ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO :: XTRA { BAEKHYUN D.O }

    ลำดับตอนที่ #24 : CHAPTER :: XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.73K
      12
      23 ต.ค. 56





     

    ดอกกุหลาบ สีดำ








               นี่คงเป็นครั้งที่สองที่เซฮุนได้เห็นแบคฮยอนร้องไห้ ถึงอีกคนจะไม่ได้ร้องฟูมฟายแต่เซฮุนก็พอจะเข้าใจว่าคนที่น้ำตาตกในมันเป็นแบบไหน ก็เป็นแบบแบคฮยอนในตอนนี้ไง น้ำตาไม่ได้ไหลออกมามากมายเหมือนคนอื่น แต่ทว่าภายในนั้นน้ำตาอาจจะไหลท่วมใจแล้วก็ได้



                ตอนนี้แบคฮยอนก็คงไม่ต่างอะไรจากท้องฟ้า ท้องฟ้าที่กำลังร้องไห้ออกมาเป็นสายฝน มันเป็นความผิดพลาดของตัวเขาเอง แบคฮยอนคงไม่สามารถที่จะโทษใครได้ เขาเป็นคนพังความรักที่อีกคนเคยมีให้ด้วยมือของเขาเอง สมแล้วแบคฮยอน คนแบบเขาสมควรแล้วที่จะต้องเจอแบบนี้



                ทางด้านของเซฮุนพอกลับมาถึงบ้านเขาก็จัดการพุ่งตรงไปทิ้งตัวลงนอนกับเตียง เซฮุนผิวปากเบาๆอย่างอารมณ์ดีแล้วล้วงเอามือถือออกมากดโทรหาลู่หาน



                “เชี่ยลู่ครับ มีข่าวมารายงาน แผนมึงแผนสุดท้ายอะ สำเร็จแล้วนะสัด” เซฮุนเอียงมือถือออกห่างจากหูไกลๆเพราะลู่หานกำลังกรีดร้องด้วยความสะใจ ถ้าแก้วหูกูแตกขึ้นมากูจะสาปแช่งมึงให้โดนตีนกาเล่นงานทั้งหน้า



                “จริงหรอวะ เห้ยแม่งดีใจวะ เป็นไงบ้างวะมึงเล่าหน่อยดิ” น้ำเสียงปลายสายดูจะพอใจกับผลงานของตัวเองไม่ใช่น้อย ลู่หานกับจงอินในตอนนี้ทำงานกันเป็นทีมดีจริงๆ ไอ้พ่อยอดขมองอิ่ม ไอ้คนหัวใส



                “ไอ้ลู่ฟังนะ พอไปถึงนั่นไอ้แบคลงจากรถปั๊บกูก็โทรบอกจงอินเลยว่ามันมาแล้ว แล้วจงอินก็บอกคยองซูว่าแบคฮยอนมา” แบคฮยอนควรจะเสียใจซะบ้าง... ลู่หานเลยจัดแผนนี้เป็นแผนปิดท้าย เขาร่วมมือกับจงอินนัดแนะกันโดยที่คยองซูไม่รู้



                “แล้วมึงทำยังไงต่อวะ”



                “กูก็นั่งมองมันจากในรถไง ว่าแต่มึงเหอะ มึงไปทำยังไงจงอินถึงได้ยอมร่วมมือด้วย”



                “ก็แค่บอกว่ากูรู้แผนการของมันกับคยองซูแล้วและกูอยากมีส่วนร่วม จงอินมันก็ตกลงทันทีอะ มันบอกมันจะเป็นฝ่ายเกลี้ยกล่อมไม่ให้คยองซูใจอ่อนกับไอ้แบคฮยอนง่ายๆ”



                “โอ้โห เหี้ยจัง มึงนี่เป็นคนรักเพื่อนดีเนอะ มึงรู้ปะว่าแบคฮยอนแม่งถึงกับเข่าทรุดเลยนะ”



                “สมควรแล้วแม่ง เจ็บซะบ้างจะได้สำนึก แล้วมึงทำยังไงกับมันต่อ”




                “กูปล่อยให้มันนั่งตากฝนเป็นพระเอกเอ็มวีสักพักแล้วกูก็ค่อยหยิบร่มออกไปลากมันกลับเข้ามาในรถ ตอนนั้นก็สมน้ำหน้ามันอยู่นะ แต่ว่าก็แอบสงสารวะ คนเราพอมาสำนึกได้ในวันที่สายไปแล้วมึงก็รู้ใช่ปะว่ามันน่าเสียใจขนาดไหน” เซฮุนเกาพุงตัวเองแล้วอวดลู่หานว่าเขาแอบพูดจาซ้ำเติมแบคฮยอนนิดหน่อยจนอีกฝ่ายถึงกับเงียบตลอดทาง



                “กูคิดไม่ผิดเลยที่ไว้ใจมึงให้เป็นคนพาไอ้แบคฮยอนไปนะ มึงพูดบิ๊วอารมณ์จนมันร้องไห้เลยหรอ”



                “ก็นิดหน่อยวะ มันไม่ร้องไห้เหมือนคนบ้าหรอกนะ แต่มันก็น้ำตาไหลอะ”



                “ถือว่าดี ทีนี้ก็บรรลุเป้าหมายของจงอินแล้ว จุดประสงค์ของคยองซูก็สำเร็จ แผนกูก็หมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นอีกสักพักคยองซูก็คงจะยอมกลับมาหาไอ้แบคฮยอนเหมือนเดิม” ลู่หานหัวเราะชอบใจที่เห็นเพื่อนร้องไห้ -_-



