ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO:KrisLay]The Moon จันทราซ่อนซาตาน

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3: รูมเมท

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 56


    รูมเมท

    “นายคุ้นหน้าเด็กใหม่ที่มากับพี่ลู่หานมั้ย?” แบคฮยอนหันมาถามเซฮุนทันทีที่พวกเขามารวมตัวกันในห้องของสามหนุ่มรุ่นน้องเซฮุน ไค และเทา

     

    “ผมว่าผมไม่เคยเจอคนๆนี้มาก่อนเลยนะ ไอ้องครักษ์องค์ชายลู่แกพอจะรู้จักพี่ยิ้มสวยคนนั้นมั้ย” องค์ชายอายุน้อยสุดในกลุ่มส่ายหน้า ก่อนจะหันไปขอความเห็นจากราชองครักษ์ประจำพระองค์ของเจ้าชายลู่หาน

     

    “รู้จักสิ และองค์ชายคริสกับพวกคนแอสซาเรสก็รู้จักเค้าคนนั้นดีด้วย” ไคตอบพลางบุ้ยหน้าไปทางองค์ชายใหญ่ที่นั่งเงียบอยู่บนเตียง

     

    “พี่คริสรู้จักนายนั่นด้วยหรอครับ?” แบคฮยอนเอ่ยถามอีกคนทันที

     

    “อืม” ร่างสูงแค่ครางรับไม่คิดจะตอบอะไรเพิ่มเติม

     

    “ลักยิ้มเด่นแบบนั้นใช่คุณหนูอี้ชิงรึป่าว?” เทาโพล่งขึ้นหลังจากนั่งคิดอยู่นาน

     

    “เออใช่ ฉันก็ว่าคุ้นๆ แต่ทำไมโตขึ้นมาเค้าแมนได้ขนาดนี้วะ?” ชานยอลที่ตามมาสมทบกลุ่มทีหลังพอจะได้เห็นหน้าของเลย์อยู่บ้างเอ่ยพูดกับเทา

     

    “อี้ชิงถูกเลือกจากคำพยากรณ์เทพเพื่อเป็นองค์เทพรัชทายาทองค์ต่อไป มหาเทพควรเป็นชายชาตรีนี่คือสิ่งที่เปลี่ยนนารีเป็นบุรุษ...เปลี่ยนคุณหนูอี้ชิงเป็นท่านเทพรัชทายาทเลย์”  คริสอธิบายให้ทุกคนเข้าใจถึงสาเหตุ สายตาทุกคู่หันไปมองเจ้าชายแสนเย็นชาอย่างแปลกใจที่ครั้งนี้ร่างสูงเอ่ยวาจาเยอะกว่าปกติ

     

    “พึ่งจะรู้วันนี้เองว่าพี่ชายผมก็พูดได้เยอะเหมือนกัน” ชานยอลพูดด้วยความปลาบปลื้มราวกับเจอสิ่งมหัศจรรย์

     

    “ถ้าไม่ใช่เรื่องคุณหนูอี้ชิง องค์ชายคงไม่สนใจจะสนทนากับพวกเราเลยใช่มั้ยกระหม่อม” องครักษ์จื่อเทาเอ่ยล้อผู้เป็นนาย โดยไม่ทันสังเกตสีหน้าริษยาของใครอีกคนที่ต้องการเป็นคนที่อยู่ในบทสนทนาของบุคคลทั้งสาม

     

    “พี่ๆเพื่อนๆครับ จะทำอะไรเกรงใจว่าที่พระคู่หมายบ้างนะครับ ตอนนี้หึงเจ้าชายอู๋ฟานจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว” เซฮุนรีบพูดกลบบรรยากาศย้อนวันวานของเหล่าประชาชนชาวแอสซาเรสกับชายหนุ่มจากดินแดนพาเลนเซียด้วยคำกึ่งราชาศัพท์ที่เขาไม่ค่อยใช้นักเพราะรังสีหึงหวงที่แพร่ออกมาจากรุ่นพี่หน้าสวย

     

    “ว่าที่พระคู่หมายในความหมายของราชวงศ์แอสซาเรสไม่ได้หมายความว่าองค์ชายแบคฮยอนจะทรงถูกเลือกให้เป็นพระคู่หมั้นขององค์ชายคริสแค่พระองค์เดียวซะหน่อย ยังมีองค์ชายชานยอลอีกพระองค์ที่มีสิทธิ์พิจารณาในคุณสมบัติของพระองค์” องครักษ์แห่งพาเลนเซียพูดกฎการเลือกพระชายาของราชวงศ์แอสซาเรสเพื่อเตือนสติองค์ชายแห่งดินแดนภูตแสงว่าอย่าทรงหวังให้สูงมากนัก

     

