ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #111 : ตอนพิเศษ ใส่ไข่สองฟอง(รักพี่เว็ปมาสสะเตอร์จุงเบย หุหิ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20.07K
      111
      22 มิ.ย. 58

     

     

    ตอนพิเศษ    ใส่ไข่สองฟอง

     

     

     

     

     

     

    วันนี้นับเป็นวันดี แม้ไม่ใช่วันที่หนึ่งหรือวันที่สิบหก เพราะเป็นวันที่เพื่อนฟ่างได้สั่งการไปทุกกระทรวง ทบวง กรม และทุกหย่อมหญ้าว่าให้ทุกคนมารวมพลที่บ้านมัน ไอ้ฟ่างไม่ได้คิดจะชุมนุมแต่อย่างใดครับ ก็แค่เรียกพวกผมมาใช้งานในการทำไฟนอลโปรเจค การเรียนสถาปัตย์แล้วมีเพื่อนเยอะมันดียังไง ก็ดีตรงที่มึงสามารถเกณฑ์มาใช้แรงงานได้ไงครับ ยิ่งถ้าตัดโมเดลเป็นยิ่งนับว่าคือเพื่อนแท้แสนประเสริฐ 

     

     

    ภาพเดิมๆที่ผมเห็นจนชินตาเมื่อมาบ้านหลังนี้ คือไอ้ฟ่างใส่ที่คาดผม เปลือยท่อนบนเดินวนรอบบ้าน แต่วันนี้อาจจะแปลกตาไปสักหน่อย ที่ผมยาวๆเซอร์ๆของมันสามารถรวบได้ครึ่งหัว มีดินสอไม้เก่าๆสมัยพระเจ้าเหาเสียบอยู่บนนั้น ถ้ามันปล่อยผมแล้วหันหลังนี่คือขึ้นไปร้องเพลงสิบแปดฝนได้เลยนะ พี่เสือหวัดดีครับ ไม่ออกซิงเกิ้ลนานเลยนะพี่ ผมรอติดตามผลงานนะครับ พี่เป็นไอดอลคนแรกของผมเลย ฮ่าฮ่า

     

     

    ตั้งแต่ไอ้แทนบอกว่าพวกมันต่อเติมห้องนั่งเล่นใหม่ ผมก็เพิ่งได้มาเยือนบ้านหลังนี้ ก็สมควรทำใหม่ตั้งนานแล้ว เพราะแม่งไม่เหลือพื้นที่ให้เดินแล้ว ตอนเข้ามาผมแทบจะต้องใช้แผนที่กับเข็มทิศ บ้านที่มึงออกแบบกับบ้านจริงที่มึงอยู่นี่มัน…..…

     

    ต่างกันราวฟ้ากับเหว  รกมาก รกชัด รกชัดมาก ชัดระดับHDเลย ถ้ามีรถเทศบาลสีเขียวๆจอดหน้าบ้านสักสี่ห้าคันนี่ใช่เลยครับ พื้นที่ทิ้งขยะแห่งใหม่ของคนกทม. แต่รกยังไงก็ยังสู้บ้านไอ้คิวไอ้เต้ยไม่ได้ครับ นั่นโบราณสถานย่อมๆเลย ซากไม้อัด เฟรมภาพเขียน รูปปั้น และผลงานปรักหักพังอีกนานัปการ

     

     

    ตอนที่ผมกับภูมิมาถึง เห็นฟ่างมันสวมกางเกงบอลตัวเดียว คาบบุหรี่ที่ไม่ได้จุด ในมือถือสายยางที่ไม่ได้เปิดน้ำ ถือค้างไว้อยู่นาน จากนั้นก็ปล่อยสายยางทิ้ง เดินไปจุดบุหรี่แล้วกลับมารดน้ำต้นไม้อีกครั้ง เหมือนมันใช้สมาธิในการรดน้ำต้นไม้สูงมาก

     

     

    มีครั้งหนึ่งผมเคยเห็นมันเอาเก้าอี้มานั่ง แล้วถือสายยางรดอยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมง เหมือนมันใช้สมาธิสูงมาก กูก็เรียนศิลปะนะแต่คิดว่าสภาพจิตใจยังปกติดี ยังไม่เข้าขั้นติสแตกอย่างไอ้ฟ่างแน่ๆ พีมคิดว่าพีมปกติครับเชื่อใจได้

     

     

    ภูมิยืนมองพี่ชายอยู่สักพัก ถอนหายใจและเดินส่ายหัวเข้าไปในบ้าน ที่จริงแล้วไอ้หล่อมันไม่อยากมาช่วยฟ่างเท่าไรครับ เพราะมันค่อนข้างมีอคติกับพวกเรียนสถาปัตย์  และ….ผมขอโนคอมเม้นท์ในประเด็นนี้  ฮ่าฮ่า รู้จักเอาตัวรอดคือยอดคน พีระณัฐจะไม่ยุ่ง

     

     

    เรื่องที่เด็กวิศวะกับเด็กสถาปัตไม่ค่อยถูกกัน ผมพอรู้มาบ้าง แต่ที่ผมไม่รู้คือแม้แต่พี่ชายก็ไม่มีข้อยกเว้นหรอภูมิ ภูมิบอกว่าพวกสถาปนิกชอบออกแบบอะไรที่มันยากๆ โดยไม่คิดว่ามันสร้างได้จริงไหม แล้วโยนมาให้วิศวกร 

     

    มันถึงกับค่อนแคะคนที่เรียนสถาปัตย์อินเตอร์คนนึงว่า ก็แค่พวกคุณหนูที่ทำอะไรไม่เป็น เอาแต่เพ้อฝัน จินตนาการไปวันๆ แต่ไม่มีปัญญาสร้างให้มันเกิดขึ้นจริง ในขณะเดียวกันเมื่อเด็กสถาปัตย์อินเตอร์คนนั้นไลน์หาผม ก็ชอบถากถางพวกเรียนวิศวะ โดยเฉพาะวิศวกรโยธาว่าเป็นพวกใช้แรงงาน ไม่มีความคิด ต้องรอสถาปนิกคิดให้ถึงจะมีงานทำ สถาปนิกทำงานในห้องแอร์เย็นสบาย ไม่ต้องคุมงานตากแดดร้อนๆ นอนใต้สะพานเหมือนนายช่าง

     

    คือ……กูก็คิดน้าว่าพวกมึงต่อยกันเลยไหมจะได้จบๆ ผมได้แค่คิดแล้วก็สงสัย จริงๆแล้วมันก็สำคัญพอๆกันปะวะ

     

    ไม่อยากคิดภาพว่าถ้าในอนาคตภูมิกับคลื่นต้องร่วมงานกัน…..ตึกจะถล่มไหม

     

     

     

     

    ตอนนี้เพิ่งจะเก้าโมง คนอื่นๆยังไม่มา ภูมิมันพาผมแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่เช้าเพราะแม่งรีบมาดูการ์ตูน ไอ้ห่าแทนเจ้าของบ้านยังไม่ตื่นเลย หลังจากทำขนมปังปิ้งแบบเกรียมๆค่อนไปทางไหม้ พร้อมชงกาแฟรสชาติเหมือนผู้บริหารสตาบัคมาชงเองให้ภูมิเรียบร้อย ผมก็เดินออกมาหาฟ่างที่หน้าบ้านเพราะไม่สามารถทนดู  สกูปปี้ดูว์กับภูมิได้จริงๆ

     

     

    “ภูมิล่ะ”

     

    “อยู่ในบ้าน ดูการ์ตูน”

     

    “มันกินข้าวยัง”

     

    “กินหนมปังละ”

     

    “มึงล่ะ”

     

     

    “ยังไม่หิว ทำไม มึงจะทำอะไรให้กูเสวยเหรอครับเพื่อนฟ่าง” ผมนั่งเท้าคาง ยักคิ้วพร้อมส่งยิ้มให้ไอ้คนที่ยืนโชว์ความขาวสะท้อนแสง รอยแดงๆม่วงๆเต็มคอเต็มอกเลยเว้ยเฮ้ย สงสัยโดนควายขวิดมา คึ

     

    “หึ นอนกับกูสิ เดี๋ยวทำให้”

     

    ผมหุบยิ้ม ไม่ตอบแต่ชูนิ้วกลางเป็นของแทนใจ ฟ่างหัวเราะ ทิ้งก้นบุหรี่ลงในกระถางดอกไม้ใกล้ๆ ก่อนจะลากสายยางไปรดน้ำต้นไม้ฝั่งที่ติดกับบ้านอีกหลัง โดยมีไอ้กระต่ายตัวกลมๆ ลักษณะคล้ายบอลลูนใกล้จะแตก วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ โหหห นั่นไอ้ข้าวผัดเหรอ ท้องมันจะระเบิดไหม นั่นมึงวิ่งหรือมึงกลิ้ง ทำไมจ้ำม่ำขนาดนี้วะข้าวผัด

     

     

     

    …..พ่อครับ เขาว่าความรักนั้นมาเติมเต็มที่ว่างในใจ อยากรู้มีขายที่ไหนหรือเปล่า
    ก็เมื่อได้เห็นเพื่อนเขารักกัน อย่างนั้นผมควรจะยินดีให้
    แต่ว่าปัญหาเพราะว่าเธอคนนั้น ผมรักของผมอย่างมากมาย
    แล้วผมต้องทํายังไงให้เขาทิ้งกัน

    มันต้องใช้น้ำตาแค่ไหนต้องร้องไห้กี่ครั้ง
    ให้เขาและเธอทิ้งขว้างความรักแล้วเลิกรา
    ให้เธอเห็นว่ารักของผมให้เธอได้มากกว่า
    ต้องใช้สักกี่น้ำตาให้เธอเห็นใจ
    ……

     

     

     

     

    “มอร์นิ่งสวัสดิ์เมียน้อย”

     

     

    ความฉิบหายของชีวิตคือการมีบ้านติดกับพวกสันดานทราม ใช่แล้วครับนั่นคือเสียงเห่าสียงหอนของบุคคลที่จังไรที่สุดในแผ่นดินโลก จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเชี่ยคิว ผมเอนตัวออกไปดู เห็นมันนั่งเกากีตาร์อยู่บนระเบียงบ้านชั้นบน เฟรมรูปที่ตั้งอยู่ตรงหน้าไม่ได้อยู่ในความสนใจของมัน เพราะมันกำลังสนใจในการกวนตีนแฟนเพื่อน

     

    จากจุดที่ผมนั่งอยู่ ไอ้คิวคงมองไม่เห็น ถึงได้ก่อกวนฟ่างต่อ ไอ้ห่าเอ๊ย ถ้าผมเป็นฟ่างนะคงประสาทแดกที่มีเพื่อนบ้านแบบนี้  ยิ่งมองจากไกลๆไอ้คิวยิ่งเหมือนมหาโจร เสื้อกล้ามมอซอ ผมยาวรุงรัง หนวดเคราเต็มหน้า แต่เสือกกระแดะใส่ที่คาดผมสีชมพู ช่วงนี้ไอ้คิวเลยคำว่าเซอร์ไปไกลแล้วครับ ข้ามไปอยู่ฝั่งซกมกมาสักพักแล้ว

     

     

    ถ้าไอ้ฟ่างคือพี่เสือ ธนพล ไอ้คิวนี่ก็คงพี่เล็ก คาราบาว ส่วนผมน่าจะแค่พี่ป้อม อัสนี ความเซอร์เราไม่คงที่แต่ความ dirty สิคงทน ทุกวันนี้โดนภูมิด่าเหมือนด่าหมาเลยครับ เรื่องที่ไม่ยอมตัดผม ช่วยเห็นใจกูด้วย แค่เวลาจะขี้ยังไม่มี แล้วจะให้เอาเวลาที่ไหนไปเข้าร้านตัดผมวะ อย่าให้ต้องมีน้ำโหนะ เดี๋ยวจับแบตเตอเลี่ยนโกนนะ

     

    ว่าแต่ไอ้เต้ยไปไหนถึงปล่อยให้พี่คิวของมันมาสร้างความรำคาญให้ชาวบ้าน แต่ก็ดีแล้วล่ะครับเพราะถึงไอ้เต้ยมันอยู่ก็คงไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น บางทีอาจจะเลวลงด้วยซ้ำ

     

     

     

    …….แค่ได้รักเธอ ก็ดีแค่ไหน
    พยายามอีกสักเท่าไร นานเท่าไร
    ก็คงไม่ได้เธอมาอยู่เคียงข้างกัน คงเป็นแค่ฝัน
    เรามันแค่คนธรรมดา ธรรมดา
    ไม่มีสิทธิ์จะรักนางฟ้า
    …….

