ติวรัก... (Yaio)
สถาบันสอนพิเศษ ทำให้ผมได้มาเจอกันมัน และหลงรักมัน แต่มันเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผม ผมควรตัดใจ หรือเดินหน้าต่อ ในขณะที่ผมยังตัดสินใจไม่ได้ ผมกลับเผลอไปจูบมันเข้าซะแล้วสิ
ผู้เข้าชมรวม
1,401
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
ติวรัก.....
เรื่องราวความรัก
ของเพื่อนสนิทสองคน
ที่พบกันที่สถาบันกวดวิชา
มาช่วยลุ้นเรื่องราว
ความรักของพวกเขากันเถอะ
กานต์
พีท
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ติวรัก....
วันนี้ผมก็ไม่ได้เจอมันอีกแล้ว
ผมมานั่งรอมันที่นี่ทุกวันโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้เจอมันอีกครั้งเมื่อไหร่
ผมกับมันรู้จักกันผ่านสถาบันสอนพิเศษขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ผมลงเรียนวิชาเคมีที่นี่มาตั้งแต่ ม.4 เทอมแรกผมยังไม่เห็นมัน
แต่เทอมที่ 2 มันก็โผล่มาเรียน โดยนั่งเรียนข้างๆผม
มันชื่อพีท เป็นคนร่าเริง นิสัยดีมาก ใครๆก็รู้จักมัน
มันตัวเตี้ยกว่ามาตรฐานนิดหน่อย ทำให้เป็นที่สังเกตง่าย เวลาผมมองหา
ทุกวันที่มีเรียนมันจะเข้าเรียนพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง จับมือมันเดินเข้ามาทุกเช้า
เมื่อก่อนผมไม่เคยคิดจะสนใจมัน
จนกระทั่งวันหนึ่งผมเห็นมันยืนตาแดงๆ
อยู่หน้าสถาบันสอนพิเศษ
ผมกำลังจะเดินผ่านไป แต่มันกับพูดขึ้นมาว่า
“มึงเคยโดนทิ้งไหม” ผมไม่รู้ว่ามันคุยกลับใคร เลยจะเดินต่อ
มันเดินมาขวางหน้าแล้วถามผมอีกครั้ง
“ตอบกูหน่อย มึงเคยอกหัก แล้วโดนทิ้งไหม”
“ไม่เคย” ผมตอบ
“งั้นมึงคงไม่เข้าใจกู” มันกำลังจะเดินจากไป
“ แต่กูสามารถรับฟังมึงได้นะ” ผมพูดอีกครั้ง
หลังจากนั้นมันก็เล่าเรื่องราวความรักของมันกับผู้หญิงที่เข้ามาเรียนด้วยกันทุกวัน
มันรักแฟนมากยอมแฟนทุกอย่าง แต่แฟนมันเจอรุ่นพี่ที่โรงเรียนมาจีบ
และเค้าก็บอกเลิกมันแล้วไปคบกับรุ่นพี่คนนั้น
มันไม่เข้าใจว่ามันผิดอะไร ผู้หญิงคนนั้นถึงทิ้งมันไป
พอมันเล่าก็ร้องไห้ออกมาด้วย
ผมไม่รู้จะตอบมันว่าอย่างไร คิดแค่ว่าเวลาผมเสียใจ
แม่จะปลอบผมโดยการกอด
ผมเลยเอื้อมมือไปดึงมันเข้ามากอดไว้แล้วลูบหลังมันเบาๆ
จนมันเลิกร้องไห้
จากวันนั้นมามันกับผมก็คุยกันมากขึ้นเวลาเจอกัน
เวลาเลิกเรียนก็ไปกินข้าวด้วยกัน
จากม.4 ก็ ขึ้นม.5 ความสัมพันธ์ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
จากคนที่ไม่เคยทัก ก็กลายเป็นเพื่อน
จนสุดท้ายเป็นเพื่อนสนิท ช่วงม.5 เทอม2
ผมกับมันสนิทกันมากแม้ว่าจะอยู่คนละโรงเรียน
ผมต้องคอยสอนการบ้านให้มัน มันเป็นคนขยันเรียน
แต่หัวช้าต้องค่อยบอกตลอด ช่วงนี้
ผมลงเรียนพิเศษกับมันทุกวิชา ทั้งหลังเลิกเรียน
และวันหยุดผมต้องได้เจอมัน
ช่วงหลังๆมาผมไม่เคยเห็นมันมีแฟนอีกเลย
จากที่คิดแค่เพื่อน ผมเริ่มรู้สึกดีกับมันมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลา
จนกระทั่งผมรู้ว่าผมรักมัน ตอนม.6 มันมาบอกผมว่ามันจะมีแฟนอีกครั้ง
ผมตกใจมากแต่ยังไม่ได้แสดงอาการใดๆให้มันรู้
ผมถามมันไปว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
