ตอนที่ 33 : 26 : ความจริงที่ไม่อาจหลีกหนี
26
ความจริงที่ไม่อาจหลีกหนี
“ใครคือ...ผู้ที่จะเป็นราชา” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นพลางสอดส่องไปทั่วดันห้อง จนพบร่างของหญิงสาวทั้งสอง
“เป็นจินที่ดูดีกว่าจินของข้าเยอะเลยแฮะ” ถึงจะลำบากใจนิดหน่อยแต่มันคือเรื่องจริงที่ว่าจินตนนี้ต่างกับโอโรบัสตรงที่เหมือนมนุษย์มากกว่า
“นะ...นี่เหรอจิน”
สายตาดูตื่นเต้นเมื่อได้เห็นตัวจริง แม้มันจะไม่เหมือนภาพที่เธอคิดไว้ก็ตามที
แต่ลึกๆในใจกลับรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นอีกฝ่ายที่ไหนมาก่อน
ที่ๆ...ไกลแสนไกล
“ข้าคือจินแห่งความอิสระและความพังทลาย มีนามว่าเดคาราเบีย...” จินหนุ่มเอ่ยขึ้นและปรายตามองซีเรียเล็กน้อย สายตาที่จ้องมาดูอ่อนลงกว่าเมื่อครู่นักเขาก้มโค้งด้วยความนอบน้อมให้แก่ซีเรีย “ข้าต้องขออภัยแทนสัตว์ในดันเจี้ยนของข้าที่ทำให้ท่านเกือบฆ่าสหายของท่านจริงๆครับ”
“มะ...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ข้าเองก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรสักหน่อย ...จริงสิ! ข้าต้องการพลังของท่าน! ให้ข้าได้เป็นราชาได้ไหม!?”
คำพูดนั้นทำให้เขาคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ทว่า...
“ช่างน่ายินดี....แต่น่าเสียดายนักที่ข้ามิอาจมอบพลังของข้าให้แก่ท่าน”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเธอโดนปฏิเสธ...
“!! ทะ...ทำไมล่ะ! ทำไมถึงเป็นข้าไม่ได้!!”
“เดิมทีตัวท่านมีพลังมากกว่าพวกเราทุกคนมากนักจึงไม่จำเป็นต้องยืมพลัง”
แม้ซีเรียจะพูดเช่นนั้นแต่เฟอิซากลับมั่นใจว่ามันไม่ใช่ความจริง อีกฝ่ายต้องมีพลังบางอย่างแอบแฝงอยู่ในร่างเป็นแน่...
แม้จะไม่รู้ว่าพลังนั้นคืออะไรก็ตามที
“ขะ...ข้าไม่มีพลังอะไรสักหน่อย!!!”
เดคาราเบียส่ายหัวเบาๆ “...ไม่หรอกครับเมื่อครู่นี้ท่านได้แสดงพลังออกมาให้ข้าเห็นแล้ว ข้าบอกได้เพียงว่าท่านมีพลังที่มหาศาลอยู่ในร่างแต่ยังไม่สามารถใช้มันได้เนื่องจากพลังของท่านยังไม่ตื่น”
“แต่ว่า...!!”
“ขออภัยจริงๆครับ...”
สิ้นประโยคบรรยากาศถึงกับเงียบสนิทไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาเลยจนรู้สึกอึดอัดไปหมด เฟอิซาสังเกตได้ว่าตอนนี้สีหน้าของซีเรียถึงกับซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
ในเมื่อคนที่ต้องการจินมากที่สุดก็คือซีเรียแต่เธอกลับโดนจินปฏิเสธ
“นี่...เจ้าพอจะรู้ว่ามีคนอื่นเข้ามาที่นี่ก่อนพวกเรารึเปล่า?”
คำถามนั่นทำให้หญิงสาวเงยหน้ามองเดคาราเบียด้วยดวงตาที่มีความหวังอีกครั้ง ใช่...จุดมุ่งหมายของการเข้ามาที่นี่คือการมาตามหาซาลิมและพรรคพวก แต่เพราะความวุ่นวายเลยทำให้ลืมไปสนิท
แต่สิ่งที่ได้ตอบกลับมาคือการส่ายหน้า...
