ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO :: XTRA { BAEKHYUN D.O }

    ลำดับตอนที่ #25 : CHAPTER :: XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 56


     

                







               รถของพลเมืองดีขับมาด้วยความเร็วจนมาถึงที่โรงพยาบาลโดยใช้เวลาไม่นาน ร่างของแบคฮยอนถูกเข็นใส่รถเปลแล้วถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน คยองซูวิ่งตามมาจนสุดทาง ไม่มีหมอหรือพยาบาลมาห้ามไม่ให้เขาเข้าไป คยองซูยืนมองแบคฮยอนที่กำลังถูกหมอและพยาบาลรุมล้อมหน้าล้อมหลัง




            

    ท่อออกซิเจนถูกสวมเข้าไปพร้อมกับร่างของแบคฮยอนก็ถูกพลิกให้ตะแคงข้าง บาดแผลที่โดนยิงมีเลือดไหลทะลักออกมา ภายในห้องฉุกเฉินวุ่นวายไปหมดจนคยองซูต้องยอมถอยออกมารอข้างนอก ชั่วอึดใจเดียวแบคฮยอนก็ถูกเข็นออกมาแล้วรถเปลก็มุ่งตรงไปที่ห้องผ่าตัดอย่างรีบร้อน ทุกวินาทีคือความเป็นความตาย

     

                “พยาบาลครับ เขาเป็นยังไงบ้าง” คยองซูถามเสียงสั่น ดวงตาทั้งสองแดงก่ำจนน่ากลัว



                “คนไข้เสียเลือดมากคะ มีกระสุนฝังอยู่ต้องรีบผ่าตัด ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” คยองซูทรุดตัวลงนั่งกับพื้นแทบจะทันที คนที่ควรจะนอนอยู่บนรถเปลนั่นควรจะเป็นเขาสิไม่ใช่แบคฮยอน



                “แบค...”



    เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีทีท่าว่าห้องผ่าตัดจะเปิดออก จนลู่หานกับเพื่อนวิ่งหน้าตั้งมาคยองซูถึงได้ละความสนใจจากประตูห้องผ่าตัด เซฮุนเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามากอดคยองซูเอาไว้ คยองซูในสภาพที่เสื้อสีขาวเปรอะเปื้อนคราบเลือดเป็นแนวยาวนั้นดูน่าสงสารจับใจ



                “เพราะกู เซฮุนเพราะกู” คยองซูพูดจาเหมือนคนไม่มีสติเหลืออยู่จนเซฮุนต้องพามานั่งตรงเก้าอี้



                “คยองซูบอกกูมาว่าใครทำแบคฮยอน”



                “พี่ดาร่า พี่ดาร่า” เซฮุนกัดปากแน่นแล้วหันหน้ากลับไปมองจงอินซึ่งติดสอยห้อยตามกันมาด้วย จงอินรู้ดีว่าสาเหตุที่พี่ดาร่าเอาปืนออกมาไล่ยิ่งแบบนี้เป็นเพราะว่าโกรธเคืองในตัวเขา



                “ขอทางหน่อยครับ!” ทุกคนที่ยืนขวางทางอยู่จำเป็นต้องหลบทางให้กับบุรุษพยาบาลที่เข็นรถเปลกำลังจะพาหญิงสาวที่ดูเหมือนจะอาการหนักมากกว่าแบคฮยอนเข้าห้องผ่าตัดด้วยใบหน้าเร่งรีบ  



                “คยองซูไม่ร้องนะเว่ย แบคฮยอนมันไม่เป็นอะไรหรอก มันหนังเหนียวจะตาย” ปลอบไปก็เท่านั้นคยองซูเอาแต่ร้องไห้ไม่สนใจฟังอะไรเลย เซฮุนแหงนหน้ามองเพื่อนคนอื่นที่ยืนหน้าสลด



