Bleach [one-short] fiction : เต้นรำในร้านเหล้า - Bleach [one-short] fiction : เต้นรำในร้านเหล้า นิยาย Bleach [one-short] fiction : เต้นรำในร้านเหล้า : Dek-D.com - Writer

    Bleach [one-short] fiction : เต้นรำในร้านเหล้า

    ย้อนเรื่องราวไปยังช่วงเวลาสั้นๆ ภายหลังเหตุการณ์กบฏ ไอเซ็น โซซึเกะ

    ผู้เข้าชมรวม

    449

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    449

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 มี.ค. 58 / 00:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    หลังจากไม่ได้ติดตามเรื่อง Bleach มานาน อันที่จริงก็คือ แทบจะไม่ได้แตะต้องการ์ตูนเรื่องไหนเลยมาหลายปี อยู่ดีไม่ว่าดีนึกครึ้มเปิด Bleach ตอนล่าสุดขึ้นมาอ่าน ทำให้ต้องไปไล่อ่านเล่มเก่าๆ ที่เก็บไว้ตรงชั้นในสุดของตู้หนังสือขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็เริ่มที่จะสนุกกับมันอีก เหมือนกับได้นั่งย้อนเวลาไปสมัยที่ยังอายุเท่ากันกับอิจิโกะพระเอกของเรื่องเลย การอ่านเรื่องราวเดิมๆ ซ้ำอีกครั้ง ทำให้ได้มองเห็นมุมมองที่ต่างออกไปบ้างนิดหน่อย และด้วยความสนุกที่ยังคงติดค้างอยู่นิดๆ ก็ทำให้เกิดเป็นแฟนฟิคชันเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ ^^
     

    ************




    เคยดู Rock Bleach Musical แล้ว การที่ตัวละครแต่ละตัวกลายเป็นคนที่มีชีวิตจริงๆ ขึ้นมานี่ก็สุดยอดไปอีกแบบนะ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

       

      เมื่อมีหัวหน้าหน่วยฉันใด ก็ต้องมีรองหัวหน้าหน่วยฉันนั้น
       

       

      [Short Fiction] : เต้นรำในร้านเหล้า

                  หลังจากพายุร้ายผ่านพ้นไปความสงบก็ย่อมหวนกลับคืนมาในชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นไปเพื่อเตรียมรอรับพายุลูกใหม่ที่อาจจะพัดโหมเข้ามาในไม่ช้า Soul Society เองก็เช่นกัน ภายหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายซึ่งนำพาให้หนึ่งในหัวหน้าหน่วยแห่ง 13 หน่วยพิทักษ์ผู้มีฝีมือได้ผันตัวไปเป็นตัวการก่อกบฏที่ยากจะจัดการได้นั้นผ่านพ้นไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็ค่อยๆ กลับคืนสู่ภาวะปกติทีละนิดๆ

                      “ยินดีต้อนรับคร้าบ เชิญด้านในก่อนเลยครับท่าน” เสียงตะโกนเชิญลูกค้าจากเจ้าของร้านดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงพูดคุยกันจ้อกแจ้ก

                      “วันนี้ไม่เมาข้าไม่เลิก!” เสียงตะโกนอย่างร่าเริงจากหญิงสาวผู้มีเส้นผมสีทองดังขึ้น ถึงแม้เจ้าตัวจะอยู่ในชุดเครื่องแบบยมทูตสีดำสนิทแต่ก็ยังแลดูทรงเสน่ห์อย่างน่าจับตามอง

                      “ข้าด้วยครับคุณรันงิคุ ดื่มให้เมากันไปข้างเลย!” เสียงตะโกนที่ดังตามมาจากชายหนุ่มผู้มักจะสงบเสงี่ยมอยู่เป็นนิจ ทำให้เพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอดที่จะเอื้อมมือมาตบไหล่ดังป๊าบๆ อย่างชอบใจไม่ได้

                      “ใช้ได้เหมือนกันนี่หว่าคิระ มา! เมากันให้หัวราน้ำไปเลย”

                      “เบาๆ หน่อยสิอาบาไรคุง เสียงดังแบบนี้มันรบกวนคนอื่นเขานะ” เสียงใสๆ จากหญิงสาวร่างเล็กที่ดูไม่เข้ากันกับร้านเหล้าเอาเสียเลยทำให้ชายหนุ่มผมแดงส่ายหน้า

