ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คนกินผัว(รีไรท์)

    ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 17

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 74
      1
      3 ก.ค. 59





    เอี๊ยดดดดดดดด

    เสียงเบรกรถของเรืองฤทธิ์ที่ตอนนี้ได้มาถึงร้านอาหารที่นภัทร  ภาคิณและอติรุจมาทานอาหารด้วยกัน  ร่างเล็กพอจอดได้แล้วก็เปิดประตูรถกะทันหันพร้อมพุ่งตัวออกไป  เป้าหมายคือตรงไปที่โต๊ะที่น้องชายฝาแฝดตนเองมาทานข้าวด้วยสายตาถมึงทึง  พร้อมฆ่าคนได้ทุกเมื่อ  เพราะตนเองอนุญาตเฉพาะแค่อติรุจเท่านั้น

    แต่คนอื่นไม่มีสิทธิ์

    นภัทรกำลังทานข้าวกับภาคิณอติรุจ  แต่จังหวะหนึ่งเงยหน้ามา  เห็นเรืองฤทธิ์ตรงมาที่ตนเองพอดี

    “ริท”

    ร่างสีน้ำผึ้งตาเหลือกโพลงทันที  ทันทีที่เห็นพี่ชายฝาแฝดตนเองนั้น  อาการที่พี่ชายของตนแสดงออก  บอกก็รูว่าต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้น

    ภาคิณที่หันหลัง  ไม่รู้ว่าพี่ชายฝาแฝดนภัทรได้มาข้างหลังเรียบร้อยแล้ว  อติรุจที่นั่งด้านเดียวกันเริ่มสงสัย  และสัมผัสได้ว่ากำลังมีเรื่องอะไรบางอย่างเพราะเห็นนภัทรอึ้งตาค้าง  พอหันไปด้านหลังทางที่นภัทรมองก็สะดุ้งสุดขีด   จนพูดไม่ออก

    เพราะเรืองฤทธิ์ยืนอยู่ข้างหลังภาคิณเรียบร้อย  และสายตาแข็งกร้าวน่ากลัว 

    “มีอะไรหรอ”

    ภาคิณถาม  เพราะตอนนี้ทุกคนมีอาการตกตะลึงอะไรบางอย่าง

    เพราะไม่มีใครตอบเขา  ทำให้ตนเองหันไปด้านหลังบ้าง

    ผัวะ

    “ไอ้โตโน่”

    เรืองฤทธิ์เรียกรุ่นพี่ตนเองโดยไม่มีคำว่าพี่นำหน้า  เพราะเขาไม่ชอบโตโน่แม้จะเคยเป็นรุ่นพี่รหัสตนเองมาก็ตาม

    ภาคิณที่ไม่ทันตั้งตัว  ล้มไปตามแรงโมโหของรุ่นน้องตนเอง  ที่ตอนนี้เกลียดตนเองเข้าไส้

    “ริท”

    ภาคิณพูดแค่นั้น  แต่ก็ไม่มีโอกาสพูดและทำอะไรได้อีก  เพราะเรืองฤทธิ์ต่อยแบบไม่ยั้ง

    “มึง  กูบอกแล้วไงวะว่าอย่ามายุ่งกับน้องกู”

    ผัวะ

    เรืองฤทธิ์ต่อยอีกครั้ง  จนภาคิณเลือดกลบปาก  ภาคิณเองก็โมโหแหมือนกันที่รุ่นน้องตนเองไม่มีเหตุผล  มาถึงไม่มีการพูดจาเอาแต่ต่อยกันลูกเดียว  ตอนนี้ทั้งคู่เลยกลายเป็นต่อยกันทะเลาะวิวาทท่ามกลางผู้คนที่มาทานอาหารร้านนี้

    แต่ผิดตรงที่  ภาคิณต่อยเรืองฤทธิ์เพื่อที่จะให้อีกฝ่ายชะงักได้สติ  แต่เรืองฤทธิ์ต่อยภาคิณเพราะโกรธ

