ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO:KrisLay]The Moon จันทราซ่อนซาตาน

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5:แผนการ

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 56


    แผนการ

    ช่วงบ่ายแก่ๆของวัน ลู่หาน ซิ่วหมิน และเลย์กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในห้องอาจารย์ใหญ่แห่งพลาเนต เพื่อเปิดการประชุมวางแผนตามล่ามนุษย์หมาป่าโดยมีซูโฮหัวหน้าชั้นปีสอง และเฉินเด็กนักเรียนที่เรียนเก่งที่สุดในชั้นปีสองเข้าร่วมวางแผนในครั้งนี้ด้วย

     

    ถึงทั้งโรงเรียนจะมีเพียงห้องนี้ห้องเดียวที่มีเวทย์เก็บเสียงโอบล้อมห้องไว้แต่ก็ใช่ว่าจะปิดคลื่นเสียงสนทนาจากหมาป่าที่สามารถรับคลื่นความถี่ได้มากกว่ามนุษย์ทั่วไปหลายเท่า

     

    ซิ่วหมินกางม่านน้ำแข็งป้องกันไว้อีกชั้น ส่วนลู่หานก็กางข่ายเวทย์ล่วงรู้เผื่อไว้อีกแรงกันพลาด เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วการประชุมครั้งนี้จึงเริ่มขึ้น

     

    “เลย์...นี่คือเจ้าชายซูโฮแห่งดินแดนภูตน้ำส่วนอีกคนก็เจ้าชายจงแดแห่งซาร์” ซิ่วหมินทำหน้าที่แนะนำสองเจ้าชายผู้ร่วมภารกิจให้กับรุ่นน้อง

     

    “เป็นเกียรติที่ได้พบพระองค์พะย่ะค่ะ” สองเจ้าชายโค้งทำความเคารพเพื่อนใหม่ผู้สูงศักดิ์

     

    “ผมก็ยินดี เรารุ่นเดียวกันไม่ต้องมากพิธีขนาดนั้นก็ได้เรียกผมว่าเลย์เฉยๆก็ได้ครับ” เลย์โค้งรับกลับอย่างนอบน้อมเช่นกัน

     

    “ตามนั้น ถ้านายต้องการ” ซูโฮเอ่ยเป็นกันเองตามความต้องการของอีกฝ่าย

     

    หลังจากทักทายกันเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปนั่งบนเก้าอี้ที่ลู่หานใช้เวทย์กระแสจิตลากมาจากมุมห้อง

     

    “ก่อนที่อาจารย์ใหญ่จะไปทำธุระสำคัญท่านได้ฝากฉันไว้ว่า ทันทีที่เลย์มาถึงพลาเนตให้เราเริ่มภารกิจได้เลย” ลู่หานเกริ่นนำ

     

    “ไอ้จะให้เริ่มงานนี่มันไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหามันอยู่ที่ก๊กนั้นเค้ามีกันตั้งหกคน แถมแต่ละคนเป็นถึงเจ้าชายคนสำคัญของดินแดนและองครักษ์ผู้แข็งแกร่งมีเวทย์เฉพาะตนที่โคตรจะร้ายกาจมันยากนะที่จะจับมือใครดม เค้าคงไม่ยอมให้เราไปนั่งถามตรงๆหรอกว่าเป็นมนุษย์หมาป่ารึป่าว” ซูโฮเอ่ยถึงปัญหาที่ทุกคนก็ต่างเห็นพ้องกับปัญหานั้น

     

    ในเมื่อยังไม่มีใครรู้วิธีแยกวิญญาณปิศาจออกจากร่างที่อาศัยได้แน่ชัด คนที่ถูกปิศาจสิงและเหล่าเพื่อนพ้องคงไม่ยอมให้พวกเขาเข้าใกล้ได้ง่ายๆอาจจะเพราะเกรงว่าจะเป็นอันตรายทั้งต่อคนที่เป็นมนุษย์หมาป่าและผู้ค้นหา หรือไม่ก็กลัวโดนฆ่าเหมือนพวกผีดิบ

     