     

    ไอ้ฟ่างไม่แม้แต่จะเหลือบแลหรือสนใจเสียงเห่าเสียงหอน ยังคงรดน้ำต้นไม้ต่อไป ราวกับเสียงไอ้คิวเป็นเพียงลมตดวูบหนึ่ง

     

     

    “ถ้าบอกว่าเพลงนี้แต่งให้เธอ เธอจะเชื่อไหม

    มันอาจไม่เพราะ ไม่ซึ้ง ไม่สวยงามเหมือนเพลงทั่วไป

    อยากให้รู้ว่าเพลงรัก……..หยิ่งฉิบหาย ใช่ซี้ กูไม่ใช่นักบอลมหาลัยที่เจี๊ยวใหญ่เท่าไข่นกกะทานี่หว่า”

     

     

    ฟ่างเริ่มเหลือบขึ้นไปมองแล้วครับ เอาแล้วววว ฮ่าฮ่า แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ยังดีที่ไอ้คิวมันเป็นนักดนตรี ถึงจะกวนตีน มันก็ยังเสียงดีร้องเพลงเพราะ ถ้าเป็นไอ้ปันล่ะมึงเอ๊ย บ้านอีกหลังโทรแจ้งกู้ภัยแล้วป่านนี้

     

    …..จะรักกันไปถึงไหน เมื่อไรจะเลิกกับเขา

    ฉันรออยู่รู้รึเปล่า อยากให้เธอทิ้งเขาเสียที……..

     

     

    ไอ้ฟ่างก็ยังเงียบ

     

     

     

     

    “อึดอัดใจไหม ที่ยังทนยังทำว่ารักกัน

    แกล้งเป็นว่ารักฉัน ทั้งที่ใจเธอมีแต่เขา

    ตั้งแต่วันนั้น วันที่เธอกับเขาได้พบกัน

    เรื่องจริงหรือความฝัน เธอเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้…..

     

     

    ฟ่างเริ่มเดินเข้าไปใกล้บ้านไอ้คิวมากขึ้น

     

     

    Baby I’m preying on you tonight

    Hunt you down eat you alive

    Just like animals, animals

    Like animals…..เออ มึงเริ่มรู้ตัวตอนไหนเหรอคิวว่าตัวเองเหมือนสัตว์

     

     

    ไอ้ฟ่างวางสายยาง

     

    …..เปรียบกับพี่เป็นแค่ขอนไม้ ต่อให้รักเจ้ามากเพียงไหน

    ผุพังไปพึ่งพาก็ได้ไม่นาน……….

     

    ฟ่างก้มเก็บอะไรบางอย่าง

     

    “รักครั้งแรก หัวใจก็แตกสลาย…..

     

    เพล้งงงงงงงง

     

    !!!!!!!!!!!!!!!

     

    “เหี้ยยยยยยยยย!!!” ผมกับไอ้คิวประสานเสียงกันเลยครับ

     

    ใจมึงไม่น่าจะแตกหรอกคิวแต่หัวมึงนี่ไม่แน่  ไอ้ฟ่างแม่งปาก้อนหินใส่ไอ้คิวเลยเว้ย นี่หัวหน้าแก๊งค์ปาหินรึเปล่า ต่อให้ไม่โดนคนก็อาจจะโดนกระจกโดนบ้านเสียหายได้นะ แต่ฟ่างมันไม่แยแสเลยครับ แล้วคืออย่างแม่น เฉียดกบาลไอ้คิวไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด สงสัยมันซ้อมมือกับไอ้แทนบ่อย ฮ่าฮ่า

     

     

    “เชี่ยฟ่างงงง โดนกระจกบ้านกูแตกขึ้นมาทำไงสัด”

     

    “ถ้ามันไม่แตกเดี๋ยวกูจะจุดไฟเผาซ้ำแม่งอีกรอบ บ้านเลวๆ โครงการแย่ๆ จะเก็บไว้ทำไม” ป่านนี้พ่อไอ้คิวคงสะดุ้งไม่เป็นอันทำการทำงานแล้วมั้ง

     

    “เผาเลยฟ่าง เผาเลยๆ เดี๋ยวกูดูต้นทางให้” เห็นสีหน้าไอ้คิวแล้วอดหัวเราะไม่ได้จริงๆ มันชี้หน้าไอ้ฟ่างก่อนจะเบนสายตามาทางผม

     

    “อ้าวคนแคระ มาตั้งแต่เมื่อไร” แล้วรอยยิ้มแบบเซอเวอรัส สเนปก็จุดขึ้นบนใบหน้าของมัน พร้อมกับการเปล่งเสียงร้องเพลง ….เพลงนี้ครับ…….

     

    “พี ทู่ เดอะ อี อี ทู่ เดอะ เอ็ม แต่ แด่ แดะ แด่ แด๊ แต่ แด่ แดะ แด้ แด๊

    คนแคระเจ้าเพื่อนยาก ทำไมจากข้าเร็วเกินไป โย่

    คนแคระ วอทซับ ไปอยู่ที่ไหน โย่ว โย่ เคยรู้บ้างไหม

    โปรดคิดคำนึง ถึงคนแครรรรรรรรรรรรรรรร

    ……คนอะไรนั่งกับยืนก็ยังตัวเดิม เป็นไงบ้างล่ะวันนี้ สอยพริกแดกได้กี่เม็ดแล้ว”

     

     

    สอยพริกพ่องงงงง

     

     

    หินก้อนที่สองซึ่งตรงดิ่งสู่หลังคาบ้านไอ้เวรตะไลคิวนั้น เป็นของฝากจากกูเองครับ

     

     

     

    ผมกับฟ่างต่างหนีเข้าบ้าน ก่อนที่ความอดทนจะสิ้นสุดแล้วบุกขึ้นไปฆ่าปาดคอไอ้คิว ฟ่างมันไปอาบน้ำ ส่วนผมเดินเข้าครัวไปเอาเบียร์วุ้นเย็นๆมาจิบ คึ

     

     

    ไอ้แทนกับภูมินั่งจิบน้ำแดง ส่วนกูนั่งกระดกเบียร์ ฮ่าฮ่า พวกมันมองตาปริบๆ ที่เห็นผมเหมือนคนตายอดตายอยากมานานแรมปี ทั้งที่เมื่อวานเพิ่งไปกินกับพวกไอ้โจ เมาจนไม่รู้เรื่องว่าภูมิพากลับไปค้างที่บ้านมัน ตอนเช้าตื่นมาเจอคุณแม่ ผมแทบแหกปากเป็นภาษาไทยใหญ่ ภาพลักษณ์ที่สั่งสมไว้แม่งหายวับไปกับตา อ้วกรดบันไดบ้านมันด้วย T_T

     

     

    สกูปปี้ดูว์จบไปแล้ว และส่งเบนเทนมาแทน ซึ่งไอ้แทนก็บ้าจี้นั่งดูเป็นเพื่อนภูมิ  ไอ้เจ้าของบ้านมันมีแค่บ็อกเซอร์เหี่ยวๆตัวเดียวประดับร่างกาย อดีตนักฟุตบอลมหาลัยหันมามองหน้าผม ผมเลยตีหน้ามึนๆใส่ นาย   กวินภพเพิ่งไปไถสะกินเฮดมาหมาดๆ พร้อมเจาะหูใส่จิวเพิ่มอีกเป็นแผง

     

    ถึงจะดูหล่อแบดบอยแต่ผมคิดว่ามันดิบเถื่อนเกินไป  ถ้าลองปล่อยไอ้แทนเดินเข้าไปในโรงเรียนอนุบาล เด็กสักแปดในสิบน่าจะร้องไห้ครับ ส่วนอีกสองคนที่เหลือคือกลัวจนช็อคตายเลยไม่มีโอกาสร้อง

     

    “เสื่อมแต่เช้าเลยนะมึง เป็นแอลกอฮอล์ลิซึมเหรอครับเพื่อน”

     

    “เขตปลอดการเสือกครับ มันเป็นความอยากส่วนบุคคล แล้วทำไมมึงไม่ไปอาบน้ำวะ มานั่งเน่าอะไรตรงนี้”

     

    “ข้าวฟ่างอาบอยู่ กูเลยดูตูนเป็นเพื่อนน้องเมีย”

     

    “แล้วห้องน้ำมีห้องเดียวรึไง มึงก็ไปอาบห้องข้างล่างดิ เร็วๆ ไปอาบ จะได้หาไรกิน กูหิวข้าว”

     

    “กูอาบไม่ได้ดดด  ภรรแฟนกูล็อกห้อง เข้าใจไหมพีม กูเข้าไปเอาผ้าเช็ดตัวไม่ได้เนี่ย เห็นไหมว่ามันรักกูมากแค่ไหนพวกมึงว่า” ไอ้แทนยิ้มให้ผม นี่หรือคือชีวิตอดีตเดือนวิศวะคอมฯผู้โด่งดัง ไอ้ห่าอนาถามาก

     

    “มึงก็งัดเข้าไปเลยสิ” ภูมิแนะนำวิธีการตายแนวใหม่ให้แฟนพี่ชาย

     

    “งัดให้มันด่าพ่อกูเล่นเหรอครับ มึงนี่ก็พูดไปเรื่อย”

     

    “แล้วมันล็อกทำไมวะ”

     

    ภูมิถามขณะที่พยายามขยับออกห่างจากไอ้แทน โซฟาก็ตั้งกว้าง มันจะไปนั่งเบียดภูมิทำไมก็ไม่รู้ ไอ้หล่อมันยิ่งขี้ร้อนขี้รำคาญ ส่วนไอ้แทนดันเป็นพวกขาดความอบอุ่นไม่ได้ และร้อยเอาร้อยมันกำลังกวนตีนภูมิครับ ส่วนผมขอทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น นั่งจิบเบียร์อยู่ห่างๆอย่างกึ่มๆแล้วกัน ไม่มีใครรักกูเท่าแอลกอฮอล์แล้วน้องจ๋า

     

     

    “พี่มึงอารมณ์ศิลปินไง มีโลกส่วนตัวสูง เวลาจะอาบน้ำเลยต้องล็อกห้องนอน บางทีติสมากๆมีล็อกบ้านให้กูปีนรั้วเข้ามาด้วยนะ สโลว์ไลฟ์ดีฉิบหาย ฮ่าฮ่า”

     

     