    “องครักษ์จงอินถ้าเจ้าไม่คิดจะหุบปากพล่อยๆของเจ้าก็จงกลับไปนั่งเฝ้าเจ้าชายของเจ้าซะที่นี่ไม่มีคนของพาเลนเซียให้เจ้าต้องปกป้อง!” องค์ชายอารมณ์ร้อนแผดเสียงลั่นอย่างเหลืออดกับวาจาขององครักษ์ร่างสูง

     

    “พอเถอะครับพอเถอะ คนกลางอย่างผมปวดหัวนะครับพี่กับไอ้ไคทำไมชอบกัดกันจังเลย” องค์ชายผู้รักความสามัคคีรีบโค้งขอความกรุณาจากรุ่นพี่ร่างบางและสหายผิวเข้มให้หุบปากสงบศึกก่อนที่จะมีใครมาได้ยินวาจาราชวงศ์แล้วเอาไปฟ้องอาจารย์ฝ่ายปกครองให้มาหักคะแนนกันทั้งคณะ

     

    ก็รู้อยู่ว่าโรงเรียนแห่งนี้มีกฎแห่งความเสมอภาคไม่ว่าจะเป็นลูกเจ้าแผ่นดินหรือคุณหนูจากตระกูลดีมาจากไหนก็แล้วแต่ มาอยู่ที่นี่ทุกคนต้องทิ้งยศฐานันดรและอยู่ร่วมกันเยี่ยงสามัญชนไม่มีราชาศัพท์หรือคำยกยอยศใดๆทั้งสิ้น แล้วทำไมชอบงัดคำเหล่านั้นมาใช้กัดกันนักนะ!!

     

    “ปกติเหล่าทายาทองค์เทพเค้าเรียนกันที่วังเทพอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ แล้วทำไมท่านเลย์ต้องลงมาเรียนรวมกับพวกเราที่นี่ด้วย” ชานยอลแสร้งไม่สนใจคำโต้แย้งของแบคฮยอนกับไค แล้วหันไปคุยกับพี่ชายแทน

     

    “ฉันว่านายไม่โง่จนดูไม่ออกนะชานยอลว่าเทพรัชทายาทลงมาทำไม” คริสไม่ตอบแต่เลือกตั้งคำถามย้อนกลับให้น้องชายคิดตาม

     

    “เรื่องพวกเรางั้นหรอ?” พอได้ฟังคำตอบแกมถามกลับจากชานยอลคนที่เหลือต่างพากันเงียบกริบจนได้ยินเสียงลมพัดจากนอกหน้าต่าง

     

    “ท่านเลย์เป็นแค่ว่าที่เทพเค้าคงไม่มีพลังอะไรมากมายหรอกใช่มั้ย?” แบคฮยอนเอ่ยถามบ้างพลางเปลี่ยนสรรพนามเรียกอีกคนใหม่เพราะร่างบางที่กำลังเอ่ยถึงตอนนี้มีศักดิ์สูงกว่าจนไม่สามารถเรียกเล่นๆได้

     

    “เรื่องนี้ฉันไม่รู้ แต่ยังไงก็ระวังตัวไว้จะดีที่สุด” คริสพูดด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึกเพื่อไม่ให้คนอื่นๆเป็นกังวลกับเรื่องนี้ ร่างหนายืนขึ้นเต็มความสูงก่อนก้าวเท้าเดินออกจากห้องพักรุ่นน้องทั้งสาม

     










































     

    ร่างสูงเดินขึ้นบันไดจนมาถึงชั้นสามตาคมปะทะกับร่างโปร่งบางที่พึ่งอยู่ในบทสนทนาเมื่อครู่กำลังยืนลังเลอยู่บันไดขั้นบนสุด

     

    “มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ย?” เขาเอ่ยถามอีกคนตามมารยาทและความรู้สึกอยากอยู่ใกล้...

     

    ใบหน้าหวานแสนคุ้นตาหันไปมองผู้ให้ความช่วยเหลือก่อนเผยยิ้มกว้างจนเกิดลักยิ้มข้างแก้มด้วยความดีใจ

     

    เลย์ไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มแสนหวานนั้นทำหัวใจเจ้าชายผู้เย็นชาในสายตาใครต่อใครสั่นไหวแค่ไหน

     

    “อ่า...ผมกำลังหาห้องพักอยู่ครับแต่ไม่รู้ต้องไปทางไหน” เลย์พูดกับบุคคลมาใหม่ด้วยสำเนียงเพี้ยนๆจากเทพที่พยายามพูดแบบมนุษย์ จนคนได้ฟังยังแอบขำกับเสียงพูดน่าเอ็นดูของร่างบาง

     

    “นายอยู่ห้องไหนล่ะ” ร่างสูงถามพลางมองป้ายกุญแจที่อีกคนถืออยู่

     

    305 ครับ” เลย์ตอบกลับพลางยื่นหมายเลขห้องที่สลักอยู่บนป้ายกุญแจให้ร่างสูงดู
















     

    อยู่ห้องเดียวกัน...

