรมผ้าใบก็แทบจะตีกันตายห่า แต่หลังๆมานี่เริ่มเป็นงานแล้วครับ เริ่มแยกออกอันไหนพู่กันกลม พู่กันจีน ตอนแรกผมนึกว่ามันแกล้ง เพราะเคยเห็นภูมิเขียนแบบ เลยคิดว่ามันน่าจะรู้จักอุปกรณ์พวกนี้ ภูมิเรียนโยธามันต้องเขียนแบบได้อยู่แล้ว สรุปคือไม่ได้แกล้ง มันไม่รู้จริงๆ สุดท้ายผมก็ต้องหอบสังขารอันเสื่อมโทรมออกไปซื้อเอง

    T^T

     

    ในทางกลับกันผมก็ไม่สามารถคำนวณหาฐานรากสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 4 เมตร รับเสา 4 ตัน ที่มุมซึ่งบรรทุกน้ำหนักขนาด 900, 800, 200 และ 500 กิโลนิวตัน ตามลำดับ จงหาค่าความเค้นที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากแรงกระทำทั้งหมดที่เสาต้นที่ 1 และที่กึ่งกลางของฐานราก ลึกจากจุดที่แรงกระทำ 3.5 เมตร

     

    ??????????????

     

    วอททททท

     

    อะไรเอ่ยขาวโพลน สมองกูเองครับ ฮ่าฮ่า ผมจำได้ว่าเคยเปิดหนังสือของภูมิแล้วปิดลงในสามวินาทีต่อมา คำแรกที่ผมถามมันคือ นี่ภาษาอะไร ทำไมผมถึงอ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่อง นับจากนั้นเป็นต้นมาผมก็เริ่มมองว่าภูมิไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกันอีกต่อไป และแน่นอนว่าคนที่แปลกคือภูมิ คนปกติคือผมอย่างไม่ต้องสงสัย

     

     

    “เชี่ยแทน นี่ชีวิตมึงมาถึงจุดนี้แล้วหรอ อีกหน่อยต้องถือกะลาออกไปนั่งตามสะพานลอย ขอทานมาเลี้ยงเมียไหมไอ้ห่า” ไอ้คิวมันกลับมาจากซื้อเสบียง เข้ามาเจอไอ้แทนนั่งพับเพียบตัดเล็บมือให้ฟ่าง ซึ่งพวกผมนั่งดูมันมาสักพักแล้ว วงเหล้าเหม็นน้ำเน่ามาสักพักแล้ว อีกหน่อยมันคงกลืนกินไอ้ฟ่างแบบตัวเป็นๆ กินดิบๆ

     

     

    “เป็นเหี้ยไร อย่าเห่า” แทนไม่ต้องเปลืองแรงตอบโต้เพราะคนที่นั่งชันเข่าอยู่บนโซฟาจัดการให้ อดีตนักบอลมหาลัยขวัญใจหญิงแท้และชายเทียม ยักคิ้วกดยิ้มกวนส้นเท้าให้ไอ้คิว หน้าตามันดูภูมิใจมาก ภูมิใจอะไรของมันวะ ตัดเล็บให้เมียนี่น่าภูมิใจตรงไหน มึงกำลังสับสนและหลงประเด็นนะกวินภพ

     

    “กูรักของกู กูเต็มใจทำ มึงไม่เข้าใจฟีลนี้หรอกคิว เพราะกูมันผู้ชายสายโรแม้น ได้ปรนนิบัติเมีย พี่นี่อิ่มยิ่งกว่ากินพิซซ่าถาดใหญ่ จิตใจมันเต็มตื้นราวกับอิ่มทิพย์ อิ่มในหัวจิตหัวใจ”

     

    “นี่มึงเอาใจเมียหรือปลุกเสกกุมารทองไอ้เวร อะไรมันจะออกฤทธิ์แรงขนาดนั้น มึงดูสภาพมึงตอนนี้แทน คนค้นคนกับวงเวียนชีวิตยังไม่โหดร้ายน่าสงสารเท่ามึงเลย” พูดจบไอ้คิวใช้เท้าสะกิดขาผมให้ขยับไป เพื่อที่จะให้ไอ้เต้ยนั่ง อัปรีย์เอ๊ย แต่ไอ้เต้ยนั่งได้ไม่นานก็คลานไปหาไอ้แมท เชี่ยคิวถึงกับปาถั่วตามหลัง อย่าเล่นกับแกล้มกู!

     

    “อย่าไปฟังเสียงนกเสียงกาเลยจ้ะฮันหนี เอาข้างนั้นมา เดี๋ยวแท่นแท๊นจะตะไบให้”

     

    แท่นแท๊นพ่องงงงง อุดจาดรูหูกูมาก เพื่อนยิ่งแซวไอ้แทนยิ่งแกล้งทำให้น่าหมั่นไส้ สีหน้าไอ้คิวไอ้เบียร์เหมือนอยากกลับเข้าไปในครรภ์มารดาอีกรอบ จริงๆแล้วแทนมันเป็นผู้ชายโรแมนติกแหละครับ อาจจะพอๆกับไอ้เชน แต่บางครั้งมันก็น้ำเน่าเกินไป เลยออกแนวเอียนมากกว่าจะโรแมนติก

     

    “ตอนพวกมึงคบกันแรกๆกูสงสารไอ้แทนนะ แต่ตอนนี้กูเริ่มสงสารฟ่างแล้วว่ะ สรุปใครทนใครกันแน่”

     

    “ข้าวฟ่างรีบตอบน้องชายสุดที่รักไปสิจ๊ะ ฟ่างอย่าเย็นชากับพี่ พี่ใจไม่ดี”

     

    “แทน”

     

    “จ๋าจ้ะ”

     

    “ถ้ายังไม่หยุด กูกระทืบนะ”

     

    กริบ กริบเลยครับ เป่าสากยังเสียงดังกว่านี้อีกครับ ฮ่าฮ่า แม้แต่จะไอจะจามไอ้แทนยังไม่กล้า แม่งจอดเลย เพราะยี่ห้อข้าวฟ่างไม่มีขู่ ถ้าบอกว่ากระทืบนี่คือเล่นปางตายนะครับ เพื่อนกูนี่นิ่งยิ่งกว่าเสาหลักเมืองอีก แต่อยู่ๆสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากยิ่งกว่าปรากฏการณ์ลานีญาก็อุบัติขึ้น เมื่อไอ้ฟ่างกำคอเสื้อไอ้แทนแล้วกระชากเข้าหาตัว จากนั้นมันก็……จูบ!!!!!!  ไอ้เยี่ยยยย กลางวันแสกๆ แถมอยู่ในที่ประชุมชน อาคมพวกมึงแก่กล้ามาก กูรับไม่ได้

     

    “นั่งเงียบๆได้ยัง กูรำคาญ”

     

    “นิ-นิ-นิ- นิ่งแล้วจ้ะ สะ-สัก-สักแอะก็จะไม่ให้ระแคะระคายเคืองหูเลยจ่ะข้าวฟ่างจ๋า หึหึ กูได้ลาภลอยเว้ย” ถึงกับพูดติดอ่าง ไอ้แทนหน้าบานหันมายิ้มประหลาดๆให้พวกผม

     

     

    “อาการหนักแล้วจริงๆ” หนักกว่ามันยังมีมึงนะภูมิ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า

     

     

    “มันมีหนักกว่านี้อีก” ฟ่างหัวเราะในคอ ก้มมองไอ้แทนที่ตั้งอกตั้งใจตัดเล็บให้มัน นานๆทีฟ่างจะพูดเรื่องไอ้แทน ผมนี่หูตั้งรอฟัง จนภูมิต้องดึงกลับมากลัวหน้าจะทิ่มเข้าไปกลางวง เขาถึงบอกไงว่าเสือกคือการใส่ใจ นี่ถ้าไม่รักเพื่อน ผมก็ไม่ใส่ใจเรื่องของเพื่อนขนาดนี้หรอกนะจะบอกให้ เห็นไหมว่าเป็นคนดีแค่ไหน

     

    “มันจะไปธุระกับพ่อที่เยอรมัน ก่อนไปเลยนึกพิเรนจะเซอร์ไพรส์กู ขนทุกอย่างออกจากตู้เย็น แล้วเอาช่อดอกบัวยัดเข้าไปจนเต็มตู้ แต่มันไม่รู้ว่ากูก็จะกลับไปค้างที่บ้านเหมือนกัน วันนั้นเลยไม่ได้แวะมานี่ แล้วซวยตรงที่หม้อแปลงของหมู่บ้านเหี้ยๆนี่ระเบิด ไอ้ฉิบหายนี่เสือกอยากเป็นคนดี” ฟ่างชี้หน้าไอ้คิว “เห็นไม่มีใครอยู่บ้านเลยสับคัทเอาท์ลงให้ จัญไรไม่เข้าเรื่อง”  ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าบอกนะว่า…..พอไอ้ฟ่างเล่าถึงตรงนี้ไอ้คิวถึงกับกระพุ่มพนมมือไหว้ไอ้แทนซึ่งนั่งทำหน้าเซ็งๆ

     

    “กว่ากูจะมาเปิดดู หนอนแดกดอกบัวไปหมดแล้ว ของที่มันเอาออกมาข้างนอกก็เน่า กูต้องมานั่งเก็บกวาดอีก แม่งโคตรเซอร์ไพรส์เลย”

     

    เล่าจบฟ่างผลักหัวไอ้แทนเบาๆ ยิ้มและมองเพื่อนผมด้วยสายตาที่โคตรจะเอ็นดู เชี่ยแทนจะละลายแล้วมั้งนั่น  แม่งโคตรเทิดทูนบูชา เอาดอกบัวมาให้แฟน ไม่ใช่แทนทำแบบแทนไม่ได้จริงๆ ในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะมีการร้อยมาลัยมาถวายก็เป็นได้ครับ

     

     

     

    ……………………………

        

     

     

     

    ในขณะนี้เป็นเวลาสองนาฬิกาสามสิบห้านาที ตีสองครึ่งแล้ว และคืนนี้ก็เป็นคืนที่สองแล้วที่พวกเรายังอยู่บ้านไอ้ฟ่าง ด้วยสภาพที่ไม่ได้นอนมาเป็นเวลาสี่สิบเก้าชั่วโมง เราจะก้าวสู่ชั่วโมงที่ห้าสิบไปด้วยกัน ไอ้ฟ่างสัญญาว่าอีกไม่นานมันจะคืนความสุขให้ให้ใครก็ไม่รู้ ที่แน่ๆคงไม่ใช่กูที่ได้คืน

     

     

    เมื่อกี้ผมเพิ่งเทกระทิงแดง เบอร์ดี้ เอ็มร้อย เหล้าขาว บดยาพาราสองเม็ดและไม่รู้ว่าเผลอเทกาวลงไปด้วยไหม ปั่นรวมกันแล้วกรอกปาก ไอ้ปันเอาผงกาแฟทาตาไปแล้วสองรอบ มันกำลังตามหาขวดยาหยอดตา เพื่อจะเอากาแฟหยอดใส่ตา คนอื่นๆก็สภาพร่อแร่เต็มทน ไอ้เต้ยเริ่มพูดกับกรรไกรไปจนถึงจานเปล่า คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวจนไอ้คิวร้องไห้

     

    แต่เชื่อไหมครับว่าแม้จะกรำงานหนักกันขนาดนี้ แต่ก็ยังมีบางคนที่อุตริมาร์คหน้า คือตายไม่ว่าแต่หนังหน้าต้องเป๊ะ ถ้าระเบิดลงบ้านไอ้แทนตอนนี้ สภาพศพของไอ้เชนน่าจะดูดีที่สุด

     

    สภาพโดยรวมมีเพียงผม ไอ้คิว ไอ้ฟ่างที่ยังดีกว่าพวกมันหน่อยเพราะเจอกับวิถีชีวิตแบบนี้จนชิน ผมเคยเขียนงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า จนไปถึงตีห้าของอีกวัน วันต่อมามีเรียนแปดโมง กูไปเรียนได้ด้วยครับ โคตรศรัทธาในตัวเองฉิบหาย ไปทั้งชุดเดิมของสองวันที่แล้วนั่นแหละ

     

    ยื่นยางลบให้กระเป๋ารถเมล์ นั่งเหลาดินสออยู่นานกว่าจะรู้ว่านั่นคือพู่กันไม่ใช่คัตเตอร์ ตื่นมาอีกทีหลับจมรังมดอยู่ข้างถังขยะหน้าบ้าน อาปุ้ยมาเจอนึกว่าหลานตายจะโทรไปบอกหนวดให้รีบมาทำแผนเก็บหลักฐาน พอเป็นบ่อยๆอาก็ค่อยๆชิน ตอนหลังถึงขั้นย้ายตำแหน่งถังขยะเตรียมสถานที่ให้นอนเสร็จสรรพ ชีวิตผมนี่แกร่งยิ่งกว่าแมลงสาป เอากูไปปล่อยดาวอังคารตอนนี้กูยังไม่ตายเลย

     

     

    ฟ่างมันยังดีที่มีไอ้แทนคอยช่วย แต่มันจะซวยถ้าอีกคนก็มีงานหรือมีสอบเหมือนกัน ก็ต้องตัวใครตัวมัน บางทีเห็นบอกว่าต้องแยกกันอยู่เพราะฟ่างต้องการสมาธิ หรือถ้าเพื่อนที่คณะมันมาขลุกทำงานที่นี่ ไอ้แทนก็จะระเห็จกลับไปอยู่บ้านตัวเอง และบ่อยครั้งที่มันร่อนเร่ไปสิงที่คอนโดภูมิบ้าง วังท่านชายบ้าง แต่ที่มันไปอาศัยบ่อยสุดคงเป็นบ้านไอ้เชน เวลาไอ้แทนมีปัญญาอะไรคนแรกที่จะรู้คือไอ้หมอฟันดะ ก็ดูสิครับนอกนั้นมีใครพอจะให้คำปรึกษามันได้ ฮ่าฮ่า

