คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : CHAPTER :: XXXXXXXXXXXXXXX
CHAPTER :: XXXXXXXXXX
XXXXX
“ตอนแรกกูก็เสียใจนะที่มึงคิดจะใช้กูเป็นเครื่องมือในการลืมพี่ดาร่า แต่ตอนนี้กูเต็มใจ กูยอมทำทุกอย่างขอแค่มึงเลิกรักผู้หญิงคนนั้น” มือเล็กขยับเข้าไปจับมือแบคฮยอนเอาไว้ ขอแค่แบคฮยอนยอมตกลง คยองซูยินดีทำทุกอย่างเพื่อลบซานดาร่าออกจากใจของแบคฮยอน
“ถ้าคิดว่าทำได้ ก็ลองดู”
“แบคฮยอน ไปอาบน้ำกันเถอะ...”
“ไหนตอนแรกมึงบอกไม่อาบ”
“ก็ตอนนี้จะอาบแล้วอะ นะ ไปอาบน้ำด้วยกัน” สายตาเฉียบจ้องมองคยองซูเหมือนจะจับผิด นี่แบคฮยอนยังไม่เชื่ออีกหรอว่าเขาชอบมัน
“มึงคิดจะเล่นตลกอะไรกับกูอีกรึเปล่าวะคยองซู”
“กูไม่มีนิสัยตอแหลแบบมึงหรอกไอ้แบคฮยอน”
“แหม กูหลอกมึงครั้งเดียวแต่มึงด่ากูว่าตอแหลเป็นร้อยคำ นี่ใจคอมึงจะด่ากูยันลูกบวชเลยรึไง”
“ไหนมึงบอกมึงไม่ชอบเด็ก แล้วทำไมเมื่อกี้มึงถึงพูดว่าจะมีลูก” คยองซูถอดเสื้อตัวเองโยนออกไปข้างนอก มือเล็กเคลื่อนเข้ามาใกล้กับชายเสื้อยืดของแบคฮยอนก่อนจะดึงขึ้นสูงจนเห็นหน้าท้องขาว แต่แบคฮยอนก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดใดนอกจากยืนนิ่งๆให้คยองซูเป็นฝ่ายเริ่ม
“สัด ให้กูหาเมียให้ได้ก่อนเถอะแล้วเรื่องลูกค่อยพูดกันทีหลัง”
“ไอ้แบค แต่ถ้ามึงได้กูเป็นเมียนี่รับรองว่าไม่มีลูกแน่นอน ดีใช่ไหมละ”
“นี่ มึงช่วยเลิกทำหน้าเหมือนอยากแดกกูสักทีเถอะ ตั้งแต่ร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วนะมึงอะ” แบคฮยอนยอมถอดเสื้อตัวเองออก ตอนนี้ที่เขาสวมอยู่ก็มีแค่กางเกงยีนตัวซีด ส่วนคยองซูก็สวมกางเกงวอร์มตัวใหญ่ๆ เวลาซื้อกางเกงแม่งก็ไม่รู้จักดูขนาดตัว ตัวเองเลย มึงกะว่าถ้ามึงไม่ได้ใส่แล้วมึงจะเอาไปบริจาคให้ช้างที่แอฟริกาใส่รึไง
“ไหนๆ พี่แบคครับ รบกวนช่วยทำหน้านิ่งเหมือนเมื่อกี้หน่อย น่ากินกว่าตอนทำหน้ากวนตีนเยอะเลยนะ”
“เดี๋ยวนี้มึงวิวัฒนาการขนาดนี้เลยหรอวะคยองซู”
“ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ แล้วอีกอย่าง กูรู้ กูศึกษามาเยอะ”
“นั่นมันคำพูดกูครับ” คยองซูดึงแบคฮยอนให้เข้ามาภายในห้องน้ำ คนตัวเล็กดันตัวเองไปชิดกับผนังเย็นเฉียบ สองแขนดึงแบคฮยอนให้ก้าวตามเข้ามาก่อนจะเลื่อนไปคล้องคอเอาไว้หลวมๆ
“ให้กูยืมมาใช้หน่อยไม่ได้รึไง” ปลายนิ้วอุ่นเลื่อนไปแตะริมฝีปากแบคฮยอนเบาๆ ถึงแบคฮยอนจะรู้สึกแปลกๆที่ต้องมาเจอกับคยองซูในรูปแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยคัดค้าน การที่ได้มองคยองซูในมุมที่แลดูเย้ายวนมันก็ถือเป็นมิติใหม่ที่เขาจะได้เห็นจากตัวของอีกคน เป็นมิติลึกลับที่แบคฮยอนเองไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เห็น
“มึงจะยืมก็ต้องมีค่าเช่า แต่ถ้ามึงยังไม่มีค่าเช่ามึงก็ต้องวางมัดจำมาก่อน”
“กูไม่มีมัดจำ กูมีแต่มัดจูบ มึงจะเอาปะ”