    กูว่าไม่ใช่ล่ะ นั่นมันอันตรายไลฟ์ล่ะ ผมกับไอ้แทนสบตากันก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะ ไอ้ห่านี่เข้าใจประชดชีวิตนะมึง ในจังหวะที่ผมละสายตาจากแก้วเบียร์ หางตาก็เหลือบไปเห็นไอ้แทนซึ่งนั่งยองๆเอาคางเกยเข่าอยู่บนโซฟา มันค่อยๆโน้มตัวชะโงกหน้าเข้าไปหาภูมิ และจ้องหน้าใกล้ๆ โอเค กูต้องเตรียมใจไหม ยังไง แต่ที่แน่ๆขนลุกไปทั้งตัวแล้ว

     

    “ดูๆไป….มึงนี่ก็มีส่วนคล้ายข้าวฟ่างเหมือนกันนะน้องเมีย”

     

     

    ไอ้แทนคงนิมิตขึ้นมาได้ว่าอยากลงไปชมนรก คงอยากรู้ว่าเปรตมันใช้ชีวิตกันยังไง มันถึงได้กล้ายื่นมือไปจับแก้มภูมิ แถมยังทำตาเชื่อมตาหวานใส่อีกต่างหาก กูนับถอยหลังให้มึงเลยเพื่อน

     

    ศูนย์

     

    “เหี้ยยย!!!”  เต็มๆครับ เหี้ยคลานเต็มหน้าไอ้แทนเลยครับ กร้ากกก กูอยากจะสมน้ำหน้าเป็นภาษาสันสกฤต เคยได้ยินคำว่าถีบยอดหน้าไหมครับ นั่นแหละครับ แบบนั้นเลย ภูมิยกตีนมานาบหน้าไอ้แทนเลย ไอ้คนโดนถีบจนกลิ้งตกโซฟานอกจากจะไม่สะทกสะท้าน มันยังขำลั่นบ้านอีกต่างหาก

     

    ผมต้องแอบหันหน้าไปหัวเราะอีกทาง เพราะกลัวจะโดนลูกหลงลูกถีบของภูมิไปด้วย มันเตะไอ้แทนอีกรอบแล้วลุกมานั่งข้างผม ภูมิไม่ใช่คนประเภทที่จะทำร้ายใครด้วยคำพูด มันถนัดใช้แรงกายเข้ากระทืบ แม่งมองไอ้แทนตาขวางเลยเว้ย  แทนมันชอบแกล้งภูมิเพราะภูมิมีปฏิกิริยาตอบกลับแบบเดียวกับฟ่างไงครับ เชี่ยนี่แม่งประสาท ชอบหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บตัว

     

     

    ระหว่างที่รอคู่รักนักรบนั่นอาบน้ำ ผมก็เล่นมือถือไปเรื่อยเปื่อย ด้วยการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดนั่นคือ……ตอบไลน์ไอ้มิค อะไรคือการที่มันส่งมาบอกในไลน์กลุ่มว่า “ไม่ฝากร้านนะครับ ฝากร้าน มิคสิงน๊า”

     

    ไม่ธรรมดาจริงๆเพื่อนกู

     

    ก่อนหน้านั้นผมเพิ่งอารมณ์เสียเพราะไอ้ปัน ผมไลน์ไปถามมันว่าถึงไหนแล้ว เพราะคนอื่นใกล้จะถึงกันแล้ว มันบอกอยู่นราธิวาส ผมก็ตกใจรีบโทรหาว่ามันไปทำอะไร ไปตั้งแต่เมื่อไร สรุปไอ้สัส แม่งอยู่ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ บางรักนี่เอง วันหลังมึงเติมส่วนขยายมาให้กูบ้างก็ได้

     

     

    ส่วนภูมิกำลังนอนซุกขาผมและพยายามจะเล่นกับข้าวผัด แต่ไอ้กระต่ายที่โคฟเวอร์เป็นปลาพะยูนมันไม่ยอมเล่นด้วย “ข้าวผัด ไอ้ข้าวผัดมานี่ดิ” แม่งมองหน้าภูมิแล้วเดินหนีเว้ย กวนตีนดีจริงๆ “เดี๋ยวนี้หยิ่งหรอ มานี่ เร็วๆ” มันก็ยังเมินไม่สนใจ “พ่อมึงเผลอเดี๋ยวกูจับย่างเลย”

     

    เอาเลยภูมิเดี๋ยวกูช่วย แม่งเป็นกระต่ายที่น่าหมั่นไส้มาก หยิ่งมาก ไม่ยอมเล่นกับใครง่ายๆ นิสัยโคตรเหมือนเจ้าของ  คงจะมีแค่ไอ้เต้ยมั้งที่พอจะเล่นด้วยกันได้ ไม่รู้ว่าไอ้กระต่ายลูกหมูนี่คุ้นหน้าหรือเพราะมันมีเลือดบ้าเหมือนกัน

     

    “เฮียยยยยยยยยยยยยยยย”

     

    พอนึกถึงไอ้เต้ย ไอ้เต้ยก็มาครับ ผมต้องรีบสูดเอาออกซิเจนเข้าปอดเพื่อเตรียมรับมือกับมัน ไอ้ข้าวผัดมันได้ยินเสียงไอ้เต้ย มันก็รีบกลิ้งไปหา เลยถูกไอ้คิวที่เดินตามหลังมาเตะเข้าให้ คนเรามันต้องจังไรแค่ไหนถึงจะรังแกได้แม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆ

     

     

    “เฮี่ยยยยยยยยยยยยยยยย” เชี่ยน้องเต้ยมาพร้อมการเรียกที่ผันวรรณยุกต์เสียงสูงเสมอ เฮียๆนี่รีบลงไปคลานกันแทบไม่ทัน

     

     

    “เฮียฟ่างวันนี้มีไรกิน เต้ยเพิ่งตื่น โคตรหิวเลย ในตู้เย็นเต้ยมีแค่จานสีกับน้ำหมักจุลินทรีย์ พี่คิวไม่รู้ว่าจะผัดหรือจะต้มดี เลยบอกให้เต้ยมากินบ้านเฮียฟ่าง จะได้ประหยัด” สาบานว่านั่นคือตู้เย็นและพวกมึงคิดจะแดกผัดจานสีกันจริงๆ แล้วทำไมถึงเอาจานสีไปไว้ในตู้เย็น

     

     

    “หน้าบ้านกูมีป้ายโรงทานเขียนติดไว้เหรอ ถ้าไม่มีปัญญาหาแดกก็นู่น หญ้าหลังบ้าน ชวนกันไปเล็ม”

     

     

    ไอ้ฟ่างปาผ้าขนหนูที่มันใช้เช็ดผมใส่หน้าไอ้เด็กตี๋ แต่ก็ยังโทรบอกให้พวกไอ้เชนซื้อของกินเข้ามา เจ้าบ้านเขาเลี้ยงครับ ปากมันก็ร้ายไปงั้นแหละไอ้ฟ่างน่ะ ยิ่งกับไอ้เต้ยมันยิ่งตามใจ

     

    โดยไม่ลืมถามทุกคนว่าอยากกินอะไรอีกไหม ทุกคนที่ว่านี่คือเชี่ยน้องเต้ยออกไอเดียอยู่คนเดียวนะครับ รายการอาหารเยอะพอๆกับจะไหว้เจ้า ได้ยินเสียงไอ้เชนตะโกนด่ามาในสายว่าออกมากินบุฟเฟ่ข้างนอกเลยไหม

     

     

    “เชี่ยแทนไปไหนวะฟ่าง”  ระหว่างที่นั่งรอเสบียง ไอ้คิวมันคงเบื่อ เบื่อที่จะท่องสูตรคูณแม่สองเป็นทำนองเพลงช้างตามที่ไอ้เต้ยให้ร่วมประสานเสียง พอฟ่างชี้ไปที่ห้องน้ำ ไอ้คิวก็หอบความจังไรดิ่งไปทันที “เฮ้ย อาบไรนานนักหนาวะ มึงเอาไส้ออกมาล้างด้วยเหรอ หรือนั่งเล่นกับหมออ้อย ออกมาๆ” แล้วไอ้สารเลวคิวก็อุตริถีบประตูครับ

     

    ผ่างงงงงงงงงงงง

     

    สาดดดดดดดดดดดด เชี่ยแทนเสือกไม่ล็อก ไม่ล็อกไม่ว่า แต่ทำไมมึงไม่ปิดให้สนิทครับไอ้สัส ต่อให้ภูมิยื่นมือมาปิดตาผมก็ไม่ทันแล้ว ผมเห็นเต็มสองตาไปแล้ว คือไม่ได้ตกใจอะไรหรอกครับ เพราะเห็นมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ตั้งแต่อันเท่าหางจิ้งจก เวลาอาบน้ำด้วยกัน พวกผมก็ถอดหมด

     

    หุ่นมึงดีมีซิกแพ็คแล้วยังไง คือกูก็ทุเรศลูกตาอยู่ดีไง มันเป็นสิ่งอัปมงคล ควรจะโทษความทรามของไอ้คิวหรือความเลินเล่อของไอ้แทนดี เสียงปรบมือของไอ้เต้ย เสียงวิจารณ์ของไอ้คิว เสียงถอนหายใจของภูมิ เสียงหัวเราะของเชี่ยแทนและเสียงสวดของฟ่างราวกับเสียงบรรเลงวงปี่พาทย์ มันเข้ากันดีมาก อยากให้ได้ยินจริงๆครับว่าไอ้ฟ่างด่าเพื่อนผมว่ายังไงบ้าง ใครธาตุอ่อนนี่มึงตายไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่ๆ

     

     

    หลังจากเห็นของแสลงไอ้แทน พวกผมก็ยังคงต้องรอไอ้เชนมาให้อาหาร โดยมีไอ้น้องแมทและฮิปสเตอร์มิคมาเพิ่ม ไอ้น้องแมทมาพร้อมทรงผมใหม่ที่ไปไถข้างมา ทรงนี้ถ้าไม่ได้หน้าแบบลูกครึ่งมึงอย่าทำครับ มันบอกว่ามันอกหัก หักแม่งทั้งปีทั้งชาติ

     

     

    พอภูมิถามว่าแล้วสาววิศวะที่ไปรับเมื่อวานล่ะ ไอ้แมทถึงกับแถไม่ออก นี่มึงเล่นสาววิศวะเลยเหรอแมท ไอ้เต้ยยังเผาเพื่อนรักมันอีกว่า สาวคนเก่ากับคนใหม่ของไอ้แมทเป็นเพื่อนสนิทกัน ดูความเลวของลูกศิษย์ไอ้เชนครับ ดูไว้ บาปกรรมมีจริง สักวันเถอะมึงไอ้ลูกครึ่ง สักวันเดี๋ยวมึงจะเจอดี

     

     

    เมื่อทุกชีวิตมาครบองค์ประชุม ขาดแค่ไอ้ปันที่กำลังมาจากนราธิวาส ป่านนี้คงถึงเพชรบุรี(ตัดใหม่)แล้ว กับไอ้เบียร์ซึ่งภูมิโทรตาม เห็นบอกว่าไปส่งแฟนกำลังจะถึงแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่มีแฟนนี่ก็ริแยกวงเลยนะมึงนะไอ้คุณชาย

     

     

    ดูอย่างไอ้เชนสิ ประชากรเมียมีเป็นร้อย น้อยกว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพแค่ไม่เท่าไร มันยังบริหารจัดการเวลาได้เลย ไหนจะเรียน ไหนจะเพื่อน ครอบครัว เชนเอาอยู่ เชนทำได้ เชนร้อยเมีย นี่ไม่ใช่ฉายา นี่คือข้อเท็จจริง ไม่ต้องมีอ้างอิงใดๆ เชื่อถือได้เลยครับ

