ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเพลงรักแห่งกอนโดลิน [ Love lysics of Gondolin ]

    ลำดับตอนที่ #111 : Lily Of The Valley : Part 39

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 117
      1
      9 ก.พ. 56

    ...นี้ข้าอยู่ที่ไหนกันแล้วนี่นะ...ข้าตกจากม้าริกนาพร้อมกับเออาเรนดิลแล้วก็หลับไป...

     

    ท่านหญิงขาวอาเรเดลได้รู้สึกว่านอนอยู่บนพิ้นหญ้าสีเขียวอ่อนแห่งหนึ่ง สายลมนั้นก็ได้พัดผ่านเรือนผมสีดำ

     

    เป็นมันเงาของนางไป ดวงตาของอาเรเดลก็ได้เห็นเด็กผู้หญิงในชุดกระโปรงสีขาวลูกไม้แสนน่ารัก

     

    วิ่งเล่นและหัวเราะเสียงใสอยู่ด้านหน้าของตนเอง...นั้นคือเมื่อตอนที่ข้ายังเป็นเด็กใช่ไหม ?...

     

    อิริสเซจ๊ะ อิริสเซ มาหาพ่อมา ” พรายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดทูนิคสีน้ำเงินเข้มสลับริ้วสีทอง

     

    เรือนผมสีดำขลับยาวสยาย ดวงหน้างามสง่าคมคาย กำลังฉายรอยยิ้มแสนสดใสให้กับบุตรสาว

     

    อตาร์จ๋า หนูมาแล้ว ” พรายหนุ่มคนนั้นก็ยกร่างน้อยของนางและหมุนไปรอบๆ ให้นางหัวเราะอีกครั้ง

     

    ริมฝีปากบางสวยและมีลักยิ้มสองข้างก็วางจูบหน้าผากน้อยของนาง “ พ่อรักลูกนะ อิริสเซคนงามของพ่อ”

     

    หนูก็รักอตาร์มากกกกก หนูรักพ่อมากที่สุดในโลกเลยเพค่ะ ”

     

    พออาเรเดลจะลุกขึ้น นางก็พบว่าภาพนั้นได้เปลี่ยนไป กลายเป็นภาพที่พรายหนุ่มร่างสูงได้ตี

     

    เด็กผู้หญิงนางนั้นที่หลังตั้งสองสามที พร้อมกับนั้นก็มีสตรีผมสีน้ำตาลอีกนางหนึ่งกำลังกอด

     

    เด็กหญิงผมสีทองสลับเงินสุกสว่างซึ่งร้องไห้สะอึกสะอื้น ดวงหน้าของนางก็มีรอยช้ำสีแดงเป็นจ้ำๆ

     

    อตาร์ หนูไม่ยอม หนูไม่ยอมนะ หนูชนะอาร์ตานิส หนูชนะนาง ”

     

    เด็กดื้อ เด็กไม่ดี ทำร้ายญาติผู้น้องตัวเอง พ่อบอกแล้วไง ว่าแพ้ชนะ มันเป็นธรรมดา เจ้าแพ้นางก็ต้องยอมรับซิ

     

    เจ้าให้จะใครๆ ว่าพ่อสอนลูกสาวไม่ดีเหรองั้ย เจ้าเป็นผู้หญิงขึ้แพ้ชวนตี มันน่าอับอายรู้ไหม ? ”

     

    สาวน้อยนางนั้นก็เงยหน้ามองผู้เป็นบิดาด้วยความโมโห ดวงตากลมโตที่เหมือนกับของบิดาแดงก่ำ

     

    หนูไม่ยอม อิริสเซคนนี้จะเป็นผู้หญิงที่เก่งที่สุดในแดนวาลินอร์ หนูจะทำได้ทุกอย่างไม่ให้แพ้ใคร

     

    หนูจะไม่แพ้ใครเด็ดขาด และหนูไม่แพ้ผู้ชายทุกคนโดยเฉพาะพี่ๆและญาติทุกคนด้วย ”

