กุหลาบแดงช่อสุดท้าย
ผมคอยเฝ้าดูเธออยู่ตลอดเวลา คอยมองเธอตั้งแต่เล็กจนโต ตั้งแต่เธอเกิดมาจนถึงตอนนี้... ผมคอยมองเธออยู่ห่างๆเสมอมา... ไอติม... ผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่ผมจะรักตลอดไป...
ผู้เข้าชมรวม
297
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผมคอยเฝ้าดูเธออยู่ตลอดเวลา คอยมองเธอตั้งแต่เล็กจนโต ตั้งแต่เธอเกิดมาจนถึงตอนนี้... ผมคอยมองเธออยู่ห่างๆเสมอมา...
“บาส บอลล์ บีม... มาดูน้องหน่อยเร็ว” เสียงของคุณพ่อเรียกให้ผมกับพี่ๆน้องๆของผมเดินไปดูน้องสาวคนสุดท้องที่เพิ่งคลอดออกมา ตอนนั้นผมอายุแค่สี่ขวบเอง... ผมว่านะ...เธอน่ารักมาก ผมคอยมองดูน้องสาวของผม และสุดท้ายผมขอให้พ่อแม่ตั้งชื่อเธอว่าเบลล์ ด้วยสาเหตุที่ว่าผมอยากให้มีใครสักคนหนึ่งในครอบครัวของผมมีชื่อที่มี ล.ลิง การันต์ เป็นเพื่อนผม ตอนนั้น.... ผมคิดได้เพียงแค่นั้น...
ตอนที่คุณ
ผมเดินออกมาและเดินตามเข้าไปในห้องที่พยาบาลเพิ่งอุ้มเบลล์เข้าไป พยาบาลก็แสนจะใจดี โดยอนุญาตให้ผมเข้ามาโดยที่ไม่ว่าอะไร เขาบอกให้ผมนั่งดูน้องเงียบๆ แต่ไม่ห้ามส่งเสียงดัง
หลังจากที่ผมเฝ้าดู ด.ญ.
ผมทำเด็กร้องไห้...
หลังจากนั้นอีกหกปี... อายุอานามผมก็ปาเข้าไปสิบขวบเห็นจะได้ เบลล์ น้องสาวของผมชอบพาผมไปที่สนามเด็กเล่น โดยบอกให้ผมไปเป็นเพื่อน เพื่อที่จะไปเล่นกับเพื่อนของเธอที่ชื่อไอติม
ไอติม...เธอคนนั้นเกิดวันเดียวกันกับเบลล์ เกิดที่โรงพยาบาลเดียวกัน แต่ห่างกันประมาณสิบนาที ผมเคยแอบคิดอยู่เหมือนกัน ว่าเธอคือ ด.ญ.พรไพรินทร์ เด็กน้อยคนหนึ่งที่ผมได้เห็นในวันนั้น ซึ่งผมเองก็จะไม่มีวันลืม... แต่ถึงยังไง ผมก็ไม่เคยคิดที่จะปริปากหรือแม้แต่เพียงแค่คิดว่าจะถามเธอออกไป
“พี่บอลล์~ มาเล่นด้วยกันสิค่ะ ^O^” เสียงอันร่าเริงแจ่มใสของเบลล์ น้องสาวสุดที่รักของผม ดังขึ้นมาชวนให้ผมไปเล่นกับเธอและเพื่อนคนดีของเธอ ไอติม
“ใช่ๆ มาเล่นด้วยกันสิค่ะ” เสียงน่ารักๆของสาวน้อยแก้มแดงที่ดูท่าทางจะขี้อายก็ดังขึ้น ก่อนที่เธอจะหยุดวิ่งไล่เบลล์และมาช่วยกันชวนผมให้ไปเล่นด้วย ...คนนี้แหละไอติม... เด็กสาวร่าเริงอารมณ์ดีซึ่งเป็นเพื่อนรักของเบลล์มาตั้งแต่สมัยประถม...
“ก็ได้ๆ...” แล้วผมก็ไปคอยผลักชิงช้าให้ทั้งคู่... หลังจากนั้นผมก็มองดูเด็กสองคนวิ่งไล่จับกัน ผมอยากจะขอจดจำภาพภาพนี้ไว้ในใจผมตลอดไป... ถ้ามันเป็นสิ่งเดียวที่ผมสามารถเก็บเธอคนนั้นไว้ในความทรงจำได้
คิดๆดูแล้ว... พรุ่งนี้ก็เป็นวันวาเลนไทน์ซะด้วย ผมว่าจะไปซื้อกุหลาบมาปลูกที่บ้าน เพราะหนึ่งในสิ่งที่ผมชอบที่สุดก็คือดอกกุหลาบสีแดง... ดอกไม้ชนิดนี้คือดอกไม้ชนิดโปรดของผมและความรักของผมต่อสิ่งนี้ก็ไม่อาจแปรเปลี่ยนไปได้ เพราะเหตุผลง่ายๆเพียงอย่างเดียว ...ก็มันสวยงามมากในสายตาของผมนี่...