     

     

    พอไอ้เชนมาถึง ด้วยความหิวโหยพวกผมเลยไม่รอไอ้เบียร์กับไอ้ปัน ฝูงแร้งก็ลงจัดการบรรเลงอาหารคาวหวานกันทันที แม้จะมีบางคนทำเนียนไม่ยอมกิน แต่ก็หนีอำนาจพี่ชายไม่ได้ ไอ้แทนไอ้ฟ่างรบกันว่าสาหัส มาเจอคู่พี่น้องไอ้ฟ่างไอ้ภูมินี่สนุกกว่าเยอะครับ ของมีคมเอาไว้ใกล้ไม่ได้ เพราะถ้าพวกมันคว้าได้นี่เสียบกันไส้แตก

     

     

    หลังจากกินอิ่มและนอนเกลือกกลิ้งอยู่นาน ผมก็นึกว่าไอ้ฟ่างจะให้เริ่มช่วยงานเลย แต่เปล่า ฟ่างบอกว่ายังไม่มีอารมณ์ ยังไม่อยากทำ แล้วใครจะกล้าขัดจริงไหม ฟ่างไม่มีอารมณ์ก็คือไม่มีอารมณ์ไง เข้าใจไหม จบไหม จบนะครับ อย่าเถียง อย่ามีปากมีเสียง

     

    มันบอกว่าคิดงานไม่ออก วันนี้เลยเรียกพวกผมมารวมกันแล้วมันจะนั่งดู เผื่อสมองจะแล่น แล้วมีอารมณ์ทำงาน เชี่ย พวกกูไม่ใช่ละครสัตว์นะมึง ถึงจะได้จ้างมานั่งดูเล่น แต่ผมก็เข้าใจ ฟ่างมันเป็นคนมีความรับผิดชอบสูงก็จริง แต่งานด้านนี้ งานที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์หรือที่ต้องใช้จินตนาการ บางทีไม่ใช่ว่าขี้เกียจ แต่มันไม่มีอารมณ์ที่จะทำ พยายามคิดแล้วแต่ก็คิดอะไรไม่ออก นั่งคิดทั้งวันแต่ไม่ได้อะไรเลยก็มี ก็ต้องออกไปข้างนอก ไปทำอย่างอื่นเพื่อหาไอเดีย หาแรงบันดาลใจ

     

    ส่วนของผมอาจจะไม่ต้องคิดคำนวณอะไรขนาดนั้น แค่ต้องใช้สมาธิมากๆ มากชนิดที่ว่าอีกนิดนึงกูก็เข้าฌานถอดจิตได้อ่ะครับ แล้วพอใกล้จะถึงกำหนดส่งงาน แต่งานยังไม่เสร็จ ไอเดียนี่แม่งไม่รู้ว่าอพยพกันมาจากไหน วิ่งสวนสนามกันคึกคักเลย สงสัยเป็นการฝึกทำงานภายใต้ภาวะกดดัน เลยต้องโต้รุ่งข้ามวันข้ามคืนอยู่บ่อยครั้ง เพราะคอนเซปเราคืองานยังไม่เสร็จห้ามตาย อารมณ์แบบรถเมล์สายแปดวิ่งชนแต่ต้องลุกไปส่งงานให้ได้

     

    และในเมื่อยังไม่ทำงานก็เลยยกขบวนกันมาที่สระว่ายน้ำของหมู่บ้าน โชคดีที่ไม่ค่อยมีคน มีเด็กสองสามคนกับคุณพ่อที่กำลังขึ้นจากสระ แล้วก็เจ้าหน้าที่ดูแลฟิตเนสกับแม่บ้าน ส่วนมุมร้านกาแฟกับที่อ่านหนังสือก็ไร้ผู้คนเช่นเดียวกัน อะไรมันจะเงียบขนาดนี้วะ ที่นี่ร่มรื่นกว้างขวางดีครับ ดีทุกอย่าง บรรยากาศดี สระน้ำสะอาดดี เหี้ยอย่างเดียวคือลูกชายเจ้าของโครงการ ฮ่าฮ่า

     

     

    ส่วนแฟนลูกชายเจ้าของที่นี่ มาถึงก็กระโดดตีลังกาลงสระ ตามด้วยไอ้แมท ตอนเดินเข้ามาผมได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ และไม่นานหลังจากนั้น ไอ้มิคก็เดินกลับมาพร้อมห่วงยางลายคิตตี้แสนน่ารัก ไม่ต้องสืบครับ ตบเด็กเตะหมาด่าผู้หญิง คือวิถีไอ้มิค มันไปแย่งห่วงยางน้องเขามาแน่ๆ

     

     

    เก้าอี้ชายหาดสีขาวสี่ตัวไม่ได้รับความสนใจจากพวกผม มีแค่ไอ้ฟ่างที่ประทับอยู่บนนั้น มันนอนชันเข่าดูดบุหรี่ไม่แคร์โลก  ตั้งแต่เช้าผมก็เห็นมันคีบอยู่ในมือตลอด สงสัยจะเครียดจริงจัง มันสูบจัดแต่ไอ้แทนก็ไม่ได้ว่า คงเข้าใจว่าช่วงที่ทำโปรเจคนั้นเครียดแค่ไหน ขอแค่อย่ายัดไส้ก็พอ เพราะข้าวฟ่างยังมีด้านที่ท่านอาจจะยังไม่รู้ และผมคิดว่าถ้าไม่รู้น่าจะดีกว่า หึหึ

     

     

    พวกผมที่เหลือนอนเกลื่อนอยู่ริมสระ ไอ้คิวนอนตะแคงเท้าศอกค้ำหัว ยื่นตีนลงไปในน้ำ ข้างๆมันคือไอ้เชนที่นั่งคุยโทรศัพท์กับคนนึง อีกมือกำลังตอบไลน์อีกคน สุดยอดไหมครับเพื่อนผม ส่วนผมกับภูมินั่งหย่อนขาจุ่มน้ำคลายร้อน และไอ้แทนที่เพิ่งถูกไอ้เต้ยลากลงน้ำ

     

     

     

    “อิจฉาจังโว้ยยยย คนมีแฟนโทรตามเนี่ย” พอไอ้เบียร์มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง โทรศัพท์มันก็ดัง ไอ้คุณชายส่งสัญญาณให้เชี่ยคิวเงียบ แต่ไอ้นี่ยิ่งกว่าถูกปลุกเสกมา มันเล่นหนักกว่าเดิม “อยู่กับเพื่อนก็สนใจเพื่อนมั่งเห้ออออ สงสารไอ้ภูมิมันบ้าง มีเมียก็เมียพิกลพิการ มีเพื่อนเพื่อนยังไม่สนใจอีก เป็นกูนะผูกคอตายไปล่ะ”

     

    “เอาเชือกตอนนี้เลยไหม กูจะหาให้” ผมอยู่เฉยๆยังโดนหมาในปากมันกระโดดกัด ภูมินี่ก็ไม่ได้คิดจะช่วยห่าอะไรกูเลย ไร้ประโยชน์มาก

     

    “แหม ออกรับแทนตลอดดดดดดด มึงเป็นไรกันถึงต้องมาออกรับแทน มึงรักไอ้ภูมิรึไงแคระ”

     

    “เอ๊า ไอ่นี่ ถามไรใช้สมองบ้าง แฟนทั้งคนก็รักดิวะ” ผมทำเป็นมองไม่เห็นรอยยิ้มกว้างๆบนใบหน้าของภูมิ

     

    “พูดอะไรไม่อายฟ้าอายดิน  แล้วมึงเคยถามภูมิไหมว่ารักมึงรึเปล่า”

     

    “อ้าววววว มึงจะเล่นใช่ไหมคิว จะเอาให้ได้ใช่ไหมไอ้เวร สร้างความร้าวฉานนี่งานอดิเรกมึงเหรอ จะเอาไปใส่แฟ้มสะสมผลงานรึไง” แต่มันก็ยังไม่หยุด

     

    “คุณภูมิครับ ผมอยากจะทราบว่าตอนได้แฟนมานี่คือไปจีบหรือเขาแถมมากับถังสังฆทาน มึงเคยรักไอ้แคระเพื่อนกูไหมครับ เพื่อนหล่อเคยรักฮอบบิทหน้าตาเหมือนลิงลมอมส้นตีนบ้างหรือไม่” ลิงลมพ่องงง ภูมิหัวเราะเสียงดัง แต่มันไม่ได้ตอบ ก็แค่พยักหน้า “รักมากไหม” มันก็พยักหน้าอีก “มากแค่ไหน” ไอ้คิวก็ยังไม่หยุดอีก ภูมิมันนึกอยู่สักพัก หันมามองหน้าผม

     

    ไม่นะภูมิ ไม่นะ………ได้โปรด…… ภูมิ……. อย่า

     

    ก่อนจะเอานิ้วชี้กับนิ้วโป้งแตะๆกันแล้วเอาไปวางแถวๆอก

     

     

    “มากกว่าหัวใจกูนิดนึง”

     

     

    “ฮิ้ววววววววววววววววว”

     

    “ขากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

     

    “เชี่ยเอ๊ยยยยยยย”

     

     

    วงแตก บอกได้คำเดียวเลยครับว่าวงแตก ผมนี่ทิ้งตัวหงายหลังลงไปนอนขำกับพื้นเลย ไอ้เชนทำหน้าเหมือนแดกของเปรี้ยว มันส่ายหัวรับไม่ได้ ส่วนไอ้คิวหอนเป็นหมาเลย แม่งกรี๊ดด้วย แม้แต่ไอ้เบียร์ที่คุยโทรศัพท์อยู่ยังยื่นมือมาผลักหัวเพื่อนรักมัน ส่วนพวกที่อยู่ในสระมันทำระบำใต้น้ำให้ดูเลยครับ

     

    “สงสัยน้ำสระนี้ผสมคลอลีนจากวังขนาย” นั่นมันน้ำตาลไหมเชน

     

    “ถ้ากูมีปืนจะยิงทิ้งแม่งทั้งสองคน เป็นเอามากแล้วน้องกู”

     

     

    พวกมันรู้ว่าแกล้งภูมิไม่ได้เลยใช้ไอ้หล่อนี่เป็นสะพานมาแกล้งผมอีกที กู๊ววววว ก็ว่าจะไม่เขินแล้วนะ ก็ตั้งใจไว้ว่าน่าจะชินแล้ว แต่เข้าใจผมหน่อยเถอะครับ ภูมิมันพูดด้วยหน้าตาน้ำเสียงที่จริงจัง หน้านิ่งมาก แม่งไม่ได้กะจะให้ผมเขินหรอก คงพูดไปตามประสามัน และนั่นแหละกูยิ่งเขินไงไอ้เหี้ย ตักน้ำในสระมาแดกแม่ง

     

     

    “เสียงดังโวยวายอะไรกันพรรคพวกกกก จุ๊กกรู้วววววววว เฮ้ยย่ะ เฮ้ยย่ะ เฮ้ยย่ะ มาแล้วคร้าบบบมาแล้ว หอยแมงภู่ตัวใหญ่ๆ สดจากทะเลเมื่อเดือนที่แล้ว หอยแม่งภู่ตัวโตๆ โลละสามสิบ สามโลก็สามสิบ มาแล้ว  คร้าบบบบ”

     

     

