คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 : ผู้ปกป้องแห่งอาณาจักรอลาสก้า
ร่างเล็กยังคงนอนนิ่งอยู่บนแท่นใจกลางวิหารแม้ว่าเวลาจะผ่านมา 3 ชั่วโมงเศษแล้วก็ตาม ทั้งท่านราจา แมเนตัล แม้กระทั่งแจ๊ค ริเวอเวลค่างทำได้เพียงนั่งมองนิ่งๆไม่อาจเข้าไปปลุกได้
“นี่เราต้องรอถึงเมื่อใดกันท่านพ่อ” จัสเต แมเนตัลผู้ที่ใจร้อนที่สุดกล่าวถามขึ้น
“ข้ายังต้องออกไปบัญชาการรบอีกนะท่านราจา” แจ๊คกล่าวบ้าง การที่เขานั่งรอมามากกว่าครึ่งชั่วโมงทำให้ความอดทนต่อผู้ปกป้องอันมีอยู่น้อยนิดหมดลง
“ท่านผู้ปกป้องบอกว่ารอสัก 3 ชั่วโมง พวกเจ้าก็รอกันสักหน่อยเถอะ”
“แต่นี่อีก 3 นาทีก็จะ 4ชั่วโมงแล้วนะ ท่านจะ...”
“หาวววววว~~!...เสียงใครมาทะเลาะกันแถวนี้น่ะ- -^” เสียงดังขึ้นที่ใจกลางวิหารทำเอาการโต้เถียงหยุดชะงักลง ร่างเล็กที่ใจกลางวิหารค่อยๆลุกขึ้นเดินผ่านสระน้ำออกมาราวกับสามารถเดินบนน้ำได้ ผมขาวประบนใบหน้าคล้ายกับเทพีลงมาจุติอย่างไรอย่างนั้น
“...” บรรยากาศอันเงียบสงัด 3 หนุ่มแห่งอาณาจักรอลาสก้าต่างมองตาไม่กระพริบ
“เอ่อ...ลุง..ฉันหิวอ้ะ มีไรกินมั่ง”
เพล้งงงง~~! เสียงเดิมๆเรียกสติของทุกคนกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ภาพที่ถูกวาดในหัวเมื่อครู่หายไปจนหมด เอ้อ! แล้วเมื่อกี้เขาเห็นภาพอะไรกัน..ลืมๆมันไปเถ๊อะ!!
“จะ..เจ้าเรียกพ่อข้าว่าไงนะ!!” แมเนตัลผู้ได้สติกลับคืนมาแล้วถามขึ้น
“ก็ลุงไง นายมีปัญหาอะไรหรือไง”
“ข้ามีแน่!!” ชิ้งงง~~! ดาบเล่มงามจ่อที่ปลายคางของออดีนอย่างรวดเร็วทำให้ทราบฝีมือของผู้มาใหม่ได้เป็นอย่างดี “พ่อข้าไม่ใช่ลุงเจ้า ขอโทษพ่อข้าเดี๋ยวนี้ไม่งั้นหัวเจ้าหลุดจากบ่าแน่!!”