     

    เจ้าชายพรายองค์นั้นก็เม้มริมฝีปากของตน “ ได้ เจ้าจะชนะพ่อได้ไหม อไนเร ไปเอาเชืือกมา ! ”


    สตรีพรายนางนั้นก็พยายามร้องขอ “ ท่านพี่เพค่ะ ลูกเรายังเด็ก อย่าลงโทษนางขนาดนี้เลย ”

     

    เจ้าเป็นแม่ที่ตามใจแต่ลูก จะเสียเด็กก็เพราะอย่างนี้ ไปนำเชือกมา ขอร้องเถอะ ! ”

     

    แล้วเจ้าชายพรายก็ฉุดพระธิดาที่ดิ้นรนมาไว้ที่บันไดของวัง พร้อมกับนำเชือกมามัดไว้กับเสาบันไดไว้แน่น

     

    อตาร์ ปล่อยหนูนะ อตาร์ ปล่อยซิ ! ”

     

    เจ้าชายพรายก็กล่าวย้ำ “ อยากดื้อกับพ่อก็ต้องเจอแบบนี้ รู้ไหม สมเด็จย่าอินดิสไม่ชอบเด็กผู้หญิงนิสัยเสีย ”

     

    ย่าท่านรักแต่อาร์ตานิส มีอะไรก็เข้าข้างแต่นาง ที่หนูล่ะ ไม่มีใครเข้าข้างหนูบ้างเลย ”

     

    ทันใดนั้นเองพรายหนุ่มน้อยทัวร์กอนซึ่งหอบหนังสือมาก็รีบวิ่งมาหาผู้เป็นน้องสาว

     

    และคุกเข่าอ้อนวอน “ อตาร์ครับ ขอร้อง อย่าลงโทษนางขนาดนี้ ได้โปรด ”

     

    พ่อตัดสินใจแล้ว พ่อต้องลงโทษนาง อยู่ที่นี้ไปเลยสามวันสามคืน เจ้าก็ดูแลนางแทนพ่อเถอะ”

     

    แล้วเขาก็เดินออกจากตรงนั้นไป ผู้เป็นมารดาก็ได้นิ่งเงียบ และอุ้มหนูน้อยอาร์ตานิสตามเสด็จผู้เป็นสามี

     

    ทัวร์กอนก็แตะไหล่บางของน้องสาว“ อิริสเซ เจ้าต้องอยู่ให้ได้นะ พี่จะอ่านหนังสือให้เจ้าฟังเป็นเพื่อนงั้ย ”

     

    อตาร์ใจร้าย เสด็จพ่อโนโลฟินเวใจร้ายที่สุด ฮือๆๆๆ ”

     

    อาเรเดลก็เม้มริมฝีปากของนางแล้วก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ภาพที่เห็นได้ปรากฎว่า

     

    เด็กน้อยคนนั้นก็ได้รับปลดเชือกที่มัดนางออกจากบิดาขณะที่ตัวเองหลับอยู่ และเขาก็อุ้มนางไว้แนบอกแกร่ง

     

    ดวงตาสีเทาอมครามเจิดจรัสคู่นั้นก็มีน้ำตาไหลออกมา “ อิริสเซจ๋า พ่อขอโทษนะ พ่อเสียใจที่ทำร้ายเจ้า..”

     

    .เสด็จพ่อ...อตาร์...โนโลฟินเว ฟิงโกลฟิน...ของข้า....ทำไมท่านถึงไม่เคยบอกข้าว่าท่านทำแบบนี้?...

     

    ภาพนั้นก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง...