    มาแล้วครับบุคคลในประวัติศาสตร์ คนที่แค่เห็นหน้าก็ทำให้หัวเราะได้ มันมาในคราบแว่นตาสีเงิน เสื้อสะท้อนแสงสีบานเย็น ยิ่งน้ำสีฟ้ากับแดดสะท้อนใส่ ผมว่าเราต้องมองไอ้ปันผ่านฟิล์มกรองแสง มองด้วยตาเปล่านี่ไม่เห็นหัวเห็นขา เหมือนมีแค่เสื้อที่ลอยมากลางอากาศ นอกจากมันแล้ว ไม่น่าจะมีใครกล้าใส่แน่ๆไอ้เสื้อสีบานเย็นกับกางเกงสีเขียวอ่อน กูนึกว่าต้นแก้วมังกรเดินได้ อยากจะทำวิจัยว่าตอนซื้อนี่คิดอะไรอยู่ แล้วตอนเลือกใส่ชุดนี้รู้สึกยังไง ยอมใจ

     

    “กว่าจะเสด็จมาได้นะมึง นาฬิกาเสียหรอ หรือดูเวลาตามประเทศนิวซีแลนด์”

     

    เหยดดดดดดดดดดดดดดด

     

    ไอ้ฟ่างแม่ง เด็ดเว้ยเฮ้ย ฮ่าฮ่า แต่ไอ้ปันหาได้สะท้านไม่ แกล้งไอ้ปันมันไม่สนุกเพราะมันตีมึนใส่นี่แหละครับ มันเต้นถอยหลังพร้อมสร้างจังหวะให้ตัวเอง “รินการินการิน รินการินการิน ที่นิวซีแลนด์มีดีอะไร ทำไมใครๆถึงต้องอยากไป” พี่องุ่นครับ ย้ายประเทศเรียนเถอะครับผมเป็นห่วง

     

     

    “เออผมว่าจะถามพี่ปันหลายครั้งล่ะ สรุปว่าพี่จะขอวีซ่านักเรียนหรือท่องเที่ยวอ่ะ เชี่ยเต้ยกูหนัก ลงไปปปป” ไอ้น้องแมทตะโกนถามมาจากกลางสระ ขณะพยายามจะว่ายหนีไอ้เต้ย ทั้งที่ไอ้เต้ยเกาะอยู่บนหลังและกำลังจะปีนขึ้นไปยืนบนไหล่ไอ้แมท มึงคิดว่าตัวเองเป็นศิษย์สำนักเส้าหลินรึไงเต้ย กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงเมาแล้วตกต้นไม้

     

    “วีซ่า? วีซ่าอะไรวะ มึงจะไปไหนปัน” ไอ้เชนถาม

     

    “อ้าว พวกพี่เชนยังไม่รู้อีกเหรอ”

     

    “อ้าว นี่มึงยังไม่หยุดพูดอีกเหรอ”

     

    รองเท้าแตะช้างดาวของไอ้ปันลงไปลอยอยู่กลางสระ ตำแหน่งที่ไอ้แมทมันเคยยืนก่อนจะดำน้ำหนีไป แล้วปล่อยให้ไอ้เต้ยออกรับหน้าแทน หรือต้องบอกว่าเอาหน้าออกมารับแทน ซึ่งถ้าลองว่าไม่ได้มากับไอ้คิว ผมว่าเจ้าหน้าที่ที่ดูแลที่นี่อาจจะเชิญพวกผมไปที่สถานีตำรวจแล้วก็ได้ ทั้งเสียงดัง ทั้งวุ่นวาย แต่นอกจากพี่เขาจะไม่ว่าอะไรยังยกน้ำยกขนมมาบริการอีก ข้อดีข้อเดียวของไอ้คิวจริงๆ

     

     

     

    “ทันทีที่เรียนจบ พี่ปันเขาจะไปนิวซีแลนด์อ่ะพี่” แล้วไอ้น้องแมทก็โผล่ขึ้นมาตอบ แม่งงงง ไอ้ปันมึงซุ่มเหรอมึง ซุ่มจะไปเงียบๆไม่บอกพวกกูใช่ไหม สันดาน แต่เชี่ยน้องแมท ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้น้องรัก กูโคตรประทับใจในความขี้เสือกและปากสว่างของมึงจริงๆ “จะไปตามหาหัวไตตตต”

     

     

    “ไตฟาเธ่อทึมึงสิ กูจะไปเทคคอร์สภาษาโว้ยยยยยยย” มันตะโกนพร้อมกับถอดเสื้อแล้วกระโดดลงน้ำ ไอ้เบียร์ตะโกนบอกว่า ถอดแว่นด้วย แต่ไม่ทัน เชี่ยปันมันลงน้ำไปแล้ว

     

    “แล้วทำไมต้องไปนิวซีแลนด์” ไอ้เชนนี่แม่งกัดไม่ปล่อย ความสามารถด้านนี้ของมันยังอยู่ยั้งยืนยง คงกระพันจริงๆเพื่อน “ทำไมไม่ไปอังกฤษ อเมริมกาที่เขาเป็นรากเหง้าของภาษาวะ มึงถึงจะได้สำเนียงแท้ๆมา  เนี่ยไปพร้อมไอ้เบียร์เลย จะได้อยู่เป็นเพื่อนกันด้วย”

     

    “เออนั่นดิ ไหนๆก็จะไปเรียนภาษา ไปอังกฤษเลยไม่ดีกว่าเหรอวะ พี่ๆน้องๆมึงก็อยู่นู่นไม่ใช่ไง แล้วมึงจะไปทำไรที่นิวฯวะ”

     

    “ไปนิวฯคงไปดูประเพณีวิ่งควายกับแห่ผีตาโขนมั้งพีม” ปาดคอไอ้แทนต้องจ่ายเท่าไรครับ

     

    “ที่ตัวกูไม่ไปอังกฤษกับเมกา เพราะว่าตัวกูไม่ชอบหอนาฬิกาบิ๊กเบนกับเทพีเสรีภาพ มันบดบังทัศนียภาพในการใช้ชีวิตของตัวกู”

     

    “สุดยอดของเหตุและผล กูก็ไม่รู้จะถามอะไรต่อเลยสัด กูขอโทษนะปันที่บังอาจสงสัย” ไอ้เชนถึงกับนั่งกอดเข่าอย่างไม่รู้จะไปทางไหนต่อ

     

     

    “แต่ว่ามึงไปนิวซีแลนด์ก็ดีเหมือนกัน อากาศดี ธรรมชาติสวย คนก็ไนซ์ ว่างๆก็หางานพาร์ทไทม์ทำได้ เก็บองุ่นก็น่าสนใจนะปัน”

     

    เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

     

    ไอ้ฟ่างว่าเด็ดแล้วแต่ไอ้เบียร์เหนือชั้นยิ่งกว่า อันนี้แหละเบียร์ มันใช่เลยเบียร์ มันตรงประเด็น เชี่ยปันนี่โคตรน่าโมโห เอาแต่ตีมึนไม่ยอมรับ ไม่ปฏิเสธ ไม่อธิบาย ไม่หือ ไม่อือ ไม่เหี้ยอะไรเลยสักอย่าง มันทำหน้าโง่ๆ เหม่อๆ มองมาที่พวกผมแล้วกระพริบตาเชื่องช้า เหมือนคนเป็นโรคเหน็บชาแดกสมอง เออมึงจะเอาตัวรอดไปได้สักกี่ครั้งกูอยากรู้นัก

     

     

    “ตกลงว่ามึงยังคุยกับพี่องุ่นสีชมพูอยู่อีกเหรอวะ เล่ามาดิไอ้ห่า มีลับลมคมในเหลือเกินนะ”

     

    แต่ถึงใครจะแน่สักแค่ไหนก็ไม่มีทางเกินไอ้คิวไปได้อีกแล้ว ทักษะในการสาระแนเรื่องชาวบ้านต้องยกให้นิรันดรครับ วาดรูปนี่งานอดิเรก เสือกนี่งานประจำ ออฟฟิศเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่เคยทำให้เพื่อนผิดหวัง แต่ทำให้เพื่อนระวังตัว

     

     

    ไอ้น้องแมทก็น่าจะได้วิชามาจากไอ้คิวนี่แหละผมว่า เดี๋ยววันไหนว่างๆต้องลากไอ้แมทมาสอบปากคำ มันน่าจะรู้อะไรดีๆเยอะ ไอ้แมทเลี้ยงไม่ยากครับแค่มีเงิน เพราะเงินซื้อมันได้ มันบอกว่าชีวิตอยู่ได้ด้วยปัจจัยหนึ่งซึ่งคือเงิน และผมเดาว่าไอ้ปันคงจ่ายจตุปัจจัยอุดปากไอ้แมทเยอะอยู่

     

     

    “นั่นสิ สถูปว่าเฮียปัน…..

     

    “สรุปครับน้องเต้ยครับ สถูปนั่นเอาไว้ใส่กระดูกแฟนมึง”

     

    “อ้าวเหรอ ฮ่าฮ่า เฮียแทนก็อย่ารีบแช่งดิ เต้ยแค่รีบพูด ลิ้นเลยสับรางไม่ทันเฉยๆ แล้วทำไมต้องว่าพี่คิวด้วย ทำไมต้องเอากระดูกพี่คิวไปใส่ในสถูปล่ะ เต้ยเข้าใจว่าเอาไปโรยในคลองแสนแสบก็น่าจะหรูแล้ว นี่ก็ไม่รู้ว่าพี่คิวจะตายโหงตายห่าเมื่อไร เต้ยก็เตรียมใจไว้ตลอดเลยนะเฮีย ทุกวันนี้เต้ยทนอยู่ด้วยก็เพราะสงสาร”

     

     

    “อื้อหือ ตึ๊บเลย กูตึ๊บเลย นี่มึงออกรับแทนหรือสาปส่งกูกันแน่เต้ย ทำไมกูรู้สึกเหมือนถูกแช่ง และถ้าจะใช้คำว่าทนอยู่ มึงก็ไปเถอะเต้ย ไปจากกูเสีย ไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่ากูซะนะ” เป็นการตัดพ้อที่น่าเวทนามากคิว ฮ่าฮ่า ไอ้เต้ยว่ายกบตรงดิ่งเข้ามาเกาฝ่าตีนแฟนมัน พยายามจะดึงลงไปเล่นด้วย แต่ไอ้คิวแม่งเลว มันลุกขึ้นนั่งแล้วจับหัวไอ้เต้ยกดลงน้ำ

     

    น้องมันดิ้นจนจะขาดอากาศหายใจ เชี่ยคิวก็ยังไม่ยอมปล่อย ไอ้เชนกับไอ้เบียร์ต้องช่วยกันดึง มันถึงหยุด เอ่อ….คือ นี่พวกมึงแค่หยอกกันเล่นๆหรือกะเอาให้ตายวะ พอไอ้เต้ยโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ มันก็หัวเราะแล้วว่ายมาเกาะขอบสระตรงที่ผมกับภูมินั่งอยู่ มันยิ้มแฉ่งจับขาภูมิแล้วพยายามจะดึงลงไปอีกคน ไอ้หล่อนี่ดันมือไวกอดผมซะแน่น มึงรักกูมากไหม คือจะเอากูลงไปด้วยว่างั้น ถ้าผมคว้าราวบันไดไม่ทันนี่ดิ่งยกคู่แล้วครับ

     

     

    “ลิ้นหรือสันดานไอ้เชนวะมีสับรางด้วย”

     

    “อย่าพาดพิงสิคะข้าวฟ่าง เชนออกจะเป็นสุภาพบุรุษ”

     

    “คนที่โทรเรียกผู้หญิงมาหาแล้วให้ซื้อถุงยางมาด้วย ไม่น่าเรียกตัวเองว่าสุภาพบุรุษนะ”

     