…
“ก็เอาสิ มาดูกันว่าหัวนายหรือหัวฉันจะหลุดก่อนกัน”
แรงกดน้อยๆบนลำคอทำให้แมเนตัลเหลือบมองอย่างตกใจ...ใบมีด..ไม่สิ พัด? ทำไมข้าไม่รู้สึกตัว!! แมเนตัลคิด เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลผ่านใบพัดทีละน้อย
“ข้าต้องขอโทษกับการเสียมารยาทของลูกชายข้าด้วยท่านออดีน จัสเต แมเนตัลเป็นลูกชายของข้าเอง ส่วนนั่นแจ๊ค ริเวอเวลเป็นองครักษ์ของลูกชายข้า” ราจา ฮาร์เวิร์ดแก้สถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อการแนะนำตัวเกิดขึ้นแล้ว การยกของมีคม(?)มาจ่อหน้ากันคงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก ทั้งคู่จึงลดมือลงแล้วนั่งลงทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จัสเต แมเนตัลและแจ๊ค สำรวจผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้ปกป้องแห่งอาณาจักรตนด้วยสายตาระหว่างเขาคุยกับท่านราจาอยู่ ซาเจ ออดีน คล้ายจะเป็นชายหนุ่มรูปงามไม่น้อย เขามีผมขาวเป็นประกาย นัยน์ตาสีดำสนิทฉายแววเฉื่อยชา(อันนี้เดาได้จากนิสัยที่เห็นภายนอก) จมูกโด่งรับกับริมฝีปากบางๆซึ่งออกจะดูคล้ายหญิงมากกว่า ทั้งยังมีรูปร่างผอมบาง สวมใส่ชุดคล้ายขุนนางสีขาวแต่กลับมีดาบเล่มเท่าบ้าน(?) ข้างลำตัว ในมือยังถือพัดเหล็กคมกริบสีเทาที่เปื้อนเลือดสีแดงสดเล็กน้อยอีกด้วย
“พวกนายสำรวจฉันไปถึงเท้าเลยไหม?” ออดีนกล่าวอย่างเฉยชา แม้จะไม่ได้มองคนทั้งคู่อยู่ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา..เจ้าพวกนี้ไม่น่าเป็นลูกน้องที่ดีได้แหะ- -^
ออดีนมองทั้งสองคนเล็กน้อย จัสเต แมเนตัล เหมือนผู้เป็นพ่อทุกระเบียบนิ้วไม่ว่าจะเป็นผมทองๆคล้ายมีออร่าอยู่บนหัว คิ้วโก่ง นัยน์ตาสีม่วงดูหวานอบอุ่น ร่างกายกำยำแข็งแรงและชุดค่อนข้างหรูกว่าผู้คนที่พบได้ทั่วไป(ก็เขาเป็นเจ้าของเมือง ก็ต้องชุดแปลกไปมั่งดิ)
ส่วนอีกหนึ่งหนุ่ม แจ๊ค ริเวอเวล เป็นชายผู้ที่ทำหน้านิ่งอยู่ตลอดเวลา เขามีผมสีดำ นัยน์ตาสีเทา ร่างกายกำยำแข็งแรงสวมชุดเกราะเบาสีดำวาว มีดาวเงินคาดไว้ที่เอว
ทันทีที่ออดีนสำรวจเสร็จ เขาก็หันมายิ้มให้ ราจา ฮาร์เวิร์ด นิดหน่อยแล้วกล่าวด้วยเสียงเฉยชาว่า
“คนขายไก่..กับเจ้าขี้เก๊ก..สินะ?” ชิ้งงงง~~! ดาบทั้งสองจ่อเข้าที่คางออดีนทันทีที่พูดจบ การร่วมมือกันของแมเนตัลและแจ๊คทำให้ท่านราจาตกใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“โอ้..ดีจัง..อยากหัวขาดพร้อมกันก็ไม่บอก” ปลายพัดจ่อเข้าที่คอหอยทั้งสองทำให้ทั้งคู่ยอมละดาบลง ออดีนเก็บพัดอย่างเงียบเชียบ ...เชื่อฟังกันงี้ค่อยดีขึ้นหน่อยสินะ
“ยังไม่มีข้าวกินก็ไม่เป็นไร ของที่ฉันจะเอาล่ะลุง”
เอกสารหลายฉบับถูกส่งมอบให้กับออดีนทำเอาเขาเม้มปากเลยทีเดียว..เอกสารพวกนี้เป็น 10ฉบับพร้อมบุคคลอีก 3คนนั่งจ้องหน้า มันจะมาหาเรื่องกันใช่ไหม!!
