คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : CHAPTER :: XXXXXXXXXX
X
แบคฮยอนเดินลงมาจากตึกคณะด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ตลอดสองสามวันมานี้เขาเงียบมากจนอาจารย์ต้องเอ่ยปากถามถึงสาเหตุที่ทำให้แบคฮยอนไม่ยอมพูดไม่ยอมไม่จากับใคร ในสมองที่มึนตึงขาวโพลนไปหมดจนเหมือนคนที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อาจจะเป็นเพราะเรื่องเมื่อสามวันก่อน เลยทำให้เขาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ร่างเพรียวลมเดินวืดๆเหมือนไม่มีชีวิตชีวา อยากจะล้มลงให้หน้าทิ่มพื้นแล้วนอนตายอยู่หน้าตึกเสียจริงๆ
“เตี้ยเป็นไร” ลู่หานกับคริสเพื่อนสนิทตัวแสบที่เดินตามอยู่ห่างๆเร่งฝีเท้าเข้ามาหาแบคฮยอนที่ตอนนี้ได้หย่อนก้นลงไปนั่งที่ม้าหินอ่อนแล้วเรียบร้อย คนถูกถามนอกจากจะไม่ตอบแล้วยังฟุบหน้าลงโต๊ะ
“เอ้า ไอเชี่ยนี่ กูถามแล้วยังทำเมิน” ลู่หานยื่นหนังสือในมือให้คริสถือไว้แล้วจัดการเขย่าร่างของแบคฮยอนอย่างแรง แค่ผู้หญิงเขาไม่รับรักมึงทำยังกับจะเป็นจะตาย
“ไอ้แบคฮยอน มึงอย่ามาทำตัวเหมือนผู้หญิงแบบนี้นะเว่ย ลูกผู้ชายมีไรก็พูดกันไปเลยใจๆ อย่ามากระแดะสำออยฟุบหน้าหลบกู ลุกขึ้นมา!!”
“ไอ้ลู่แม่ง...” ในที่สุดแบคฮยอนก็ยอมลุกกลับมานั่งตามเดิม ลู่หานเลยจัดการมอบความรักจากฝ่ามือไปให้หนึ่งดอก
“เรื่องเดิมใช่ไหม”
“เออ...” คริสยืนหน้างง ทั้งๆที่เขาเองก็เสือกเรื่องของแบคฮยอนมาโดยตลอดแต่ตอนนี้เขาเองก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าลู่หานกับแบคฮยอนกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“เรื่องอะไรวะมึง เรื่องพี่ดาร่าหรือเรื่องคยองซู” คริสถาม
“ก็เรื่องเจ้แซนนั่นแหละ แม่งลีลาชิบหาย ไอ้แบคตามจีบตามหยอดขนาดนี้แม่งยังเมิน ฮึ่ย เดี๋ยวกูแม่งบุกไปโปะยาสลบแล้วลากมาให้มึงซั่มเลยดีไหมวะ” ความคิดอุบาทว์ๆหลุดออกจากปากของผู้ชายหน้าตาน่าเอ็นดู ลู่หานคิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้น แต่บางครั้งหุบปากมึงบ้างก็ได้ครับเพื่อน
