[Fic][TVXQ] Begin (YunJae x YuSu) 2024 - นิยาย [Fic][TVXQ] Begin (YunJae x YuSu) 2024 : Dek-D.com - Writer
×
NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด

    [Fic][TVXQ] Begin (YunJae x YuSu) 2024

    9 ปีแห่งการรอคอย 2 ปีของความทุกข์ทรมาน ถ้าโชคชะตาทำทุกอย่างเพื่อให้พวกเขาต้องจากกัน หนทางเดียวที่จะอยู่ด้วยกันได้อีกครั้ง คือแจจุงต้องห้ามรักพี่ยุนโฮ

    ผู้เข้าชมรวม

    35

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    35

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  26 มี.ค. 67 / 17:13 น.
    คำเตือนเนื้อหา NC

    มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ, มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง, มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตึก..ตึก..ตึก

     

                    เสียงของฝ่าเท้ากำลังกระทบกับพื้น ดังออกมาจากบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง เด็กน้อยหน้าตาปูดบวม ทั้งเนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำ กำลังวิ่งหนีความโหดร้ายที่กำลังวิ่งตามมาอย่างสุดชีวิต ในหลายปีต่อมาที่แจจุงหันกลับมาดูเหตุการณ์ในวันนี้ เขายังแทบไม่อยากเชื่อเลยว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร

     

                    “จะไปไหน ไอ้เด็กนรก!” เจ้าของเสียงเกรี้ยวกราดวิ่งตามแจจุงมาด้วยความโมโห เมื่อเห็นเด็กน้อยพยายามวิ่งหนีเขา ไฟความโกรธก็ยิ่งโหมกระหน่ำขึ้นอีก

     

                    “พี่ฮีชอล.. อย่า อย่าตีแจจุง แจจุงขอโทษ” แจจุงขอร้อง และพยายามแทรกตัวเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะในห้องรับแขก แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว เพราะฮีชอลจับข้อเท้าของเขาไว้ได้

     

                    เพลี๊ยะ!

     

                    ฝ่ามือหยาบกร้านตีไปที่ใบหน้าของแจจุง น้องชายตัวเล็กร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด แจจุงพยายามปัดป้องการถูกทำร้ายอย่างเต็มที่ แต่ทว่ามืออีกข้างของฮีชอลดึงผมของเขาไว้ ทำให้ยิ่งพยายามดิ้นหนีเท่าไร ก็ยิ่งเจ็บมากขึ้นเท่านั้น

     

                    “พี่ฮีชอล ฮื่อ แจจุงขอโทษ แจจุงจะไม่ทำน้ำซุปหกอีกแล้ว” แจจุงกล่าวอย่างสำนึกผิด ต้นเหตุของการกระทำอันรุนแรงในครั้งนี้ มาจากการที่เด็กน้อยทำน้ำซุปในถ้วยของตนเองหกเลอะพื้นบ้านสองสามหยด จริงๆแจจุงพยายามประคับประคองช้อนในมือไม่ให้สั่นไหวเวลากินข้าวแล้ว แต่การที่เด็กชายวัยเก้าขวบ ต้องกินข้าวเองโดยไม่หกเลอะเทอะ มันยากสำหรับแจจุงจริงๆ

     

                    เพลี๊ย!

     

                    ใบหน้าที่อาบน้ำตาโดนตีเข้าอีกหน แจจุงเจ็บปวดเสียจนกลายเป็นความชา ดวงตาเศร้าพยายามหลบสายตาดุดันของพี่ชาย แต่ก็ต้องยอมแพ้เพราะฮีชอลกระตุกผมของเขา และให้คำสั่งเสียงกร้าว

     

                    “มองหน้าฉัน”

     

                    แจจุงหันมาสบตาพี่ชาย เขาพยายามกลั้นเสียงสะอื้นอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้ฮีชอลมีอารมณ์โกรธเขาไปมากกว่านี้

     

                    “แกเคยรู้ไหม! ว่าแม่เสียสละแค่ไหนที่เลี้ยงแกมา” สิ้นคำพูดของฮีชอล แจจุงสังเกตได้ว่าพี่ชายของเขาดวงตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง และมีน้ำตาคลอ

     

                    “ฮะ” แจจุงตอบ มือของฮีชอลกำผมแจจุงไว้แน่น ความเจ็บแปลบทำให้แจจุงน้ำตาไหลไม่หยุด

     

                    “สารเลว!!”

     

                    ฮีชอลเหวี่ยงแจจุงลงกับพื้น ร่างบางกระแทกเข้ากับกระเบื้องอย่างจัง เด็กชายตัวน้อยกลั้นเสียงกรีดร้องเอาไว้เพื่อไม่ให้มันไปทำให้พี่ชายของเขาต้องรำคาญใจอีก มือเล็กๆพยายามลูบตัวเองเบาๆหวังเพียงว่ามันจะช่วยคลายความเจ็บลงได้บ้าง

     

                    “ไปเช็ดซะ!”