                      “ฮินาโมริ...ร้านเหล้าน่ะไม่มีใครเค้าสนใจเรื่องพรรค์นั้นกันหรอกน่า ว่าแต่เจ้าเถอะ ดื่มเหล้าเป็นกะเค้าด้วยเรอะ?” อาบาไรถามกลับพร้อมกับสายตาที่มองมาราวกับจะสื่อว่า ถ้าดื่มไม่เป็นก็ไม่ต้องฝืน ไปนั่งกินขนมเค้กกับน้ำชาซะไป๊

                      “ปะ...เป็นสิ นี่ข้าไม่ใช่เด็กๆ นะ!

                      “เถอะน่าๆ ถึงไม่เป็นก็ลองดูซักครั้งจะเป็นอะไรไป” ชายหนุ่มที่เดินตามมาทีหลังสุดเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มขณะที่มองไปยังรุ่นน้องของตนเอง ทำให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นพร้อมกับรอยสักเลข 69 บริเวณใบหน้าด้านซ้ายนั่นดูจะอ่อนโยนขึ้น “ถือว่าเป็นประสบการณ์น่ะ”

                      “ค่ะ รองหัวหน้าฮิซางิ” ฮินาโมริยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย ในขณะที่อาบาไรถอนหายใจหน่ายๆ

                      “ครับๆ ก็ตามใจ ถ้าเมาคอพับขึ้นมาล่ะข้าไม่รู้ด้วยนะ”

                      ภายในร้านเหล้านั้นพื้นที่ไม่ได้กว้างขวางอะไรนักแถมยังเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าของร้านก็ยังหามุมที่ดูท่าทางนั่งสบายและรู้สึกได้ถึงความเป็นส่วนตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ

                      “เชิญพวกท่านนั่งรอกันก่อนนะครับ เดี๋ยวข้าจะไปยกเหล้ามาให้”

                      “ขอกับแกล้มเยอะๆ ด้วยล่ะเถ้าแก่” รันงิคุหันหน้าไปพูดกับเจ้าของร้านอย่างสนิทสนมฐานที่เป็นลูกค้าขาประจำคนหนึ่งของร้าน

                      “เฮ้อ...มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเยอะจริงๆ เลยนะ” ฮิซางิเปรยขึ้น

                      “นั่นสินะครับ” อาบาไรเสริม “แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้พักหายใจหายคอกันบ้าง”

                      “ข้าเองก็เริ่มจะคิดเหมือนกัน...ว่าการเป็นรองหัวหน้าหน่วยนี่ก็ลำบากใจเหมือนกันนะ” ชายหนุ่มผมทองที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดขึ้นมาบ้าง

                      “โอ๊ย! พวกเจ้านี่พูดจาอะไรเป็นคนแก่ไปได้ อุตส่าห์มาดื่มกันทั้งทีก็ให้มันร่าเริงหน่อยสิ ร่าเริงน่ะ จริงมั้ยฮินาโมริ?” รันงิคุโพล่งขึ้นอย่างหงุดหงิดก่อนจะหันหน้าไปหาแนวร่วม

                      “อะ..เอ่อ ค่ะ”

                      “พวกเรามันก็แบบนี้ล่ะน่า...” รันงิคุบ่นขึ้นมาบ้างพร้อมๆ กับจับเส้นผมขึ้นทัดหูด้วยความเคยชิน “ชีวิตรองหัวหน้าหน่วย ความเสี่ยงสูงก็เท่านั้น ผลตอบแทนต่ำก็เท่านั้น”

                      ก็ใครจะไปเถียงกันเล่า? เหตุการณ์คราวนี้มันทำให้รู้สึกเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ ทั้งการต่อสู้ ความวุ่นวาย การทรยศหักหลัง และไหนจะเรื่องที่ไม่รู้อีกมากมายเป็นภูเขาเลากานั่นอีก

                      “ดื่มๆ เข้าไปเดี๋ยวก็ลืมหมดเองล่ะน่า!” ทุกคนต่างก็คิดในใจแบบนั้น...ถึงเรื่องที่เจอมันจะน่ากลุ้ม แต่อย่างน้อยขอได้เต้นรำสักหน่อยในร้านเหล้าก็ยังดี

                      “ขอโทษที่ให้รอนานคร้าบ” เถ้าแก่เดินตรงเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับถาดเหล้าสาเกในมือ ก่อนที่สาเกจะละเหลือกจะค่อยๆ ถูกลำเลียงลงบนโต๊ะไม้ตัวยาว

                      จ๊อก...