                “กูกลัวมันจะไม่ง่ายขนาดนั้นนะสิ ถ้าแบคฮยอนมันรู้ว่าพวกเราวางแผนหลอกมันสารพัดขนาดนี้มันจะไม่โกรธพวกเราหรอวะ แล้วอีกอย่างถ้าคยองซูกับไอ้จงอินเกิดรักใคร่กันขึ้นมาจริงๆพวกเราจะทำไง”



                “อันนี้กูก็กลัวๆอยู่เหมือนกันวะ”



                “นั่นไง ทำท่าจะชิบหายอีกแล้วอะดิ แม่ง”  เซฮุนพลิกตัวไปมาบนเตียงแล้วฟังที่ลู่หานบ่นต่อ



                “แต่กูเชื่อมั่นในตัวคยองซูนะเว่ย ถ้ามันไม่รักแบคฮยอนจริงๆมันคงทิ้งไปตั้งแต่วันที่ไอ้แบคทิ้งให้มันกลับหอคนเดียววันนั้นแล้ว” ที่ลู่หานรู้เพราะเขาเป็นคนโทรบอกแบคฮยอนเองว่าพี่ดาร่าอยู่ที่ผับ จนรายนั้นต้องทิ้งคยองซูแล้วถ่อมาหาถึงที่ แต่สุดท้ายก็แห้วแดกเหมือนเดิม 



                “เรื่องนั้นกูไม่รู้หรอก ว่าแต่มึงจะเอายังไงต่อไปวะ”



                “ให้เวลามันวะมึง รอดูว่าเมื่อไรคยองซูจะกลับมาหาไอ้แบคฮยอน อาจจะอาทิตย์หน้า ไม่ก็เดือนหน้า”



                “แล้วถ้าคยองซูมันไม่กลับมาหาไอ้แบคละวะ” เซฮุนถาม ทำเอาลู่หานเงิบแดกไปไม่เป็นเหมือนกัน ถ้าคยองซูไม่กลับมาหาแบคฮยอนจริงๆ เห็นทีว่าพวกเขาคงจะต้องแบกรับหน้าที่ดูแลแบคฮยอนที่คงจะเศร้าเป็นไก่งวงไปอีกนานแน่ๆ ลู่หานภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย...














                พยอน แบคฮยอนหยุดอยู่ตรงที่หน้าประตูห้องตัวเอง เขายังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ร่างโปร่งหันกลับมามองที่ตรงทางลงของบันได นึกถึงตอนที่เขากอดคยองซูเอาไว้ แล้วรั้งไม่ให้อีกคนทิ้งเขาไปกินข้าวกับจงอิน ตอนนั้นเขาลงทุนวิ่งออกไปหาซื้อกับข้าวมาให้คยองซู เขาวิ่งไปตั้งหน้าปากซอยเพราะกลัวอีกคนจะหนี ตอนนั้นเขารั้งคยองซูไม่ให้ไปหาจงอินได้ แต่ตอนนี้... แค่ดึงตัวคยองซูมากอดเอาไว้เขายังทำไมได้เลย




    แบคฮยอนละหน้าออกแล้วเปิดประตูเข้าห้องไป ห้องโล่งๆ เงียบไปหมด รู้สึกแย่กว่าครั้งไหนๆที่ผ่านมา ต่อไปนี้ นอนคนเดียว จ่ายค่าห้องคนเดียว ทำอะไรด้วยตัวเอง คยองซูจะไม่กลับมาแล้ว...



    เขาเดินมาที่ตู้เย็นแล้วนั่งย่อตัวลงเปิดมันออก ดวงตาเรียวกวาดตามองของในตู้เย็นที่คยองซูกับเขาไปซื้อมาแช่ไว้ตอนนั้น ขนมแช่เย็น อาหารแช่เย็น และนมกล่องอีกหลายแพ็ค แบคฮยอนเลือกที่จะหยิบนมออกมา เขาปิดตู้เย็นแล้วเดินไปเปิดประตูระเบียง เท้าทั้งสองสัมผัสความเปียกแฉะของฝนที่สาดเข้ามา แบคฮยอนจ้องมองสายฝนที่ตกปรอยๆ และคาดว่าจะตกอยู่แบบนี้ไปอีกหลายอาทิตย์



    ชายหนุ่มเจาะนมในกล่องดื่มจนใกล้จะหมด แบคฮยอนลองสำรวจหลอดดูก็พบว่าตัวเองกัดหลอดอีกแล้ว พฤติกรรมน่ารังเกียจที่มีแค่คยองซูเท่านั้นที่กล้ากินหลอดเดียวกันกับเขา ในตอนนี้แบคฮยอนชักจะเกลียดชังในบางสิ่งขึ้นมา



    เกลียดโปรแกรมไลน์ เกลียดถนน เกลียดท้องฟ้า เกลียดเตียงนอน เกลียดกลิ่นแชมพู เกลียดบันได เกลียดร้านบะหมี่ เกลียดพระจันทร์ เพราะมันทำให้เขานึกถึงคยองซู หรือจะจริงอย่างที่ใครหลายคนได้พูดไว้ ว่าคนเรามักจะเห็นค่าในวันที่มันหายไป แบคฮยอนจะไม่โทษใครนอกจากตัวเอง...