     

                    ฮีชอลปาผ้าขี้ริ้วใส่หน้า ทำให้แจจุงที่พยายามจะลุกขึ้นยืนล้มลงอีกครั้ง เด็กตัวเล็กพยุงตัวเองลุกขึ้นยืนอีกรอบ มือหนึ่งถือผ้าขี้ริ้ว อีกมือปาดน้ำตา และเดินก้มหน้าผ่านพี่ชายของตนมุ่งหน้าไปที่ห้องครัว ร่องรอยของน้ำซุปที่หกเริ่มจางไปบ้างแล้ว แจจุงก้มตัวลงกับพื้น และค่อยๆเช็ดจนหมดคราบ เด็กน้อยได้แต่โทษตัวเอง ทำไมเขาถึงไม่ระมัดระวังกว่านี้ ทำไมถึงได้ไม่รู้จักคุณค่าของเงินที่แม่หามา เพราะความสะเพร่าของตัวเองแท้ๆ ทำให้พี่ฮีชอลต้องโกรธและเสียใจหนักขนาดนี้

     

                    “จะร้องไห้หาพระแสงหรอ” เสียงของฮีชอลทำแจจุงสะดุ้ง ร่างบางหันมองพี่ชาย มือยาวเรียวสั้นระริ้กอย่างหวาดกลัว

     

                    “ปะ..เปล่าฮะ” แจจุงรีบปาดน้ำตา

     

                    “ก็แกร้อง!!”

     

                    “เปล่าฮะ” แจจุงยืนยันและกลั้นน้ำตา เมื่อเห็นว่าฮีชอลเริ่มโกรธเขาอีกแล้ว

     

                    “เดี๋ยวนี้ฝึกโกหกแล้วใช่ไหม!” ฮีชอลปะทุความเกรี้ยวกราดขึ้น ก่อนตรงดิ่งเข้ามาจิกหัวแจจุง

     

                    “พี่ฮีชะ.ชอล โกรธแจจุงเรื่องอะไร?” น้องเล็กพยายามถาม อย่างน้อยถ้าแจจุงรู้เหตุผล ก็อาจทำอะไรให้ฮีชอลหยุดโมโหได้บ้าง

     

                    “หุปปาก!”

     

                    “ฮื่อ...พี่ฮีชอล แจจุงเจ็บ”

     

                    “บอกให้เงียบ”

     

                    “พี่ปล่อย...อื่อ แจจุงเจ็บ”

     

                    “ตอแหล!”

     

                    “เรื่องอะไร?”

     

                    “ยังจะมาถาม!!”

     

                    “ปล่อยแจ...จุง”

     

                    แม้จะร้องไห้อ้อนวอน แต่ผมของแจจุงยังถูกจิกแน่นอยู่ในนิ้วฮีชอล

     

                    “พ...พี่ฮีชอล ทะ..ทำไม ฮื่อ”

     

                    ตุบ!!

     

                    ยังไม่ทันจะสิ้นคำถาม ร่างของแจจุงล้มลงกระแทกพื้นจากแรงเหวี่ยง แจจุงสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าทำอะไรให้ฮีขอลโกรธอีก ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรต่อไป รู้แต่ว่าร่างกายของเขาเจ็บเหลือเกิน เจ็บราวกับมันแตกหักออกเป็นเสี่ยงๆ ดวงตาเล็กข่มลงอย่างสุดกลั้น รู้สึกถึงลมหายใจในร่างกายที่ติดขัด เด็กน้อยเจ็บเกินกว่าจะพยุงตัวเองขึ้นมาได้อีกแล้ว ความชาแผ่ซ่านไปทั้งร่างกาย แต่มีเพียงอย่างเดียว ที่เด็กน้อยยังรู้สึกได้ว่า มันยังคงเคลื่อนไหวอยู่

     

                    นั่นคือหัวใจของเขาเอง

     

     

     

                    หัวใจที่ยังไงก็ยังรักพี่ชายคนนี้อยู่เสมอ

     

                    หัวใจที่ไม่ว่าจะถูกพี่ทำร้ายกี่ร้อยครั้งพันครั้ง ก็ไม่เคยโกรธเคืองพี่เลย

     

                    หัวใจที่เด็กน้อยถามมันอยู่เสมอ ว่าเมื่อไร มันจะหยุดเต้นเสียที..

     

     

     

                    แจจุงขอโทษฮะ...

