“โธ่เว้ย บ้าที่สุด!”
เสียงสบถจากริชาร์ด เบิร์คลีย์ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสายเมื่อเจ้าเด็กสองคนที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องมาเล่นจำอวดร่ายพายุโชว์ถูกพัดหายไปต่อหน้าต่อตาอย่างที่เขาช่วยอะไรไว้ไม่ได้ คทาเวทที่ถูกโยนหายไปในใจกลางพายุกลับไม่ทำให้มันสงบลงเลยสักนิดเดียว เขากัดฟันกรอด แต่ก่อนที่สองเท้าจะทันได้ขยับออกตามพายุที่พัดกระหน่ำห่างออกไปก็ต้องชะงักหยุดเพราะเสียงของใครบางคนเสียก่อน
“ไม่ใช่ความผิดของนายหรอกริช”
กระแสเสียงอ่อนโยนของนักพเนจรแห่งทริสทอร์พร้อมมือที่วางลงบนบ่านั้นช่วยให้จิตใจของเขาสงบลงได้เล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับหายไปหมดเสียทีเดียว ริชาร์ดเบือนหน้ากลับไปสบดวงตาสีเขียวมรกตของอีกฝ่ายอย่างว้าวุ่นใจ
“หมายความว่ายังไง? แสดงว่ารู้อยู่แล้วหรือว่าเรื่องมันต้องเป็นอย่างนี้?”
วิลเลี่ยมไม่ได้ตอบในทันที เขาเหม่อมองท้องฟ้าสีหมึกอยู่ครู่ใหญ่แล้วจึงค่อยเปรยออกมาว่า “พวกเขามาจากโลกเดิมเพราะความผันผวนของรอยต่อแห่งห้วงเวลา ตอนนี้เฟรินกับคาโลเพียงแค่กลับไปยังที่ที่พวกเขาจากมาเท่านั้น”
“นายหมายความว่า...” ดวงตาสีทองของคนฟังเบิกกว้างขึ้น “สองคนนั้นมาจากอนาคต?”
วิลเลี่ยมพยักหน้าช้า ๆ แล้วหมุนตัวกลับมานั่งบนม้าหินภายในสวนหย่อม เขารู้สึกเพลียแปลก ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรื่องอนาคตที่คาโลเกือบจะบอกเขาแล้วถ้าเขาไม่ห้ามไว้เสียก่อน...
แต่ก็ไม่ถึงกับ...เดาไม่ได้เสียทีเดียวว่าเรื่องนั้นมันเกี่ยวกับอะไร
ริชาร์ดมองฟ้าสลับกับมองหน้าเพื่อนที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนักในรอบหลายปีแล้วก็ตัดสินใจหย่อนตัวลงนั่งข้างกับหัวหน้าแผ่นดินประชาชน เขาเอามือเท้าคางหรี่ตามองเพื่อนสนิทราวกับกำลังจับผิดอะไรบางอย่าง
“ถ้าคนที่พูดอย่างนั้นคือวิลเลี่ยม กรีน...อะ ก็ได้ ๆ ฉันไม่มีอะไรจะสงสัยในคำพูดของนายหรอกนะ” ชายหนุ่มผมยาวถอนหายใจ “แต่ช่วงหลังจากศึกหมากกระดานเกียรติยศนายดูกลุ้มใจแปลก ๆ ว่ะวิล ถ้าเป็นอย่างที่นายบอก หรือเด็กพวกนั้นบอกเรื่องอะไรเกี่ยวกับอนาคตเหรอไง อย่าลืมนะว่ามีอะไรปรึกษาฉันบ้างก็ได้ ต่อให้เป็นจอมปราชญ์แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องกลุ้มใจนี่นา ใช่มะ”
“อนาคตเชื่อมต่อกันได้หลายสาย” แต่คนถูกถามทางอ้อมกลับไพล่ตอบไปอีกเรื่อง “สถานที่ที่สองคนนั้นจากมาเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของอนาคตเท่านั้น ไม่จำเป็นที่อนาคตจะต้องเป็นไปในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด เพราะคนเพียงคนเดียวไม่ได้เป็นศูนย์กลางของทั้งจักรวาล โลกไม่ได้หมุนตามชะตาของคน ๆ นั้นแต่เพียงผู้เดียว”
“นายน่าจะเป็นอาชีพจากนักพเนจรเป็นนักบุญ...” ริชาร์ดบ่นงึมงำ และนั่นทำให้วิลเลี่ยมหลุดขำคิกออกมา