เอกสารฉบับแรก
การออกทัพของข้าวันนี้สุดยอดที่สุด พวกทัพปีศาจร่นถอยไปห่างจากประตูเมืองมากแล้วทั้งนี้เป็นเพราะความสามารถของข้าและแจ๊คที่ช่วยกันขับไล่มันออกไป โอ้!!นั่นน มันมากันอีกแล้ว ข้าต้องไปช่วยแจ๊คออกศึกแล้ว ข้าต้องรีบออกไปปกป้องทหารข้า
เอกสารฉบับที่ 2
พวกปีศาจยังคงบุกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ดูนี่สิแม่ทัพทั้งสองของกองทัพข้าช่างเก่งเหลือเกิน พวกเขาออกทัพสู้กับเหล่าปีศาจอย่างกล้าหาร แต่วันนี้เราเสียเมืองแรกให้มันไปซะแล้วล่ะ น่าเสียดายที่วันนี้ข้าไม่ได้ออกศึกด้วยจัง
เอกสารฉบับที่ 3
แจ๊คพากลุ่มทหารเข้าตลบหลังแต่ก็แพ้ยับเยินเลย ที่จริงข้าน่าจะไปด้วย ถ้าข้าไปด้วยต้องชนะแน่นอน แล้วข้าก็จะกลับมาบอกทุกคนว่าข้าทำสำเร็จแล้ว แต่ในศึกครั้งนี้เราเสียกองทหารไปนับพันเลยทีเดียว ครั้งหน้าข้าจะออกทำศึกเองบ้างจะได้ไม่ต้องเสียกองทหารไปมากมายขนาดนี้
.
.
.
เอกสารฉบับที่ 10
พวกปีศาจตีเมืองชายแดนของเราแตกไปแล้ว ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าแจ๊คยอมแพ้ ยอมให้พวกมันเอาเมืองของเราไปอีก ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องยอมพวกมันด้วย ข้าไม่ได้ออกไปช่วยประชาชนเพราะข้าเป็นคนใจร้อน หากเห็นพวกปีศาจล่ะก็ข้าคงเข้าไปปะทะกับมันเป็นแน่
...ไม่ได้เรื่อง...เป็นเอกสารที่ฉันยังเขียนได้ดีกว่านี้เป็น 10เท่าเลยเว้ยยยยยย~~!
“ลุง ใครเป็นคนจดเอกสารพวกนี้- -^” ออดีนเงยหน้าออกจากเอกสารด้วยสีหน้าเอือมระอาเต็มทน ..เอกสารพวกนี้นอกจากจะไร้สาระมากกว่าฉันแล้วยังน่าเบื่อสุดๆ
“แมเนตัลเป็นคนจดเพราะข้าต้องคุมประชาชน ส่วนเจ้าแจ๊คต้องคุมทัพ” ราจา ฮาร์เวิร์ดตอบกลับมาตามตรง ไม่ได้บ่ายเบี่ยงแต่อย่างใด ..ลูกข้า เจ้าซวยแล้วล่ะ
“อย่าหาว่าฉันว่าแรงเลยนะลุง นี่มันหนังสือบันทึกการรบหรือไดอารี่ส่วนตัวนายกัน- -^ ไร้สาระ ไม่ได้เรื่องที่สุดดดดดดด” ออดีนลากเสียงยาว
“เจ้าก็ไม่ได้มีสาระไปมากกว่าข้าหรอกน่า”
“ฉันเป็นคนมีสาระนะ นายนั่นแหละจดเรื่องไร้สาระไว้มากมายใครเขาจะอ่านรู้เรื่องกัน”
“เจ้าอย่ามาพูดแบบนั้นกับท่านจัสเตนะ” เป็นแจ๊คนี่เองที่กล่าวห้ามทัพขึ้นก่อน และแน่นอนจุดเดือดของออดีนไม่ได้สูงขนาดที่ใครจะมาขัดนางได้
“เจ้าก็เหมือนกันพาลูกน้องไปตายเป็นพัน เป็นแม่ทัพภาษาอะไรกัน ถ้าแค่ดูแลทหารเป็นพันยังทำไม่ได้ก็เลิกเป็นแม่ทัพเหอะ”
แจ๊คแข็งค้าง แมเนตัลก็แข็งค้าง ท่านราจามองดู 2หนุ่มอย่างขำๆ ต้องเจอแบบนี้ซะบ้าง ความมั่นใจมันจะได้น้อยๆลงหน่อย
“เอาล่ะลุง เข้าเรื่องของเราดีกว่า” ออดีนหันมายิ้มให้อย่างอารมณ์ดี..ก็นางได้ด่าคนแล้วนี่ อารมณ์ย่อมดีขึ้นเป็นธรรมดา
“ฉันให้เวลาลุง 3วัน ทำยังไงก็ได้ให้กองทัพเป็นพันเป็นหมื่นของลุงยอมรับฉันให้ได้ ถ้าเลยจาก 3วันและฉันต้องจัดการเองฉันจะมีข้อแม้เพิ่ม 1ข้อในการช่วยเหลือในครั้งนี้”
….3 วัน ....ใครจะไปทำทันนนนนนน~~!