“ล้ำลึกมากครับคุณคยองซู” แบคฮยอนเลื่อนไปหน้าลงมาคลอเคลียแถวพวงแก้มนุ่ม คยองซูจ้องมองริมฝีปากบางของแบคฮยอนแบบประเภทที่ว่าจ้องตาไม่กระพริบ ริมฝีปากสีอ่อนเคลื่อนลงมาใกล้เรื่อยๆอย่างอ้อยอิ่งก่อนที่ทั้งสองคนจะปล่อยให้ริมฝีปากแตะเข้าหากัน
ทำแบบนี้มันเหมือนเป็นการแลกใจด้วยร่างกาย แต่คยองซูในตอนนี้มืดแปดด้าน เขาคิดไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าจะต้องทำยังไงแบคฮยอนถึงจะยอมตัดใจจากพี่ดาร่าสักที แต่ถ้าพอมีวิธีไหนที่จะทำให้แบคฮยอนยอมหันหลังให้ปาร์คซานดารา คยองซูก็ยืนยันว่าจะทำ รวมไปถึงการเอาตัวเขาแลกแบบนี้ด้วย
เขาเองก็ไม่เคยวิงวอนแสดงท่าทางต้องการอะไรมากมายขนาดนี้จากใครมาก่อน คยองซูไม่ได้ต้องการรสชาติสัมผัสที่ร้อนลุ่มจากแบคฮยอน แต่สิ่งที่เขาต้องการคือความรักจากแบคฮยอนต่างหาก เพราะถ้าแบคฮยอนมีใจให้เขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจูบที่ร้อนแรงหรือสัมผัสที่อ่อนหวาน เขาก็ร้องขอมันจากแบคฮยอนได้ พูดง่ายๆก็คือถ้าได้ใจของแบคฮยอนเมื่อไร อย่างอื่นมันก็จะตามมาเอง -,.-
“ทำยังกับว่าตัวเองเป็นนางเอกหนังเอวีอย่างงั้นแหละสัด” แบคฮยอนไม่วายว่าจะหันมาแขวะ ก็จริงไหมละ เสียงครางอึกอักในลำคอบวกกับใบหน้าที่เชิ่ดรั้นเหมือนกับว่าพึงพอใจที่แบคฮยอนมาเล่นลิ้นแถวช่วงอกแบบนี้หนะ ถ้าไม่เสียวจริงๆก็คงไปก๊อปท่านางเอกมาแน่ๆ
“ถ้ากูเป็นนางเอกมึงก็..อ๊ะ”
“หือ อะไรกูก็อะไร” แบคฮยอนทำให้คยองซูกลืนคำพูดลงคอไป เพียงแค่เขารู้จักใช้มือตัวเองให้เป็นประโยชน์
“มึง...”
“มึงมันก็อ่อนยังนี้แหละ โดนจับนิดจับหน่อยก็ร้องแล้ว ไฟติดง่ายชิบหาย”
“สงสัยไฟจะติดแล้ว กูร้อนมาก” คยองซูกำไรผมของอีกคนไว้แน่นหลังจากที่แบคฮยอนเลิกล้อเล่นกับอารมณ์ของเขาแล้วหันกลับมาจริงจัง จูบที่มอบให้มันหนักหน่วงจนเขาตอบรับไม่ทัน ทั้งที่เป็นฝ่ายเริ่มแต่พอถูกสนองให้ก็ถึงกับไม่ต่อไม่ถูก เสียงอื้ออึงดังสะท้อนก้อง แม้แต่เสียงของสายน้ำจากฝักบัวที่คยองซูพยายามจะปิดก็ยังกลบไม่มิด ภายใต้สายน้ำเย็นช่ำคยองซูโอบรอบคอแบคฮยอนเอาไว้
“นึกถึงตอนที่กูเปิดฝักบัวอาบให้มึงแล้วมึงก็กอดกูเอาไว้แบบนี้ มึงร้องขอให้กูช่วย มึงบอกว่ามึงร้อน แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรกที่กูได้กับมึง นี่กูกำลังแดจาวูอยู่รึเปล่าวะคยองซู”
“ไม่หรอก ครั้งนั้นเพราะว่ากูโดนยา แต่ครั้งนี้กูโดนของ”
“ของอะไรวะ”
“ของมึงอะ”
ไอ้เชี่ยคยองซูแม่ง จัญไรสัดๆ
ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง
เสียงเคาะประตูดังลั่นสนั่นปฐพี สัตว์น้อยใจแตกตื่นกันทั้งแผ่นดิน ... แบคฮยอนสะดุ้งตัวลุกจากเตียงด้วยสภาพมึนๆ เขาลุกขึ้นมาหยิบเสื้อที่ปลายเตียงแล้วรีบสวม จากนั้นก็หันไปดึงผ้าห่มคลุมตัวให้กับคยองซูจนมิดคอ ในหัวที่มีสติยังไม่ครบร้อยก่นด่าไอ้คนที่มาเคาะประตูซะเสียงดังลั่น ฮึ่ย
“เคาะหาแม่มึงหรอ เขาตื่นเพราะเสียงเคาะของมึงกันทั้งโลกแล้วสัด!!”
