โค้ก เป๊ปซี่
น้ำสีดำรสชาติซาบซ่า หวาน ๆ ยิ่งเวลาดื่มเย็น ๆ แล้วยิ่งรู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวยดับกระหายได้ดี เรารู้จักกันดีภายใต้ชื่อว่า โค้กกับเป๊ปซี่ โค้กใช้สีของแบรนด์ด้วยสีแดง ส่วนเป๊ปซี่ใช้สีน้ำเงิน ถ้าผมไม่เคยลิ้มลองรสชาติของน้ำสองยี่ห้อนี้ผมจะไม่มีทางรู้เลยว่า ไอ้น้ำสีดำ ๆ ซ่า ๆ นี้มีรสชาติหวานและซ่าแค่ไหน ? และไม่มีทางรู้เลยว่ามันแตกต่างกันอย่างไร ?
ผมดื่มน้ำอัดลมสองยี่ห้อนี้จนพอจะเปรียบเทียบรสชาติได้ว่า มันแตกต่างกันแค่ไหนอย่างไร นอกจากสีน้ำเงินและสีแดง เป๊ปซี่จะมีรสชาติซ่ากว่าโค้กเล็กน้อย ซึ่งโค้กจะมีรสชาติหวานกว่า แต่สำหรับผมมันก็ไม่ใช่ความแตกต่างให้เป็นข้อเปรียบเทียบอะไรมากมาย ในเรื่องรสชาติให้ผมตัดสินใจเลือกซื้อ แต่มีความแตกต่างหนึ่งซึ่งอำนาจมืดเป็นส่วนให้ผมตัดสินใจในการเลือกว่าจะดื่มแบรนด์ไหน
เวลาเลือกซื้อน้ำอัดลมสักกระป๋องมาดื่ม ถ้าให้เลือกสองกระป๋องที่วางคู่กันระหว่างโค้กกับเป๊ปซี่ คุณจะเลือกดื่มอะไร ทำไมคุณถึงเลือกหยิบอันนั้น เพราะถ้าเป็นผมจะเลือกดื่มเป๊ปซี่ด้วยเหตุผลที่ว่า ผมชอบรสชาติที่ซาบซ่าของมัน ซึ่งโค้กไม่สามารถที่จะสนองตอบความต้องการให้ผมได้ในข้อนี้
ทั้งที่จริงมันไม่ใช่เลย ทั้งที่ความเป็นจริงมันเป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งในการตัดสินใจเลือก แต่ส่วนประกอบหลักในการตัดสินใจเลือก มันเป็นแบรนด์เนมตั้งหาก
สื่อโฆษณา ไม่ว่าจะจากเป็นป้ายโฆษณา ทีวี วิทยุ ในนิตยสาร โรงภาพยนตร์ ฯลฯ อัดกรอกชีวิตเรา ตั้งแต่เปิดเปลือกตาจนปิดเปลือกตามันถูกฝังลึกลงในรากความทรงจำเราอย่างรู้ตัว และโดยที่เราไม่รู้ตัว แบรนด์ต่าง ๆ ใช้สื่อโฆษณาเพื่อให้เราซึมซับความเป็นตัวตนของยี่ห้อนั้นลงในสมองเรา กรอกแมสเซจความจงรักภักดีฝังรากลึกลงในความทรงจำเรา ใช้สื่อโฆษณาบอกกับเราว่าถ้าเราใช้ของแบรนด์นี้ ยี่ห้อนี้คุณจะเป็นคนแบบนี้แบบนั้น ถ้าคุณเลือกใช้ของสิ่งนี้แบรนด์เนมจะบอกคุณและคนรอบ ๆ ตัวคุณว่า คุณเป็นคนทีมีไลฟ์สไตลอย่างนี้ อย่างนั้น
เรามีความพึงพอใจสูงสุดโดยที่เรารู้ตัวและก็ยอมรับมันไว้อย่างภาคภูมิใจ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้วแบรนด์ไม่ได้ให้อะไรเราพิเศษไปกว่าเดิมเลย เรายังคงเป็นตัวตนของตัวเองสิ่งทั้งหลายที่ได้มานั้นมันเกิดขึ้นจากเราสร้างความรู้สึกนั้นขึ้นมาเอง โดยใช้แบรนด์จากโฆษณาเป็นเครื่องมือ