     

     

    เวลาที่ไอ้แทนไอ้ฟ่างแยกกันอยู่ เพื่อนผมก็สุดแสนจะดี ฟ่างมันบอกว่าตอนเช้าไอ้กวินภพจะแวะเอาข้าวเอาขนมมาให้ แล้วก็ไปเรียน ตอนเย็นแวะเอาของกินมาส่งอีกรอบ ไม่อยู่รบกวนใดๆขอแค่ได้เจอหน้าแล้วก็กลับ แม่งโคตรรักแฟนเลย แต่ถ้าเป็นภูมิเหรอครับ มึงจะวาดก็วาดไป กูจะอยู่ด้วย อะไรคือแยกกัน มันไม่รู้จัก ผมนี่กลืนน้ำลายไม่ลงเลยทีเดียว ทุกวันนี้เริ่มคิดแล้วว่าตัวเองมีสองเงา

     

     

    ผมนั่งเหยียดขาอยู่บนพื้น เอนหัวพิงหลังของภูมิซึ่งนั่งดราฟแบบให้พี่ชาย ไอ้มิคหลับ นอกนั้นนั่งล้อมวงตัดโมกันแบบตาปรือๆ มีเสียงเพลงจากคลื่นเพลงลูกทุ่ง พอให้บรรยากาศไม่หดหู่วิเวกวังเวงจนเกินไป คือสถานีอื่นเขาปิดกันหมดแล้ว เลยมีให้ฟังแค่นี้ แต่แปลกที่ไอ้แมทสามารถคลอตามได้หลายเพลง ไอ้เบียร์บอกว่าน่าจะส่งมันไปประกวดรายการชุมทางเสียงทอง

     

    “มึงกูอยากเล่นไพ่ว่ะ สักตาไหม” เซียนพนันขันโตกอย่างไอ้คิวส่งสายตาระยิบระยับให้พวกผม ไอ้แทนถึงกับรีบขึ้นปางห้ามญาติ สกัดความคิดของไอ้คิวไว้เพียงเท่านั้น

     

    “มึงคิดจะสร้างเนื้อสร้างตัวจากเงินพวกกูใช่ไหมคิว คราวที่แล้วก็ล่อซะกูต้องขอเงินเมียเติมน้ำมันรถ แม่งแทบหมดตัว”

     

    “เชี่ย!!!!

     

    ผม ไอ้คิว ไอ้แทน ถึงกับตะโกนด้วยความตกใจ หลับตาเหลาไม้คุยกันอยู่ดีๆก็แทบจะตาสว่าง เราต่างปรือตามองไปยังไอ้เต้ยซึ่งยืนหน้าบึ้งทั้งที่เพิ่งจะโยนทอง ย้ำ!!! โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง สร้อย! คอ! ทอง คำ!!!!  ไม่ทราบน้ำหนักแต่ตรวจสอบด้วยตาเปล่าแล้วพบว่าเป็นทองคำแท้อย่างแน่นอนครับ พวกผมนี่มองกันตาปริบๆ มองหน้าไอ้คิวและค่อยๆแพลนไปยังหน้าไอ้เต้ยอีกรอบ ตั้งแต่รู้จักกันมาเกือบครึ่งทศวรรษ เพิ่งเคยเห็นไอ้เด็กตี๋มีสีหน้าจริงจังก็วันนี้นี่แหละครับ คราวนี้องค์อะไรสิงมาอีกล่ะมึง

     

    “อะไร” ไอ้คิวถาม

     

    “ทอง”

     

    “เออ กูรู้แล้วว่ามันคือทอง ถ้าซอด้วงคงไม่เป็นเส้นๆสีเหลืองแบบนี้หรอกมั้ง แต่ที่ถามคือมึงโยนมาทำไม”

     

    “เต้ยให้ ถือเป็นค่าจ้างพี่คิวตัดผม โกนหนวด”

     

    พ่อมึงงงงงงงงงงงงงงง เอาทองคำมาจ้างแฟนโกนหนวด บ้านขายทองอย่างเดียวทำไม่ได้นะครับ มึงต้องบ้าด้วย เต้ยจ้างพี่ไหม พี่เอาแค่สลึงเดียวก็พอ กูจะตัดจะโกนออกให้หมดทุกหนวดทุกขนเลย มึงอยากได้ขนอะไรมึงบอกเฮีย

     

     

    ก่อนหน้านี้ไอ้คิวไอ้เต้ยง้องแง้งๆเรื่องนี้กัน ไอ้เต้ยไล่ไอ้คิวไปโกนหนวดแต่เชี่ยคิวก็หูทวนลมไม่สนใจ จนไอ้ฟ่างรำคาญทนไม่ไหวเลยใช้ไอ้เต้ยออกไปซื้อของให้ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าแม่งจะกลับมาพร้อมทองคำ โอ้วววววมหัศจรรย์อีกแล้วน้องกู

     

    “มึงจะอะไรนักหนากับหน้ากูวะเต้ย แม่งกูมีเวลามีอารมณ์ เดี๋ยวก็โกนเองนั่นแหละ อยู่แบบนี้แล้วมันหนักหัวมึงรึไง”

     

     

    “มันก็ไม่ได้หนักหัวแต่ว่าเต้ยเจ็บหน้า!!! แล้วมันก็จั๊กจี๋ด้วยโว้ย”

     

    เสถียรธรรมสถาน

     

    กระจกหกด้าน

     

     

    ทุ่งแสงตะวัน

     

     

    แบ่งปันรอยยิ้ม

     

     

    ผมกับไอ้แทนนี่เอาตีนตบกันเลยครับ ตบมือมันยังไม่สาแก่ใจ ตาเหลือกน้ำลายฟูมปากกันแล้วครับ

     

     

    “แล่ว แล่ว แล้วววววว ทำไมหนวดไอ้คิวถึงทำน้องเฮียเจ็บได้ล่ะหื้ม ไหนลองเล่าให้เฮียฟังหน่อยซิ”

     

     

    ไอ้แทนขยับเว้นที่ให้ไอ้เต้ยนั่ง ไอ้คิวเริ่มได้กลิ่นความหายนะ มันเลยไหวตัวทันจะลากไอ้เต้ยออกไป แต่น่าเสียดายที่มันไปไม่ถึงฝั่งฝันเพราะไอ้แทนดันมือไวกว่า คว้าไอ้เต้ยมาทำการเจียระไน กูเพิ่งรู้ว่ากลุ่มเราชอบเสือกเรื่องของเพื่อนขนาดนี้ ทำไมพวกมึงเป็นคนแบบนี้วะ  พีระณัฐรับไม่ได้….เต้ยมึงอย่าเพิ่งเล่า รอเฮียย้ายไปนั่งใกล้ๆก่อน เรื่องไอ้คิวไอ้เต้ยนี่มันแรร์ไอเทมของหายาก พลาดไม่ได้ครับ

     

     

    “หยุดความเสือกของมึงไว้แค่นั้นแหละแทน เต้ยลุก มานี่ จะกินไหมข้าว”

     

     

    “จะตีสามแล้วครับมึง ใครเขากินข้าวเวลานี้กัน บ้านกูไม่ใช่สวนสัตว์ไนท์ซาฟารีนะถึงจะได้ให้อาหารตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กูถามน้องกู มึงอยู่นิ่งๆคิว อย่าให้กูต้องเบนเป้าหมายมาที่มึง”

     

    ไงล่ะ เจอสกิลไอ้แทนเข้าไป ตัวพ่ออย่างไอ้เชนเอนหลังพิงผนังห้องกระดิกตีน อมยิ้มรอช่วยไอ้แทนเต็มที่ ไอ้เบียร์ก็เริ่มให้ความสนใจ ไอ้แมทหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจ ราวกับรู้อะไรดีๆอีกแล้ว กูอยากเปิดกะโหลกสางสมองมึงจังเลยว่ะแมท อยากรู้ว่ามีความลับกูอยู่ในนั้นไหม

     

    ส่วนไอ้ปันนี่ไม่ต้องพูดถึง มันคลานเข้ามาเอาหน้าพาดไหล่ไอ้เต้ยตั้งแต่วินาทีแรกแล้ว วางมีดวางกาวแล้วพวกเรามารุมไอ้คิวกันดีกว่าครับ ส่วนพี่น้องบ้านเจริญเกียรติวาณิชย์นั้นช่างหัวพวกมัน ไอ้พวกโรครังเกียจสังคม อย่าไปคบครับ เดี๋ยวกูคบเอง คึ

     

     

    “นั่นน่ะซี้ เฮียพีมก็สงสัยว่าทำไมน้องเต้ยถึงเจ็บ น้องเต้ยเจ็บตรงไหนอีกไหมครับ นอกจากหน้า ซอกคอ หน้าอก แล้วหน้าท้องนี่จั๊กจี๋ไหม น้องเต้ยรีบบอกเฮียพีมเร็ว”

     

    “เพราะมึงสองคนนี่เองพี่เปิ้ลถึงได้แยกวงกับพี่วิลลี่พี่หอย” ปากมันก็ด่า มือก็พยายามฉุดดึงให้ไอ้เต้ยลุกขึ้น แต่ไอ้เต้ยดันคาบแขนเสื้อไอ้แทนไว้ ถ้าเสื้อไอ้แทนไม่ขาด ปากไอ้เต้ยก็น่าจะแหว่งแม่งกัดเอาจริงเอาจังมาก

     

    “แทนๆ ไอ้คิวมันด่าเราว่าสาระแน”

     

    “เชี่ยพีมกูเก็ท มึงไม่ต้องแปลก็ได้ครับไอ้ห่า” ไอ้คิวมันใช้โอกาสที่ผมกับไอ้แทนคุยกันคว้าเอาทองเส้นนั้นแล้วก็ลากไอ้เต้ยขึ้นไปข้างบนได้สำเร็จ มันขึ้นไปข้างบนทำไม บนนั้นมีห้องนอน เขาจะไปทำอะไรเหรอครับคุณสรยุทร เขายังเรียนไม่จบตามกำหนดเวลาที่เคยกล่าวไว้ในสัญญาเลยนะครับ

     

     

    “นี่ถ้าบ้านไอ้เต้ยขายอาวุธสงคราม มันไม่ปาระเบิดใส่หน้าเพื่อนกูเลยหรอวะ”

     

     

    ไอ้เชนเปรยขึ้นมาเบาๆ ขายอาวุธสงครามยังไม่น่าห่วง แต่ถ้าบ้านไอ้เต้ยรับดูดส้วมนี่สิมึง

     

     

     

     

    “แทนไท ใจตะวัน กรุณาพ่นกาวสเปรย์ใส่หน้านิชมิคที” ไอ้มิคมันตื่นแล้วครับ ตื่นมาคลานรอบบ้าน เพื่ออะไรผมก็ไม่กล้าจะรู้เหมือนกัน “กูคิดว่ากูอาจจะง่วงตายภายในห้านาทีนี้” ไอ้แทนผลักไอ้มิคออก แล้วกระดึ๊บๆพาสารร่างเปื่อยๆไปหาฟ่างซึ่งกำลังเพ่งสมาธิกับงานที่อยู่บนโต๊ะ

     

    “ข้าวฟ่างงงง ง่าง ง่าง ง่าง”

     

    “อือ”

     

    “มึงไม่ได้หลอกคบกูเอาไว้ใช้งาน พอเรียนจบก็จะเขี่ยกูทิ้งใช่ไหม”

     

    “เมากาวเหรอ ถ้าเบลอก็ไปนอน” ฟ่างยังคงหันหลัง มือนึงจับดินสอ อีกมือคีบบุหรี่ มันเคาะขี้บุรี่แทบจะร่วงใส่หัวไอ้แทน “หรือถ้าว่างก็เอาที่เขี่ยบุหรี่ไปทิ้งให้หน่อยไป”

     

    “ข้าวฟ่างงงงงงงงงง”

     

    ……………….

     

    “ฟ่างงงงงงงงงงจ๋า หันมาฟังพี่จะบอก”

     

    ……………….

     

    “เจ้าจงตั้งใจฟังไว้ให้ดี”

     

    “แทน ตกลงว่าบ้านมึงทำธุรกิจนำเข้ารถยุโรปหรือเปิดค่ายเพลงลูกทุ่ง มึงพาไอ้แมทไปอัดเทปขายไป” ผมทนไหว และแปลกใจว่าทำไมไอ้ฟ่างทนได้

     

    ……………….