    เหตุการณ์ในวันนั้นผ่านมาสามสี่วันแล้ว แบคฮยอนยังไม่สามารถทำใจยอมรับได้สักเท่าไร เขาแอบหวังว่าคยองซูจะกลับมาแต่ก็ไม่ และในอีกหนึ่งอาทิตย์การสอบครั้งสุดท้ายก่อนที่จะปิดเทอมก็จะมาถึง ป่านนี้คยองซูคงกำลังเร่งอ่านหนังสืออยู่ แบคฮยอนเองก็เช่นกัน



    ชายหนุ่มลงมือรื้อเอาหนังสืออกมาอ่านทบทวน อย่างน้อยได้อ่านสักนิดก็ยังดีกว่าไม่ได้อ่านเลย โต๊ะทำงานที่มีหนังสือวางอยู่ทับกันอยู่ถูกรื้อออกมาวางไว้สำหรับอ่านในคืนนี้ แบคฮยอนบิดตัวไปมาแล้วนั่งลงเตรียมอ่าน แต่ในขณะที่กำลังจะเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบเอาปากกาเน้นข้อความ เสียงเปลือกอะไรบางอย่างก็ทำให้เขาต้องชะงัก





    แบคฮยอนหันหน้ามองมาที่ลิ้นชัก เขาจ้องมองลูกอมหลายเม็ดที่วางเกลื่อนอยู่ข้างใน ลูกอมของใครคงไม่ต้องบอกก็รู้...




    “ถ้ามึงจะไป ทำไมมึงไม่เอาของๆมึงไปให้หมด” แบคฮยอนปิดลิ้นชักลงแล้วเลิกล้มความคิดที่จะอ่านหนังสือ เขายอมทำตัวเป็นคนที่แยกแยะอะไรไม่ออกระหว่างเรื่องความรักกับเรื่องเรียน ร่างโปร่งลุกจากที่ประจำการแล้วล้มตัวลงนอนกับเตียง



    กลิ่นของผ้าปูที่นอนที่ไม่ได้ซักมานานทำให้แบคฮยอนสำนึกได้ว่าพรุ่งนี้คงจะได้ฤกษ์ซักผ้าปูที่นอนแล้ว เขามองหมอนอีกใบที่วางอยู่ข้างๆกัน เจ้าของหมอนใบนี้ป่านนี้อาจจะกำลังนั่งอ่านหนังสือจนหลังคดหลังแข็ง จงอินจะหาบะหมี่มาให้คยองซูกินรึเปล่า จะมีใครนวดคอให้คยองซูไหม...



    คิดถึงแต่สิ่งที่เคยทำร่วมกัน มันคงเป็นได้แค่ภาพในความทรงจำเท่านั้นเอง แบคฮยอนดึงหมอนของคยองซูมาก่ายเอาไว้ขณะเดียวกันนั้นเองเขาก็รู้สึกเหมือนมีวัตถุขนาดเล็กบางอย่างซ่อนอยู่ในปลอกหมอนใบนี้ แบคฮยอนล้วงมือเข้าไปหยิบแล้วเพ่งมองแหวนเงินในมือ



    เขาดีดตัวขึ้นนั่งแล้วรีบตรงไปที่ตู้เก็บหนังสือเล็กๆที่คยองซูทิ้งเอาไว้ ภายในนั้นอัดแน่นไปด้วยหนังสือดูดวงและหนังสือเหนือธรรมชาติมากมาย แบคฮยอนรื้อหาหนังสือเล่มล่าสุดที่เขาพาคยองซูไปซื้อแล้วเปิดอ่านสารบัญ ความเชื่อเรื่องแหวน...



    “ท่านผู้ใดที่กำลังแอบรักใครสักคนอยู่หากเขาไม่รู้ตัวสักที ดิฉันก็มีทริคดีๆมาแนะนำนะคะ คือให้นำแหวนมาสวมไว้ที่นิ้วชี้ข้างซ้าย แล้วคนที่ท่านแอบชอบจะต้องหันมาสนใจท่านบ้างแน่ๆ” แบคฮยอนเลื่อนสายตาอ่านต่อไปเรื่อยๆ



    “แต่ถ้าหากท่านจะถอด ก็ขอให้ถอดเอาไว้ที่ใต้หมอนของท่าน หรือว่าถ้าหากท่านกลัวว่าแหวนจะหาย ท่านก็สามารถใส่เอาไว้ที่ในปลอกหมอนของท่านก็ได้” แบคฮยอนยิ้มออกมาทันทีเมื่อรู้สาเหตุของการพบแหวนในครั้งนี้ เขาปิดหนังสือลงแล้วเดินไปปิดไฟในห้องก่อนจะทิ้งตัวลงนอน



    แบคฮยอนดึงหมอนของคยองซูมากอดเอาไว้ ก่อนจะสวมแหวนเงินนี้ลงบนนิ้วชี้ของตัวเอง ดวงตาเรียวรีร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่ ร้อนและแสบจนในที่สุดสิ่งที่หลายคนเรียกมันว่าน้ำตาก็หลั่งไหลออกมา แบคฮยอนรัดหมอนในอ้อมอกเอาไว้แน่นเมื่อนึกถึงใบหน้าของคยองซู ดวงตาทั้งสองปล่อยหยาดน้ำลงมาจนไหลมาเป็นทาง คิดถึงคยองซู... คิดถึงสิ่งที่อีกคนทำให้เขามาโดยตลอด แบคฮยอนสะอื้นหนักเขาซุกหน้าลงกับหมอนก่อนจะกดจูบลงไป



    “คยองซู...” หลับตาลงแน่นพร้อมกับธารน้ำตาที่ไหลลงที่หางตา อ้อนวอนให้ตายอย่างไรคยองซูก็คงจะไม่รับรู้ หมอนที่กอดอยู่เทียบไม่ได้เลยกับเจ้าของ ความหนานุ่มเทียบไม่ได้เลยกับเนื้อตัวอุ่นๆและนุ่มนิ่ม คยองซูจะไม่มาแล้วจริงๆใช่ไหม... จะไม่กลับมากอดเขาอีกแล้วใช่ไหม ต่อไปนี้ถ้าร้องไห้ใครจะเช็ดน้ำตา ชายหนุ่มหมดสิ้นซึ่งความละอายแก่ใจ เขาเป็นผู้ชายไม่ควรจะร้องไห้หนักขนาดนี้...