“ยังไงตอนนี้ลุงก็คุมเชิงฝ่ายนู้นไปก่อนแล้วกัน จบการประชุมเท่านี้ ขอข้าวอีกใน 2ชั่วโมงนะลุง ฉันจะนอนล่ะ” กล่าวสั่งเผด็จการจบ เจ้าตัวก็เดินข้ามสระน้ำกลับไปนอนที่เดิมทันที ปล่อยให้ท่านราจาผู้สูงศักดิ์ลาก(?) 2หน่อที่กำลังอยู่ในสภาวะแข็งค้างออกนอกวิหารด้วยตัวเอง
ล้า~ลา~ล้า~ลา~ลา~ลา~~~ เสียงหวานอันไพเราะดังออกมาจากภายในวิหารต้องห้ามทำให้ผู้คนสนใจกันไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ราวกับเสียงลอยปลิวไปตามลม ผู้คนที่ได้ยินเสียงต่างผ่อนคลายแม้ว่าบ้านเมืองจะอยู่ในสภาวะสงครามก็ตาม
จิล ริเวอเวล เป็นหญิงสาวผู้หนึ่งที่สนใจในเสียงนั่น เธออยู่ที่เมืองแห่งนี้มาเป็น 10ปีกลับไม่เคยได้ยินเสียงหวานที่ไพเราะเท่าเมื่อกี้มาก่อน มันทำให้เธอสงสัย...
“ท่านราจา ในที่แห่งนั้นมีใครอยู่หรือ ข้าได้ยินเสียงอันไพเราะมาจากที่แห่งนั้น” จิลกล่าวถามขึ้นเมื่อเธอได้เข้าเฝ้าท่านราจา ผู้นำสูงสุดแห่งอาณาจักรอลาสก้า
“เจ้ามาพบเราก็ดีแล้วจิล แจ๊ค พี่ชายของเจ้าพึ่งเข้าไปในตัววิหารเมื่อเช้านี้เพื่อพบท่านผู้ปกป้องแห่งอาณาจักรเราตามที่เคยได้มีการเล่าขานไว้ แต่นี่ก็ผ่านมาครึ่งวันแล้วเรายังไม่เห็นเขาออกมาเลย เจ้าก็เข้าไปพบท่านเสียสิ เอาอาหารตรงนั้นเข้าไปด้วย” ท่านราจาฮาร์เวิร์ดที่กำลังนั่งอยู่หลังกองเอกสารหลายกองที่แทบจะปิดหน้าปิดตากล่าวบอก
จิลออกไปทันทีโดยไม่บอกลาทั้งยังยกถาดอาหารไปด้วย ราจาฮาร์เวิร์ดยิ้มอย่างพอดีก่อนจะกลับมาเครียดกับเอกสารตรงหน้าที่ตนเรียกมาตรวจสอบต่อ
“ท่านหลวง เราขอให้ท่านคัดคนมีความสามารถในการเขียนให้เราหน่อย เราจะไม่ให้แมเนตัลทำงานนี้อีก”
จิล ริเวอเวลก้าวเข้ามาในวิหารต้องห้ามหลังจากไปคุยกับท่านราจา ที่จริงเธอสงสัยอยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่าทำไมช่วงนี้แจ๊ค—พี่ชายของเธอไม่ค่อยไปช่วยบัญชาการรบที่แนวหน้า ที่แท้ก็มาอยู่ที่นี่นี่เอง