“โถ่ กูไม่พังเขาไปก็บุญแล้วแม่ง เคาะตั้งนานไม่มาเปิดสักที” เป็นลู่หานกับคริสที่ยืนกันหน้าสลอน
“พวกมึงจะมาเสือกอะไรกับกูกันตั้งแต่เช้าวะ”
“กูว่าจะมาชวนมึงไปดำน้ำ ทำสวน ปลูกป่า ดูหนัง ฟังเพลง ดูละครเวที...”
“เห้ย เชี่ยลู่ กูง่วง!” แบคฮยอนเอ็ด แทนที่จะเข้าเรื่องแล้วรีบๆกลับไปซะเสือกมาพูดยืดเยื้ออยู่ได้ ลู่หานพอโดนตวาดใส่ก็เบะปาก เช้านี้เขาละอยากมอนิ่งแบคฮยอนด้วยส้นตีนจังเลย นี่ถ้าไม่ติดว่ากางเกงเดฟที่ใส่มามันฟิตจนขยับตัวยากนะ ป่านนี้เชี่ยแบคสลบไปแล้ว
“เมื่อคืนมึงไปออกศึกรึไงสัด เนี่ยฟังเพื่อนหล่อๆอย่างกูสองคนพูดสักสิบนาทีมึงจะตายหรอ”
“เออๆ มีอะไรก็รีบๆพูดมาดิ” แบคฮยอนเกาหัวแกรกๆ
“คือมันเป็นอย่างนี้นะไอ้เชี่ยเตี้ย คือพวกกูเนี่ยอยู่ชมรมจิตอาสา แล้วอีกสองอาทิตย์กูต้องไปร่วมกิจกรรมสร้างโรงเรียนให้เด็กน้อยชาวดอยตาดำๆที่น่าสงสาร แต่แบบว่ายังขาดสมาชิกอีกสองคน กูเลยอยากให้มึงกับคยองซูไปช่วยกันลงชื่อไปให้ครบวะ”
“ไม่เอาอะ กูเหนื่อย มึงมีเรื่องแค่นี้ใช่ไหมที่จะบอก เออกูจะไปนอนต่อละ”
“เห้ย เดี๋ยวดิวะเตี้ย คือทำบุญสร้างโรงเรียนนี่เกิดสิบชาติก็หล่อทั้งสิบชาตินะเว่ย” คริสเว้าวอน
“กูขอหล่อแค่ชาตินี้ก็พอ ชาติหน้าว่ากันทีหลัง” พอแบคฮยอนทำท่าจะปิดประตูหนีลู่หานกับคริสก็ช่วยกันดัน จนในที่สุดคริสกับลู่หานก็พาตัวเองเข้ามาภายในห้องพักแคบๆได้ ลู่หานกวาดสายตามองสภาพห้องที่สะอาดสะอ้าน รวมไปถึงคนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงด้วย
“หูย มีตุ๊กตาหมีน่ารักขนาดนี้นี่เอง มิน่าละถึงอยากแต่จะนอน” คริสพูดลอยหน้าลอยตา
“เสือก นี่พวกมึงไม่ได้มาเพราะเรื่องสร้างโรงเรียนดอยหอยโข่งอะไรนั่นใช่ไหม ที่มาเนี่ยเพราะว่าอยากเข้ามาดูว่ากูกับคยองซูอยู่กันยังไงใช่ไหม”
“มันก็ส่วนหนึ่งแหละ แต่กิจกรรมบนดอยอะมันจัดจริงๆนะเว่ย นะไอ้เตี้ยนะ ถ้ามึงตกลงจะไป พวกกูจะรีบไสหัวออกจากห้องมึงเดี๋ยวนี้เลย” แบคฮยอนส่ายหัวรัว ยังไงก็ไม่ยอมพาตัวเองขึ้นไปลำบากถึงบนยอดดอยหรอก ไม่ มี ทาง
“ถ้างั้นกูจะปลุกคยองซูมาถามว่าจะไปกับพวกกูไหม” พอคริสทำท่าจะเดินไปดึงผ้าห่มออก แบคฮยอนก็ถลาตัวมาบัง
“คยองซูมันไม่ไปหรอก สรุปคือพวกกูไม่ไป มึงสองตัวกลับไปเหอะ”
“มึงจะมารู้ใจคยองซูได้ยังไงวะ” คริสแย้ง เสียงโวยวายที่น่ารำคาญหูปลุกให้คนที่นอนหลับอยู่เริ่มขยับพลิกตัวไปมา แล้วจากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ…
“..........”
“..........”
