คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4: คำเตือน
คำเตือน
ณ ปราสาทเก่าแก่อายุราวพันปีในดินแดนปิศาจแสนมืดมนไร้แสงตะวันและจันทรา บริเวณโดยรอบแห้งแล้งไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดอาศัยอยู่เลยนอกจากพวกสัตว์อสูรที่เป็นดั่งยาวเฝ้าประตูปราสาทแห่งนี้
บนยอดหอคอยมีร่างสูงผอมแห้งในชุดคลุมสีดำบุคคลที่บริวารในดินแดนต่างเรียกเขาว่า ‘ท่านเจ้า’ ดวงตาแดงฉานดั่งสีเลือดเพ่งมองม่านฟ้าดินแดนที่มีแสงตะวันเรืองรองเป็นแสงสว่างของสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ได้เจริญเติบโตต่อไป
ยิ่งเห็นแสงสว่างอันสดใสนั้นยิ่งทำให้จอมปิศาจรู้สึกสะอิดสะเอียนกับภาพแห่งความสุขของเหล่ามนุษย์เวทย์ที่น่ารังเกียจ
...จงมีความสุขให้เต็มที่เจ้าพวกเศษสวะ หลังจากนี้ข้าจะเอาคืนให้สาสม!!...
“ท่านเจ้า...” เสียงแหบแห้งเป็นกังวลจากบริวารอสูรชั้นสูงเรียกสายตาดุดันให้หันไปมอง
“ฟังจากน้ำเสียงของเจ้า ข่าวที่เจ้าได้มาคงเป็นข่าวร้ายสำหรับข้า” เจ้าปิศาจเอ่ยทายเสียงเย็นเยียบ
“ขอรับ เพลานี้เทพที่เจ้านักปราชญ์เฒ่าไปขอความช่วยเหลือจากมหาเทพเดินทางไปถึงพลาเนตแล้วขอรับท่านเจ้า”
ข่าวสารที่ได้ฟังช่างเป็นข่าวน่ายินดี นี่แหละที่เขากำลังต้องการ...ฆ่าพวกเศษเดนไปพร้อมๆกับเทพหน้าโง่ตนนั้น
“เจ้าเทพนั่นส่งเทพยศไหนไปล่ะ” เสียงเย็นถามกลับ
“เป็นทายาทมหาเทพขอรับ”
...ต้องอย่างนี้สิเจ้าเทพยุนโฮ ส่งทายาทมาตายด้วยน้ำมือข้าช่างเป็นของขวัญต้อนรับการกลับมาของข้าที่แสนวิเศษเสียจริง...
“ดี ช่างเป็นข่าวที่ดีจริงๆ” เจ้าปิศาจหัวเราะขึ้นเสียงดังจนบริวารตนนั้นแปลกใจกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปขอเจ้านาย
“ข่าวดีหรือขอรับ?”
“เจ้าเร่งทำการสะกดจิตให้เจ้าหนุ่มหมาป่าผู้น่ารักและเหล่าเพื่อนพ้องให้เริ่มแผงฤทธิ์ได้แล้ว ว่าที่องค์เทพรัชทายาทพระองค์นั้นจะได้เล่นสนุกกับของเล่นที่ข้าจัดเตรียมไว้ให้อย่างหนำใจ” ร่างสูงผอมเอ่ยสั่งการไม่คิดจะตอบคำถามของข้ารับใช้
“ตามบัญชาขอรับท่านเจ้า” ร่างอสูรโค้งรับคำสั่งแล้วเดินออกไป
...ข้าหวังว่าเจ้ากับทายาทปิศาจของข้าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ องค์เทพรัชทายาทเลย์...