     

     

     

                ภาพของแจจุงที่หายใจหอบถี่อยู่บนพื้น ผลันทำให้ร่างโปร่งของพี่ชายหยุดชะงัก สายตาที่ทอดมองน้องชายไม่วางตา กลับไม่ได้ปรากฎภาพตามความเป็นจริงที่ว่าแจจุงนอนตัวเขียวช้ำอยู่บนพื้น แต่กลับเป็นภาพของบุคคลคนหนึ่งที่เขาคุ้นเคย นอนหอบอยู่กับพื้นแทน มือหยาบของเขาที่ถือด้ามไม้กวาดหมายว่าจะตีแจจุงเริ่มสั่นไหว ห้วงอดีตราวสิบกว่าปีที่แล้วแล่นเข้ามาอย่างเฉียบพลัน

     

                    “เจฮี!”

     

                    เสียงของผู้ชายคนหนึ่งตวาดดังลั่นคฤหาสน์หรู ทำเอาฮีชอล เด็กชายวัยเก้าขวบสะดุ้งพลั่งทำตุ๊กตาในมือล้นพื้น

     

                    “คุณหนู ไม่เป็นไรนะคะ” หญิงสาวผู้เป็นพี่เลี้ยงรีบเข้ามาหยิบตุ๊กตาส่งให้ฮีชอลกอดอีกครั้ง เธอเข้าลูบหลังเด็กชายทั้งที่ตัวเองก็ดูหวาดกลัวอยู่เหมือนกัน

     

                    “แม่เป็นอะไร?” เด็กชายถาม ทำท่าจะเข้าไปหามารดาที่พยุงตัวขึ้นมาจากพื้น แต่โดนผู้เป็นพี่เลี้ยงห้ามไว้

     

                    “ยงอา เธอพาฮีชอลเข้าห้องนอนไป” ผู้เป็นบิดาสั่งพี่เลี้ยงสาว แต่ดูท่าจะไม่ง่ายเสียแล้ว เพราะเด็กน้อยปัดมือพี่เลี้ยงทิ้งไม่ยอมให้จับตัว

     

                    “พ่อฮะ แม่เป็นอะไร”

     

                    “...”

     

                    “พ่อ....”

     

                    “บอกให้เข้าห้องนอนไงเล่า!!”

     

                    เสียงตวาดนั้นทำฮีชอลชาวาบไปทั้งตัว เด็กน้อยน้ำตาคลอด้วยความกลัว มองผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้โกรธจัดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ท่อนขาของเขาก้าวไม่ออก พ่อมองเขาอีกครั้ง คราวนี้โกรธจัดกว่าเดิม พ่อง้างมือ กำลังจะตี เขาถูกตีแน่ๆ เด็กน้อยหลับตาอย่างหวาดกลัว

     

                    เพลี๊ยะ!

     

    ทันใดนั้นฮีชอลถูกดึงจากด้านหลัง ฝ่ามือของพ่อกระทบเข้าที่ใบหน้าของแม่ที่วิ่งเข้าปกป้องเขาแทน เด็กน้อยเริ่มร้องไห้เฉกเช่นมารดาของเขา

     

    “คุณบ้าไปแล้วหรอ! นี่ลูกนะ!”

     

    “ก็มันเสือกมาขว้าง!!”

     

    “พอ!! พอกันที ฉันไม่ทนแล้ว!!” แม่พูดพร้อมจูงมือฮีชอลให้ลุกขึ้น

     

    “คนอย่างเธอจะไปทำอะไรได้หา!!”

     

    “ฉันจะไปจากบ้านนี้ ฉันจะเอาลูกไปอยู่ด้วย ส่วนคุณ! จะไปกกอีนัวตัวไหนก็ไป! เชิญ!”

     

    ฮีชอลไม่รู้ว่าในตอนนั้น สิ่งที่พ่อและแม่พูดหมายถึงอะไร เขารู้แค่เพียงว่าหลังจากนั้น เขาและแม่ก็เดินออกจากคฤหาสน์ที่เป็นบ้านของเขาตอนเด็ก มาเช่าบ้านหลังเล็กอยู่กันจนถึงตอนนี้ ฮีชอลจำไม่ได้แล้วว่าเขากับพ่อเจอกันครั้งล่าสุดเมื่อไร รู้แต่เพียงว่าเขาคิดถึงพ่อมากเพียงใด ฮีชอลจำไม่ได้แล้วว่าวัยเด็กเขาสุขสบายขนาดไหน รู้แต่ว่าตอนนี้เขามีชีวิตที่ลำบากมากมายเพียงใด ฮีชอลจำไม่ได้แล้วว่าตัวเขาสวดมนต์ภาวนาให้พ่อและแม่คืนดีกันมากขนาดไหน เขารู้เพียงว่า.....