     แต่ทว่า... เจ็บปวดเหลือเกินหัวใจดวงนี้ ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก โง่... ใจทั้งใจเต้นแรงและบีบรัดเหมือนจะทรมานกันให้ตายไปข้าง คล้ายกับว่ามีเข็มเล่มเล็กๆพุ่งปักลงมาทีละเล่มๆ เจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว ความรู้สึกสำนึกผิดมันกำลังบีบบังคับให้แบคฮยอนเจ็บหนึบไปทั้งใจ เพราะขอโทษบ่อยเกินไป จนในที่สุดคยองซูก็เบื่อที่จะฟัง



    ยิ่งย้อนนึกถึงการกระทำที่งี่เง่าของตัวเองแบคฮยอนก็ยิ่งพบว่าตัวเองนั้นโง่ขนาดไหน เขามันโง่อย่างที่ลู่หานเคยบอกเอาไว้ โง่ที่ทิ้งคนที่รักเขามากที่สุดไป เขาไร้ซึ่งหนทางที่จะตามอีกคนให้กลับมา



    แบคฮยอนก็พอรู้อยู่ว่าคงไม่มีใครที่จะยอมให้ตัวเองต้องมาทนจมอยู่กับความทุกข์หรอก และทุกครั้งที่คยองซูอยู่กับเขา คยองซูก็มีแต่เรื่องให้ต้องเสียใจ แต่อีกคนก็ยังคงทนอยู่กับเขา...



    แต่ว่าต่อไปนี้คยองซูคงเลือกแล้วละว่าจะไม่ทนอยู่กับคนที่ทำให้ตัวเองต้องเสียใจอีก ก็ดีแล้ว... คยองซูจะได้เจอกับสิ่งใหม่ๆที่ดีกว่าสักที....




     “มึงเคยถามใช่ไหมว่าแหวนนี้กูได้มาจากไหน กูซื้อมาเอง แต่มันไม่สำคัญหรอกว่ากูจะซื้อเองหรือใครจะซื้อให้ มันสำคัญที่ว่ากูใส่มันทำไมต่างหาก”


     “แล้วมึงใส่ทำไมละ”


    “มีความเชื่อหนึ่งที่บอกว่าถ้าเราใส่แหวนไว้ที่นิ้วชี้ข้างซ้าย คนที่เราแอบชอบเขาจะหันมามองเราบ้าง”


     “แล้วได้ผลไหมละ”


     “ก็ไม่รู้สิว่าคนที่กูแอบชอบอยู่ป่านนี้เขาจะรู้ตัวรึยังว่ากูชอบ”




    “คยองซู ตอนนี้กูรู้แล้วนะ...” แบคฮยอนกระซิบบอกกับหมอนที่เขากอดอยู่เสียงแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆกระชับเอาไว้แน่น ค่ำคืนนี้เงียบเหงาดังเช่นเคย ไร้ไออุ่นจากร่างที่เคยกกกอดเอาไว้ มีเพียงกลิ่นไอจางๆเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่ มันไม่สามารถทดแทนกันได้แต่ว่า... แบคฮยอนสมควรแล้วที่จะต้องเจอกับอะไรแบบนี้













    อุปสรรคของการเดินทางในวันนี้คือพื้นที่เปียกแฉะเพราะฝนตก มันสร้างความลำบากในการเดินทางไปมหาลัยเป็นอย่างมาก แบคฮยอนเดินย่ำเท้าอย่างระมัดระวังไม่ให้กางเกงนักศึกษาต้องเปื้อนคราบน้ำสกปรก ในมือเรียวยาวถือร่มคันสีสดใสเอาไว้ยังไงซะวันนี้ฝนก็ต้องตกอีกแน่ๆ แบคฮยอนเดินมาตามถนนเส้นเก่าตามลำพัง แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกว่าชินกับการต้องเดินคนเดียว



    วันนี้เป็นวันสอบครั้งสุดท้ายก่อนที่จะปิดเทอม ในหัวแบคฮยอนมีแต่เรื่องที่เขาอ่านมาเท่านั้น ไม่อยากจะเอาเรื่องอื่นมาปะปนให้เสียสมาธิเลย แต่ว่าพอเดินผ่านร้านบะหมี่เท่านั้นแหละ แบคฮยอนที่รวบรวมสติตัวเองมาได้สักพักก็สติแตก คยองซูอีกแล้ว ภาพจางๆของรอยยิ้มลอยเด่นขึ้นมาในความคิดจนแบคฮยอนต้องสะบัดหัวไล่



    “มึงนี่มัน...” ทำได้แค่ก่นด่าในใจ ก็นะ... แล้วพอมาถึงบ้านหลังที่สองปั๊ปแบคฮยอนก็ปรี่ไปหาเพื่อนของเขาทันที กลุ่มเดิม แก๊งค์เดิม แต่หายไปหนึ่งคน ลู่หานนั่งรออยู่ด้วยท่าทีร้อนรน หวังว่าคงจะไม่มีใครไปก่อเรื่องอะไรหรอกนะ



    “ไอ้เชี่ยแบค ทำไมมึงมาช้าจังวะ นัดไว้กี่โมงแล้วนี่กี่โมง” ลู่หานโวยวาย



    “ก็กูเดินมา อยากให้กูมาถึงเร็วๆทำไมมึงไม่เอาจรวจมาติดไว้กับตูดกูเลยละ”



    “เออวะกูลืม ไปเหอะรีบไป เดี๋ยวแม่งเข้าห้องสอบไม่ทัน”



    “อีกตั้งยี่สิบนาที มึงอย่าเยอะได้ปะวะ กูมาถึงนี่ตดยังไม่ทันหายเหม็นเลยนะ”



    “ไอ้เหี้ยนี่มึงตดหรอ!” ลู่หายกมือมาปิดจมูก เขาไม่ต้อนรับกลิ่นไม่พึงประสงค์ของใครหรอกนะ



