พัดลม
ผมมีเชื่อว่าในสังคมไทย ๆ ปัจจุบันนี้ทุก ๆ คนที่ขยับเปลือกตาเปิดในตอนเช้า จำต้องมีภารกิจหรือกิจวัตรประจำวันให้ต้องทำตั้งแต่เริ่มตื่นนอนจนกระทั่งหลับตาลงอีกครั้ง ซึ่งแต่ละคนก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องทำต้องแบกรับผิดชอบแตกต่างกันไป ตามแต่บทบาทหน้าที่ของตัวเอง เป็นลูกจ้าง ทนายความ เจ้าของกิจการ คนขายก๋วยเตี๋ยว คนขับแท็กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง คนขายเรียงเบอร์ นายห้าง นักลงทุน นักการเมือง นักธุรกิจ ฯลฯ สารพัดหน้าบทบาทหน้าที่รับผิดชอบ แต่ทุกหน้าที่ก็คือหนึ่งในกำลังฟันเฟืองที่คอยขับเคลื่อนสังคมให้ไปข้างหน้า
ชีวิตที่ดีเริ่มต้นด้วยสังคมที่ดี
สังคมที่ดีเริ่มต้นด้วยชีวิตที่ดี
ในทุก ๆ เช้าที่ขึ้นรถเมล์ไปทำงานผมมักจะชอบมองวิถีชีวิตของคนรอบ ๆ ตัวในยามแสงอรุณแรกของตะวัน ผมคิดว่าชีวิตยามเช้ามันเป็นเหมือนการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของทุกสรรพสิ่งบนโลกรวมทั้งผม
การเริ่มต้นชีวิตใหม่เป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งการเริ่มต้นที่ดีของเรากลับทำให้เรารู้สึกหดหู่ใจ เมื่อมองเห็นการเริ่มต้นชีวิตที่ดีกว่าเราในยามเช้า น้อยเนื้อต่ำใจเมื่อนำสถานะของตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ดีกว่าเรา คนที่มีมากกว่าเรา
นั่งรถเมล์ไปทำงาน  >  ขับรถส่วนตัวไปทำงาน  >  มีคนขับรถส่วนตัวขับพาไปที่ทำงาน
ลูกจ้าง  >  หัวหน้างาน  > เจ้าของกิจการ
ชาวบ้าน  >  กำนัน  >  ผู้ใหญ่บ้าน
ชนชั้นล่าง  >  ชนชั้นกลาง >  ชนชั้นสูง
ด้วยความเหลื่อมล้ำในระดับชีวิตพื้นฐานความเป็นอยู่ที่มีอยู่ในทุกสังคม ทำให้เราถูกแบ่งแยกตัวตนให้อยู่ในกลุ่มสังคมตามศักยภาพและภาระหน้าที่ของเรา บางครั้งในสถานะที่เราถูกสังคมขีดจัดไว้นั้นมันอาจทำให้เราไม่พอใจ เพราะมันได้ให้ความรู้สึกที่ต้อยต่ำไม่มีค่าเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่อยู่สูงกว่าเรา ความแตกต่างนั้นทำให้เราหมดกำลังใจที่จะสู้ต่อไป หมดแรงที่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพราะมัวไปฝันถึงสถานะของคนอื่นในหน้าที่ของตัวเอง
อยากมีอยากได้ในสิ่งที่คนอื่นมี
อยากเป็นในสิ่งที่คนอื่นเป็น
การรู้จักจุดยืนของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตในสังคม เพราะในการใช้ชีวิตเราควรจะรู้จักตัวเองให้ดี รู้บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเองให้ได้ เพราะถ้าเราไม่รู้แม้กระทั่งตัวตนที่แท้จริงของตัวเราเอง แล้วใครหน้าไหนจะมารู้ดีในตัวเรา
ถ้าวันนี้เราสามารถรู้ได้ว่าเรายืนอยู่ตรงจุดไหนของสังคม บนจุดยืนของเรา สองขาก็จะสามารถบอกตัวเองได้ว่าเราเป็นอย่างไร มีแรงกำลังแค่ไหนในการขับเคลื่อนชีวิตตัวเอง เพราะการมัวแต่ไปมองจุดที่คนอื่นยืนนั้นไม่ได้เป็นผลดีอะไรกับตัวเราเลยสักนิดเดียว มีแต่จะรั้งให้หมดกำลังใจเปล่า ๆ
ถ้าวันนี้เราโหนรถเมล์ไปทำงาน เราก็ต้องทำหน้าที่ในการนโหนรถเมล์ไปทำงานของเราให้ดีที่สุด เพื่อให้ไปถึงจุดหมาย และจัดการกับภาระหน้าที่การทำงานของตัวเองให้สำเร็จลุล่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราที่ต้องสะสางจัดการ และในหน้าที่นี้คงไม่มีใครทำได้ดีที่สุดเท่ากับเราเอง