    “อย่างที่นายพูดแต่ละคนเป็นนักเวทย์ขั้นสูงกันทั้งนั้นจะให้ไปปะทะกันตรงๆก็ใช่เรื่องแค่เทาใช้เวทย์หยุดเวลาคนเดียวก็จัดการเราได้สบายๆ งานนี้พวกเราถึงต้องเพิ่งมันสมองของเฉินไง” ซิ่วหมินเห็นด้วย ก่อนหันไปมองเฉินว่ามีความคิดเห็นอย่างไร

     

    “อยากรู้ว่าใครเป็นหมาป่า..เราก็ควรใช้วิธีปลุกสัญชาตญาณสัตว์ป่า” เจ้าชายผู้อัจฉริยะเอ่ยขึ้น พร้อมส่งยิ้มให้รุ่นพี่ร่างอวบ

     

    “ยัง...ยังไงล่ะ?” พอเจอรอยยิ้มอบอุ่นแบบนั้นหัวใจเจ้ากรรมก็เริ่มเต้นผิดจังหวะอย่างมิอาจห้ามมันได้จนเผลอพูดติดขัด

     

    ลู่หานที่สังเกตเห็นอาการขวยเขินของสหายและยิ้มขี้หลีของเจ้าชายรุ่นน้องเขาถึงกับส่ายหน้าอย่างระอา

     

    ...เวลางานยังจะมียิ้มจีบกันอยู่อีก น่าจับโยนออกไปจีบกันนอกห้องเสียจริง...

     

    “ปลุกมันด้วยกามาไงครับ”

     

    .........................

     

    ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบหลังจากที่เฉินไขความกระจ่าง...ทุกคนเหมือนถูกเจ้าชายมินซอกร่ายมนต์แช่แข็งร่างกายไว้ มันช่างเป็นแผนที่ทำได้ยากเย็นและไม่อาจเห็นความสำเร็จเหมือนอยู่ท่ามกลางพายุหิมะที่ยากจะเดินไปถึงเส้นชัย

     

    “เฉินนายจะบ้ารึไงนี่มันโรงเรียนนะเว้ย จะให้พวกเราไปยืนแก้ผ้ายั่วเจ้าพวกนั้นมาตะครุบปลุกปล้ำเนี่ยนะ?” ซูโฮผู้ได้สติคนแรกส่งเสียงโวยวาย

     

    “น่ะ...นั่นน่ะสิไม่มีแผนอื่นแล้วรึไง?” ลู่หานพูดสมทบ

     

    ถ้าให้เขาไปทำอะไรบ้าๆแบบนั้นกับเซฮุนหรือว่าคนอื่นๆในกลุ่มเขาก็ไม่เอาด้วยหรอกน่าอายจะตาย

     

    “ถ้าว่ามีมั้ยมันก็มีแต่ผลมันไม่แน่ชัดเท่าแผนนี้ และอีกอย่างนี่ก็ใกล้จะถึงคืนที่พระจันทร์จะปรากฏแล้วขืนชักช้ารอให้ถึงคืนพระจันทร์เต็มดวงพวกเราจะยิ่งทำงานลำบากเผลอๆอาจจะต้องปะทะกันซึ่งหน้าอีก แผนนี้จึงเป็นแผนที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว” เฉินพูดให้เหตุผลซึ่งฝ่ายคัดค้านทั้งหลายก็ต้องหุบปากจำยอมกับเหตุผลของนักเรียนดีเด่นผู้มากหลักการ

     

    “วิธีดมหาตัวหมาป่านี่เหมือนวิธีที่ใช้จับยูนิคอร์นมาตัดเอาเขาเลย” เลย์ที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ พูดพลางหัวเราะออกมานิดๆ

     

    “ประมาณนั้นแต่ต่างกันตรงที่ยูนิคอร์นแค่ใช้สาวพรหมจรรย์ไปนั่งรอให้มันมาหนุนตักก็จับตัวได้แล้ว แต่หมาป่าเราต้องยั่วยุให้มันเกิดอารมณ์จนเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา” เฉินอธิบายความแตกต่างให้เพื่อนใหม่และคนอื่นๆเข้าใจมากขึ้น