    “พี่โน่  พี่ริท  พอได้แล้วครับ”

    อติรุจพยายามห้าม  แต่ก็โดนลูกหลงโดยไม่ทันตั้งตัวไป  นภัทรรีบมาประคอง

    “แคน  เป็นยังไงบ้าง”

    นภัทรถามอติรุจที่ไม่รู้เรื่องแต่พลอยเจ็บตัวไปด้วย

    “ผมไม่เป็นอะไรครับพี่กัน   แต่ว่าตอนนี้รีบห้ามพี่ริทพี่โน่เถอะ”

    นภัทรมองไม่แน่ใจ

    “แล้วจะห้ามยังไงล่ะ”

    นภัทรไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน  ดูเหมือนว่าตอนนี้ทั้งสองคนที่กำลังต่อยกันไม่ฟังใครเสียด้วย

    “แคน  ทำยังไงดี  ริททำร้ายพี่โน่ไม่หยุด  ช่วยห้ามริทหน่อยได้ไหม  พี่ไม่อยากให้ริททำร้ายพี่โน่”

    อติรุจชะงัก  นภัทรหลุดอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาอึ้ง

    นภัทรเป็นห่วงภาคิณโดยไม่รู้ตัว

    ก่อนที่จะพยักหน้า

    “ครับ  ถ้าพี่กันต้องการ”

    แม้ว่าตนเองจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว  แต่เจอสายตาบางอย่างที่นภัทรเมีให้ภาคิณโดยที่ตนไม่เยได้รับ  ถึงจะไม่รู้ตัวก็เถอะ

    แต่ยังไง  หากนภัทรต้องการ  เขาก็ทำ  เพื่อคนที่เขารัก

    อติรุจพยายามห้าม  ด้วยการเอาตัวไปบัง  จนในที่สุดพอจะแยกเรืองฤทธิ์ให้ออกจากภาคิณได้ 

    “พี่โน่  พี่ริท  พอเถอะครับ”

    เรืองฤทธิ์หันมาทางอติรุจ

    “ไอ้แคน  กูอุตส่าห์ยอมให้มึงคบค้าสมาคมกับกันได้  แต่มึงกลับยอมให้คนอื่นเข้าใกล้กัน  หมายความว่ายังไง”

    อติรุจก็เหลืออดเหมือนกัน

    “พี่ริท  ผมรู้ว่าพี่เป็นห่วงพี่กัน  แต่พี่ช่วยมีเหตุผลบ้างได้มั้ย  พวกเราสามคนแค่มาทานข้าวกันนะครับ  ไม่ได้ทำอะไรเสียหานย  ผมเอาเกียรติของผมรับประกัน  พี่ริทน่าจะรู้จักผมดีนะพี่  พี่ริท  ผมถามพีร่จริงเถอะ  พี่จะหวงพี่กันเกินความเป็นจริงไหม  เอะอะอะไรจะไม่ให้พี่กันเขาใช้ชีวิตตนเองเลยหรือครับ”

    เรืองฤทธิ์สายตาแข็งกร้าวมาก  นัยน์ตาขาวแทบจะเป็นแดงเพราะแรงโทสะ    ก่อนที่จะหันไปทางภาคิณ

    “พี่โน่  ผมบอกพี่ไว้ไม่ใช่หรอว่าอย่ามายุ่งกับกัน”

    ภาคิณจ้องตาริทด้วยสายตาไม่แพ้กัน

    “ยังไงริท  พี่ไม่เข้าใจ  ริทจะให้กันเป็รนแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน  พี่รู้ว่าริทรักน้องมาก  แต่ตอนนี้ริทกลายเป็นคนไม่มีเหตุผลไปแล้วนะ  พี่ถามหน่อย  อะไรทำให้น้องของพี่เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้  เมื่อก่อนนายมีเหตุผลมากกว่านี้นะริท”

    “เหตุผลน่ะหรอ  เพราะผมไม่อยากให้พี่มายุ่งกับกันไง”