    “กูเปรียบเทียบเฉยๆ” แบคฮยอนชักสีหน้าเรียบๆใส่ ลู่หานเบะปากแล้วออกแรงลากแบคฮยอนให้เดินตามมา ตามมายังเส้นทางที่เชื่อมไปยังตึกของคณะอื่น แบคฮยอนเองก็สงสัยแต่ว่าเขาก็ไม่ได้ท้วงอะไรนอกจากเดินตามลู่หานมาเงียบๆ สักพักลู่หานก็ชะงักเท้าทำเอาแบคฮยอนเบรกตามเกือบไม่ทัน ลู่หานเอามีปิดปากเพื่อนไว้ให้เงียบแล้วชี้ให้แบคฮยอนดูว่ามีคนกำลังคุยกันอยู่ จากนั้นก็ลากตัวกันไปหาที่ซ่อน



    “จงอิน พี่มาทวงสัญญาที่นายให้ไว้กับพี่นะ ตอนนั้นที่โรงพยาบาลนายก็ไม่ยอมตกลงคบกับพี่สักที ถ้าวันนี้นายยังไม่ยอมอีกเป็นเรื่องแน่”



    “เรื่องอะไรครับ พี่จะทำอะไรผมได้งั้นหรอ พี่รู้ไหมว่าที่ผมพูดไปทั้งหมดอะผมไม่ได้จริงจังเลยนะ”



    “จงอินทำไมพูดแบบนี้!!



    “เพราะผมไม่เคยรักพี่เลย แล้วก็ไม่คิดที่จะรักด้วยพี่ด้วยพี่ดาร่า” หญิงสาวกระแทกส้นใส่ทีหนึ่งแล้วชี้หน้าด้วยดวงตาที่ฉายแววโกรธเคือง



    “แกหลอกใช้ฉัน ใช่สิ แกได้คยองซูมาแล้วนิ แกเขี่ยฉันทิ้ง แกมันไม่รักษาสัญญา!!



    “นี่พี่ครับ ผมกับพี่คยองซูเราไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าคำว่าพี่น้องเลยนะครับ ที่ผมยอมช่วยพี่คยองซูก็เพราะอยากจะไถ่โทษที่ตอนนั้นผมพาพี่เขาไปเจอเรื่องระยำๆมา!!” จงอินขึ้นเสียงใส่บ้าง และคำพูดของจงอินก็ทำให้แบคฮยอนหัวใจเต้นเร็วและแรง ถ้าสิ่งที่จงอินพูดมาไม่ใช่เรื่องโกหกละก็...



    “ไม่!! ฉันไม่ยอม ฉันรักนายนะจงอินอย่าทำแบบนี้” หญิงสาวอ้อนวอนด้วยท่าทีน่าสงสาร



    “ไม่ครับ พี่กลับไปเถอะ”



    “ก็ได้... พี่จะกลับไป ลาก่อนนะจงอิน” แทบไม่อยากจะเชื่อหูว่าซานดาราจะยอมล่าถอยไปง่ายๆแบบนี้ พอหญิงสาวเดินจากไปลู่หานก็จัดการพาแบคฮยอนไปเดินไปหาจงอิน และเด็กรุ่นน้องก็หันมาเจอเข้าพอดี



    “ว่าไงจงอิน เจ้แซนเขามาป่วนอะไรนาย” ลู่หานถามด้วยน้ำเสียงสนิทสนม ทำเอาแบคฮยอนมองด้วยความอึ้ง ไปรู้จักมักจี่กันตอนไหน



    “ทวงสัญญาที่ผมเคยให้ไว้นะครับ แต่ผมคงทำตามไม่ได้เพราะผมไม่ได้รักพี่ดาร่า”



    “อืม จงอินพี่มีเรื่องจะมาขอร้องนาย” ลู่หานจับท่อนแขนของจงอินไว้แล้วเบนสายตาไปที่แบคฮยอน จงอินมองตามไปแล้วก็เจอกับซอมบี้... ทำไมแบคฮยอนปล่อยตัวโทรมขนาดนี้



    “สวัสดีครับพี่แบคฮยอน พี่รู้ใช่ไหมว่าเรื่องดราม่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะอะไร” จงอินถาม



    “เพราะพี่... ใช่ไหม”



    “ครับ ผมต้องขอโทษด้วยที่ช่วยพี่คยองซูวางแผนบ้าๆนี่ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้พี่ก็คงจะไม่สำนึกสักทีว่าพี่เองก็รักพี่คยองซู”



    “..................” แบคฮยอนฟังด้วยใบหน้านิ่ง



                “พี่รู้รึเปล่าว่าตลอดเวลาที่พี่คยองซูเขาอยู่กับผม เขาก็เอาแต่ร้องไห้จะไปหาพี่ลูกเดียว แต่ผมเองแหละที่รั้งเขาเอาไว้ เพราะตราบใดที่พี่ยังเสียใจได้ไม่เท่าครึ่งหนึ่งของพี่คยองซู ผมก็จะไม่มีวันปล่อยพี่คยองซูให้กลับไปหาพี่แน่ๆ”



                “..................”



