เที่ยวบิน KLO877 มุ่งหน้าสู่ประเทศไต้หว้น (Intern.)
เที่ยวบิน KLO877 มุ่งหน้าสู่ประเทศไต้หว้น (Intern.) Written By : Mynameismed Med
ผู้เข้าชมรวม
762
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Part I - เที่ยวบิน KLO877 มุ่งหน้าสู่ประเทศไต้หว้น
จริงๆแล้ว ผมขอออกตัวก่อนว่าการไปฝึกงานต่างประเทศครั้งนี้้ ผมขอใช้คำว่า “บังเอิญ”
วกกลับมาเข้าเรื่อง ผมจึงเล็งหาที่ฝึกงานใหม่ และมีอยู่วันหนึ่งได้พบกับเพื่อนชื่อ
Part II - ตามติดชีวิตการสอนนักเรียนไต้หวัน (ระดับมัธยม)
พอวันรุ่งขึ้นคือวันแรกของการฝึกงาน ก็ได้ไปโรงเรียน WANLI JUNIOR HIGH SCHOOL ซึ่งอยู่นอกเมืองไทเปไม่ไกลนัก เรียกเขตนี้ว่า New Taipei City ด้วยความที่ผมเพิ่งมาใหม่บวกกับเพิ่งมาประเทศนี้เป็นครั้งแรก สัปดาห์แรกจึงยังต้องมีคนไปรับไปส่งตลอด ผมพักอยู่ในหอพักอาจารย์ ซึ่งใช้ระยะเวลาการเดินทาง 5 นาที จากหอพักถึงโรงเรียน โรงเรียนนี้มีชื่อเต็มว่า "วันลี จูเนียร์ ไฮสคูล" ตรงกับภาษาอังกฤษ Wanli Junior High School เป็นโรงเรียนรัฐบาล Publish มีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 180 กว่่าคน กับอาจารย์ราวๆ 20 ท่าน เป็นโรงเรียนไม่ใหญ่นัก ซึ่งห่างจากฝ่ายประถมศึกษาเป้นโรงเรียนเดียวกันห่างกันอยู่ 15 นาที จำนวนนักเรียนฝ่ายประถมศึกษาราวๆกว่า 400 คน ผมได้อยู่ในส่วนมัธยมศึกษาตอนต้น เกรด 7 เกรด 8 และเกรด 9 อายุราวๆ 12-15 ปี ซึ่งมีนักเรียนมาเรียนกับผมอยู่ 150 กว่าคนพอไปถึง ก็เข้าพบกับอาจารย์ใหญ่ Qing-Zhen Shih ซึ่งก็ได้ต้อนรับผมอย่างดี คุยกันสักพักก็พาไปแนะนำอาจารย์ โรงเรียน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และให้เวลาทำแผนการเรียนการสอน 1 สัปดาห์ เพราะเพิ่งมาใหม่ๆต้องปรับตัวสภาพอากาศที่เย็น (อุณหภูมิประมาณ 12-15 องศา)และการฝึกงานในฐานะอาจารย์ วิชาที่ผมสอนคือ วิชาลูกเสือ วิชาการแสดง วิชาภาษาอังกฤษ และหลักภาษาอังกฤษ(แกรมม่า) แต่ทางโรงเรียนบอกว่า วิชาลูกเสือ คือวิชาวัฒนธรรมไทยของคุณ อยากให้คุณสอนวัฒธรรมให้แก่เด็กนักเรียนของเรา ส่วนวิชาอื่นๆคุณสามารถปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม ตั้งแต่ตอนนั้นมาผมจึงสอน 4 วิชา ซั่งมีดังนี้ วิชาการแนะนำวิถึชีวิตคนไทยและวัฒนธรรมไทย ( วิชาลูกเสือ) วิชาดนตรี (วิชาการแสดง) วิชาการพูดในที่สาธารณะ (วิชาภาษาอังกฤษ) และวิชาเทคนิคการนำเสนองานหน้าชั้น (วิชาหลักภาษาอังกฤษ) ทั้ง 4 วิชาสอนเป็นภาคภาษาอังกฤษและมีอาจารย์ช่วยแปลเป็นภาษาไต้หวันอยู่ข้างๆ ทำให้การเรียนการสอนของผมกึ่ง biligua 2 ภาษา งานนี้ต้องขอขอบคุณอาจารย์ Yu-Ying Chien ที่ช่วยแปลภาษาให้กับทางเราและนักเรียน