    ฟ่างถีบไอ้คนที่อมยิ้มกรุ่มกริ่มทันทีที่ไอ้เชนหย่อนตัวลงนอนบนเก้าอี้ตัวข้างๆ สำหรับไอ้หมอฟันดะ แม้นไม่มีปัจจัยสี่มิเป็นไร ขอแค่มีถุงยางอนามัยอยู่ในกระเป๋าก็พอแล้ว

     

     

    “เออแม่งกล้าเรียกตัวเองว่าสุภาพบุรุษ กูถามจริงนะเชน มึงต้องทำทะเบียนราษฎร์ไหม แบบเวลาชื่อซ้ำ หน้าคล้ายนี่มึงทำยังไง ฝังบาร์โค้ดไหมเพื่อน ใช้เลเซอร์ยิงติ๊ดๆกันสับสน” นั่นผู้หญิงหรือข้าวกล่องเซเว่นวะคิว ไอ้เชนขำถูกใจไปตามเรื่องตามราว “เพลาๆลงบ้างเหอะ เหลือสเปิร์มไว้ให้เมียตัวจริงในอนาคตมึงบ้าง ไม่ใช่พอถึงเวลาน้ำยาเสือกหมด ไม่มีปัญญาผลิตลูกเดี๋ยวจะซวย” ไอ้หมอฟันถึงกับยกมือไหว้ท่วมหัวเมื่อได้รับการอบรมจากไอ้คิว มันไปเอาความมั่นใจจากไหนถึงกล้าสั่งสอนไอ้เชนในเมื่อมันก็เคยทำแบบเดียวกัน

     

    “น้ำยาหมดก็คงดีกว่าไม่มีโอกาสใช้ แล้วปล่อยให้น้ำยามันบูด แบบนั้นคงน่าเศร้ากว่า มึงว่าไหมคิว”

     

     

    กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

     

     

    ยกนี้น่าจะเป็นไอ้เชนที่ชนะน็อค พวกผมทั้งโห่ทั้งขำกันลั่น ไอ้ฟ่างถึงกับปรบมือให้ แต่ไอ้คิวอาจจะหน้าชาไปแล้ว มันคว้าขวดน้ำเขวี้ยงใส่ไอ้เชน ใครก็ได้ช่วยบอกไอ้เต้ยเลิกเล่นระบำชาวเกาะกับไอ้มิคไอ้ปัน แล้วขึ้นมาช่วยชีวิตพี่ดินสอของมันที โอยยยยยยยย กูสะใจจจจจจจจ โอยยยยยยยยยย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ………………………………..

     

     

     

     

     

    ขณะนี้ทุกคนลงเล่นน้ำกันหมด ยกเว้นผมกับไอ้ฟ่าง หนุ่มสถาปัตย์นอนหลับตาเอาเสื้อบอลไอ้แทนคลุมหน้าอย่างไม่สนใจใคร ส่วนผมจับไม้สั้นไม้ยาวแพ้(ค่อนข้างแน่ใจว่าไอ้แทนกับไอ้คิวรวมหัวกันหักหลัง)เลยกลายเป็นตัวเศษที่ต้องจับเวลาให้พวกมัน

     

    เมื่อไอ้พวกนั้นแบ่งทีมกันแข่งว่ายน้ำผลัดผสม ซึ่งน่าจะเป็นผสมเทียมเพราะดูจากการแบ่งทีมนี่แม่งโคตรแฟร์ เอานักกีฬาไปอยู่ด้วยกันทั้งไอ้เชนไอ้ภูมิไอ้แทน อีกทีมคือไอ้แมทไอ้เบียร์ไอ้เต้ย ส่วนดรีมทีมนี่เลยครับไอ้คิวไอ้มิคไอ้ปัน

     

     

    เป็นการแข่งว่ายน้ำผลัดชายแบบฟรีสไตล์ ฟรีจริงๆเพราะไอ้คิวแม่งวิ่งด้วย มันโกงทุกอย่างเท่าที่จะโกงได้ สั่งลูกทีมทำลายทุกกฎกติกาเมื่อโอกาสเอื้ออำนวย ทีมอื่นเขาว่ายกันตามแนวยาวของสระ แต่ไอ้มิคฮิปสเตอร์กว่าแม่งว่ายตัดหน้าผ่าไปแนวขวาง ไอ้ปันทั้งว่ายทั้งโผล่มาร้องกาพย์เห่เรือ เพราะไอ้คิวบอกว่าไม่ชอบสไตล์การว่ายเร็วๆ ชอบแบบสโลว์ไลฟ์ ทีมของภูมิเข้าเส้นชัยไปครึ่งชั่วโมง พวกไอ้มิคยังลอยอืดอยู่กลางสระ เพื่อที่จะทำภาพช้าให้ป้าแม่บ้านดู พวกผมทั้งหัวเราะทั้งรู้สึกอายในเวลาเดียวกัน

     

     

    และระหว่างที่นั่งพักกินน้ำ ไอ้ปันเกยคางกับขอบสระ แล้วถามขึ้นมากลางปล้องว่า “ถ้าเรียนจบ พวกมึงอยากทำอะไรวะ กูกำลังคิดว่าจะเปิดสถาบันติว” เหยดดดดดด มึงจะติวอะไร ติวให้ใคร

     

     

    “เปิดเมื่อไรพี่ปันรีบบอกผมเลยนะ ผมจะได้ไม่ส่งลูกไปเรียน” น่าสงสารกว่าลูกศิษย์ไอ้ปันก็น่าจะเป็นคนที่เกิดมาเป็นลูกมึงนี่แหละแมท

     

    “ขับวินมอไซต์ ขับรถเมล์ ส่งน้ำแข็ง เก็บเงาะ เลี้ยงอึ่งอ่าง รับซื้อของเก่า รับจ้างกำจัดปลวก  แล้วนี่ก็จะเป็นติวเตอร์อีก”

     

    เหลืออย่างเดียวที่ไอ้ปันยังไม่เคยทำคือขายไต

     

     

    ไอ้เบียร์ทวนอาชีพที่ไอ้ปันมันเคยทำมา ครอบครัวมันให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี เลี้ยงลูกแบบฝรั่ง อยากให้ลูกได้ประสบการณ์ชีวิต เลยปล่อยให้ทำงานพาร์ทไทม์ แต่ดูงานแต่ละอย่างสิครับ คิดดูว่าเพื่อนกูแม่งไปรับจ้างฆ่าปลวก ลูกชายอดีตรัฐมนตรีไปฆ่าปลวก หรรษาและสรรหามากบ้านมัน

     

     

    “มึงคิดจะสอนวิชาอะไรวะปัน” ภูมิถาม

     

    “ภาษาไทย”

     

    พรวดดดดดด

     

    ภูมิกับไอ้แทนถึงกับสำลักน้ำอัดลม ไอ้ฟ่างแค่นหัวเราะก่อนจะหลับตาลงพร้อมๆกับปล่อยควันสีขาวไปบนอากาศ ริมฝีปากยังมีรอยยิ้มจางๆ หวังว่าความเครียดของมันจะถูกไอ้ปันย่อยสลายจนค่อยๆหายไปแบบควันสีเทาๆนั้นนะ ^^

     

     

    “ครูลิลลี่อาจจะต้องเตรียมหาอาชีพเสริม เพราะติวเตอร์พี่ปันค่อนข้างมั่นใจในประสิทธิภาพและศักยภาพของตัวเองว่าจะสามารถขึ้นมาเป็นติวเตอร์แถวหน้า เด็กที่เรียนกับติวเตอร์พี่ปันจะต้องสอบได้คะแนนเป็นที่หนึ่งของประเทศ เพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับประถมศึกษา”

     

    “เดี๋ยว สรุปคือ……. จะสอนเด็กอนุบาล?

     

    “เยสสึ”

     

    “ไอ้เวร แล้วพูดซะอย่างกับจะติวเข้าอ๊อกฟอร์ด”

     

    “คิว อ๊อกฟอร์ดไม่น่าจะต้องใช้คะแนนวิชาภาษาไทยมั้ง” ไอ้คิวอมยิ้ม เอามือทาบอกแล้วก้มหัวขออภัยไอ้ราชนิกุลคุณชาย

     

    “มึงพูดจริงพูดเล่นเนี่ยปัน” ผมถามด้วยความเป็นห่วงเยาวชนไทยถ้าหากว่าไอ้ปันมันคิดจะเป็นครูขึ้นมาจริงๆ สยามประเทศเห็นทีคงสิ้นแผ่นดินก็คราวนี้เป็นแน่แท้

     

    “มึงเห็นกูเป็นคนยังไงพีม มึงก็น่าจะรู้ว่าคนอย่างกู” มันเอากำปั้นขวาทุบลงที่อกซ้ายสองที “พูดจริงทำเล่นเสมอ คึ”

     

    “ดีแล้ว อย่าทำเลยเชื่อกู สงสารอนาคตของชาติ ปล่อยหน้าที่ครูให้เป็นเรื่องของคนที่เขาปกติๆเถอะ”

     

    “พูดเรื่องอนาคตของชาติแล้วกูก็เกิดลูกนิมิตขึ้นมาได้ว่ะแทน” คำว่าลูกนิมิตทำภูมิสำลักอีกรอบ ต้องลำบากผมคอยทุบหลังให้ อย่าเพิ่งตายนะภูมิ อย่าเพิ่งตาย อยู่ดูความหฤหรรษ์ของไอ้ปันก่อน

     

     

    “พวกเรามาเตรียมตัวให้พร้อมสู่เอบีซีกันเถอะ มาๆติวเตอร์พี่ปันจะติวให้ เนี่ยจบไปจะได้ไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ” แค่เออีซีมันยังเรียกไม่ถูก นี่เรียนด้านการเมืองจริงไหมเนี่ย แล้วคิดว่าใครจะเรียนกับมันครับนอกจากดูโอ้ของมัน

     

    ไอ้มิคยกมือขึ้นแตะหน้าผาก หน้าอก เหมือนเวลาเขาเคารพพระเจ้า มันทำหน้าเครียดๆหลับตาสูดลมหายใจ และยื่นมือขึ้นมาเช็คแฮนด์กับพวกผม เฮ้ยยยยยยยยยย มึง มันดูยิ่งใหญ่ไปปะวะ ในขณะที่ไอ้       เต้ยแบกห่วงยางคิตตี้ไว้บนไหล่ ติ๊ต่างว่าเป็นกล้องเตรียมบันทึกภาพประวัติศาสตร์ของลูกพี่มันทั้งสองคน เออมันทำงานกันเป็นทีมดีว่ะ

     

     

    “อาหารที่ขึ้นชื่อของกัมพูชาคือ….

     

    “ข้าวหน้าปลาไหล” ไหลพ่องงงงง กัมพูชานะมึง เชี่ยมิค

     

    “ไปสิงคโปร์ต้องกิน?

     

    “ไส้อั่ว” ไม่ต้องไปไกลถึงสิงคโปร์ก็ได้มึง เชียงใหม่บ้านกูก็มี

     

    “ผู้นำเวียดนามคนปัจจุบัน”

     

    “พลเอก….ประ……” หื้อออออออ พวกผมนี่กลั้นหายใจกันหน้าเขียวเลยครับ ไม่นะมิค กูยังไม่ได้บวชทดแทนคุณบิดามารดา กูยังไม่อยากจากโลกใบนี้ไป “พลเอกประเทือง”

     

    เขาคือใคร

     

    “ชุดประจำชาติอินโดนีเซียคือ

     

    “ชุดหนัง” คนอินโดฯนี่เขาให้ความสำคัญกับแฟชั่นดีเนอะ

     

    “เที่ยวพม่าอย่าลืมแวะ?