วันต่อมาไอติมก็มาเที่ยวที่บ้านของผมเพื่อมาหาเบลล์อีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้เดินเข้ามาแล้วถามผมว่าเบลล์อยู่ไหนอย่างทุกที แต่เธอกลับถามว่า...
“พี่บอลล์ทำอะไรอยู่หรอค่ะ ^O^”
“ปลูกดอกกุหลาบครับ...” ผมตอบไปเพียงแค่นั้น แต่เธอเองก็ยิ้มแก้มปริจนเห็นลักยิ้มเพียงข้างเดียวของเธอ... แก้มข้างซ้ายของเธอบุ๋มลงไปเป็นรอยทีเดียว หากแต่ข้างขวาของเธอยังคงเป็นปกติ...
คนอะไรแปลกจังเลย มีลักยิ้มแค่ข้างเดียว ผมคิดกับตัวเอง...
“ติมขอดอกนึงได้ไหมค่ะ ^O^ ติมชอบกุหลาบแดงที่สุดเลยย~”
“ได้สิครับ เอาไปเยอะๆก็ได้นะครับ” แล้วผมก็เด็ดดอกกุหลาบแดงออกมาหกดอกอย่างระมัดระวัง แต่ก็ยังโดนหนามบาดนิดหน่อย ผมพยายามไม่ให้เธอเห็นบาดแผลของผมโดยการสลับเอาดอกกุหลาบทั้งหมดมาไว้ในมืออีกข้างและยื่นให้เธอ เธอรับไปอย่างดีใจโดยทิ้งท้ายด้วยคำว่าขอบคุณก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไปหาเบลล์เหมือนทุกที...
ตอนผมอายุสิบสอง ผมกับเบลล์ก็ไปฝึกวิ่งกันที่สนามทุกๆวัน ผมมีความฝันว่าอยากจะเป็นนักวิ่งทีมชาติตั้งแต่เด็ก แต่คุณพ่อบอกผมอยู่เสมอว่าการเรียนสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น ท่านให้คำสัญญากับผมไว้ว่าถ้าผมได้เกรดสี่ทุกวิชา ตอนอายุสิบสองพ่อจะอนุญาตให้ไปซ้อมวิ่ง ...แล้วมันก็เป็นจริงจนได้ ผมได้เกรดสี่ มาตลอดตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้
ผมบอกได้เลย... ว่าผมรักการวิ่งมาก และฝึกซ้อมอย่างจริงจังเสมอ โดยที่เบลล์เองก็ไม่ยอมน้อยหน้า เพราะเธอเองก็ได้เกรดสี่มาตลอดเหมือนกัน พ่อจึงต้องยอมให้เบลล์มาซ้อมวิ่งพร้อมกับผมตอนที่เธอเพิ่งจะอายุได้แปดขวบ ผมจำได้เลย ว่าทุกๆครั้งที่เบลล์มาซ้อมวิ่งหลังจากเลิกเรียน ไอติม...สาวน้อยน่ารักสดใสเพื่อนรักของเบลล์ก็จะคอยตามมาเชียร์เบลล์ได้อยู่ทุกวี่ทุกวัน
ตอนที่ผมอายุสิบหก... เบลล์กับติมก็เข้ามาอยู่ในรั้วโรงเรียนมัธยมเดียวกันกับผมสักที ไอติม...สวยขึ้นมาก เมื่อก่อน เธอเป็นคนสดใสร่าเริง ผมบอกไม่ได้หรอกว่าเธอสวย เพียงแต่ว่าตอนนั้นเธอน่ารักมาก แต่พอเธอขึ้นมัธยมผมก็ได้เห็นถึงความสวยของเธอ ผมอดใจไม่ไหวแล้ว กับความรู้สึกที่อัดอั้นในใจมาตลอด แต่ผมรู้ดีว่าผมมีเวลาอีกเพียงแค่สองปีเท่านั้นที่จะทำให้เธอยอมรับในตัวผม หากเกินเวลานั้นไป...ผมจะอยู่ไนรั้วมหาวิทยาลัย และผมจะมีเวลาน้อยลงที่จะได้เจอเธอซึ่งก็เป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลมากมายต่อการดำเนินชีวิตในความรักของผม
“พี่บอลล์ๆ วันนี้ไปรับติมด้วยนะค่ะ ^O^” เบลล์ขอร้องขนาดนี้ ผมเองก็คงไม่สามารถขัดใจได้อยู่แล้ว...
