อีกครั้งที่เราเจอกัน... - อีกครั้งที่เราเจอกัน... นิยาย อีกครั้งที่เราเจอกัน... : Dek-D.com - Writer

    อีกครั้งที่เราเจอกัน...

    การพบกับอีกครั้งของพระเอกและนางเอก หลังจากหายไปเรียนต่อ....

    ผู้เข้าชมรวม

    123

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    123

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ก.ย. 55 / 10:42 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    งานเขียนนิยายสั้นๆครั้งแรกของ”คำโกหกของสายหมอก”

    จริงๆแล้ว เรื่องนี้เป็นงานที่หมอกต้องส่งครู ซึ่งใช้เวลาแต่งเพียงแค่ 2 วัน!!!!

    ได้หัวข้อมาว่า ต้องเกี่ยวกับประเทศที่เราได้  ของหมอกคือ “พม่า”

    แม่เจ้า!!! แค่นั้นลมแทบจับ ละครวิทยุที่เกี่ยวกับพม่า

    เท่านั้นแหละ!!!

    ออกมาเป็นเรื่องราวดังที่เอามาให้อ่านเลยค่ะ
    หวังว่าจะไม่เบื่อกันนะคะ

     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

      ณ พิธีจบการศึกษาของโรงเรียนแห่งหนึ่ง

      “เรียนจบแล้วแกจะไปไหนต่ออ่ะใบหญ้า”ทับทิมถามเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ

      “กลับเมืองไทย”คนถูกถามตอบเรียบๆ

       

      @ สนามบินสุวรรณภูมิ

      “ค่ะ...ถึงแล้วค่ะ...แล้วเจอกันค่ะ”ใบหญ้าที่เดินนำออกมากำลังคุยโทรศัพท์กับปลายสาย

      “เฮ้อ...มาถึงจนได้สิน้าาาาาา”ทับทิมที่เดินตามมาพูด

      “เอาเหอะน่า.....เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปที่บริษัทกัน”

      “แกนี่อยากเป็นไกด์มากขนาดสมัครงานล่วงหน้าก่อนมาเมืองไทยเลยนะ”

      “แน่นอนบัณทิตใหม่อย่างฉันซะอย่าง”

      “ย่ะ....แล้วคืนนี้ฉันขอไปนอนห้องแกก่อนนะ”

      “อื้อๆ”

       

      วันรุ่งขึ้น @ บริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง

      “เอาล่ะ!!! ลุยกันเหอะ”ทับทิมพูดด้วยเสียงที่ฮึกเหิม

      “อื้อ”ใบหญ้าที่ยืนอยู่ข้างๆตอบเบาๆ

      “ว่าแต่....แกกดกริ่งดิ”

      “เอ้า!!!!

      กริ่ง!

      “สวัสดีค่ะ ติดต่อใครค่ะ?”พนักงานสาวออกมาต้อนรับ

      “เอ่อ...พี่รันน่ะค่ะ”ใบหญ้าตอบ

      “อ่อค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ”

      “ห้องนี้แหละค่ะ”

      “ขอบคุณค่ะ”ทับทิมบอก
      ก๊อก
      ! ก๊อก!

      “เชิญครับ”เสียงของชายเจ้าของห้องตอบออกมา

      “สวัสดีค่ะ/สวัสดีค่ะ”ทั้งคู่กล่าวทักทายพร้อมกัน

      “สวัสดีครับ ใบหญ้า กับ ทับทิม ใช่ไหม?”ชายวัยกลางคนเจ้าของถามถึงผู้มาเยือน

      “ค่ะ/ค่ะ”

      “พี่มีข่าวดีจะบอก”

      “ค่ะ?”ทับทิมทำหน้าสงสัย

      “เพราะคนของเราไม่พอ สัปดาห์หน้าพี่ให้น้องทั้ง2 ไปเป็นผู้ช่วยไกด์ ทริปพม่าน่ะ”

      “จริงหรอค่ะ?”ใบหญ้าถาม

      “จริงสิ”

       

      @ สนามบินสุวรรณภูมิ

      “สวัสดีค่ะ... ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่การเดินทางในครั้งนี้...ดิฉัน...เปปเปอร์...หัวหน้าไกด์ในการเดินทางครั้งนี้นะคะ....ส่วนน้องอีก2คนทางด้านนี้ คือ น้องใบหญ้า และน้องทับทิม ผู้ช่วยไกด์ค่ะ”ไกด์สาวพูดกับลูกทัวร์