“...ไม่มีใครเข้ามาที่แห่งนี้นานแล้ว ตอนนี้มีเพียงแค่พวกเจ้าเท่านั้น”
คำตอบของอีกฝ่ายทำให้ซีเรียถึงกับคิดหนักเลยทีเดียว หากพวกนั้นไม่เข้ามาแล้วทำไมถึงได้บอกว่าจะเข้ามาข้างในนี้กัน
หรือว่า...พวกนั้นตั้งใจวางแผนให้มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว?
“ดังนั้นข้าขอยอมรับให้เจ้า เฟอิซา เป็นผู้พิชิตดันเจี้ยนแห่งนี้”
“ห๊ะ! ข้ามีโอโรบัสอยู่แล้วนะ! ถ้ามีเจ้ามาเพิ่มแบบนี้ข้าไม่แย่กว่าเดิมรึไง!”
“พูดเหมือนข้าอยากให้เจ้าเป็นผู้พิชิตดันเจี้ยนนักนะยัยทอม...”
“ว่าไงนะเจ้าจินปากเสีย!!”
เดคาราเบียทำหน้าสะอิดสะเอียนใส่อีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด “ก็เพราะว่าท่านผู้นั้นไม่สามารถใช้ข้าได้ ทางเลือกสุดท้ายก็คือเจ้า พูดตามตรงแล้วข้าไม่อยากเป็นจินของเจ้าด้วยซ้ำไป”
“ถ้าเลือกได้ข้าก็ไม่ได้เจ้าเป็นจินหรอกย่ะ!!!”
หลังจากนั้นก็เกิดสงครามย่อมๆระหว่างราชาผู้ถูกเลือกและจิน...
“เฟอิซา...”
เสียงเรียกจากหญิงสาวผมดำทำให้ต้องละสายตาจากจิน “อะไร!!!” แต่น้ำเสียงตะคอกเอาซะซีเรียกชะงักไปนิดๆ
“คือแบบว่าในเมื่อซาลิมไม่ได้เข้ามาในดันเจี้ยนนี่ แล้ว..พวกนั้นบอกว่าจะเข้ามาทำไม?”
คำถามของซีเรียทำให้เฟอิซานิ่งเงียบไป ทั้งคู่ก้มหน้าครุ่นคิดอยู่เสียนาน
จนในที่สุดก็คิดออก...
“แย่แล้ว!!!!”
ทั้งคู่ตะโกนออกมาเสียงดังเมื่อพึ่งนึกได้ว่ามันคือแผนของซาลิมที่หลอกให้พวกเธอเข้ามาโดยใช้ประโยชน์ตรงที่ช่วงเวลาที่เหลื่อมกันภายในดันเจี้ยนกับภายนอกมายืนยันว่าลูกสาวของเขาตายและนำไปบอกเจ้าเมืองเพื่อทำการยึดเมืองนูลลา
หลังจากที่จัดแจงเก็บสมบัติในห้องเดคาราเบียจึงสร้างวงแหวนเวทย์เชื่อมต่อกับโลกภายนอกส่งทั้งสองคนส่งขึ้นไปสู่เบื้องบน
“ข้าเองก็คงต้องไปเช่นกัน...”
ยักษ์สีฟ้าเอ่ยก่อนจะหายเข้าไปในดาบสั้นของเฟอิซาที่ซีเรียคืนให้...
.
.
.
.
.
.
วิ้งงงงง!!!
“ว้าย!!!” เด็กสาวผมน้ำตาลโทนแดงร้องเสียงหลงเมื่อตกลงมากระแทกกับถุงบรรจุสมบัติถุงโตหลายใบตามด้วยกระแทกกับพื้น ในขณะที่ซีเรียลอยลงมานั่งบนพื้นเบาๆ ตอนนี้พวกเธออยู่ในหลุมขนาดใหญ่ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของดันเจี้ยน
“เจ็บๆๆๆๆ!!! ให้ตายเถอะเจ้าจินนั่นไม่คิดจะส่งข้าดีๆเหมือนซีเรียบ้างเลยรึไง! เจ้าเป็นไงบ้างล่ะซีเรีย?”
“ขะ...ข้าไม่เป็นไร เรารีบกลับไปดูในหมู่บ้านกันเถอะนะ”
“อืม...เข้าใจแล้ว”
ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไรแล้วตีหน้ายิ้มแต่ถึงอย่างนั้นสีหน้าของอีกฝ่ายซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะงั้นเฟอิซาก็ไม่คิดจะถามอะไรออกมาก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงไปทางออกของป่า ทว่าเด็กสาวกลับเหลือบไปเห็นบางอย่างเข้า...