                “แต่ตอนนี้ผมเชื่อว่าพี่คงจะรู้สึกแล้วใช่ไหม ฉะนั้นผมจะยอมให้พี่คยองซูเขากลับไปหาพี่”         



                “จงอิน คือ... พี่ขอโทษที่เข้าใจนายผิด”



                “ผมก็แค่อยากไถ่โทษเรื่องวันนั้น เอาเถอะครับ ผมเองก็อยากจะขอโทษพี่เหมือนกัน ผมหวังว่าพี่จะดูแลพี่คยองซูได้ดีกว่าเดิมนะครับ... วันนี้ผมให้พี่คยองซูไปรอผมอยู่ที่ลานจอดรถหลังสอบเสร็จตอนเย็น ยังไงก็ผมฝากให้พี่ช่วยไปรับพี่คยองซูแทนผมด้วยนะครับพี่แบคฮยอน” จงอินยิ้มแล้วโค้งหัวให้กับทั้งลู่หานและแบคฮยอน จากนั้นเด็กหนุ่มร่างสูงก็เดินขึ้นตึกไป



                “เห้ยแบค วันนี้มึงจะได้เป็นพระเอกแล้วนะเว่ย!” ลู่หานยิ้มกว้างแล้วตบไหล่เพื่อน



                “มึงก็พูดอะไรบ้าๆ”



                “เย็นนี้มึงไปรับคยองซูนะ หลังจากนี้คงไม่ต้องให้กูบอกหรอกมั้งว่าต้องทำอะไรต่อ” แบคฮยอนค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาแล้วกระโดดกอดลู่หานเอาไว้แน่น



                “ขอบคุณมึงที่อยู่ข้างกูเสมอนะเว่ยไอ้ลู่” ลู่หานหัวเราะดังลั่น ถ้ามึงรู้ว่ากูทำอะไรกับมึงไว้บ้างมึงจะไม่มีทางพูดแบบนี้แน่ๆวะไอ้แบคฮยอน ฮ่าๆๆ พูดแล้วเสียวไอ้แบคกระทืบชิบหายเลย



                “ทุกอย่างมันจะจบลงแล้วนะไอ้แบค” ^^










    เย็นวันนี้สภาพอากาศไม่ค่อยดีเท่าไร คยองซูยืนมองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ตอนนี้เขากำลังรอให้จงอินมารับ ภาวนาว่าขอให้จงอินมารับเร็วๆ เพราะคยองซูไม่อยากเปียกแบบครั้งที่แล้วอีก ก็นะจงอินเล่นให้เขามายืนรอที่ลานจอดรถโล่งๆขนาดนี้ ไม่มีอะไรที่เลยพอจะใช้หลบแดดหลบฝนได้นอกจากต้นไม้ ยังไม่ทันจะขาดคำฝนก็เริ่มปรอยจนคยองซูสะดุ้ง เขายังไม่อยากเข้าไปซดน้ำเกลืออีกรอบหรอก



    คยองซูวิ่งเข้าไปหลบใต้ต้นไม้ใหญ่แต่ก็ยังไม่พ้นรัศมีเม็ดฝนอยู่ดี ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆจนคยองซูต้องนั่งยองๆ พยายามทำตัวให้ลีบเข้าไว้จะได้ไม่เปียกมาก ทฤษฎีบ้าๆแบบนี้คงมีแค่คยองซูเท่านั้นแหละที่คิดได้ นั่งได้ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าจากที่ไกลๆกำลังวิ่งมา และนั่นก็ทำให้คยองซูต้องแหงนหน้ามอง ร่มคันสีเหลืองลายหมีพูห์กำลังกางฝ่าสายฝนวิ่งมาทางเขา



                “แบคฮยอน” ชายหนุ่มที่กางร่มอยู่ยิ้มกว้างแล้วเดินเข้าไปหาคนที่นั่งตัวลีบอยู่ตรงใต้ต้นไม้ แบคฮยอนกางร่มให้คยองซูแล้วยิ้มออกมาอีกครั้ง



                “มึงจำได้รึเปล่าว่ามึงเคยบอกว่าอยากให้กูกางร่มให้ ตอนนี้กูรักษาสัญญาแล้วนะ” คยองซูตัวสั่นไปหมด ทั้งตกใจทั้งอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก และเมื่อกี้ที่เขาได้ยินเขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม... แบคฮยอนเอนร่มไปให้กับอีกคนพร้อมกับยื่นมืออีกข้างส่งให้คยองซู



                “ระวังจะป่วยอีกนะ” หลังจากที่คยองซูยอมยื่นมือมาให้แล้ว แบคฮยอนก็จูงมืออีกคนให้เดินมาด้วยกันภายใต้ร่มที่มีหมีตัวโตถือโถน้ำผึ้งนั่งยิ้มอยู่ แบคฮยอนหันกลับไปมองหน้าคยองซูแล้วรีบจูงมือของอีกคนให้เข้ามาหลบที่ศาลาไม้ แต่ทว่ากลับมีนักศึกษาคนอื่นวิ่งเข้าไปจับจองพื้นที่กันเสียแล้ว



    แบคฮยอนยิ้มเก้อๆแล้วมองหาที่หลบฝนแห่งใหม่ จนสายตาไปสะดุดเข้ากับตู้โทรศัพท์พอดี เข้าสูตรละครเป๊ะเลยแหะ เขาพาคยองซูเข้ามาหลบข้างในตู้โทรศัพท์ จากนั้นก็หุบร่มแล้วจัดการวางมันพิงไว้กับกระจก



                “แบค



                “คยองซู มึงหนาวรึเปล่า” คยองซูส่ายหน้าเป็นคำตอบ แบคฮยอนอมยิ้มแล้วจับมือคยองซูขึ้นมากุมเอาไว้ ส่วนคยองซูก็ยังตกใจไม่หายเลยว่าทำไมจู่ๆแบคฮยอนก็กางร่มโพล่มารับเขา



                “ต้องขอบคุณจงอินนะที่มันยอมให้กูมารับมึงแทนมัน” แล้วก็แจ่มแจ้งทันทีที่ได้ยินแบคฮยอนบอก



                “มึง



                “จำได้รึเปล่าที่กูเคยบอกว่าจะปกป้องมึง แต่จนตอนนี้แล้วกูก็ยังไม่เคยได้ทำตามที่พูดไว้เลย” แบคฮยอนเลื่อนมือคยองซูมากุมไว้ที่หน้าอกข้างซ้ายของเขา