“ถึงไม่ได้เป็น แต่ยังไงนายก็บอกว่าฉันเหมือนอยู่แล้วนี่”
“นั่นก็จริง”
นัยน์ตาสีทองคำจ้องมองคนข้าง ๆ ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่มากล้นจนแทบทะลุอก
เขาแน่ใจ...ว่าวิลเลี่ยมกำลังปิดบังบางอย่างเอาไว้
บางอย่างที่สำคัญ...บางอย่างที่กำลังรอพวกเขาอยู่ในอนาคตข้างหน้า
“เอ้อ ว่าแต่ว่าฉันจะทำยังไงเรื่องเจ้าเด็กจอมยุ่งสองคนนั้นดีล่ะเนี่ย” ริชาร์ดเกาหน้าแกรก ๆ เริ่มใช้มุกเปลี่ยนเรื่องซ่อนความกังวลของตัวเองอย่างที่วิลเลี่ยมทำบ้าง “คนนึงติดอลิเซียแจจนน่าหมั่นไส้ ส่วนอีกคนก็ดูบาโรจะถูกชะตาด้วยไม่ใช่น้อย นี่ถ้าบอกไปว่าฉันทำเด็กพวกนั้นหายไปในพายุจะมิโดนเจ้าคู่รักอี๋อ๋อคู่นั้นฆ่าตายเอาหรอกรึ”
เป็นอีกประโยคที่วิลเลี่ยมฟังแล้วแย้มรอยยิ้มขันออกมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นริชาร์ด เบิร์คลีย์ก็เป็นคนที่ไม่น่าเบื่อเลยสักนิด
อย่างน้อยเวลานี้...ขอแค่ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่า
เพียงเท่านี้จะได้ไม่ต้องหวนนึกเสียดายในภายหลัง
ขอแค่ได้ใช้เวลาในรั้วเอดินเบิร์กร่วมกับคน ๆ นี้ให้เต็มที่ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างต้องจากลาไปทำหน้าที่ของตนเอง
ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นเพียงความทรงจำ...เท่านั้นก็พอ
“วิล นี่ฟังที่ฉันพูดอยู่รึเปล่า หืม? เป็นอะไรไปน่ะ”
“แค่คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ”
นักพเนจรตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่เปลี่ยน แต่นั่นยิ่งทำให้ริชาร์ดรู้สึกกังวลหนักเข้าไปอีก จากนั้นเขาก็ทำอะไรที่แม้แต่จอมปราชญ์ยังคาดไม่ถึง คือคว้าไหล่เขาไว้แล้วยื่นหน้าเอาหน้าผากแนบหน้าผากด้วยความเร็วสูง
วิลเลี่ยมชะงักจากนั้นก็ขมวดคิ้วเรียวขึ้นนิดหนึ่ง แต่เขาก็ยอมปล่อยให้คนเอาแต่ใจอีกคนทำตามใจชอบไปก่อน
ดวงตาสองคู่สบกันในระยะประชิด ระยะที่ใกล้มากพอจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
“ถ้ามีใครผ่านมา...” วิลเลี่ยมเปรยด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “พรุ่งนี้อาจมีข่าวลือแปลก ๆ ในเอดินเบิร์กให้ได้ยินก็ได้นะ”
“อย่างเช่น?” นัยน์ตาสีทองคำของริชาร์ดส่องประกายระยับอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่เจ้าตัวยังค้างอยู่ท่าเดิมไม่ยอมขยับอยู่อย่างนั้น
วิลเลี่ยมแย้มรอยยิ้มละไม
“อย่างเช่น...หัวหน้าปราการปราชญ์คิดจะทำมิดีมิร้ายหัวหน้าแผ่นดินประชาชนผู้ไม่มีทางสู้”
ช่างเป็นคำพูดที่ขัดกับรอยยิ้มไม่แคร์สิ่งใดในโลกของนายนักพเนจรแห่งทริสทอร์คนนี้เสียนี่กระไร
“ทำมิดีมิร้ายอะไรเล่า” พ่อมดแห่งแอเรียสหัวเราะหึ ๆ แต่นัยน์ตากลับยิ่งแพรวพราวเข้าไปอีกจนไม่น่าเป็นที่ไว้ใจแก่สายตาคนมอง “คนเค้าแค่จะวัดไข้ให้แค่นั้นเองล่ะน่า อ้อ จริงสิ นายไม่สบายจริง ๆ ด้วยล่ะวิล ฉันก็ว่าอยู่ว่าทำไมจอมปราชญ์ของเราถึงดูหมองลงไปแบบนั้น”
“มั่นใจขนาดนั้นเชียว?”