“!! หมอบ!” มือเล็กๆกดหัวของซีเรียลงทันทีที่เห็นพวกทหาร
“ทำอะไรน่---”
“เงียบก่อน!!”
เธอเอามือปิดปากของซีเรียไว้เพื่อไม่ให้ส่งเสียงดังออกมาและแอบซุ่มมองตรงพุ่มไม้
ภาพตรงหน้าที่เห็นคือหมู่บ้านนูลลาที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มกลับกลายเป็นว่าเงียบจนแทบจะเหมือนกับเป็นหมู่บ้านร้างเสียมากกว่า เท่าที่ดูจากทิศทางของพระอาทิตย์ช่วงนี้ควรเป็นเวลาของการค้าขายแต่กลับไม่มีใครออกมาขายของเลยสักคนเดียว มีเพียงชาวบ้านไร้รอยยิ้มและทหารไม่คุ้นหน้าคุ้นตา
หญิงสาวดึงมือของเฟอิซาลง ในตอนนี้ใบหน้าซีดเผือกไปหมด “กะ...เกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้าน”
“เจ้ากลับไปรอที่นั่นก่อน เอาผ้าของข้าไปคลุมตัวไว้ด้วยก็ดี”
“เข้าใจแล้ว...”
พยักหน้าตอบและรับผ้าจากอีกฝ่ายมาคลุมตัวซ่อนอยู่ในพุ่มไม้แถวนั้น ส่วนเฟอิซาแอบลอบเข้าไปในภายในหมู่บ้านแทน ซีเรียมองเด็กสาวนิ่งๆก่อนจะวิ่งตรงไปยังอดีตที่ตั้งดันเจี้ยน แต่ในใจกับนึกถึงเรื่องตอนอยู่ในเสาแสงสีทองตอนออกมาโลกภายนอก...
.
.
.
.
ในเสาแสงสีทองที่เห็นตอนเข้ามาภายในดันเจี้ยนครั้งแรก ตอนนี้ซีเรียนั่งอยู่กับเดคาราเบียเพียงแค่สองคน เพราะอีกฝ่ายรู้ดีว่าเธอมีคำถามที่ต้องการถามแต่หญิงสาวกลับไม่พูดอะไรออกมา
คาดว่าคงกำลังเตรียมใจกับสิ่งที่จะได้ยิงกระมัง...
‘เดคาราเบีย...คือข้าอยากรู้สาเหตุว่าทำไมถึงไม่เลือกข้า...’
‘....ข้าสามารถบอกท่านได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น’
‘ดะ...ได้ แค่นั้นก็พอ ข้าเตรียมใจฟังไว้แล้ว...ขอร้อง เล่ามาเถอะค่ะ’
‘....ข้าบอกได้เพียงว่าในอดีตท่านคือผู้ที่เป็นใหญ่ในโลกก่อนหน้าราชาโซโลมอนนานนับหลายร้อยหลายพันปี แต่หาได้มีผู้ใดรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงนอกจากจินอย่างพวกเราเท่านั้น นั่นเป็นเพราะท่านไม่ยอมปรากฏกายออกมาให้พวกมนุษย์เห็น...อย่างที่ข้าได้บอกท่านไปเมื่อครู่ว่าพลังที่ท่านแสดงให้ข้าเห็นในดันเจี้ยนเพราะผีเสื้อมายาพวกนั้น ข้าสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าท่านคือท่านลูซิเฟอร์ หรือหญิงสาวที่มีนามว่าเลย์ลา’
คำตอบของอีกฝ่ายถึงกับทำให้ซีเรียนิ่งไปในทันทีถึงจะบอกว่าเตรียมใจก็ตามที สิ่งที่ได้ยินมันต่างกับที่คิดไว้เมื่อชื่อที่อีกฝ่ายเรียกตนเป็นชื่อเดียวกับผู้ชายและผู้หญิงซึ่งปรากฏอยู่ในความฝันของตน
‘ข้าคือ......ลูซิเฟอร์กับ...เลย์ลา?’
