SF :: ในวันที่เราต้องห่างไกลกัน TonoRitz*68
ผู้เข้าชมรวม
883
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
SF :: ในวันที่เราต้องห่างไกลกัน TonoRitz*68
By .... หมาน้อย
21/5/2554
“ ตกลงริทกลับไปเรียนที่ขอนแก่น ? ?? ”
“ ใช่ ก็คุยกับทางผู้ใหญ่หลายฝ่ายแล้วพี่โน่ ท่านให้โอกาสริท ห่วงริทมากแบบนี้ ริทตัดสินใจแล้ว ริทจะกลับเรียนกับท่าน ”
“ เมื่อไหร ? ?? ”
“ สิ้นเดือนนี้ ”
สื้นเดือนนี้ สิ้นเดือนนี้ !!!!!
กล่องใส่ของขนาดใหญ่จำนวนหลายกล่องที่ตั่งอยู่มุมหนึ่งภายในห้อง ข้างในถูกบรรจุไปด้วยข้าวของต่างๆมากมายที่ได้รับมาจากเหล่าแฟนคลับกองเชียร์ทั้งหลายที่เป็นเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ยังมีข้าวของเครื่องใช่อีกหลายอย่างที่รอเจ้าของมาจัดสรรลงกล่องเพื่อยกกลับบ้านที่ร้อยเอ็ด
พอนึกแล้วผมก็อดใจหายไม่ได้ !!!! ตลอดเวลา 1 ปีกว่า ที่พบได้กับเค้า ‘ริท’ น้องชายของผม ที่ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่าเค้าคือน้องชายที่ผมรักและเป็นห่วงเค้ามากที่สุด ใช่ว่าคนอื่นๆผมจะไม่รักหรือห่วงใย ผมรักน้องๆทุกคน แต่ผมก็ไม่สามารถจะบอกใครๆได้ว่าทำไมผมถึงรักและห่วงริทมากกว่าคนอื่นๆ เพราะตัวผมก็ไม่รู้เหมือนกัน !!!!
ตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอเค้าที่ขอนแก่น เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ หน้าเอ๋อๆ ใส่เหล็กดัดฟัน แต่งตัวธรรมดาๆ ในวันนี้จะกลายเป็นน้องชายที่ผมรักและสนิทด้วยมากที่สุด ผมยังจำถึงวันแรกที่เข้าไปพูดคุยกับเค้าได้ดี เสียงหัวเราะ มุขตลกที่ติดจะแป้กของเค้ายังคงอยู่ในหัวผมเสมอ คนที่มักจะทำให้ผมยิ้มได้กับรอยยิ้มและเรื่องคิดว่ามันฮาแต่ไม่ฮา แล้วหลังจากนี้ต่อไปหละใครจะคือคนที่ทำให้ผมยิ้มได้อย่างงี้อีก ? ??
ทุกครั้งที่เค้านอยด์หรือเครียดอะไรก็แล้วแต่ ผมจะต้องรีบเข้าไปกอดปลอบเค้าก่อนเสมอ ให้เค้ารับรู้ได้ถึงความห่วงใยจากพี่ชายอย่างผมว่าพร้อมจะอยู่เคียงข้างเค้าและปกป้องเค้าเสมอ แล้วต่อจากนี้ถ้าเค้ากลับไป จะมีใครคอยทำอย่างงี้กับเค้ามั้ย ผมเป็นห่วงน้อง !!!!
ตอลดเวลาปีกว่าที่ผ่านมา ถึงผมจะเหนื่อยเพียงใดกับงานต่างๆมากมายที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ผมก็ยังยิ้มได้เสมอเมื่อคิดว่าผมทำไปเพื่อใคร แล้วเมื่อกลับห้องไปผมจะได้รับรอยยิ้มและกำลังใจจากน้องชายตัวเล็กของผมเสมอ แล้วจากนี้ผมจะทำยังไงดี ? ?? คำตอบคือ ผมคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำใจ !!!