“แน่นอน” ริชาร์ด เบิร์คลีย์ยิ้มยิงฟัน มืออีกข้างที่ว่างอยู่เกลี่ยเส้นผมสีทองของนักพเนเจรแล้วเลื่อนมาไล้บริเวณนวลแก้ม “ก็หน้าแดงซะขนาดนี้นี่นา”
“ฉันแน่ใจว่าฉันไม่ได้หน้าแดง ริช” นัยน์ตาสีมรกตฉายประกายสุขุมรู้เท่าทัน แต่ก็แฝงความอยากลองดีไว้ลึก ๆ “แต่เอาเถอะ ถ้านายยืนยันอย่างนั้นฉันจะกลับหอก่อนก็ได้”
“เดี๋ยวก่อน ยังตรวจไม่เสร็จ”
จบประโยคริชาร์ดก็ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ถามอะไรอีก ริมฝีปากโฉบปิดปากนักพเนจรแห่งทริสทอร์แบบฉับพลัน ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปในโพรงปากควานหาความหวานล้ำจากอีกฝ่ายทั้งยังเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของฝ่ายตรงข้ามอย่างหยอกล้อ มือใหญ่ดันท้ายทอยของร่างบางให้เงยหน้ารับจูบหนักหน่วงที่ประทับลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับจูบเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพออย่างที่ใจต้องการ
วิลเลี่ยมมีสีหน้าระอาให้เห็นกลาย ๆ แต่สุดท้ายเขาก็หลับตาพริ้มจูบตอบอย่างเสียไม่ได้
อันที่จริงหากเขาจะหาวิธีผลักริชาร์ดออกก็ไม่ใช่เรื่องยาก ติดแต่ตรงที่ใจส่วนลึกมันไม่อยากทำก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลยไปแบบนั้น
ยิ่งอยู่กับนายนานเข้าฉันเหมือนจะยิ่งเสียนิสัยแล้วนะริช...