    “ริท  ถ้าริทกลัวว่าพี่จะมาทำให้กันเสียใจละก็ไม่ต้องห่วง  พี่รักกันไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทน  ริท  นายจะไม่ให้พี่ได้พิสูจน์ตนเองหน่อยหรอ”

    เรืองฤทธิ์กำมือแน่น  ก่อนที่จะชี้หน้า

    “ผมให้โอกาสแบบนี้มาหลายคนแล้ว  แล้วยังไง  พวกมันไม่ใช่เรอะ  ที่ทำให้กันเป็นแบบนี้  แล้วผมปกป้องน้องตนเองมันผิดตรงไหน  หึ  กันน่ะหรอมีใครคิดจะมารักจริง  ไอ้คนที่บอกว่ารักกันจริง  สุดท้ายก็ทิ้งกันไปให้กันน้องของผมเจ็บ  ถูกทุกคนตราหน้าว่าเป็น  เอ่อ  ผมไม่มีทางยอมให้กันคบกับใคร  ไอ้แคนด้วย  มึงอย่าคิดนะว่าที่กูยอมให้มึงอยู่ใกล้กันเพราะก็ยอมรับมึง  กูแค่ให้มึงเป็นเพื่อนกันได้แค่นั้น  และมึงก็เจียมตัวดี  แต่มึง  ไอ้พี่โน่  ไม่มีสิทธิที่จะเข้าใกล้กัน”

    “หยุด   นี่มันเรื่องอะไรกัน”

    เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น  แทรกการสนทนาที่ทำเอาทุกคนในร้านตกใจกันเป็นแถบ  ทุกคนหันไปทางผู้มาใหม่ทันที

    ก่อนที่จะพบว่ามีตำรวจนายหนึ่งเข้ามา

    “ตำรวจ  มาได้ยังไง”

    นภัทรพึมพำกับตนเอง  ก่อนที่ตำรวจคนนั้นจะพูดต่อ

    “ผมได้รับแจ้งว่ามีการทะเลาะเบาะแว้งกัน  ยังไงเชิญทุกคนไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยนะครับ  เอ้ะ  หมอเรืองฤทธิ์”

    เรืองฤทธิ์หันขวับ

    “คุณ  รู้จักผมได้ยังไง”

    “ทำไมผมจะไม่รู้จัก  เพราะผมเคยไปที่โรงพยาบาลที่คุณอยู่บ่อยๆ  และน้องสาวและว่าที่น้องเขยของผมก็เคยเล่าให้ฟัง”

    เรืองฤทธิ์ชะงัก  ก่อนที่จะพึมพำ

    “น้องเขยกับน้องสาว”

    ผู้กองเคลลี่ตอบทันที

    “หวังว่าหมอจะรู้จักโมและฐินะ”

    เรืองฤทธิ์อึ้งไปทันที  และต่อมาเคลลี่ก็พูดต่อ

    “เอาล่ะ  เชิญทุกคนด้วยครับ”

     

    สถานีตำรวจ

    “สรุปคือ  ปัญหาคือพวกคุณมีปัญหาบางอย่าง  ซึ่งค่อนข้างเป็นเรื่องส่วนตัว  แต่เรื่องแค่นี้ผมว่าพวกคุณก็ไม่ควรทะเลาะแบบนั้น  พวกคุณมีการศึกษากัน  ก็น่าจะมีเหตุผลบ้าง  โดยเฉพาะคุณหมอเรืองฤทธิ์  ผมว่าคุณน่าจะสงบสติอารมณ์ใช้เหตุผลเป็นที่ตั้ง”

    เรืองฤทธิ์เงียบ  ก่อนที่เคลลี่จะหันไปทางภาคิณบ้าง

    “คุณเองก็เหมือนกัน  แทนที่จะพยายามห้าม  แต่คุณกลับใช้กำลังตอบโต้  ถามจริง  พวกคุณเองก็มีการศึกษาแต่ทำแบบนี้ไม่ถูกต้องนะครับ”