มันบอกว่าเป็นเพื่อนที่โรงเรียนมัน เค้ามาบอกว่าชอบมัน
เพราะอยู่ ม.6 แล้วกลัวว่าจบไปจะไม่ได้เจอกันอีก
ผมเลยถามมันว่า รักผู้หญิงคนนั้นรึเปล่า แต่มันไม่ยอมตอบ
ผมเลยบอกมันว่า “ถ้าคิดว่าชอบเค้าก็ตกลงลองคบกันก็ได้”
ตอนพูดผมรู้สึกเจ็บกับคำพูดของตัวเองมาก แต่ก็ไม่อยากแสดงออกมา
ผมขอแค่ให้ได้อยู่อย่างนี้กับมันก็พอให้ผมได้อยู่ใกล้ๆ มันอย่างนี้
เวลาของผมกับมันเหลือน้อยเต็มที ถ้าจบม.6 เราคงเรียนคนละที่
และคงไม่มีความจำเป็นต้องเรียนพิเศษอีกต่อไป คิดแล้วก็เศร้าครับ
จากวันนั้นมันก็คบกับผู้หญิงที่มาเล่าให้ผมฟัง
พากันมาเรียนพิเศษด้วยกัน
ผมก็ยังคงเรียนที่เดิมอยู่ในชีวิตของมันเหมือนเดิม
แต่ความสัมพันธ์ของผมกับมันลดลง
จากที่เคยไปกินข้าวด้วยกันหลังเลิกเรียน
มันก็ไปกับแฟน วันหยุดก็อยู่กับแฟนของมัน
ช่วงนี้ผมเริ่มทำใจแล้วว่าผมคงได้แค่แอบรักมันข้างเดียว
จนวันหนึ่งผมได้ข่าวจากเพื่อนว่ามันเลิกกับแฟนคนใหม่อีกแล้ว
ผมไม่เห็นมันมาเรียนเป็นอาทิตย์ พอเจอมันอีกครั้งมันดูซูบลงไป
แต่ก็กลับมาคุยกับผมเหมือนปกติ
เราใช้ชีวิตเหมือนเดิมทุกวันจน กระทั้งม.6 เทอม2 ก่อนปิดเทอม1 สัปดาห์
แฟนเก่ามันที่เพิ่งเลิกกันกลับมาขอคืนดี มันยืนคุยกับแฟนเก่ามันต่อหน้าผม
แฟนเก่าของมันพยายามจะให้มันกลับไปคืนดีด้วย
ท่าทางของมันก็เหมือนจะกลับไปแต่ก็ยังลังเล
อยู่ๆผู้หญิงก็คว้าตัวมันเข้าไปจูบ แล้วบอกว่ากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ
และจะมาเอาคำตอบอีกครั้งแล้วเดินจากไป
ผมตกใจ แต่ก็ยังทำหน้าเรียบเฉยไม่ไดแสดงออก
มันหันมามองผม แล้วพูดว่า “กูควรกับไปคบกับเค้าไหมวะ”
“เค้าจะทำให้มึงเสียใจอีกไหมล่ะ มึงต้องตัดสินใจเอง” ผมพูดไป
“ไม่มีใครรักกูจริงบ้างเลยรึไงวะ” มันพูดขึ้น
“มีสิ”
“ไม่เห็นมีเลย กูโดนเค้าทิ้งมากี่ครั้งแล้ว มีแต่คนทิ้งกู”
มันพูดเสร็จทำท่าจะเดินจากไป
“กูไง ที่รักมึงจริง รักมาตั้งแต่ม.5” ผมพูดขึ้นแล้วดึงแขนมัน
ตัวมันหันมาประทะกับผมแล้วผมก็จูบมันไป
หลังจากจูบกันผมก็มีสติขึ้นมา แล้วเอ่ยขอโทษมัน
มันไม่พูดอะไรซักคำ เอาแต่ยืนจ้องหน้าผม
ผมรู้ว่ามันคงช็อค ผมเลยขอโทษมันอีกครั้งแล้วเดินจากมา
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผมยังไม่ได้เจอมันอีกเลย
มันไม่เคยมาเรียนพิเศษอีก
แต่ผมก็ยังนั่งรอมันทีเดิมทุกวันจนเย็นผมถึงจะกลับบ้าน
ผมก็แค่อยากขอโทษมันแล้วให้เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
แต่ความหวังของผมคงเป็นไปไม่ได้
แม้แต่คำว่าอภัยผมคงไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับจากมัน
ผมผิดที่ทรยศความไว้ใจของมัน คิดไม่ซื่อกับมัน และยังไม่จูบมันอีก
ผมคิดอย่างเศร้าๆ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ร้านกาแฟ
หน้าสถาบันสอนพิเศษที่ผมมาคอยมันทุกวัน...หยิบกระเป๋าแล้วเดินออกมา
ช่วงที่ผมกำลังจะเดินไปที่ป้ายรถเมล์
“กานต์”
ผมได้ยินเสียงเรียกมาจากข้างหลัง
เป็นเสียงที่ผมรอมานาน
ผมหันไปมอง เห็นพีทกำลังมองมาที่ผม
ผมได้แต่ยืนอึ้ง เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอพีทอีก............
