อุปกรณ์ประกอบฉาก(ในบ่ายวันนั้น)
อุปกรณ์ประกอบฉาก(ในบ่ายวันนั้น)
ผู้เข้าชมรวม
290
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
อุปกรณ์ประกอบฉาก(ในบ่ายวันนั้น)
บ่ายวันนั้น-ฉันรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก
ในวันหยุดหรือวันที่ฉันมีเวลาว่างกิจกรรมที่ฉันมักจะทำอยู่เป็นประจำ ก็คือการเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้า หาซื้อข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าแบรน์เนม (ที่จัดโปรโมชั่นลดราคาให้เลือกซื้ออยู่เป็นประจำ) หรือไม่ก็ไปหาซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับสวนจตุจักร ตลาดนัดเปิดท้าย หรืออาจจะหาหนังดี ๆ ดูสักเรื่องหนึ่ง เพียงเท่านี้ฉันก็รู้สึกพอใจกับชีวิต
แม้การอยู่ตัวคนเดียวเดินคนเดียวจะมีเหงาบ้าเคว้ง ๆ บ้างเมื่อไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนต่อ แต่มันก็ถูกทดแทนให้เจือจางลงจากกิจวัตรที่ฉันเลือกที่จะทำ (ช๊อปปิ้ง) การอยู่คนเดียวมันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกเหงาเลยสักนิด ยังมีอีกหลายอย่างที่ฉันอยากจะทำแล้วยังไม่ได้ทำ (ฉันยังเดินช๊อปปิ้งไม่ทั่วกรุงเทพฯเลยด้วยซ้ำ)
บ่ายวันหนึ่ง-สิ่งที่ฉันเคยทำอยู่เป็นประจำ กลับไม่มีความหมายใด ๆ เลยในวันที่ความหมายของความรู้สึกเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว วันหนึ่งที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งที่ฉันเคยเป็น สิ่งที่ฉันเคยคิดมันดีแล้วเมื่อวันวาน มันกลับเป็นเพียงการหลอกตัวเองไปวัน ๆ
ความรู้สึกที่ฉันต้องการแท้จริง ถูกกดทับ กลบเกลื่อนไปด้วยอุปกรณ์ประกอบที่ฉันคิดว่ามันใช่ มันคือความหมายที่แท้จริงสำหรับฉัน แต่สุดท้ายเสื้อผ้าเครื่องประดับ วิถีชีวิตและการกระทำ หรือสิ่งอื่น ๆ ต่าง ๆ เหล่านั้นมันกลับไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลย มันไม่ได้สามารถทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาเลยสักนิดว่า-แกล้งหลอกตัวเองว่าฉันไม่ได้เหงาอีกต่อไปแล้ว แต่ฉันก็ยังเป็นคนเหงาคนเดิมอยู่ตลอดเวลา
แม้รู้ตัวเองแต่ฉันเลือกที่จะไม่ยอมรับมัน หลอกตัวเองว่าไม่มีอะไร ไม่ได้เหงาอะไรสักกะหน่อย ทั้งที่จริงแล้วความรู้สึกนั้นยังครุกรุ่นอย่าภายในลมหายใจตลอดเวลา แกล้งทำเมินเฉย ไม่รับรู้ไม่สนใจ
ท่ามกลางฝูงชนในบ่ายวันหนึ่ง-บางสิ่งบางอย่างถูกดันออกมาจากส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจ ฉันรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง ฉันอยากแสดงออกทางอาการบางอย่างออกมา อารมณ์ความรู้สึกของความเหงาอ้างว้าง แต่ฉันไม่รู้ว่าหน้าของคนเหงาต้องทำยังไง ต้องเผยออกทางสีหน้าและแววตาอย่างไร เพราะตลอดเวลาฉันมักจะซ่อนมันเอาไว้ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของตัวเอง แต่ขณะนั้นภาพตรงหน้าทำให้ฉันไม่อยากจะซ่อนความรู้สึกอย่างนั้นไว้ในรอยยิ้มอีกต่อไปแล้ว