แก๊ก ~~ เสียงลูกบิดประตูถูกบิดเปิดออก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครที่เปิดเข้ามา ร่างเล็กๆของริทที่หอบข้าวของพะรุงพะรังมากมาย ทั้งของกินของใช้ของกระจุกกระจิก เดินเข้ามาก่อนจะวางของทั้งหมดลงแล้วหันมาส่งยิ้มให้ผมอย่างเช่นเดิม แค่เพียงรอยยิ้มและแววตาที่มองมาเท่านั้นไม่ต้องมีคำพูดอะไร เราต่างก็เข้าใจดี ริทเดินหายเข้าไปยังห้องนอนนานหลายนาทีก่อนจะเดินออกมา
“ กินข้าวกันพี่โน่ ”
กินข้าว เอาสิ ผมไม่ได้กินข้าวพร้อมน้องมานานเท่าไหรแล้วนะ วันนี้ได้กินพร้อมกันก่อนที่ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหรที่จะได้ทำ
แบบนี้!
บรรยากาศทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม ริทยังคงพูดคุยเล่าเรื่องโน้นนี้ที่เจอมาในวันนี้ ผมได้แต่นั้งฟังแล้วเค้าเล่าอยู่อย่างงั้น ไม่อยากจะนึกถึงวันที่เค้าต้องกลับเลยจริงๆ ห้องนี้คงเงียบไปถนัดตา !!
หลังกินข้าวกันเสร็จ ริทยังคงมานั่งเก็บข้าวของตามเดิม โดยมีผมนั่งช่วยเก็บโน้นเก็บนี้ลงกล่องให้ตามที่ริทยื่นมาให้
“ รูปนี้ริทเอาตั้งไว้ที่เดิมนะ พี่โน่จะได้ยังเห็นหน้าริททุกครั้งที่กลับเข้าห้องมา ” รูปที่ผมถ่ายคู่กับเค้าเมื่อครั้งสุดท้ายที่เราได้ออกรายการบางกอกสเตชั่น รูปที่ผมกับริทนั่งกอดคอกันพร้อมทั้งส่งยิ้มให้ทุกๆคนถ่ายรูป
ผมได้แต่ส่งยิ้มไปให้เค้าแล้วพยักหน้ารับ !!!
“ พี่โน่เงียบจัง เป็นไรป่าวเนี้ย ” ริทคงสังเกตเห็นว่าผมเงียบไปจากเคย ผมเงียบเพราะผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไป ผมบอกไม่ถูกว่าผมรู้สึกยังไงกันแน่ เหงา เศร้า ใจหาย เสียใจ ตามจริงผมควรที่จะดีใจที่น้องจะได้ทำตามความฝันของพ่อแม่ !!! มากกว่าจะเห็นแก่แล้วพูดรั้งให้ริทอยู่ต่อกับผม !!!
“ หืม ไม่ได้ไปอะไรนิ คิดมากน๊าเรา ” เห็นสีหน้าน้องกังวลแล้วผมยิ่งเริ่มใจเสีย แต่ผมก็คงต้องเข้มแข็งเข้าไว้น้องจะได้ไม่ต้องกังวลหรือคิดมาก
“ แล้ววันมะรืนนี้ไปไฟล์ไหน ”
“ สิบเอ็ดโมง พี่โน่มีงานมั้ย ริทอยากให้พี่โน่ไปส่ง ” น้ำเสียงของริทก็เปล่งออกมา ทำให้หัวใจของผมก็พยายามจะเข้มแข็งนั้นอ่อนยวบ
“ เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรถามพี่ปอให้ วันนี้ดึกแล้ว ” ผมบอกน้องออกไป ทำให้ริทยิ้มออกมาได้ แต่ข้างในหัวใจผมสิหล่นวูบ เพราะผมรู้ดีว่าคงยากที่ผมจะเบี้ยวกองเพราะอะไร ? ??
ข้าวของมากมายถูกจัดลงกล่องเสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงเสื้อผ้าของใช่ส่วนตัวของริท ห้องที่ตอนนี้มองไปดูโล่งเป็นระเบียบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าถามผม ผมอยากให้ห้องรกเพราะเต็มไปด้วยข้าวของต่างๆทั้งของผมของริทมากกว่า เพราะนั้นแสดงว่า ริทยังคงอยู่กับผม !!!