ร่างบอบบางของเด็กหญิงวัยห้าขวบยืนเด่นอยู่ในวงล้อมเวทมนต์ขนาดใหญ่ บริเวณโดยรอบมีแต่บุคคลที่เด็กน้อยไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย
ดวงตาแสนหวานเริ่มแดงกล่ำคลอไปด้วยน้ำตา ร่างบอบบางในชุดอาภรณ์สีบริสุทธิ์สั่นเทาเพราะหวาดกลัวกับสิ่งรอบตัว
“ท่านหญิงอย่าได้ทรงหวาดระแวงไปเลยพะย่ะค่ะ” ชายสูงอายุคนหนึ่งเดินไปปลอบเธอ เขาได้แต่ยืนปลอบประโลมเด็กสาวอยู่ด้านนอกไม่สามารถก้าวเข้ามาถึงในวงเวียนนั้นได้
“ท่านลุงหนูกลัว หนูอยากกลับบ้าน...” เสียงหวานเอ่ยได้เพียงแค่นั้นน้ำตาเม็ดสวยดั่งคริสตอลเลอค่าก็ร่วงลงมาทันที
ที่เธอจำได้ท่านพ่อท่านแม่บอกแค่ว่าเธอต้องมางานเลี้ยงครบรอบห้าขวบของตนที่เทือกเขาแห่งเทพตามพระกระแสรับสั่งจากองค์มหาเทพโดยที่พ่อและแม่ไม่ได้มาร่วมงานด้วยแต่จะรอจัดงานให้อยู่ที่บ้าน
พอมาถึงวิมานแสนวิจิตรบนยอดเขานี้กลับไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าเป็นการจัดงานเลี้ยงวันเกิดเลยทุกคนดูกดดันกับการมาของเธอ
จนเมื่อเธอมายืนอยู่ ณ ใจกลางท้องพระโรงวงกลมอักขระเวทย์ก็สว่างไสวรวบรัดร่างของเด็กน้อยให้ยืนนิ่งอยู่กับที่
“ต่อไปนี้ วิมานแห่งนี้จะเป็นบ้านของเจ้า...ว่าที่องค์เทพรัชทายาท” เสียงกังวานจากบุรุษที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ตรัสกับเด็กสาว
“ไม่...หนูจะกลับไปหาท่านพ่อกับท่านแม่ปล่อยกลับบ้านเถอะนะคะ” เด็กสาวเอ่ยขอร้องอย่างน่าสงสาร
“ทะ...ท่านเทพข้าว่านางยังเด็กเกินไปที่จะต้องมาทำพิธีถวายตัวเพื่อเป็นเทพรัชทายาท พิธีนี้จะทำให้นางเจ็บและทรมาน ทรงรอให้นางโตกว่านี้ไม่ดีกว่าหรือพะย่ะค่ะ” คำขอเลื่อนวันทำพิธีเรียกสีหน้าเห็นพ้องจากเหล่ารัฐมนตรีเทพได้เป็นอย่างดี
“นางต้องทำพิธีเพลานี้ ข้าไม่สามารถขัดบัญชาที่สืบทอดต่อกันมาขององค์เทพพระองค์ก่อนๆได้” องค์มหาเทพไม่รอฟังคำคัดค้านจากเทพองค์อื่นไม้เท้าคู่บัลลังก์ถูกชี้ไปยังวงเวทย์ตรงหน้าทันที
ก่อนที่พระองค์จะพระทัยอ่อนแล้วยอมปล่อยเด็กน้อยไร้เดียงสาคนนั้นไป
“พอแล้วหนูเจ็บ ขอร้องหนูเจ็บบบบ!!!!” เสียงแผดร้องแสนทรมานหลังจากวงเวทย์เริ่มทำงานสร้างความสงสารกับเหล่าเทพที่ล่วงรู้สาเหตุที่ทำให้เด็กน้อยผู้นั้นต้องมารับเคราะห์กรรมเช่นนี้ภพแล้วภพเล่า
“จากนี้พ่อไปเจ้าคือว่าที่เทพรัชทายาทแห่งปวงเทพ และนามใหม่ของเจ้าคือ เลย์ ”
“ไม่!!!!!!!!” เสียงใสแผดลั่นห้องใบหน้าหวานชื้นเหงื่อส่ายไปมา
คริสรีบวิ่งเข้าไปดูร่างโปร่งที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความเป็นห่วง
“เลย์นายเป็นอะไร ลืมตาสิลืมตา” มือหน้าจับบ่าอีกคนเขย่าเบาๆเพื่อเรียกสติร่างที่นอนดิ้นทุรนทุรายเหมือนโดนไฟเผา
เปลือกตาบางเปิดกว้างดวงตาใสสีอำพันปรากฏเด่นชัดแววตาแสดงความหวาดกลัว ร่างบางลุกข้นโผเข้ากอดคนตรงหน้า คนโดนกอดนิ่งงันอย่างทำอะไรไม่ถูกเพียงชั่วครู่มือหนาค่อยๆยกขึ้นมาลูบแผ่นหลังบางเพื่อปลอบประโลม
“ไม่ต้องกลัว นายแค่ฝันร้าย” เสียงทุ้มต่ำพูดปลอบร่างที่สั่นเทา
“ฮึก...ข้าเจ็บ ข้ากลัวการเปลี่ยนร่าง ข้ากลัวพิธีนั่น” ดวงตาหวานหลั่งน้ำตาออกมาไม่ขาดสายพลางพร่ำถึงเรื่องราวอันโหดร้ายที่เผชิญมาอย่างไม่มีสติ มันช่างติดตรึงใจจนเขาฝันถึงมันทุกครั้งที่หลับตา
...เพราะข้าแท้ๆ เจ้าถึงต้องมาเผชิญเคราะห์กรรมเช่นนี้ช้ำแล้วช้ำเล่า ดวงใจของข้าข้าขอโทษ...