                “เซฮุน” คยองซูพุ่งเข้าไปกอดเซฮุนเอาไว้จนเกือบจะล้มหงายหลังไปด้วยกัน เซฮุนลูบหัวเพื่อนเอาไว้พยายามทำให้คยองซูใจเย็น ในใจของเขาก็ภาวนาเช่นเดียวกันว่าขออย่าให้แบคฮยอนเป็นอะไรไปเลย ทั้งๆที่เรื่องมันกำลังจะจบลงแล้วแต่ทำไมต้องมีเรื่องแย่ๆแบบนี้เกิดขึ้นด้วย




                “เห้ยมึง หมออกมาแล้ว!” เวลาผ่านไปสิบห้านาทีจงแดก็ตะโกนบอก จนทุกคนต้องวิ่งกรูไปหาคุณหมอที่เดินหน้าสลดออกมา ชายวัยกลางคนดึงหน้ากากอนามัยออก



                “คนไข้ทนพิษบาดแผลไม่ไหวครับ หมอเสียใจด้วย” หัวใจของทุกคนหล่นวูบลงพร้อมกัน คุณหมอบีบไหล่ของญาติคนไข้เบาๆแล้วเดินแหวกวงออกไป คำพูดที่เปื้อนไปด้วยน้ำเสียงของความเสียใจนั้นทำให้คยองซูต้องเข่าอ่อน ถ้าหากแบคฮยอนไม่มาช่วยเขาแบคฮยอนก็คงจะไม่เป็นแบบนี้…



                “แบค...” ราวกับโลกทั้งใบถล่มลงมาทับ... แก้มเนียนทั้งสองข้างต้องอาบไปด้วยน้ำตาอีกครั้งเมื่อบุรุษพยาบาลเข็นรถเปลออกมา ร่างบนรถเข็นที่คยองซูเห็นอยู่ถูกคลุมผ้าขาวเอาไว้ มือเรียวสวยที่โพล่พ้นขอบผ้าออกมาทำให้คยองซูทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ลู่หานกับคริสช่วยพยุงให้อีกคนลุกขึ้นยืน



                “คยองซู มึงต้องทำใจนะ” เสียงปลอบโยนของลู่หานไม่เคยช่วยให้รู้สึกดีขึ้น มันกลับแย่ลง คยองซูกำชายเสื้อของอีกคนเอาไว้แน่น ที่พึ่งสุดท้ายของเขาในตอนนี้คือการกอดลู่หานเอาไว้แล้วร้องไห้จนตัวโยน



                “พาคยองซูกลับเถอะมึง” คริสบอกพร้อมกับเริ่มออกเดิน แต่ในขณะนั้นเองประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออกอีกครั้ง รถเปลที่เข็นออกมาทำให้ทุกคนตกใจ



                “เห้ย!!” จงแดอุทานออกมาเสียงดังจนต้องยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง ลู่หานกับคยองซูเองก็หันกลับไปมอง และก็พบว่า... แบคฮยอนถูกเข็นออกมาพร้อมกับเครื่องช่วยหายใจ รถที่เข็นไปก่อนหน้ามันไม่ใช่ร่างแบคฮยอน



                “ญาติคุณคนไข้เมื่อสักครู่นี้ใช่ไหมครับ คนไข้เสียเลือดมาก แถมกระสุนยังฝังใน หมอจำเป็นต้องผ่าตัดด่วน ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ” คำว่าปลอดภัยเหมือนเป็นคำพูดที่สวรรค์สร้างมา ทุกคนโล่งใจที่พระเอกเรื่องนี้ยังหายใจอยู่ แบคฮยอนยังไม่ตาย... คยองซูผละตัวออกจากลู่หานแล้ววิ่งตามรถเปลมา จากนั้นคนอื่นๆที่เหลือก็เร่งฝีเท้าตามไป



















                ภายในห้องพักผู้ป่วยแคบๆถูกแออัดไปด้วยกลุ่มคนในชุดนักศึกษาเต็มยศ อี้ชิงกับจงแดเลือกที่จะสบายหน่อย สองคนนั่งลงที่โซฟาเงียบๆ ส่วนลู่หาน เซฮุน คริส ก็ยืนล้อมรอบอยู่ข้างเตียง เก้าอี้เพียงตัวเดียวในห้องถูกคยองซูยึดมานั่งไว้แล้วเรียบร้อย ส่วนจงอินก็ยืนมองอยู่ห่างๆ