นานเท่าไหร่ไม่รู้กว่าพ่อมดแห่งแอเรียสจะถอนจูบออก ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันเองแวบหนึ่งแล้วจึงเป็นวิลเลี่ยมที่ขยับตัวออกจากวงแขนของอีกฝ่าย นายนักพเนจรใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากพลางส่งสายตาอ่อนใจใส่เพื่อนสนิทไปพลาง
“ธรรมเนียมการวัดไข้ของแอเรียสนี่แปลกดีนะ” วิลเลี่ยมถอนหายใจ “หรือจะบอกว่าธรรมเนียมการปฏิบัติต่อว่าที่พ่อตาของแอเรียสมีปัญหาดี”
“นายไม่โกรธ?” กลับเป็นริชาร์ดที่เป็นฝ่ายประหลาดใจ เขามองคนตรงหน้าที่กำลังจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยด้วยสายตากึ่งไม่เชื่อ
“นายก็รู้ ฉันไม่ชอบโกรธใคร” นักพเนจรคนประหลาดตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ
เห็นได้ชัดว่าริชาร์ดไม่พอใจกับคำตอบนัก เขาขยับตัวเข้าใกล้วิลเลี่ยมอีกครั้งอย่างหงุดหงิด
“งั้นถ้าคนที่ทำแบบนี้กับนายไม่ใช่ฉัน นายก็จะไม่ว่าอะไรงั้นสิ”
“อย่าทำตัวเป็นเด็กสิ ริช”
“เด็กที่ไหนจะมาโมโหกับเรื่องแบบนี้กัน”
“แล้วทำไมนายต้องโมโหฉันด้วยล่ะ”
“ก็ฉัน...โว้ว!” ริชาร์ดเอามือตบหน้าผากแปะเมื่อนึกได้ว่าตกหลุมนักพเนจรบอบบางร่างน้อยตรงหน้าเข้าเสียแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ยินดีจะเป็นฝ่ายโดนเล่นเสียเองอยู่ดี “ฉันไม่อยากให้นายทำแบบนี้กับใครนอกจากฉันนี่นา”
ดวงตาสีเขียวช้อนขึ้นมาสบ ริมฝีปากบางที่ช้ำหน่อย ๆ จากการกระทำเมื่อครู่คลี่ยิ้มอย่างเดาใจไม่ออก
“ผู้หญิงที่คู่ควรกับนายมีอีกมากในโลกนี้ ริช ไม่มีเหตุผลเลยที่นายต้องเลือกฉัน”
“ก็เพราะไม่มีเหตุผล ฉันถึงเลือกไม่ได้” สีหน้าของริชาร์ดอ่อนโยนลงอย่างยากที่ใครจะได้เห็น “นั่นเป็นคำตอบที่ว่าทำไมคนที่ฉันรักจริง ๆ ถึงได้เป็นนาย วิลเลี่ยม กรีน”
วิลเลี่ยมหลุบตาลงต่ำ เป็นจังหวะเดียวกับที่ริชาร์ดขยับดึงตัวเขาไว้ในอ้อมกอด
“นายพูดกับผู้หญิงทุกคนแบบนี้หรือเปล่า?”
“แล้วถ้าฉันบอกว่าพูดแบบนี้กับนายแค่คนเดียว นายจะว่ายังไง”
คู่สนทนาเงียบไป พ่อมดหนุ่มเห็นดังนั้นจึงคิดเปลี่ยนเรื่อง เขาไล้นิ้วบนริมฝีปากบางที่มีรอยช้ำอย่างถนอม
“เจ็บมากไหม”
วิลเลี่ยมส่ายหน้าช้า ๆ เขาตอบเสียงเรียบไปอีกเรื่องว่า “ฉันปวดหัว”
คำตอบที่ทำให้ริชาร์ดขมวดคิ้วแล้วโอบร่างผอมบางของนักพเนจรให้เข้าใกล้ยิ่งขึ้น
“ก็ฉันบอกแต่แรกแล้วว่านายไม่สบาย”
“ไม่ใช่แค่จะแกล้ง?” วิลเลี่ยมส่งยิ้มให้เป็นเชิงเย้า ซึ่งนั่นทำให้ริชาร์ดกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยใจ
“ฉันไม่ได้คิดแต่จะแกล้งนายเสียหน่อย” พ่อมดหนุ่มร้องประท้วง แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ “หรือจะให้ฉันลองวัดไข้นายดูอีกทีเพื่อความแน่ใจ หืม วิลเลี่ยม”
คนถูกถามดันใบหน้าคมคายออกห่างอย่างแสดงเจตนาชัดเจนว่า ‘พอได้แล้ว’
“ฉันอยู่กับนายตลอดไปไม่ได้ ริช” นักพเนจรแห่งทริสทอร์ทอดถอนใจ “เราต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องทำ หลังจบจากที่นี่เราก็ต้องแยกกันอยู่ดี”
“เออ ฉันรู้ว่าฉันมันมีบัลลังก์รออยู่” ว่าที่คิงแห่งแอเรียสกล่าวยอมแพ้แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย “ว่าแต่นายเถอะ สรุปว่าจะนั่งบัลลังก์ทริสทอร์หรือเวนอลกันแน่ พ่อกับแม่นายเดิมทีก็เป็นรัชทายาทของทั้งสองประเทศเลยไม่ใช่หรือ”
เดอะ วากาบอนด์ ออฟ ทริสทอร์เบนสายตาไปสบกับหัวหน้าปราการปราชญ์อย่างสงบ และนั่นทำให้ริชาร์ดที่หันกลับมาสบตาเข้าพอดิบพอดีแทบปั้นหน้าไม่ถูก
“เฮ้ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิวิล นายก็รู้ว่าฉันกับบาโรเองก็รู้อยู่แต่แรกแล้ว” เขายิ้มแหย “ตกลงตอบฉันได้หรือยังว่านายจะนั่งบัลลังก์ของประเทศไหนกันแน่”
“เวนอล...”