      “สวัสดีค่ะ/สวัสดีค่ะ”ใบหญ้ากับทับทิมกล่าวพร้อมกัน

       

      @ กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า

      “เอาล่ะค่ะ...หลังจากที่พวกเราลงเครื่องบินที่สนามบินมิงกาลาดง เมืองย่างกุ้ง กันไปแล้ว  ที่ประเทศพม่านี้เวลาจะไวกว่าประเทศไทยประมาณ 30 นาทีนะคะ....ในขณะที่พวกเรากำลังเดินทางอยู่นี้มีใครจะถามอะไรไหมค่ะ”เปปเปอร์ถาม

      “ครับ ผมครับ”ชายหนุ่มคนถึงตอบกลับมา

      “ค่ะ?”

      “สถานที่พวกเรากำลังจะไปคือที่ไหนหรอครับ?”

      “พระเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองของพม่าค่ะ..........ส่วนสิ่งที่น้องๆกำลังเดินแจกกันอยู่นั้นคือเซ็ตอาหารว่างของเรานะคะW

      “นี่ค่ะ.....อาหารว่างนะคะ.....นี่ค่ะ....ค่ะ......ค่ะ.....อาหารว่างนะคะ......อาหารว่างค่ะ...ทะ...ไทม์”ใบหญ้าที่กำลังเดินแจกอาหารว่างกับทับทิมอยู่ เมื่อเดินไปถึงที่นั่งด้านหลังก็มบางอย่างทำให้เธอหยุดชะงัก ก่อนจะเอ่ยชื่อของชายคนที่ถามเปปเปอร์เมื่อครู่

      “หือ?...ไทม์”ทับทิมที่เดินตามมาทีหลังพูดอย่างงงๆ

      “ใบหญ้า...ทับทิม”ชายหนุ่มเจ้าของชื่อเอ่ยชื่อของหญิงสาวทั้งสอง

      “มะ...มาได้ยังไงหรอ”ใบหญ้าถาม

      “ไอ้โซลกับปั้นหยาลากมาน่ะสิ”

      “อ่าว...ใบหญ้านี่นา ไม่เจอกันตั้งนาน...ทับทิมด้วย”ปั้นหยาที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างหันมาทักทาย

      “แหะๆ หวัดดีใบหญ้า...ทับทิม”โซลทักทาย

      “หวัดดี”ทับทิมหันไปตอบ

      “มีอะไรกันรึป่าว?”เปปเปอร์ที่เดินตามมาถาม

      “ป่าวค่ะ พอดีเจอเพื่อนเก่าน่ะค่ะ”

      “อ่ออออ...ดีจังเลยนะ ทริปนี้จะได้สนุกขึ้นอีก...เอาล่ะ!!! พี่ขอตัวไปทำหน้าที่ก่อน...ถึงจุดมุ่งหมายแรกของเราแล้วล่ะ......................เอาล่ะค่ะ!!!ทุกท่าน!!!ตอนนี้พวกเราได้ถึงจุดมุ่งหมายแรกของเราแล้วนะคะ นั่นก็คือสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าของเรานี้เอง พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง!!....ทุกท่านกรุณาตรวจสอบทรัพย์สินของท่านก่อนลงจากรถนะคะ”

      “ไปกันเถอะใบหญ้า”ทับทิมหันไปชวน

             “อืม”

       

       

       

      “เอาล่ะค่ะตอนนี้สมาชิกของเราครบกันแล้วนะคะ ก่อนที่จะเข้าไปข้างในนะคะ เปปเปอร์ขอชี้แจงก่อนว่า วัฒนธรรมของพม่านั้น การเข้าวัดทุกๆครั้งต้องถอดรองเท้านะคะ......เอาล่ะค่ะ เดินตามเปปเปอร์เข้ามากันเลย....ใบหญ้า ทับทิม เดินปิดข้างหลังให้พี่ทีนะ”

      “ค่ะ”ใบหญ้าตอบรับ

       

      “เรียนจบแล้วหรอหญ้า”ไทม์ที่ลงมาเดินข้างๆใบหญ้าถาม

      “อืม”

      “พึ่งมาทำงานหรอใบหญ้า”

      “อืม”

      “มาทริปนี้ทริปแรกเลยใช่ไหมเนี่ย”

      “อืม”

      “แล้ว...กลับมาอยู่เมืองไทยเลยใช่ไหม”

      “อืม”

      “แล้วกลับมาหาไทมใช่ไหม?”