     

    “ออนเซน” เสียงไอ้คิวพึมพำว่ามึงคงเจอแค่อองซาน ซูจี

     

    “บ๊ะ ถูกทุกข้อเลย เพื่อนมิคนี่ฉลาดที่สุด”

     

    “ของที่สุด” ไอ้มิคทำเครื่องหมายถูกอยู่กลางอากาศเป็นรางวัลให้ตัวเอง แล้วเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากก่อนจะชูขึ้นบนฟ้าเหมือนเวลานักฟุตบอลทำประตูได้ ไอ้แทนนี่ลงไปนอนชักขำจนน้ำตาไหล

     

     

    “ถ้าไม่มีมึงนะมิค ไอคิวระดับสี่ร้อยกว่าอย่างกูก็ไม่รู้จะไปคุยกับใคร ไอ้พวกนี้ก็สติปัญญาต่ำ ไม่ค่อยรู้เรื่อง ส่วนใครที่คุยกับกูรู้เรื่องก็จะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องงงงง ฮ่าฮ่าฮ่า” นี่มันไม่ธรรมดาแล้ว ไอคิวสี่ร้อยกว่าพ่อมึงชื่อไอสไตล์เหรอ แล้วพวกมันสองคนก็โผเข้ากอดกัน ตบหลังกันปุๆ หัวเราะคิกๆคักๆ

     

     

    มันไปแล้ววววววววววมึ้งงงงงงงงงงงงงงงงง

     

     

    “ไอ้ห่า ฮ่าฮ่า กูโคตรอยากรู้เลยว่าผู้หญิงแบบไหนถึงจะอยู่กับพวกมึงได้ มึงรีบมีแฟนกันสักทีสิ กูรอดูหน้าเพื่อนสะใภ้อยู่นะ ไอ้มิคนี่ยังมีมาบ้าง แต่มึงอ่ะปัน ตั้งแต่เลิกกับน้องของขวัญดาวเภสัชคนนั้นมึงไม่คิดจะคบใครอีกเหรอวะ ถึงจะไม่น่าเชื่อและดูเป็นไปไม่ได้แต่กูรู้ว่ามีคนชอบมึงเยอะ ทำไมไม่คบใครสักทีล่ะ”

     

    “หึ คนเราน่ะนะเชน” ไอ้ปันมันดำน้ำ ก่อนจะค่อยๆโผล่ขึ้นมาเสยผมอย่างช้าๆ พร้อมสะบัดอีกสองสามที มันหันข้าง เอียงคอนิดๆ แสยะยิ้มหน่อยๆ และหรี่ตามองมาที่พวกผม

     

    ไอ้เหี้ยยยยยยยย มึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร มึงไม่ใช่มาริโอ้ไอ้สัส

     

     

    “เมื่อเกิดมามีใบหน้าที่สามารถเลือกคู่ได้ ก็ต้องใช้สิทธิ์นั้นให้เต็มที่ ดังเช่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะบุคคล มาตราสามสิบ วรรคแปด ว่าด้วยเรื่องการครองตัวเป็นโสด เนื่องด้วยรูปลักษณ์ที่ก่อให้เกิดความริษยาแก่เพศเดียวกัน และสร้างความคลั่งไคล้ไหวหวั่นให้แก่เพศตรงข้าม บ้าจริง นี่มันกูชัดๆ”

     

     

    …………………

     

     

    “บรรลัยไหมล่ะมึง วรรคแปดนี่เหมือนมรรคแปดไหมไอ้เวร กูจะได้ละกิเลศแล้วย้อนเวลาเพื่อให้มึงลืมๆไปซะว่าพวกกูเคยถาม” ไอ้ฟ่างหัวเราะจนต้องลุกขึ้นมาตบหลังไอ้คิวเป็นการให้กำลังใจ ไอ้เต้ยเสือกโชว์โง่ด้วยการถามไอ้เบียร์ว่าประมวลกฎหมายข้อนี้มีจริงไหม คุณราชนิกุลบอกว่าตั้งแต่เรียนนิติฯมาก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก และมันยังอธิบายอีกว่า

     

    “จริงๆแล้ว กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะสอง, บุคคล ,หมวดหนึ่ง, บุคคลธรรมดา, ส่วนที่สอง, ความสามารถ, มาตราสามสิบ ว่าด้วยการใดๆอันบุคคลวิกลจริตซึ่งศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถได้กระทำลง การนั้นจะถือเป็นโมฆียะต่อเมื่อได้กระทำในขณะที่บุคคลนั้นจริตวิกลอยู่ และคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งได้รู้แล้วด้วยว่าผู้กระทำเป็นคนวิกลจริต”

     

     

    กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไอ้เหี้ยยยยยยยยย

     

     

    มันเหมาะกับมึงมากปัน เอาเป็นว่าพวกกูจะไม่ถือสา การกระทำของมึงจะนับเป็นโมฆียะ เพราะมึงกระทำไปในขณะที่จริตวิกล

     

     

    “เฟร้ดดดดดเฟร่ กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมึงถึงขึ้นแท่นเหรียญทองเกียรตินิยม ท่านชายมึงต้มประมวลกฎหมายอาบซึมเข้าทางผิวหนังใช่ไหม” ผมลุกขึ้นยืนปรบมือให้เพื่อนเลยครับ ไม่เคยภูมิใจอะไรเท่าการได้เป็นเพื่อนมัน ไอ้เบียร์หัวเราะเขินๆเมื่อทุกคนชูนิ้วโป้งให้  ไอ้เต้ยถึงกับเข้ามาดมฟุดฟิดตามตัว

     

     

    “พี่เบียร์นี่ก็ประเสริฐเกินเนาะพี่เนาะ ส่วนคนที่วิกลจริตนี่ก็สติเกินเอาเกินเอา เอาดีๆดิพี่ปัน พวกผมอยากรู้จริงๆนะเนี่ยว่าทำไมพี่ไม่มีแฟนสักที ผมซีเรียสนะ อยากรู้ว่าจะใช่อย่างที่คิดไหม” ทำได้ดีแมททำได้ดี

     

    “เมื่อพวกมึงและมึงและมึงทั้งหลายมีความประสงค์ที่จะรู้ กูก็จะแจ้งให้ทราบว่าที่กูยังไม่มีใคร เพราะกูรอคนคนนั้นอยู่” ไอ้คิวถึงกับกรี๊ด กูล่ะเกลียดเสียงกรี๊ดเชี่ยนี่จริงๆ พวกผมถึงกับไปไม่เป็นเลย อย่าบอกนะว่าไอ้ปันกับพี่องุ่น ….. “กูรอคนที่พร้อมจะรักในสิ่งที่กูเป็น ไม่ใช่รักกูที่หน้าตา”

     

    ฟายยยยยยยยยยย เย่อออออออออออ ไอ้ปันมึงหลุดมาจากเรื่องไหน บทประพันธ์ของใคร ออกอากาศช่องสามหรือช่องเจ็ด

     

    “นี่มึงแดกเหรียญกล้าหาญเมเดล ออฟ ฮอนเนอร์ มาเหรอปัน ทำไมกล้าพูด ถ้าหน้ามึงหล่อแบบไอ้ภูมินะ กูจะไม่ว่าเลยสักคำ”

     

    ไอ้คิวถามด้วยใบหน้าที่งงสุดชีวิต เมื่อสิ่งที่คิดไม่เป็นดั่งใจ ไอ้ฟ่างไอ้เชนหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงหลังจากฟังเหตุผลของไอ้ปัน แต่ไอ้แทนนอนกุมท้องใกล้จะตายแล้ว เชี่ยนี่เส้นตื้นฉิบหาย

     

    “มึงอย่าเอาไอ้ภูมิมาเป็นมาตรฐานความหล่อ หน้าอย่างนั้นแถวบ้านกูเขาไม่เรียกว่าหล่อ เขาเรียกว่าแค่พอดูได้ มันไม่สากล องค์ประกอบศิลป์มันไม่สมดุล ไม่บาลานซ์สึ หน้าโหลๆแบบมันเดินไปที่ไหนก็เจอ ต้องหน้ากูนี่ถึงจะเรียกว่าหล่อ หล่อแบบสหประชาชาติ  หล่อระดับภัตตาคาร หล่อโอลิมปิก หล่อจนเขาพระสุเมรุทรุด หล่อสะเทินน้ำสะเทินบก หล่อท่อประปาแตก หล่อยันขนจมูก หล่อเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่หล่อเป็นระลอกอย่างไอ้ภูมิ”

     

     

    ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย หล่อเป็นระลอก

     

    5555555555555555555555555555555555555555555555555555

     

     

    “โอยยยย ฮ่าฮ่า กูคาดว่ามันน่าจะแดกเหรียญทองมวยโอลิมปิกเข้าไปด้วย เพราะมันแข็งแกร่งมาก” ไอ้แทนเองยังไม่คิดว่าเพื่อนจะอาการทรุดเร็วขนาดนี้

     

    “แม่งหล่อยังไงวะ หล่อแบบสหประชาชาติ” ฟ่างส่ายหัวและทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง  ส่วนภูมิที่ถูกไอ้ปันเอาไปพาดพิงก็แค่นั่งเท้าคางยิ้มขำๆ ไม่รู้ว่ามันเป็นคนเส้นลึกหรือไม่มีเส้น ภูมิไม่คิดเรียกร้องเอาความยุติธรรมจากการถูกกล่าวหา ถ้ามันหน้าโหลแล้วหน้าอย่างผมนี่ควรไปปรึกษานิติพลหรือวุฒิศักดิ์ดีครับ

     

     

    “กูนับวันรอที่ยูเนสโกจะขึ้นทะเบียนไอ้ปันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ชิ้นใหม่ของโลก” กูก็รอวันนั้นเหมือนกันเบียร์

     

     

     

     

    “พี่คิววววววววววววววว” พอไอ้ปันสงบลง ไอ้เต้ยก็ขึ้น ความบ้าสลับเวลากันมา “พี่คริวววววว เพ่เควววว”

     

    “เอ้ออออ อะไรอีกกกก สามนาทีเรียกกูสี่ร้อยครั้ง ลงกินเนสบุ๊คไหมเต้ย”

     

    “ก็คิดถึง เรียกไม่ได้หรอวะ” ระหว่างที่พวกผมนั่งฟังไอ้ปันมันแจกแจงความหล่อแตะขอบจักรวาล หล่อทางช้างเผือก ไอ้เต้ยก็เอาแต่เรียกพี่คิวๆ เรียกแทบจะตลอดเวลา ไม่มีอะไรมันก็เรียก เหมือนใส่ถ่านตั้งโปรแกรมไว้ ไอ้แทนยังบอกเลยว่าอยากเขียนโปรแกรมให้ไอ้เต้ยพูดคำว่าพี่คิวไม่ได้ ห่ามันไม่ใช่หุ่นยนต์

     

    “ขึ้นวะกับกูเหรอ มีไอ้เชนไอ้แทนหนุนหลังมึงคิดว่ากูไม่กล้าเล่นมึงใช่ไหม จะคิดถึงห่าอะไรล่ะกูก็นั่งอยู่นี่”

     

     

    “ทำไมล่ะ คนเราต้องรอให้ห่างกันก่อนเหรอถึงจะคิดถึงกันได้ ต่อให้พี่คิวนอนทับเต้ยอยู่ ถ้าเต้ยจะคิดถึงก็คือคิดถึง”

     