ในชั่วโมงวิชาดนตรี เด็กมักจะชอบร้องเพลง ชอบเต้น ซึ่งก็เป็นผลดีต่อสภาพจิตใจของเด็ก ถ้าร่างกายแจ่มใส ร่าเริง อ่อ่นโยน จะทำให้เด็กรับรู้สิ่งต่างๆได้รวดเร็ว หลายคนอยากเรียนดนตรี แต่ไม่มีสตางค์เรียน เพราะค่าเรียนที่นี่แพงเหลือเกิน ไม่เหมือนประเทศไทย และประเทศไต้หวันไม่มีสถาบันสอนดนตรีหลายๆที่เหมือนบ้านเรา เด็กหลายคนก็มัวเมากับเสียงดนตรี เสียงร้องเพลง รู้แต่ว่าชอบร้องเพลงชอบเต้น แต่ไม่รู้วิธีการฝึก และไม่มีเวลาไปเรียนดนตรีด้วย พอเด็กเค้าเรียนหนังสือจบจากโรงเรียน ต้องไปเรียนกวดวิชาต่อจนถึง 3 ทุ่ม หลังจากกลับบ้านยังต้องทำการบ้านและอ่านหนังสืออีก จุดตรงนี้ก็เลยเป็นจุดที่ทำให้ผมต้องเป็นครูดนตรี เด็กอยากเรียนอะไรก็จะสอนให้ ต้องทำให้เค้ารู้สึกว่าเค้าเป็นคนคนหนึ่งที่มีความสามารถทางด้านดนตรี พยายามที่จะให้เค้าเข้าใจในเรื่องของดนตรีอย่างหยั่งลึก เพราะดนตรีคือสิ่งที่ละเอียดอ่อนในการเข้าใจ ต้องทำให้เค้าเข้าใจความเป็นธรรมชาติของดนตรี เด็กต้องเข้าใจวิธีการฝึกก่อนแล้วจึงจะต่อยอดไปทางที่ตนเองถนัดได้ คือ มันเป็นพื้นฐานทางดนตรีที่เด็กควรรู้ และตัวผมเอง ก็พอมีพื้นฐานอยู่บ้าง จึงสอนได้ไม่ค่อยยากเท่าไหร่นัก
หลังจากที่ผมสอนมาได้สักระยะหนึ่ง ซึ่งก็ผ่านไป 1 เดือน ทาง TN MANAGER ส่วนตัวของผม ก็เรียกตัวไปงาน PARTY ดินเนอร์ร่วมกันกับเพื่อนๆชาวไอเซคและนักฝึกหัดงานที่ทำงานเหมือนกัน แต่อยู่คนละโรงเรียน อยู่อีก 3 คน ( ชาวโปแลนด์ 2 คน ชาวมาเลเซีย 1 คน) รวมผมเป็นอีก 1 ทั้งหมด 4 คน เค้ามากันช่วงนั้นพอดี ประมาณ 8 สัปดาห์ (มีแต่ผมนี่แหล่ะ 12 สัปดาห์ ถือว่ากำไรนะ ฮ่าๆๆ) ช่วงเวลานั้นมาถึง ก็มีคนมาต้อนรับอย่างดี และเข้าไปในร้านอาหารยุโรป ร้านใม่ใหญ่มาก พอดีกับคนจำนวนประมาณ 20 คนได้ พอมาถึงก็ทักทาย พูดคุยกับเพื่อนๆที่ฝึกหัดงานด้วยกัน และก็สั่งอาหาร จำได้ว่า วันนั้นสั่งแฮมเบอร์เกอร์หมูไปจานใหญ่ ช่วงเวลาที่รอ ก็แนะนำตัวเองต่อหน้าเพื่อนๆอย่างเป็นกันเอง แล้วก็เล่นเกมส์กัน เกมส์มีชื่อว่า “ทายความจำ” เล่นไปจนกระทั่งอาหารมาและก็เล่นต่อจนกระทั่งจากลับ ก็ถือว่า มาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยว ได้รู้จักเพื่อนใหม่เยอะเลยหล่ะครับ ช่วงเวลาที่ผมได้หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นช่วงเวลาที่ผมได้พักจากการงาน บางสัปดาห์ก็ไปเที่ยวคนเดียวบ้าง บางสัปดาห์ก็ไปร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆในไอเซคอื่นบ้าง เป็นแบบนี้จนผ่านไป 2 เดือนครึ่ง มีเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาอีกเป็นช่วงๆ แต่คราวนี้เป็นของ TN MANAGER ส่วนตัวของผมอีกนั่นเองครับ โทรมาบอกว่า อาทิตย์หน้าว่างมั้ย จะให้ไปสอนเด็กประถม ประมาณ 1 คาบในไทเป สอนวิชาวัฒนธรรมไทย ซึ่งผมก็ตอบรับไปทันที สรุปว่าการมาไต้หวันครั้งนี้ก็ได้สอนเด็กๆด้วยแหล่ะครับ ฮ่าๆ