“อืมม” รถมอเตอร์ไซค์ของผมก็ได้ออกเดินทางจากบ้านของผมไปยังบ้านของไอติม...
“พี่บอลล์รอตรงนี้นะค่ะ เดี๋ยวเบลล์ไปตามติมให้...” น้องสาวของผมก็วิ่งเข้าไปในบ้านของไอติมพร้อมกับเสียงตะโกนสั่งให้เพื่อนสาวเร่งความเร็วขึ้นอีกนิด ไอติมก็ได้แต่ตะโกนกลับมาสั่งให้รอเธอโดยที่ยังไม่ยอมให้หนีไปไหน... เธอบอกว่าเพิ่งอาบน้ำเสร็จเองเพราะเธอเพิ่งตื่น ผมได้แต่อมยิ้มและหัวเราะในใจ ทำไมเธอถึงได้ขี้เซาอย่างนี้นะ... แต่ไม่นานหลังจากนั้นเบลล์ก็ออกมาพร้อมกับไอติมที่ถือของเกะกะเทอะทะไปทั่วตัว...
“โอ๊ยย~ ติมลืมหนังสืออีกเล่มนึงอะเบลล์... ทำไงดี...” เฮ้ออ~ นอกจากขี้เซายังขี้ลืมได้อีกหรอเนี่ย...
“ติมขึ้นรถพี่บอลล์ไปก่อนเลยละกัน. เดี๋ยวเบลล์วิ่งไปเอาให้... ยังไงๆเบลล์ก็วิ่งเร็วกว่าติมอยู่แล้วอะแหละ...” สิ้นคำพูดของเบลล์... เธอก็วิ่งจากไปเอาหนังสือให้เพื่อนรัก ส่วนติมก็ยังคงลังเลอยู่ เธอไม่กล้าขึ้นมาซ้อนท้ายผม จนกระทั่งเสียงของเบลล์ตะโกนสั่งให้ติมขึ้นไปได้เลย เพราะเบลล์กำลังวิ่งมาอย่างเร่งรีบ ผมเร่งรถตามคำสั่งของเบลล์ เพราะทั้งคู่ไม่อยากสายเพราะมีสอบวิชาแรกตอนเช้า พร้อมกับที่ติมโอบเอวผมแน่นด้วยความหวาดกลัว...
“ถึงแล้ว... รีบกันอยู่ไม่ใช่หรอ...” ผมเตือนสติให้ทั้งสองสาวพากันวิ่งพรวดพราดขึ้นตึกไปในทันที โดยที่เบลล์ต้องคอยช่วยติมถือของเพราะเบลล์วิ่งเร็วจึงทำให้ตัวเองต้องคอยถือของให้เพื่อนจะได้วิ่งไปในความเร็วใกล้เคียงกัน ผมคอยมองดูทั้งสองคนวิ่งขึ้นไปด้วยกันอย่างรีบร้อน หลังจากที่ทั้งคู่หายไปลับไปจากสายตาผมแล้ว ผมก็เดินขึ้นตึกเรียนไปทันที...
วันนี้ก็เป็นวันวาเลนไทน์อีกแล้วซินะ ตั้งแต่เมื่อหกปีที่แล้ว ผมก็มอบกุหลาบสีแดงให้ติม อยู่ทุกๆปี ปีแรกนั้นเธอขอไป... ผมก็เลยให้ไปหกดอก ตามจำนวนปีที่เราได้รู้จักกันหรือตามอายุของเธอนั่นเอง หลังจากนั้นทุกๆปีจำนวนของดอกกุหลาบก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆปีละดอก จนถึงทุกวันนี้
หลังเลิกเรียน ผมก็กลับบ้านไปเตรียมดอกกุหลาบให้เธออีกสิบสองดอกในวันนี้... แต่ทุกๆครั้งที่ผมให้ดอกกุหลาบกับเธอ ผมก็ให้เธอในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง ผมไม่เคยปริปากบอกเธอเลยสักคำว่าผมชอบเธอมากแค่ไหน ผมบอกได้เพียงแค่...
“สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะครับไอติม” และคำตอบเดิมที่จะได้รับกลับมาตลอดก็ยังคงเป็นเหมือนเคย....