“พีท” เสียงกานต์ที่เรียกผมเบามาก
ผมรู้สึกใจหายที่มันดูผอมลงไปมากจากที่เจอกันครั้งสุดท้าย
ขอบตาก็ดำคล้ำไม่รู้ว่าได้กินอิ่มนอนหลับรึเปล่า
ผมไม่ได้เจอมันมาเกือบหนึ่งเดือนเต็ม
ระยะเวลาที่นานมากสำหรับผม
ทั้งที่เมื่อก่อนเราจะได้เจอกันเกือบทุกวัน
ผมรู้จักกับกานต์ที่สถาบันสอนพิเศษ
ตอนผมเข้ามาแรกๆผมไม่ได้สนใจมันเลย
ผมอยู่กับแฟน มีความสุขกับแฟนและเพื่อนๆในคลาส
บางทีผมยังเคยคิดว่าผู้ชายที่นั่งทางขวามือของผมชั่งไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ซะเลย
มันไม่เคยคุยกับผม ซักคำทั้งๆที่ผมนั่งอยู่ข้างๆ
ผมแกล้งขอยืมยางลบ มันก็ส่งให้ โดยไม่มองหน้า หรือพูดกับผม
ความสงสัยของผมที่ว่าผู้ชายคนนี้เคยคุยกำใครบ้างไหม หรือชีวิตมีแต่การเรียน
เพราะมันเอาแต่เรียนกับเรียน มาติวทุกวัน
แต่ที่ผมมาติวเพราะผมตามแฟนของผมมา
แฟนผมเป็นคนน่ารัก คุยง่าย เข้าได้กับทุกคน
จนมีคนมาจีบเธอไปจากผม
วันที่เธอบอกเลิกผมเป็นหลังเลิกเรียนพิเศษ
พอบอกเสร็จเธอก็ไปกับรุ่นพี่คนนั้นโดยไม่หันกลับมามองผมอีกเลย
ผมได้แต่คิดว่าเพราะอะไร ทำไมเธอถึงทิ้งผมไป
ตอนที่ผมกำลังจะร้องไห้ออกมา
ผมมองเห็นว่าคนที่นั่งข้างๆผมกำลังจะเดินผ่านผมไป
ผมดันคิดไปว่าที่มันไม่คุยกลับใครเพราะโดนทิ้งมา
จนไม่อยากคุยกับใครอีกหรือเปล่าเลยถามมันไปว่า
"เคยโดนใครทิ้งรึเปล่า" แต่คำตอบของมันก็ทำให้ผมผิดหวัง
เพราะมันไม่เคยโดนใครทิ้ง มันคงไม่รู้ถึงความรู้สึกของผม
แต่ตอนที่ผมกำลังจะเดินไปหาที่สงบๆ
มันกลับเรียกผมไว้ และยอมรับฟังเรื่องราวการโดนทิ้งของผม
มันไม่พูดปลอบ เยาะเย้ย หรือความเห็นออกมา
แต่มันกลับดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้เฉย
ตอนนั้นผมแค่อยากมีใครซักคนที่อยู่เคียงข้างผม
คอยอยู่ใกล้ๆ และรับฟังเรื่องราวที่ผมกำลังเล่า
ผมเล่าไปก็ร้องไห้ไป
มันไม่น่าดูเลยสำหรับลูกผู้ชายที่ต้องมาร้องไห้ให้ใครซักคนเห็น
แต่ตอนนั้นผมไม่อาย และรู้สึกอบอุ่นจากอ้อมกอดของมัน
ที่ผมกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง ก็เพราะอ้อมกอดในครั้งนั้นของมัน
จากวันนั้นผมเลยทักมันก่อนทุกครั้งที่เข้ามาเรียนที่สถาบันสอนพิเศษ
หาเรื่องชวนคุย และแกล้งยืมของมันบ่อยๆ
อยากรู้ว่าทำไมมันถึงไม่คุยกับคนอื่น
จนมารู้ว่ามันเป็นคนที่ขยันเรียน มีเพื่อนน้อย