    ตอนนี้ทั้งภาคิณและเรืองฤทธิ์พากันมองหน้า   และเคลลี่ก็เจรจาต่อ

    “เอาล่ะ  เรื่องที่พวกคุณเล่า  ผมเองเป็นตำรวจเป็นคนกลางคงไม่สามารถไปแทรกกลางเรื่องของพวกคุณเพราะนี่มันเรื่องส่วนตัว  แต่สำหรับหน้าที่ของผมคือเคลียร์ความสงบให้เรียบร้อย  ไปตกลงกันด้วยเหตุผลนะครับ  แต่ตอนนี้ผมต้องขอบันทึกประจำวันและปรับเงินค่าปรับข้อหาทะเลาะวิวาทเป็นเหตุทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วยครับ”

    “ครับ”

    ทั้งสองคนทำตามแต่โดยดีไม่มีขัดขืน 

    เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย

    “เอาล่ะครับ  เชิญพวกคุณคุยกันด้วเหตุผล  และอย่าใช้อารมณ์  โดยเฉพาะคุณหมอเรืองฤทธิ์  คุณเป็นหมอควรจะนึกถึงเกียรติอาชีพตนเองด้วย  อย่าทำลายความน่านับถือของตนเองสิ”

    เคลลี่ตำหนิโดยตำหนิเรืองฤทธิ์ไปเสียส่วนใหญ่  เพราะอีกคนเป็นถึงหมอที่มีความน่านับถือ  แต่กลับไม่ใช่เหตุผลเอาแต่อารมณ์  แบบนี้เป็นหมอรักษาผู้คนได้ยังไงกัน

    “ผมขอโทษครับ  ต่อไปนี้ผมจะใจเย็นลง”

    เคลลี่พยักหน้า

    “ก็ดีครับ  ทุกวันนี้บ้านเมืองก็มีปัญหามากมายก่ายกองอยู่แล้ว  ตำรวจเองก็ภาระหน้าที่มากมาย  อย่าให้มาเสียเวลาเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้เลยนะครับ”

    “ครับ”

    “เอาล่ะ  เรียบร้อยแล้วครับ  เชิญพวกคุณกลับไปได้  และหวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียวนะครับ”

      “ครับ”

    ทั้งสองรับคำทันที  ก่อนที่จะออกจากห้องสอบสวน

     

    “ริท  พี่โน่”

    นภัทรและติรุจที่ยืนรอข้างนอก  พอเห็นทั้งเรืองฤทธิ์และภาคิณออกมาก็เข้าไปหา

    “ริทไม่เป็นอะไรกัน”

    อติรุจหันไปทางภาคิณบ้าง

    “แล้ว  พี่โน่ล่ะ”

    ภาคิณเองก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

    “ผมเองก็ไม่เป็นไร”

    อติรุจถอนหายใจ

    “ผมว่านะครับ  วันนี้ถ้าจะคุยกันคงไม่ดี  ท่าทางพี่ทั้งสองยังคงคุกรุ่น  โดยเฉพาะพี่ริท  ผมว่าพี่น่ะ  ควบคุมตัวเองบ้างนะครับ  พี่เป็นหมอนะพี่ริท”

    อติรุจเองก็ระอาพี่ชายคนที่ตนรัก  เรืองฤทธิ์เองหลังจากที่พอจะควบคุมอารมณ์ตนเองได้ก็ขอโทษ

    “พี่ขอโทษ”

    อติรุจส่ายหน้า

    “คนที่พี่ควรขอโทษ  คือพี่โน่ครับ  ไม่ใช่ผม  และที่สำคัญ  พี่เขาไม่มีความผิดด้วย  ถ้าพี่เห็นแก่พี่กันน้องของพี่  ผมว่าพี่ริทควรขอโทษพี่โน่เขา  ยังไงซะเคยนับถือกันเป็นพี่น้องไม่ใช่หรอ”