     

    “ข้าว ฟระ ร่างงงงงงงง”

     

    “เป็นค_ยไรนักหนาวะ” มันจะเอาปากกาคอแร้งแทงคอหอยกันแล้วครับ

     

    “เราอยากจะเป็นน้ำร้อน นายต้องเป็นน้ำตาลนะ….เราจะได้เชื่อมกัน” เชี่ย มีดแทบเฉือนนิ้วกู ภูมิที่ทำหน้าที่เป็นดราฟแมนให้พี่ชายถึงกับชะงักแล้วเหลือบมาดูพี่เขยมันที่นั่งพับเพียบเอาคางเกยขาแฟน

     

     

    ………………”ผมเห็นขมับไอ้ฟ่างเต้นตุบๆเลยครับ แต่มันก็ยังก้มหน้าทำงานต่อ

     

     

    “ถ้านายเป็นเหล็ก เราก็จะเป็นเปลวแก๊สเราจะได้เชื่อมกัน” มันใช้วิชาความรู้มาเกี้ยวแฟน  เสียงถอนหายใจของไอ้ฟ่างน่าจะดังไปถึงท้องสนามหลวง

     

     

    “ถ้าฟ่างเป็นนกเอี้ยง แทนก็จะเป็นควาย พวกมึงจะได้เคียงคู่กัน” ไอ้คิวทำตัวเป็นคิวปิด ปิดช่องทางความรักและความสัมพันธ์ของไอ้แทน ฮ่าฮ่า ทีมึงกับไอ้เต้ยหายขึ้นไปข้างบนเป็นนานสองนานพวกกูยังไม่ได้ลงรายละเอียดนะมึงนะ

     

     

    “ข้าวฟ่างงงงงงงงงงงงง พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้ เจ้าไฉนไม่เคยให้พี่ กูขอกำลังใจหน่อยดี๊ ช่วยงานมาทั้งวันนะเว้ย บอกรักหน่อย” แผ่นหลังภายใต้เสื้อกล้ามสีขาวของฟ่างเลื่อนขึ้นเลื่อนลงเพราะแรงถอนหายใจ ตอนนี้มันเหมาะกับซีจีไฟลุกท่วมตัวมากจริงๆ  ฟ่างถอนหายใจหนักๆก่อนจะพูดโดยไม่หันมามองหน้าไอ้แทนว่า

     

     

    “ถ้ามึงเป็นต่อมลูกหมาก กูก็ว่าจะเป็นมะเร็ง เราจะได้ตายจากกันสักที ไอ้ควาย! ไปไกลๆตีนไปจะทำงาน” โดนไปอีกหนึ่งฝ่าเท้า คู่รักมะเร็งต่อมลูกหมาก กร้ากกกกก เหมาะกว่านี้ไม่มีแล้วฟ่าง มอบรางวัลให้ไอ้ฟ่างไปเลยครับ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า

     

     

    “ถ้าเป็นลูกหมากแม่น้องผัด ต่อให้เป็นมะเร็งพ่อน้องผัดก็ยอม”

     

     

    ยัง ยังอีก ยังไม่หยุดอีก ไอ้ภูมิเนี่ยยังไม่หยุดจุ๊บหัวกูอีก หลายรอบแล้วนะเว้ยยย ผมเงยหน้ามอง ภูมิมันยักคิ้วกวนๆก่อนจะหันกลับไป  ทิ้งไว้แค่สายตาดูถูกดูแคลนของไอ้เดนนรกพวกนี้ ไอ้คิวแม่งดึงหัวไอ้เชนมาดม พวกมันกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน แถมยังทำตัวเสื่อมด้วยการส่งเสียงครวญครางอย่างกับหมาขี้เรื้อนโดนน้ำร้อน  

     

     

    “ไอ้แทนไอ้ฟ่างจะเป็นไข้ป่าหรืออหิวากูก็ไม่ขอรับรู้ กูเกลียดพวกมัน กูอยากโบยและเฆี่ยนตีมัน อยากเอามันไปผูกบนเสากระโดงเรือ ให้ฝูงผีเสื้อรุมเอาหนวดแหย่รูจมูกมันกระทั่งขาดใจตาย” เป็นการพยายามฆ่าที่ทารุณที่สุดในประวัติศาสตร์โลกเลยว่ะ

     

     

    “กูน่าจะตายตั้งแต่มึงเอากูขึ้นไปบนเสากระโดงเรือแล้วล่ะปัน” ไอ้แทนบอกด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้ใครทำไรมันก็ยิ้มหมดล่ะครับ อารมณ์ดีเหมือนมีคนเผากัญชาอยู่ใต้จมูกมัน  

     

     

    “พวกมึงจะเป็นอะไรกูไม่สนแต่กูคิดว่ากูอาจจะเป็นไบ เชนมึงตรวจสุขภาพเหงือกให้กูหน่อยสิ ดูให้หน่อยว่ากูเป็นไหม” ไอ้ปันมึงละเมอรึเปล่า เป็นไบแล้วตรวจช่องปากมันจะเจอไหมวะ

     

     

    “ไบอะไร ไบก้อน ใบแจ้งหนี้ ใบตอง หรือไบโพล่า” ไอ้เชนขว้างหมอนใส่หน้าให้มันตาสว่าง คนเราถ้าไม่ได้นอนติดต่อกันหลายวันนี่มีสิทธิ์สติฟั่นเฟือนได้นะครับ ยิ่งพวกที่เป็นบ้าโดยพื้นฐานอยู่แล้วยิ่งน่าห่วง เหมือนอย่างตอนนี้ที่ไอ้ปันมันคิดว่าตัวเองเป็นเสือไบและเป็นผู้กำกับละครเวที คงเพราะคณะมันเตรียมจะทำละครด้วยมั้ง ไอ้ปันเลยดูเพ้อๆ

     

     

    “กูอธิฐานจิตเอาไว้แล้วว่าจะให้ไอ้ฟ่างกับไอ้เต้ยออกแบบฉาก ไอ้ภูมิกับไอ้แทนดูเรื่องเวทีแสงสีเทคนิค ไอ้คิวไอ้พีมรับผิดชอบแต่งหน้านักแสดง ไอ้แมทมาเป็นเลขา ส่วนมิคเพื่อนรักที่หล่อรองจากกูห้ากิโลวัตต์ได้รับบทพระเอกไปเลยยยย”

     

    ละครเวทีเรื่องนี้ล่มจมไปตั้งแต่พระเอกนี่แหละกูว่า ไอ้เบียร์สะกิดให้ผมดูไอ้แมทกับไอ้เต้ยซึ่งกำลังเอาก้อนน้ำแข็งยัดใส่กางเกงว่าที่พระเอกละครเวทีที่หลับได้หลับดี ทั้งยังส่งเสียงกรนกระหึ่มแบบเซอราวด์รอบทิศทาง เป็นเสียงกรนที่อลังการมาก หลังคาบ้านสั่นสะเทือนประมาณเก้าจุดเจ็ดริกเตอร์ ถ้าเป็นญี่ปุ่นนี่สั่งอพยพรับมือแผ่นดินไหวแล้วนะ

     

     

    ไอ้มิคงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะความเย็น และเพราะถูกพวกผมรุมเอาปากกาละเลงบนตัวมัน มึงไม่รู้เหรอมิคว่าการชิงหลับตอนเพื่อนทำงานมันคือหายนะ ไอ้เต้ยถลกเสื้อไอ้มิคขึ้นเพื่อวาดเสื้อชั้นในให้ ไอ้คิวจังไรกว่า แม่งเพ้นท์รูปกาจู๋ใส่กลางหน้าผาก ถ้าพรุ่งนี้ล้างไม่ออกมึงก็ไม่ต้องออกไปไหนเลยมิค ฮ่าฮ่า  

     

    แต่คนที่เลวสุดๆ ถึงขั้นแอบถ่ายคลิปไว้ประจานคือไอ้ปันคู่หูมันนั่นแหละ เข้าตำราคนที่ไว้ใจ สุดท้ายร้ายที่สุด และพอได้ยินว่าตัวเองได้เป็นพระเอกไอ้มิคก็ลุกขึ้นคลานมานั่งปรบมือ ทิ้งหัวพิงไหล่ผม

     

     

    “มึงเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าปัน เห็นกูวาดรูปทาสีได้นี่ไม่ได้หมายความว่ากูแต่งหน้าให้คนได้นะมึง”

     

     

    ผมอธิบายขณะที่พยายามผลักไอ้มิคออกเพราะภูมิมันมอง คนผู้นั้นมันไม่ชอบให้ร่างกายผมไปใกล้ชิดสนิทสนมกับใคร นี่กับเพื่อนกับฝูงนะ ไอ้มิคก็ผู้ชายนะ กูก็ผู้ชายนะ ไม่มีอะไรเสียหายเลยนะ แต่ภูมิแม่งมองเหมือนจะเสกควายธนูเข้าท้อง อีกหน่อยผมคงได้ไปนุ่งขาวห่มขาวถือศีลกินเจ ฮึ่มมมมมม

     

     

    “อย่าให้วิชาชีพพวกกูต้องมัวหมองเลย กูไม่สะดวกร่วมงานศิลป์กับมึงจริงๆ แล้วมึงไม่มีตำแหน่งให้ไอ้เบียร์กับไอ้เชนทำเหรอวะ”

     

    “มีสิ”

     

    “อะไร”

     

    “คอนวอย” เหยดเขร้ ตอบเสียงดังฟังชัดไม่รักษาน้ำใจเพื่อนเลย แต่หน้าเด็กคอนวอยนี่ถือว่าคัดสรรมาดีครับ ฮ่าฮ่า ไอ้เชนถึงขั้นยกไอโฟนมาส่องดูหนังหน้าตัวเอง ก่อนจะเกี่ยวคอไอ้คิวกับไอ้เบียร์มาถ่ายรูป เวลาไอ้คิวกับไอ้คุณชายมันอยู่ด้วยกันนี่ให้อารมณ์หมาวัดกับไซบีเรียนฮัสกี้เลยครับ

     

     

    พอไอ้ปันมันเห็นกล้องเท่านั้น จากที่กำลังนอนพล่ามห้อยหัวอยู่บนโซฟาก็พุ่งมาใส่ มันล้มลงนอนทับพาดตัวบนขาไอ้สามคนนั้น ไอ้ปันมันบ้ากล้อง มันคิดว่าตัวเองหล่อเลยชอบถ่ายรูป แต่รูปส่วนใหญ่ที่มันถ่ายจะเป็นการซูมแค่อวัยวะบางชิ้นส่วน เช่น รักแร้ รูจมูก ซอกหู หรือถ้าถ่ายเต็มหน้าก็จะออกแนวพิสดาร

     

     

    พวกมันถ่ายไปถ่ายมาเลยกลายเป็นว่าลากพวกผมทุกคนมาถ่ายทั้งกลุ่ม แทบจะยัดกันไม่หมด แต่ละท่าแต่ละคนนี่อุบาทมาก  ไม่ใช่แค่ตัวบุคคลแต่สถานที่นี่ก็…..ทางจะเดินไม่มีแล้วครับ รกกว่านี้ต้องเรียกว่าป่าดงดิบกลางกรุงแล้ว

     

     

    ถ่ายเสร็จไอ้แมท ไอ้เต้ยต่างเร่งให้ไอ้เชนส่งรูปให้เพราะมันจะอัพลงโลกโซเชี่ยล ไอ้เด็กสองคนนี้มันเป็นเจ้าพ่อโลกออนไลน์ คือถ้าไอ้แมทกับไอ้เต้ยหายไปจากเฟสบุ๊คสักสามวันนี่แจ้งความคนหายได้เลยครับ ถ้าไม่ตายก็น่าจะถูกลักพาตัว ผิดกับไอ้คิวที่แม่งไม่เล่นอะไรเลยสักอย่าง มันมีอีเมลล์ก็นับว่าดีสุดๆแล้ว เป็นเมลล์ที่มันใช้มาตั้งแต่คำนำหน้าชื่อยังเป็นเด็กชาย จนป่านนี้เปลี่ยนคำนำหน้าเป็นคำว่าเหี้ย แม่งก็ยังใช้อันเดิม

     

     

    ผมวางมีดกับกระดาษลงเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากมือถือ ไอ้พวกนั้นแท็กรูปมาในอินสตาแกรม คนแรกคือไอ้เต้ย แคปชั่นของมันนี่ทำให้ผมต้องเอาลูกตาไปแนบหน้าจอ

     

     

     

    “นาฬิกาเท่มาก”

     

     

    ไหน ไหนนาฬิกา มันอยู่ไหน คนมีเป็นสิบแต่พูดถึงสิ่งของ อะไรของแม่งวะ คือภาพนี้เนี่ยด้านหลังสุดมีฟ่างยืนทำหน้านิ่งๆ มือนึงกอดคอภูมิซึ่งนั่งทำหน้านิ่งพอๆกัน นี่ไม่ได้ถ่ายบัตรประชาชนหมู่นะครับ พวกมึงช่วยอินกับพวกกูนิดนึง ข้างล่างคือผมกับไอ้เชนกอดคอกัน แลบลิ้นทำตาเหล่โคตรทุเรศ และผมเพิ่งสังเกตว่าภูมิไม่ได้มองกล้อง มันก้มมองอะไรคงไม่ต้องบอกนะครับ เหอๆ

     

     

    ไอ้เบียร์นั่งกอดเข่าชูสองนิ้วยิ้มหล่อๆแบบผู้ดี ความโทรมและภาวะอดนอนทำอะไรมันไม่ได้จริงๆ ส่วนไอ้คิวกัดปากหรี่ตาพยายามทำหน้าเซ็กซี่จนดูเหมือนปากเป็นริดสีดวง ข้างหน้าผมคือไอ้มิคซึ่งนั่งคุกเข่าเหมือนนักโทษบนลานประหาร รอเพชรฆาตมาฟันคอ หน้าแม่งโคตรจริงจังจนเกินเหตุ นี่ถ้ามีวันที่กำกับแล้วเติมคำว่าชาตะ มรณะนี่ใช่เลย จองศาลาเลย

     

     

    หน้าสุดมีอมนุษย์สามชีวิตแหกแข้งแหกขาไปทั่วทุกสารทิศ รอบข้างคือเศษซากวัตถุที่ดูไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ส่วนไอ้แทนที่ไม่ได้ตั้งตัวหน้าเหวอๆเพราะมันเป็นคนเอากล้องไปตั้งก่อนจะรีบวิ่งมาทับไอ้ปัน

     

     

    แล้วรูปนั้นมันมีอะไรบ่งบอกถึงนาฬิกาเหรอครับน้องเต้ย

     

     

    “เชี่ยเต้ย นาฬิกาอะไรของมึงวะ กูยังไม่เห็นอะไรที่เชื่อมโยงไปถึงนาฬิกาเลยนะ” ตอนนี้ทุกคนก้มหน้าก้มตาเขี่ยโทรศัพท์กันใหญ่ รวมทั้งกระผมด้วย

     

     

    “อ้าวก็นาฬิกาตรงนี้ไงเฮีย เนี่ยๆ เต้ยวาดเองเลย” ไอ้เหี้ยยยยยยย กูต้องซูมต้องถ่างจนพิกเซลล์แตกแข่งกับกรุงศรี เชี่ยนาฬิกาอยู่ไกลมาก เป็นรูปที่ไอ้เต้ยวาดบนกระดาษแผ่นเล็กๆซึ่งวางอยู่ด้านหลังผมนู่น เอากล้องจุลทรรศส่องยังมองไม่เห็นเลยมั้งผมว่า มึง……คิดว่าคนที่เขาผ่านมาเจอรูปนี้ เขาจะจากไปด้วยความรู้สึกแบบไหนเหรอเต้ย