“ เฮ้ย ไปนอนเหอะ ดึกแล้วพี่ง่วง เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปเคลียร์งานที่ตึกแต่เช้าอีกไม่ใช่หรอ ”
“ อืม นอนด้วยดิ ง่วงแล้วเหมือนกัน ริทไปนอนห้องพี่โน่นะ ”
“ อืม ไปดิ ”
................................................................
...............................................
.................................
....................
...........
.....
..
.
เช้าวันนี้ !!! ผมยังคงต้องไปเคลียร์งานต่างๆที่คงเหลืออยู่ให้เรียบร้อย ก่อนที่จะต้องจากกลับไปเพื่อทำหน้าที่ของลูกที่ผมควรจะทำเสียที ผมมองไปยังร่างสูงของพี่โตโน่ที่ยังคงหลับอยู่ หลายวันที่ผ่านมาผมรู้สึกได้ว่าพี่โตโน่รู้สึกอย่างไงกับเรื่องนี้ เพียงแต่พี่โตโน่พยายามทำตัวเองให้ปกติเหมือนไม่มีอะไร ระยะเวลา 1 ปีกว่าที่เราได้รู้จัก มีเรื่องราวมากมายที่ให้ผมได้จดจำ ความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆจนมันมากกว่าที่จะเปรียบกับอะไร ทุกการดูแล ทุกความห่วงใย ทุกการเอาใจใส่ที่เรามีให้แก่กัน มันทำให้ผมใจหายอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเราต้องห่างกัน
ใครจะคอยดูแลพี่โตโน่เวลาที่เกิดไม่สบาย ? ใครจะนั่งคอยเวลาที่พี่โตโน่กลับห้องมาดึกๆ ? ใครจะค่อยเรียกค่อยเตือนให้พี่โตโน่ทานอาหารให้ตรงเวลา ? ใครจะคอยอยู่เป็นเพื่อนพี่โตโน่เมื่อเจออะไรก็ตามที่หน้ากลัว ? พี่โตโน่จะอยู่ได้ใช่มั้ย ?
แล้วพี่โตโน่จะไม่ลืมริทใช่มั้ย !!!!!! พี่โตโน่จะยังรักริทเหมือนเดิมใช่มั้ย !!!!!! ถ้าเราต้องห่างกัน
ผมตัดสินใจลุกไปจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย พร้อมทั้งเขียนโน้ตทิ้งไว้ โดยไม่ปลุกเพื่อให้พี่โตโน่ได้พักผ่อนแบบเต็มที่บ้าง
ริทออกไปทำงานนะพี่โน่ รอริทด้วยนะ ริทจะกลับมากินข้าวเย็นกับพี่โน่
ริท
วันนี้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ถึงจะเป็นการทำงานที่เหนื่อยและหนักกว่าที่ผ่านๆมา แต่ผมเต็มใจและพร้อมที่จะทำมัน เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ผมจะได้ทำอย่างนี้อีก พี่ๆทีมงานทุกคนต่างก็มีของให้ผมเป็นที่ระลึกคนละนิดละหน่อย ถึงแม้จะไม่มีราคาอะไร แต่มันคือคุณค่าทางจิตใจทั้งนั้น รวมทั้งกลุ่มแฟนคลับที่มากมายมาร่วมตัวกันเพื่อรอเจอผม ผมทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้เห็นได้รับรู้สิ่งต่างๆที่เค้าเตรียมมาทำให้ผม เสียงเพลงก็ประสานกันร้องออกมาจากทุกคนมันชัดเจอยู่ในหัวผมเสมอ น้ำตาที่มันเอ่อคลอขึ้นมาอย่างสุดที่จะกั้น ไม่ได้อยากร้องไห้ออกมาเพราะไม่อยากที่จะต้องเห็นพวกเค้าร้องไห้ตาม แต่ผมทำไม่ได้จริงๆ ผมพยามยามกวาดสายตาไปให้ทั่วเพื่อขอบคุณทุกความรักที่เค้ามีให้ผม ผมรับรู้ได้และผมก็อยากให้เค้ารับรู้เหมือนกันว่าผมก็เรารักพวกเค้ามากเช่นกัน พวกเค้าคือคนสำคัญของผม !!!!