“ขอบคุณค่ะพี่บอลล์ ติมรักพี่บอลล์ที่สุดเลยย ^O^ ติมจะไม่มีวันลืมพี่ชายสุดที่รักอย่างพี่บอลล์เลย...” ในทุกๆปีคำตอบจากเธอก็ยังคงเหมือนเดิม คำว่ารักจากปากเธอในฐานะน้องสาวคนหนึ่งจะออกมาในทุกๆปีให้ผมได้ยินในวันวาเลนไทน์
หากแต่ปีนี้เธอไม่ได้รับดอกกุหลาบช่อเดียวอย่างทุกๆปี... ในโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ ผู้ชายต่างพากันมาสารภาพรักและนำดอกไม้ ตุ๊กตา ช็อกโกแลต หรือแม้แต่ของเล็กๆน้อยๆหลายอย่างมามอบให้กับผู้หญิงที่ตัวเองหลงรัก
เบลล์กับติมเองก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงป๊อปที่ชายหนุ่มทั้งโรงเรียนพากันมาจีบ เบลล์นั้นก็มีแฟนแล้วตอนนี้ ปริมาณของที่ได้รับจึงลดลง เพราะผู้ชายบางคนไม่นิยมคนมีเจ้าของ แต่เบลล์ก็ยังมีความสุขอยู่กับการกินช็อกโกแลตที่ตัวเองและแฟนได้มา...
มีเพียงแต่ไอติมที่คอยเอามาให้ผมช่วยกินเพราะเธอไม่รู้จะเอาไปให้ใคร ผมเองก็ไม่อยากจะรับไว้ เนื่องจากว่าผมก็ได้รับมาไม่น้อยกว่าพวกเธอเลย ผมโดนรุมจีบเนื่องจากว่าเป็นหนุ่มหล่อ เรียบร้อย เรียนเก่ง แล้วก็ยังเป็นนักกีฬายอดเยี่ยมของโรงเรียนอีกด้วย แต่ผมไม่เคยให้ความสนใจกับผู้หญิงคนไหนเลย
นอกจากไอติม...
ตอนผมอายุสิบเจ็ด... ปีสุดท้ายในโรงเรียนมัธยมและปีสุดท้ายที่จะได้เรียนอยู่ที่เดียวกันกับไอติมก็กำลังจะจบลงแล้ว ผมตั้งใจว่าจะพยายามบอกรักเธอในวันวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้
ตอนนั้นผมตัดสินใจแล้ว ว่าผมไม่มีอะไรจะต้องเสียอีกต่อไป ...ผมเดินเข้าไปหาเธอ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังคุยกับเธออยู่ เขามอบดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ให้เธอ และทั้งคู่ก็เดินออกไปด้วยกัน...
ผมตัดสินใจโยนช่อดอกกุหลาบสีแดงของผมที่มีดอกกุหลาบอยู่สิบสามดอก ทิ้งไป... จำนวนที่คอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในทุกๆปีของผม ไม่อาจมีมากพอเทียบกับปีนี้ ปีแรกของใครบางคนที่มอบให้เธอและคว้าหัวใจเธอไปครอบครอง
เธอคงไม่สนใจผมแล้วใช่ไหม ในเมื่อเธอเดินออกไปกับเขา... และทิ้งผมไว้ข้างหลัง ปล่อยให้ผมเฝ้าเพ้อละเมออย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งเบลล์... น้องสาวคนเดียวของผมต้องมาห้ามเอาไว้ เธอรู้มาโดยตลอดว่าผมแอบรักเพื่อนของเธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เธอคอยเป็นห่วงผม อยากให้ผมได้ประสบความสำเร็จในคำว่ารักสักครั้ง เธออยากให้รักแรกของผมนั้นเป็นรักสุดท้ายและรักเดียวที่ผมจะได้รู้จัก แต่มันคงเป็นไปไม่ได้... เพราะเธอไปกับเขาแล้ว เธอไปกับดิว หนุ่มป๊อปของโรงเรียนที่อายุเท่าเธอและเรียนอยู่ปีเดียวกัน พ่อของเขาทำธุรกิจใหญ่โตมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก... ในสายตาของเธอ ตอนนี้ผมคงเป็นได้แค่พี่ชายคนหนึ่งจริงๆ เพราะผู้ชายคนนั้นพร้อมกว่าผมในทุกๆด้าน
ปีต่อมา... ผมย้ายไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศโดยได้รับทุนการศึกษาไปจนจบปริญญา หลังจากวันนั้น...วันวาเลนไทน์ในปีสุดท้ายที่โรงเรียนมัธยมของผม... ผมก็ตัดสินใจเลิกล้มความคิดที่จะชอบเธอ ผมพยายามห้ามใจตัวเองและปล่อยเธอไป ผมไม่อยากทรมานอย่างนี้อีกแล้ว ผมพยายามอ่านหนังสือเรียนอย่างบ้าคลั่งและทุ่มเททั้งชีวิตและจิตใจให้กับการวิ่ง ผมประสบความสำเร็จในทุกๆด้านของชีวิต... นอกจากด้านเดียว ที่ผมไม่อาจประสบความสำเร็จได้
แค่ความรักเพียงอย่างเดียว...