     

















     

    “ตามฉันมาสิ” คริสเดินนำร่างบางไปทางปีกขวาของตัวปราสาทแล้วมาหยุดอยู่หน้าห้องประตูไม้สลักลวดลายวิจิตร

     

    อี้ชิงยืนนิ่งอยู่กับที่มองประตูห้องข้างๆทั้งสองห้องซึ่งเป็นแค่ไม้สักสีน้ำตาลธรรมดาไม่มีลวดลายอะไร แล้วหันกลับมามองห้องตรงหน้าอีกครั้ง

     

    “ทำไมห้องนี้แตกต่างจากห้องอื่นล่ะ?” ร่างบางเอ่ยถามดวงตาใสเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย

     

    “ก็ห้องนี้คือห้องของหัวหน้าชั้นปีสามแห่งสาขากองพลอารักษ์ขายังไงล่ะ” คริสตอบคนฟังถึงกับเหวอรับประทานทันที

     

    มือหนายื่นไปหน้าประตูแล้ววาดวนกลางอากาศ พอวงเวทย์มาบรรจบครบรอบประตูบานใหญ่ก็เปิดออกให้ร่างสูงเดินเข้าไปโดยที่อีกคนยังยืนอยู่หน้าห้องนี้

     

    “ทะ...ทำไมผมได้มาอยู่กับรุ่นพี่ได้เนี่ย ผมต้องอยู่กับพวกปีสองสิท่านมหาปราชญ์ต้องให้กุญแจผิดห้องแน่ๆ” เลย์เกิดอาการรนรานกับการปล่อยไก่ตั้งแต่ครั้งแรกที่มาอยู่ที่นี่

     

    “ไม่ผิดหรอก สัมภาระของนายก็ถูกส่งมาไว้ในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” คริสผายมือไปยังอีกเตียงที่มีสัมภาระมากมายวางอยู่

     

    ใช่...เลย์ไม่ได้บังเอิญที่มาอยู่ห้องเขาหรอกแต่มันเป็นการจงใจของมหาปราชญ์ที่ต้องการจะสืบเรื่องของพวกเขาให้จบโดยเร็วที่สุดโดยใช้เทพร่างบางเป็นตัวดำเนินเกมค้นหาปิศาจแล้วจัดการฆ่าหรือทำอะไรสักอย่างทันทีที่รู้ตัว

     

    ซึ่งเขาก็คงต้องยอมให้เลย์เป็นผู้สืบหาปิศาจร้ายที่สิงอยู่ในร่างของใครคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเขา เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าเขาหรือใครกันแน่ที่เป็นมนุษย์หมาป่าตัวจริง

     

    “ถ้างั้น...ผมชื่อเลย์ครับถ้าให้แนะนำศักดิ์ผมว่าพี่คงรู้จักผม ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับรุ่นพี่” เลย์โค้งให้ร่างสูงตามวุฒิภาวะและอายุอย่างที่ควรจะทำเมื่ออยู่ในโรงเรียน

     

    เขาไม่ได้สนใจยศศักดิ์ของตนที่สูงกว่าคริสเลยสักนิด ซึ่งคริสเองก็คิดเช่นนั้นร่างสูงโค้งรับคำแนะนำตัวจากรุ่นน้องผู้สูงศักดิ์

     

    “ฉันคริส เจ้าชายรัชทายาทอู๋อี้ฟานแห่งแอสซาเรสยินดีที่ได้รู้จักองค์เทพรัชทายาทเลย์” คริสแนะนำตัวเต็มยศ

     

    เขามองปฏิกิริยาร่างบางว่าพอจะจำหรือคุ้นในชื่อและตัวเขาบ้างรึป่าว แต่มันก็ว่างเปล่าคนตรงหน้าไม่แสดงอาการว่าจำได้หรือคุ้นเคยใดๆในตัวเขา

     




















     

    ...องค์เทพรัชทายาท กับ เจ้าชายรัชทายาท...

     




















     

    ไม่ต่างอะไรกับหอคอยผู้โดดเดี่ยวที่รอวันให้ดวงดาราบนนภาโน้มลงมาหาตน

    หอคอยจะสูงสักแค่ไหนก็หาได้สูงเทียบชั้นกับดวงดาวที่ประดับอยู่บนท้องฟ้าไม่

     




















     

              “ผมดีใจจังที่มีเจ้าชายเป็นรูมเมท” เลย์พูดกับอีกคนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

     

              “ฉันก็ดีใจที่มีรูมเมทเป็นถึงเทพ”

     



















     

    ช่างดูตอกย้ำเรื่องทฤษฎีเส้นขนานเสียจริง

     








     

    ---------------------------------
     

     

    To. Readder

    มาต่อกันเลยนะคะกับตอนที่3 คริสเลย์มีบทเข้าพระเข้านางกันสักที คึคึ
    ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ^^

     




     

    :) Shalunla

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×