                “กูเห็นนิ้วสวยๆโพล่พ้นออกจากขอบผ้า กูก็คิดว่าเป็นศพไอ้แบค ที่ไหนได้ศพผู้หญิง เออ ว่าแต่มึงเถอะคยองซู ตกลงว่ามึงจะเอายังไงต่อวะ จะจัดการกับยายป้าดาร่านั่นยังไง” ลู่หานพูดขึ้น



                “รอให้ไอ้แบคมันฟื้นแล้วให้มันตัดสินใจเอาเองเหอะ” คยองซูตอบ



                “แต่ทุกคนไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ ผมโทรไปแจ้งความไว้แล้ว ลงบันทึกประจำวันแล้วเรียบร้อย ทางตำรวจบอกว่าจะรีบดำเนินคดีให้ อีกไม่นานพี่ดาร่าก็คงจะโดนจับตัวได้” คนอายุน้อยที่สุดในห้องเป็นคนกล่าวขึ้นหลังจากที่เพิ่งโทรแจ้งตำรวจได้สักพัก จงอินเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าซานดาราจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ด้วยตัวเอง



                “คยองซู แล้วตอนนี้มึงพอใจรึยังกับแผนของมึง” คนถูกถามเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ



                “พวกมึงรู้หรอ”



                “คนอย่างลู่หาน ไม่มีอะไรที่ไม่รู้” หลังจากพูดจบลู่หานก็ได้ยินคำว่าขี้เสือกลอยมาจากที่ไม่ใกล้ไม่ไกล -_- ไอ้จงแด นินทากูต่อหน้าต่อตาเลยนะสัด



                “อือ” คยองซูตอบรับเพียงสั้นๆก่อนจะเบนหน้าไปมองแบคฮยอนที่นอนไม่ได้สติ อันที่จริงแผนนี้มันเริ่มขึ้นหลังจากที่จงอินบอกกับเขาว่ามีเรื่องอะไรก็เรียกใช้ได้เสมอ... คยองซูจึงแอบปรึกษากับเด็กรุ่นน้องว่าควรจะทำอย่างไรดี แล้วคำปรึกษาที่จงอินมอบให้ก็คือต้องแก้เผ็ดแบบแสบๆ





                ยอมรับว่าในตอนแรกแผนนี้คยองซูค้านหัวชนฝาเลยว่าจะไม่ยอมทำเด็ดขาดเพราะเขาไม่อยากให้แบคฮยอนต้องมาเสียใจแบบเขา แต่สุดท้ายแผนนี้ก็ถูกนำมาใช้จนได้...





                 แต่ว่าแผนปัญญาอ่อนแบบนั้นมันจะจบลงแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คยองซูจะยอมล้างกระดานหมากรุกแล้วจบเกมส์นี้ลงเสียที และต่อจากนี้ไปคยองซูจะใช้แค่ความรู้สึกของตัวเองเท่านั้นในการตัดสินใจว่าเขาควรจะทำอย่างไรกับความสัมพันธ์ของเขาและแบคฮยอน ในตอนนี้ ไร้ซึ่งแผน ไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยม...





                “คยองซูมึงรู้อะไรไหม มีเรื่องบางอย่างที่ทำให้ไอ้แบคมันไม่กล้าที่จะพูดความในใจกับมึงนะ”



                “เรื่องอะไร” คยองซูหันไปถามลู่หาน



                “เรื่องตอนมอปลายของมันไง มันเล่าให้พวกกูฟังตอนมันเมาว่ามันเคยคบกับเพื่อนในห้องเดียวกัน แล้วพอเลิกกันก็มองหน้ากันไม่ติด มันเลยไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก มันไม่อยากเสียมึงไปนะ”



                “กูไม่รู้มาก่อนเลย...”