“งั้นเหรอ เวนอลงั้นสินะ” ริชาร์ดมีสีหน้าครุ่นคิดขณะที่ยังโอบว่าที่จักรพรรดิเวนอลไว้หลวม ๆ อย่างถือสนิท “เวนอลกับแอเรียสใกล้กันจะตาย ยังไงฉันก็คงไม่เหงาหรอกเนอะ เพราะอยากเจอนายเมื่อไหร่ก็เจอได้นี่นา หรือนายว่ายังไง?”
นัยน์ตาของวิลเลี่ยมสั่นระริกวูบหนึ่งก่อนที่เจ้าของจะเสหลบ
“ฉันต้องมีราชินี และก็ต้องมีรัชทายาท”
คำพูดที่ทำร้ายจิตใจกันแบบกะทันหันจากปากของคนในอ้อมกอดทำเอาริชาร์ดสะอึก เขาก้มหน้าอย่างปวดร้าวกับความเป็นจริงที่คิดมาตลอดว่าจะหลีกหนี แต่หนียังไงก็ไม่พ้นเสียที
ใช่...มันเป็นเรื่องที่วิลเองก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
จักรพรรดิเวนอลองค์ปัจจุบันชิงตัวเจ้าหญิงมกุฎราชกุมารีของทริสทอร์มาเป็นราชินี และในเมื่อทั้งสองพระองค์มีโอรสเพียงคนเดียวคือวิลเลี่ยม ภาระหน้าที่ของผู้สืบราชวงศ์ของทั้งสองเมืองต่อไปคือโอรสธิดาของวิลเลี่ยมเท่านั้น
การใช้หนี้ของเวนอลต่อทริสทอร์...ที่หนีความจริงไปไม่ได้
“ทำไมกัน”
ใบหน้าของริชาร์ดมีรอยยิ้มประดับ แต่มันกลับเป็นรอยยิ้มที่บ่งบอกอารมณ์โศกเศร้าของเจ้าตัวอย่างชัดเจน
“ถ้าเพียงแต่ฉันเป็นแค่พ่อมดแห่งแอเรียส และถ้านายเป็นแค่นักพเนจรแห่งทริสทอร์...”
ฟังแล้วแววตาของว่าที่พระจักรพรรดิแห่งเวนอลก็หม่นลง
ใช่ หรือถ้าเพียงเขาไม่มีภาระหน้าที่แห่งราชวงศ์ผูกมัด...