ผมต้องคอยทนกับทุกๆวันที่ไอติม... สาวน้อยสุดสวยคนนั้น... คอยมาหาเบลล์ที่บ้าน โดยที่มีดิวมารับมาส่งเสมอ ผมพยายามที่จะหลบหน้าเธอเพียงเพราะผมรู้ตัวว่าผมอ่อนแอและไม่อยากทำให้ตัวเองทนปวดร้าวไปมากกว่านี้อีกต่อไป...
“พี่บอลล์~ ช่วยติมกับเบลล์ทำรายงานหน่อยน้า~” เสียงหวานชื่นใจและสดใสที่ดังออกมาจากปากของสาวน้อยน่าตาน่ารักในสายตาของผมมาโดยตลอดเอ่ยขึ้น ถึงผมจะเจ็บแค่ไหนผมก็รู้ว่าผมต้องทน... ผมไม่อาจปฏิเสธเธอได้ เพราะเธอคือชีวิตของผม... เธอคือทุกๆอย่างสำหรับผมทีเดียว
“ครับ...” ผมตอบได้เพียงแค่นั้นก็เดินตรงไปหาทั้งคู่พลางช่วยงานโดยที่ผมเองก็พยายามเท่าที่ความสามารถของพี่ชายคนหนึ่งมีอยู่นั้นจะทำได้ในการที่จะไม่สบตาเธอเข้าตรงๆ ผมไม่อยากให้เธอเห็นความอ่อนแอของผม ผมไม่อยากให้เธอเกลียดผมไปมากกว่านี้อีกแล้ว... วันนี้ก็เป็นวันที่สิบสามเดือนกุมภาพันธ์อีกเช่นเคย... พรุ่งนี้ก็เป็นวันวาเลนไทน์อีกแล้ว ผมยังไม่ได้คิดเลยว่าปีนี้ควรจะเอาดอกกุหลาบไปให้เธออีกดีไหม แต่พอคิดดูอีกที ผมก็นึกถึงหน้าของดิวโดยบังเอิญ ผมรู้สึกเหมือนมีมีดคมกริบแทงเข้ามากลางใจผมทันที ความเจ็บปวดในวันนั้นผมไม่อาจลืมได้ลงคอ เพียงภาพนั้นก็ทำให้ผมปวดร้าวได้ทุกๆครั้งที่นึกย้อนหลังถึงเหตุการณ์นั้น มันยังคงฝังลึกอยู่ในใจของผม เพราะมันเป็นวันเวลาที่ไม่อาจลบเลือน...วันเวลาตอนที่เธอเดินจากผมไป ไกลแสนไกล วันเวลา...ที่เธอเดินออกไปกับเขา...
“พี่บอลล์ขอบคุณนะค่ะ ^O^” เสียงเบลล์ดังลั่นขึ้นเพื่อเตือนสติผมว่าผมได้ช่วยงานจนหมดหน้าที่และกำลังจะกลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของไอติมอีกครั้ง...
“อ้อ พี่บอลล์... ติมมีอะไรจะถาม...” อย่างเธอจะมาถามอะไรผมได้ ในเมื่อผมมันเป็นได้แค่คนไร้ค่าที่ควรจะเป็นเหมือนคนไม่รู้จักคนหนึ่งที่คอยเดินผ่านไปมาโดยไม่จำเป็นที่จะทักทายกันด้วยซ้ำไปในสายตาของเธอ...
“มีอะไรครับ...” ผมยังทำไม่ได้อีกแล้วใช่ไหม ผมจะต้องคอยทนเจ็บกับทุกๆครั้งที่เธอคอยเรียกชื่อผมและขอความช่วยเหลือจากผมอย่างนี้ตลอดไปไหม...