                “รู้ไว้ก็ดีแล้ว มึงจะได้เข้าใจมันสักที ที่มันทำตัวคลุมเครือ บางทีก็ทำเหมือนจะรัก บางทีก็เหมือนไม่รัก ก็อาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้แหละ แต่กูมั่นใจนะว่ามันไม่ได้รักยัยเจ้แซนจริงๆ”



                “ลู่หาน แต่มึงรู้อะไรไหมว่าตอนที่กูต้องเสียใจเพราะมันอะ กูเจ็บขนาดไหน และกูก็ไม่อยากจะกลับไปเสียใจเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว” คยองซูพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งจนเพื่อนในห้องมองหน้ากันเลิ่กลักด้วยความงุนงง คยองซูลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปหาจงอิน เขาลากตัวจงอินให้ออกมานอกห้องเพื่อสื่อว่าจะกลับ แต่ก่อนที่จะได้เปิดประตูออกไปคยองซูก็ต้องชะงักเท้า



                “คยองซูมึงคิดดีๆนะ” ลู่หานพยายามรั้ง เขาฟังจากน้ำเสียงของคยองซูก็รู้แล้วว่าการออกไปจากห้องพักผู้ป่วยในครั้งนี้ คยองซูอาจจะไม่กลับเข้ามาอีก



                “นี่แหละดีที่สุดแล้วสำหรับกู ในเมื่อไอ้แบคมันปลอดภัยดี กูก็ฝากพวกมึงช่วยดูแลมันแทนกูด้วยก็แล้วกัน”



                “คยองซูแต่ไอ้แบคมัน...”



                “กูอยากเริ่มต้นใหม่...” ประโยคสุดท้ายที่คยองซูทิ้งเอาไว้ก่อนที่จะเดินหายออกไปพร้อมกับจงอิน น้ำเสียงเชือดกันนิ่มๆแบบนี้ทำเอาอี้ชิงกับจงแดนั่งกันก้นไม่ติดโซฟา ในตอนนี้อี้ชิง จงแด ลู่หาน เซฮุน คริส ทั้งห้าคนเดินมายืนอยู่รอบเตียงผู้ป่วยแล้วมองไปที่แบคฮยอนที่นอนหลับไม่ได้สติ สายตาทั้งห้าคู่ดูจะสงสารเพื่อนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว



                “ไอ้แบคเอ้ย คยองซูมันตัดหางมึงปล่อยวัดแล้วแน่ๆ” เซฮุนเป็นคนแรกที่พูดขึ้นหลังจากปล่อยให้ทั้งห้องเงียบอยู่พักใหญ่



                “เอาเถอะ ถ้าคยองซูมันอยากไปก็คงต้องปล่อยมันไปวะ เพราะมันเป็นคนเลือกเองพวกเราคงเข้าไปวุ่นวายด้วยไมได้แล้ว เหลือก็แต่ไอ้แบคนะสิ กว่าจะรู้ว่ารักเขาหมดใจ คยองซูแม่งก็ใจหมดรักซะแล้ว”



                “เพื่อนกูกลายเป็นไก่งวงแน่ๆละงานนี้” คริสพูดเสริม



                “แต่ถ้าคยองซูมันไม่รักไอ้แบค แล้วทำไมมันจะต้องร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตายตอนเห็นเจ้าหน้าที่เข็นศพออกมาละวะ พวกมึงไม่คิดบ้างหรอ” อี้ชิงเอ่ยขึ้นตามความสงสัยที่มีอยู่ในหัว เซฮุนจึงเป็นฝ่ายตอบคำถามนี้ให้



                “มึงเข้าใจคนที่รู้สึกผิดไหมวะ ก็ถ้าไอ้แบคมันไม่มารับกระสุนแทนคยองซูนะ ป่านนี้คยองซูแม่งตายห่าไปนานแล้ว”



                “ไอ้เซฮุน มึงเห็นเหตุการณ์รึไง”