    เรืองฤทธิ์ชะงัก  ไม่นึกว่าอติรุจจะมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าตนเองเสียอีก  แต่ตนเองเนี่ยสิ  ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย

    ก่อนที่จะหันไปทางภาคิณ  แต่ขอโทษด้วยความไม่เต็มใจนัก

    “ผมขอโทษ”

    ภาคิณเองใช่ว่าจะโกรธ 

    “ไม่เป็นไร”

    อติรุจมองหน้าเรืองฤทธิ์  ดูก็รู้ว่าไม่เต็มใจนัก  แต่ก็ยังดีกว่า

    เรืองฤทธิ์หันไปทางนภัทร

    กลับบ้าน  กัน”

    แต่นภัทรปฏิเสธ

    “แต่กันยังทำงานอยู่นะริท”

    อติรุจเลยหันมาทางนภัทร  ก่อนที่จะบอกให้สบายใจ

    “พี่กัน  ผมว่าพี่กลับไปกับพี่ริทก่อนเถอะครับ  เดี๋ยวที่บริษัท  ผมจัดการให้  พี่รุจเองก็ถ้ารู้ว่าพี่มีปัญหาพี่รุจน่าจะเข้าใจ  อีกอย่าง  กลับไปทำงานตอนนี้ก็ไม่มีสมาธิอยู่ดีครับ”

    อติรุจพูดจากความคิดตนเอง  ซึ่งก็เป็นความจริง  เรื่องราววันนี้คงทำให้นภัทรไม่สบายใจ  จะไม่มีสมาธิเปล่าๆ

    “ไป  กัน  กลับบ้าน”

    เรืองฤทธิ์ไม่พูดอะไรต่อ  ลากนภัทรฝาแฝดน้องกลับไปกับตนทันที

    ภาคิณมองนภัทรตามไปด้วยความเป้นห่วง

    อติรุจเข้ามาตบบ่า

    “พี่โน่ครับ  หวังว่าพี่จะ”

    อติรุจยังไม่ทันพูดจบ  แต่ภาคิณพูดก่อน

    “พี่เข้าใจ  แต่ที่พี่ไม่เข้าใจ  ทำไมริทมันถึงเป็นขนาดนี้”

    “พี่ริทคงเป็นห่วงพี่กัน  แฝดกันน่าจะปกติที่จะหวงกันมาก”

    ภาคิณถอนหายใจ  ก่อนที่อติรุจจะปลอบ

    “เอาเถอะครับ  ผมเชื่อว่าความจริงใจที่มีต่อพี่กัน  ซักวัน  พี่ริทต้องเห็น  และยอมรับ  พี่โน่ครับ  ถ้าพี่รักพี่กันจริงพี่ต้องพยายาม”

    “เหมือนนายใช่ไหม  นายสามารถชนะใจริทได้  แม้ว่าจะยอมรับในฐานะเพื่อนของกัน”

    อติรุจส่ายหน้า

    “เปล่าหรอก  ผมไม่ได้ชนะใจพี่ริท  พี่ริทเขาแค่เห็นว่าผมคงไม่มีทางที่พี่กันสนใจ  เขาถึงยอมรับผม”

    ภาคิณแปลกใจ

    “ดูเหมือนว่านายท้อนะ”

    “เปล่า  ผมไม่ได้ท้อ  แต่ตอนนี้ผมรู้ตัวตังหากว่าผมไม่มีทางเป็นคนที่พี่กันรักในฐานะนั้น  ผมได้แค่น้อง  แต่ถ้าพี่น่ะ  รักพี่กันจริง  พี่ต้องพยายามมากกว่านี้  ผมเป็นกำลังใจนะ”

    อติรุจยิ้มให้  ภาคิณยื่นไปจับมือ

    “แคน  นายจริงใจมากจริงๆ  พี่ไม่เคยเห็นใครจริงใจเท่านายมาก่อน  ไอ้น้องชาย”