ฉันกลายเป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก
ฉันคงจะไม่รู้สึกอะไรเลย ถ้าท่ามกลางฝูงชนมีแต่คนที่ฉันไม่รู้จัก ฉันมักจะรู้สึกเฉย ๆ เมื่อเห็นใครก็ตามเดินจูงมือกัน คลอเคลียร์กัน แต่บ่ายวันนั้นความรู้สึกที่เห็นมันแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง แม้ฉันจะมีคำพูดมากมายสะกดไว้ในใจ แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้สักคำ แม้ฉันจะพยายามทำให้เหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวเพียงคนเดียว แต่ใจมันกลับเตลิดไปใกล้กว่าภาพที่เห็นตำตา-ฉันไม่ได้อกหักหรือว่าเสียใจอะไร แต่ทำไมฉันรู้สึกอิจฉาอยากเป็นอย่างนั้นมั่งก็ไม่รู้สิ
บ่ายวันนั้น-ภาพตรงหน้าทำให้ฉันรู้สึกว่า การไปไหนมาไหนแล้วมีใครสักคนยืนอยู่ข้าง ๆ มีมืออุ่น ๆ ไว้คอยเกาะกุมเหมือนกลัวว่าเราจะหายไปไหน มีรอยยิ้มดี ๆ ส่งให้กันทุก ๆ สองนาที มันเป็นเรื่องดี ๆ ที่ฉันอยากให้มันเกิดขึ้นกับฉันบ้างสักครั้งหนึ่ง
แม้รู้สึกแต่ฉันก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เหมือนมีอะไรมาจุกอกไว้ หรืออาจเป็นเพราะช่วงเวลานั้นฉันไม่ได้ต่างอะไรกับอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ไม่สมควรมีอารมณ์และความรู้สึกแบบนั้น ไม่สมควรที่จะเรียกร้องสิ่งเหล่านั้น ฉันทำได้แค่เพียงดำเนินวิถีชีวิตแบบเดิม ๆ ของฉันไป และซ่อนความอยากปนความอิจฉาไว้ในใจ
บ่ายวันนั้น-ฉันเดินตามเหยียบเงาตัวเองขณะที่พระอาทิตย์ส่องอยู่ด้านหลัง เงาหัวรี ๆ ของคนสองคนพาดกับพื้นตามรอยเท้าซ้ายขวาของฉันมาติด ๆ
บ่ายวันนั้น-ฉันคิดผิดที่รับนัดเพื่อนออกไปซื้อของด้วยกัน ฉันคิดไม่ถึงว่าเพื่อนจะพาแฟนมาด้วย ฉันคิดไม่ถึงว่ภาพคนสองคนรักกันจะกัดหัวใจฉันกระจุยกระจาย ฉันคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ฉันเห็นจะทำให้รู้สึกเหงาขนาดนี้ ฉันคิดไม่ถึงว่าการเป็นส่วนเกินมันอะไรที่ทำตัวลำบากจริง ๆ จะกินจะเดิน จะทำอะไรก็แล้วแต่ ฉันต้องแกล้งทำเป็นยิ้ม แกล้งเออออ แกล้งหัวเราะบ้างเป็นบางครั้ง ทั้งที่รู้สึกแปลก ๆ กับตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
ฉันพยายามทำตัวเองเป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก โดยมีเพื่อนฉันกับแฟนเป็นพระเอกกับนางเอก
บ่ายวันนั้น-ฉันพยายามทำตัวเป็นสิ่งของไม่มีชีวิตจิตใจอยู่นานแสนนาน
บ่ายวันนั้น-ฉันเกือบจะทำได้ หากฉันไม่มีชีวิตจิตใจเหมือนอุปกรณ์ประกอบฉากที่ฉันอ้างมันขึ้นมา
บ่ายวันนั้น-ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย
บ่ายวันนั้น-ฉันเดินหายไปท่ามกลางฝูงชน โดยไม่กล้าที่จะเหลียวหันมามองเงาทั้งคู่นั้นอีกครั้ง
ผลงานอื่นๆ ของ เรื่อยเปื่อยฯ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เรื่อยเปื่อยฯ
ความคิดเห็น