บานประตูห้องที่ถูกเปิดออกจากใครคนนึงในห้องหลังจากผมเคาะประตู ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มถูกส่งตรงมาทันที
พร้อมทั้งช่วยถือของมากมายที่ผมหอบกลับมา
โต๊ะกินข้าวที่มีอาหารวางอยู่สองสามอย่าง ล้วนแต่เป็นของที่ผมชอบทั้งนั้น พี่โตโน่รอผมกินข้าว !!!!
ระหว่างกินผมยังคงทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม เพราะไม่อยากให้รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนไป อยากให้พี่โตโน่รู้สึกว่ายังมีผมอยู่เสมอ แล้วเหมือนพี่โตโน่เองก็พยายามจะให้มันเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ผมรู้ว่าข้างในพี่โตโน่คงรู้สึกใจหายเมื่อแววตากับท่าทางคำพูดมันสวนทางกัน
เสื้อผ้ามากมายของผมถูกพับเก็บใส่กระเป๋า คราวของจำเป็นบางอย่างถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อย เพื่อความสะดวกในวันพรุ่งนี้
“ ริทแล้วเสื้อผ้าพวกนี้หละ จะเก็บใส่เป๋าไหน ” พี่โตโน่หันมาถามเมื่อเห็นเสื้อผ้าบางส่วนที่ผมมักจะใส่อยู่ห้องเป็นประจำ
“ ไม่ต้องเก็บ เอาไว้ที่นี้แหละ ริทกลับมาริทจะได้มีเสื้อผ้าใส่ ” ผมไม่รู้ว่าที่ทำไปมันถูกมั้ย ผมแค่อยากให้เวลาที่พี่โตโน่เปิดตู้เสื้อผ้ามาเจอเสื้อผ้าของผม พี่โตโน่จะได้ยังรู้สึกว่ายังมีผมอยู่ด้วยเสมอ แต่ผมไม่รู้ว่านั้นจะยิ่งทำให้พี่โตโน่ทรมานหรือเปล่า
ของทุกอย่างที่ผมจะนำกลับถูกนำมาว่างรวมเอาไว้ที่บริเวณห้องนั่งเล่นข้างนอก ผมยืนสำรวจไปยังทุกๆที่รอบห้อง ที่มีภาพเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น เพื่อจะจำเอาไว้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตกับใครอีกคน พี่โตโน่เดินออกมาแตะที่แขนของผมแล้วพูดบางอย่างออกมา
“ ใจหายเนอะ ทำไมเวลาดีๆแบบนี้มันถึงหมดลงเร็วก็ไม่รู้ ” เห็นครั้งแรกที่พี่โตโน่เอ่ยถึงเรื่องที่คงอยู่ในใจมาหลายวัน
“ นั้นสิ ทำไมเวลาปีเดียวถึงผ่านไปเร็วก็ไม่รู้ แต่ริทรู้ว่าเวลาที่ผ่านที่ริทได้รู้จักกับพี่โตโน่ เป็นช่วงเวลาที่ริทมีความสุขมากเท่าริทเคยมี ขอบคุณที่ดูแลริท ห่วงใยริท และเอาใจใส่ริทมาโดยตลอด ขอบคุณที่เป็นพี่ชายที่แสนดีของริท ” นี้คือสิ่งที่ผมอยากจะให้พี่โตโน่ได้รับรู้
“ พี่ก็ขอบคุณริทที่เหมือนกัน ขอบคุณที่ดูแลพี่ ห่วงใยพี่ และเอาใจใส่พี่ ขอบคุณที่เป็นน้องชายที่แสนดีของพี่ตลอดมา ”
พี่โตโน่ดึงผมเข้าไปกอดจนแน่น อย่างทีพี่โตโน่มักจะทำเป็นประจำกับผม แล้วผมก็รู้สึกได้ว่าอ้อมกอดของพี่โตโน่อบอุ่นเสมอ !