“อ้า... ติมลืมไปแล้วอะว่าจะถามอะไร แหะๆ ขอโทษนะค่ะ เดี๋ยวนึกได้เมื่อไหร่ติมมาถามเองละกันนะค่ะ ^O^” หลังจากนั้น ดิวก็เข้ามาทักทายผมกับน้องก่อนพาไอติมไปส่งที่บ้านเธอเหมือนเคย
“พี่บอลล์... เบลล์ขอโทษค่ะ ต่อไปนี้เบลล์จะพยายามไปบ้านเขาแทนดีไหม พี่จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเขา...” เบลล์คงเป็นคนเดียวจริงๆที่ผมสามารถไว้ใจและเพิ่งพาได้ เธอรักและเป็นห่วงผมด้วยความเมตตา ผมเองก็ยังต้องสงสัยว่าเธอจะเห็นพี่ชายคนนี้เป็นผู้ชายอ่อนแอที่ไร้เรี่ยวแรงไปตลอดไหม แต่คำตอบที่ผมได้มาทุกๆครั้งก็จะเหมือนเดิม... เธอยังยืนยันว่าทุกๆคนก็เป็นแบบนี้เพราะความรักไม่มีเหตุผล อะไรมันจะเกิดขึ้นก็คงจะต้องเกิดขึ้น ชีวิตไม่มีคำว่ายุติธรรม ดังนั้นทุกอย่างบนโลกนี้จึงเต็มไปด้วยคำว่าเสียเปรียบและได้เปรียบ คำว่าโชคดี และโหดร้าย ทุกๆอย่างขึ้นอยู่กับหัวใจเราว่าจะนำพาเราไปยังที่ใด...
วันต่อมาก็เป็นวันวาเลนไทน์ที่เศร้าหมองที่สุดในชีวิตผม ไอติมก็คงจะออกไปข้างนอกกับดิว... ผมคิดกับตัวเองขณะที่ที่เดินออกไปนั่งเล่นในสวนและแวะไปยังต้นกุหลาบ ปีนี้...ดอกกุหลาบบานออกมาแค่สิบสี่ดอกเท่านั้น เลขสิบสี่เหมือนจะบ่งบอกให้ผมรู้ว่าปีนี้คือปีสุดท้ายของอะไรบางอย่างซึ่งทำให้ผมควรจะมอบกุหลายแดงสิบสี่ดอกนี้ให้แก่ผู้หญิงคนนั้นที่ผมรักมากกว่าชีวิตของตัวเอง
ระหว่างที่ผมนั่งเฝ้ามองดอกกุหลาบอย่างเพลิดเพลินก็ได้เจอกับเธอคนนั้นที่ผมคิดถึงอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็มากับเธออย่างที่คาดการณ์เอาไว้แล้ว...
“พี่บอลล์!! ติมนึกออกแล้วๆๆ ^O^ เมื่อวานนี้ติมจะถามพี่บอลล์ว่าทำไมปีที่แล้วถึงไม่ยอมเอาดอกกุหลาบมาให้ติมล่ะค่ะ” ถ้าผมบอกความจริงไปเธอจะหาว่าผมไปคอยแอบมองเธอหรือเปล่า... ผมทำไม่ได้หรอก ผมพูดความจริงไปไม่ได้เพราะถ้าเธอรู้เข้าเธอคงจะเกลียดผมไปอีกนานเลย... จริงไหม?
“ก็... เลขสิบสามเป็นเลขอัปมงคลนี่นา มันจะนำโชคร้ายเข้ามาในชีวิตไง” ผมพยายามพูดจาให้มีสาระที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้เพื่อปิดบังความรู้สึกเว้งว้างในใจของผม
“ยังไงๆติมก็ไม่เชื่อในเรื่องพวกนี้อะ >O< แล้วยังปีนี้อีกล่ะค่ะ ^O^ พี่จะให้ติมอีกไหมล่ะเนี่ยย~” เธอถามผมเสียงอ่อยจนผมห้ามใจตัวเองไว้ไม่ได้อีกแล้ว ผมจึงต้องจำใจก้มลงเด็ดดอกกุหลาบสีแดงทั้งสิบสี่ดอกบนต้นกุหลาบในสวนและยื่นให้กับเธอ ผมเห็นดิวมองมาทางเราอยู่แต่ก็ท่าทางสบายๆไม่คิดอะไรดูจากสายตาที่เขามองมา เขามองไปที่เธออย่างเอ็นดู เพราะเขาคงเห็นเธอเป็นผู้หญิงขี้เอาแต่ใจคนหนึ่งที่ต้องได้อะไรที่เธอต้องการ...
“แล้วของปีที่แล้วพี่บอลล์จะชดเชยให้ติมไหม?” เธอถามมาอย่างนี้แล้วผมมีโอกาสเลือกด้วยหรอว่าจะให้ได้หรือไม่ให้ก็ได้...