“ทำแบบนั้นจากที่เขาไม่รักอยู่แล้วคงจะกลายเป็นเกลียดขี้หน้ากูเลยนะสิ” แบคฮยอนพูดตัดพ้อ
“ทำไมมึงไม่รักคนที่เขารักมึงวะ” คริสทรุดตัวลงนั่งข้างๆแบคฮยอน มือใหญ่ๆตบหลังเพื่อนเพื่อหวังว่าจะทำให้อีกคนรู้สึกฮึดฮัดขึ้นมาบ้างไม่ใช่มานั่งเหี่ยวเป็นไก่งวงแบบนี้
“ไหนละคนที่รักกู นอกจากพวกมึงสองคนแล้วก็คยองซู มีแต่เพื่อนกันทั้งนั้นอะ”
“เหมือนมึงจะมองข้ามคยองซูนะไอ้แบคฮยอน” ลู่หานพูดลอยๆ
“อย่าพูดแบบนี้ดิวะ กูกับมันเป็นเพื่อนกัน แล้วกูก็ไม่คิดจะจับเพื่อนมาทำเมียด้วย” ถ้าไม่จำเป็นอะนะ
“เอ้อ แล้วแต่มึงละกัน แต่กูบอกอะไรไว้อย่าง ถ้ามึงยังหน้าโง่ปล่อยให้คนที่โคตรรักมึง เขาหมดรักมึงนะ พอถึงวันนั้นอะมึงเองนั่นแหละที่จะเสียใจ เสียใจที่ตลอดเวลามึงมัวแต่วิ่งไล่ตามพี่ดาร่าโดยที่มึงไม่เคยหันกลับมามองเลยว่ามีใครบางคนกำลังไล่ตามมึงอยู่เหมือนกัน”
“ลู่หาน... มึงแอบชอบกูปะเนี่ยสัด” แบคฮยอนขยับตัวหนีมานั่งเบียดคริส เห็นลู่หานพูดเป็นการเป็นงานแบบนี้แล้วเขาขนลุก ไม่ใช่เพราะตะลึงหรอกแต่เพราะสยองมากกว่า ทฤษฎีของเสี่ยวลู่หานไม่เคยเหมือนคนอื่น ตั้งแต่ทฤษฎีจับผิดผัวมีเมียน้อยแล้ว ก็เพราะเขาตามไปแอบดูคยองซูตามที่ลู่หานบอกนี่แหละ ชีวิตเขาถึงได้สับสนวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ พยายามคิดแล้วนะว่าตัวเองไม่เคยรู้สึกอะไรกับคยองซูเกินคำว่าเพื่อน แต่ตอนนี้มันก็เริ่มจะสั่นคลอนบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังขอยืนยันคำเดิมนะว่าเขารักพี่ดาร่ามากจริงๆ
“อ๋อหรอ ไม่คิดอะไรใช่ปะ ถ้างั้นดูนี่” ลู่หานเลียริมฝีปากแล้วควักไอโฟนขึ้นมาจากกระเป๋า นิ้วยาวๆจิ้มไปจิ้มมาแล้วจากนั้นก็จัดการยื่นมาให้แบคฮยอนดู ภาพที่จอแก้วราคาแพงกำลังแสดงอยู่คือภาพของ คยองซู กับ…
“จงอิน”
“เยส จงอินที่ฮ็อตสุดในช่วงนี้ เห็นดำๆแบบนี้แต่คงมีดีอะ พวกผู้หญิงงี้เดินผ่านมันทีนี่แทบจะถลาเข้าไปกอด”
“ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับกูเลยนี่หว่า” อันที่จริงแบคฮยอนไม่ชอบขี้หน้าไอ้เด็กคนนี้ตั้งแต่วันนั้นแล้วแหละ วันที่จงอินมาชวนคยองซูเพื่อนของเขาไปกินข้าวเย็น แล้วทีนี้เป็นไงละ...