     

    ต่อมาเป็นการแท็กมาของไอ้มิค และแคปชั่นที่ว่า

     

    “ฝากร้านเสร็จแล้ว มาเอาคืนด้วยน๊า ดอกเบี้ยแพงน๊า” ไม่สามารถบรรยายสิ่งที่รู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้จริงๆครับ มันบอกใครในเมื่อมันล็อกไว้ ใครจะเห็น ใครจะฝาก มึงเป็นใครมิค

     

     

    ส่วนไอ้น้องแมทนี่แม่งมาเป็นคิวอาร์โค้ดเลย “แอดไลน์ ทักทายกันได้นะครับ” มีแต่กูจะบล็อกมึงไอ้เด็กขายหม้อ

     

     

    แต่ไอ้เชนล้ำกว่า “สนใจฝากไอดีไลน์ไว้ได้นะคะ #รับตรวจฟันฟรีครับ” เน้…. รุ่นใหญ่มันต้องแบบนี้ น้องไม่ต้องเดี๋ยวพี่เลือกแล้วเข้าไปหาเอง มีบริการรักษาฟันให้ด้วย แต่อาจจะต้องพากันไปรักษาที่ห้องนอนนะครับ

     

    “เออเชนทำไมมึงดูเหมือนตัวเหลืองๆวะ เอดส์แดกหรอ” ผมมองไอ้เชนตัวจริงกับไอ้เชนที่อยู่ในมือถือ รู้สึกว่ามันดูตัวซีดๆเหลืองๆ จะว่าผมอดนอนจนตาบอดสีก็ไม่น่าจะใช่ ไอ้เชนมันแค่ยิ้ม ตอบกลับมาว่าเพ้อเจ้อ

     

     

    “มึงรู้ได้ไงเตี้ยว่าคนเป็นเอดส์ต้องตัวเหลือง” เพ่ยยยยยย มึงสนใจโลกสนใจกูแล้วหรอภูมิ แม่งดีใจว่ะ ผมมีตัวตนในสายตามันแล้ว ซึ้งน้ำตาจะไหล ขอแชร์นะครับ เดือนนี้ช็อตเปียไม่ได้เลย รอกินมือบ๊วยก็นานเกินมาครับ กลับมา ฮ่าฮ่าฮ่า

     

    “เคยเป็น” ผมแกล้งตอบไปตามน้ำ เลยโดนคนที่นั่งอยู่สูงกว่าผลักหัวเข้าให้

     

    “ไปติดใครมา” ป๊าดดดดดดดดดดดดดด ดูแม่งถาม ถามเหมือนกูไปมั่วมา ผมหันกลับไปกัดเอวภูมิด้วยความคับแค้นใจแต่นอกจากมันจะไม่รู้สึกอะไร ยังหัวเราะอีกต่างหาก

     

    “ติดมาจากหมามั้ง กูนอนกับมึง” คือถ้าผมเป็นจริงๆก็แสดงว่าคนแพร่เชื้อคือไอ้หน้าหล่อๆนั่นแหละครับ

     

    “สรุปพวกมึงอำกันเล่นหรือพูดจริงวะเนี่ย กูจะได้ไปตรวจเลือดไอ้ห่า เชี่ยแคระยิ่งชอบมานาเนียกูบ่อยๆ”

     

    “นัวเนียครับ นาเนียนั่นมันหมูป่า”

     

    “สิงโตเหอะพีม” ไม่ใช่แค่พวกมัน สติกูก็จะไปแล้วครับ ฮ่าฮ่า แล้วกูไปนัวเนียมึงตอนไหนไม่ทราบไอ้เหี้ยเพื่อนคิว

     

    “อ้าวเหรอ สิงโตเหรอ กูเข้าใจว่าแม่งเป็นหมูป่ามาตลอด”

     

     

    “หมูป่าประเทศเชียงใหม่มีแผงคอยาวเฟื้อยขนาดนั้นเหรอไอ้ลิงลม นี่มึงดูเรื่องเดียวกันป่ะเนี่ย มึงรีบกลับบ้านไปติดจานเลยนะแคระ จานดาวเทียมล่ะไม่ใช่จานกระเบื้อง สมองเท่าจิ๋มมดอย่างมึงยิ่งเอ๋อๆอยู่ เอาจานกระเบื้องขึ้นไปแปะหลังคาบ้านนี่สัญญาณไม่มานะหนูนะ”

     

     

    จำเป็นต้องด่ากูขนาดนี้เลยเหรอคิว

     

     

    ส่วนของไอ้ปันแม่งปรับรูปเป็นโทนขาวดำแบบไม่คำนึงถึงหน้ากูเลย มันไม่ได้ดูอาร์ตเว้ยมันดูน่ากลัว ไป มึงไปชาตะ มรณะกับไอ้มิคเลยไป แคปชั่นบรรยายภาพนี่ก็ไม่ได้เข้าอะไรกันเล้ยยยย แถมยังยาวอย่างกับเรียงความวันแม่

     

     

    “ใครที่กำลังรู้สึกแย่ ท้อแท้หรือผิดหวัง ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่า

    คุณไม่ได้อยู่เพียงลำพังบนโลกใบนี้ ขอเพียงแค่คุณเดินออกไปที่ป้ายรถเมล์

    คุณก็จะมีคนยืนอยู่เคียงข้างเสมอ ขอให้เป็นวันที่ดีครับ #ปัน14ตุลา”

     

     

    เซเลปปปปปปปป เซเลปคำคมไปอีก โคตรพ่อโคตรแม่เซเลป ตีสามแล้วใครเขาจะมาอยู่รอให้มันเป็นวันที่ดี เขานอนกันหมดแล้วมึง โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

     

    นอกนั้นไม่มีใครอัพเดทหรอกครับ ผมกับไอ้แทนก็ไม่ค่อยเล่น มีไว้ประดับบารมีเหมือนชาวบ้านไปงั้นเอง ไอ้เบียร์ก็นานๆทีถึงจะเห็นมันเคลื่อนไหว เห็นตามกดไลค์น้องโตเกียวอยู่เนืองๆ ไอ้ฟ่างนี่ลืมไปได้เลย แค่มันยอมลุกมาถ่ายด้วยนี่ก็บุญแล้ว ส่วนอีกคน…..

     

    “รูปนี้แฟนมึงน่ารักนะ ไม่ลงหน่อยเหรอภูมิ” เชี่ยคุณชาย ที่ผ่านมากูอุตส่าห์ชื่นชมว่ามึงเป็นคนดี แล้วมาดีแตกเล่นงานกูอะไรตอนนี้ ภูมิก้มดูหน้าจอที่ไอ้เบียร์ยื่นให้ ไอ้หล่อส่ายหน้าและหันกลับไปทำงานต่อ และ มันจะไม่เป็นไร จะไม่เป็นไรเลยถ้าภูมิไม่พูดประโยคนั้นออกมา

     

     

    “ตัวจริงน่ารักกว่าตั้งเยอะ”

     

     

    “วี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ตึ้มมมมมมม” เชี่ยคิวสร้างสรรค์เสียงแซวได้แตกต่างมาก “โห่หหหห ไรแว้ ลงหน่อยเด้ มีรูปพวกกูติดไปด้วยนิดๆหน่อยๆคงไม่เป็นไรม้างงงง น้องคิวก็อยากมีโอกาสไปอยู่บนไอจีพี่ภูมิเหมือนไอ้หนอนปล้องบ้างนะฮ้าฟฟฟ”

     

     

    “สัตว์” ไม่ใช่ภูมิครับ ผมเนี่ยสาดสัตว์ไปให้ไอ้คิวได้เลือกสรรว่าอยากเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดไหน กระบือเผือกหรือตัวเงินตัวทองก็เลือกได้ตามสบาย ไม่ได้กวนตีนกูแค่ชั่วขณะจิตนี่มึงจะตายไหม

     

     

    ที่พวกมันแกล้งแซวภูมิก็เพราะ….คิดแล้วก็ปวดฟันคุดขึ้นมาทันที เพราะภูมิมันเปิดไอจีมาเพื่อติดตามผมคนเดียว แล้วก็ถ่ายแค่รูปผมคนเดียว ลงแค่รูปผมอย่างเดียว แม่งบ้า มันก็อัพของมันทุกวัน อัพแค่รูปน่าเกลียดๆของผม เดี๋ยวกูจะบล็อกมึง เดี๊ยะๆ

     

     

    “ละครเวทีเรื่องนี้มันจะต้องอลังการ”

     

    “อะไรอี๊กกกกกกก ยังไม่จบอีกเหรอละครมึง กูนึกว่าเพลงขึ้นให้คนลุกออกจากโรงแล้ว พอๆจบๆ มึงจะทำไปให้ใครดูห๊ะปัน กูถามจริง” ไอ้คิวนั่งชันเข่าข้างหนึ่งอยู่บนเก้าอี้ รูจมูกข้างหนึ่งมียาดมเสียบคาอยู่ มันถามไอ้ปันด้วยสีหน้ากึ่งอ่อนใจกึ่งขำ

     

    “กูไง” มันครับ มันเป็นคนทำและมันจะเป็นคนดู ไอ้ปันเดินแต่เหมือนลอยไปทางไวท์บอร์ดซึ่งตั้งอยู่อีกด้านของห้องนั่งเล่น ไอ้แทนมันเอาไว้ติวให้รุ่นน้องมัน แต่ตอนนี้ไอ้ปันจะทำอะไรกับสิ่งนั้นผมว่าเราอย่าเพิ่งคิดจะดีกว่าครับ

     

    “เป็นละครเวทีในครัวเรือนเหรอ ทำเองดูเอง หึหึ แล้วใครเป็นคนเลือกนักแสดงวะ ” ไอ้เบียร์ถาม

     

    “ไม่มีใครเลือก กูเลือกเอง เพื่อนมิคเหมาะสมสุดๆแล้ว มิคจะเป็นหนุมานที่ดีที่สุด เจมส์จิกับณเดชจะต้องกลับไปทบทวนความสามารถของตัวเอง หลังจากเห็นฝีมือการแสดงของเพื่อนกู เพราะนี่คือรามเกียรติ์ เดอะมิวสิเคิ่ลลลล”

     

     

    ………………….

     

     

     

    พระเจ้า

     

    รามเกียรติ์ เดอะ มิว สิ เคิ่ล?

     

    “แล้วใครกำกับดนตรี” แม้แต่ไอ้ฟ่างยังต้องหันกลับมา

     

    “กู”

     

    “กำกับศิลป์”

     

    “ก็กู”

     

    “ฝ่ายเทคนิคล่ะ”

     

    “ก็กูอีกเช่นกัน”

     

    “นี่ละครเวทีหรืองานแซยิดมึงวะปัน อะไรๆก็มึง แล้วเมื่อไรจะได้ดู” ผมอดสงสัยไม่ได้

     

    “เมื่อ…….เมื่อ”

     

    แล้วอยู่ดีๆไอ้ปันมันก็ยืนกางขา ย่อตัวหลังตรง วางมือบนต้นขาทั้งสองข้าง ก่อนจะกรีดนิ้วชี้เข้าหาตัวพร้อมกระทืบเท้า

     

     

              “เมื่อนั้น                          พญาพาลีชาญสมร

    เสด็จเหนือสิงหาสน์บัญชร         ได้ยินกาสรร้องมา

    กริ้วโกรธพิโรธคือไฟกัลป์            ฉวยชักพระขรรค์อันคมกล้า

    โจนจากปราสาทแก้วแววฟ้า       สำแดงฤทธาเข้าราวี

    เตรง เต่ง เต๊ง เตง เต่ง เต้ง เตง ตะเรงงงงงงงงง”

     

     

     

    เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

     

    เชี่ยปันนนนนนนนนนนนนนนนน ทำไมมึงท่องได้

     

     

    ไอ้แทนลงไปนอนขำชักดิ้นชักงอตามประสาพวกเส้นตื้น ผมได้ยินเสียงภูมิหัวเราะแม้มันไม่ได้หันกลับมาดู นอกนั้นตกอยู่ในสภาวะอึ้ง มีแค่ไอ้เต้ยที่ลากงานไอ้ฟ่างไปนั่งทำใกล้ๆและคอยปรบมือให้ไอ้ปัน

     

     

    ระหว่างไอ้ปันกับไอ้เต้ยกูควรกลัวใครก่อนดี

     

     

    “อันตัวข้านั้นมีนามว่า หยังหยังหนึ่งหรัด อินดราอุดากันสาหรีปาตี อิเหนาเองหยังตาหลา เมาะตาริยะกัดดังสุรศรี ดาหยังอริราชไพรี ระเด่นมนตรีมิสาระปันปันหยี”

     

    พ่องงงงงงงง สาบานว่านั่นคือชื่อ ถ้าจำไม่ผิดนั่นเป็นชื่อเต็มของอิเหนาแต่อันสุดท้ายไม่น่าใช่ แล้วปันปันหยีนี่คือเห้อะไร เขามีแค่ปันเดียว ฟังแล้วนึกถึงเพลงไชน่าดอล เฮงเฮงเฮง

     

    “มึงเริ่มเขียนชื่อตัวเองถูกตอนอายุเท่าไรเหรอปัน กูโคตรอยากจะรู้เลยแม่ง” ไอ้คิวทั้งหัวเราะทั้งถาม แต่ไอ้ปันก็หาได้สนใจไม่ มันยังพล่ามต่อไป

     

    “เรามีคู่ประไหมสุหรีชื่อนางละเวง”

     

     

    ไอ้แทนสำลักน้ำลายตายไปแล้ว ผิดกับไอ้เบียร์ผู้แตกฉานในภาษาถึงกับหน้าเหวอไปเลย

     

     