     

    พอแม่เลิกกับพ่อ แม่ก็คนใหม่ และท้องแจจุง โดยพ่อของแจจุงไม่โผล่หัวมาเลยตั้งแต่แม่ตั้งท้องจนกระทั่งบัดนี้ และโอกาสที่พ่อและแม่จะคืนดีกันก็หมดลง ตั้งแต่วันที่แจจุงเกิดมา ความโกรธแค้นเกลียดชัง มันฝังแน่นตั้งแต่วันที่แม่ให้เรียกแจจุงว่าน้อง ชีวิตของเขาต้องลำบากแบบนี้ก็เพราะแจจุง แจจุงคือตัวทำลายครอบครัวของเขา!

     

     

     

     

     

    “แจจุง!”

     

    ดวงตาเล็กค่อยๆขยับช้าๆตามเสียงเรียก ภาพตรงหน้าขุ่นมัวด้วยน้ำตาจนไม่แน่ใจว่ามือของฮีชอลถือสิ่งใดอยู่ คนตัวเล็กจับโต๊ะอาหารพยุงตัวขึ้นมา

     

    “ฮือๆ”

     

    “เงียบ!” สิ้นเสียงตวาด ฮีชอลง้างแขนหมายให้ด้ามไม้กวาดในมือตีไปที่แจจุง แต่คนตัวเล็กหวาดกลัวเกินกว่าจะทนเป็นเป้านิ่งอยู่ได้ แจจุงวิ่งออกมาจากห้องครัว มุ่งไปที่หน้าบ้านอย่างไม่คิดชีวิต เด็กน้อยเปิดประตู วิ่งออกไป และ...

     

    “เฮ้ย!!”

     

    “อ้าาา!!”

     

    โครม!!

     

    จักรยานขี่ลงเนินมาด้วยความเร็วสูง ชนเข้ากับแจจุงอย่างจัง ตัวของแจจุงกระเด็นไปที่พื้นถนนของอีกฝั่ง ส่วนจักรยานคันสีเขียวแก่และผู้ขับขี่นอนเจ็บอยู่ที่พื้นถนนจุดที่ชนแจจุง

     

    “น้อง!” ชายหนุ่มร่างกายสูงโปร่งเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นสิ่งที่เขาชนนั้นไม่ใช่สุนัขอย่างที่คิดไว้ตอนแรก แต่เป็นเด็กผู้ชายผิวขาวตัวเล็กๆ ไว้ผมหน้าม้าสีดำ กำลังนอนตัวกลมกุมเข่าตัวเองอยู่

     

    “ฮื่อ!!” แจจุงร้องด้วยความเจ็บ หัวเข่าของเขาถลอกมีเลือดซึมออกมา

     

    “น้อง เป็นไรมากไหม เฮ้ย!” หนุ่มวัยรุ่นอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นบาดแผลของแจจุง

     

    “ฮื่อๆๆ เจ็บ”

     

    “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ขอพี่ดูแผลหน่อย” เสียงนุ่มนวลเอ่ยต่อแจจุงอย่างอ่อนโยน ทำให้แจจุงยอมคลายมือที่กุมหัวเข่าอยู่ออก พี่ชายตรงหน้าเข้าสำรวจบาดแผลทันที จังหวะนี้เองทำให้แจจุงเห็นใบหน้าของคนที่ขี่จักรยานชนเขาได้อย่างชัดเจน ชายวัยรุ่นมีร่างกายสูงโปร่งกว่าแจจุงเกือบเท่าตัว ผิวกายของเขาเป็นสีน้ำผึ้ง ทรงผมสีดำสั้น ใบหน้าคมคายไปทางดุดัน ขัดกับน้ำเสียงและกริยาที่นุ่มนวลที่เขาทำต่อแจจุงมากนัก

     

    “ต้องทำแผลนะ”

     

    “ฮ...ฮะ” แจจุงตอบอย่างกลัวๆ

     

    “ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวพี่ทำแผลให้” ว่าจบร่างสูงค่อยๆประคองแจจุงลุกขึ้น แต่เมื่อร่างเล็กพยายามจะก้าวเท้าเดิน พี่ชายตรงหน้ากลับนำท่อนแขนมารัดขาเขาไว้

     

    “หยุด! จะเดินได้ยังไง”

     

    “แจจุงเดินได้ฮะ” ร่างบางบอกอย่างตกใจ

     

    “ไม่ได้! เป็นแผลทั้งตัวขนาดนี้ เดี๋ยวพี่อุ้มไป”

     

    “ไม่เป็นไรฮะ”

     

    “เป็น”

     

    “ไม่เป็นไรจริงๆฮะ”

     

    แต่ร่างสูงไม่ต่อล้อต่อเถียงให้เสียเวลา รีบอุ้มร่างของแจจุงแล้วพามุ่งตรงไปที่หัวมุมถนนทันที

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น