                “กูรู้ว่ามันช้าเกินไปแล้ว แต่ว่ากูก็อยากจะบอกมึงนะว่าตอนที่กูอยู่โดยไม่มีมึงอะ มันเหงาขนาดไหน มันเหมือนขาดอะไรไป มันเหมือนใจกูมีช่องว่าง... แล้วก็มีแค่มึงเท่านั้นนะที่จะเติมเต็ม”



                “แบคฮยอน”



                “ถ้ากูจะขอโทษมึงอีกสักครั้งมึงจะให้อภัยกูไหม” ดวงตากลมโตรื้นน้ำตาจนเอ่อล้นท่วม รอบกรอบดวงตาแดงก่ำค่อยๆปล่อยหยดน้ำใสๆออกมา คยองซูร้องไห้ออกมาอีกครั้งเมื่อแบคฮยอนจับมือของเขาขึ้นมาจูบที่หลังฝ่ามือเบาๆ



                “...................”



                “กูรู้หมดแล้วแหละเรื่องแผนของมึงอะ” แบคฮยอนไปรู้แผนเขาได้ยังไงกัน แต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อคยองซูก็ถูกรวบตัวเข้าไปกอดเอาไว้แน่น



                “กูรู้นะว่ามึงจะไม่มีทางทิ้งกูไปไหน”



                “....................”



                “คยองซูถ้าฝนหยุดตกเมื่อไรมึงต้องกลับห้องกับกูนะ”           



                “คยองซูมึงรู้รึเปล่าว่าการตากฝนร้องไห้อะมันทำให้คนอื่นไม่รู้ว่าเรากำลังร้องไห้” ถึงคยองซูจะไม่ตอบอะไรกลับมาเลยแต่แบคฮยอนก็ยังจะพูดต่อ เพราะจู่ๆเขาก็รู้สึกกลัว กลัวว่าจะไม่ได้พูดอะไรในอีกหลายๆอย่างที่คยองซูยังไม่เคยรู้



                “มึงไม่ต้องร้องแล้วนะคยองซู” แบคฮยอนจ้องมองลงไปที่นัยน์ตาของอีกคน และมันเหมือนกับว่าดวงตาคู่นี้ไม่ตอบสนองหรือรู้สึกอะไรกับคำที่เขาพูดมาเมื่อสักครู่นี้เลย มีเพียงหยาดน้ำตาอุ่นๆที่ยังคลออยู่ คยองซูเงียบอีกแล้ว เงียบแบบนี้มันทำให้แบคฮยอนกลัวเหลือเกิน เพราะถ้าหากโอกาสของเขาในครั้งไม่สำเร็จอย่างที่หวังไว้ แบคฮยอนคงจะต้องกลืนความรู้สึกดีๆที่มีต่ออีกคนลงคอไป...



                “อือ... ไม่ร้องแล้ว” และเหมือนจะป็นคำตอบที่ดีที่สุดในตอนนี้ แบคฮยอนยิ้มกว้างแล้วใช้มือทั้งสองข้างจับหน้าคยองซู นิ้วเรียวยาวเกลี่ยทั้งหยดน้ำฝนและหยดน้ำตาให้ออกพ้นจากใบหน้า



                “จะกลับมาอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม...” คยองซูมองหน้าแบคฮยอนนิ่ง ชั่วอึดใจหนึ่งที่ต่างฝ่ายก็ต่างเงียบมันช่างน่าอึดอัด แบคฮยอนค่อยๆลดฝ่ามือลงแล้วจากนั้นคนทั้งสองไม่พูดอะไรออกมาอีกนอกจากยืนฟังเสียงของเม็ดฝนที่ค่อยๆซาลง








                คิดเองเออเองทั้งนั้น...







                เมื่อฝนเริ่มหยุดตก แบคฮยอนก็พาคยองซูออกมาจากตู้โทรศัพท์แคบๆ เขาจับมือคยองซูเอาไว้แน่น แล้วเดินมาพร้อมกัน คยองซูยังคงนิ่ง ไม่ตอบสนองแม้กระทั่งกุมมือแบคฮยอนเอาไว้ แต่ก็ไม่เป็นไร...



                “คยองซูกูลืมร่มไว้ที่ตู้โทรศัพท์อะ รออยู่ตรงนี้แปปนึงนะเดี๋ยวกูรีบมา”  แบคฮยอนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าลืมร่มเอาไว้ มือที่กุมอยู่ค่อยๆคลายออก แบคฮยอนยิ้มแล้วรีบวิ่งกลับไปเอา เขาพยายามเร่งฝีเท้าเร็วๆเพราะอยากจะรีบกลับไปให้ถึงหอพัก ก็คยองซูกำลังจะกลับมาอยู่กับเขาแล้วนะ จะไม่ให้ไม่ดีใจได้ยังไง ถึงจะขึ้นชื่อว่าพูดเองเออเองแต่แบคฮยอนก็ดีใจที่คยองซูไม่ปฎิเสธเขา ไม่ปฎิเสธแต่ก็ไม่ตอบรับ...