มันมาเรียนที่นี่คนเดียว โดยที่คนอื่นจะมีเพื่อนมาเรียนด้วย
ไม่มีใครคุยกับมันก่อนมันจึงไม่รู้จะคุยอะไรกับเขา
เมื่อผมเริ่มสนิทกับมัน ทำให้รู้ว่ามันเป็นคนนิสัยดี คุยสนุก
สามารถเป็นที่ปรึกษาได้ทุกเรื่อง และยังสอนการบ้านผมด้วย
ผมกับมันสนิทกันมากจนแทบจะรู้ทุกเรื่องของกันเลยทีเดียว
ผมมักรู้สึกแปลกๆทุกครั้งเวลาที่อยู่ใกล้มัน ใจผมเต้นแรง
บางครั้งผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงมาก
เวลาที่เราทำการบ้านด้วยกันแล้วเผลอสบตากัน
จนผมเริ่มแน่ใจว่าผมรักมันเข้าแล้ว
ตอนที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกรักมัน
เป็นเด็กนักเรียนรุ่นน้องโรงเรียนผมเองนั่นแหละ
ตอนที่ผมบังเอิญไปเห็น ผมยอมรับว่าตกใจมาก
ผมใจสั่น มือสั่น แล้วน้ำตาของผมก็ไหลออกมาอีกครั้ง
หลังจากที่ผมร้องไห้ครั้งนั้นตอนที่แฟนผมบอกเลิกผมไม่เคยร้องอีกเลย
แต่แค่ผมเห็นว่ามันจะถูกคนอื่นแย่งไป ผมถึงกับร้องไห้ออกมา
ผมทนดูต่อไปไม่ไหวเลยเดินหนีภาพตรงหน้าออกมาโดยที่มันไม่รู้
สุดท้ายผมก็ไม่รู้ว่ามันตอบเขาว่าอย่างไร
ผมไม่กล้าถาม เพราะกลัวคำตอบ
เมื่อผมรู้ตัวแน่ๆว่ารักมัน
แต่มันคงไม่ได้รักผมอย่างที่ผมคิด ผมจึงพยายามที่ตัวออกห่าง
ผมไม่อยากทำให้ชีวิตของมันมาเดินในเส้นทางที่ต่างจากคนอื่น
มันมีครอบครัว มันเป็นพี่คนโตและเป็นความหวังของครอบครัว
จะมาอยู่กับผมที่เป็นผู้ชายเหมือนกันไม่ได้
ผมที่ไม่คิดว่าจะชอบผู้ชายด้วยกัน แต่กลับชอบไปแล้ว
และยังชอบมันมากถึงขนาดรักมันด้วย
ผมหาทางออกให้กับเรื่องนี้ไม่ได้
หลังจากที่ผมร้องไห้หลายคืนติดๆกันด้วยเรื่องของมัน
ทำให้ผมตัดสินใจจะห่างๆจากมัน พอดีว่ามีเพื่อนในชั้นมาสารภาพรักกับผม
ก่อนที่ผมจะห่างจากมัน ผมยังแอบมีความหวังนิดหน่อย
จึงไปปรึกษามันเรื่องที่มีคนมาสารภาพรักกับผม
ผมหวังให้มันคัดค้าน หรือให้ผมบอกปฏิเสธ
แต่มันกลับอยากให้ผมไปคบกับเขา
ผมพยายามดูหน้ามันว่าตอนมันพูดมันมีความลังเล
หรือว่าเสียใจบ้างไหม แต่ก็ไม่มี
ผมเลยตัดสินใจได้ทันทีว่าผมจะห่างจากมัน
และไปตกลงคบกับเพื่อนในห้อง
หลังจากวันนั้น ผมก็ห่างจากมัน
ผมใช้ชีวิตกับแฟนใหม่ผมมากขึ้นแต่สายตาของผมก็ยังอยู่ที่มัน
ชีวิตผมช่วงนั้นไม่มีความสุขเลย
แต่ผมต้องพยายามยิ้มเข้าไว้เพื่อให้ผมดูมีความสุข ตามที่มันต้องการ
แต่สุดท้ายแฟนใหม่ผมก็ต้องกลายมาเป็นแฟนเก่า
เพราะผมไม่ได้ใส่ใจเธอเท่าที่เธอต้องการ