                “ก็คยองซูมันบอกว่าพี่ดาร่าเป็นคนยิง แล้วคนที่พี่แกมีปัญหาด้วยก็คือคยองซูไม่ใช่ไอ้แบคฮยอน แล้วทีนี้จะมีเหตุผลอะไรที่พี่แกจะต้องยิงไอ้แบคละวะ”



                “แล้วมึงรู้ได้ไงว่าพี่ดาร่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับไอ้แบค”



                “อี้ชิง มึงรู้ใช่ไหมว่าพี่ดาร่าแกชอบจงอิน แล้วพอจงอินมันเสือกไม่ยอมคบด้วยพี่แกก็เลยแค้นใจไง แล้วพอเห็นว่าจงอินมันดูรักคยองซูจนออกนอกหน้า พี่ดาร่าก็เลยตามมาเป่าไอ้คยองซู แต่ไอ้แบคดันขี่ม้าขาวเข้ามาช่วย มันก็เลยต้องมานอนเดี้ยงอยู่แบบนี้” เพื่อนในห้องได้ฟังเหตุผลก็พยักหน้าเข้าใจ มีแค่จงแดเท่านั้นที่แอบเบะปากเบาๆกับคำตอบของโอเซฮุน



                “โคตรพ่อมึงเป็นโคนันรึไง รู้ดีชิบ” จงแดทำลอยหน้าลอยตาพูด เซฮุนได้ยินแบบนั้นก็แทบจะถลาบินไปตบ



                “ไอ้เหี้ยจงแด”



                “เห้ยพอแล้วพวกมึง น่ารำคาญวะ ไอ้แบคก็เจ็บหนัก คยองซูแม่งก็ทิ้งไปแล้ว แล้วพวกมึงจะยังมาทะเลาะกันอีก มึงรู้ไหมว่ากูปวดหัว แค่กูทะเลาะกันกับเมียที่บ้านกูก็แทบจะประสาทแดกอยู่แล้ว” คริสโวยวายพร้อมกับเอามือยีหัวตัวเองแบบบ้าคลั่ง



                “สาธุขอให้เลิกกัน”



                “ไอ้เหี้ยลู่”



                “ทำไม รักกันมากก็อย่าเลิกดิ” ทั้งๆที่เพิ่งจะห้ามคนอื่นไปแท้ๆแต่กลายเป็นว่าตัวเองต้องมาต่อยตีกับลู่หานแทน คริสจะเป็นลม T_T



                “สถานการณ์ตอนนี้มันต้องดราม่าดิวะ แล้วพวกมึงทำไม...” อี้ชิงถอนหายใจแล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟาตามเดิม ปล่อยให้พวกเพื่อนทะเลาะกันไป เชื่อเหอะว่าอีกสักพักพยาบาลก็คงจะเดินเข้ามาไล่ให้พวกเขากลับบ้านกันฐานที่มาส่งเสียงเอะอะโวยวายในโรงพยาบาล เฮ้อ... ยังมีอะไรน่าปวดหัวเท่านี้อีกไหม - -













                ช่วงเวลาสั้นๆที่เรียกว่าปิดเทอม มันเฉียดเข้ามาทุเรื่อยๆ สองสามวันที่แบคฮยอนหลับไป ไม่แม้แต่จะขยับพลิกตัวตื่นขึ้นมา พวกเพื่อนสลับวนเวียนกันมาเฝ้า จนนี่ล่วงเข้าสู่วันที่สี่แล้วแบคฮยอนก็ยังไร้วี่แววว่าจะตื่นขึ้นมา วันนี้เป็นเวรของลู่หานกับอี้ชิง สองคนนั่งอยู่ข้างๆกันบนโซฟาด้วยอิริยาบถที่แตกต่าง



                “อี้ชิง มึงขยับไปไกลๆหน่อยได้ไหมวะ กูจะยืดขา”  