ในถ้าวันหนึ่งถ้าเรายึดติดโดยสิ่งที่แบรนด์เนมสร้างขึ้นมา เราก็คงหาตัวตนที่เป็นตัวของเราเองจริง ๆ ไม่พบ เพราะมองไปรอบ ๆ ตัวเรา มีแต่สิ่งที่แบรนด์เหล่านั้นกำลังนั่งบอกเราว่า คุณจะเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้เพราะใช้ของยี่ห้อนี้ แล้วเราก็อยากเป็นอย่างนี้เราเลยใช้ของยี่ห้อนั้น ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงเราสามารถเป็นตัวของเราเองได้ตลอดเวลา เราสามารถเป็นในสิ่งที่เราจะเป็นได้เสมอ โดยไม่ต้องใช้ตัวช่วยมาตอกย้ำเราตลอดเวลาจากแบรนด์เนมต่าง ๆ
เราสามารถเลือกที่จะเป็นตัวตนของเราเองได้จากความเป็นตัวตนแท้ ๆ ของเราเอง ไม่ใช่จากเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจภายนอก ภายใต้แบรนด์ที่เราเอามาปลูกฝังไว้ในใจ
ที่ผมเลือกซื้อเป๊ปซี่เพราะว่ามันสามารถตอบสนองความรู้สึกถึงความเป็นพวกพ้องคนทันสมัย และความรู้สึกเท่ห์เมื่อได้ดื่ม  มากกว่าการตอบสนองความรู้สึกทางอารมณ์ในด้านรสชาติ ผมรู้สึกภูมิใจเมื่อถือกระป๋องสีน้ำเงิน ๆ แล้วยกมันขึ้นมาดื่ม จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผมกระหายน้ำดำ แล้วในร้านสะดวกซื้อไม่มีเป๊ปซี่ขาย ผมต้องเลือกหยิบโค้กด้วยภาวะจำใจจำยอม ( เชื่อหรือไม่ว่าก่อนหน้านี้ ถ้าผมจะดื่มน้ำแต่ร้านนั้นไม่มีเป๊ปซี่ขาย มีแต่โค้กให้ผมเลือก ผมเลือกที่จะไม่ซื้อ ) เพราะกระหายน้ำจริง ๆ
เมื่อกระป๋องโค้กอยู่ในมือ มองใกล้ ๆ ผมรู้สึกว่ามันก็มีสวยลายสวยงามไม่แพ้เป๊ปซี่เลย อาจจะสวยกว่าด้วยซ้ำ ส่วนรสชาติเมื่อได้ดื่มมันก็ไม่แตกต่างกันเท่าไร มันสามารถดับกระหายผมได้เช่นเดียวกัน
ผมดื่มดับกระหายจนหมดกระป๋อง แล้วสงสัยตัวเองว่าทำไมถึงต้องยึดติดกับแบรนด์อย่างเหนียวแน่นอย่างนี้ วันหนึ่งถ้าผมกระหายน้ำดำ แต่ไม่มีแบรนด์ที่ผมต้องการขาย ผมไม่คอแห้งตายไปเลยหรือไง  ผมสามารถเลือกดื่มน้ำเขียว น้ำแดง น้ำหวาน หรือน้ำเปล่าแทนได้ใช่ไหม มันตอบสนองความต้องการของร่างกายได้ไม่ต่างกันเลย แต่ที่มันเป็นอยู่อย่างนี้ เพราะมันไม่สามารถตอบสนองความต้องการทางใจได้ต่างหากเล่า
แค่เรื่องใกล้ ๆ ตัวเล็ก ๆ ที่ผมมองข้ามมาตลอด กำลังสอนผมว่า ทุกวันนี้เราใช้อะไรห่อหุ้มใจเรา เราใช้ความเป็นตัวของเราเองห่อหุ้มใจเราเอง หรือว่าใช้แบรนด์ห่อหุ้มใจเราเอง
เราเลือกที่จะให้คนอื่นบอกเราว่าเราเป็นคนอย่างนี้ หรือว่าเราเลือกที่จะบอกคนอื่นเองว่าเราคือเรา คนตัวเล็ก ๆ หนึ่งเดียวบนโลกนี้
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น