“อ้า~ ดอกกุหลาบบนต้นหมดแล้วอะ เดี๋ยวพี่ไปหาซื้อมาให้นะครับ...” เธอพยักหน้าตอบ แล้วผมก็เดินออกมาจากบ้านตัวเองไปยังตลาดนัดใกล้ๆบ้านเพื่อที่จะไปหาซื้อดอกกุหลาบมาให้กับเธอ แต่ตอนนี้ก็เย็นแล้ว บางร้านก็เลยเลิกขายปิดร้านกลับบ้านไปเรียบร้อย แต่หลายร้านก็มีแต่ดอกไม้ชนิดอื่นด้วยสาเหตุที่วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์คนจึงนิยมดอกกุหลาบ มันเลยขายหมดก่อนไปแล้ว ทั้งหมดผมก็ได้เดินเข้าๆออกๆถามหาดอกกุหลาบแดงในทุกๆร้านมากว่าสิบสองร้านแล้ว
ในร้านต่อไปผมก็ได้เจอกับดอกกุหลาบสีขาวอยู่สิบสามดอกสุดท้าย ผมย้ำถามแม่ค้าอีกที่ว่ามีสีแดงไหม แต่เธอก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่านี่คือดอกกุหลาบสิบสามดอกสุดท้ายที่เธอมีอยู่ ผมจึงต้องรับมาในเมื่อผมเดินไปทั่วทั้งตลาดก็ยังมีเพียงแค่ร้านขายดอกไม้ สิบสามร้าน
“ทำไมเป็นสีขาวล่ะค่ะพี่บอลล์...” เสียงของเธอหดหู่ไร้ชีวิตชีวาไปในทันทีที่เห็นช่อดอกกุหลาบสีขาวในมือผม...
“พี่ขอโทษ... ทั้งตลาดมีแต่ดอกกุหลาบสีขาว แล้วก็มีแค่สิบสามดอก...”
“ไม่! ติมไม่อยากได้... ดิว กลับ...” เธอพูดกับผมอย่างเด็ดขาดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแข็งทื่อพร้อมกับผลักดอกกุหลาบช่อนั้นเข้ามาหาผมอย่างจัง เธอหันไปหาดิวและสั่งให้เขาพาเธอกลับทันที ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่เธอดูเหมือนว่าจะไม่มีความอดทนมองหน้าผมอีกต่อไป ด้วยสาเหตุอะไรนั้นแม้แต่ผมเองก็ยังไม่รับรู้ เธอก้าวออกไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว หากแต่เธอไม่รู้ว่าที่กำลังประจันหน้ากับหนึ่งในสิ่งที่อันตรายที่สุดในท้องถนน มันคือรถบรรทุกที่กำลังวิ่งตรงดิ่งเข้า จากมุมมองของเธอคงเหมือนไม่มีอะไร แต่จากตรงที่ผมกับดิวยืนอยู่ ก็เห็นมันพุ่งเข้ามาเต็มๆ
“ไอติม!!! ระวังงง!!!” สิ้นเสียงของดิว ผมก็ตัดสินใจทันทีว่าเพื่อเธอแล้วผมสามารถยกให้แม้กระทั่งชีวิตของผม ผมผลักเธอออกไปและแทนที่เธอโดยยอมให้รถบรรทุกทับเข้าอย่างจัง ถึงผมจะเตรียมตัวตายมาแล้วในครั้งนี้ ผมก็ยังใช้กำลังใจที่มีอยู่ควานเอาตัวรอดมาให้ได้จะอยู่ต่อไปเพื่อเธอถึงผมจะรู้ว่าจุดจบของชีวิตไม่ได้อยู่อีกห่างไกลเลย
“พี่บอลล์!!!~” เสียงร้องห่มร้องไห้ของไอติมดังขึ้นมาทันทีที่ผมล้มลง มันคือสิ่งที่ทำให้ผมแอบดีใจนิดๆที่เธอยังคงเป็นห่วงและรักผมอยู่ ผมรูสึกว่าความเจ็บปวดทั่วทั้งตัวของผมเห็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆหากต้องเทียบกับความเจ็บปวดในใจที่ผมต้องอดทนอัดอั้นมาในใจตลอดสิบสี่ปีที่ผ่านมา ผมอยากบอกเธอว่าชอบเธอทุกๆครั้งที่มองหน้าเธอ แต่ผมก็ไม่อาจรวบรวมความกล้าหาญทั้งหมดมาได้เพียงพอ ทุกๆครั้งผมก็จะต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นกลับลงไปในใจพร้อมกับกลายเป็นพี่ชายคนหนึ่งของเธออีกครั้ง ผมเชื่อว่าวันนี้และตอนนี้คือโอกาสสุดท้ายที่ทุกๆอย่างจะได้หลุดออกไปจากใจผม ผมไม่อยากให้ชีวิตของผมมีอะไรให้ค้างคาในใจ ผมเจ็บมามากพอแล้ว หลังจากวันนี้ชีวิตผมคงจบลงอย่างสบายใจเมื่อผมได้ระบายความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่นั้นออกไป ดังนั้นด้วยแรงที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดผมก็ตัดสินใจพูดออกไปให้กับเธอทันที...