                “โซฟาพ่อมึงซื้อไว้รึไง ไม่อะ มึงอยากยืดก็ไปยืดที่อื่น” นี่คือคำพูดที่คนแสนดีตอบกลับมา ลู่หานไม่สนใจคำค้านแต่อย่างใด เขายื่นขาไปพาดไว้บนหน้าตักอี้ชิงแบบหน้าตาเฉย ไม่รู้ ไม่สน กูเมื่อย กูจะยืด



                “ไอ้ลู่หาน เอาตีนมึงออก เหม็นสัด”



                “เหม็นมากปะ” ไม่พูดเปล่ายังยกเท้าขึ้นไปใกล้ๆหน้าอี้ชิงอีกด้วย รายนี้พอทนความทุเรศของเพื่อนไม่ไหวก็ผลักเท้าลู่หานออกแล้วอี้ชิงก็เป็นฝ่ายยอมยกธงขาวลุกออกไปนั่งที่อื่น





                เวลาผ่านไปสักพักคนบนเตียงที่นอนหลับไปนานกำลังค่อยๆกระดิกข้อมือของตัวเองช้าๆ และอี้ชิงที่นั่งอยู่ใกล้กับแบคฮยบอนที่สุดก็โวยวายเรียกให้ลู่หานเข้ามาดู สองเพื่อนล้อมหน้าล้อมหลังดูแบคฮยอนที่เริ่มมีอาการตอบสนอง ใบหน้าที่ซูบซีดค่อยๆขยับทีละนิดจนในที่สุดดวงตาทั้งสองข้างก็เปิดออก



                “คยอง...” พอมีสติขึ้นมาหน่อยก็เรียกหาคยองซู เสียใจด้วยครับคุณเพื่อน คยองซูไม่อยู่ อยู่แต่พวกกูนี่แหละ



                “เห้ยอี้ชิง มึงไปเรียกหมอมา” คนถูกสั่งพยักหน้ารับแล้วรีบวิ่งออกไป ลู่หานเดินเข้าไปใกล้อีกแล้วกุมหลังฝ่ามือของเพื่อนเอาไว้



                “คยองซูเป็นไงบ้างวะ” แบคฮยอนถาม



                “มันไม่เป็นเหี้ยอะไรเลย มีแต่มึงนี่แหละ ไม่ฟื้นสักทีกูก็นึกว่าตายห่าไปแล้ว” แบคฮยอนเค้นยิ้มออกมาบางๆ ในหัวสมองที่หนักอึ้งบีบบังคับให้แบคฮยอนต้องปิดตาทั้งสองข้างลงอีกครั้ง รู้สึกเจ็บที่หลัง แล้วก็เมื่อยไปหมดทั้งตัว



                “ขอกินน้ำหน่อย” เสียงแหบแห้งเอ่ยขอ ลู่หานจึงรีบไปเทน้ำพร้อมกับเสียบหลอดมาให้ ป้อนน้ำกันเล็กๆน้อยๆ สักพักคุณหมอก็เดินมาดูอาการ สองเพื่อนยืนดูอยู่ห่างๆ พร้อมกับฟังรายละเอียดที่คุณหมอวัยกลางคนกำลังอธิบาย คำศัพท์ทางการแพทย์บางคำหลุดออกมาอัตโนมัติ นั่นทำให้อี้ชิงกับลู่หานถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก



                แต่พอสรุปได้ว่าแบคฮยอนมันอาการปลอดภัยดีก็โอเคแล้ว... หลังจากตรวจนู่นนี่จนเรียบร้อยคุณหมอก็ออกจากห้องไป อี้ชิงรีบเดินมาหาแบคฮยอนแล้วยิงคำถามใส่รัวจนลู่หานต้องสั่งให้เงียบ เพราะลู่หานรำคาญแทนแบคฮยอน



                “ตื่นก็ดีแล้ว สักพักก็จะได้กลับแล้วละมั้ง อยู่นานเปลืองเงินพวกกู” ลู่หานเอ่ย



                “ขอบคุณพวกมึงที่ดูแลกู” แบคฮยอนพูดพร้อมกับค่อยๆขยับพลิกตัวช้าๆแก้ความเมื่อยขบตามลำตัว แผลข้างหลังยังเจ็บอยู่แต่ก็พอทนไหว



                “ไอ้เชี่ยแบค กูมีเรื่องจะบอกมึงนะ มึงพร้อมจะฟังรึเปล่า” 



                “อือ...”