ผมแค่ใช้ชื่อว่าแฟน แต่ผมยังทำกับเธอเหมือนเพื่อนธรรมดา
ตอนที่ไม่ได้อยู่ในสายตามัน
เธอทนไม่ได้จึงเป็นฝ่ายขอเลิกกับผม
ครั้งนี้ผมไม่เสียใจเลยที่โดนบอกเลิก
แต่ผมยังไม่รู้จะบอกมันว่าอย่างไร
ผมยังไม่พร้อมจะเจอหน้ามัน ผมไม่อยากกินอะไรเลย
ส่งผลให้ผมไม่สบายเป็นโรคกระเพาะ
ผมอาเจียนอย่างหนักและถูกส่งเข้าโรงพยาบาล
ผลเลยหยุดเรียนพิเศษไป 1 สัปดาห์เต็ม
เมื่อผมหายดีและทำใจที่จะเจอมันได้ผมก็ไปเรียนและพยายามทำตัวตามปกติ
ผมพยายามพูดคุย และชวนมันไปไหนด้วยกันเหมือนเดิม
เพราะผมคิดว่าตอนนี้ยังไงขอมีความสุขก่อน จนกว่าจะเรียนจบ
เพราะถ้าจบไปแล้วผมก็ไม่ต้องเรียนพิเศษอีก ผมคงไม่ได้เจอมันแล้ว
ตอนนี้ขอทำตามใจตัวเอง มีความสุขให้เต็มที่ก่อน
แต่แล้วแฟนเก่าที่เป็นเพื่อนร่วมห้องของผมก็มาขอคืนดีต่อหน้ามัน
ตอนนั้นผมรู้สึกลังเลเพราะอยากมีความสุขกับมันอยู่อย่างนี้
ไม่อยากให้ใครเข้ามาแทรกกลาง
แต่อีกทางก็อยากกลับไปคบเพื่อให้มันสบายใจ
ว่ามีคนที่รักผมจริงแล้ว
มันเป็นห่วงผมเสมอ กลัวว่าผมจะโดนใครหลอก
ตอนที่ผมกำลังคิดว่าจะตอบว่าอะไรดี
เธอก็ดึงผมเข้าไปจูบแล้วบอกว่าจะเอาคำตอบที่หลัง
ผมตกใจมาก และที่ตกใจกว่าคือจูบต่อหน้ามัน
มันหันไปมองหน้ามันว่ามันรู้สึกอะไรไหม แต่ก็ไม่มี
สีหน้ามันปกติมาก ผมเลยถามมันว่า “กูควรกลับไปหาเค้าดีไหมวะ”
ใจผมก็ยังอยากให้มันปฏิเสธ แต่มันกลับบอกว่า
“เค้าจะทำให้มึงเสียใจอีกไหมล่ะ มึงต้องตัดสินใจเอง”
มันให้ผมตัดสินใจเอง มันไม่คิดยื้อผมไว้บ้างเลยเหรอ
ผมรู้สึกเสียใจมากจนเผลอพูดไปว่า
“ไม่มีใครรักกูจริงบ้างเลยรึไงวะ”
“มีสิ” มันตอบผมมาทันที
“ไม่เห็นมีเลย กูโดนเค้าทิ้งมากี่ครั้งแล้ว มีแต่คนทิ้งกู”
แต่ผมก็เถียงมันไปเช่นกัน
“กูไง ที่รักมึงจริง รักมาตั้งแต่ม.5” พอผมพูดจบมันก็พูดสวนขึ้นมาทันที
แล้วคว้าตัวผมเข้าไปจูบตอนที่ผมกำลังจะเดินออกมา
ตอนนั้นผมตกใจมาก อึ้งทำอะไรไม่ถูก ยอมรับว่าช็อค
รู้แต่ว่ามันพูดขอโทษผมซ้ำๆอยู่อย่างนั้น แล้วก็เดินจากผมไป
ผมงงไปหมดไม่รู้ว่ามันพูดจริงหรือพูดเล่น
แต่ผมก็ดีใจที่เราใจตรงกัน
พอผมมีสติกลับมา มันก็ไม่อยู่ตรงหน้าผมแล้ว
ผมรีบวิ่งตามหามันแต่ก็ไม่เจอ
ผมวิ่งหาไปทั่วจนกระทั่งช่วงที่กำลังจะข้ามถนนไปหาอีกฝั่ง
ผมก็รู้สึกเหมือนโดนอะไรกระแทกเข้ามาที่ตัวผมอย่างแรง
จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย
ผมมารู้สึกตัวอีกทีว่านอนอยู่ที่โรงพยาบาล
พ่อกับแม่มานั่งเฝ้าผม และเล่าให้ฟังว่าผมหมดสติไปเกือบสัปดาห์
และขาของผมก็ต้องเข้าเฝือกอ่อน1 เดือน เพราะกระดูกร้าวแต่ยังไม่แตก
ตามตัวผมมีแต่แผล สรุปผมโดนรถชน แต่เค้าไม่ได้ตั้งใจ
เป็นมือใหม่เพิ่งหัดขับรถ แต่เหยียบเบรกไม่ทันตอนไฟจราจรเปลี่ยนสี
เค้าพาผมมาส่งที่โรงพยาบาลและโทรไปบอกที่บ้าน
โดยดูจากเบอร์แม่ที่ผมจดไว้ในกระเป๋าสตางค์
โทรศัพท์ของผมคงกระเด็นหาย เพราะผมไม่เห็น
และคนที่ชนบอกว่าไม่เห็นเหมือนกัน
พอโทรเข้าก็โทรไม่ติด ผมจะโทรบอกมันแต่ก็ไม่มีเบอร์
บันทึกไว้ในเครื่องแต่ตอนนี้ไม่มีเครื่องแล้ว
ผมมีทางเดียวคือรอให้ถอดเฝือกออกแล้วถึงจะไปหามันได้
คอร์สที่ลงเรียนพิเศษไว้ก็หมดแล้ว
เวลาไปสอบที่โรงเรียนแม่ก็ขับรถไปให้และรอรับกลับเลย
ผมจึงไม่มีโอกาสได้เจอมัน ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรบ้าง
ผมคิดถึงมันทุกวันที่ไม่เจอหน้ากัน.....
ทันทีที่ผมถอดเฝือกออก และเดินได้ปกติ
ผมก็อยากเจอมันอยากคุย และอธิบายทุกอย่าง
แต่ไม่รู้ว่าต้องไปหามันที่ไหน ผมไม่เคยไปบ้านมัน
ถึงจะพอรู้ว่าอยู่ที่ไหนแต่ก็ยังไม่เคยไป
ผมตัดสินใจลองนั่งรถแท็กซี่มาหามันที่สถาบันกวดวิชา
เพื่อว่าจะเจอมันถ้าโชคดี
เพราะที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เรารู้จักกัน
และเป็นที่เดียวที่ผมนึกออกในเวลานี้
พอผมมาถึงก็เห็นผู้ชายคนที่ผมกำลังตามหา
มันกำลังจะเดินจากผมไปอีกครั้ง
ผมรีบตะโกนเรียกมันเพื่อหยุดมันไว้
พอมันหันมาเท่านั้น
ผมรู้สึกใจหายที่มันดูผอมลงไปมากจากที่เจอกันครั้งสุดท้าย
ตอนนี้เรายืนจ้องหน้ากัน ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก่อนดี
มันสับสนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน
“พีท พีทหายไปไหนมา หลบหน้ากันทำไม” มันพูดออกมาก่อน
“ กูผิดมากเลยเหรอ กูขอโทษมึงจริงๆนะที่กูรักมึงมากกว่าเพื่อน
กูจะพยายามตัดใจ แต่กูขอร้องอย่าทิ้งกูไปเลย อย่าหมางเมินกู
กูยังทำใจไม่ได้ถ้ามึงจะเลิกคบกูเป็นเพื่อน
กูมารอมึงทุกวันตั้งแต่วันนั้น
จนกูคิดว่าหมดหวังซะแล้ว แต่ในที่สุดมึงก็มา กูดีใจจริงๆที่ได้เจอมึง
กูขอเวลาอีกนิดกูสัญญาว่าจะคิดกับมึงเพื่อน”
มันพูดออกมายาวมากครับ
“กูคงเป็นเพื่อนกับมึงไม่ได้แล้วว่ะ” ผมตอบมันไป