“เลย์ใจเย็นๆและตั้งสติ มันไม่มีอะไรแล้วนายแค่ฝันร้าย” คริสพยายามพูดให้เลย์รู้สึกตัว มือหนาดึงร่างบางผละออกก่อนจะตบเข้าที่แก้มใสเบาๆ
ผ่านไปได้สักพักดวงตาสีอำพันค่อยๆแปรเปลี่ยนกลับไปเป็นสีน้ำตาลเข้มดังเดิม เช่นเดียวกับน้ำตาที่แห้งเหือดไปเมื่อเริ่มได้สติ
นัยน์ตาหวานช้อนมองดวงหน้าคมที่ห่างจากหน้าตนไม่ถึงคืบ...เหมือนมีแรงดึงดูดจากก้นบึ้งของหัวใจให้เขาและร่างสูงขยับตัวเข้าหากันจนริมฝีปากอุ่นประทับเข้ากับริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา
ดวงใจน้อยๆที่อกข้างซ้ายเต้นระส่ำกับสัมผัสวาบหวาม ริมฝีปากอุ่นกดย้ำผิวปากอิ่มอ่อนนุ่มอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีการรุกล้ำเข้าไปในโพลงปากหวาน
ก่อนที่จะมีอะไรเลยเถิดไปมากกว่านี้ร่างสูงรีบผละออกจากริมฝีปากบางอย่างน่าเสียดาย แล้วต้องซ่อนอารมณ์ปรารถนานั้นภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย
“อะ..เอ่อ พี่คริส” เจ้าของริมฝีปากหวานเกิดอาการเขินอายกับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ แก้มเนียนค่อยๆขึ้นสีจนแดงระเรื่อให้คนตรงหน้าเห็นถึงอาการ
เขาอยากจะยิ้มขำกับความน่ารักของว่าที่องค์เทพแต่ก็ต้องรักษาหน้าให้เรียบนิ่งดังเดิม เดี๋ยวอาการเขินจะกำเริบหนักจนร่างบางไม่กล้ามองหน้าเขา
“นี้ก็สายมากแล้วนายรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ ฉันพาลงไปกินข้าว” คริสเลือกที่จะเบี่ยงเบนความสนใจโดยไล่อีกคนไปอาบน้ำ ก่อนแสร้งเดินไปมุมชั้นหนังสือเพื่อไม่ให้เลย์เห็นว่าตนกำลังยิ้มอยู่
สภาพห้องอาหารของนักเรียนสายกองพลอารักขาในตอนนี้ดูเหมือนป่าอเมซอนที่มีพวก สิงห์ เสือ ลิง ค่าง มากกว่าจะเป็นห้องที่เขาไว้ใช้รับประทานอาหารกันปกติ
ท่านหัวหน้าชั้นปีสามยืนมองสภาพห้องด้วยสายตาเอือมระอากับพวกลูกลิงลูกทโมน เขาไม่นึกแปลกใจเลยว่าทำไมพวกพ่อบ้านแม่บ้านถึงไม่อยากมาทำงานที่หอพักนี้
แต่คนข้างๆตัวเขากลับมองว่ามันเป็นเรื่องแปลกใหม่และรู้สึกสนุกไปกับคนเหล่านั้น อาจเป็นเพราะเลย์ถูกเลี้ยงดูให้อยู่ในกรอบ ทุกท่วงท่า ทุกการกระทำต้องให้สมกับการเป็นเทพ ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าอึดอัดสำหรับเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง
“เลย์!!! ทางนี้ๆ” เสียงเรียกของลู่หานดังมาจากโต๊ะแถวในสุด
นัยน์ตาสวยหันไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อขอตัว แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อที่เช้าเขาพึ่งมีวีรกรรมหน้าอายสำหรับเขาทั้งสอง แก้มขาวๆก็ขึ้นสีอีกครั้งจนต้องยกมือขึ้นมาลูบท้ายทอยแก้เขิน
“อ่า..ผมขอตัวไปนั่งกับพี่ลู่หานนะครับ” เสียงหวานเอ่ยลาด้วยสำเนียงเพี้ยนๆ แล้วรีบเดินตรงไปหาเจ้าชายแห่งพาเลนเซียทันที
คริสยืนยิ้มให้กับความน่ารักของอีกคนนิดๆก่อนเดินไปร่วมโต๊ะกับกลุ่มชานยอลที่นั่งรออยู่แถวกลางห้อง
“เป็นไงเมื่อคืนหลับสบายดีมั้ย?” พอร่างโปร่งขององค์เทพรัชทายาทนั่งลงเสียงทุ้มหวานก็สักถามทันที
“ก็...หลับสบายดีครับ” เลย์ตอบกลับสหายรุ่นพี่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มกลบความเขินอาย
...ใครจะกล้าบอกว่าเมื่อคืนเขานอนฝันร้ายจนเผลอโผเข้ากอดเจ้าชายอี้ฟานแถมยัง.... ...