                      เสียงน้ำเมาสีขาวขุ่นค่อยๆ ไหลรินลงสู่จอกใบเล็กทีละจอก

                      “เอ้า! แด่ความเสี่ยงของพวกเราทุกคน คัมปาย!

                      “คัมปาย!!” เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกันทั้งโต๊ะ ก่อนที่จอกสาเกจะถูกยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด

                      “เฮ้อ!

                      “เดี๋ยวข้ารินให้เองครับคุณรันงิคุ” ฮิซางิพูดขึ้นพร้อมเอื้อมมือไปหยิบเหยือกสาเกบนโต๊ะขึ้นมา

                      “เป็นไงบ้างฮินาโมริ?” อาบาไรหันหน้าไปถามเพื่อนสาวตัวเล็กที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กัน

                      “ก็หวานๆ แปลกๆ ดีนะ” ถึงความรู้สึกร้อนวาบจะแล่นผ่านลำคอ แต่ นั่นก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ “ข้าเองก็ขอเติมด้วยดีกว่า”

                      “โฮ่ยๆ ระวังอย่าดื่มมากนักล่ะ มันแรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ”

      ฮินาโมริยิ้มและพยักหน้าให้แทนคำตอบ

                      สาเกจอกแล้วจอกเล่าถูกยกขึ้นจรดกับริมฝีปาก เสียงพูดคุยที่ชักจะดังขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบเป็นตะโกนนั่นบ่งบอกว่าทุกคนกำลังเมากันได้ที่

                      “คนแบบนั้นน่ะจะไปสนมันทำมาย...”

                      เพล้ง!

                      เสียงของรันงิคุดังขึ้นพร้อมๆ กับเหยือกสาเกที่หล่นลงกระทบกับพื้น

                      “งินน่ะนะ ตารึก็ตี่ ชอบซ่อนมือไว้ในแขนเสื้ออีกต่างหากคิดว่าทำแบบนั้นแล้วมันเท่เร้อ!

                      “ช่ายๆ” คิระเสริมขึ้นมาอย่างไร้สติพอๆ กัน

                      “ข้าเองก็ไม่สนหัวหน้าไอเซ็นแล้วล่ะค่ะ!” ฮินาโมริโพล่งขึ้น “คนแบบนั้น... คนหลอกลวงพรรค์นั้นน่ะ ฮึกๆ” เสียงตะโกนดังลั่นก่อนที่จะกลายเป็นเสียงร้องไห้ เป็นสัญญาณว่าเธอเองก็โดนสาเกแผลงฤทธิ์เข้าให้แล้ว

                      “หนวกหูชะมัดเลยเจ้าพวกนี้...” อาบาไรมองสภาพของเพื่อนร่วมโต๊ะแต่ละคนอย่างเซ็งๆ“เอาน่า ยังไงก็มาดื่มกันนี่นะ” ฮิซางิ ชูเฮย์ พูดกลั้วหัวเราะ “มาข้ารินเหล้าให้”

                      “อ๊ะ ขอบคุณครับ”

                      รันงิคุกับคิระเริ่มจะลุกขึ้นเต้นราวกับอยู่ในงานเทศกาล ฮิซางิกับอาบาไรก็หัวเราะไม่หยุดทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอะไรน่าขำ ส่วนฮินาโมริก็เดี๋ยวทำหน้าเคลิ้มเดี๋ยวร้องไห้สลับกันไปมาอย่างน่าปวดหัว

                      และในตอนนั้นเองที่ประตูบานเลื่อนของร้านเหล้าถูกเปิดออกพร้อมๆ กับเสียงกล่าวต้อนรับของเจ้าของร้าน

                     “อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย..." เสียงพูดห้าวๆ ทำให้หญิงสาวผมทองเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะที่กำลังฟุบอยู่นั่นทันที "คิดจะทิ้งงานให้ข้าทำคนเดียวอีกแล้วสินะ มัตสึโมโตะ!” 