“คนเราจะไม่ได้ทุกสิ่งที่ปรารถนาหรอกริช” วิลเลี่ยมเอ่ยเสียงเบาขึ้นในที่สุด “มนุษย์เลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกได้ที่จะยอมรับความเป็นจริง ไม่ว่ามันจะโหดร้ายแค่ไหนก็ตาม”
ต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปอีกครู่ใหญ่ ลมหนาวของยามราตรีพัดหวีดหวิวรอบกายให้สั่นสะท้าน ใบไม้จากต้นไม้ใหญ่ปลิวว่อน ต้นหญ้าสีเขียวลู่เอนอย่างไม่อาจยืนหยัดต่อต้านพลังอำนาจของสายลม บรรยากาศเหล่านี้ยิ่งชวนให้อารมณ์ความรู้สึกของคนสองคน ณ ที่แห่งนั้นกลับจมดิ่งลงไปอีก
พ่อมดแห่งแอเรียสถอดเสื้อคลุมของตัวเองห่มให้คนที่นั่งเคียงข้างกับเขาอย่างไม่พูดไม่จา วิลเลี่ยมเหลือบมองเสื้อคลุมบนไหล่แล้วหันมาส่งยิ้มขอบใจให้เขาแวบหนึ่ง ใบหน้าของนักพเนจรบัดนี้ดูซีดเซียวอย่างประหลาดจนริชาร์ดอดเป็นห่วงไม่ได้
“ถ้าไม่สบายก็กลับหอพักเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่งเอง”
“ไม่เป็นไร”
ทว่าคนที่แต่แรกบอกจะกลับคราวนี้ดันไม่อยากกลับ
“ตอนนี้สองทุ่ม เลยเวลาหอปิดแล้ว การประกาศตัวว่าเป็นหัวหน้าหอพักที่แหกกฎซะเองเหมือนจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่”
นั่นมันข้ออ้างชัด ๆ ...
พ่อมดคนเก่งแห่งปราการปราชญ์ขมวดคิ้วมุ่น ชักจะบอกไม่ถูกว่าระหว่างเขากับคนตรงหน้าใครดื้อกว่าใครกันแน่
“แต่นายไม่สบายนะ วิล”
“ได้อยู่กับนายก็พอ” นัยน์ตาสีมรกตคู่สวยช้อนมองคนเป็นห่วงอย่างแฝงประกายขำ “หรือไม่ชอบ?”
พอโดนเล่นไม้นี้คนอย่างริชาร์ดหรือจะยังคัดค้านได้ลงคอ เขามีสีหน้าจนใจอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี แต่สุดท้ายก็ดึงตัวหัวหน้าแผ่นดินประชาชนให้นอนลงหนุนตักของตนเองประมาณว่า ‘ข้ายอมแพ้เจ้าแล้ว’
“อากาศเย็น ระวังอาการจะทรุดแล้วกัน” เขาบอกพลางจัดเสื้อคลุมของตัวเองให้กลายเป็นผ้าห่มแก่คนสำคัญตรงหน้าอย่างห่วงใยแบบที่นาน ๆ ครั้งจะแสดงออกให้เห็น
“นั่นควรจะเป็นคำพูดของคนที่เพิ่งจะไปนอนห้องพยาบาลเป็นสัปดาห์อย่างนั้นหรือ” วิลเลี่ยมกลับหัวเราะขบขัน ดวงหน้าสีอ่อนยิ่งดูละมุนละไมลงไปอีกเมื่อมีรอยยิ้มอ่อนโยนแต่งแต้ม “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก มีจอมเวทย์แห่งเอเดนเป็นหมอนหนุนแล้วฉันจะอาการทรุดได้ยังไง จริงไหม”
“ทีอย่างนี้ล่ะน้า...”
ริชาร์ดส่ายหน้าดิกกับการกระทำที่ไม่คุ้นเคยของจอมปราชญ์สหายรัก
วิลเลี่ยมยังคงลืมตามองอย่างที่เขาอ่านความคิดไม่ออก แสงจันทร์สีเงินยวงต้องประกายผมสีทองของคนตรงหน้าให้สว่างไสว เค้าหน้าละมุนอ่อนโยนที่จะเวลาไหนก็ไม่เคยเปลี่ยนประกอบดวงตาสีเขียวดึงดูดใจคู่นั้นที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตา
ฉันหลงนายเข้าแล้วจนได้ วิลเลี่ยม...
