พัดลม - พัดลม นิยาย พัดลม : Dek-D.com - Writer

    พัดลม

    สังคม 1-2-3 ไม่ต่างจากพัดลม 1-2-3

    ผู้เข้าชมรวม

    660

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    660

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  จิตวิทยา
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 พ.ย. 48 / 14:01 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      พัดลม

      ผมมีเชื่อว่าในสังคมไทย ๆ ปัจจุบันนี้ทุก ๆ คนที่ขยับเปลือกตาเปิดในตอนเช้า จำต้องมีภารกิจหรือกิจวัตรประจำวันให้ต้องทำตั้งแต่เริ่มตื่นนอนจนกระทั่งหลับตาลงอีกครั้ง ซึ่งแต่ละคนก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องทำต้องแบกรับผิดชอบแตกต่างกันไป ตามแต่บทบาทหน้าที่ของตัวเอง เป็นลูกจ้าง ทนายความ เจ้าของกิจการ คนขายก๋วยเตี๋ยว คนขับแท็กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง คนขายเรียงเบอร์ นายห้าง นักลงทุน นักการเมือง นักธุรกิจ ฯลฯ สารพัดหน้าบทบาทหน้าที่รับผิดชอบ แต่ทุกหน้าที่ก็คือหนึ่งในกำลังฟันเฟืองที่คอยขับเคลื่อนสังคมให้ไปข้างหน้า

      ชีวิตที่ดีเริ่มต้นด้วยสังคมที่ดี
      สังคมที่ดีเริ่มต้นด้วยชีวิตที่ดี

      ในทุก ๆ เช้าที่ขึ้นรถเมล์ไปทำงานผมมักจะชอบมองวิถีชีวิตของคนรอบ ๆ ตัวในยามแสงอรุณแรกของตะวัน ผมคิดว่าชีวิตยามเช้ามันเป็นเหมือนการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของทุกสรรพสิ่งบนโลกรวมทั้งผม

      การเริ่มต้นชีวิตใหม่เป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งการเริ่มต้นที่ดีของเรากลับทำให้เรารู้สึกหดหู่ใจ เมื่อมองเห็นการเริ่มต้นชีวิตที่ดีกว่าเราในยามเช้า น้อยเนื้อต่ำใจเมื่อนำสถานะของตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ดีกว่าเรา คนที่มีมากกว่าเรา

      นั่งรถเมล์ไปทำงาน  >  ขับรถส่วนตัวไปทำงาน  >  มีคนขับรถส่วนตัวขับพาไปที่ทำงาน
      ลูกจ้าง  >  หัวหน้างาน  > เจ้าของกิจการ
      ชาวบ้าน  >  กำนัน  >  ผู้ใหญ่บ้าน
      ชนชั้นล่าง  >  ชนชั้นกลาง >  ชนชั้นสูง

      ด้วยความเหลื่อมล้ำในระดับชีวิตพื้นฐานความเป็นอยู่ที่มีอยู่ในทุกสังคม ทำให้เราถูกแบ่งแยกตัวตนให้อยู่ในกลุ่มสังคมตามศักยภาพและภาระหน้าที่ของเรา บางครั้งในสถานะที่เราถูกสังคมขีดจัดไว้นั้นมันอาจทำให้เราไม่พอใจ เพราะมันได้ให้ความรู้สึกที่ต้อยต่ำไม่มีค่าเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่อยู่สูงกว่าเรา ความแตกต่างนั้นทำให้เราหมดกำลังใจที่จะสู้ต่อไป หมดแรงที่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพราะมัวไปฝันถึงสถานะของคนอื่นในหน้าที่ของตัวเอง

      อยากมีอยากได้ในสิ่งที่คนอื่นมี
      อยากเป็นในสิ่งที่คนอื่นเป็น

      การรู้จักจุดยืนของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตในสังคม เพราะในการใช้ชีวิตเราควรจะรู้จักตัวเองให้ดี รู้บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเองให้ได้ เพราะถ้าเราไม่รู้แม้กระทั่งตัวตนที่แท้จริงของตัวเราเอง แล้วใครหน้าไหนจะมารู้ดีในตัวเรา

      ถ้าวันนี้เราสามารถรู้ได้ว่าเรายืนอยู่ตรงจุดไหนของสังคม บนจุดยืนของเรา สองขาก็จะสามารถบอกตัวเองได้ว่าเราเป็นอย่างไร มีแรงกำลังแค่ไหนในการขับเคลื่อนชีวิตตัวเอง เพราะการมัวแต่ไปมองจุดที่คนอื่นยืนนั้นไม่ได้เป็นผลดีอะไรกับตัวเราเลยสักนิดเดียว มีแต่จะรั้งให้หมดกำลังใจเปล่า ๆ