    “กูเพิ่งรู้ว่านางละเวงเป็นเมียอิเหนา งั้นพระอภัยมณีก็คงถูกสวมเขาสินะ” ไอ้ฟ่างขำหึ หันกลับมามองไอ้ปันตรงๆ งานเงินตอนนี้พวกผมไม่ทำแล้วครับ

     

    “เรามีโอรสด้วยกันชื่อพลายแก้ว” แม่มึงนั่นมันขุนแผน

     

    “ไอ้เชี่ย สงสัยไปขอนางทองประศรีมาเลี้ยง โตขึ้นมีเมียชื่อชาละวันใช่ไหมปันปันหยี”

     

    “วันทองไหมคิว” กร้ากกกกกกกกกกกกกก ถ้าขุนแผนกับชาละวันได้กันนี่…….ไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆเผ่าพันธุ์มนุษย์เรา

     

     

    โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย กู ปวด หัววววววววววววววววว

     

     

     

     

     

    “เพื่อนมิคๆ มานั่งใกล้ๆเด็กชายเต้ยเร็ว เดี๋ยวเพื่อนปันจะติวภาษาไทยให้ เพื่อเป็นการเตรียมซ้อมบทไปในตัว ไหนๆกูก็จะเปิดสถาบันติวอยู่แล้ว ติวให้เพื่อนเป็นอานิสงค์เอาฤกษ์เอาเคราะห์ก่อนเลย”

     

    ตอนนี้สติของไอ้ปันกู่ไม่กลับแล้วครับ มันจะซ้อมบทให้ไอ้มิคโดยเริ่มจากการสอนภาษาไทย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะได้ดูละครเวทีเรื่องนี้ ต่อให้ตายแล้วตายอีก ตายแล้วฟื้นขึ้นมาอีกสิบชาติก็ไม่รู้พวกมันจะซ้อมเสร็จหรือยัง

     

    และเมื่อไอ้ปันเรียก ไอ้มิคก็ไม่มีอิดออดรีบไปในบัดดลแม้เมื่อกี้มันจะไปเกาะติดภูมิก็ตาม แต่มึงช่วยเดินไปแบบธรรมดาๆให้เหมือนคนหน่อยได้ไหมมิค การหมอบคลานไปกับพื้นเหมือนสมัยเรียนร.ด กูเสียวแทนว่ามึงจะโดนวงเวียนเสียบ

     

     

    “กูพร้อมละ ว่ามาซิสหายรัก” โอเค เพื่อนกูได้บรรลุแล้วซึ่งโลกนี้ มันน่าจะไปอยู่โลกหน้ากันแล้ว พวกไอ้เชนไอ้เบียร์ส่ายหน้าอย่างระอาใจ หันมาสนใจงานกันต่อ มีแค่ผมกับไอ้แทนที่นั่งขำดูพวกมัน

     

     

    “ก่อนจะลงลึกถึงดีเทล เราจะมาเรียนประวัติความเป็นมาของภาษากันก่อน ภาษาน่ะมันมีวิวัฒพัฒนาการ มาจากศรีนครินทร์ ยูเทิร์นขับออกบางนาตราด ถ้าไปเส้น…...

     

    “พอ พอแล้ว เลี้ยวกลับมาก่อนที่ภาษามึงจะพาพวกกูไปถึงบางแสน” ผมรีบบอกก่อนที่จะไปไกลกว่านั้น

     

    “นั่นแหละ กูแค่อยากให้พวกมึงรู้ว่าภาษามันก็แค่สัญลักษณ์ที่มนุษย์ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา เพื่อใช้สื่อสารให้เข้าใจซึ่งกันและกัน มันไม่มีผิดมีถูก อย่างถ้ากูบอกว่า ไปเดินตรงนั้น นั้นตรงไปเดิน เดินไปตรงนั้น ไปนั้นเดินตรง  ไม่ว่ากูพูดประโยคไหนพวกมึงก็เข้าใจใช่ไหม ใช่ กูรู้ว่ามึงเข้าใจ -

     

    เพราะฉะนั้นแล้วมันไม่สำคัญเลยเรื่องประธาน กริยา กรรม พวกหลักภาษาน่ะมันเป็นแค่เรื่องสมมุติ เป็นเรื่องทางโลก อย่าไปยึดติดอะไรมาก ลองปล่อยวางเสียบ้างโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ มึงจะพูดผิดพูดถูกก็แค่พูดๆไป เดี๋ยวคนฟังมันก็หาทางเข้าใจเองนั่นแหละ ส่าธุ ส่าธุ ส่าธุ อนุโมทามิ”

     

     

    ไอ้ฟายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย สอนแบบนี้เด็กหมดอนาคตกันพอดี

     

     

    “เจริญยันรุ่นเหลนล่ะมึงคราวนี้” ฮ่าฮ่า คิดเหมือนกูเลยคิว

     

    “มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้ามึงพูดให้ถูกต้องและให้คนเข้าใจด้วย” งานนี้ท่านชายมาเองเลยครับ

     

    “มันก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้วกระหม่อม แต่ว่ากูทำไม่ได้ไง เลยต้องมาคิดค้นวิธีนี่ไง ผิดแต่เข้าใจ ถูกแต่สับสนมึงว่าคนชอบอันไหน”

     

    “กูก็ยังยืนยันว่าควรจะพูดให้ถูกแล้วก็ให้คนเข้าใจด้วย แค่ต้องพยายามมากขึ้น ต้องตั้งใจกับมันจริงๆ ไม่มีอะไรยากหรอก”

     

     

    “ไอ้เบียร์นี่โง่จริงกระหม่อม มันเป็นคนเข้าใจอะไรยากเนอะมึงว่าไหมนิชมิค”

     

     

    “นั่นน่ะซี้ปันคีมุน” นั่นเลขาธิการองค์การสหประชาชาติรึเปล่า “กูเคยบอกมึงแล้วว่ามีแค่พวกเรานี่ล่ะที่ปกติ พวกมันน่ะแปลก” เอาที่มึงคิดว่าดีเลยมิค เต็มที่นะมิคนะ

     

     

    “ไม่รู้แม่งมาเรียนนิติได้ไง สงสัยจับฉลากได้ ก็เพราะมีนักกฎหมายแบบนี้ไงประเทศไทยถึงเอียงออกจากความเท่าเทียม ชอบบ่นนั่นบ่นนี่ อยากให้ประเทศดีอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ แต่ก็ไม่เห็นจะทำอะไรสักอย่าง มึงจะไปหวังพึ่งอะไรรัฐบาลแค่สิบยี่สิบคน ประเทศจะพัฒนาคนมันต้องลงมือทำด้วยกันทั้งประเทศ แต่วันนั้นมันไม่มีอยู่จริงหรอก คึคึ” ค่อนข้างเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางทีเดียวครับเชี่ยปัน “ไอ้พวกเรียนวิศวะนี่ก็เหมือนกัน มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละถึงจะเรียนวิศวะได้ จริงไหมคิมวูมิค”

     

    เด็กวิศวะสองคนถึงกับหันขวับไปมองจนคอแทบเคล็ด หัวยุ่งๆของผมก็กระเด็นกระดอนออกจากแผ่นหลังภูมิอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วไอ้มิคมันรู้ตัวรึยังว่ามันก็เรียนวิศวะ ทำไมมันยังดูตาลอยๆ เบลอๆอยู่เลย

     

    “จริงปันจริง”

     

    “มิคมึงเรียนวิศวะ”

     

    “จริงภูมิจริง”

     

    “ไอ้ปันมันด่าเรานะเว้ย”

     

    “จริงแทนจริง”

     

    “แล้วต้องเรียนอะไรถึงจะดีอ่ะพี่ปัน”

     

    “ไม่ต้องเรียน”

     

    เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ตอบโจทย์

     

     

    “เอ้ออออ ดี เข้าท่าดี อันนี้ให้ผ่าน” ชอบนโยบายนี้ครับ แต่ภูมิขมวดคิ้วใส่ผมเลยเว้ย ฮ่าฮ่า

     

     

    “ถ้ากูรู้ตัวเร็วกว่านี้นะ กูจะไม่ยอมเสียเวลายี่สิบกว่าปีแบบเครียดๆไปกับการเรียนหรอก” มึงเคยเครียดกับเรื่องเรียนด้วยเหรอปัน ตอนไหน ทำไมกูไม่รู้

     

     

    “แล้วเฮียปันจะทำอะไร เต้ยทำด้วยดิ เต้ยชอบที่จะแตกต่าง” เหมือนคนอื่นบ้างก็ได้เต้ย นะ ถือว่าเฮียขอ

     

     

    “ทำ……ทำใจ ทำใจบัวผัน ทำใจก็แล้วกันทำใจทำใจ มึงคิดว่าเราจะทำอะไรได้ว้าในสังคมที่ใบปริญญาไม่ได้การันตีว่ามึงมีความรู้ ฮ่าฮ่าฮ่า” แล้วมันก็แท็กมือหัวเราะกันสามคน

     

     

    โอเค รู้เรื่อง ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจตามที่มันว่าจริงๆครับ ไม่ได้ทำใจเรื่องการศึกษา แต่ว่าทำใจเพราะมีเพื่อนอย่างมึงนี่แหละปัน

     

     

    “เอาล่ะๆ เราอู้กันมานานแล้ว เด็กชายเต้ย เด็กชายมิคคำนี้อ่านว่าอะไร” เป็นการวกเข้าสู่เนื้อหาแบบแหกโค้งมาก นึกจะเลี้ยวก็เลี้ยว เด็กนักเรียนคงต้องนั่งเครื่องบินตามถึงจะทันติวเตอร์อย่างไอ้ปัน มันหันกลับไปเขียนคำคำหนึ่งบนกระดาน

     

     

    แผนก

     

    “อ่านสิเด็กชายมิค”

     

    “แผ-นก” พ่อมึง!!!อ่านแผนกว่าแผ-นก เชี่ยมิคมึงจบป.1หลักสูตรอะไรมา ไหนบอกเรียนอนุบาลในโรงเรียนที่ค่าเทอมเป็นแสน

     

    “ไม่ใช่ๆ อ่านตามนี้” ไอ้ปันไม่ได้ออกเสียงเพียงแต่กลับไปเขียนคำอ่าน แต่“คราวนี้เด็กชายเต้ยอ่านซิ”

     

    ผะ-แหนก

     

    “ผะ-แห- นก” ฟายเย่ออออ สุดตีนครับไอ้เต้ยหนักกว่าอีก แม่งสับสนซ้ำซ้อน ไอ้คิวเบิกเนตรเลย แล้วมันก็แกล้งทำเหมือนร้องห่มร้องไห้จนไอ้แทนต้องถีบ

     

    “มึงสามคนลองช่วยกันท่องก.ไก่ถึงฮ.นกฮูกให้กูฟังดิ” เหยดดดดดดดดดดดดดดดด เหยียบย่ำศักดิ์ศรีมากฟ่าง ฮ่าฮ่าฮ่า แต่พวกไอ้ปันก็ทำเฉย ยังสอนกันต่อไป

     

    “ดีมากลูกศิษย์ อ่านยังไงก็ถูก อ่านแบบไหนก็ได้ เพราะเราอยู่ภายใต้นิยามของคำว่า ภาษาดิ้นได้ ต่อไปเราจะเรียนเรื่องโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน” แล้วมันก็ท่องอะไรไม่รู้ให้ไอ้มิคกับไอ้เต้ยฟัง “อันนี้เขาเรียกว่าอินทรชิตฉันท์”

     

    !!!!!!!!!!!!!!!!!

    ?

     

    “เดี๋ยว อินทรชิตนั่นมันลูกทศกัณฐ์ไม่ใช่หรอวะ อันนั้นเขาเรียกว่าอินทรวิเชียรฉันท์นะปัน แล้วที่มึงท่องเมื่อกี้คือโคลงสี่สุภาพ” ท่านชายเบียร์อดรนทนไม่ไหวแล้วครับ มันอธิบายไปด้วยแล้วก็กลั้นขำไปด้วย ไอ้เชี่ยยยย อินทรชิตฉันท์ ฮ่าๆๆ มึงรีบไปห้ามมันเลยเบียร์ก่อนที่มันจะทำลายภาษาไทยให้ย่อยยับไปกว่านี้

     

     

    “แสดงว่ามันได้รับการอบรมมาอย่างดีใช่ไหมชายน้อย เพราะไม่งั้นมันคงเป็นโคลงสี่จัญไร”

     

     

    “ก็คงใช่มั้ง ดีนะที่โคลงสี่มันสุภาพ จะได้ไม่มีใครมาชิงตำแหน่งจัญไรบอยของมึงไงคิว”  พอไอ้เบียร์พูดจบก็ถูกไอ้คิวกระโดดคร่อมพร้อมกำคอเสื้อเขย่า จริงเบียร์ จริงกว่านี้คือดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ไม่มีอะไรจริงไปกว่าไอ้คิวเป็นคนจัญไรที่สุดของโลกใบนี้ นี่คือสัจนิรันดร์ ประพจน์นี้เป็นจริงทุกกรณี การมีเพื่อนแบบมันจะช่วยปลุกความเป็นเดรัจฉานในตัวคุณ

     

     

    ความเวรตะไลของไอ้คิวมันถึงขั้นเดินผ่านเพื่อนผู้หญิงแล้วดีดสายเสื้อใน บางทีก็ไปขอดูผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว ฉี่ใส่รองเท้าเพื่อน ชอบเปิดกระโปรงผู้หญิงในภาค ยิ่งใครที่ชอบใส่สั้นๆจะรุ่นพี่รุ่นน้องก็ช่างมันก้มส่องเลย จนทุกคนต้องใส่ยาวๆกรอมเท้า บางทีถ้ามันหมั่นไส้อาจารย์คนไหนมากๆ แม่งไปปริ้นรูปขาวดำอาจารย์แล้วถือว่อนไปรอบคณะ แสร้งทำเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้น ขี้กลากจะแดกกบาลมันเข้าสักวัน

     

    หรือบางทีผลกรรมมันคือเด็กหน้าตี๋ๆที่นั่งเป่าตามันอยู่ในตอนนี้ กรรมหนักด้วยสิ ฮ่าฮ่าฮ่า

     

     

    “กู คือกูขอออกความเห็นหน่อยได้ไหมปัน โอยย กูหัวเราะจนเมื่อยกราม” ไอ้เชนเอ่ยพลางนวดกรามให้ตัวเอง

     

    “เปิดเวทีเลยครับชนาธิปเพื่อนยาก”

     

    “ก่อนที่พวกมึงจะซ้อมบทละคร กูว่ามึงกลับไปเรียนภาษาไทยป.สองก่อนดีไหม”

     

    “หน่อยแนะ อย่ามาดูถูกคนอย่างกู ภาษาไทยป.สองหรอ กระจอก”

     

    “หึ เอาแล้วมึง” ผมกระซิบไอ้เบียร์ ไงละมึงไอ้เชนไปสะกิดต่อมบ้ามันดีนัก ถ้าปล่อยให้มันพล่ามๆบ้าๆไปก็จบ

     

     

    ….หมาดำบ้านแดง”

     

     

    ………………….