“นายนอนเถอะ” ริชาร์ดบอก น้ำเสียงของเขาไม่มีวี่แววจ้องจะกลั่นแกล้งอย่างที่เคยสักนิด ตรงกันข้าม กลับดูหนักแน่นอย่างประหลาดแบบที่ไม่ปรากฏให้ได้ยินกันง่าย ๆ “ฉันจะอยู่กับนายเอง”
เป็นคำพูดที่ทำให้นักพเนจรหนุ่มยิ้มจาง เขาจ้องมองดวงตาสีทองที่ก้มมองมาเป็นสิ่งที่สุดท้ายก่อนจะปิดเปลือกตาลงเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทราในค่ำคืนที่แม้จะหนาวเหน็บ แต่กลับอบอุ่นในหัวใจอย่างประหลาด
ขอแค่ในเวลานี้...ที่นายอยู่กับฉัน
ฉันรู้ว่าเวลาของเราเหลือน้อยลงไปทุกที
ภาระหน้าที่ที่กำลังใกล้เข้ามา หน้าที่ที่จะแยกพวกเราออกจากกัน
และ...ความตาย
ความตายที่คงจะมาถึงตัวฉันในไม่ช้านี้ ฉันมั่นใจ
แต่ถึงเลือกจะเปลี่ยนแปลงได้ ฉันก็จะปล่อยมันไปให้เป็นอย่างที่สมควรจะเป็น
อภัยให้กับทางเลือกของฉันด้วย ริชาร์ด...
หากแต่ต่อให้ฉันเลือกเส้นทางสายนั้นก็ขอเพียงนายรับรู้ไว้ก็พอ
ว่าฉันยังรักนาย...เสมอ
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
มุม Writer'sTalk
ขอระบายนิดเหอะ วิลเลี่ยมเป็นตัวละครที่เขียนยากเหลือเกินอย่างที่พี่แรบบิทบอกจริงๆด้วย แต่งไปแต่งมาแป๊บเดียว เผลอๆหลุดแก๊กซะละ//โดนรีดเดอร์เอาขวดน้ำปาหัว หล่อนจะบ่นเพื่อ!?
โดยนิสัยเดิมแล้ววิลเลี่ยมเป็นคนที่ดูทรงภูมิแฝงความดาร์กกลายๆ พอจ้างให้เฮียแกมาเล่นบทนี้ผู้กำกับนี้แหละค่ะเหวอซะเอง
พอไรเตอร์แต่งเสร็จก็พอจะรู้เลยล่ะค่ะว่าทำไมไม่ค่อยมีคนแต่งคู่นี้ อะโหท่าน...ชั้นแค่แต่งฟิคสั้นก็แทบกระอัก วิล นายจะเขียนยากอะไรปานนี้ฟร้าาา!//โดนแม่ยกวิลรุมกระทืบ (อ้าว? แล้วฉันไม่ใช่fcวิลเรอะ???)
ถ้าให้จีบสาวแบบจอมปราชญ์ยังพอนึกภาพออก แต่นี่ดันเป็นเคะให้ตาริชของเราลวนลาม(!?)ซะได้ ถ้าตามท้องเรื่องก็พอจะนึกภาพออก แต่พอมาแต่งเป็นฟิคแล้วเส้นโลหิตในสมองข้าพเจ้าจะแตก orz
เหอ? ให้วิลเมะ? เอิ่ม...คุยผิดคนแล้วค่ะ (แต่ถ้ามีฟิควิลริชก็เผื่อแผ่กันมั่งนะ#อ้าวเฮ้ย)
แหม ก็คนมันรักคู่นี้นี่นาทำไงได้อ้ะ จะริชวิลหรือวิลริชหรือจะเป็นแค่เพื่อนสนิทก็ช่างเถอะ แค่มีสองคนนี้อยู่ด้วยกันก็ชอบสุดๆแล้วล่ะ
ป.ล. ขอให้มีคนแต่งคู่นี้อีกหลายๆเรื่องเลยเถ๊อะ เค้าอยากอ่านมากๆๆๆ เพี้ยง!!