     พอหยิบร่มเสร็จแบคฮยอนก็รีบกลับมา แล้วจังหวะเดียวกันนั้นเองก็มีรถเก๋งสีดำคุ้นตาคันหนึ่งขับผ่านหน้าแบคฮยอนไป นั่นทำให้แบคฮยอนรู้สึกไม่ค่อยดีเลยที่เห็นรถคนนี้


    เขารีบวิ่งตามไปจนในที่สุดก็เห็นว่ารถคันนี้ได้จอดแอบอยู่ที่ริมถนนในมหาลัย ห่างออกไปเล็กน้อยก็คือคยองซูที่กำลังยืนรอเขาอยู่ จากนั้นกระจกรถคันสวยก็ค่อยๆเลื่อนเปิดออกมา แบคฮยอนเบิกตากว้างแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาคยองซู คนในรถคือหญิงสาวตัวเล็กที่เขาเคยหลงปลื้ม ซานดารากำลังล้วงเอาอะไรบางอย่างออกมาแล้วเล็งไปที่คยองซู ปลายกระบอกปืนสีดำขลับทำให้แบคฮยอนต้องเร่งฝีเท้าและตะโกนให้คยองซูระวังตัวไปพร้อมกัน



                “คยองซูระวัง!!






    ปัง!! ปัง!! ปัง!!





    พริบตาเดียวที่มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้น แบคฮยอนสามารถวิ่งเข้าไปกอดคยองซูเอาไว้ได้ทันพอดี หญิงสาวเมื่อเห็นว่าตัวเองยิงไม่โดนคยองซูเธอก็รีบขับรถหนีออกไปด้วยแววตาเคียดแค้น เพราะแกคนเดียวที่ทำให้จงอินไม่ยอมรับรักฉัน!! เพราะแกคนเดียวเลยคยองซู ดาร่าเหยียบคันเร่งจนมิดแล้วขับรถหนีหายไป หึ ถ้าครั้งนี้เธอเล่นงานคยองซูไม่สำเร็จความคับแค้นที่แน่นอยู่ในอกคงต้องระเบิดออกมาแน่ๆ



    ทางฝ่ายของแบคฮยอนพอเห็นคยองซูทำหน้าตาตื่นกลัวเขาก็รีบถามอาการของอีกคนด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจไม่แพ้กัน แล้วพอคยองซูส่ายหน้าตอบกลับมาเป็นคำตอบแบคฮยอนก็ค่อยรู้สึกโล่งใจหน่อย เกือบไปแล้วสินะ...



                “คยองซูมึงเจ็บตรงไหนไหม” คยองซูส่ายหน้าตอบอีกครั้งด้วยความหวาดกลัว



                “นี่ถ้ากูมาไม่ทันมึงคงได้เขาโรงพยาบาลอีกรอบแน่ๆเลย” แบคฮยอนยิ้มแล้วยื่นมือมาจับหน้าคยองซูเอาไว้ นิ้วเรียวยาวค่อยๆปัดไรผมข้างหน้าให้ออกพ้นจากใบหน้าของคยองซู แบคฮยอนยิ้มอีกครั้งแล้วดวงตาทั้งสองข้างก็เริ่มมีน้ำตาคลอออกมา ซึ่งสร้างความตกใจให้กับคยองซูเป็นอย่างมาก



                “คยองซู ตอนนี้กูทำตามที่กูพูดได้แล้วนะ ตอนนี้กูปกป้องมึงได้แล้ว” รอยยิ้มอบอุ่นของแบคฮยอนค่อยๆจางลงพร้อมกับร่างที่กำลังค่อยๆล้มลงกับพื้น คยองซูตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อแบคฮยอนหงายหลังล้มตัวนอนราบกับถนนที่มีน้ำขัง



                “แบคฮยอนไม่ตลกนะ” คยองซูมองลงไปที่บริเวณที่มีน้ำขัง น้ำสีขุ่นกำลังถูกแซมไปด้วยสีแดงเข้ม



                “แบค



                “แบค!!” เสื้อนักเรียนขาวสะอาดกำลังค่อยๆดูดซึมเลือดสีแดงข้นเข้ามาเรื่อยๆ คยองซูนั่งลงดึงตัวแบคฮยอนให้ลุกขึ้นแต่แบคฮยอนก็ไม่ตอบสนอง เปลือกตาทั้งสองข้างปิดแน่นสนิทและไม่มีทีท่าว่าจะเปิดขึ้นมาเลย



    คยองซูส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลืออย่างสุดเสียง น้ำตาที่เพิ่งจะหยุดไหลไปกลับไหลอาบลงอีกครั้ง คยองซูพยายามลากตัวแบคฮยอนให้ลุกขึ้นด้วยแรงของเขาทั้งหมดที่มี ท่อนแขนของแบคฮยอนที่คยองซูยกขึ้นมาพาดคอของเขาเอาไว้ไหลหลุดลงทุกครั้งที่พยายามดึงขึ้นมา



                “แบคตื่น แบค!!!” ระหว่างนั้นเองรถของนักศึกษาที่ขับผ่านมาก็จอดแล้วรีบลงมาช่วยกัน สถานการณ์วุ่นวายจนนักศึกษาคนอื่นๆต้องหยุดมุงดูแล้วก็ต้องปิดปากปิดตากันเป็นแถบเมื่อเห็นร่างที่อาบท่วมไปด้วยเลือดกำลังถูกอุ้มขึ้นรถ คยองซูรีบวิ่งตามขึ้นมาแล้วกุมมือแบคฮยอนเอาไว้แน่น






                “แบคฮยอน!!














    TBC.

    1.นี่มันฟิคหมวดตลกขบขัน
    ก็เลยไม่น่าแปลกใจที่จะมีประโยคชวนฮาให้เห็นอยู่บ้างประปราย

    2.เมื่อตอนที่แล้ว ขอความเห็นจากคนอ่านว่าอยากอ่านสปช.คู่ไหน
    มติเอกฉันท์เลยว่า คริสลู่ ไคฮุน แต่จะได้อ่านกันไหมนั่นอีกเรื่องนะ -,,-

    3. 60%หัวเราะและสมน้ำหน้าพี่แบค 
    30%ทั้งสงสารและสมน้ำหน้า 10% สงสาร 

     

    แล้วเราจะมาแหกโค้งไปด้วยกันนะ หห. 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×