     

    แกร๊ก

     

    ไส้ดินสอไอ้ฟ่างหัก

     

     

    ทุกคนเงียบจนได้ยินเสียงจิ้งหรีดและตุ๊กแกแม้มีเสียงแอร์ดังหึ่งๆ

     

     

    “แก้วมาหากล้า กล้าพาแก้ว ไปหาตา ตามารถไฟสายใต้ บ้านแดงของดำ  ดำดีใจ ตาใจดี มีบ้านแดง ดำตาแดง ตาดำนอนบ้านแดง”

     

    “เดี๋ยวนะ สรุปว่าตาหรือดำที่เป็นหมา”

     

    กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก คนอื่นขำ แต่ภูมิมันงง เชี่ยสงสัยได้น่าเอ็นดูมาก มันงงจริงนะนั่น ภูมิมันไปโตที่เมืองนอกนี่หว่าจะไม่เคยเรียนก็ไม่แปลก แต่อย่า อย่ามามองกูแบบนั้น อย่ามาขอคำอธิบายใดๆ เพราะกูก็งงเหมือนกัน

     

     

    “ตาอยู่บ้านแดง บ้านแดงนี่มันบ้านของหมาไม่ใช่เหรอ หรือกูฟังผิด” ภูมิแม่งโคตรน่ารักเลยว่ะ มันหันไปถามไอ้เบียร์ด้วยสีหน้าจริงจัง กระผมขอปล่อยหน้าที่นี้ให้เป็นของคุณชายผู้มีท่านสุนทรภู่เป็นไอดอลก็แล้วกัน ไอ้ปันไอ้เลวทำแฟนกูงงหรอ เดี๋ยวเหอะมึง

     

    “ฮ่าฮ่า กูสงสารไอ้ภูมิว่ะ บ้านแดงน่ะเอาไว้ก่อน พวกเราน่าจะเหมาะกับหลังคาแดงมากกว่า ว่าแต่ใครเป็นนางเอกวะ…. อุย! เปล่าครับข้าวฟ่างงง อย่ามองฮันหนีแบบนั้น กูแค่จะแนะนำให้ไปพบจิตแพทย์เผื่อไว้เลยไง เพราะกว่าจะเล่นละครเวทีเรื่องนี้จบ มีสิทธิ์เป็นบ้าได้เลยนะ เจอพระเอกมิคศิษย์ปันปัน”

     

    “เรื่องนางเอกยังไม่น่าห่วงเท่าไอ้มิครับบทเป็นหนุมานแต่จะได้เป็นพระเอก? พระเอกรามเกียรติ์นี่ไม่ใช่พระรามเหรอวะ ตกลงมึงจะให้ไอ้มิคเป็นตัวเอกหรือเป็นตัวอะไรกันแน่ปัน”

     

    เมื่อไรความสงสัยของไอ้เชนจะหมดไปจากโลกสักที กูกลัวคำตอบ

     

     

    “ไอ้มิคจะเล่นเป็นตัว….ของตัวเอง”

     

     

    “เหยดแหม่ โอเค รู้เรื่อง แฟนตาสติกเบบี้มากครับเพื่อน ฮึ เล่นเป็นตัวของตัวเอง?  สนุกสนานแล้วโว้ยยยย” ฮ่าฮ่า พูดจบไอ้คิวแม่งเดินเข้าห้องน้ำไปเลยเว้ย แล้วต้องร้องลั่นบ้านเมื่อไอ้เต้ยวิ่งตามและไปยืนร้องเพลงให้ไอ้คิวฟัง

     

     

    “เชี่ยเต้ยยยยยยย หยุดร้อง กูฉี่ไม่ออก นิ่วจะแดกกูแล้ว หยุดร้องงงงงงงง”

     

     

     

    หลังจากเจอรามเกียรติ์เดอะมิวสิเคิลของไอ้ปันเข้าไป ไอ้ฟ่างถึงกับต้องออกไปดูดบุหรี่ข้างนอก มีไอ้เชนออกไปร่วมสูดมะเร็งเป็นเพื่อน มองผ่านผนังกระจกใสๆออกไป พอจะทำให้เห็นเงารางๆของมันสองคน ไอ้เชนนั่งไขว่ห้าง ไอ้ฟ่างเอนไหล่พิงเสาหันหลังให้พวกผม และเมื่อไอ้ฟ่างไม่อยู่เลยมีบางคนได้โอกาส

     

     

    “กูถามจริงๆนะแทน มึงคิดว่าถ้ามึงไปสู่ขอไอ้ฟ่าง ต้องให้ค่าสินสอดเท่าไร” เรื่องจัญไรแบบนี้ต้องนิรันดรครับ เมื่อกี้ในทีวีมันมีข่าวดาราแต่งงาน เขาพูดเรื่องสินสอด ไอ้คิวมันเลยปิ๊งไอเดียมาถามไอ้แทน และคาดว่าถ้าไอ้แทนตอบไม่ดี รายต่อไปที่จะซวยก็น่าจะเป็นกูครับ

     

    “กูตอบมึงไม่ได้หรอกคิว เพราะในโลกนี้มันมีหลายอย่างที่เราไม่สามารถประเมินคุณค่าได้ และหนึ่งในนั้นก็คือข้าวฟ่าง”

     

     

    “อั๊วะวววววววววววววววววววว” กูขอเวลานอกออกไปโก่งคออ้วก กวินภพครับกูขออนุญาตสะอิดสะเอียนครับ ไอ้แทนแม่งหัวเราะชอบอกชอบใจกับมุขของตัวเอง ไอ้แมทรีบหากระดาษปากกามาจด ขอร้องแมท อย่าเอาไปพูดที่ไหนอีกถ้าไม่อยากถูกผู้หญิงด่าว่าตอแหล

     

    “พี่กูสูงค่าขนาดนั้น?” ภูมิพักมือ พักเหนื่อย มันหมุนตัวกลับมาและเอาขากักขังหนีบเหนี่ยวผมไว้

     

    “เปล่า มันไม่มีค่าต่างหากกูเลยประเมินไม่ได้” สาดดดดด หมั่นไส้ไอ้แทน แฟนไม่อยู่นี่ทำปากดีตลอด พอเขามานะ ตั้งแท่นบูชาแทบไม่ทัน

     

    “แน่จริงมึงลองไปพูดต่อหน้ามันดิ  กล้าไหมกูให้พันนึง หึ แล้วขามึงเป็นไรต้องพันผ้าวะ” ไอ้เบียร์ถาม ผมก็เพิ่งสังเกตว่าข้อเท้าไอ้แทนมีผ้าพันเคล็ดพันอยู่

     

    “อ๋อ กูซ้อมเมีย เตะไปโดนซี่โครง ข้อเท้าเลยเคล็ด” พูดจบก็ลุกออกไปทำท่าชก แย๊บซ้ายแย๊บขวา เตะต่อยใส่ฟ่าง โถถถถถถถ ไอ้กาก กูอยากให้ไอ้ฟ่างหันกลับมาเจอแม่งจริงๆ แล้วก็สมพรปากไอ้ฟ่างหมุนตัวกำลังจะเดินกลับเข้าบ้าน ไอ้คนที่ปากดีถึงกับทรุดลงไปนั่งพับเพียบส่งยิ้มหวานเจี๊ยบให้แฟน อย่าเรียกว่าหนังคนล่ะม้วน แต่นี่มันคนละเรื่องเลย ถุ๊ย ถุ๊ย ขอถุยน้ำลายใส่เบ้าตาสักสองที

     

     

    “จริงดิเฮียแทน? เฮียแทนเตะเฮียฟ่างจริงดิ เตะทำไม เตะท่าไหน แล้วเฮียฟ่างทำไง ร้องไห้ไหม” ไอ้เต้ยมึงนี่ก็โง่ ถ้ามันทำจริงป่านนี้เราได้กินกระเพาะปลางานศพไอ้แทนแล้ว ไอ้คนหลงเมียมันยิ้มและตอบไอ้เต้ยมาแบบนี้ครับ

     

    “ฝันนนนนน นี่แหละฝัน นี่คือความจริงที่ได้เจอ เจ็บปวด โอ้ยยย ทรมานลึกลงข้างใน” ขณะที่มันร้องว่าความจริง ไอ้ฟ่างก็เดินเข้ามาถึงและจรดฝ่ามือลงบนกบาลมันพอดี แต่แทนที่ไอ้แทนจะหยุด มันกลับคลานเข่าเข้าไปจับมือฟ่างและ….

     

     

    ……หากวันนั้นฉันทำอะไรที่ไม่ดีที่ผิดไป

    อยากจะขอให้ลืมมันไป ได้ไหม กลับมารักกัน

    เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหมเธอ

    ยังรอเธอเสมอทุกครั้งที่หายใจ

    ไม่อยากมีชีวิต….. โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

     

     

    “กูบอกว่าไง ถ้าเบลอก็ไปนอน”

     

     

    เพลงนี้มันน่าจะเหมาะกับคู่ที่เขาเลิกกันไปแล้วมากกว่านะครับ แต่ในกรณีที่ไอ้แทนเอามาร้อง เหมือนเดิมนี่คืออะไร เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเหรอวะ ฮ่าฮ่าฮ่า แต่ที่เหมือนเดิมเป๊ะคือพอมันร้องว่าไม่อยากมีชีวิต ยังไม่ทันได้อ้างว้าง ไอ้ฟ่างก็สนองสงเคราะห์มันไปอีกหนึ่งฝ่ามือ ไอ้แทนคงไม่น่าจะแก่ตาย น่าจะช้ำในตายครับ

     

     

    “พีมช่วงนี้มึงกลับไปนอนที่บ้านใช่ไหม” หลังจากทำตัวเป็นผู้ดีด้วยการไปชงกาแฟมาแจกจ่ายทุกคนไอ้คุณชายก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผมซึ่งนอนแผ่อยู่มุมหนึ่งของโซฟา แต่สุดท้ายเราก็ถูกแยกจากกันเพราะภูมิเข้ามานั่งแทรกกลาง อันนี้เริ่มไม่รู้ว่าหวงใคร ผมหรือไอ้เบียร์ ฮ่าฮ่าฮ่า

     

     

    “บ้านหนายยยย เชียงใหม่หรือบ้านสวนกาแฟ โอ้ยยยย ภูมิกูเจ็บ เชี่ยปล่อยยยยยยยยยย” สันดาน มันยืดแก้มผมจนปากแทบฉีก มือแม่งก็แข็งอย่างกับไม้หน้าสาม

     

    “บ้านในกรุงเทพนี่แหละ เห็นภูมิบอกมึงกลับไปอยู่บ้าน พอดีกูจะฝากของให้โตเกียว”

     

    “อู้วววว คุณพระน้ำพระยา” ไอ้คิวเบิกเนตรเป็นรอบที่สอง มันยิ้มชวนสะอิดสะเอียน มองหน้าไอ้เบียร์ชนิดที่ชวนไปต่อยกันได้เลย “อะไร ยังไง ไหนบอกแค่พี่น้องไงครับท่านชายน้อย ตกลงมึงจะเป็นเสือไบอีกคนเหรอ” ระหว่างนั้นไอ้เต้ยก็พยายามจะเอาหัวลอดเข้าไปในช่องแขนไอ้คิว เชี่ยคิวผลักออกประมาณแสนแปดรอบ และครั้งที่แสดเก้ามันก็ย้อมแพ้ ปล่อยให้ไอ้เต้ยหนุนขาและแทะกางเกงยีนส์ขาดๆของมันตามอัธยาศัย

     

    “ก็พี่น้องไง อะไรของพวกมึงวะ กูแค่จะฝากของให้น้องเฉยๆ”

     

    “ของเพื่อนไม่เคยจะมี แต่มีของให้เด็กตลอด เป็นมึงมึงจะน้อยใจไหม” ไอ้แทนแขวะ แต่ไอ้ปันมันเข้ามายืดคอดูของในมือไอ้เบียร์ก่อนจะเป่าฟู่ๆตรงแขนเสื้อให้ไอ้คุณชายขยับไป ทำราวกับไอ้เบียร์เป็นไรฝุ่นสกปรก กล้ามาก และมันก็เอ่ยปลอบไอ้เบียร์ว่า

     

    “พวกมึงอย่ามาว่าปลัดเบียร์นะกระหม่อม พวกมึงไม่เข้าใจหรอก ไม่ต้องน้อยอกน้อยใจนะเบียร์ กูเข้าใจมึงเสมอเพื่อนรัก กูรู้ว่ารักแรกมันแยกยาก รักมากนั้นยากแยก รักคนแปลกแยกไม่ยาก ยิ่งรักมากๆยิ่งอยู่ยากให้รีบแยก”

     

     

    แปลกกกกกกกก แปลกจริงๆด้วย เพื่อนกูเนี่ย แปลกมาก

     

     

    5555555555555555555555555555555555555555

     

     

     