     

    “เอาล่ะ ไหนๆก็ต้องเสี่ยงใช้วิธีนี้ละงั้นเรามาตั้งข้อสันนิฐานกันก่อนว่าสงสัยเจ้าชายหรือองครักษ์คนไหนกันบ้าง” ลู่หานเจาะประเด็นเข้าไปอีกหลังจากต้องจำใจเลือกแผนนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

     

    นัยน์ตาเป็นประกายสดใสดุจกวางมองเพื่อนร่างอวบเพื่อให้เริ่มระบุตัวผู้ต้องสงสัยเป็นคนแรก

     

    “สำหรับฉัน...ฉันคิดว่าคริส เพราะเค้าคงไม่ปล่อยให้น้องๆในคณะต้องมีอันตรายหรอก” ซิ่วหมินเอ่ยถึงเจ้าชายร่างสูงหัวหน้าชั้นปีสามพร้อมให้เหตุผล

     

    “ส่วนผมคิดว่าไค เค้าเป็นองครักษ์ก็ต้องอารักษ์ขาราชนิกูลอย่างเต็มที่” ต่อมาเป็นความเห็นของซูโฮ

     

    “ถ้านายบอกว่าไคก็อาจเป็นเทาด้วยสิ จื่อเทาเป็นถึงราชองครักษ์ของเจ้าชายรัชทายาทอู๋อี้ฟานแถมยังมีพระเชษฐาชานยอลอยู่ในก๊วนนั้นด้วยเขายิ่งต้องคุมกันเจ้านายมากกว่าไคที่ไม่มีความเกี่ยวของกับเจ้าชายเหล่านั้นเลย” เฉินให้ความเห็นบ้าง

     

    ทั้งสามระบุผู้ต้องสงสัยแตกต่างกันจนมาถึงผู้ให้ความเห็นคนที่สี่ซึ่งเป็นนักเรียนใหม่ของโรงเรียน ทุกสายตาจับจ้องมาที่ร่างโปร่งเพื่อฟังความเห็น

     

    “สำหรับผม...ผมคิดว่า...” เลย์ไม่กล้าตอบออกไปตรงๆตากลมใสมองหน้ารุ่นพี่หน้าหวานอย่างเกรงใจที่จะพูด

     

    คนถูกมองพอเข้าใจว่าบุคคลที่เลย์กำลังจะพุดถึงต้องเป็นคนใกล้ตัวเขาซึ่งไม่ใช่ไคก็ต้องเป็นเซฮุน ลู่หานจึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้เลย์พูดออกมาได้

     

    “ผมสงสัยเจ้าชายเซฮุน เมื่อเช้าเค้าเตือนให้ผมกลับดินแดนเทพไม่อย่างนั้นผมจะเดือดร้อนและช่วงที่คุยกันผมรู้สึกถึงรังสีบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวเขา” เลย์ให้เหตุผล น้ำเสียงแปล่งๆเพราะเขาต้องพูดประโยคยาวมากกว่าปกติสำเนียงภาษามนุษย์เวทย์จึงออกจะเพี้ยนนิดๆ

     

    จากคำบอกเล่าของเลย์ทำให้คนอื่นๆ เริ่มเบนเข็มไปที่องค์ชายผู้เป็นคู่หมั้นของลู่หาน แต่ก็ไม่มีใครกล้าฟันธงว่าเป็นเซฮุนซะทีเดียว

     

    “สองในสี่คือบุคคลใกล้ตัวพี่ลู่หาน พี่มีความคิดเห็นยังไงครับ?” ซูโฮกล่าวสรุปความเห็นของทุกคนก่อนถามลู่หานผู้ใกล้ชิดกับเซฮุนและไคมากที่สุด

     

    “อ่า...ไคเป็นคนใจร้อนแต่บางทีก็นิ่งไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมามากนัก และถึงไคจะเป็นองครักษ์ของฉันแต่เราก็ตัวติดกันแค่ในวังพอมาโรงเรียนก็ต่างคนต่างอยู่” ลู่หานเริ่มพูดถึงองครักษ์จงอินที่ไม่ค่อยสนิทอะไรกัน