      “อืม....เอ้ย ไม่ใช่”

      “ก็ไปแกล้งเขานะไทม์”ปั้นหยาที่อยู่ใกล้ๆบอก

      “หน้าบานเชียวนะมึง”โซลได้โอกาสแซวเพื่อน

      “อ่าว ไอ้โซล”

      “พูดความจริงนี่หว่า”

      “ไอ้...”

      “เอาน่า ฟังพี่เปปได้แล้ว”ทับทิมเอ่ยขึ้นมาห้ามทัพ

      พระมหาเจดีย์ชเวดากองนี้นะคะ ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง.............เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน8เส้น”ไกด์สาวที่เดินนำพูดแนะนำสถานที่

      “บนยอดสุดของพระเจดีย์ มีเพชรอยู่5,448เม็ด โดยเฉพาะชื้นข้างบนสุดมีเพชรเม็ดใหญ่อยู่72กระรัต และทับทิม2,317เม็ดค่ะ”ใบหญ้าเสริม

      “และยังมีเรื่องเล่าขานว่าทองคำที่ใช้ในการก่อสร้างซ่อมแซมพระมหาเจดีย์นี้มีจำนวนมากมายมหาศาลยิ่งกว่าทองคำที่เก็บอยู่ที่ธนาคารชาติอังกฤษเสียอีก”ทับทิมต่อท้าย

      “มหาเจดีย์นี้นะคะ เป็นที่เคราพศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวพุทธ.........ปัจจุบันรัฐบาลพม่าได้บูรณะให้งดงามยิ่งใหญ่สมเป็นมหาเจดีย์องค์สำคัญค่ะ......เอาล่ะค่ะขอเชิญทุกท่านเดินชมได้ตามอัธยศัย ได้เลยนะคะ แล้วในอีกประมาณ1ชั่วโมง มาเจอกันตรงนี้นะคะ....ใบหญ้า ทับทิม จะไปเดินเล่นกับลูกทัวร์ก็ได้นะ”เปปเปอร์บอกกับน้องสาวทั้งสอง

      “ขอบคุณค่ะ”ทับทิมตอบรับ

       

      “เฮ้!!! ทิมมาด้วยกันสิ”โซลชวน

      “อื้ม”

      “ดู2คนนั้นสิ เขาคงกลับมาคบกันอีกล่ะมั้งท่าทาง”ปั้นหยาที่ยืนมองเพื่อนอยู่พูดขึ้น

      “เธอไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านเขาทำไม”โซลพูดกับหญิงสาวข้างกาย

      “ใครไปสอดห่ะ”

      “ฉันก็คิดเหมือนปั้นหยานะ”ทับทิมสนับสนุน

      “เห็นไหมล่ะ”ปั้นหยาหันไปมองโซล

      “ใบหญ้ายังรักไทม์อยู่”

      “ส่วนไอ้ไทม์ก็ยังรักใบหญ้าอยู่”โซลบอกต่อ

      Happy Endding”ปั้นหยาพูด

      “ก็ไม่แน่มั้ง”

      “ไอ้ไทม์มันไม่ได้เจ้าชู้แบบแกซะหน่อยโซล”ทับทิมแขวะ

      “ปากหรอนั่น”

      “ขอlikeทับทิมสักล้านรอบ”ปั้นหยาบอกทับทิม

      “ดูนู้นก่อน ไอ้ไทม์มันก็ไวใช่เล่น คว้ามือหญ้าไปจับแล้วนู้น”โซลบอก

       

      “ไม่ได้เจอกันตั้งนานเนอะ”ไทม์เปิดการสนทนา

      “อื้ม”

      “ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันอีกจริงๆ”

      “ก็บอกไปแล้วว่าเจอกันอีกค่อยว่ากัน”

      “เรื่องแต่งงานน่ะหรอ”

      “ยังไม่ลืมอีกรึไง”

      “ใครจะไปลืมล่ะ...รึเธอลืม”

      “ปล่าวสักหน่อย”

      “เห็นไหมล่ะ”

      “ก็นะ”

      “แล้ว...ตอนนี้เราเจอกันแล้ว จะว่ายังไงดีล่ะ?”