“ พี่โตโน่อย่าลืมริทนะ ” คำพูดที่สั่นเครือของผมหลุดออกไป พร้อมกับน้ำใสที่ค่อยๆไหลลงมาบนแก้ม
“ ริทรู้เอาไว้นะ พี่ไม่มีวันทิ้งน้องชายของพี่แน่นอน !! ริทคือน้องชายที่พี่รักมาก จำเอาไว้นะ พี่รักริทมากนะ!!! ” น้ำเสียงหนักแน่เป็นเหมือนสัญญาของพี่โตโน่ น้ำเสียงที่มาพร้อมน้ำตาของลูกผู้ชายที่ผมแทบไม่เคยได้เห็น
“ ริทก็รักพี่โตโน่ รักมากเหมือนกัน ” ผมย้ำคำลงไปให้หนักแน่น เพื่อให้พี่โตโน่รู้............
......................................
.........................
...............
........
....
..
.
นาฬิกาเดินเพื่อบอกเวลา เวลาที่ผมรู้ว่าจะต้องห่างไกลกับน้องชายของผมเสียแล้ว พ่อกับแม่ของริทก็มาถึงห้องตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อรับลูกชายคนกลางกลับบ้านไปทำตามความฝันที่ได้วาดไว้ ข้าวของต่างๆที่วางไว้ถูกทยอยนำไปใส่รถตู้ที่ทางบริษัทจัดเตรียมเอาไว้ให้ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เหลือเพียงผมกับริทอยู่ในเพียงลำพัง
“ พี่โตโน่ ไม่ไปส่งริทที่สนามบิน ? ” น้ำเสียงที่ผมรู้ได้เลยว่าริทคงเสียใจเมื่อผมตัดสินใจบอกริทว่าจะส่งเค้าเพียงแค่หน้าห้องนี้เท่านั้น
“ ส่งตรงนี้ดีกว่า พี่จะได้รู้สึกว่า ริทแค่ออกไปทำงาน เดี๋ยวริทก็กลับมา ” ผมพยายามใจแข็งและควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น
ริทเงียบไม่ได้พูดอะไรออกมา ก่อนที่จะเดินเข้ามากอดผมเอาไว้แน่นเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งที่กลัวพี่ชายจะหายไปไหน ผมกอดตอบริทเพื่อให้ริทได้รู้ว่าผมจะยังอยู่กับเค้าเสมอไม่ไปให้ ไม่ว่าเมื่อไรที่ริทหันกลับมา ริทจะยังมีผมเสมอ !!!!
“ ริทไปนะ พี่โน่รอริทกลับมานะ มากินข้าวด้วยกันนะ มานั่งดูทีวีด้วยกัน มาทำโน้นนี้ด้วยกันที่นี้อีกนะ ”
“ พี่สัญญา พี่จะรอริทกลับมา กลับมากินข้าวกับพี่ มานั่งดูทีวี มาทำโน้นที่นี้ที่นี้นะ พี่สัญญา ”
แผ่นหลังที่ผ่านพ้นประตูออก ทำให้ผมถึงกับหัวใจวูบสั่นขึ้นมา น้ำตาที่กั้นเอาไว้พังทลายเป็นสายลงมาอาบแก้ม มองไปทางไหนที่ดูช่างอ้างว้าง ว่างเปล่าไปซะหมด เมื่อไม่มีใครบางคนอยู่ เหงาเหมือนกันเนอะ !!!! ผมนั่งปล่อยให้อารมณ์พาไปอยู่พักใหญ่ก่อนจะหยิบเอามือถือขึ้นมา พิมพ์ข้อความกดส่งไปถึงใครบางคนที่เพิ่งเดินออกไปจากห้อง
พี่จะรอริทกลับมานะ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ดูแลตัวเองดีดีด้วย พี่รักริทมากนะ
พี่โตโน่
ครับ !!!! ผมจะรอ รอวันที่จะได้ภาคภูมิใจในตัวเค้า จะรอน้องวันที่น้องชายผมกลับมา นายแพทย์ เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช !!!!
ผลงานอื่นๆ ของ Maanoi*68 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Maanoi*68
ความคิดเห็น