    อติรุจยิ้มเจื่อน  เพราะที่ตนพูดไปเมื่อกี้มันเรื่องจริง  เหตุการณ์ในร้านอาหารก่อนที่เรืองฤทธิ์จะมา  จากการสีงเกตุมันพอให้เขารู้

    ยามที่ภาคิณมองนภัทร  และนภัทรมีอาการหลบตาและแสดงท่าทีเขิน  มันทำให้เขาเริ่มรู้ว่า 

    นภัทร  เริ่มหวั่นไหวไปกับภาคิณ,

    แต่เขา

    ที่พยายามใช้ความจริงใจเพื่อชนะใจนภัทร

    แต่นภัทร  ก็ให้ความสำคัญ  แค่น้องชายคนนึง

    “ผมเชื่อนะพี่โน่  ชนะใจพี่กันและพี่ริทให้ได้นะครับ”

    อติรุจว่า  ก่อนที่จะนึกในใจ

    “เริ่มเห็นความพ่ายแพ้แล้วสิเรา  ช่างเถอะ  หากพี่กันรักพี่โน่จริง  นายควรจะยินดีสิ”

    ภาคิณยังคงมองนภัทร  แม้ว่ารถของเรืองฤทธิ์จะขับไปพ้นสายตาแล้ว  ส่วนอติรุจ  ตอนนี้เริ่มคิดจะทำใจ

    หากว่าคนที่นภัทรมีใจ  ไม่ใช่เขา

    “กลับกันเถอะครับ  ผมว่าจะกลับเข้าไปบริษัท”

    ภาคิณนึกได้

    “อืม  แคน  พี่ขอบใจนายนะ  ที่ช่วย”

    อติรุจส่ายหน้า 

    “ไม่เป็นไรครับ”

    อติรุจยิ้มให้  ก่อนที่จะแยกย้ายไปเหมือนกัน  ส่วนภาคิณก็กลับไปในทางของตน

    เคลลี่เดินออกมาดู

    “แปลก”

     

    บ้าน  พัฒนะมหิศร

    “พี่เคลลี่  มีอะไรหรือเปล่าคะ”

    วริฏฐิสาถามพี่ชาย  ในขณะที่เคลลี่ที่กลับมาจากสถานีตำรวจที่ทำงานเอาแต่นั่งเหมือนมีอะไรในใจ

    “สา  แฟนเราเป็นยังไงบ้าง”

    ผู้เป็นน้องสาวยิ้ม

    “ก็ค่ะ  สากับพี่โมตอนนี้เรามีความสุขดีค่ะ  พี่โมจริงใจกับสาดูแลสาอย่างดี  พี่เคลลี่ไม่ต้องห่วงสานะคะ”

    เคลลี่ยิ้ม  ก่อนที่จะหันไปคุยกับน้องสาวตรงๆ

    “พี่อยากเจอว่าที่น้งเขย  พรุ่งนี้สาเรียกโมมาหาพี่ได้มั้ย”

    วริฏฐิสายิ้ม

    “ได้สิคะ  แต่ไม่รู้ว่าพี่โมจะว่างหรือเปล่านะคะ  ว่าแต่  พี่เคลลี่อย่างเจอพี่โมทำไมคะ”

    เคลลี่เงียบไปนิด

    “สารู้จักหมอเรืองฤทธิ์  นายภาคิณใช่ไหม”

    หญิงสาวนิ่งไปครู่นึง  ก่อนที่จะตอบ

    “ก็ค่ะ  พี่โมเล่าให้ฟัง  โดยเฉพาะพี่หมอริท  พี่เขาน่ารักมากนิสัยก็ดี  สาเคยเจอตัวจริงเขา  แต่ที่น่าแปลกนิดหน่อย”

    เคลลี่สนใจทันที

    “อะไรหรอ”