สอนไปสักพักก็ใกล้ถึงวันจบการสอนที่โรงเรียน Wanli Junior ด้วยความที่เดินทางในต่างประเทศไม่ค่อยบ่อยนัก จึงหาเรื่องที่จะอยู่ต่อโดยการไปร่วมกับเพื่อนๆที่ทำงานอยู่ในไอเซค แต่คนละสังกัดที่ดูแลเรา ซึ่งผมก็สนิทกับเพื่อนๆที่โน่นประมาณนึง จึงทำงานหรือขออะไรก็ไม่ค่อยมีปัญหา โครงการใหม่ของผมนี้ก็คือการสอนเหมือนเดิม แต่คราวนี้สอนมัธยมปลาย และเวลาไปที่ใหม่ก็ต้องมี TN MANAGER คนใหม่มาด้วย คนใหม่ของผมชื่อ Leo เป็น TN MANAGER ส่วนตัวคนที่ 2 (สังกัดไอเซค Chiao Tung อยู่ในอีกจังหวัดนึง) ซึ่งเข้ามาดูแลเรื่องการจัดตารางการทัวร์การสอนและความเป็นอยู่ ทำให้ต้องเดินทางจากเมืองNew Taipei City มาที่ Hsinchu และก็พักอาศัยที่เมืองนี้จนกลับประเทศไทย เพื่อนที่นั่นก็ให้การต้อนรับอย่างดี และก็ได้นอนพักอยู่ในอพาตเมนต์เดียวกันกับนักฝึกหัดต่างชาติอื่นๆ มีอินเดีย มาเลเซีย แคนนาดา และตอนหลังเพิ่มมาอีก 2 คือ ชาวอเมริกา (Washington DC) และอังกฤษ (London) สองคนที่มาหลังนี้เป็นผู้ชายเหมือนกัน ก็เลยได้พักห้องเดียวกันกับผม (แหม อะไรจาดีขนาดนั้นเนี่ย ฮ่าๆ) และผมก็ไม่พลาดที่จะตีเพื่อนซี้ทั้งสอง คนที่มาจากอเมริกา พ่อแม่เค้าเป็นระดับศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยเชียวนะ ส่วนคนอังกฤษพ่อแม่เค้าเป็นนักธุรกิจนะนั่น (ว้าว !` เจ๋งมากๆครับ ฮ่าๆๆ)
Part III - การเดินทาง ทำงาน และท่องเที่ยว
พอวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันแรกของการทำงาน TN MANAGER ก็ไปส่งผมเข้าโรงเรียนแต่เช้า(ทำเหมือนเราเป็นนักเรียนเลยแหะ ฮ่าๆ ) ลักษณะการทำงานของผมคล้ายๆการทัวร์คอนเสริต์เลย แต่มาทัวร์การสอนหนังสือแทน ฮ่าๆๆ ทาง TN MANAGER ก็ให้ตารางการสอนเรามา เราก็ไปตามตารางที่เค้าจัดให้มาครับ เช่น วันนี้สอนโรงเรียนนี้ อีกวันสอนอีกโรงเรียนนึง อีกวันกลับมาสอนโรงเรียนเดิมครับ มีโรงเรียนต่างๆก็หมุนเวียนกันไปครับ โรงเรียนที่ไปสอนก็มี National Hsinchu senior high school , National Experimental High School At Hsinchu Science Park , Chien-Kung Senior High School และ National Girl’s senior high school ทางโรงเรียนต่างๆได้เปิดคลาสให้เราสอนเป็นกลุ่มเล็กๆ คล้ายๆคราบเรียนชุมนุมในบ้านเรานั่นแหล่ะครับ วิชาที่ผมทัวร์การสอนก็คือวิชาวัฒนธรรมไทยและการพูดในที่สาธารณะครับ ก็สอนไปเรื่อยๆ จนถึงอาทิตย์สุดท้ายก่อนกลับครับ