      “หืม?”

      “ก็...กลับมาคบกันอีกครั้งได้ไหม....ฉันยังรักเธอ...แล้วตั้งแต่เธอไปเรียนต่อเมืองนอก ฉันก็ไม่เคยมีใคร”

      “จริง?”

      “จริงๆ ฉันรับรองได้ว่าไอ้ไทม์มันไม่เคยมีใครระหว่างที่เธอไปเรียนเมืองนอก”โซลที่เดินมาตอบแทนเพื่อน

      “ฉันก็ขอรับรองอีกคนหนึ่ง”ปั้นหยาบอกต่อ

      “ฉันไม่ได้รีบร้อนอะไรหรอก ค่อยๆคิดก่อนก็ได้”ไทมืหันไปยิ้มให้กับใบหญ้า

      “อืม...ขอบคุณนะ”

      “ไม่เป็นไรหรอก”

      “ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ แต่หมดเวลาแล้วล่ะ ไปรวมกับพวกพี่เปปเปอร์กันเถอะ”ทับทิมขัดขึ้นมา

       

      “มากันครบแล้วใช่ไหมค่ะ ตอนนี้ก็เย็นแล้ว กำหนดการต่อไปนะคะ เราจะไปรับประทานอาหารเย็นกันพร้อมกับชมการแสดงพื้นเมืองนะคะ แล้วหลังจากนั้นเราจะเข้าที่พักกันนะคะ”ไกด์สาวบอกก่อนรถจะเริ่มเคลื่อนที่

       

      @ ร้านอาหาร

      “เด็กๆที่แสดงน่ารักจังเลยเนอะ”ไทม์มองเด็กๆที่แสดงกรละเล่นพื้นเมืองอยู่บนเวที

      “อื้ม”ใบหญ้าเห็นด้วย

      “อาหารก็อร่อยเนอะ”ทับทิมพูด

      “ใช่ๆ ถึงหน้าตามันจะดูไม่ค่อยดีก็เถอะ”ปั้นหยาตอบ

      “เมื่อไหร่จะได้เข้าโรงแรมอ่ะ ชักง่วงแล้วนะ”ชายหนุ่มตัวโตเริ่มงอแง

      “เดี๋ยวก็ได้ไปแล้วล่ะมั้ง การแสดงจบแล้งก็คงไปล่ะนะ”ใบหญ้าหันมาตอบ

      “อื้ม”

      “เอาล่ะค่ะ ทานกันอิ่มแล้ว เดินทางเข้าที่พักกันเลยดีกว่าเนอะ.....คืนนี้นะคะ เราจะเข้าพักกันที่ โรงแรม CHATRIUM นะคะ”ไกด์สาวทำหน้าที่อีกครั้ง

       

      @ โรงแรม CHATRIUM

      “ได้นอนสักที แกไปอาบน้ำเถอะไอ้ไทม์”โซลนอนอยู่บนเตียงบอก

      “แล้วแกล่ะว่ะ”

      “นอนแล้ว ค่อยอาบพรุ่งนี้ ง่วง”

      “เออๆ”

      Good Night

      Good Night

       

      ก๊อก! ก๊อก!

      “ครับ...........อ่าว ใบหญ้า”ไทม์เดินออกไปเปิดประตู

      “อื้ม.............ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนหน่อยสิ นอนไม่หลับน่ะ”

      “อื้อๆ แปปนะ”

      “อื้อ....แล้วโซลล่ะ”

      “หลับไปแล้ว”

       

      “ไปกันเถอะ”ไทม์เดินนำออกไป

      “อื้ม”

      “แล้วทำไมถึงชวนฉันออกมา”

      “ก็บอกแล้วว่านอนไม่หลับ”

      “พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีกนะ”

      “อือ”

      “พรุ่งนี้จะได้ไปไหนอ่ะ”

      “ไม่บอกหรอก”

      “โถ่ ใจร้าย”

      “แล้วทำไมถึงมาเที่ยวพม่าล่ะ”

      “ก็บอกแล้วว่าไอ้โซลกับปั้นหยาบังคับมา…..เห็นมันว่า มันได้gift voucherมาเที่ยวพม่า4ใบ”

      “สองคนนั้นจะชวนนายมาเป็น กขค. ทำไม.............รึว่า...ที่ว่างที่หนึ่งที่หายไปนั่น”

      “อือ อีกที่หนึ่งมันบอกจะให้ฉันชวนใครมาก็ได้ แต่ฉันไม่มีใครให้ชวนมาด้วยนี่นา”

      “อืม.....ส่วนเรื่องของเราที่เคยพูดไว้นะเอาตามนั้นก็ได้นะ”

      “หือ?”