‘หากเปรียบเทียบกันแล้วนั้น...เลย์ลาเป็นเพียงร่างที่บรรจุลูฟของท่านเท่านั้น ส่วนพลังที่แท้จริงอยู่ในร่างท่าน และในตอนนี้นางตายแล้วจึงทำให้ลูฟเหล่านั้นกลับคืนมาหาท่านซึ่งเป็นร่างที่แท้จริง...และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมท่านถึงมีพลังมหาศาลนัก’
ซีเรียก้มหน้านิ่ง มือข้างที่ว่างกุมมือที่สั่นเทาของตน ‘....งั้นเหรอ...เพราะงั้นข้าเลย...ไม่สามารถมีจินได้’
แม้ว่าเธอจะดูเข้มแข็งแต่กลับอ่อนแอกว่าที่ใครหลายคนคิดนัก
เดคาราเบียพยักหน้าตอบรับอีกฝ่ายเล็กน้อย ‘ใช่ครับ.... เพียงแต่ว่าตอนนี้ตัวท่านไร้ความทรงจำเฉพาะบุคคลในอดีตที่อีกครึ่งร่างของท่านสมัยยังเป็นเลย์ลา ดังนั้นท่านจำเป็นต้องออกตามหามันเพื่อให้ทุกสิ่งในร่างของท่านสมบูรณ์’
‘หะ...หา!? หมายความว่ายังไง...! ข้าไม่รู้อะไรเลยนะจะให้ไปออกตามหาได้ยังไง!’
จินหลับตาลงเล็กน้อยเมื่อรับรู้ว่าใกล้จะถึงเวลาแยกกัน ‘ไม่หรอกครับ...ในตอนนี้คนที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำของท่านอยู่ข้างกายท่านแล้วหนึ่งคนครับ...’
‘เอ๊ะ...?’
‘......ราชาที่ข้ายังไม่ยอมรับ..เฟอิซายังไงล่ะครับท่าน...’
.
.
.
.
“เฟอิซางั้นเหรอ...” พึมพำเสียงเบาพลางเอนหลังพิงถุงสมบัติใบโต แม้จะเครียดเรื่องของตนเองแต่ในใจก็หวังเพียงแค่ว่าให้ครอบครัว เพื่อนสนิท คนรู้จักทั้งหลายและเฟอิซารอดปลอดภัยเช่นกัน
ทางด้านเฟอิซาตอนนี้กำลังเดินอยู่ในหมู่บ้านนูลลาส่วนที่เคยเป็นตลาด ยิ่งพอเข้าไปลึกขึ้นบรรยากาศกดดันมากขึ้นกว่าเดิม ทุกสายตาจ้องมองเธอด้วยความสงสัย
“บรรยากาศอึดอัดชะมัด” สบถเบาๆพลางสอดส่องไปทั่ว
เพล้งงงงงง!!!!!
เสียงบางอย่างดังขึ้นจนทุกมองไปเป็นสายตาเดียวกัน มันคือจานอาหารที่ตั้งใจนำมาเสริฟตกแตก ส่วนอาหารกระเด็นใส่ลูกค้าจนเลอะไปหมด ผู้ที่ทำก็คือเด็กสาวผมบ๊อบสีชมพูยุ่งเหยิง
สภาพของเธอดูเหนื่อยล้าจากการทำงานมาก
“แกกล้าดียังไงมาทำอาหารของข้าหก!!!แถมยังทำให้เสื้อผ้าข้าเลอะอีก!!รู้ไหมว่ามันแพงแค่ไหนกันยัยเศษสวะ!!”
“ขะ...ขออภัยด้วยค่ะ!!”
หญิงสาวไม่สามารถโต้ตอบได้มีแต่ก้มหน้ายอมรับให้ลูกค้าชายกระหน่ำเหยียบพวกชาวบ้านเองเท่าที่เห็นก็คงอยากเข้ามาช่วยแต่โดนพวกทหารขัดขวางไว้จึงเป็นไปไม่ได้
แต่ใบหน้านั่นช่างดูคุ้นเคยสำหรับใครบางคนนัก
“เด็กคนนั้นลักษณะคุ้นๆนะ.....แต่ก็ช่างเถอะ” ก้าวเท้าเดินตรงไปหาทั้งสองคน
“แกตาย!!” ชายคนนั้นชักดาบออกจากฝัก มือง้างขึ้นหมายจะฟาดฟันใส่ร่างของเด็กสาวตรงหน้า ชั่ววินาทีนั่นเอง...
เคร้งงง!
มีดสั้นปัดดาบยาวของอีกฝ่ายจนกระเด็นไปปักพื้นท่ามกลางความตกใจของใครหลายๆคน
“นี่ลุง รู้ไหมว่าทำแบบนี้มันไม่ดีน่ะ...”