ป.ล.2 ชอบชะมัดเลยแต่งฟิคพวกที่รักไม่สมหวังเนี่ย...อะคึๆๆๆๆ<<<โรคจิต =__=;;
ทั้งคู่อยู่ด้วยกันแบบคนรักไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ แต่แค่ฉากสั้นๆ แบบนี้ก็ทำเอาทั้งอบอุ่นหัวใจและน้ำตาไหลไปพร้อมกันเลย
อ่านแล้วคิดถึงฉากที่ริชาร์ดคิดถึงวิล ว่าเมื่อไม่มีวิลอยู่ ใครจะเป็นคนคอยสอนคอยเตือนเขา ฮืออออ ในนิยายเขาก็รักกัน(แบบเพื่อนสนิท)มากอยู่แล้ว พอในฟิคยิ่งเศร้าเลยยย
....บางทีริชาร์ดอาจจะไม่ได้เก็บตำแหน่งราชินีรอวิเวียน แต่อาจจะเก็บไว้ให้วิลเลี่ยมก็ได้ (ต่อมมโนฟุ้งซ่าน)
อยากให้แต่งคู่นี้อีกจังค่ะ ชอบบบบ
ไรท์แต่งดีมากค่ะ สั้นๆ แต่เราก็สัมผัสได้ว่าวิลเลี่ยมน่ารัก ; v ;
อื้อหือออ ไรท์วางระเบิดมากค่ะ อยากอ่านคู่นี้ แล้วเปิดมาเจอฟิคไรท์เป็นฟิคแรก อ่านไปแล้วรู้สึกแบบ ยังไม่พอ...ต้องการอีก แฮ่กๆๆ พอไปเปิดอ่านของคนอื่นแล้วเสียอารมณ์เลยY_Y
คือแต่งดีมากค่ะ
วิลในฟิคนี้นี่เป็ฯเคะในอุดมคติแบบ โฮรก....
ไม่ว่าจะเป็น เปรยด้วยน้ำเสียงสบายๆ ..หรือแบบ
"ฉันแน่ใจว่าฉันไม่ได้หน้าแดง ริช"
"นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบโกรธใคร"
"อย่าทำตัวเป็นเด็กสิ ริช"
"แล้วนายต้องโมโหฉันด้วยล่ะ"
ฆ่ากันเถอะค่ะวิลเลี่ยม... ถึงว่าทำไมริชหลงนักหลงหนา อา...~
ที่ว่าตัวละครนี้แต่งยาก ก็พอจะเข้าใจอยู่บ้างนะคะ 5555 แต่วางบทบาท กริยา คำพูดของคุณวิลออกมาได้ดีมากๆเลยล่ะค่ะ รู้สึกแบบว่า ...นี่สิ วิลเลี่ยม ใช่เลย...
ชอบอ่ะค่ะ ชอบจริงๆ ติดเลยY_Y อยากอ่าน คิลxโร ฝีมือไรเตอร์จริงๆน้า~ #แกล้งเปรยๆ
คือเป็นการวางบทบาทที่ดีมากจนไม่รู้จะหาคำอะไรมาบรรยายอ่ะค่ะ คือชอบมากๆจนไม่รู้จะยกอะไรมาเปรียบเทียบ ทำเอาเพ้อไปหลายวันเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับฟิคดีมีคุณภาพที่เอามาให้ชุ่มชื้นหัวใจนะคะ
แต่ทำไมอ่านๆแล้วตาแก่อ้วนๆหัวโลนชอบโผล่มา ไม่เข้าใจ
เสียอารมณ์หมด ฮ่าๆ
/โรคจิตชนิดหนึ่ง? 555
บรรยากาศแบบนี้หน่วงๆบอกไม่ถูก หายใจไม่ออก
มันอั้นๆนะ จะเศร้าก็เศร้าไม่เต็มที่ จะฟินก็ฟินไม่เต็มที่
คู่นี้แรร์จริงอะไรจริงทั้งที่เรียลมาก
ต่อให้เป็นความรักแบบมิตรภาพสำหรับคู่นี้ก็ยังชวนคิดอยู่ดีเนอะ555
แต่โคตรแรร์สุดๆ =_=
แต่งสนุกมากๆค่ะ
ฟิคของไรต์นี่เกือบทุกเรื่องเลยนะนี่
เเต่งได้ดีมากทีเดียวนะ
เรายังเเอบเขินๆลุ้นด้วยเลย
คิดเหมือนเราเลยเราว่าริชเจ้าชู้
วิลน่ารัก
ขอบคุณที่เเต่งมาให้อ่านนะจ้ะ
เราเคยพยายามเเหละ เเต่มันจะเเซดอะ
แทบตาย