     

    “ส่วนเซฮุนอย่างที่เคยเห็นกันนั่นแหละเวลาเจอกันเจ้านั้นกวนประสาทฉันจะตายจะเป็นผู้เป็นก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่โหมดอื่นๆของนายนั่นฉันไม่เคยเห็นหรอก พึ่งจะมารู้ว่าอีกด้านก็ตอนที่เลย์เราให้ฟังนี่แหละ” และเอ่ยถึงคู่หมั่นร่างสูงตามสิ่งที่ตนสัมผัสมา

     

    “สรุปมันก็ยังน่าสงสัยกันทั้งคู่...นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเหนือลู่หานยังมีเซฮุนและจงอิน สองคนนั้นเค้ารู้เกี่ยวกับนายหมดทุกอย่างแต่นายนี่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนพวกนั้นเลย น่านับถือในความใส่ใจต่อคนรอบข้างของพระองค์มากพะย่ะค่ะเจ้าชายลู่หาน” ซิ่วหมินถึงกับพูดประชดเพื่อนรักที่ไม่มีความสนใจในเรื่องใกล้ตัวเลยสักนิด

     

    ทีนี้เขาไม่คิดจะสงสัยแล้วว่าทำไมลู่หานถึงถูกเซฮุนกับไคแกล้งอยู่บ่อยๆ เพราะทุกคนอ่านจุดบอดของลู่หานออกแต่เจ้าตัวกลับอ่านเกมฝ่ายตรงข้ามไม่ออกมีเวทหยั่งรู้ก็ใช่ว่าจะรู้ไปซะทุกเรื่อง

     

    ยิ่งกับพวกเวทย์สูงแค่เขาใช้เวทย์ปิดกั้นความคิดเจ้านี่ก็อ่านใจเขาไม่ออกแล้ว เผลอๆโดนเขาล่อไปฆ่าเจ้าองค์ชายหน้าสวยแต่ชอบทำตัวแมนคนนี้ก็คงไม่ทันเกมเขาอีกตามเคย

     

    “เออ กระหม่อนมันพลาดเองแหละพะย่ะค่ะองค์ชาย” ลู่หานประชดกลับ

     

    “พอเถอะครับอย่าพึ่งมาทะเลาะกันเอง” ซูโฮรีบพูดห้ามทัพก่อนได้ดูมวยคู่เอก

     

    “สรุปนายจะเอาไงต่อเฉิน” พอห้ามศึกระหว่างเจ้าชายรุ่นพี่ได้ก็หันไปถามถึงแผนการกับจอมวางแผน

     

    “ตอนนี้เรามีผู้ต้องสงสัยสี่คนใช่ว่าอีกสองคนจะไม่น่าสงสัย แต่เราควรจัดการสี่คนแรกนี้ก่อนเพื่อตัดกำลัง” เฉินเกริ่นก่อนจะเงียบไปสักพัก

     

    “ถ้าจะให้แผนนี้สำเร็จก็ต้องใช้คนที่เป็นหัวใจของอีกฝ่ายจริงๆ ตอนนี้เรามีหมากแค่ตัวเดียวคือพี่ลู่หานผู้เป็นดั่งดวงหฤทัยของเซฮุน” คำกล่าวของเฉินทำเอาหมากตัวเดียวที่มีถึงกับกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ

     

    “นายคงไม่ให้ฉันลุยดงหมาป่าคนแรกใช่มั้ยคิมจงแด” ลู่หานเอ่ยถามพร้อมพูดชื่ออีกฝ่ายเต็มยศ

     

    “ถ้าพี่ไม่ลงหมากคนแรกแล้วจะให้ใครลงล่ะครับ ในนี้ผมไม่เห็นมีใครสนิทกับคนกลุ่มนั้นเลย”

     

    “เลย์ไง” พอถูกถามหาหมากอีกตัวลู่หานก็รีบชี้ไปที่เลย์ทันที

     