“กะ....แกกล้าดียังไงมาทำกับข้าแบบนี้!รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร!!...!!”
มีดสั้นจ่อคอของผู้ชายคนนั้นก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแฝงไปด้วยความน่ากลัวจนอีกฝ่ายถึงกัลกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากถึง อีกทั้งหน้าซีดเหงื่อไหลอาบหน้าเหมือนกับน้ำตก
“แล้วลุงล่ะ...รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?”
“วะ...ว้ากกกกกกกกกกก!” ไม่รีรอให้เด็กสาวทำอะไรต่อ เขาก็ตะโกนเสียงดังก่อนจะวิ่งหนีจากไป
เมื่อเห็นท่าไม่ดีเฟอิซาจึงหันไปมองผู้หญิงคนนั้น
“มานี่เร็ว!” รีบกระชากแขนของผู้หญิงคนนั้นให้ลุกขึ้นวิ่งตามตัวเองโดยเร็วเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นทหารพวกนั้นตีหน้าโหดวิ่งตามตนโดยเร็ว ทั้งคู่พากันวิ่งหนีหลบซ่อนตัวจากสายตาทหารถึงอย่างนั้นก็ยังคงโดนจับตัวได้ แต่ด้วยฝีมือการต่อสู้ของเฟอิซาจึงทำให้รอดออกมา ในที่สุดเธอก็พาอีกฝ่ายวิ่งเข้าป่าตรงไปยังอดีตที่ตั้งของดันเจี้ยน โดยตลอดเส้นทางการวิ่งเฟอิซาจะหันไปมองพวกทหารที่ตามมาทุกครั้งและเมื่อไม่พบจึงชะลอฝีเท้าลง “คง...คงจะพ้นแล้ว”
“ขะ....ขอบคุณมากนะคะที่ช่วย ขอบคุณค่ะ...” หอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อนแต่พอรู้ว่าตนเองรอดจากน้ำมือของทหารก็ทรุดลงไปที่นั่งกองบนพื้นทันที เฟอิซาหันกลับไปมองตามทางที่พวกตนวิ่งมา ใจนึกสงสัยว่าพวกทหารที่ตามมาหายไปไหนกัน...
ทั้งๆที่ยังเห็นตีโหดเหมือนจะฆ่าพวกเธอแท้ๆ
“ไม่เป็นไร พอดีเจ้าหน้าคุ้นๆเลยช่วยไว้เท่านั้นแหล่ะ ข้าแค่อยากรู้ว่า...”
“เฟอิซา!”
เสียงตะโกนเรียกทำให้เจ้าของชื่อต้องหันไปมอง ซึ่งก็คือซีเรียที่สวมผ้าคลุมปิดบังหน้าตายืนโบกมืออยู่ข้างๆถุงสมบัติใบโตก่อนจะไต่เชือกขึ้นมาจากหลุมไปหาทั้งคู่ แต่ผู้หญิงที่มากับเฟอิซานั้นนึกว่าเป็นคนอื่นเลยตกใจกลัวรีบลุกขึ้นวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังอีกฝ่าย
“ไง เก่งมากนะที่ยังรอดอยู่ได้น่ะ”
ซีเรียพยักหน้าเล็กน้อย “เดิมทีแล้วที่นี่ก็ไม่ค่อยมีใครเข้ามา เพราะงั้นก็เลยปลอดภัยน่ะ แล้วหมู่บ้านเป็นไงบ้าง?”