      ถ้าวันนี้เราโหนรถเมล์ไปทำงาน เราก็ต้องทำหน้าที่ในการนโหนรถเมล์ไปทำงานของเราให้ดีที่สุด เพื่อให้ไปถึงจุดหมาย และจัดการกับภาระหน้าที่การทำงานของตัวเองให้สำเร็จลุล่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราที่ต้องสะสางจัดการ และในหน้าที่นี้คงไม่มีใครทำได้ดีที่สุดเท่ากับเราเอง

      เราอาจเป็นลูกจ้างที่ดี แต่อาจเป็นหัวหน้างานที่ไม่ได้เรื่อง เป็นเจ้าของกิจการที่ไม่เอาไหน
      เราอาจโหนรถเมล์ได้เก่งกาจ แต่ขับรถยนต์ไม่เอาไหน หรือเป็นเจ้านายที่น่ารังเกียจของคนขับรถ
      เราอาจเป็นชาวบ้านใช้ชีวิตปกติธรรมดา แต่อาจเป็นกำนันที่คดโกง อาจเป็นผู้ใหญ่บ้านที่เป็นที่รังเกียจของลูกบ้าน
      เราอาจเป็นชนชั้นล่างที่มีความสุขกับชีวิตอัตคัด แต่อาจเป็นชนชั้นกลางดิ้นรนเพื่อให้ชีวิตที่ดีขึ้นจนหาความสุขในชีวิตไม่ได้ หรือเป็นชนชั้นสูงที่ไม่รู้จักคำว่าความสุขแท้จริงโดยมิต้องอาศัยเงินทอง

      บางครั้งเราอาจจะไม่รู้ตัวว่า สิ่งที่เราเป็นนั้นเหมาะสมและดีที่สุดสำหรับเราแล้ว และที่ไม่รู้ก็เพราะว่าเรามัวแต่มองคนที่ไม่ใช่เรา มองจุดที่คนอื่นยืนแล้วเกิดความอยากได้อยากมี จนเราลืมความเป็นตัวเองและลืมทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ

      สุดท้ายเราก็ไม่รู้จักคุณค่าของตัวเอง ท้ายที่สุดเราก็ดูถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเราเองด้วยรอยเท้าของคนอื่น และในจุดจบไม่ได้มีใครทำร้ายตัวเราเลยสักนิดนอกจากตัวเราเอง

      ในสังคม ล่าง-กลาง-บน
      ไม่ต่างจากพัดลม 1-2-3

      พัดลมให้ความเย็นเหมือนกันแต่แตกต่างกันเพียงกำลังแรงลม 1-2-3

      วันนี้ด้วยกำลังของเรา เราอาจจะเป็นเพียงแรงพัดลมหมายเลข 1 ซึ่งให้กำลังแรงลมที่เย็นสบายเบา ๆ และถ้าเทียบกับ 2 หรือ 3 ก็คงสู้กำลังลมกันไม่ได้ แต่ในอีกด้านนึงเราก็สามารถให้ลมเย็น ๆ ได้ไม่ใช่หรือ แรงลมก็ไม่ต่างอะไรกับวิถีชีวิตของเรา เพราะถ้าเราไม่รู้จักประมาณตนอยากจะพัดให้แรงขึ้น ๆ ยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกมันก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะมันไม่ใช้ตัวตนและจุดยืนของเรา และถ้าเรายิ่งไปเปรียบเทียบตัวเองกับแรงลมหมายเลข 2 และ 3 ด้วยล่ะก็ เราก็ยิ่งกดดันตัวเองยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก

      วันที่หนาวเย็นเบอร์ 3 ของพัดลมมันอาจจะไม่จำเป็นเลยสักนิดในการใช้งาน  

      เราทุกคนมีประโยชน์ในตัวเองและคนรอบ ๆ ตัว จงทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แม้หน้าที่นั้นมันจะสำคัญเพียงน้อยนิดสำหรับคนอื่น แต่จงจำไว้ว่าหน้าที่ของเรามันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยามที่เราต้องรับผิดชอบมัน

      อย่าอายในคุณค่าของตัวเราเอง เพราะมันคือคุณค่าของตัวเราเอง
      แม้พัดลมเบอร์ 1 มันก็มีคุณค่าของตัวมันเอง มีความสำคัญในตัวเองเวลาที่มันรับผิดชอบหน้าที่ของมัน แม้เราจะยืนอยู่ในจุดไหนของสังคมเราก็สำคัญเสมอ ถ้าเรารู้จักเห็นคุณค่าความสำคัญของตัวเราเอง

      พัดลมถูกกดเปลี่ยนที่เลขศูนย์ ใบพัดหยุดหมุน แรงลมที่เคยแข่งกันหยุดไปเหลือแต่ความว่างเปล่า ทุกคนกลับมาเท่าเทียมกันอีกครั้ง

      หลับตาพักสักนิด เติมพลังชีวิตให้กับตัวเอง

      วันพรุ่งนี้

      เรายังคงต้องต่อสู้ต่อไปไม่รู้จบ จากจุดยืนที่เรายืนอยู่

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×