    “เฮียเบียร์มีแฟนแล้ว ทำไมยังไปยุ่งกับน้องโตเกียว เฮียคิดจะเหยียบเรือสองแคมใช่ไหม เฮียเบียร์รู้ป่ะว่าการ   ที่จะเหยียบเรือสองแคมได้นั้น เฮียจะต้องมีทักษะทางด้านยิมนาสติกดีพอสมควร ไม่ก็พื้นฐานบัลเล่ย์สักเล็กน้อย มิฉะนั้นแล้วอาจจะก่อให้เกิดปัญหาการทรงตัว ฉีกขาไม่ได้ นำมาสู่การตกน้ำป๋อมแป๋ม แล้วก็ตายไปในที่สุด น่าอดสู น่าอดสู”

     

     

    “เฮีย….ผิดขนาดนั้นเลยเหรอวะเต้ย” ไอ้เต้ยพยักหน้าให้ไอ้เบียร์ด้วยสีหน้าและแววตาที่จริงจัง ขณะเดียวกันไอ้คิวก็กำลังนอนนวดขมับ มีไอ้เชนคอยตบไหล่ให้กำลังใจ

     

     

    “แล้วถ้ากูฝากเก็บไอ้เต้ยไปคืนป๊าม๊ามันนี่กูต้องเสียภาษีเท่าไร” ไอ้เต้ยลุกขึ้นหัวเราะ ก่อนจะทิ้งตัวหงายหลังจนเสียงดังตุบ ไอ้เต้ยยยยยยยยย หัวมึงแตกไหม ไอ้แทนไอ้แมทที่นั่งอยู่ใกล้ๆพุ่งเข้าไปดูด้วยความตกใจ ฟ่างถึงกับสำลักควันบุหรี่อ่ะครับคิดดู โอยยยยยย มึงซาดิสต์หรือเปล่าวะเต้ย

     

     

    “แฟนเรา ท่องไว้มึง ท่องไว้” ไอ้เชนตบหลังและปลอบใจไอ้คิวด้วยความสนุกสนาน

     

     

     

     

    เหตุการณ์ตอนนี้ปกติดีครับ ไอ้ปันไอ้มิคอาการนิ่งนั่งจิบน้ำแดงขนาบข้างไอ้เบียร์อย่างกับรักยม ไอ้แมทนอนคุยโทรศัพท์งุ้งงิ้ง คือกูสงสัยว่าใคร….ใครที่แม่งไม่หลับไม่นอนมาคุยกับมันตอนตีสาม หรือไอ้แมทคุยกับคอลเซนเตอร์

     

     

    ภูมิลงมานั่งข้างๆผมและคอยดึงแก้มเป็นระยะ ต้องไปบนวัดไหนมันถึงจะหยุด กูเจ็บบบบ  ไอ้แทนไอ้เชนมันก็นั่งตัดกระดาษกันไป นานๆทีไอ้เต้ยถึงจะมาก่อกวน ส่วนไอ้คิว…..มือนึงยันโต๊ะ มือนึงค้ำพนักเก้าอี้ มันกำลังโน้มตัวคร่อมไอ้ฟ่างอย่างไม่กลัวตาย ไอ้แทนกับไอ้เชนนั่งขำ ชอบนักล่ะเวลาเห็นไอ้ฟ่างหงุดหงิด ส่วนภูมิบอกว่ารำคาญ มันรำคาญเวลาฟ่างโวยวาย เหมือนเป็นภาพซ้อนตั้งแต่เด็กจนโต

     

    ….ความรู้สึกดีดีจากนี้ต้องเก็บไว้

    รักที่อยู่ในใจต้องกลายเป็นคำต้องห้าม

    หมดสิทธิ์จะพูดว่ารักเธอ

    จากนี้ไป………..

     

     

    “หมดสิทธิ์คือใครอ่ะพี่คิวทำไมถึงจะมาบอกรัก” กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก หมดสิทธิ์ไม่ใช่ชื่อคนนะเต้ย ทำไมมึงถึงคิดว่านั่นคือชื่อคน ใครแม่งจะตั้งชื่อว่าหมดสิทธิ์วะ แค่คิดกูก็ท้อแทนการใช้ชีวิตของมันล่ะ

     

    “ชื่อลูกมึงไงเต้ย” กล้าพูดนะมึงเชี่ยคิว

     

    “ไม่ เต้ยคิดชื่อลูกไว้แล้ว ลูกเต้ยต้องชื่อเด็กชายอุตราไวโอเล็ต”

     

    “เมียมึงคงน้ำตาเล็ดแน่ๆเต้ย ลูกปล่อยแสงกันสนุกเลย ฮ่าฮ่า แต่เฮียไม่คิดว่าชาตินี้มึงจะมีโอกาสมีลูกนะถ้ายังคบกับไอ้คิว”

     

    “ไม่ยากหรอกเฮียพีม เดี๋ยวเต้ยกลับไปคบกับแฟนเก่าสักคน พอทำลูกเสร็จก็ค่อยเอากลับมาเลี้ยงกับพี่คิว”

     

    “ไอเดียดี แต่ก่อนไปช่วยเลือกลายโลงศพไว้ด้วยนะ ชอบลายไหนกูจะแกะให้เองเลย” โด่วววววววววววววว หึงรุนแรงมาก พวกปากหนักปากแข็งอย่างไอ้คิวนี่ ผมล่ะอยากยุให้ไอ้เต้ยมีกิ๊กจริงๆ

     

    แล้วไอ้คิวก็หันกลับไปกวนไอ้ฟ่างต่อ

     

     

    “ไอ้แทนแม่งดีกว่ากูตรงไหน มึงถึงด่าแค่กูหรือเพราะคนไม่ใช่ทำอะไรผิด”

     

     

    “อือ มึงมันคนไม่ใช่…… หมาก็ไม่เชิง”

     

    กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกก จัดการมันอีกฟ่างจัดการมันนนนน  เพื่อนล้มอย่าข้าม ให้ถามว่าขยับออกไปหน่อยได้ไหมกูจะเดิน  แล้วใช้ปลายเท้าสะกิดออกเบาๆ มึงต้องเจอไอ้ฟ่างคิว มึงต้องเจอไอ้ฟ่างงงงงงงงง

     

    แต่ผมก็ลืมไปว่าบุคคลนี้คือไอ้คิว นอกจากความจังไรมันยังมีความหน้าด้านที่ผสานเป็นเนื้อเดียวอย่างเหนียวแน่น มันไม่สะทกสะท้านอะไรเลยครับ

     

    “หมาอะไรจะหล่อเท่ากู ดูสิดูรูปร่างหน้าตาอย่างพี่นี่เร้าใจพอไหมจ๊ะห่านหนี หล่อพอไหม หล่อแค่ไหน แค่ไหนเรียกหล่อจ๊ะห่านหนี”

     

     

    “แค่ไม่ใช่หน้าอย่างมึงก็หล่อแล้วสำหรับกู”

     

     

    “โธ๊ะๆๆ ปากดีนะครับเมียน้อย อย่างน้อยกูก็หล่อกว่าแฟนมึงแล้วกันข้าวฟ่างงงงงง”

     

     

    “หึ” ฟ่างแค่นหัวเราะ เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับแตะปลายคางไอ้คิว “มึงก็รู้ว่ามาตรฐานกูสูงแค่ไหน ผู้หญิงที่กูเคยคบเป็นยังไงก็คงจะเคยเห็น……ฟ่างเคาะข้างขมับไอ้คิว พร้อมรอยยิ้มเหยียดๆอันเป็นเอกลักษณ์ของเอกบุรุษ ทำเอาทุกคนเงียบกริบ “แล้วไอ้แทนมันเป็นผู้ชายคนเดียวของกู มึงคิดว่าถ้ามันไม่แน่จริง กูจะยอมเป็นแฟนมันไหม…….เอาไปคิดดู”

     

     

    เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

     

     

    ไอ้แทนทิ้งดิ่งลงไปนอนแผ่อยู่กลางบ้านเลยครับ เพื่อนผมน่าจะจบชีวิตตัวเองลงแล้วโดยสงบ สงบนี่เป็นใครวะ เห็นฆ่าหลายคนล่ะตำรวจไม่จับสักที ฮากริบเลยกู ไอ้คิวเบ้ปากจนปากบิดเบี้ยว ในขณะเดียวกันไอ้ปันก็กำลังปั้มหัวใจให้ไอ้แทนที่นอนหายใจพะงาบๆ บรรลุนิพพานเลยสินะมึง

     

     

    ถามว่าไอ้ฟ่างแรงไหม…..ก็ลองเอาไปคิดดู

     

     

    “เต้ยมานี่ดิ” ฟ่างผลักไอ้คิวออก และเดินออกไปจากห้อง พอไอ้ฟ่างเรียกปุ๊บ ไอ้เต้ยก็วิ่งหูตั้งหางกระดิกตามไปปั๊บ

     

    “มึงจะพามันไปไหน จะเสี้ยมสอนอะไรกันอีก ทุกวันนี้กูก็ต้องอาบน้ำมนต์เช้าเย็นแล้วนะ มึงโกรธอะไรเอามาลงที่กู อย่าไปยุ่งกับมัน”

     

     

    “ถ้าเพ้อเจ้อเสร็จแล้วก็ทำงานของกูต่อไป กูแค่จะให้มันช่วยยกของกินออกมา หรือมึงจะไม่แดก ” เฉดสีหน้าของไอ้คิวเปลี่ยนไปในฉับพลัน มันโบกมือไล่อย่างอารมณ์ดี ผ่านไปไม่นาน อาหารขยะที่พวกผมสั่งมาเมื่อตอนเย็นก็มาวางเรียงราย โชยกลิ่นหอมเพราะไอ้ฟ่างมันเอาไปเวฟมา และทำสปาเกตตี้เพิ่ม

     

     

     

    “ดึกๆแบบนี้ทำไมต้องกินพิซซ่าวะ เราต้องรักสุขภาพ ร่างกายจะได้ฟิตปั๋ง กูไม่อยากกินเลยจริงๆ” แล้วในมือมึงนั่นอะไร ข้าวเกรียบบ้านโป่งเหรอ

     

     

    “กินคลีนสิพี่ปัน เขากำลังฮิตเลย”

     

     

    “มึงไม่ต้องบอกแมท กูกินมานานล่ะคลีนเนี่ย” ขณะที่มันพูดเรื่องกินคลีน ในมือมันมีจานสปาเก็ตตี้ ข้างๆคือถังไก่ทอดและเฟรนช์ฟรายส์พร้อมน้ำอัดลมแก้วยักษ์ ใช้เวลาไม่นานเท่าไรทุกอย่างก็คลีน สะอาดยิ่งกว่าล้างด้วยไลปอนเอฟ

     

    “อย่างกูนี่กินได้ไหมปันเพื่อนรัก” เอาอีกแล้ววววววววววววว ไอ้มิคคคคคค พอแล้ววววว มึงจะเป็นทั้งฮิปสเตอร์ที่แดกคลีนและใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ในเวลาเดียวกันไม่ได้ มันสาหัสเกินไป

     

    “แน่นอนอยู่แล้วมิคเพื่อนเลิฟ กูพร้อมอยู่เคียงข้างมึงเสมอ ขอแค่มึงบอกมา สวาปามคลีนนี่ก็ไม่อยากนะมิคนะ พ้อยท์ของการกินคลีนนั้นง่ายนิดเดียว” เออ กูก็เห็นมึงบอกง่ายทุกอย่างอ่ะปัน “การกินคลีนหากไม่นับมาจิกคลีนแล้วนั้น” เดี๋ยว นั่นมันน้ำยาล้างห้องน้ำไม่ใช่เหรอวะ แดกคลีนเสร็จก็แดกกะเพาะปลาที่ศาลาวัดต่อเลยไหม

     

    “งั้นผมจะกินคลีน” ไอ้แมท

     

    “ไม่ฉีดฟอร์มาลีน” ไอ้ปัน

     

    “งดกินไก่นิวออร์ลีนส์” ไอ้เต้ย

     

    “ถ้ายังไม่หยุดกูจะให้พวกมึงแดกส้นตีน” ไอ้คิว

     

    “ตาสว่างแบบไม่ต้องพึ่งคาเฟอีน” ผมเอง

     

    …………………….

     

    “หีน”

     

    !!!!!!!!!!!!!!

     

    ????????????????

     

    …………………….