“แหมๆ มึงไม่รู้จริงหรือว่าแกล้ง ตลอดสองสามวันที่มึงทำตัวเหี่ยวเฉาอะ ไอ้เด็กดำมันก็เทียวตามจีบคยองซูเพื่อนมึงทุกวันเลยนะ สามวันนี้ไม่รู้มันทำคะแนนล้ำหน้ามึงไปกี่แต้มแล้ว”
“คยองซูมันไม่เคยบอกกู” ใช่ โด คยองซูไม่เคยปริปากบอกอะไรแบคฮยอนสักอย่าง ขนาดโดนมันหลอกไปเมื่อครั้งที่แล้วซะขนาดนั้น ยังไม่ยอมจำอีกหรือไงว่าใครเป็นสาเหตุที่ทำให้มันต้องคอยเข้าไปบริหารข้อมือในห้องน้ำทุกคืนแบบนั้น
“เพราะความสำคัญของมึงเริ่มลดลงแล้วไง” ลู่หานเก็บไอโฟนกลับมาคืนแล้วยักไหล่ อันที่จริงที่พูดแบบนี้ก็เพราะอยากให้แบคฮยอนได้ลองทบทวนหัวใจตัวเองดูบ้าง เพราะเขากับคริสมองปราดเดียวก็ดูออกแล้วว่าคยองซูแม่งชอบแบคฮยอน แต่ไอ้แบคฮยอนเพื่อนรักก็ยังคงทำตัวเป็นพระเอกอินโนเซ้นส์ไม่รับรู้ถึงความรู้สึกของคยองซูเลยสักนิด ถ้าคยองซูจะโดนจงอินคาบไปแดกเขาก็จะไม่แปลกใจเลยว่าทำไม
“ก็ดี ถ้ามันมีผัวเป็นตัวเป็นตนมันจะได้ย้ายออกไปจากหอสักที ตอนนี้กูอยากอยู่คนเดียวมากกว่า”
“ถ้าคยองซูไปจริงๆ อย่าให้กูรู้ก็แล้วกันว่ามึงไปคุกเข่าขอร้องให้เขาอยู่ต่ออะ” ลู่หานยังไม่หยุด
“ไม่มีทาง ถ้ามันอยากไปกูจะไม่รั้งเลยแม้แต่คำเดียว” คริสสะกิดไหล่แบคฮยอนให้หยุดพูดแล้วหันไปมองว่าใครกำลังยืนอยู่ ลู่หานหัวเราะในลำคอแล้วแกล้งทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้
“เห้ย ไอ้ลู่ ทำไมมึงไม่บอกเชี่ยแบควะว่าคยองซูแม่งยืนอยู่”
“กูไม่บอกหรอก ปัญหาครอบครัวให้มันเคลียร์กันเอง ปะ มึงกับกูอะไปได้แล้ววันนี้งดเสือกหนึ่งวัน” ลู่หานลุกขึ้นแล้วจิกหัวเพื่อนตัวสูงให้ลุกตามออกมาทันที เออ.. ไอ้เวร มาทิ้งระเบิดไว้แล้วก็มาชิ่งหนีกูแบบนี้หรอ แบคฮยอนเริ่มตกอยู่ในสถานการณ์ทำตัวไม่ถูก ก็ไอ้ตอนพูดเขาไม่ทันคิดนี่ว่าคยองซูมันจะมายืนอยู่แถวนี้ด้วย
“คยองซูคือมึง...”
“กูแค่จะแวะมาบอกมึงว่าวันนี้กูจะกลับกับจงอิน” พูดจบคยองซูก็ตัดบทแล้วเดินหนีไปอีกทาง เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าจะได้ยินแบคฮยอนพูดจาผลักไสไล่ส่งเขาแบบนี้
“เห้ย มึงจะทิ้งให้กูกลับคนเดียวหรอวะ” แบคฮยอนเดินมาคว้าแขนของอีกคนเอาไว้ได้ทัน แล้วสิ่งที่ทำให้คนที่ปากพล่อยถึงกับใจแป้วก็คือคยองซูตีหน้านิ่งใส่แบคฮยอนจนเขาเองแอบใจหาย
“ทำไมจะทำไม่ได้ ทีมึงยังทิ้งให้กูกลับคนเดียวได้เลย” คยองซูสะบัดแขนออกแล้วรีบวิ่งไปหาจงอินซึ่งจอดรถรออยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของถนนภายในมหาวิทยาลัย แบคฮยอนเห็นแบบนั้นก็เบือนหน้าหนี
“ใช่สิ มึงได้ขึ้นรถสวยๆนั่งสบายๆกลับมันก็ต้องดีกว่าเดินกลับจนขาลากกับกูอยู่แล้ว”
สองวันแห่งความอึดอัด ตั้งแต่วันที่คยองซูวิ่งหนีเขาไปเมื่อครั้งที่แล้ว พอกลับมาถึงหอคยองซูก็ไม่พูดไม่จาอะไรกับแบคฮยอนอีกเลย แถมยังมีจงอินคอยไปรับไปส่งอีกต่างหาก แบคฮยอนเกลียดการที่ต้องอยู่ในห้องด้วยกันสองคนแต่ความรู้สึกเหมือนกับว่าในห้องนี้มีเขาอยู่คนเดียว ยอมรับก็ได้ว่าวันนั้นที่พูดว่าอยากอยู่คนเดียวก็เพราะว่าไม่ทันเห็นว่าคยองซูยืนอยู่ เอาละวันนี้แบคฮยอนจะไม่ทน!!