    “เหยดดดดดดดด” ผมส่งสายตากวนตีนให้ไอ้คิว “ที่กูอยากรู้คือทำไมต้องนอนทับ แล้วทับบ่อยไหม ทับยังไงเต้ย แชร์หน่อยๆ เฮียอยากรู้ว่ะ”

     

    “พ่อมึงเป็นทีมข่าวรายการเรื่องเล่าเช้านี้เหรอ มึงต้องรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในแผ่นดินไทยให้ได้เลยใช่ไหมแคระ แม่งสาระแนดีนัก” การโดนคนอย่างไอ้คิวด่าว่าสาระแนนี่เหมือนถูกรุมกระทืบอยู่กลางอนุสาวรีย์

     

    ด่าเสร็จไอ้โจรป่าซาไกก็เดินโตงเตงไปหาเด็กมัน ไอ้เด็กตี๋ยิ้มร่ากวักมือยิกๆให้ไอ้คิวลงไปเล่นน้ำเป็นเพื่อน แม่งตัวจะเปื่อยแล้วยังไม่ขึ้นจากน้ำอีก แต่พอไอ้คิวลงไปปุ๊บไอ้เต้ยก็ขึ้นจากสระปั๊บ แล้วแม่งก็เดินดุ่มๆไป ไม่สนใจสายตาสับสนและสงสัยของพวกผมเลยเว้ย ใครเรียกก็ไม่หัน ใครถามก็ไม่ตอบ ไอ้คิวยืนเงิบแดกอยู่กลางสระ

     

    “อ่าว เต้ย ไอ้เต้ย! เรียกกูมาหาแล้วมึงจะไปไหนอีกวะเนี่ยย เต้ยย!! มึงจะไปไหนนนน”

     

    “ไปตามทางของเต้ย”

     

    ???????????????

     

    หน้าของทุกคนตอนนี้ครับ

     

    …………?……..

     

     

    พระเจ้า บันเทิงอีกแล้วสติน้องกู

     

     

    “เอ้ออออ ไป! งั้นก็ไปเลย ไปดีมาดีนะมึง โอยยยยย มีใครจะรับเซ๊งไอ้เต้ยต่อจากกูไหม กูปล่อยราคาทุนเลยแม่งเอ๊ย”

     

     

    ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า โชคดีนะคิวนะ ขาดทุนยับเลยนะชีวิตมึง

     

     

     

    จากนั้นพวกมันก็แห่ลงไปเล่นโปโลน้ำ แต่ผมไม่เป็นกรรมการให้แล้วเพราะภูมิบอกว่าไม่ให้ตากแดด เหนื่อยกับมันจริงๆครับ แต่ก็ไม่อยากขัด ขี้เกียจง้อ ไม่ให้เล่นกูก็ไม่เล่น ชีวิตก็ยากแบบนี้แหละครับ

     

    “ไม่ลงไปเล่นน้ำล่ะ มานั่งยิ้มขาดยาอะไรตรงนี้ น้องกูอุตส่าห์พาออกจากกรงทอง”

     

    “นั่งให้หมาถามน่ะ ไม่มีอะไรหรอกมึงอย่าสนใจเลย”

     

    “ปากดี เดี๋ยวกูจับขยี้ให้แม่งช้ำทั้งตัว”

     

    “มึงนี่ก็จะเอาไอ้พีมทำเมียให้ได้เลยใช่ไหมข้าวฟ่าง เห็นมันตัวเล็กแบบนั้นแต่หมัดมันหนักนะ ปล่อยมันไปเหอะ ไม่สงสารเพื่อนกูก็สงสารกูบ้าง ได้ยินบ่อยๆแล้วมันเฟร้งฟร้าง” ไอ้แทนนอนพะงาบๆหมดแรงอยู่แทบเท้าฟ่าง มันเพิ่งถูกพวกไอ้เบียร์ไล่ออกจากเกมส์ เพราะทำแต้มได้ทีไรก็ตะโกนบอกรักเมีย ซึ่งเป็นที่น่าละเหี่ยใจมาก

     

    “เออ พูดบ่อยจนกูเริ่มคิดแล้วเนี่ย ถ้ากูยอมนอนกับมึงคืนนึง มึงจะเลิกลวนลามกูทางคำพูดไหมวะฟ่าง”

     

    “อันนี้ก็ต้องดูที่ลีลาและความสามารถ”

     

    “งั้นๆแหละ” หืมมมมมม ไอ้แทนชิงตอบ ผมนี่รีบหันหน้าไปมองเลยครับ คือมึงรู้ได้ไงว่าความสามารถกูอยู่ขั้นไหน เราสองคนไม่เคยไปไกลกว่าตบหัวและกำตดอุดจมูกกันและกันนะแทน

     

    “กูอ่ะนะ” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

     

    “เปล่า กูหมายถึงฟ่างอ่ะ ลีลางั้นๆแหละ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เฮ้ย!!

     

    “ไอ้ควาย!!!!

     

    ตู้มมมมมมมมมมม

     

    ตีนครับ ฝ่าตีนจริง ไม่ใช้สลิง ไม่มีสแตนอิน ตีนเนื้อๆเน้นๆที่ถีบเพื่อนผมตีลังกาตกน้ำไปอย่างละมุน คอมึงหักรึยังแทน สภาพไอ้แทนที่ค่อยๆปีนขึ้นมาจากสระอย่างทุลักทุเลนี่ดูไม่จืดจริงๆ

     

    “หึหึ มึงไปฝึกวิชามาก่อนนะฟ่างนะ กูไม่ชอบสอนงานใครว่ะ เพราะดูเหมือนว่าเรามันคนละชั้นกัน” ผมได้โอกาสก็รีบทับถมอย่างไม่รีรอ การอยู่เหนือไอ้ฟ่างสักครั้งคือความฝันสูงสุดของผมเลยครับ

     

    “ปากดีนักนะมึง มาลองงานกับกูหน่อยเป็นไง!!!” มันกระชากคอเสื้อผมเข้าไปหาด้วยความไวที่น่าตกใจ นี่นิสิตสถาปัตย์หรือนักกายกรรมเปียงยาง ไอ้ห่า อย่างไว กูตกใจตั้งแต่มึงถีบไอ้แทนแล้ว เชี่ย อีกนิดเดียวจมูกมันจะเฉียดแก้มผมแล้ว กูก็ดิ้นสิครับแต่ดิ้นไปเถอะ เชี่ยนี่แรงโคตรเยอะ

     

    “ทำอะไรกัน”

     

     

     

    นี่!!! นิยายไทยมันต้องแบบเน้!!! พระเอกต้องโผล่มาตอนแบบนี้นี่แหละมันถึงจะน้ำเน่า แล้วก็จะเข้าใจผิดแบบโง่ๆ นางเอกอธิบายแทบตายร้องไห้จนน้ำตาไหลมารวมกันยิ่งกว่าพระแม่ธรณีบีบมวยผม พระเอกก็ไม่ฟัง แต่เสือกเชื่อตัวร้าย คนผิดคือใคร คือนางเอกที่ต้องกลับไปเรียนวิชาการพูดเพื่อโน้มน้าวใจ ไม่ใช่ล่ะ นางเอกไม่ผิด กูเนี่ยผิด ฮ่าฮ่า

     

     

    “มึงทำอะไรมันฟ่าง” คนถูกถามยักไหล่และผลักผมออก แรงกว่านี้อีกนิดกูตกน้ำตามไอ้แทนไปแน่ๆ ผมเหลือบมองเพื่อนที่นอนคว่ำแน่นิ่งหายใจรวยรินเคล้ากลิ่นกองฟางอยู่ริมสระ มึงยังไม่ตายใช่ไหมแทน อวัยวะภายในมึงยังอยู่ดีมีสุขใช่ไหมเพื่อน ปอดกับถุงน้ำดีมึงสลับที่กันหรือยัง แรงถีบก็ไม่ใช่เบาๆกูนึกว่าเชี่ยฟ่างมีกำลังภายใน เหลือแค่เหาะได้กับมีวิชาตัวเบานี่แหละ

     

    “กูถาม….ว่าเมื่อกี้มึงจะทำอะไรแฟนกู” ภูมิพูดช้าๆชัดๆทีละคำแบบชวนขนหัวลุก

     

     

    “หึ ไม่คิดว่ากูจะเป็นคนถูกกระทำบ้างเหรอ ไม่คิดว่าไอ้พีมมันทำร้ายกูรึไง กูเป็นพี่มึง มึงต้องเข้าข้างกูไม่ใช่เหรอ”

     

    ผมถลึงตาแหงนหน้ามองไอ้ฟ่างแบบ โหหหหห มึง จากการกระทำเมื่อกี้ต่อให้ถามหมามันยังรู้เลยว่ามึงคุกคามกูอ่ะ หรือต้องให้กูทำแผนประกอบคำรับสารภาพให้ดูไหม แต่แบบมึงสองคนไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ คือว่า ขำๆเนาะมึงเนาะ แฮะๆ ผมนั่งเอาขาเกาะเกี่ยวกอดขาภูมิไว้

     

    ไอ้แทนพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้าย เพื่อจะอธิบายเรื่องราวให้ภูมิฟัง ปากมันขยับแต่ไม่มีเสียงออกมา แม่งจะกัดนิ้วเอาเลือดมาเขียนพื้น ไอ้เหี้ย ฮ่าฮ่า จะปกป้องเมียจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตเลยใช่ไหม เขาทำกับมึงขนาดนี้แล้วนะ

     

    “ว่าไง หื้ม มึงต้องเข้าข้างกูใช่ไหมข้าวปั้น เพราะพวกเราสายเลือดเดียวกัน”

     

     

    ……………….” ภูมิยืนจ้องหน้าพี่ชายเขม็ง ไอ้ฟ่างก็จ้องกลับอย่างไม่ลดละ มันลุกขึ้นยืน เหยียดยิ้มเย็นๆ ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าภูมิ

     

    “ทำไมไม่ตอบ หรือเพราะว่าเลือด….มันไม่ข้นเท่าน้ำวะ”

     

    อาร์ ไอ พี

     

    RIPกูเลย

     

     

     

     

     

     

    ……………………..

     

    70%

     

     

    เป็นการลงนิยายที่กวนทีนมากค่ะ เป็นอะไรที่น่าตบมากค่ะ ฮ่าฮ่า แทนที่จะเอาไปลงตอนก่อนหน้าให้ครบร้อย ไม่ค่ะ นางเปิดตอนใหม่ เพราะของที่มีมันยาวจริงๆ ฉะนั้นเท่ากับว่าจะไปลงตอนเก่าอีก 50% และตอนใหม่อีก 30% ขุ่นพระสวยกว่าพี่ก็พิมฐาแล้วน้อง

    แล้วทำไมต้องลงแค่นี้ทั้งที่ก็มีของเต็มร้อยเปอร์ แหมมม มันยังไม่ได้ขัดได้เกลาเนาะ เอาไปแค่นี้แหละค่ะ ไรท์เตอร์สวยๆเขาชอบทำกัน พิมเถื่อน(เพื่อนพิมฐา)ขอเวลาไปเติมแป้ง(สาลี) ให้หน้านวลๆผ่องๆแล้วจะมาอัพอีกนะแจ๊ะ

    PS เธออออออออออออ เขาไม่แบนพวกเราจริงๆด้วย 555555555555555555555555555555555555555555 ชอบเถื่อนๆแบบนี้ก็ไม่บอก

    PSS นิยายอะไร หาสาระไม่ได้ คนที่อ่านก็มีแต่คนไร้สาระ ดีนะที่คนแต่งสวย

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×