      “กะ....ก็....จะกลับมาคบกันเหมือนเดิมไหม?”

      “อื้อๆ....นี่ๆ หญ้าหน้าแดงอ่ะ”

      “บ้า!!!

       

       

       

      “จนได้สินะ”โซลที่มองอยู่พูดเบาๆ

      “นายนี่ก็ไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเค้าเนอะ”ปั้นหยาที่อยู่ข้างๆบอก

      “แล้วเธอตามฉันมาทำไมล่ะ”

      “ก็อยากรู้บ้างนี่นา”

      “ไปนอนได้แล้ว ไป”

      “ไปก็ได้”

       

       

      เช้าวันรุ่งขึ้น

      “เอาล่ะค่ะ วันนี้พวกเราเป็นวันสุดท้ายแล้วของทริปนี้ วันนี้เราจะเดินทางสู่ หงสาวดี............หงสาวดีนคะ อยู่ห่างจากเมืองย่างกุ้งประมาณ80กม เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของอาณาจักรมอญโบราณอันรุ่งเรืองค่ะ............................................อีกสักครู่นะคะ จุดหมายต่อไปของเรานะคะ คือ พระราชวังกัมโพชธานีค่ะ แล้วจะให้เดินชมตามอัธยาศัยค่ะ”ไกด์สาวยังคงทำหน้าที่

      “ทับทิมๆ”โซลเรียกเพื่อนสาว

      “หือ?”

      “เมื่อกี่พี่เปปเปอร์เขาบอกว่าเราจะไปไหนกันนะ”

      “พระราชวังกัมโพชธานี”

      “อืมๆ thank youW

      “อ้าว ปั้นเป็นไรอ่ะ”
      “เมารถนิดหน่อยอ่ะ เมื่อกี้หญ้าเอายามาให้แล้วก็หลับไปเลยเนี่ย”

      อืม แหมหลับต้องพิงไหล่ด้วยนะ”

      “เหอะน่า”

       

       

      “พระราชวังกัมโพชธานีนะคะ หรือพระราชวังบุเรงนอง แต่ว่าที่เห็นอยู่ข้างหน้านี้เป็นเพียงแบบจำลองที่ทางรัฐบาลพม่าจัดสร้างขึ้นมาเท่านั้นนะคะ......อย่าลืมถอดรองเท้าก่อนเข้าชมนะคะ......เข้ามาทางนี้ คือ ราชรถจำลองของพระเจ้าบุเรงนอง ส่วนทางนี้เป็นบานประตูและท่อนซุงเดิมค่ะ..........เดินมาทางนี้อีกหน่อยคือประตูท้องพระโรงที่พระเจ้าบุเรงนองใช้ออกว่าราชการ”ไกด์สาวเดินนำเช่นเคย

      “ส่วนประตูข้างๆทางด้านนั้นคือทางไปด้านหลังของท้องพระโรงนะคะ ทุกท่านสามารถเดินชมได้ตามอัธยาศัยนะคะ อีกสักครู่เราจะไปอีกที่หนึ่งที่มีความสำคัญกับพวกเราชาวไทยนะคะ”ใบหญ้าเสริม

       

      “ทับทิมๆ พี่ถามอะไรหน่อยสิ”เปปเปอร์เดินมาถามเบาๆ

      “ค่ะ?”