“คยองซูมึงจะไปไหน”
“กินข้าวเย็น”
“งั้นรอกูด้วยดิ กูไปด้วย”
“ไม่ได้วะ กูจะไปกับจงอิน” คยองซูหมุนลูกบิดแล้วเดินตรงไปที่บันไดทางลง แบคฮยอนขมวดคิ้วแน่นแล้วรีบวิ่งตามออกมา
“กูไม่ให้มึงไป” คนที่กำลังเดินอยู่พอได้ยินเสียงตะโกนห้ามของแบคฮยอน เขาก็หยุดชะงักเท้า แบคฮยอนเลยใช้โอกาสนี้เดินดุ่มๆเข้าไปหาคยองซูแบบไม่รีรอ
“อย่าไปเลยนะคยองซู มันอาจจะหลอกมึงอีกก็ได้”
“กูยอมให้จงอินหลอกดีกว่าต้องอยู่กับคนที่เขาไม่อยากให้กูอยู่ด้วย”
“มึงหมายถึงกูรึเปล่า”
“ก็แล้วมันจริงไหมละแบคฮยอน”
“................” คยองซูถอนหายใจฮึดฮัดแล้วทำท่าจะเดินต่อ แต่ก่อนที่จะได้เดินต่อไปอ้อมแขนอุ่นๆก็โอบรัดร่างของเขาเอาไว้จากด้านหลังซะก่อน แผงอกอุ่นร้อนแผ่ซ่านไปทั่วทั้งแผ่นหลังของคยองซู
“ถ้ากูขอโทษจะทันไหมวะคยองซู” แบคฮยอนกระชับอ้อมกอดแน่น นี่ฝันอยู่รึเปล่า เขากำลังขอร้องไม่ให้คยองซูทิ้งเขาไปไหนอีก อย่าไปได้ไหมวะ ไม่มีมึงกูเหงาจริงๆนะ...
“อย่ารั้งกูเลยแบคฮยอน.....”
“...................”
“ปล่อยให้กูไปเถอะ”
“ไม่เอาไม่ปล่อย มึงจะหนีกูไปไหนกูรู้นะว่ามึงโกรธกู นี่กูก็กำลังขอโทษมึงอยู่ไง มึงหายโกรธกูไม่ได้หรอวะ กูรู้ว่ากูผิดที่พูดไม่คิดแบบนั้น มึงไม่ไปไม่ได้หรอวะคยองซู...”
“ไม่ได้”
“...................”