“..........” ลู่หานจ้องไปที่คยองซูตาไม่กระพริบ คนที่นอนหลับอยู่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่ทว่าการขยับพลิกตัวก็ทำให้ลู่หานกับคริสพอจะเดาออกว่าอีกคนไม่ได้ใส่เสื้อ
“เมื่อคืนพวกมึงสองคนทำอะไรกันวะ” คริสขมวดคิ้วด้วยความอยากรู้
“อ๋อ คยองซูมันร้อน มันก็เลยนอนถอดเสื้อ ทีนี้รู้แล้วมึงก็กลับศาลของพวกมึงไปซะ” เจ้าของห้องดันตัวเพื่อนทั้งสองให้เดินออกมาอยู่ภายนอกห้อง
“เห้ยแบคฮยอน เอาดีๆดิอย่าโกหก”
“ไม่ต้องเสือกครับ ไม่มีอะไรให้พวกมึงต้องมาใส่ใจเลยสักนิด”
“กูไม่เชื่อหรอกนะเว่ยว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่อะ ตอบกูมาซะดีๆ” นอกจากแบคฮยอนจะไม่ตอบแล้ว เขายังถือโอกาสตอนที่เพื่อนทั้งสองตัวเผลอจัดการปิดประตูลงกลอนแล้วล็อคห้องเรียบร้อย
“ไม่เชื่อก็ช่างแม่งมึงดิ” แบคฮยอนสบถเบาๆเขายีหัวตัวเองจนฟูฟ่องด้วยความหงุดหงิด แบคฮยอนค่อยๆเดินกลับไปทิ้งตัวลงที่เตียง เขาง่วงจนสมองประมวลผลอะไรไม่รู้เรื่องแล้ว ร่างโปร่งจัดการเบียดตัวเข้าไปซุกผ้าห่มผืนเดียวกันกับคยองซูแล้วดึงคนตัวนิ่มมากอด
“ตุ๊กตาหมีนุ๊มนุ่ม”
“แบค ปล่อยดิ จะนอน” คยองซูไม่ได้หนาวจนต้องการคนมานอนกอด เมื่อรู้สึกรำคาญก็เลยจัดการถีบแบคฮยอนให้ขยับตัวออกไปนอนที่อื่น
“ขอกอดหน่อยไม่ได้รึไง”
“ไม่ได้ ปล่อยดิ เร็วๆ” คยองซูงอแงเพราะรู้สึกอึดอัด
“เออๆ ปล่อยก็ได้วะ” เพราะไม่อยากรบกวนการนอน แบคฮยอนเลยเลิกที่จะก่อกวน เขาปล่อยมือออกจากเอวของคยองซูแล้วกลิ้งตัวเองออกมานอกผ้าห่ม และขณะที่แบคฮยอนกำลังเคลิ้มๆเหมือนกำลังจะหลับลงอีกครั้ง ก็มีสัมผัสอุ่นๆจากท่อนแขนเล็กพาดลงที่ลำตัวของเขา แบคฮยอนลืมตาขึ้นมาแล้วขยับพลิกตัวหันไปหาคยองซู ซึ่งก็เห็นว่าอีกคนกำลังหลับอยู่ เขาสวมกอดคนตัวแห้งเอาไว้หลวมๆเพื่อป้องกันไม่ให้อีกคนรู้สึกอึดอัด
“ไอ้คยองซู มึงกำลังทำให้กูไขว้เขวนะ” ไขว้เขว มันก็แค่ไขว้เขวเท่านั้นแหละ แบคฮยอนสูดหายใจเข้าลึกแล้วหลับตาลง...
ในตอนเช้านี้บรรยากาศครึมฟ้าครึมฝนทำให้บริเวณรอบๆค่อนข้างจะอึมครึม แบคฮยอนเองในมือก็ถือร่มลวดลายหมีพูห์ของเขามาด้วย ยังไงก็คิดไว้แล้วละว่าวันนี้ฝนต้องตกแน่ๆ
“คยองซูมึงแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะไม่เอาผาพันคออะ”
“แน่ใจดิ โชว์ให้คนอื่นรู้ไปเลยว่ากู...”
“กูอะไร”
“เปล่าหรอก มึงไปเหอะ กูจะไปกับเพื่อนกูละ แล้วเจอกันตอนเที่ยงนะ เดี๋ยวกูโทรหา” คยองซูโบกมือหย็อยๆ แล้วเดินจากไป ส่วนแบคฮยอนก็มุ่งหน้าตรงไปที่ตึกเรียน เขาเองยังอยู่ในช่วงที่สภาพจิตใจบกพร่อง คล้ายกับว่าตัวเองพร้อมที่จะสติแตกได้ทุกเวลา
เรื่องที่คยองซูมาชอบเขาและบอกรักกันโต้งๆแบบนี้มันก็รู้สึกดีอยู่หรอก แต่ว่ามันก็แอบรู้สึกแย่อยู่เหมือนกัน ส่วนเรื่องที่เขาพยายามปกปิดก็คือเรื่องของเขากับคยองซูนี่แหละ เขาพยายามแล้วไม่ให้ลู่หานกับคริสจับได้ว่าทำอะไรกับคยองซูไปบ้าง แต่แล้วสุดท้ายสองคนนั้นก็รู้จนได้ แล้วเรื่องที่ยังคิดไม่ตกเลยก็คือเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่เขายังตัดใจจากเธอไม่ได้สักที แบคฮยอนไม่อยากทำตัวให้ความหวังคยองซูหรอก แต่ว่าเขาก็อยากลืมพี่ดาร่า แถมคยองซูเองก็ยังเสนอตัวจะช่วยให้เขาลืมผู้หญิงคนนี้ แบคฮยอนผิดรึเปล่าที่เลือกให้ตัวเองเจ็บน้อยลงโดยการรับคยองซูเข้ามาแทนพี่ดาร่า...