คำตอบที่มาก็พอจะชวนให้หายสงสัยกับคำถามเมื่อครู่ได้แต่กลับเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ย่ำแย่สุดๆเลยล่ะ จริงสิข้าพาคนมาด้วย” ดึงร่างของหญิงสาวซึ่งซ่อนอยู่ข้างหลังตนออกมาด้านหน้าอย่างง่ายดาย
ทันทีที่หญิงสาวโดนดึงออกมาซีเรียถึงกับนิ่งเงียบไปในทันที เมื่ออีกฝ่ายก็คือเมลเพื่อนสนิทของเธอเอง สภาพของหญิงสาวตรงหน้าต่างกับเมื่อก่อนอย่างมาก ใบหน้าซูบซีด ทั่วร่างเต็มไปด้วยรอยช้ำ เสื้อผ้าที่สวมอยู่เพียงแค่ดูก็รู้ว่ามันเป็นเสื้อผ้าเก่าแถมยังโทรมมาก
“....เมล”
เจ้าของชื่อเมื่อได้ยินน้ำเสียงคุ้นเคยจึงเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ ดวงตากลมโตเบิกกว้าด้วยตกใจ น้ำตาคลอไหลอาบใบหน้า “ซะ...ซีเรีย....ซีเรีย!!!” ตะโกนเสียงดังและวิ่งเข้าไปกอดอีกฝ่ายแน่น เธอปล่อยโฮเสียงดังไม่สนใจใคร ความล้าพวกนั้นหายไปในทันทีที่เห็นหน้าเพื่อนรักของตนเองอีกครั้ง
“เมล... ทำไมถึงมีสภาพแบบนี้กัน เจ้า....เจ้าผอมลงไปมาก” ลูบหัวของเพื่อนสนิทพลางก้มลงมองสภาพร่างกาย
“ฮึก...ข้าดีใจจริงๆที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่... ดีใจจริงๆ”
“อืม ข้ายังอยู่ตรงนี้” ปลอบโยนเพื่อนในอ้อมกอดตัวเองเบาๆ
“ก่อนจะซาบซึ้งกันช่วยตอบคำถามข้ามาก่อนว่าตอนนี้มันวันที่เท่าไหร่ ไม่สิ... พวกเราหายตัวไปนานเท่าไหร่?แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านนูลลากันแน่ ทำไมมันเกิดเรื่องแบบนี้?”
“สะ...สามเดือน ” ผละออกมาจากอ้อมกอดของซีเรีย ก่อนจะสูดหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อพยายามสงบสติอารมณ์ลง “พวกเจ้า...หายตัวไปสามเดือนเต็มโดยทุกคนเข้าใจกันหมดว่าเจ้าตายแล้ว เพราะได้ยินมาว่าเข้าไปในดันเจี้ยน ซึ่งนั่นทำให้พวกเราทุกคนเสียใจกันมาก และไม่นานเจ้าเมืองก็ยกอำนาจการดูแลให้กับซาลิม ซึ่งพวกเราทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าซาลิมเป็นคนของพ่อเจ้าและดูแลที่นี่มาหลายปีจึงทำให้เป็นคนที่พวกเราไว้ใจได้.... แต่มันไม่ใช่เลย หมอนั่น...หมอนั่นหลอกลวงพวกเรามาตลอด....ฮึก”
“เมล...” สุดท้ายเมลก็ทนไม่ได้ร้องไห้ออกมาอีกครั้งทำให้ซีเรียต้องกอดปลอบอีกฝ่ายเบาๆ
แต่เธอก็ยังคงกล้ำกลืนฝืนใจเล่าต่อไป
“ฮึก...หมอนั่น...หมอนั่นมีพลังแปลกประหลาดที่พวกเราไม่เคยเห็น หมอนั่นออกคำสั่งทุกอย่างจนทำให้เมืองของเราเป็นแบบนี้ได้ในเวลาไม่นาน จนทำให้ที่นี่มีการส่งออกทาสและก่อส่งครามขึ้นจนทำให้หมู่บ้านเป็นแบบนี้... พวกผู้หญิงในเมืองก็โดนจับไปเป็นทาสกามอารมณ์ของมัน ส่วนเด็กๆก็ถูกนำไปประมูลขายเป็นทาส ไม่พอ...หมอนั่นบังคับให้แม่ทั้งสองของเจ้าไปเป็นภรรยาของมัน แต่ข้าปฏิเสธเลยทำให้โดนพวกนั้นทำร้ายทุกวัน...”
คำว่า ‘ส่งออกทาส’ ทำให้ท่าทีของเฟอิซาเปลี่ยนไปเพราะดันไปนึกถึงใครบางคนที่อยู่จีซานซึ่งปรากฏออกมาด้วยภาพลวงตาของผีเสื้อมายาในดันเจี้ยน
ชายผู้เป็นพ่อแท้ๆของตัวเอง...
“เจ้าบอกว่า...แม่ทั้งสองของข้ากลายเป็นภรรยาของซาลิม ละ...แล้วท่านพ่อล่ะ!? ท่านพ่อเป็นไงบ้าง!”