“กูแค่จะไปกินข้าวมึงจะห้ามกูทำไมวะ เนี่ยกูหิวจนจะแดกหัวมึงได้แล้วนะ”
“งั้นก็แดกกูเลยก็ได้ เพราะยังไงกูก็ไม่ยอมให้มึงไปกับจงอินอะ”
“มึงจะมาห้ามอะไรตอนนี้ กูไปไหนต่อไหนกับจงอินมาตั้งหลายที่แล้ว”
“มันไว้ใจได้หรอคยองซู”
“กูคิดว่าครั้งนี้จงอินจะไม่หลอกกูซ้ำสองอีก รู้แบบนี้ก็ปล่อยกูได้แล้ว กูจะไป กูหิว”
“ไม่เอา ไม่ปล่อย” แบคฮยอนรัดร่างเล็กของเพื่อนเอาไว้แน่นเพื่อยืนยันว่ายังไงก็จะไม่ปล่อย
“ถ้างั้นก็ไปหาข้าวให้กูกินด้วยละกันกูจะกลับเข้าไปรอในห้อง”
“ได้ แต่มึงสัญญาไหมว่าถ้ากูกลับมามึงจะต้องยังอยู่ในห้อง”
“ปัญญาอ่อน เออ.. กูสัญญาก็ได้เร็วๆนะเว่ย” แบคฮยอนจึงค่อยๆคลายอ้อมแขนออก จากนั้นคยองซูก็กระทุ้งข้อศอกใส่อีกคนแล้วเดินสะบัดตูดกลับเข้าห้องไปตามที่สัญญา ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของแบคฮยอนแล้วละว่าจะติดเทอร์โบเดินไปซื้อข้าวให้คยองซูได้เร็วทันใจคนในห้องแค่ไหน
ทำไม ทำไมเขาต้องทำอะไรขนาดนี้ด้วย เพียงเพราะแค่ว่าไม่อยากให้คยองซูไปกับจงอิน คนอย่างแบคฮยอนถึงกับยอมลงทุนเดินไปซื้อข้าวมาประเคนให้คยองซูถึงที่ และด้วยความกลัวว่าคยองซูจะหนีไปเขาเลยรีบจัดการทุกอย่างให้เสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว เพียงไม่นานแบคฮยอนก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมาที่ห้องพัก
“มึงไปซื้อข้าวหรือไปอาบน้ำมาจากไหนวะ เหงื่อท่วมเลยนะสัด”
“กูกลัวมึงจะหนีกูไป”
“แล้วทีตอนไล่กูละ มึงคิดถึงใจกูบ้างหรือเปล่า”
“ไม่คิด ก็ขอโทษแล้วไง”
“หรอ...”
“เห้ย คยองซูมึงอย่ากวนตีนดิ กูไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อนเลยนะ กูกลัวมึงหนีกูไปจริงๆนะ”
“แบคฮยอน มึงก็รู้ว่ากูจะไม่มีวันทำแบบนั้น กูไม่มีวันทิ้งมึง” คยองซูปรับโทนเสียงจริงจัง สองคนมองหน้ากันเหมือนไร้ซึ่งคำพูดใดๆที่จะพูดออกมา แบคฮยอนจุกเมื่อได้เห็นและได้ยินสีหน้าและคำพูดของคยองซูในตอนนี้ เพราะมันคือเรื่องจริงมาโดยตลอด คยองซูก็ไม่เคยทิ้งเขาไปไหน...
“กูขอโทษ”
“ขอโทษอะไร มึงทำอะไรผิดหรอ มาๆ เอาข้าวมาให้กูเร็วๆกูหิว” คยองซูแกล้งทำเป็นยื่นมือมารับข้าวแล้วปรับสีหน้าให้ร่าเริง คยองซูรู้ดีว่าแบคฮยอนกำลังรู้สึกผิด และบรรยากาศมันจะน่าอึดอัดมากถ้าหากแบคฮยอนเงียบ จะกี่ครั้งที่ถูกแบคฮยอนพูดกรีดหัวใจ คยองซูเองยอมรับว่าโกรธ แต่ความโกรธนั้นจะหายไปเสมอเวลาที่เห็นหน้าแบคฮยอน ถ้าลองได้รักใครมากๆแล้วต่อให้เขาจะทำผิดอีกกี่ครั้งก็พร้อมจะให้อภัยเสมอ แม้ตัวเองอาจจะต้องร้องไห้จนสำลักน้ำตาเลยก็ตาม
“มึงไม่เคยทิ้งกูจริงๆนั่นแหละ มีแต่กูที่ทิ้งมึง”
“หยุดพูดเหอะ ถ้ามึงทิ้งกูนะป่านนี้มึงคงไม่มายืนขอโทษกูแบบนี้หรอก กูไม่โกรธมึง โอเครึยัง?”