     

    นางในวัยแรกสาวกำลังขี่ม้าล่าสัตว์อยู่กับเจ้าชายพรายคนหนึ่ง เขามีเรือนผมสีทอง แววตาสีเทาแสนมุ่งมั่น

     

    อิริสเซ ทำไมเจ้าถึงชอบมาทำแบบนี้กับพี่อยู่เรื่อย มันไม่ใช่งานของสตรีนะ ” เขาถามขึ้น

     

    นางก็ตอบพร้อมถึงบังเหียนม้าไว้ “ ข้าชอบ พี่เทลโค ข้าจะเก่งกาจกว่าผู้หญิงทุกคนเลยล่ะ ”

     

    พรายหนุ่มผมทองคนนั้นก็จับมือนางไว้ “ ลงจากม้าและไปเดินเล่นกันดีกว่า ”

     

    แล้วพรายหนุ่มในชุดสีเขียวทะมัดทะแมงและพรายสาวในชุดกระโปรงขาวก็ได้มาจับมือกัน

     

    ภายใต้ทิวไม้อันงดงาม และส่องสว่างด้วยแสงสีทองแห่งจากต้นพฤกษาเลาเรลิน

     

    อิริสเซ ถ้าเจ้าอยากเก่งจริงๆ ก็มากับพี่เทลโคคนนี้บ่อยๆ ก็ได้นะ ”

     

    นางก็ยิ้มแสนหวานให้เขา“ ดีจัง ข้าจะมาให้บ่อยๆ เลย เพราะข้าชอบพี่จริงๆ นะขอบอก ”

     

    ให้มันจริงเถอะนะ ” แล้วมือแกร่งคู่นั้นก็มาประคองไหล่บาง พร้อมกับจูบที่หน้าผากเบาๆ

     

    นางรู้สึกเขินอาย แต่ว่ามือบางก็โอบคอเรียวของเทลโคไว้ด้วย

     

    พี่จูบแค่นี้เองเหรอจ๊ะ มันทำให้ข้าเฉยๆ จังเลย ”

     

    ถ้างั้น..” พรายหนุ่มก็เชยคางของนางเบาๆ ก่อนที่จะกระซิบว่า “ขอ...เอ่อ... จูบตรงนี้ได้ไหม ? ”

     

    แล้วริมฝีปากบางสีแดงของอิริสเซก็ถูกกทาบด้วยริมฝีปากงามแห่งโอรสที่สามของเจ้าฟ้าชายเฟอานอร์

     

    .จูบแรกของนาง ได้จากญาติผู้พี่คนสนิทของนาง...ความประทับใจแรกที่ไม่อาจลืม

     

    อาเรเดลก็เห็นว่านางหัวเราะและยังคงวิ่งหนีให้พี่เทลโควิ่งไล่จับนางไปอีกนาน

     

    ถ้าทูลหม่อมลุงและพ่อของข้าไม่มีปัญหาต่อกัน..เราสองคนอาจจะ...อาจจะ...ได้แต่งงานกันก็เป็นได้...

     

    ภาพนี้ก็หายไป และแสงสว่างก็ดับลง จนท้องฟ้านั้นกลายเป็นสีดำสนิท

     

    เมื่อนั้น นางก็รู้สึกว่าได้เห็นตัวเองได้ขี่ม้าอยู่ในป่านันเอลม็อธ ป่ามืดแสนลึกลับที่สุดในแผ่นดินมิดเดิ้ลเอิร์ธ

     

    จนถึงคฤหาสน์สีดำหลังใหญ่ กลางป่าลึกแห่งนั้น “ คงเป็นบ้านของใครสักคน ? ”

     

    และมีฝีเท้าหนักคู่หนึ่งตามหลังมา แต่แล้วนางก็หันหาเจ้าของต้นเสียง...ดาร์กเอลฟ์ในชุดเกราะสีดำ..