                “คยองซูมันอยากเริ่มต้นใหม่” ได้ยินเพียงแค่นั้นแบคฮยอนก็เผลอยิ้มด้วยหัวใจพองโต เริ่มใหม่หรอ เริ่มใหม่ไปด้วยกันกับเขาใช่ไหม...















                “มันอยากจะเริ่มใหม่กับใครก็ได้ที่ไม่ใช่มึง” ลู่หานปรายตามองแบคฮยอนที่ตอนนี้กำลังชักสีหน้าเปลี่ยนไป สีหน้าที่ดูเจ็บปวด...



                “ไอ้แบคมึงเจ็บแผลหรอ” เขาถามด้วยความเป็นห่วงแต่แบคฮยอนกลับเม้มปากแล้วส่ายหน้าเบาๆ



                “กูไม่เป็นอะไร” ตอนนี้แบคฮยอนเข้าใจความรู้สึกของคยองซูแล้วละ เข้าใจแล้วว่าการต้องข่มใจตัวเองเอาไว้แล้วพูดว่าไม่เป็นไรทั้งๆที่โคตรจะเจ็บ มันรู้สึกทรมาณดีจริงๆ



                “แบบนั้นก็ดีแล้ว รีบๆหายนะเว่ย ปิดเทอมแค่แปปเดียวเอง เดี๋ยวใช้เวลาวันหยุดไม่คุ้มนะมึง”



                “อือ อี้ชิง...” ทั้งๆที่กำลังคุยกับลู่หานอยู่แต่แบคฮยอนก็เอ่ยเรียกเพื่อนอีกคนที่กำลังยืนทำหน้าตาเป็นกังวล อี้ชิงไม่ได้ดีเลิศเลออะไรหรอก นิสัยก็พอกันกับพวกเขานี่แหละ แต่ถ้าถามว่าใครดีที่สุด พึ่งได้ที่สุด คนแรกที่ทุกคนนึกถึงก็คงจะเป็นจางอี้ชิงนี่แหละ



                “ว่าไง มึงจะเอาอะไรบอกกูได้เลยนะ”



                “กูอยากเจอหน้าคยองซู”



                “เห้ย...” อี้ชิงหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากลู่หาน แต่อีกคนก็ยักไหล่ อับจนหนทางที่จะพูดเหมือนกัน ทั้งสองคนมองหน้ากันไปมาแล้วก็เงียบอยู่แบบนั้นจนแบคฮยอนต้องเอ่ยย้ำคำขออีกครั้ง



                “แต่ไอ้แบค คยองซูมันคงไม่อยากจะเจอมึงหรอก”



                “อี้ชิง ได้โปรดเถอะ ช่วยกู”



                “ไม่”



                “อี้ชิง ถือว่ากูขอเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ นะ...” สีหน้าและแววตาของคนป่วยเว้าวอนอ้อนความสงสาร จนในที่สุดอี้ชิงก็ตอบตกลง และแน่นอนว่าลู่หานก็ต้องยอมร่วมมือกับอีกคนไปด้วย บ้าจริง...



                พอตอบตกลงให้แบคฮยอนสบายใจแล้ว คนป่วยก็หลับไป ทิ้งไว้แค่เพื่อนทั้งสองที่นั่งกุมขมับ คิดไม่ตกเลยว่าจะช่วยแบคฮยอนยังไง



                “เอาไงวะลู่หาน กูคิดไรไม่ออกเลยวะ”



                “แต่กูพอจะคิดอะไรออกแล้วแหละ มึงจะลองใช้แผนของกูดูไหม” ลู่หานเสนอ



                “แน่ใจหรอว่าคยองซูมันจะยอมมา”