“จริงๆหรอวะคยองซู”
“โกหกแล้วมึงจะสูงขึ้นหรอ”
“กวนตีนสัด มึงรีบแดกข้าวเลยนะแล้วกูจะไปอาบน้ำ วันนี้กูจะพามึงออกไปเที่ยว” คยองซูถึงจะยังงงกับคำพูดของแบคฮยอนแต่ก็รีบกินข้าวตามที่อีกคนบอก ไปเที่ยวหรอ..? สองทุ่มเนี่ยนะ...
บนถนนยามค่ำคืนถึงจะไม่ค่อยเงียบสงบเท่าไรแต่มันก็ยังรู้สึกว่าเบาสบายกว่าถนนตอนกลางวัน ค่ำขนาดนี้แล้วคงไม่มีธุระเร่งด่วนอะไรต้องออกไปทำ แสงไฟสีส้มตามท้องถนนสาดใส่ใบหน้าของแบคฮยอนทุกครั้งที่รถเคลื่อนผ่านเสาไฟฟ้า แบคฮยอนโบกแท็กซี่พาคยองซูออกมาข้างนอกในยามวิกาล เขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าจะออกไปไหนแต่ก็แค่อยากจะพาคยองซูออกมาเที่ยวด้วยกันบ้าง
“แบคฮยอนมึงไม่เอาโทรศัพท์มึงมาเล่นด้วยหรอวะ”
“มึงบอกเองไม่ใช่รึไงว่าไม่ชอบเห็นกูเล่นโทรศัพท์ กูจำได้นะว่าวันนั้นมึงพูดว่าอะไร”
“อะ..ไอ้แบคมึงไม่ต้องพูดเลยนะ”
“กูรู้แล้วน่าว่าโทรศัพท์กูมันครางไม่ได้เหมือนมึง” แบคฮยอนยักคิ้วกวนเลยทำให้โดนทุบหลังดังอั่ก เชี่ยแม่ง..มือหนักยังกะตีน
“กูเจ็บนะเว่ย”
“ก็มึงอยากล้อกูทำไมละ”
“ประโยคแม่งตรึงใจชิบหาย วันหลังกูยืมไปเล่นบ้างได้ปะวะ” เขาหัวเราะเสียงดัง
“ถ้าพูดอีกกูจะโกรธมึงแล้วนะ หยุดรื้อฟื้นสักที วันนั้นกูไม่ได้ตั้งใจพูดสักหน่อย” บนเบาะหลังของรถแท็กซี่คยองซูกับแบคฮยอนกำลังทุบตีกันไปมา เสียงดังตุบตับทำให้เจ้าของรถซึ่งขับแท็กซี่อยู่ไม่อยากจะหันไปห้าม ชายวัยกลางคนทำได้แค่ยิ้มกับภาพที่เห็น น่าเอ็นดูเหมือนหมากับแมวกำลังกัดกันไม่มีผิด
“ขอบบคุณนะครับที่มาส่ง” คยองซูจ่ายเงินเสร็จแล้วก็ไม่ลืมจะขอบคุณลุงคนขับ เจ้าของรถส่งยิ้มกลับมาให้ด้วยท่าทางเป็นมิตร สายตาอบอุ่นจ้องมองไปยังแบคฮยอนกับคยองซูที่ยืนคู่กันอยู่ ชายวัยกลางคนเอี้ยวตัวไปหยิบอะไรสักอย่างที่ลิ้นชักรถก่อนจะส่งมาให้กับคนทั้งสอง เป็นหินสีขาวก้อนขนาดพอดีมือ
“เขาว่ากันว่าถ้าเอาหินนี้มาแนบที่หัวใจแล้วพูดชื่อคนที่เรารักออกมาดังๆ ความรักจะสมหวัง”
“แค่นี้หรอครับ” คยองซูดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ
“จากนั้นก็โยนลงแม่น้ำไป ลุงก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันจะจริงไหม หนูสองคนก็ลองดูก็แล้วกัน เผื่อความรักจะไปได้สวย เป็นแฟนกันก็ดูแลกันดีๆ อย่าทะเลาะกันบ่อยละ” ลุงคนขับยิ้มให้ทั้งสองครั้งสุดท้ายก่อนจะเคลื่อนรถขับออกไปจนหายลับตา แบคฮยอนจ้องมองหินในมือด้วยความประหลาดใจ เขาเป็นคนไม่ค่อยเชื่ออะไรพวกนี้อยู่แล้วก็เลยไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมาก ผิดกับคยองซู....