เมลเช็ดน้ำตาและเงยหน้ามองเพื่อน “ท่าน...โดนขังอยู่ในคุกใต้ดินและโดนทรมานตลอดเวลา และ...และพรุ่งนี้ท่านกำลังจะโดนตัดหัวเสียบประจานต่อหน้าทุกคน”
“ตัด...หัว” ย้ำประโยคนั้นอีกครั้งเพื่อความมั่นใจว่าเพื่อนของตนเองไม่ได้พูดผิดไป คำตอบที่ได้กลับมาคือการพยักหน้าเล็กน้อยจากอีกฝ่ายหากเธอต้องการจะช่วยเหลือพ่อก็มีเพียงแค่คืนนี้เท่านั้น
ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้... จนเธอถึงกับเข่าอ่อนทั่วร่างรู้สึกหนักอึ้งก่อนจะสลบไป
“เฮ้ย!!!” เด็กสาวรับร่างของซีเรียเอาไว้ได้ทันท่วงทีไม่อย่างนั้นหัวได้กระแทกพื้นเป็นแน่ตั้งแต่ในดันเจี้ยนก็มีแต่ปัญหาเต็มไปหมดจนกระทบจิตใจไม่น้อยเพราะงั้นมาเจอเรื่องแบบนี้อักก็คงจะรับไม่ได้เป็นธรรมดา “ให้ตายเถอะ เพื่อนเจ้านี่เจอแต่เรื่องซวยตลอดเลย”
“ขะ...ข้าไม่รู้..แล้วซีเรียเป็นอะไรมากรึเปล่า?”
“นางไม่เป็นไรแค่สลบไปเท่านั้นเอง ถ้าให้ดี...ช่วยพาไปที่บ้านเจ้าได้รึเปล่า?”
“คงจะไม่ได้ เพราะถ้าเกิดพาไปพวกทหารต้องจับได้แน่นอน” หญิงสาวก้มหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย “แต่ถ้าเป็นบ้านของพวกพ่อค้าแม่ค้าล่ะก็ได้น่าจะได้เพราะพวกเขายังคงชอบเจ้าเมืองท่านเดิม”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเลย...”
เฟอิซาพยุงร่างของซีเรียขึ้นเพื่อให้หนุนตักของเมล ทั้งคู่รอเวลาให้พระอาทิตย์ตกดินจึงค่อยพากันเดินออกไปจากป่าโดยใช้เส้นทางลัดไปยังบ้านของแม่ค้า ปลอกข้อมือสีเงินของเธอส่องแสงออกมาอ่อนๆ
ทั้งคู่ไม่มีใครรู้ถึงบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปของซีเรียแม้แต่น้อย...
.
.
.
.
.
.
.
.
ลึกลงไปในความฝันอันมืดมิดเหมือนอย่างทุกครั้งที่เธอหลับใหล รอบข้างมีท้องฟ้ายามราตรีเต็มไปด้วยดวงดาวทอประกาย ซีเรียตอนนี้นั่งกอดขาซุกหน้ากับเข่าอยู่บนผืนน้ำกว้างไม่สนใจสิ่งใด สภาพร่างกายล่องลอยเหมือนกับเป็นวิญญาณ
‘ทำไมถึงต้องทำเรื่องแบบนี้กัน ทั้งๆที่เธอและครอบครัวไม่ได้ก่อเรื่องอะไรให้ซาลิมแม้แต่น้อยแล้วทำไมกัน.. ทำไม....’
คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวของซีเรียเต็มไปหมด เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไม...
‘...เพราะต้องการแก้แค้นยังไงล่ะ...’
เสียงของเลย์ลาดังก้องขึ้นมาจนต้องเงยหน้าขึ้นมามองเหล่าลูฟสีขาวรวมตัวกันกลายเป็นร่างของอีกฝ่าย
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าของเลย์ลาชัดเจน...
‘จริงอยู่ที่พวกเจ้ามิได้สร้างปัญหาให้ซาลิม... แต่เพราะชายคนนั้นเจอเรื่องร้ายมามากมายจนสาปแช่งโชคชะตาของตนและตกอยู่ในความเสื่อม ...เขาจึงคิดจะทำให้หมู่บ้านนี้เป็นเหมือนกับเมืองที่ล่มสลายที่ชายคนนั้นเกิดและเติบโตขึ้นโดยใช้ความสามารถและพลังจากภาชนะโลหะสีดำที่ได้รับมาจากพวกอัลซาเมน’
‘อัล...ซาเมน?’