ล้า~ลา~ลา~ล้า~ลา~ล้า~ลา~ลา~ลา~~~ ท่วงทำนองหวานดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เสียงนั้นทำให้จิตใจของจิลที่กำลังว้าวุ้นสงบลงอย่างง่ายดาย ...ใครกันเป็นผู้ทำเสียงนี้... ทางเดินเข้าวิหารดูราวกับไกลมากเมื่อได้ฟังเสียงเพลง เวลาคล้ายกับเดินช้าลง แต่ในที่สุดจิลก็เดินมาถึงภายในวิหารจนได้
“แจ๊ค เจ้าอยู่ไหนน่ะ” จิลตะโกนเรียก พลางสอดสายตามองไปทั่ววิหาร วิหารต้องห้ามแห่งนี้เดิมทีไม่อนุญาตให้ใครเข้าเว้นแต่ท่านราจาเพียงผู้เดียว ภายในวิหารถูกสร้างจากหินอ่อนทั้งหมดให้ความรู้สึกเย็นสบาย
“แจ๊ค??” ในที่สุดเธอก็เห็น แจ๊ค ริเวอเวลตัวเป็นๆกำลังเดินขาเดี่ยวกางแขนปากคาบไม้บรรทัดสีหน้าบูดบึ้งยืมอยู่มุมอับของวิหารเป็นภาพที่จิลเห็นแล้วก็อดขำออกมาไม่ได้
“แจ๊คนั่นเจ้าทำอะไรของเจ้า” จิลถามเสียงใส ใบหน้ายังคงกลั้นยิ้มไว้กลัวพี่ชายเห็นแล้วจะเสียใจ
“เขาถูกทำโทษเพราะมารบกวนฉัน เขาตอบเธอไม่ได้หรอก” เสียงหวานดังจากอีกมุมทำให้จิลสะดุ้งเร่งหันหน้ากลับไปมอง บุคคลตรงหน้าเธอไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็จัดว่าเป็นผู้หญิง(?)ที่สวย ผมขาวสั้นมีเพียงแถบจอนผมที่ยาวลงมาสวมชุดยาว ในมือถือพัดเหล็กสีเงินแววาว
“งั้นหรือ” จิลไม่ได้ทำท่าสงใสแต่อย่างใด..โอเค ต้องเข้าใจตรงกันสักนิดว่าหญิงสาวนามว่า ‘จิล ริเวอเวล’ เป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวในกองทัพแห่งอาณาจักรอลาสก้าแห่งนี้และเป็นผู้ไม่ค่อยสนใจพี่ชาย..มากสักเท่าไหร่
“เชิญเธอเข้ามาก่อนสิ มานั่งจิบชาด้วยกัน” จิลเดินไปนั่งตรงข้ามผู้ปกป้องผมขาว ชาร้อนๆมีกลิ่นหอมตลบอบอวนไปทั่วห้องนั่นทำให้สบายใจมากเลยทีเดียว
“ว่าแต่ท่านช่วยแจงได้หรือไม่เหตุใดพี่ข้าจึงไปยืนทำท่าประหลาดเช่นนั้น”
“เขาเล่นเกมแพ้น่ะ สงสัยชี้ดาบใส่ฉันเพลินไปหน่อยมั้ง” สาว(?)ผมขาวกล่าวอย่างเฉยชาแต่นั่นก็ทำให้จิลตกใจไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
“พี่ข้าน่ะหรือจะชี้ดาบใส่ผ..”