“มึงตื่นเต้นอะไรหนักหนาวะ”
“มึงก็รู้ว่ากูชอบเรื่องแบบนี้ขนาดไหน น่าลองดีนะกูว่า”
“มึงมีคนที่รักแล้วรึไง” คยองซูเขินจนแก้มแดง มึงเก็บอาการหน่อยครับเพื่อนรัก...
“ก็มี กูรักเขาแต่เขาไม่รู้หรอกว่ากูรัก”
“ทำไมมึงไม่ไปบอกเขาเลยวะ”
“กูเคยบอกเขาไปหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็ไม่สนกู” คยองซูยิ้มบางๆแล้วหมุนตัวเดินไปที่ริมแม่น้ำ ลมเย็นๆปะทะเข้ากับร่างจนขนลุกขึ้นมา สภาพอากาศตอนนี้ใกล้เข้าหน้าฝนแล้ว อีกไม่กี่อาทิตย์ฤดูฝนก็จะแวะมาทักทาย แบคฮยอนเดินมากอดคอคยองซูเอาไว้แล้วทอดสายตามองแม่น้ำที่นิ่งสนิท
“คนที่กล้าปฏิเสธมึงอะ กูว่าโคตรโง่เลยนะ มึงนิสัยก็ดี หน้าตาก็ดี แต่ติดตรงที่ปากหมาไปหน่อย บางทีที่เขาไม่สนมึงก็อาจจะเป็นเพราะมึงปากหมาเกินไปละมั้ง”
“งั้นที่พี่ดาร่าเขาไม่สนมึงก็คงเพราะมึงปากหมาแบบนี้ละมั้ง”
“อ๋อ นี่มึงย้อนกูหรอ”
“ก็มึงด่ากูก่อนอะ” คยองซูหันไปมองค้อนอีกคน
“เออครับ กูไม่ด่ามึงแล้วก็ได้ครับคุณคยองซู”
“แล้วนี่เมื่อไรมึงจะโยนหินละ”
“กูยังไม่ได้พูดชื่อคนที่กูรักเลย มึงจะให้กูโยนเลยหรอ”
“เออวะ จริงด้วย”
“งั้นกูจะพูดชื่อคนที่กูรัก ส่วนมึงก็พูดชื่อคนที่มึงรัก แล้วเราโยนพร้อมกันดีไหมวะ” ไม่อยากได้ยินเลยนะ... คยองซูหวังลึกๆว่าชื่อที่แบคฮยอนจะพูดมันจะเป็นชื่อของเขา แต่สุดท้ายแล้วยังไงแบคอยอนก็ต้องตะโกนชื่อพี่ดาร่าอยู่ดี
“ไม่เอาดีกว่า เชิญมึงแหกปากคนเดียวเหอะ กูไม่เอาด้วยหรอก”
“ถ้างั้นก็ตามใจมึง” คยองซูเดินหลบออกมายื่นห่างๆแบคฮยอนเพื่อให้อีกคนโยนหินได้อย่างสะดวก แบคฮยอนตะโกนเรียกชื่อพี่ดาร่าดังสั่นจนสะท้อนก้องไปหมด มือเรียวขว้างก้อนหินลงสู่แม่น้ำด้วยใบหน้ายิ้มแป้น แบคฮยอนจะรู้ไหมว่าใจของคยองซูเองก็กำลังจมดิ่งลงสู่แม่น้ำไปพร้อมกับหินของแบคฮยอนเหมือนกัน…
“คยองซู ทำไมมึงไม่ทำวะ ไหนมึงบอกมึงชอบเรื่องแบบนี้ไง”
“ไม่เอาวะ ไว้วันหลังกูค่อยมาโยนคนเดียวดีกว่า”
“เห้ย มึงทำแบบนี้กูยิ่งอยากรู้นะว่ามึงแอบรักใครอยู่”
“.................” คยองซูค่อยๆย่อตัวลงนั่งกอดเข่า ดวงตากลมโตรื้นน้ำตาขึ้นมาน้อยๆ แบคฮยอนทำให้เขาร้องไห้อีกแล้ว