                “ไม่แน่ใจวะ ความมั่นใจของกูตอนนี้คือสามสิบเปอร์เซ็นต์”



                “ขนาดมึงมั่นใจเต็มร้อยแม่งยังไม่ได้เรื่องเลย แล้วนี่แค่สามสิบ กูว่าพังแน่ๆ”



                “ไอ้อี้ ถามตรงๆนะ กูดูเป็นพวกไร้น้ำยาขนาดนั้นเลยหรอวะ” ลู่หานชักสีหน้าจริงจัง บ่อยครั้งที่เพื่อนชอบล้อถึงเรื่องความคิดเจ้าเล่ห์ๆของเขาว่ามันไม่ได้เรื่อง วางแผนอะไรก็ล่ม เละ พังไม่เป็นท่า



                “กูก็ไม่รู้นะว่ามึงมีน้ำยาไหม พอดีว่ากูไม่เคยเอากับมึง”



                “อี้ชิง กูจริงจังนะเว้ย!



                “อืม... ไม่ถึงกับไร้น้ำยาหรอก แค่ไม่ค่อยจะได้เรื่องก็เท่านั้นเอง สู้ต่อไปนะลู่หาน” ฝ่ามือเล็กตบไหล่เพื่อนแรงๆเพื่อให้กำลัง ชีวิตยังไม่สิ้นก็ดิ้นกันต่อไป พัฒนาความสามารถทางด้านนี้ให้แข็งแกร่ง แล้วต่อไปในภายภาคหน้าลู่หานจะต้องเป็นตำนานที่คนทั้งโลกต้องจดจำ



                “ไอ้ลู่หาน มึงก็ดูแผนมึงแต่ละอย่างดิ นี่ถ้าเป็นเรือก็คงมาไม่ถึงฝั่งสักทีอะ”



                “อะไรวะ งง ทำไมถึงมาไม่ถึงฝั่ง”



                “ก็มันไม่เข้าท่าไง” - -



                “อี้ชิง นี่มึงไม่ได้กำลังหลอกด่ากูอยู่ใช่ไหมวะ” -_-



                “ถ้ามึงฉลาดมากพอ มึงก็จะตีความคำพูดของกูได้”



                “งั้นแปลว่ากูฉลาดซินะ...”



                “ควาย” อี้ชิงลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเปิดประตูออกไปนอกห้องพักผู้ป่วยทันที ทิ้งระเบิดไว้ตู้มใหญ่แล้วก็หายหัว ลู่หานได้แต่มองตามจนคล้อยหลังไป แล้วจากนั้นสองมือก็ยกขึ้นมายีหัวตัวเองอีกครั้งพร้อมกับสบถออกมาเสียงดังลั่น







                “เชี่ย!!” 






















    TBC.

    อารมณ์เฮฮากลับมายังฟิคเรื่องนี้อีกครั้ง
    ดราม่าจะน้อยลงกว่าเดิม 70% (?)

    จนจะจบแล้วไรเตอร์ยังไม่มีวี่แววว่าจะประกาศรวมเล่มเลย
    ก็มีโทรไปปคุยกับที่โรงพิมพ์เอาไว้แล้วบ้างนะคะ
    แต่ว่ายังติดปัญหาเรื่องการขนส่ง คือบ้านเราอยู่ต่างจังหวัด
    เขาพิมพ์ขั้นต่ำ 300 เล่ม เราจึงต้องเบนเข็มไปที่โรงพิมพ์กรุงเทพเพราะไม่มีขั้นต่ำนะ

    ....ใครมีข้อมูลดีๆ็แนะนำได้นะคะ เผื่อจะได้เอ็กซ์ตร้าไปไว้ในครอบครองในรูปแบบเล่มA5กัน
    นอนอ่านสบายๆรวดเดียวจบไม่ค้าง (-..-)

    มีคนถามเข้ามาเยอะว่าแบคจะตายไหม ตอบเลยว่าพระเอกเรื่องนี้ตายแน่ๆคะ
    ตายทั้งเป็น...


              
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×