     

    มิค!!!!! หีนคืออะไร อะไรคือหีน หีนมาจากไหนมิค หีนจะไปที่ใด ใครจะรับปิดชอบหีน ตอบกูสิมิค ทุกสายตาหันไปจับจ้องที่ไอ้มิค ซึ่งเอียงคอไปทางและฉีกยิ้มไปอีกทาง ถ้าน้ำลายไหลด้วยนี่ใช่เลย

     

    “หีนเป็นลัทธิความเชื่อหนึ่งซึ่งถือกำเนินมาราวๆสองพันปี มีชื่อเต็มว่า หีนน่ะยาน แต่หูน่ะไม่ยาน”

     

     

    ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

     

    มิค………มันไม่ใช่แล้วมิค กลับมาก่อนมิค

     

     

    “จริงๆแล้วเพื่อนมิคอาจจะหมายถึงหีนนำโชค ซึ่งเดี๋ยวกูจะอธิบายเป็นประเด็นถัดไป ตอนนี้เรามาว่าเรื่องของการกินคลีนก่อน กูศึกษามาแล้ว กูจับประเด็นได้ ไอ้การกินคลีนเนี่ยนะ หลักก็คือกินให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด อาทิเช่น กินที่น้ำตก กินที่ชายหาด กินดินภูเขา กินใต้ต้นไม้ กินหินงอกหินย้อย”

     

    “พาพ่อแม่มึงไปกินนะ กินเสร็จทำรีวิวให้กูด้วย” มันไม่ฟังเราแล้วคิว

     

    “การกินที่ถูกต้องคือไม่ปรุง เพื่อรักษาคุณค่าของอาหารไว้ กินอกไก่กินปลาได้ ผักก็ต้องเป็นผักออทิสติก”

     

    “ออร์แกนิคไหมละมึง” เสียงไอ้ฟ่างแว่วๆมาว่าแดกเสร็จนี่เอ๋อเลย

     

    “อะไรกินสดได้ก็กิน”

     

    “เฮ้ย งี้ไอ้คิวก็กินคลีนมานานแล้วดิ มันกินไก่สดๆ กินในน้ำได้ด้วย”

     

    “อยากลองกินตับกับกูไหมแคระ”

     

    “อะไรที่กินสดไม่ได้ก็เอามาต้ม มานึ่ง มาลวก อย่าใช้น้ำมัน”

     

    “ทำไมวะ”

     

    “มันแพง ให้ใช้แก๊สเพราะราคาถูกกว่าเยอะ แต่ต้องดูดีๆเดี๋ยวระเบิด ตรวจเช็คเครื่องยนต์บ่อยๆ” ต่อไปจะกินคลีนขับรถเข้าปตท.นะครับ

     

     

    “ถ้าไอ้มิคเกิดเฮี้ยนเอาไปทำตามที่มึงบอก แล้วมันตายนะ มึงโดนข้อหาฆาตกรรมแน่ๆปัน” ก่อนจะห่วงไอ้มิคมึงห่วงไอ้ปันก่อนดีกว่าเบียร์ พรุ่งนี้เช้าเราควรพามันไปรักษาเลยไหม เขาจะรับไหมหรือเกินเยียวยาแล้ว

     

    “ข้าวกล้อง”

     

    “เฮ้ย นี่ยังไม่จบอีกเหรอวะ”

     

    “ข้าวกล้อง”

     

    “โอเค กูขอโทษที่แทรก” ฮ่าฮ่า ไอ้แทนโคตรน่าสงสาร

     

    “ข้าวกล้อง”

     

    …………………

     

    ……….ไม่แทรกแล้วเหรอ…… ข้าวกล้อง ข้าวมันปู ข้าวไรท์เบอร์รี่น่ะอย่าไปกิน ข้าวกล้องงอกนี่ดี แต่ไม่งอกนี่ไม่ดีเพราะขาดทุน …….จริงๆแล้วข้าวที่มีวิตามินและประโยชน์เยอะที่สุดคือข้าวเปลือก”

     

    “จีซัสและบุดด้า” นิสิตสายแพทย์และนับถือพระเจ้าอย่างไอ้เชนได้บอกลาโลกแล้วครับ

     

    “ข้าวเปลือกนี่วิตามินอยู่ครบ ไม่เชื่อมึงลองไปสำรวจดู ไก่กินข้าวเปลือก มึงเคยเห็นไก่เป็นมะเร็งไหม ไม่มี ไม่เค๊ย”

     

    “ควายกินหญ้า ควายไม่เคยเป็นมะเร็ง งั้นเราควรกินหญ้าตามควายไหมปัน”

     

    “อันนั้นเก็บไว้เป็นสแน็ค ของขบเคี้ยวยามว่าง สร้างเอนไซน์ เชื่อกู รับรองถ้าทำได้ตามนี้การกินคลีนไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป สุขภาพกายดี สุขภาพจิตดี ชีวิตเราก็ดี”

     

    “เสียอย่างเดียว….. สติ” ถูกครับภูมิ

     

    “บางครั้งกูก็คิดนะว่าเราควรเลิกคบไอ้ปัน”

     

    “มึงเพิ่งมาคิดได้อะไรเอาป่านนี้ ไม่ทันแล้วครับท่านชาย”

     

    “มึงคิดว่าจะหนีกูพ้นเหรอเบียร์ กูนี่แหละคือสิ่งมหัศจรรย์ของดาวเคราะห์น้อยๆดวงนี้ คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตพวกมึงเพราะว่ากูคือความหวังของชาติ กูเก่ง กูหล่อ กูดี กูคือปัน!!!...........

    .

    .

    .

        ปัญญพัฒน์คนดี         ที่หนึ่ง

    คนอย่างกูโลกต้องทึ่ง        อึ้งแน่

    พวกมึงเองยังซึ้ง               สรรเสริญ  กูรู้

    ปันปันคือตำนาน              เร่งกราบกูเร็ว….สิมึง”

     

     

    เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

    นี่มันบรรพบุรุษเหี้ย

     

    คนเราต้องมั่นใจแค่ไหนถึงจะแต่งบทกวีมาชื่นชมตัวเองได้ แล้วไอ้ตรง สิมึง นี่กูขอซื้อได้ไหม สาดดดดดด เชี่ยปัน มึงแน่มาก

     

    “กูขอโทษนะที่เคยกล่าหาว่ามึงไม่แตกฉานภาษาไทย พรุ่งนี้เรากลับไปเยี่ยมโรงเรียนไหมปัน อาจารย์ภาคภาษาไทยต้องกรีดเลือดบูชามึงแน่ๆ ไอ้สัด ฮ่าฮ่าฮ่า” ไอ้แทนถึงขั้นลุกมาขอจับมือ

     

     

     

    ผมว่าคืนนี้ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งคืนที่ยังยาวไกล พวกเราคงต้องสู้รบปรบมือกับงานของไอ้ฟ่าง ทำใจนั่งดมกลิ่นน้ำคำเน่าๆจากไอ้แทน รบกับความบ้าของไอ้ปัน เอาชนะความมึนของไอ้มิค รอเปลี่ยนถ่านให้ไอ้เต้ย ฟังเสียงเพลงลูกทุ่งหมอลำจากพี่แมทธิว พงศธร เอาตัวรอดจากความจังไรของไอ้คิว ทนฟังความตอแหลในการสับรางของไอ้เชน ชื่นชมกับการครองสติของไอ้เบียร์ที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กลุ่ม และผมที่…..แอบจุ๊บหลังภูมิตอนที่ไม่มีใครเห็น

     

    ^___________^

     

     

     

    และก่อนที่จะจากกันไปในวันนี้ ก็อยากจะขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงดูผมจนเติบใหญ่และไม่ได้ส่งธนบัตรมาจุนเจือกระผมเป็นเวลาเดือนกว่าแล้ว โดยผู้ก่อเหตุให้การว่าถ้าอยากได้ก็ขึ้นมาเชียงใหม่สิ (ตัดภาพไปที่กองงานที่สูงกว่ายอดเขาไกรลาสนั่นสิหนวด หนวดเข้าใจเราใช่ไหม)

     

     

    ขอขอบคุณเครื่องทำน้ำอุ่นที่มักจะเสียในหน้าหนาว และสามารถใช้ได้เองตามปกติเมื่อเข้าสู่หน้าร้อน ขอบคุณน้ำอุ่นๆจากธรรมชาติโดยแสงแดดของเมืองไทยที่ไหลผ่านฝักบัวจนทำให้ผมสะดุ้งสะเทือนเหมือนไข่จะสุกทุกครั้งที่อาบน้ำตอนบ่ายโมง

     

     

    ขอบคุณต้นกล้วยข้างคณะที่ได้ออกลูกออกผลมาเลี้ยงผมกับผองเพื่อนเป็นเวลาสี่ปี ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีอาหารประทังชีวิตตอนไม่มีข้าวจะแดกเพราะซื้อสีจนหมดตัว หากว่าผมเรียนจบไปแล้ว ผมจะกลับมาทดแทนพระเดชพระคุณให้น้ำให้ปุ๋ย ผมจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน เราจะคืนธาตุอาหารให้ต้นกล้วยยยย เป็นการลงคีย์ต่ำที่แทบดำดินและเป็นการละเล่นที่ค่อนข้างสุ่มเสี่ยงพอสมควร ไปครับ ไปเล่นประเด็นอื่น เร็วๆ ไปปป

     

     

    ขอบคุณอีเจี๊ยบที่ทำให้รู้ว่าไอ้คิวไม่ใช่คนจังไรเพียงคนเดียวบนพื้นแผ่นดินโลกที่เป็นกาลกิณีต่อสังคมที่มันย่างกรายเข้าไป

     

     

    ขอบคุณเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันที่ได้ประกาศให้ชาวโลกได้รู้ว่าทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดคือทีมไหน ฝากถึงบอลโรงเรียนอย่างลิเวอร์พูล เซลซี อาเซนอล และอื่นๆ ซ้อมไปเล่นกีฬาสีกันเหรอครับ หรือถ้าชอบวิ่งออกกำลังกาย แนะนำสวนลุมครับ บรรยากาศดี

     

     

    ขอขอบคุณน้องญาญ่าที่เลือกไปฉลองวันแห่งความรักกับณเดชน์ ขอบคุณที่ทำให้พี่รู้ว่าวาดรูปทั้งน้ำตามันเป็นยังไง รู้ซึ้งแล้วครับ พี่น่าแดก(กรุณาออกเสียงเร็วๆ)แม่งสู้ณเดชน์ไม่ได้ตรงไหนวะ

     

    ขอบคุณสตาบัคแก้วละร้อยกว่า ไม่มีอะไรครับแค่อยากจะขอบคุณ

     

    ขอบคุณภูมิ

     

    ขอบคุณที่เกิดมาให้รักนะครับแฟน

     

    ขยิบตาแบบหล่อๆแถมให้อีกสักที

     

    ไปดีมาดีนะครับทุกคน

     

    ^______________^

     

     

     




     

     

    ........Friendship Never End.......

     

     

     

     

     

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    ขอกรี๊ดใส่หน้าหน่อย คิดฮอดแรงงงงง อัดอั้นตันใจมาก เหมือนยังเม้าท์ไม่สุด แบบว่าเหมือนได้กลับมาเจอผัวเก่าที่หย่าร้างทั้งที่ยังรักกัน มันฟีลนั้นเลยค่ะ ฮือออออออออออ  แต่ก็ยังเป็นนิยายที่ไร้สาระหาแก่นสารอะไรไม่ได้ คนแต่งก็ไร้สาระ คนอ่านนี่หนักยิ่งกว่า อย่าไปคิดไรมากค่ะ คนแต่งสวย คิดแค่นี้ ชีวิตดีแน่นอนค่า ฮิฮิฮิฮิ

     

    ทำไมสวยต้องเกิดมาเป็นชะนีที่สวยมากและใจอ่อน พอถูกไซโคเข้าหน่อยก็ต้องระริกกลับมา เพราะแบบนี้ถึงไม่ค่อยเข้าทวิตแอคนั้น พอเห็นทุกคนบ่นว่าคิดถึง เค้าก็จะเป็นแบบนี้ แง้

     

    จริงๆแล้วตอนพิเศษทั้งสองสามตอนที่ลงไป พิมเถื่อน(เพื่อนพิมฐา)แต่งไว้นานแล้วค่ะ พร้อมๆตอนพิเศษอันก่อนนู้น แต่ตัดตอนไม่ลง พอคิดถึงเลยเอามาปัดฝุ่น ฮืออออออออออ

     

    คิดถึงเดอะแก๊งค์ไหมคะ คิดถึงผู้ชายจังไรกลุ่มนี้รึเปล่า ส่วนพี่พิมเถื่อนคิดถึงทุกคนมาก (ถุย ขนอะไรปลิวเข้าปาก รึจะเป็นขนหน้าแข้งพี่มาร์ค(อภิสิทธิ์) ปัง ปังๆๆๆๆๆๆๆ ตายซะนังบ้า

     

    พิมถี่อยากจะขอบคุณทุกๆคนทั้งในเล้า ในเด็กดี ในทวิต ในเฟส ที่แวะเวียนมาอ่าน มาถามไถ่ มาพูดคุยกันอยู่เสมอ เวลาพิมถ่อยเครียดหรือมีเรื่องไม่สบายใจ จะสังเกตได้ว่าพิมถ่อยจะเข้าทวิตไปเอากำลังใจ แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีคนรู้หรอกเพราะเข้าไปก็ลัลลา ฮ่าๆๆๆ การแอบเข้ามาส่องคอมมเม้น มันดีจริงๆค่ะคุณผู้อ่านคะ มันคือสิ่งบรรเทาจิตใจของสวยยยยยย

     

    เอาล่ะค่ะทอร์คจะยาวกว่าเรื่องแล้วค่ะนังชะนีภูธร ขออะไรที่มีสาระหน่อยค่ะ ฮ่าฮ่า เรื่องแรก

    -รีปริ้น เดี๋ยวไปคุยอีกกระทู้

    เรื่องสอง

    -งานตลาดฟิค ไปคุยอีกกระทู้

    เรื่องที่สาม

    -มีข่าวลือว่า We are จะทำเป็นซีรี่ย์

    ไม่จริงค่ะ เพราะเราจะทำเป็นบรอดเวย์ ไฮโซววววววว ข่าวลือก็คือข่าวลือนะจ๊ะ

     

    โอเคค่ะ เคลียร์ทุกประเด็นแล้วเนาะ งั้นเราก็คงจะต้องจากกันแต่เพียงเท่านี้ พิมถี่กำลังจะกลับเข้าป่า อันนี้ไม่ได้พูดเล่นนะคะ อยู่ในป่าจริงๆ ฮ่าฮ่า ยังจำได้เลยว่าวันที่ลงตอนพิเศษแรกน่ะนอนกลางป่า เช้าวันถัดมาถึงขึ้นรถทัวร์เข้ากรุงเทพ พอลงอันนี้เสร็จก็จะกลับพอดี บังเอิญมาก งื้อออออ จะคิดถึงทุกคนนะคะ สวยไปแล้วน๊า

     

    *สางเปีย ปิดหน้าวิ่งเข้าป่ากรีดร้องอย่างบ้าคลั่งด้วยความคิดฮอด เอ๊ะ แล้วฉันจะวิ่งเข้าป่าไปไหนในเมื่อฉันอยู่ในป่า ผัว ผัว ผัว

     

     

     

    รักและคิดถึงคุณผู้อ่านเสมอ

    ทะเลหัวใจ

    รักคนไทยทั้งแผ่นดิน

                                                                                                                         Twitter : @vrseaheart

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×