“ไม่กล้าบอกความจริงก็อย่ามาคิดให้ได้ยินสิเลย์” ลู่หานเปรยออกมาลอยๆ
“พี่ลู่หานได้ยินหรอครับ!” เลย์เอ่ยถามด้วยความตกใจ
สีหน้ามึนเบลอของเจ้าหนุ่มรุ่นร้องเรียกเสียงหัวเราะจากลู่หานและซิ่วหมินได้เป็นอย่างดี
“อย่าว่าแต่ได้ยินเลย ลู่หานเค้ามองเห็นเหตุการณ์ในความคิดนายด้วยนะ” ซิ่วหมินเป็นฝ่ายตอบแทนเพื่อน
“อ่า...น่าอายจัง” คนถูกล่วงรู้ความคิดก้มหน้างุดถ้าแทรกแผ่นดินหนีได้เขาคงมุดหนีไปแน่ๆ
“ตั้งแต่รู้จักกับเจ้าชายอี้ฟานแห่งแอสซาเรส พึ่งรู้ว่าเจ้านั่นก็มีมุมอ่อนโยนกับเค้าเหมือนกันต้องขอบใจนายที่ทำให้เห็นนะเลย์” ลู่หานยังไม่เลิกหยอกเหย้ารุ่นน้องผู้สูงศักดิ์
“พี่ครับพอเถอะ...ผมอาย” เสียงใสเอ่ยออกมาเบาๆ ใบหน้าขาวซีดแดงกล่ำด้วยความอาย
“ฮ่าๆๆ เวลานายเขินนี่น่ารักน่าฟัดมากๆเลยนะเลย์อย่าไปทำให้ใครเค้าเห็นล่ะเดี๋ยวงานเข้า” ซิ่วหมินที่นั่งมองความน่ารักน่าหมันเขี้ยวของรุ่นน้องก็รีบเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี
“พี่ซิ่วหมินพูดแบบนี้เหมือนกำลังหลงรักพี่เลย์เลยนะ ระวังพี่จงแดมาเห็นแล้วเค้าจะเสียใจเอานะครับ” เซฮุนเอ่ยแซวรุ่นพี่หน้ากลมก่อนเดินเข้าไปนั่งข้างๆคู่หมั้นหน้าหวาน
“เกี่ยวอะไรกับเฉิน?”
“หึหึ พี่ไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจครับ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าพี่เฉินเค้าชอบพี่” เจ้าชายรุ่นน้องตอบกลับพลางยักคิ้วให้ตามแบบฉบับคนเจ้าเล่ห์
“เจ้าโอเซ กลับไปนั่งกับเพื่อนๆของนายเลยไปฉันไม่อยากคุยกับนายแล้ว” ร่างอวบลุกขึ้นเดินไปตักอาหารกลบความอายกับเรื่องที่เซฮุนพึ่งพูดไป
“แกล้งเพื่อนฉันสนุกมากมั้ยโอเซฮุน” ดวงตาเป็นประกายดุจกวางหันไปมองค้อนคู่หมั้นร่างสูง
“ผมไม่ได้แกล้งซะหน่อย” เซฮุนยักไหล่เหมือนเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
พอกำจัดองครักษ์ปกป้ององค์เทพรัชทายาทคนแรกได้ก็มาถึงรายที่สอง ตาคมหันไปมองเลย์ที่นั่งเงียบอยู่นานเพื่อเริ่มแผนการต่อไป
“ผมโอเซฮุนยินดีที่ได้รู้จักนะครับ รุ่นพี่เลย์” เซฮุนกล่าวทักทายพร้อมโค้งศีรษะให้ร่างบางตรงหน้า พร้อมส่งสายตาสื่อความหมายบางอย่างให้คนตรงหน้า
“ยิน...ยินดีที่ได้รู้จัก” เลย์โค้งรับคำทักทายของรุ่นน้องผู้เป็นคู่หมั้นของลู่หานตามมารยาท
“อย่าแม้แต่จะคิดเลยนะเซฮุน” ลู่หานที่เห็นการกระทำไม่น่าไว้ใจของเซฮุนเอ่ยขึ้น มือบางจับใบหน้าเรียวให้หันกลับมามองตนหวังจับผิด