ช่วงพักกลางวันคยองซูก็โทรหาเขาอย่างที่ได้บอกไว้จริงๆ เสียงปลายสายร่าเริงจนน่าหมั่นไส้
“มึงอยู่ไหนวะแบค ตอนนี้กูอยู่ร้านอาหารร้านเดิมของเราแล้วนะเว่ย รีบมานะกูจะรอ”
“อ๋อ เออได้เดี๋ยวกูจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” แบคฮยอนไม่ได้ชวนเพื่อนรักของเขาอย่างลู่หานกับคริสมาด้วย เพราะเขาไม่อยากให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารของเขาต้องเต็มไปด้วยคำซักถามของไอ้เพื่อนรักทั้งสองคน แค่นั่งเรียนในคลาสมันยังแอบถามตอนอาจารย์เผลอเลย แล้วนี่ถ้าพาไปด้วยคงไม่ต้องดงไม่ต้องแดกมันแล้วแหละข้าว แม่ง สกิลการเสือกนับวันยิ่งอัพเลเวล
“เชี่ยแบค ทางนี้เว่ย” พอเดินเข้ามาถึงในร้านก็เจอกับคยองซูซึ่งหน้าหน้าสลอนอยู่ที่โต๊ะท้ายร้าน
“ถ้าจะเรียกดังขนาดนี้มึงเอาไมโครโฟนเลยไหมครับ”
“ก็กูกลัวมึงไม่ได้ยิน”
“กูไม่ได้หูหนวกนะเว่ย แล้วแม่งมึงสั่งของมากินบ้างยังวะ” พอกวาดตามองไปก็เห็นแค่น้ำเปล่าสองแก้วกับโต๊ะอาหารโล่งๆ
“ถ้ากูสั่งมากินมึงก็ต้องเห็นดิ นี่กูนั่งรอมึงมากินพร้อมกันไงกูเลยยังไม่สั่ง” จริงๆแล้วกูก็ถามมึงดีๆนะคยองซู แล้วทำไมมึงจะต้องตอบกวนตีน
“เออ ถ้างั้นก็สั่งของมากินเหอะ แต่กูขอร้องอย่างหนึ่งนะ มึงห้ามจ้องกูตอนกูกำลังกิน”
“เออ สัญญา” บทสนทนาบนโต๊ะอาหารยังมีออกมาเรื่อยๆจนคนในร้านเริ่มเยอะ นักศึกษามากหน้าหลายตาทยอยเข้ามากินอาหารภายในร้านกันด้วยใบหน้าหิวโหย บางคนนี่ทำหน้าหิวจนกล้าพูดได้เลยว่าถ้าแดกโต๊ะแทะเก้าอี้ได้มันก็คงจะทำไปแล้ว
จะว่าไปร้านอาหารในมหาลัยก็มีออกเยอะแยะ แต่ว่าทำไมโลกมันจะต้องกลมมากถึงขนาดนี้ว่าศัตรูหัวใจจะต้องโพล่มานั่งกินร่วมร้านเดียวกันกับเขา คยองซูเหลือบตามองซานดาร่าที่ควงแขนมากับผู้ชายคนใหม่ของเธอ รู้ไหมว่าทุกครั้งที่คยองซูต้องคอยให้กำลังใจแบคฮยอนให้มีแรงฮึดกลับไปจีบพี่ดาร่าใหม่ เขาเองแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย
“แบคฮยอนรีบกินเหอะ พอดีว่ากูมีธุระต้องไปทำต่อนะ”
“รีบไปไหนวะคยองซู กูยังไม่อิ่มเลยนะ” พูดพลางเคี้ยวข้าวตุ่ยๆ
“กูไม่อยากให้มึงอยู่แถวนี้เลยวะ มึงรีบกินรีบแดกให้มันหมดเหอะ” คยองซูภาวนาว่าไม่ให้แบคฮยอนหันกลับไปเจอกับพี่ดาร่าที่นั่งกระหนุงกระหนิงกับคู่ควงของเธอ
“ทำไมวะ” มึงไม่ต้องอยากรู้หรอกว่าทำไม แล้วมึงก็ช่วยรีบแดกหน่อยจะได้ไหมกูขอร้อง
“กูปวดขี้ไง กูอยากรีบไปเข้าห้องน้ำ”
“มึงดูแปลกๆนะคยองซิ มึงร้อนรนเหมือนกับจะหนีตำรวจอย่างนั้นแหละ”
“ก็....” แล้วแบคฮยอนก็หันควับกลับไปทันที สองมือที่ถือช้อนไว้อย่างมั่นคงต้อนนี้ถูกคลายออกมาจนช้อนส้อมหลุดลงตามแรงโน้มถ่วง คยองซูห้ามแบคฮยอนเอาไว้ไม่ทัน...