เราอาจเป็นลูกจ้างที่ดี แต่อาจเป็นหัวหน้างานที่ไม่ได้เรื่อง เป็นเจ้าของกิจการที่ไม่เอาไหน
เราอาจโหนรถเมล์ได้เก่งกาจ แต่ขับรถยนต์ไม่เอาไหน หรือเป็นเจ้านายที่น่ารังเกียจของคนขับรถ
เราอาจเป็นชาวบ้านใช้ชีวิตปกติธรรมดา แต่อาจเป็นกำนันที่คดโกง อาจเป็นผู้ใหญ่บ้านที่เป็นที่รังเกียจของลูกบ้าน
เราอาจเป็นชนชั้นล่างที่มีความสุขกับชีวิตอัตคัด แต่อาจเป็นชนชั้นกลางดิ้นรนเพื่อให้ชีวิตที่ดีขึ้นจนหาความสุขในชีวิตไม่ได้ หรือเป็นชนชั้นสูงที่ไม่รู้จักคำว่าความสุขแท้จริงโดยมิต้องอาศัยเงินทอง
บางครั้งเราอาจจะไม่รู้ตัวว่า สิ่งที่เราเป็นนั้นเหมาะสมและดีที่สุดสำหรับเราแล้ว และที่ไม่รู้ก็เพราะว่าเรามัวแต่มองคนที่ไม่ใช่เรา มองจุดที่คนอื่นยืนแล้วเกิดความอยากได้อยากมี จนเราลืมความเป็นตัวเองและลืมทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
สุดท้ายเราก็ไม่รู้จักคุณค่าของตัวเอง ท้ายที่สุดเราก็ดูถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเราเองด้วยรอยเท้าของคนอื่น และในจุดจบไม่ได้มีใครทำร้ายตัวเราเลยสักนิดนอกจากตัวเราเอง
ในสังคม ล่าง-กลาง-บน
ไม่ต่างจากพัดลม 1-2-3
พัดลมให้ความเย็นเหมือนกันแต่แตกต่างกันเพียงกำลังแรงลม 1-2-3
วันนี้ด้วยกำลังของเรา เราอาจจะเป็นเพียงแรงพัดลมหมายเลข 1 ซึ่งให้กำลังแรงลมที่เย็นสบายเบา ๆ และถ้าเทียบกับ 2 หรือ 3 ก็คงสู้กำลังลมกันไม่ได้ แต่ในอีกด้านนึงเราก็สามารถให้ลมเย็น ๆ ได้ไม่ใช่หรือ แรงลมก็ไม่ต่างอะไรกับวิถีชีวิตของเรา เพราะถ้าเราไม่รู้จักประมาณตนอยากจะพัดให้แรงขึ้น ๆ ยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกมันก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะมันไม่ใช้ตัวตนและจุดยืนของเรา และถ้าเรายิ่งไปเปรียบเทียบตัวเองกับแรงลมหมายเลข 2 และ 3 ด้วยล่ะก็ เราก็ยิ่งกดดันตัวเองยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก
วันที่หนาวเย็นเบอร์ 3 ของพัดลมมันอาจจะไม่จำเป็นเลยสักนิดในการใช้งาน 
เราทุกคนมีประโยชน์ในตัวเองและคนรอบ ๆ ตัว จงทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แม้หน้าที่นั้นมันจะสำคัญเพียงน้อยนิดสำหรับคนอื่น แต่จงจำไว้ว่าหน้าที่ของเรามันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยามที่เราต้องรับผิดชอบมัน
อย่าอายในคุณค่าของตัวเราเอง เพราะมันคือคุณค่าของตัวเราเอง
แม้พัดลมเบอร์ 1 มันก็มีคุณค่าของตัวมันเอง มีความสำคัญในตัวเองเวลาที่มันรับผิดชอบหน้าที่ของมัน แม้เราจะยืนอยู่ในจุดไหนของสังคมเราก็สำคัญเสมอ ถ้าเรารู้จักเห็นคุณค่าความสำคัญของตัวเราเอง
พัดลมถูกกดเปลี่ยนที่เลขศูนย์ ใบพัดหยุดหมุน แรงลมที่เคยแข่งกันหยุดไปเหลือแต่ความว่างเปล่า ทุกคนกลับมาเท่าเทียมกันอีกครั้ง
หลับตาพักสักนิด เติมพลังชีวิตให้กับตัวเอง
วันพรุ่งนี้
เรายังคงต้องต่อสู้ต่อไปไม่รู้จบ จากจุดยืนที่เรายืนอยู่
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น