      “ใบหญ้ากับผู้ชายคนนั้นน่ะ มีอะไรกันหรอ”

      “อ่อค่ะ ไทม์กับใบหญ้าเคยเป็นแฟนกันก่อนที่ใบหญ้าจะไปเรียนต่อเมืองนอกน่ะค่ะ”

      “อ่อ มิน่าล่ะ”

      “ค่ะ ต่อไปนะคะเราจพาไปชมพระตำหนักผึ้งกันนะคะ”ใบหญ้าเดินนำลูกทัวร์ไป

      “พระตำหนักผึ้ง หรือ อีกชื่อหนึ่งก็คือ ภุมราสน์บัลลังก์.....พระเจ้าบุเรงนองทรงโปรดปรานผึ้งมาก และใช้การต่อสู้ของผึ้งมาใช้เป็นยุทธวิธีในการรบ  และเมื่อพระเจ้าบุเรงนองสร้างพระราชวังนี้เสร็จ ก็มีฝูงผึ้งมาทำรังอยู่หลายร้อยปี....ภายใต้บรรลังก์ของผู้ชนะสิบทิศ คือ รูปของ ผึ้ง  ซึ่งแตกต่างจากกษัตริย์องค์อื่นๆของพม่าที่เป็นสิงห์”เปปเปอรี่พึ่งได้พักเหนื่อยกลับมาอธิบายอีกครั้ง

      “ด้านทางเข้าด้านหน้ามีหนังสือที่เกี่ยวข้องกับพระนเรศวร รวมทั้งพระนางสุพรรณกัลยาวางขายด้วยนะคะ แต่เขียนเป็นภาษาพม่า”ใบหญ้าบอก

       

      ด้านหลังของท้องพระโรงจะมีห้องซึ่งเป็นที่เชื่อว่าพระนางสุพรรณกัลยาเคยประทับอยู่ด้วยค่ะ”เปปเปอร์เสริม

      ส่วนทางด้านฝั่งตรงข้ามกับพระตำหนักผึ้งเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงไม้สักซึ่งเคยใช้สร้างเป็นพระราชวังกัมโพชธานีที่เราไปชมมาเมื่อสักครู่นี้ค่ะ”ใบหญ้าบอก

      “และบางแหล่งข้อมูลบอกว่า ตรงต้นมะพร้าวนั้นเคยเป็นที่ประทับของพระนเรศวรด้วยค่ะ...............ถ้าท่านใดชมครบแล้วนะค่ะขึ้นรถของเราได้เลยนะ แล้วเราจะไปรับประทานอาหารกลางวันก่อนกลับเมืองไทยกันค่ะ”เปปเปอร์บอก

       

      “ขณะนี้นะคะพวกเรากำลังข้ามแม่น้ำสโตงกันค่ะ คงจะเคยได้ยินกันมาแล้วบ้างว่าพระมหาอุปราชจัดทัพ แล้วให้สุรกรรมาเป็นทัพหน้า นำทัพไล่มาทันทัพของพระนเรศวรที่แม่น่ำสโตงซึ่งมีความกว้างประมาณ ๔๐๐ เมตร สมเด็จพระนเรศวรทรงประทับอยู่บนคอช้างริมแม่น้ำทรงประทับพระแสงปืนยาว ๙ คืบหรือ ๒ เมตร ๒๕ เซนติเมตร ทรงยิงไปถูกสุรกรรมาตายอยู่บนคอช้าง ทำให้พม่าเกรงกลัวและถอยทัพกลับไป พระแสงปืนต้นนี้มีนามว่า  พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง  หลังจากนั้นสมเด็จพระนเรศวรทรงเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา”หลังจากขึ้นรถเปปเปอร์เริ่มอธิบายอีกครั้ง

       

       

       

      @ สนามบินสุวรรณภูมิ

      “ฉันรู้สึกว่าเหมือนเรายังไม่ได้นั่งเครื่องบินเลยสักนิด”โซลบิดขี้เกียจ

      “ถ้านายอยากนั่งนานๆ ก็ไปทัวร์ยุโรปสิ”ปั้นหยาบอก

      “นั่นก็เมื่อยไปอีกอ่ะ”

      “ไม่มีอะไรพอดีจริงๆเลย”

      “ไปเหอะไอ้ไทม์”โซลหันไปบอกเพื่อน

      “เออๆ....แล้วเจอกันนะหญ้า”ไทม์ขานรับ ก่อนจะหันไปบอกใบหญ้า

      “อื้อ”

      “ไปล่ะนะหญ้า ทิม พี่เปปเปอร์ด้วยครับ”โซลหนไปลา

      “บาย หญ้า ทิม บายค่ะพี่เปปเปอร์”ปั้นหยาโบกมือลาก่อนจะเดินไป

       

       

       ---THE END---

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×