“แบคฮยอน มึงยังไหวไหม”
“............” เจอภาพบาดตาบาดใจถึงกับสตั๊นเลยสินะ คยองซูเองพอได้เห็นแบบนี้แล้วเขาก็รู้สึกปวดหนึบที่ใจไม่แพ้กัน เหมือนว่าใจของเขาเต้นช้าลงเมื่อแบคฮยอนหันใบหน้ากลับมาพร้อมกับดวงตาที่คลอน้ำอุ่นใส แบบนี้มันช่างชัดเจนเหลือเกินว่าแบคฮยอนยังคงรักพี่ดาร่าเหมือนเดิม
คยองซูเลื่อนมือไปจับหลังมือของแบคฮยอนเอาไว้เป็นเชิงปลอบ คยองซูเข้าใจความรู้สึกในตอนนี้ของแบคฮยอนได้ดี คงไม่มีใครหรอกที่อยากเห็นคนที่ตัวเองรักไปสวีทหวานอยู่กับคนอื่น
“แบคฮยอนมึงไหวรึเปล่า”
“ไหวดิ กูต้องลืมผู้หญิงคนนี้ให้ได้”
“มึงแน่ใจหรอว่ามึงจะตัดใจจากพี่ดาร่าได้จริงๆ”
“แน่ใจดิวะ ก็มึงบอกมึงจะช่วยกูให้ลืมพี่ดาร่าไม่ใช่หรอวะ”
“หึ แต่ก่อนที่มึงจะบอกว่ามึงตัดใจได้ มึงช่วยหยุดร้องไห้ก่อนจะได้ไหมวะแบคฮยอน”
“คยองซู...กูเจ็บวะ”
“มึงเจ็บ กูเจ็บกว่า” สองคนตกอยู่ในความเงียบ ภายในร้านเสียงดังไปด้วยผู้คนแต่เหมือนกับว่าทั้งแบคฮยอนและคยองซูนั้นได้แยกตัวไปอยู่ยังอีกโลกหนึ่งแล้ว โลกที่เงียบและไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ
แบคฮยอนไม่หันหลังกลับไปมองหญิงสาวที่เขารักเลยหลังจากที่เห็นว่าเธอมากับผู้ชายคนอื่น เขานั่งเงียบอยู่อย่างนั้น จะนั่งอยู่จนกว่าสองคนนั้นจะเดินหายออกไปจากร้าน
“ไอ้แบค มึงจะเข้าเรียนต่อไหม”
“ไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนเลยวะ”
“แต่ว่า... มึงควรจะแยกแยะนะเว่ย ระหว่างเรื่องความรักกับเรื่องการเรียน ถ้ามึงเอามาปนกันแบบนี้มันจะเป็นผลเสียกับตัวมึงเองนะเว่ย กลับไปเข้าเรียนเหอะกูขอร้อง”
“ถ้ามึงห่วงเรียนนักมึงก็กลับไปเรียนเหอะ กูอยู่คนเดียวได้” คนที่ใส่ใจในการเรียนแบบแบคฮยอนนะหรอจะพูดประโยคนี้ออกมา คยองซูทึ่งที่ผู้หญิงเพียงแค่หนึ่งคนจะสามารถทำลายแบคฮยอนคนเก่าของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ แบคฮยอนที่ยิ้มเก่ง ไม่ท้อ ไม่เคยร้องไห้ แต่ซานดาร่าทำให้แบคฮยอนกลายเป็นคนอ่อนแอ
แค่ผู้หญิงคนเดียวทำไมแบคฮยอนถึงตัดใจไม่ได้ ... แต่คยองซูเองก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่ แต่ความรักของคนคนหนึ่งที่มีให้คนอีกคนนั้นมันยิ่งใหญ่มาก ก็เหมือนกับเขาไง แค่แบคฮยอนคนเดียวทำไมถึงตัดใจไม่ได้ คยองซูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน หลายครั้งแล้วที่เขาคิดจะทิ้งผู้ชายที่ชื่อแบคฮยอนแล้วหนีไปอยู่ไกลๆ อยากจะโกรธมากๆจนมองหน้าไม่ติด แต่คยองซูไม่เคยทำมันสำเร็จเลยสักครั้ง เครื่องหมายคำถามที่วิ่งวนชนกันอยู่ในหัวนั้น มีเพียงคำตอบเดียวที่สะท้อนดังกึกก้อง คยองซูรักแบคฮยอน
“ถ้าอย่างนั้นกูว่าเราไปดูหนังกันดีกว่า” คยองซูยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน เขาเดินไปหาแบคฮยอนแล้วดึงแขนอีกคนให้ลุกตามออกมา แต่แบคฮยอนก็ยังฝังก้นติดกับเก้าอี้ไม่ยอมลุก
“พี่ดาร่าเขากลับไปแล้ว ถ้าไม่เชื่อมึงก็หันกลับไปมองดิ” เมื่อหันกลับไปเห็นร้านที่ร้างลาผู้คนแบคฮยอนจึงยอมลุกจากเก้าอี้ คยองซูเดินนำแบคฮยอนออกมาโดยที่ยังคงจับแขนแบคฮยอนเอาไว้ก่อนจะค่อยๆเลื่อนมันต่ำลงจนนิ้วมือสอนประสานกัน
“ห้ามปล่อยมือนะแบคฮยอน”
“หลอกแต๊ะอั๋งกูอีกแล้วสิมึง”
“ไอ้บ้า” คนทั้งสองเดินตามฟุตบาทในมหาลัยไปเรื่อยๆ แบคฮยอนสติหลุดไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ ส่วนคยองซูก็เดินก้มหน้าก้มตา แบคฮยอนลืมไปแล้วรึไงว่ายังมีคยองซูอยู่อีกทั้งคน
“แบค...”