                      “อ้าว...หัวหน้า มาดื่มด้วยกันก่อนสิค๊า”

                      “ไม่ล่ะ!” ฮิซึกายะตอบห้วนๆ “เจ้าเองก็เลิกดื่มแล้วรีบๆกลับมาทำงานของตัวเองซะที”

                      “แหม...ใจดำจริงจริ๊งหัวหน้าเนี่ย ถ้าไม่อยากดื่มเหล้าล่ะก็น้ำชาอร่อยๆ ก็มีนะ”

                     ฮิซึกายะมองภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าก่อนที่จะส่ายหัว ก็ภาพรองหัวหน้ามารวมตัวกันหมดสภาพกันอยู่ในร้านเหล้าแบบนี้มันน่าดูทีไหนเล่า แต่ทันใดนั้นเองสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาต้องชะงัก

                      ผ้าผูกผมสีขาวๆ ที่คุ้นตานั่น...

                      “ฮินาโมริ?”

      เจ้าของชื่อยกหัวขึ้นจากโต๊ะอย่างสะลึมสะลือ ตาคู่โตทั้งสองข้างแดงจัดและบวมเป่งอย่างคนเพิ่งผ่านการร้องไห้มา

                      “อ๊ะ! ชิโร่จาง” ฮินาโมริพูดพร้อมกับยิ้มยิงฟันเหมือนเด็กๆ ตอนนี้เธอรู้สึกหัวหมุนไปหมด

                      “นี่เจ้า...”

                      “อ้าว หัวหน้าฮิซึกายะ! นั่งก่อนสิครับ นั่งๆ” ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้ให้คำตอบ ก็ถูกคนตัวสูงกว่าดึงให้นั่งลงข้างๆ เสียแล้ว “นี่ครับ เดี๋ยวข้ารินเหล้าให้” อาบาไรกล่าวชวนอย่างรื่นเริงพร้อมกับจอกสาเกที่ถูกเลื่อนเข้ามาใกล้ ผู้เป็นหัวหน้าหน่วยเพียงคนเดียวในกลุ่มจึงยกขึ้นจิบอย่างเสียไม่ได้

                      สาเกอุ่นๆ ทำให้รู้สึกสดชื่นดีไม่หยอก แต่แทนที่จะให้ความสนใจกับจอกเหล้าในมือสายตาเจ้ากรรมก็กลับตวัดไปที่ร่างเล็กๆ ที่แสนจะคุ้นเคยซึ่งบัดนี้กำลังนั่งติดกันชนิดหัวไหล่กระทบกันนั่นไม่ได้

                      “อาบารายคุง ขอข้าด้วยซี่” เสียงอ้อแอ้ชักจะฟังไม่รู้เรื่องดังมาจากสาวน้อยที่บัดนี้หน้าแดงก่ำไปหมดด้วยฤทธิ์เหล้า

                      “เฮ้ย พอได้แล้วมั้งฮินาโมริ เจ้าเมาแล้วนะ” ฮิซึกายะหันไปปรามเพื่อนสมัยเด็กของตนที่ดูท่าทางแทบจะไม่เหลือสติอยู่แล้ว

                      “คร๊าย ข้าไม่ได้เมาซะหน่อย ไม่ได้มาว”

                      ก็นี่ล่ะ...คงมีแต่คนเมาเท่านั้นแหละที่พูดแบบนี้

                      “จะบ้าเรอะ หน้าแดงก่ำขนาดนั้น มัตสึโมโตะขอน้ำชาหน่อย”

                      “ค่า” เสียงตอบรับดังมาจากหญิงสาวผมสีส้มที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ

                      ปึ้ง! เสียงตบโต๊ะดังขึ้นพร้อมกับเสียงพูดใสๆ ที่กลายเป็นอ้อแอ้อย่างน่าขำ

                      “ไม่เอาน้ำชาซี่ ขอสาเกๆ”

                      “ฮินาโมริ!