“ติม... ฟังนะ... พี่บอลล์รักติมมากๆเลย และพี่ก็รู้ว่าติมเองก็รักพี่ แต่มันไม่เหมือนกัน... ติมเห็นพี่เป็นพี่ชายคนหนึ่ง ทั้งๆที่ติมเองก็คงไม่รู้ว่าพี่รักติมในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามาอยู่ในใจพี่และขโมยไปทั้งดวงไปตั้งแต่ติมเกิดมา ติมคงไม่รู้ว่าอดีตมันเป็นอย่างไรด้วยความทรงจำเพียงแค่นั้นที่ติมมีอยู่ ติมคงไม่รู้ว่าพี่เป็นคนแรกที่ติมได้เห็นด้วยซ้ำไป ทันทีที่ติมเกิดมาติมก็ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งติมลืมตาออกมาเห็นหน้าพี่เป็นคนแรก หากแต่พี่ไม่เคยที่จะได้เป็นคนแรกในดวงใจติมเลย พี่รักติมมากกว่าที่เคยรักใครมาบนโลกนี้ แต่ตอนนี้สิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นได้เพียงแค่อดีตที่ควรลบเลือน ส่วนปัจจุบันนั้นติมก็คงได้รับรู้เรื่องราวที่ฝังอยู่ในใจพี่มาตลอดสิบสี่ปีที่ผ่านมา อนาคตจะเป็นเช่นไรก็อยู่ที่ปาฏิหาริย์และพรหมลิขิตลิขิตที่จะก่อเกิดขึ้นเพื่อตัวของติมต่อผู้เดียว เพราะ ณ วินาทีนี้ติมจะสูญเสียพี่ชายคนหนึ่งที่รักติมมากกว่าคำที่จำกัดไว้ จึงต้องโดนลงโทษเป็นส่วนหนึ่งของโชคชะตาที่ถูกลิขิตให้พี่เป็นได้แค่นั้นและต้องจากติมไปตั้งแต่ตอนนี้... แต่ถึงยังไงติมก็ยังเป็นคนเดียวที่พี่รักและจะอยู่ในความทรงจำพี่ไปอย่างนี้ตลอดไป ดอกกุหลาบช่อสุดท้ายนี้ที่พี่จะให้ติมได้ก็ช่วยรับมันไปด้วยนะ ติมพูดเองว่าไม่ต้องการดอกกุหลาบสีขาว และพี่ก็เพิ่งได้ทำอะไรที่ทำให้ติมได้เห็นความหวังดีให้เป็นครั้งแรก พี่ยกทั้งชีวิตและจิตใจให้ติมได้หมดทั้งตัวและหัวใจ ขอเพียงแค่อย่างเดียวคือรับดอกกุหลาบช่อสุดท้ายที่พี่จะให้ติมได้กับมือของตัวเองโดยที่พี่อยากบอกติมว่าจำนวนดอกกุหลาบที่พี่ให้ติมอยู่ทุกๆปีไม่ใช่พียงเพราะอยากให้หรือพียงเพราะมันเท่ากับอายุของติม แต่สิ่งที่พี่อยากสื่อออกไปคือจำนวนปีที่เราได้รู้จักกัน หรือปี่ที่พี่คอยแอบมองติมอยู่ข้างเดียวอย่างนี้ตลอดมา...” สิ้นคำพูดของผม ผมก็หลับตาลงยื่นดอกกุหลาบที่เปื้อนคราบเลือดของผมให้ไปกับเธอ ตลอดเวลาที่ผมพูดอยู่นั้นเธอก็ทำได้เพียงแค่ร้องไห้และพร่ำเพ้อเรียกชื่อผมอย่างบ้าคลั่งโดยที่ไม่สนใจอะไรเลย เธอคงเสียใจมากด้วยหลายๆเหตุผลที่ผมได้พูดออกไป หากแต่ผมเองก็ยังไม่ทราบว่าเหตุผลที่ทำให้เธอได้ร้องไห้มากที่สุดนั้นคืออะไร ผมได้แต่หลับตาสนิทและนึกถึงอดีตของทุกๆความทรงจำที่มีให้กับเธอ... ไอติม...
“พี่บอลล์!!!!!!!”
...ผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่ผมจะรักตลอดไป...
ผลงานอื่นๆ ของ *ฝ่าฟ้า* ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ *ฝ่าฟ้า*
ความคิดเห็น