    วริฏฐิสายิ้ม

    “คือ  ดูเหมือนว่าพี่ริท   จะไม่ค่อยชอบใจที่สาคบกับพี่โมยังไงก็ไม่รู้สิคะ  เพราะตอนที่เจอครั้งแรก  พี่ริทย้ำว่าพี่โมเคยเป็นคนรักพี่โตโน่ที่เป็นพี่รหัสของพี่ริทยังไงไม่รู้นะคะ  แต่สาคงคิดมากไปเอง”

    เคลลี่งง

    “หรอ  นั่นสินะ  เราน่ะชอบคิดไปเอง  เอาเถอะ  เอาเป็นว่าพี่อยากเจอโม  นัดโมให้พี่หน่อยนะ”

    “ได้ค่ะ “

    เคลลี่ยิ้มให้น้องสาว  แต่คำพูดของวริฏฐิสารทให้เขาคิดตาม

    “ถ้าไม่ชอบใจที่โมกับสาน้องเราคบกัน  แล้วเหตุผลทำไมต้องทำอย่างนั้นล่ะ”

    วริฏฐิสาเห็นพี่ชายนิ่ง

    “พี่เคลลี่  พี่เป็นอะไรหรือคะ  สาเห็นพี่ท่าทางเครียด”

    เคลลี่สะดุ้ง

    “อ้อ  ไม่มีอะไร  งั้นพี่ขึ้นไปพักผ่อนละกัน”

    “ค่ะ”

    วริฏฐิสามองพี่ชายตามไป  ก่อนที่จะงง

    “พี่เรา  ดูเครียดยังไงแฮะ”

    ก่อนที่จะเดินไปหยิบหนังสือมาอ่าน

     

    “โห  ไอ้โน่  แกมีเรื่องกะริทถึงขนาดขึ้นโรงพักเลยหรอ”

    ภาคิณพยักหน้า  ก่อนที่ภัทรธิดาถอนหายใจเฮือกใหญ่

    “ทำไมน้องเรามันโมโหได้ขนาดนั้น  มันกะจะให้น้องมันอยู่กับมันตลอดไปหรือไง  เออ  โน่  ฉันก็เตอนแกแล้วนะเว้ย  แกไม่ฟังฉันเอง  เป็นยังไงล่ะ  รู้ฤทธิ์ริทมันยัง”

    ภาคิณพยักหน้า

    “ไม่นึกขนาดนี้เหมือนกัน  ไม่อยากเชื่อเลยว่าหวงน้องได้น่ากลัวขนาดนี้”

    ภัทรธิดามองเพื่อนตัวเอง

    “แล้ว  แกจะยอมแพ้หรือเปล่า”

    ภาคิณยิ้ม

    “ไม่  ยิ่งเจอแบบนี้  จะยอมแพ้ไม่ได้  เราจะเอาชนะใจริทมันให้ได้  เรารักกันมากว่ะ  ยิ่งเห็นน้องกันเป็นแบบนี้  เรายิ่งอยากเป็นคนดูแลกันมากกว่าเดิม  ริทมัน  ยังไงก็ไม่สามารถดูแลกันได้ตลอดเวลา  เราจะไม่ยอมแพ้”

    ภัทรธิดาหัวเราะ  จนภาคิณสงสัย

    “หัวเราะอะไรโม”

    “ก็หัวเราะแกน่ะสิ  หวังว่าแกคงไม่เละก่อนที่จะถึงวันั้นหรอกนะ”

    ภาคิณถอนหายใจ  แม้ว่าหนทางที่จะชนะพี่ชายคนที่ตนรัก  แต่

    ไม่ว่ายังไง

    ซักวัน  เขาต้องทำได้

    เขาจะพิสูจน์ให้เรืองฤทธิ์รู้ให้ได้  ว่าตนเองก็เป็นคนดูแลนภัทรด้วยความจริงใจ  ไม่แพ้พี่ชายอย่างเรืองฤทธิ์เหมือนกัน

     

    ..................................................................................................................................

    ทิ้งไว้นาน  ยังมีคนอ่านอยู่หรือเปล่าเอ่ย  ถ้าอ่านช่วยแสดงตัวหน่อยน้า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×