“เธอจะไปถามพี่เธอดูฉันก็ไม่ว่านะ เดินไปคุยได้แต่ต้องใกล้ๆหน่อย”
“งั้นข้าก็เข้าใจ พี่ข้าคงไม่รู้ว่าท่านผู้ปกป้องเป็น...”
“นี่ๆเลิกเรียกฉันว่าท่านผู้ปกป้องสักทีได้ไหม? ฉันมีชื่อนะ- -^”
“งั้นท่านจะให้ข้าเรียกท่านว่าอะไรล่ะ”
“วิค ถ้าเธออยากเป็นเพื่อนฉันนักก็เรียกฉันว่าวิคแต่ถ้าเธออยากให้ฉันเป็นไอผู้ปกป้องบ้าบอก็เรียกฉันว่าออดีนเหมือนคนอื่นก็ได้” วิค(?)กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชาเช่นเดิม แต่คล้ายกับแววตาคู่นั้นมีประกายอย่างน่าประหลาด
“ท่านจะให้ข้าเรียกเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านเป็นถึงผู้ปกป้องของอาณาจักรแห่งนี้”
“แล้วฉันไม่ใช่มนุษย์งั้นหรอไง?”
“ก็ได้ อย่างน้อยข้าก็มีเพื่อนที่คล้ายกับข้าบ้าง ข้าจิล จิล ริเวอเวล”
วิคเลิกคิ้วน้อยๆพลางหันมองไปทางชายหนุ่มผู้ยืนอยู่ ณ.ดินแดนอันห่างไกล(?)
“หมอนั่นเป็นญาติเธอเรอะ แย่จังนะ”
“นั่นสิ ข้าก็คิดเช่นนั้น”
จิลยังคงนั่งคุยกับออดีนอย่างถูกคอ คนตรงหน้าเธอนับว่าเป็นคนที่มีความคิดหลากหลายมากทีเดียว คำตอบในแต่ละคำถามที่เธอถามไปนั้นไม่สามารถบ่งบอกได้เลยว่าคนตรงหน้าเป็นคนเช่นไร
“ฉันจะไปนอนล่ะ” อยู่ๆออดีนก็โพล่งขึ้นมาตัดบทคำถามบ้าๆบอๆของจิล
“งั้นข้าคงต้องขอตัวบ้าง ไว้ข้าจะมาคุยด้วยใหม่”
“แล้วแต่เธอเถอะ”
ออดีนก้าวเดินไปทางแท่นกลางน้ำทันทีที่พูดจบ
.
“เดี๋ยว!”
เสียงเรียกนั้นทำให้เขาหันมองเล็กน้อย จิล ริเวอเวล หญิงสาวผู้มีเรือนผมสีดำเงางามนั่งอยู่ในท่าคุกเข่าลงราวกับองครักษ์ที่น้อมฟังคำสั่งของราชา
“ข้ายอมรับท่าน โปรดนำทัพแก่อาณาจักรของข้าด้วย”
“…”
“โปรดเอาเมืองของข้าคืนมา”
.
“เธอยอมรับฉันมากแค่ไหนกันล่ะ”
“ข้ายอมรับท่านด้วยใจจริง หากแม้สั่งให้ข้าตาย ข้าก็จะตาย”
ดวงตาที่แน่วแน่จ้องมองราวกับจะสื่อความหมายเชิงว่า ‘ถ้าเจ้าไม่รับข้า ข้าจะตายให้เจ้าดูตรงนี้นี่แหละ’ ออดีนถอนหายใจเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มให้เป็นเชิงว่ารู้แล้วๆ
“ฉันต้องการคำสัญญาแค่ข้อเดียวเท่านั้น”
“ข้ายอมทุกอย่าง”
“เธอจะจริงจังกับมันมากแค่ไหนกันเชียว”
“หากเพียงแค่ท่านพูดมาเท่านั้น วิค”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่เข่นฆ่ากันเองจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
“ข้าขอให้คำสัญญาแก่ท่าน”
“ขอให้จำคำของเธอไว้แล้วกัน”
ความคิดเห็น