     

    เขานั้นมอบรอยยิ้มแสนประหลาดให้นางและคำนับลง “ ขอต้อนรับสู่บ้านข้า แม่หญิงผู้หลงทาง ”

     

    นางก็คำนับตอบ “ ท่านเป็นใครกัน เจ้าของป่านี้เหรอค่ะ ? ”

     

    ถูกต้องแล้ว ข้ามีนามว่าเอโอล เป็นญาติของราชาธิงโกลแห่งแดนโดริอัธ”

     

    อาเรเดลก็รู้สึกว่าดวงตาของเขากำลังจ้องมองเรือนร่างของนางอยู่ นางจึงรีบใช้ผ้าคลุมสีเงินปิดไว้

     

    ข้าคือ อาเรเดล อิริสเซ ท่านหญิงขาวแห่งชาวโนลดอร์ ข้าเดินทางออกมาจากเมืองกอนโดลิน

     

    เพื่อมาหาลอร์ดเคเลกอร์มหรือพี่ชายเทลโค และลอร์ดคูรูฟินผู้เป็นน้องชายที่เข้าตั้งเมืองอยู่ใกล้ๆ นี้

     

    ถ้าท่านเมตตาข้า ได้โปรดให้ที่พักสักระยะหนึ่งและบอกทางให้ได้ไหม ? ”

     

    แล้วข้าจะได้อะไรตอบแทนล่ะ ? ” เขาถามพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้

     

    นางจึงก้มหน้าลงกับพิ้นดิน “ ข้าเป็นถึงเจ้าหญิงพราย ข้าก็ต้องมีของตอบแทนให้ท่านมากอยู่แล้วค่ะ ”

     

    แต่นางก็รู้สึกว่านางเริ่มควบคุมร่างกายไม่ได้และเคลิ้มหลับในอ้อมกอดของดาร์กเอลฟ์คนนั้น

     

    นิ้วแกร่งคล้ำของเขาก็ลูบใบหน้าของนางกระซิบว่า “ งามแท้ งามจริงๆ ดูน่าปรารถนากว่าเจ้าหญิงลูธิเอน

     

    ขององค์ธิงโกลที่เอาแต่เต้นรำและร้องเพลงด้วยซ้ำไป แม้จะเป็นชาวโนลดอร์ก็ช่างมันปะไร

     

    ข้าจะทำให้นางรักข้าให้ได้ และนางจะไม่มีวันจากข้าไปที่ใดๆ อีก ฮ่าๆ ”

     

    แล้วลอร์ดเอโอลก็ได้โอบอุ้มนางเข้าบ้านของตนไปจากที่ตรงนั้น

     

    อ้..ไม่นะ...แล้วมันก็ได้ข้าเป็นภรรยาแล้ว...จากนั้นข้าก็ต้องอยู่กับเขา...และลูกโลมีออนก็เกิดมา

     

    จากนั้น...มันก็ตามข้าและลูกกลับมายังเมือง...มันนำพิษร้ายใส่ข้าและลูก..จนต้องเป็นแบบนี้...

     

    ไม่เอา..ความทรงจำบ้าๆ แบบนี้...ไม่นะ เทพวาลาร์ ไม่นะ....

     

    ภาพนั้นหายไปหมด บรรยากาศรอบตัวกลายเป็นสีเทา ทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียงอันไพเราะมาจากด้านหลัง

     

    เจ้ายังนึกถึงแต่อดีตมากเกินไปต่างหากเล่า ราชธิดาแห่งกษัตริย์พรายโนลดอร์ ”

     

    อาเรเดลจึงกล่าวว่า “ ท่านเป็นใครกัน ? ”

     

    เสียงนั้นตอบ “ ก็หันมาได้แล้ว จิตสำนึกแห่งอาเรเดล อาร์เฟย์นีเอลเอ๋ย ”

     

    เมื่อนางหันหลังไป เจ้าของสุรเสียงกังวานนั้นก็ต้องทำให้นางคุกเข่าลงทันที “ พระองค์คือ...”

    ~!~!~!~!~!~!~!~!~

    น่าสงสารท่านแม่อาเรเดลจริงๆ เลยนะครับ T^T

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×