“แค่ขอโอกาสให้กูซักนิดไม่ได้เลยเหรอ” มันยังคงพยายามพูดขอโอกาส
“กูก็อยากให้โอกาสมึงเลิกรักกูนะ
แต่กูอยากให้โอกาสตัวเองได้รักมึงมากกว่าว่ะ”
พอผมพูดจบมันก็จ้องผมตาไม่กระพริบ แล้วค่อยๆยิ้มออกมา
มันเดินเข้ามากอดผมแน่มาก
“กูเองก็รักมึง รักมาก รักมานานแล้ว”
ผมบอกมันออกไปผมทั้งกอดตอบมัน
มันยิ้มให้ผมกว้างขึ้นแล้วกระซิบว่า
“ กูก็รักมึง และรักมากเหมือนกัน”
หลังจากนั้นผมก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง
เป็นน้ำตาของความดีใจ
ผมเล่าเรื่องหลังจากวันที่โดนมันจูบให้มันฟัง
ตอนแรกมันตกใจและโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง
แต่ผมบอกว่าไม่ใช่ ผมเดินไม่ดูรถให้ดีก่อนเอง
มันเลยบอกว่าต่อจากนี้ไปมันจะเป็นคนดูแลผมเอง
และเป็นเรื่องบังเอิญมากที่ผมกับมัน ได้เข้าเรียนมหาลัยที่เดียวกัน
ผมไม่เคยบอกมันมาก่อนว่าจะเข้าที่นี่เพราะคิดว่าคะแนนคงไม่ถึง
เลยสมัครโควต้าพิเศษไว้ แต่กลับได้รับจม.ตอบรับเข้าเรียน
ผมดีใจมากที่ต่อไปนี้ผมกับมันจะได้เรียนที่เดียวกันแล้ว
เราจะมีเวลาด้วยกันมากขึ้น ผมและมันจะได้ใช้เวลาด้วยกัน
ทดแทนเวลาที่เสียไปช่วงม.ปลายที่เราไม่ยอมคุยกัน
มันแต่คิดว่าอีกคน คิดอย่างไร โดยไม่ถาม ถ้าวันนั้นมันไม่พูดว่ารักผมก่อน
วันนี้ผมกับมันคงไม่ได้เป็นแฟนกันอย่างวันนี้
“ต่อไปนี้กูจะดูแลมึงเองนะ” มันพูดขึ้นหลังจากเรื่องทุกอย่างกระจ่างแล้ว
ผมถามเรื่องผู้หญิงที่มาสารภาพรักกับมันด้วย แต่มันบอกว่าปฏิเสธเขาไป
“อืม ขอบคุณนะที่วันนั้นมึงรับฟังกู ทำให้กูได้มีมึงในวันนี้”
ผมพูดถึงวันแรกที่ผมคุยกับมัน
“และกูก็ต้องขอบคุณสถาบันสอนพิเศษแห่งนี้ที่ทำให้กูได้รู้จักกับมึง” ผมยังคงพูดต่อไป
มันจ้องหน้าผมยิ้มๆ แล้วพูดว่า “แต่กูต้องขอบคุณมึง ที่มึงรักกู”
แล้วมันก็ก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง
เป็นจูบครั้งที่ 2 จากมันที่ผมเต็มใจและมีความสุขกับจูบนี้มาก
---------------------- Fin ---------------------
จบแล้วนะคะงานเขียนเรื่องที่ 2
หลังจากเรื่องแรก เรื่อง มึงน่ะเมียกู
เป็นเรื่องยาวที่ยังไม่จบ
แต่แอบอยากเขียนเรื่องสั้นดูบ้าง
บอกเลยว่ายากกว่าเรื่องยาวอีกคะ
ยังไงก็อยากให้ช่วยวิจารณ์งานเขียนเรื่องนี้ด้วยนะคะ
ผลงานอื่นๆ ของ magicz ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ magicz
ความคิดเห็น