“คิด?...พี่คิดว่าผมคิดอะไรอยู่หรอครับ?” เซฮุนแกล้งย้อนถามลู่หานที่พึ่งรู้ตัวว่าพลาดให้กับเล่ห์เหลี่ยมของเจ้าคนตรงหน้าเข้าอย่างจัง
“เปล่า” เสียงหวานตอบปฏิเสธแล้วแสร้งหันหน้าไปทางอื่นกลบเกลื่อนความหน้าอายที่พึ่งสร้าง
“พี่หึงผมก็บอกมาเถอะครับ...เสี่ยวลู่”
ความคิดที่ลอยเข้ามาในประสาทการรับรู้พร้อมสายลมอ่อนๆจากเวทย์ของเจ้าชายแห่งสายลมทำเอาลู่หานต้องหันกลับไปมองค้อน
“ฉันไม่ได้หึง!!” เสียงหวานห้าวตอบกลับฉับพลัน
“เอ๋?” เลย์อุทานด้วยความแปลกใจที่จู่ๆ รุ่นพี่หน้าสวยก็พูดเรื่องหึงออกมาทั้งๆ ที่อีกคนยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ
“กวางน้อยปากแข็ง พี่กลัวว่าผมจะจีบคนน่ารักแบบพี่เลย์ก็พูดออกมาตรงๆสิครับคนเก่ง” เซฮุนยังคงใช้ความคิดสื่อสารเพื่อแกล้งให้ลู่หานหลุดอีกครั้ง
“เซฮุนเลิกแกล้งฉันได้แล้ว ไม่งั้นฉันจะไม่คุยกับนายอีกเลย” ลู่หานแกล้งขู่กลับเกลื่อนความเขินอาย
“ถ้าพี่ไม่พูด...พี่ก็ต้องครางให้ผมฟังเลือกดีๆนะครับที่รัก”
“เซฮุนคนบ้า!” ใบหน้าสวยแดงระเรื่อไปจนถึงใบหำอย่างไม่อาจห้ามได้กับความคิดบ้าบอของเจ้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เลย์เดี๋ยวพี่มานะ” ลู่หานรีบลุกออกไปตามหาซิ่วหมินให้กลับมาช่วยต่อกรกับคู่หมั้นตัวแสบ
...เหลือแค่เป้าหมายคนสำคัญ...
“ทีนี้ก็เหลือแค่เราสักที” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆแต่แฝงไปด้วยรังสีอำมหิต ตาคมดุจเหยี่ยวตวัดมององค์เทพราชทายาทนิ่งไม่หลงเหลือเคล้าโครงเดิมของเจ้าชายขี้เล่นคนเมื่อกี้อยู่เลย
อาการนิ่งเงียบของโอเซฮุนมันดูน่ากลัวอยู่พอตัว เพราะเขาไม่อาจรู้ได้ว่าคนตรงหน้ากำลังคิดหรือจะทำอะไรอยู่กันแน่
“นายมีอะไรจะคุยกับฉันหรอ?” เลย์ถามออกไปตรงๆ พยายามกดความประหม่าที่มีไม่ให้อีกคนเห็น
“ถ้าท่านไม่อยากตายก่อนได้เจอหน้าคนที่ท่านรัก จงรีบออกไปจากพลาเนตซะไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่รับรองความปลอบภัยของท่าน ว่าที่องค์เทพรัชทายาท” พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนตัวตรงมองปฏิกิริยานิ่งงันจากร่างโปร่งเพียงนิดก่อนเดินกลับไปนั่งกับกลุ่มสหายตนตามเดิม
เลย์หันกลับไปมองร่างสูงที่เพิ่งหายเข้าไปในกลุ่ม สายตาหลายคู่จ้องมองเขาด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป ยกเว้นคริสที่เอาแต่นั่งก้มหน้าเงียบเหมือนกำลังขบคิดอะไรบางอย่าง
...มาขู่เตือนกันแบบนี้ คงเริ่มระวังตัวกันแล้วสินะ...
------------------------------------
ความคิดเห็น