    “ทะ..ทำไมเป็นผม?” เลย์ถึงกับงงเมื่อถูกลากเข้าไปเป็นเหยื่อล่อด้วย

     

    “นายดูไม่ออกรึไงว่าคริสชอบนาย นายนี่แหละต้องเป็นคนไปยั่วสวาทเจ้าชายรัชทายาทอี้ฟาน” คำให้การของลู่หานผู้ล่วงรู้ความลับที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของเลย์ เล่นเอาคนในห้องนั่งเหวอกันทันที

     

    ใครจะไปเชื่อว่าองค์ชายรัชทายาทผู้แสนเย็นชา ที่มีเหล่าสนมมากมายรอคอยเขาอยู่ที่ปราสาทไหนจะมีเจ้าชายแบคฮยอนและคุณชายคยองซูที่เป็นถึงผู้มีสิทธิ์ขึ้นเป็นว่าที่ชายาคอยทำคะแนนอยู่ไม่ห่าง ก็ไม่เห็นว่าคริสจะสนใจใยดีสาวสวยหรือหนุ่มงามคนไหนเลย

     

    แต่จู่ๆเจ้าชายร่างสูงดันมาสนใจว่าที่องค์เทพรัชทายาทที่พึ่งพบเจอกันแค่วันเดียวเนี่ยนะ มันออกจะดูเป็นรักแรกพบเหมือนนิยายรักน้ำเน่าที่เอาไว้เล่าให้เด็กฟังก่อนนอนมากไปรึป่าว?

     

    “พี่ลู่หานรู้ได้ยังไงครับ พี่คริสเค้าไม่ได้คิดอะไรกับผมสักหน่อย” เลย์รีบปฏิเสธข้อกล่าวหานั่น

     

    “ฉันเป็นถึงเจ้าชายเจ้าของเวทย์หยั่งรู้ทำไมฉันจะอ่านใจคริสที่ส่งมาให้นายไม่ออกล่ะเลย์” เจ้าชายลู่หานตรัสอย่างภูมิใจในเวทย์เฉพาะตัวของตน

     

    “เหอะ ทีเรื่องคนอื่นนี่รู้ดีจังพอถามถึงคนใกล้ตัวนี่ดันไม่รู้อะไรซะเลย” และซิ่วหมินก็เป็นผู้เอ่ยคำทิ่มแทงใจเพื่อนอีกจนได้

     

    “ซิ่วหมินอ่า...” พอโดนเพื่อนสกัดดาวรุ่งคนถูกสกัดถึงกับนั่งคอตก

     

    “ถ้าอย่างนั้น...ตามหนังสือที่เกี่ยวกับประวัตินายฉันรู้มาว่าพอถึงคืนแรกที่จันทราเริ่มปรากฏร่างกายนายจะกลายเป็นผู้หญิงมันใช่รึป่าว” เฉินหันไปซักถามเพื่อนใหม่ทันที

     

    “ก็ใช่..” เลย์ยอมรับ เฉินที่รู้คำตอบก็นิ่งคิดไปพักใหญ่

     

    ถ้าเขาจำไม่ผิดตำนานเทพยูนิคอร์นผู้มีพลังเยียวยาที่เขาอ่านเจอ และดูจากองค์ประกอบโดยรวมในประวัติว่าที่เทพรัชทายาทที่ปรากฏอยู่ในหนังสือคงเป็นเรื่องจริงของร่างโปร่งตรงหน้าแน่ๆ

     

     

    เด็กสาวผู้งดงามที่สุดในแผ่นดินทั้งสี่ผู้เป็นฉนวนสงครามศึกชิงนางระหว่างเทพกับมนุษย์...