                      “น่าๆ หัวหน้านี่ล่ะก็ นานๆ ทีไม่เป็นไรหรอกค่า” มัตสึโมโตะเสริมอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก “มา เดี๋ยวข้ารินให้เจ้าเอง”

                      หญิงสาวรับจอกสาเกมาถือในมือก่อนที่จะยกขึ้นดื่มทีเดียวจนหมดจอก แล้วอยู่ๆ ความสนุกก็เปลี่ยนเป็นความเศร้าเมื่อภาพของใครบางคนแทรกผ่านเข้ามาในความคิด

                      “หะ...หัวหน้าไอเซ็น...”

                      น้ำตาที่รื้นขึ้นมาจากดวงตาสีน้ำตาลแก่ ทำให้ดวงตาสีฟ้าต้องเบือนหลบไปทางอื่น

                      เป็นเพราะมันนั่นเอง ไอ้เจ้าบ้านั่นที่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ยังคงเชิดชูมันอยู่ตลอด ทั้งๆ ที่...

                      หัวหน้าหน่อยสิบค่อยๆ เลื่อนสายตาไปยังร่างบางที่นั่งอยู่เคียงข้าง

                      เจ้าจะร้องไห้ไปถึงเมื่อไหร่กันนะ? 

                      เขาได้แต่ลอบถอนหายใจเบาๆ ทุกอย่างคงต้องขึ้นอยู่กับเวลา หรืออย่างน้อยที่สุดเขาก็หวังให้มันเป็นแบบนั้น

                      “หัวหน้าค้า น้ำชาร้อนๆ ได้แล้วค่า”

                      ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น สัมผัสนุ่มๆ หยุ่นๆ ที่สุดแสนจะคุ้นทั้งที่ไม่ได้ต้องการก็พุ่งเข้าปะทะกับบริเวณหัวของเด็กหนุ่มพอดี และเพราะไม่ได้ทันตั้งตัว ร่างที่เล็กกว่ามากจึงเซถลาไปด้านข้างอย่างเต็มแรง

                      โครม!

                      มัตสึโมโตะ! ผู้เป็นหัวหน้าหน่วยกำลังคิดจะตะโกนใส่รองหัวหน่วยของตนเหมือนทุกครั้ง แต่ทว่า ความรู้สึกบางอย่างกลับทำให้เขาต้องชะงัก

                      แรกๆ มันก็คือกลิ่นเหล้า ซึ่งคงเป็นกลิ่นที่คละคลุ้งไปทั่วในร้านเหล้าอยู่แล้ว แต่อีกความรู้สึกที่ตามติดมานั่น...

                      ฮิซึกายะเบิกตาขึ้นอย่างตกใจเมื่อรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น

                      ริมฝีปากของเขารู้สึกได้ถึงความนุ่มและอุ่น พร้อมๆ กับดวงตาสีน้ำตาลแก่ที่บัดนี้อยู่ใกล้ราวกับจะเอื้อมมือไปสัมผัสได้ เด็กหนุ่มรีบถอนริมฝีปากของตัวเองออกทันควัน แต่ถึงกระนั้น ใบหน้าของเธอก็ยังคงห่างจากเขาเพียงไม่กี่เซนติเมตร

                      นี่เขาไม่ได้เห็นเธอชัดๆ ขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้ว?

                      “โมโมะ ข้า..ขะ..ขอโท..”

                      โครม!

                      ทันใดนั้นเอง ร่างของเด็กหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นถึงหัวหน้าหน่วยที่มีอายุน้อยที่สุดใน 13 หน่วยพิทักษ์ ก็หล่นโครมลงจากเก้าอี้อย่างไม่มีใครคาดคิด

                      “หะ..หัวหน้า” รันงิคุรีบตรงเข้าไปยังร่างของหัวหน้าของตนทันที “ติดต่อหน่วยสี่ที หัวหน้าเป็นลมไปแล้ว!

                      คงมีแต่เด็กสาวร่างบางที่เพิ่งจะถูกขโมยจูบแรกไปเท่านั้น ที่ยังคงตีสีหน้ารื่นเริงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

                      “ทำไมหลับแล้วล่ะชิโร่จาง นี่ยังไม่กลางคืนเลยน้า...”  

                      

      ***********************[ จบแล้วจ้า ]*************************

                      


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×