อาทิตย์สุดท้ายก่อนกลับ ช่วงนั้นเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์พอดี ผมจึงโทรไปหาคนที่ผมรู้จักกันในเครืองบิน (เป็นนักธุรกิจทำงาน 5 ประเทศ ต้องเดินทางไปมาบ่อยๆ) เพราะเค้าบอกว่าอย่าลืมโทรหานะ จะพาเที่ยว ฮ่าๆ เค้าดีใจมากที่ผมโทรไปและอยากจะพบผมอีกครั้ง ด้วยความที่เค้าเป็นนักธุรกิจ ค่อนข้างจะยุ่ง เมื่อเค้าว่าง ผมก็เลยต้องรีบตกลงไปเสียก่อนครับ (ไม่งั้นพลาดหล่ะงานนี้ ฮ่าๆ) เมื่อเจอหน้ากัน เค้าทำท่าดีใจมาก และก็ชวนผมไปเล่นกีฬาขี่จักรยานครับ พาไปตลาดตอนกลางคืน Night Market พาไปชมพิพิธภัณฑ์ และพาไปทานข้าว ไปกับลูกๆเค้านะครับ เค้าแต่งงานมีลูกมีเมิยแล้ว อายุราวๆ40กว่าครับ ส่วนลูกๆน่าจะอายุประมาณ 8-9 ขวบ และก็นอนพักที่บ้านเค้า บ้านเค้าเป็นคอนโดค่อนข้างธรรมดา ไม่น่าเชื่อนะครับ คนที่มีพร้อมทุกอย่าง จะใช้ชีวิตเรียบร้อย อยู่อย่างสมฐะ และผมก็ได้พักห้องของน้องคืนนึงครับ ช่วงที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันก็ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวเกี่ยวกับการทำงานของเค้านะครับ และเค้าก็สอนผมหลายๆอย่างในเรื่องการใช้ชีวิต การเดินทางไปทำงานในประเทศต่างๆ การทำงาน และครอบครัว ซึ่งถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ยากจะหาได้ที่มีนักธุรกิจทำงานในต่างประเทศ จะมาให้ข้อคิดและสอนแบบเป็นกันเอง ไม่ถือตัวด้วย ละคืนนั้นผมจึงหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ผมต้องขอบคุณเค้าด้วยใจจริงๆครับ
12 สัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงแม่จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ก็ต้องบอกแหล่ะครับว่า “ประสบการณ์ล้วนๆ” ได้ทั้งเจอเพื่อนๆชาวไต้หวัน ได้เจอนักฝึกหัดต่างชาติ (จีน,มาเลเซีย,อินเดีย,โปแลนต์,แคนนาดา,อเมริกา,อังกฤษ) ได้เจอนักธุรกิจนานาชาติ ได้เจอเพื่อนเก่า(ออสเตรเลีย) ได้ทำงานกับครู-อาจารย์ ได้ทำงานกับเพื่อนๆนักศึกษามหาวิทยาลัย ได้สอนหนังสือเด็กๆ ได้มีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลาย
การเดินทางที่สิ้นสุดในครั้งนี้ นับว่าเป็นความโชคดีของผม แต่ความโชคดีของผมนี้แลกมาจากการหาโอกาสให้กับตัวเองและการไคว่คว้าโอกาสเอาไว้ เพื่อเปิดมุมมองให้กับตัวเอง และหาความท้าทายที่รอเราอยู้ในวันข้างหน้าครับ
สุดท้ายนี้ เอาวีดีโอที่ไปฝึกงานสอนหนังสือ ประเทศไต้หวัน มาให้ชมกันครับ คลิกที่นี่เลยครับ......
ผลงานอื่นๆ ของ M-E-D 1989 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ M-E-D 1989
ความคิดเห็น