     

    ความริษยาของเทพผู้โลภมากในตัณหากีดกันความรักของนางกับกษัตริย์หนุ่ม ทุกชาติภพของนางที่เวียนว่ายตายเกิดต้องอยู่เหมือนเส้นขนานระหว่างตนกับชายผู้เป็นที่รักเพราะคำพยากรณ์แห่งเทพซึ่งไม่อาจรู้ว่าคำทำนายนั้นจริงแท้แค่ไหน

     

    และจากคำบอกเล่าของเจ้าชายลู่หานบวกกับข้อสันนิฐานของเขา...กษัตริย์หนุ่มผู้นั้นในภพนี้น่าจะเป็นองค์ชายรัชทายาทอู๋ฟาน

               

                ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงมันก็น่าจะลองเสี่ยงกันสักตั้งเผื่อโชคดีเหมือนยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัว..อันดับแรกได้ตัดกำลังผู้ต้องสงสัยไปอีกหนึ่ง และสองได้ทำให้ทั้งคู่สมหวังในรักอีกครั้ง

     

    “อืม...อีกสองวันถึงจะเป็นคืนข้างขึ้น ยังไงซะในสองวันนี้พี่ลู่หานต้องลงสนามก่อนอยู่ดีล่ะครับแล้วพอถึงคืนแรกของจันทราถึงจะเป็นคราวของเลย์” เฉินสรุปแผนตามเดิม

     

    “พี่ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับผมจะให้ซูโฮปรุงยาสลบไว้ให้พี่ทาตัวก่อนเข้าไปล่อเหยื่อ พี่แค่ทำให้เซฮุนเกิดอารมณ์และโดนแทะโลมนิดหน่อยพอเจ้านั่นสลบก็ใช้น้ำยาเปิดเผยตัวตนเทบนเค้าก็แค่นั้น”  

     

     

    “เฮ้อ...เอาก็เอาซิ่วหมินนายมียาดองเด็ดๆสักไหมั้ยเอามาให้ฉันย้อมใจหน่อยสิ” พอหาข้ออ้างเบี่ยงเบนไม่ได้ลู่หานก็ยอมรับกับชะตากรรมแต่โดยดี

     

    ...เอาวะ ถึงยังไงก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้วเปลืองตัวก่อนแต่งสักหน่อยคงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง เพื่อประชาชนในดินแดนเวทย์ไม่อยากจะทำก็ต้องทำ...

     

    “จะย้อมใจทำไมล่ะครับพี่ เมาจริงๆไปเลยสิ” เฉินเอ่ยสมทบพลางส่งประกายตาวาววับอย่างคนมีแผน

     

    “เฮ้ย! ฉันคออ่อนและแพ้แอลกอฮอล์เข้าขั้นรุนแรงเลยนะบอกไว้ก่อนแทนที่จะแค่เปลืองตัวนี่กลายเป็นเสียตัวเลยนะนั่น” ลู่หานรีบแย้งก่อนจะโดนเฉินจับเล่นแผลงๆ

     

    “ไม่ต้องห่วงหรอกครับผมเก่งวิชาปรุงยานะพี่อย่าลืมสิ เดี๋ยวจัดยาแก้แพ้ให้เดี๋ยวนี้เลย” ซูโฮเสนอตัวปรุงยาให้ตามความถนัดที่ตนมี

     

    “เอาล่ะ องค์ชายลู่เราไปเมากันเถอะสหาย” พอทุกอย่างพร้อมซิ่วหมินก็เป็นฝ่ายจัดการล็อคตัวเพื่อนแล้วลากออกไปทันที โดยมีสายตาเป็นกังวลของเลย์กับเฉินคอยมองตามหลังคนทั้งสอง

     

    “เฉินนายมั่นใจหรอว่าจะให้พี่ลู่หานกับพี่ซิ่วหมินไปดื่มด้วยกันตามลำพัง” เลย์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ดูท่าทางองค์ชายหน้าสวยทั้งจะคออ่อนพอๆกันเผลอๆซิ่วหมินจะฤทธิ์เยอะกว่าลู่หานด้วยซ้ำ

     

    “ไม่เลยสักนิด ซูโฮฉันฝากนายปรุงยาแก้แฮงค์กับยานอนหลับเพิ่มด้วยนะ” เฉินตอบตามความจริง ก่อนหันไปสั่งยากับซูโฮเพิ่มเติมเผื่อไว้ให้ร่างอวบ

     

    -----------------------------

     

                                 
     

     

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×