“คยองซูมึงอย่าร้องไห้ดิ” แบคฮยอนคิดว่าคยองซูคงจะรู้สึกเสียใจที่อุตส่าห์ไปชอบเขาแต่เขาก็ดันไม่สนใจเลยสักนิด ด้วยความเป็นห่วงเลยนั่งลงข้างๆแล้วดึงตัวเพื่อนมากอดไว้
“เขาไม่รักมึงก็ไม่เป็นไรนะเว่ย ยังมีกูอยู่ทั้งคน” ยิ่งปลอบก็ยิ่งเจ็บ คยองซูรู้สึกอ่อนแอจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เขาไม่อยากร้องไห้เลยนะแต่ว่าเสียงตะโกนเรียกชื่อของพี่ดาร่าเมื่อสักครู่นี้มันดังก้องไปทั้งใจจริงๆ หรือเขาควรจะตัดใจจากแบคฮยอนเสียที
“ตัดใจจากคนคนนั้นของมึงเถอะคยองซู”
“กูตัดใจไม่ได้กูเคยลองแล้วแต่ก็เหมือนเดิม”
“มึงรักเขามากเลยหรอวะคยองซู”
“ใช่ กูรักเขามาก รักมาโดยตลอด” แบคฮยอนไม่พูดอะไรอีกนอกจากลูบหัวเพื่อนเบาๆ คยองซูเคยกอดเขาเอาไว้จนเช้าเพราะเขาเองก็เคยร้องไห้ฟูมฟายแบบนี้เหมือนกัน แบคฮยอนเข้าใจดีถึงความรู้สึกเจ็บปวดของคยองซู
“เขาใจร้ายกับมึงขนาดนี้ มึงยังจะรักเขาอีกหรอวะ” เพื่อนตัวเล็กค่อยๆขยับตัวเองให้หลุดจากอ้อมแขนของแบคฮยอน คยองซูรีบปาดน้ำตาตัวเองออก
“มันจะตัดใจกันได้ง่ายๆขนาดนั้นเลยหรอวะ”
“เฮ้อ มึงเนี่ยนะ...” แบคฮยอนหันกลับไปมองหน้าเพื่อนที่คราบน้ำตายังติดอยู่ประปราย ตากลมๆก็ยังแอบมีน้ำตาคลออยู่ อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปเช็ดออกให้
“ไม่ต้องร้องแล้วนะคยองซู” นิ้วเรียวยาวเกลี่ยน้ำตาออกไปให้พ้นแก้มนิ่ม คยองซูหันกลับมามองหน้าแบคฮยอนด้วยดวงตาที่สั่นไหว
“อย่าดีกับกูไปมากกว่านี้เลยแบคฮยอน” ลมเย็นเยือกโบกพัดเข้ามาพร้อมกับดวงตาที่จ้องมองกันและกันนิ่ง แบคฮยอนยิ้มบางๆแล้วประคองหน้าคยองซูเอาไว้ก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าลงไป กี่ครั้งแล้วที่เผลอจูบคยองซูโดยที่ไม่รู้ตัว สัมผัสเบาๆที่แนบชิดกันอยู่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นความนุ่มร้อน คยองซูหลับตาลงช้าๆ จูบที่นุ่มนวลและอ่อนหวานยังคงเชื่อมกันอยู่เป็นเวลาเนิ่นนาน...
TBC.
และแล้วในที่สุด....
คยองซูก็ยังคงเป็นคยองซูอยู่วันยังค่ำ
พระเอกเรื่องนี้แหมม... มันคือสุดยอดของความโลเลจริงๆ
ความคิดเห็น