“หือ?”
“เมื่อไรจะลืมพี่ดาร่าวะ”
“มึงถามทำไม กูไม่มีคำตอบให้มึงหรอก” ขอให้ประโยคนี้เป็นประโยคสุดท้ายของการสนทนา คยองซุจะไม่ถามอะไรอีกแล้ว เพราะคำตอบที่เขาได้ยิน มันมักจะบาดลึกจนเขาหาคำอธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก อยากจะร้องไห้แล้วทรุดตัวลงกับพื้นแข็งๆ แต่ก็ทำไม่ได้ คยองซูสูดหายใจเข้าลึกแล้วบีบมือแบคฮยอนให้แน่นกระชับ จะต้องเจ็บแค่ไหนคยองซูก็จะไม่มีวันปล่อยมือไปจากแบคฮยอน
สองเพื่อนยืนจอดสนิทอยู่ที่หน้าโรงภาพยนตร์ คยองซูไล่สายตาดูรายชื่อหนังที่เข้าฉาย หลายเรื่องจนเลือกไม่ถูก ครันจะหันไปขอความเห็นจากแบคฮยอน อีกคนก็กำลังสไลด์ไอโฟนในมืออยู่ โปรแกรมสีเขียวๆที่คยองซูแอบเห็นนั้นก็คงไม่วายว่าแบคฮยอนกำลังเล่นไลน์อยู่กับใครสักคน
“คยองซู กูอยากดูเรื่องนั้น” นิ้วมือยาวชี้ไปที่โปสเตอร์หนังรักโนเมนติก
“มึงเปลี่ยนรสนิยมมาชอบหนังแต๋วๆแบบนี้แล้วหรอวะ”
“เอาเหอะน่า กูอยากดู” แบคฮยอนคะยั้นคะยอให้คยองซูพาไปดูหนังรักที่เพิ่งเข้าฉายได้ไม่นาน จริงๆแล้วการที่เขาเดินจูงมือแบคฮยอนไปซื้อตั๋วดูหนังรักมันก็ติดจะเขินๆอยู่นะ
“แบค มึงไปซื้อดิ”
“มึงเป็นคนชวนทำไมมึงไม่ไปซื้อละ หรือว่าไม่มีตังค์”
“มะ..ไม่ใช่ แต่คือ”
“เขินหรอ ถ้างั้นก็ปล่อยมือกูดิ มึงเดินจับมาตลอดทางมึงไม่เมื่อยรึไง”
“โอเค ถ้าปล่อยมึงต้องไปซื้อตั๋วนะ” คยองซูแก้มซับสีเลือดจางๆ คือกูเขินครับ เขินทำเชี่ยอะไรก็ไม่รู้
“ไปด้วยกันเหอะ ลีลานักนะมึง”
“เดี๋ยวดิ” แบคฮยอนไม่ฟัง เขาจูงมือคยองซูมาซื้อตั๋วด้วยใบหน้านิ่งๆ ผิดกับคยองซูที่ก้มหน้าจนคางแทบจะชิดอก
“มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย”
“เปล่านิ กูสบายดี”
“เขินก็บอกว่าเขินดิ อย่ามาทำตัวน่ารักเหอะ คนเขามองมึงกันใหญ่แล้ว” เมื่อจ่ายเงินเสร็จสรรพก็ลากตัวคยองซูให้เดินออกมานั่งรอที่เก้าอี้หน้าโรง
“คยองซูกูขอโทษที่งี่เง่า”
“กูก็ไม่ได้ว่าอะไรมึงสักหน่อย”
“ที่มึงถามกูว่าเมื่อไรกูจะลืมพี่ดาร่าได้อะ มึงคงต้องถามตัวเองแล้วแหละว่ามึงจะเจ๋งพอที่จะทำให้กูลืมพี่เขาได้รึเปล่า”
“แต่ถ้ามึงไม่ให้ความร่วมมือ กูก็จนปัญญาที่จะอ่อยมึงแล้วนะ”
“โห นี่มึงใช้คำว่าอ่อย”
“เอ้า ก็กูอ่อยจริงๆอะ ถ้าไม่กัดปากยั่วมึง มึงจะเอากูปะ”
“เหยเหี้ย ทุเรศวะแม่ง” คยองซูยิ้มกว้างแล้วส่งกำปั้นไปทุบแบคฮยอนหลายต่อลายครั้ง ทีมึงบ้ากามใส่กูตั้งหลายครั้งกูยังไม่บ่นเลย
“พอเหอะ เข้าโรงได้ละแม่ง คุยอะไรกันก็ไม่รู้” คนพูดทำหน้าเฉไฉ แบคฮยอนเห็นแบบนั้นก็หลุดยิ้มออกมา ถึงจะเป็นแค่ยิ้มบางๆก็ตามที...