‘พวกมันคือองค์กรณ์ลึกลับซึ่งอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆ โดยพวกนั้นมีเป้าหมายที่จะทำให้โลกนี้เกิดความผิดปกติและเกิดสับสนวุ่นวายจนตกอยู่ในความมืด...’
‘หมายความว่าที่ซาลิมสามารถทำให้เมืองนูลลาเปลี่ยนไปขนาดนี้ได้เป็นเพราะ...’
‘ใช่... เพราะชายคนนั้นมีภาชนะแห่งความมืดไงล่ะ’
ซีเรียนิ่งเงียบไปก้มหน้าซุกเข่าอีกครั้ง สีหน้าคร่ำเครียดมากขึ้นกว่าเดิมนัก... แค่จะช่วยพ่อก็ยังไม่รู้ทางออก ยังจะมาเจอกับผู้ที่มีภาชนะโลหะแถมเป็นภาชนะโลหะแห่งความมืดที่มีพลังมหาศาลอีก
‘ไม่เป็นไรซีเรีย...ข้าเข้าใจความรู้สึกเจ้าดี...’ อีกฝ่ายเดินมานั่งคุกเข่าข้างๆ มือโอบกอดร่างของหญิงสาวข้างกายและลูบปลอบเธอด้วยความอ่อนโยน
‘....ข้าไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ข้าไม่รู้เลยจริงๆ...’
‘ซีเรีย...’ อีกฝ่ายจับใบหน้าอีกฝ่ายซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของตนขึ้งมาจ้องมองใบหน้าเธอ ด้วยรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนทำให้รู้สึกสบายใจยิ่งขึ้น ‘...ตอนนี้เจ้ามีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น....และเจ้าต้องเลือกทางใดทางหนึ่งเพื่อตัวของเจ้าเอง...’
‘ทางเลือกของข้า...งั้นเหรอ’
‘ใช่แล้ว ทางเลือกของเจ้าก็คือ......’
.
.
.
.
.
.
.
.
“อือ....” ครางเสียงเบาเล็กน้อยก่อนจะดวงตาปรือมองเพดาน
“หืม?” เด็กสาวผมน้ำตาลแดงลุกขึ้นจากเก้าอี้กตรงมาหาซีเรีย “ในที่สุดก็ตื่นจนได้ เจ้าสลบไปตั้งหลายชั่วโมงแน่ะ”
ซีเรียชันตัวลุกขึ้นมองไปรอบๆห้อง ที่แห่งนี้ไม่คุ้นตายซะเลย “ที่นี่คือ...ที่ไหน?”
“บ้านของแม่ค้าขายผักที่สนิทกับเจ้าน่ะ นางดีใจมากเลยล่ะที่เจ้ายังไม่ตาย” เพื่อนสาวคนสนิทเดินมาหาซีเรียพร้อมซุปในมือ เธอยื่นชามซุปให้เพื่อนตน “ข้าว่าเจ้าทานซุปซักหน่อยนะ จะได้รู้สึกสบายใจขึ้น”
“....ขอบคุณจ้ะแต่ไม่ดีกว่าเพราะข้ามีบางอย่างที่ต้องทำ”
“ทำ? ทำอะไรเหรอ..?”
ซีเรียหันไปมองเพื่อนสาวคนสนิททั้งสองและคลี่ยิ้มบางให้ แต่ไม่นานใบหน้านั้นก็เปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยทั้งยังเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“.....ข้าจะไปช่วยท่านพ่อท่านแม่และ....จัดการซาลิม”
เฮือกก!!
ยามนี้ใบหน้าของซีเรียฉายแววความโกรธออกมาอย่างชัดเจนจนเฟอิซาและเมลถึงกับหน้าซีดลง สายตาอำมหิตท่อประกายสีแดงราวกับปีศาจร้ายจนเมลทำชามซุปตกพื้นแตกไม่เพียงแค่นั้นตัวเธอถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง อารมณ์ของซีเรียในตอนนี้แม้แต่เฟอิซายังคาดเดาไม่ได้เลยว่าคิดอะไรอยู่หรือเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่
และทางเลือกที่เลย์ลาว่าไว้มันคืออะไรกันแน่...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ลอลุ้นอยู่นะคะ ^^
คือตอนนี้จินเฮฮามากกก 5555
รออ่านตอนต่อไปนะครับ!!