เส้นทางเดิมที่คนทั้งสองเคยมาด้วยกัน ตามถนนที่ลัดเลาะไปยังริมแม่น้ำที่แบคฮยอนเคยไปโยนหิน แสงไฟสีส้มจากท้องถนนสาดใส่หน้าคนทั้งคู่เมื่อรถเคลื่อนผ่านเสาไฟฟ้า เหมือนเป็นภาพที่กรอกลับมาในความทรงจำ แบคฮยอนเกาะกระจกหน้าต่างมองดูถนนที่มีรถขับสวนผ่านไปมา
“ไม่อยากมาใช่ไหมละ”
“ใช่ ไม่อยากมาเลยสักนิด” คยองซูเองก็ไม่อยากมาหรอก แต่ที่เขามาที่นี่ก็เพื่อที่จะล้างความทรงจำเก่าๆออก แล้วแทนที่สิ่งใหม่ลงไป ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะกระโดดลงน้ำลงไปงมหินของแบคฮยอนขึ้นมาคืนด้วยซ้ำไป
“กูมีหลายเรื่องที่อยากจะบอกมึงนะแบคฮยอน”
ผืนน้ำนิ่งสงบกับบรรยากาศยามค่ำคืน หลังจากดูหนังเสร็จคยองซูก็พาแบคฮยอนไปกินนู่นกินนี่จนพุงแทบแตก และสุดท้ายก็มาปิดฉากวันเศร้าๆด้วยสถานที่แห่งนี้
“มึงมีอะไรจะบอกกูหรอ”
“กูนับเรื่องไม่ถูกหรอกนะ แต่ว่าถ้าจะให้พูด พูดยันเช้าของอีกวันก็พูดไม่หมด”
“สเต็ปความโอเวอร์ของมึงนี่ยังคงเส้นคงวาเหมือนเดิมเลยนะ”
“ไม่ล้อเล่นแล้วนะ ที่จะบอกอะมีอยู่เรื่องเดียว” คยองซูเอียงคอมองแบคฮยอนด้วยสายตาของเด็กน้อย และเมื่ออีกคนได้สบเข้ากับดวงตากลมโตคยองซูก็เริ่มขยับปากพูด
“มึงเคยถามใช่ไหมว่าแหวนวงนี้กูได้มาจากไหน กูซื้อมาเอง แต่มันไม่สำคัญหรอกว่ากูจะซื้อเองหรือใครจะซื้อให้ มันสำคัญที่ว่ากูใส่มันทำไมต่างหาก”
“แล้วมึงใส่ทำไมละ”
“มีความเชื่อหนึ่งที่บอกว่าถ้าเราใส่แหวนไว้ที่นิ้วขี้ข้างซ้าย คนที่เราแอบชอบเขาจะหันมามองเราบ้าง”
“แล้วได้ผลไหมละ?”
“ก็ไม่รู้สิว่าคนที่กูแอบชอบอยู่ป่านนี้เขาจะรู้ตัวรึยังว่ากูชอบ”
“อ๋อ กูจำได้ละ ที่มึงพูดแบบนี้แสดงว่ามึงกำลังจะบอกใช่ไหมว่ามึงแอบชอบใคร”
“ไอ้แบคฮยอน มึงชิงควายมาเกิดหรอวะ”
“อ้าว แล้วมึงมาด่ากูทำไมเนี่ย”
“กูชอบมึงเนี่ย ชัดเจนรึเปล่า”
“หะ..ว่ายังไงนะ” แบคฮยอนขมวดคิ้ว เขาเอียงคอลงมาฟังคยองซูพูดใกล้ๆ
“ไอ้แบค...”
“พูดใหม่ดิ เมื่อกี้ได้ยินไม่ชัด”
“กูชอบมึง”
“หะ...”
“พ่อมึงตาย” ชัดเต็มๆสองรูหูเลยสิไอ้เวร
“แรงวะแม่ง แล้วนี่ตกลงมึงจะชอบกูหรือรักกู เอาให้มันแน่นอนสักอย่างสิ”
“จะชอบหรือรักมันก็คือความรู้สึกดีๆที่กูมีให้มึงนั่นแหละ” คยองซูยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยแก้เขิน นี่เขารุกมากเกินไปรึเปล่า อายจัง...
“ถ้ามีหินให้โยนอีกก้อนหนึ่ง มึงจะตะโกนชื่อใครวะ”
“กูจะตะโกนชื่อของมึงให้ดังจนคนทั้งโลกตื่นเลย” คยองซูตอบ
“ขอบคุณนะเว่ยคยองซู ขอบคุณที่มึงดีกับกูขนาดนี้ มึงคือ...” คยองซูเอื้อมมือไปแตะปากแบคฮยอนเอาไว้ กูรู้นะมึงจะพูดอะไร ได้โปรดอย่าทำลายบรรยากาศอันสวยงามด้วยคำว่าเพื่อน
“กูคือเมียที่ดีที่สุดของมึง” เปลี่ยนเป็นคำนี้น่าจะโอเคกว่านะว่าไหม ?
TBC
บอกว่าเร็วๆนี้ทีไร ล่อไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆทุกทีสิครับ แหม่..
เรื่องกำลังไปได้สวยเลยนะ อยากให้ติดตามชื่นชมความหวานของแบคฮยอนกับคยองซู
แต่บอกตรงๆว่ามันเป็นความรักที่หน่วงเหลือเกิน...
ความคิดเห็น