ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Yaoi @@ รักรั่วๆ..พรต&รัน

    ลำดับตอนที่ #2 : Part 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.1K
      4
      5 มิ.ย. 56

    “โทนี่..ตกลงว่าไง” ผมออน Skype คุยกับโทนี่แบบเห็นหน้า
    มันอยู่อเมริกาดูแลกิจการอิเลกทรอนิกส์ของครอบครัว


     “กูส่งไปแล้ว..น่าจะถึงแล้วนี่หว่า ทำไมยังไม่ถึงวะ”


     “กูเพิ่งเข้าบริษัทฯ สำคัญมีใครรู้หรือเปล่า” ย้ำมันให้แน่ใจ


     “ของที่ส่งให้มึงนะเหรอ ไม่มีใครรู้ไม่ได้แพร่งพราย มึงเข้าใจวิธีใช้ที่กูอธิบายใช่เปล่า”


     “อืม..ติดขัดกูออนถาม แล้วเรื่องคนรักมึงเป็นไง ตกลงฝาแฝดเลือกจีบใครวะ..หญิงหรือชาย”
    อดแซวไม่ได้ แฟนมันเป็นคนอเมริกันหน้าตาดี เป็นแฝดชายหญิงอีกต่างหาก


     “หึหึ..กูจีบหญิงโว้ย! ตอนหลังพี่ชายไม่ยอมห่างน้องสาวตัวติดได้อีก
    กูกะจีบทั้งคู่ท่าทางไปได้สวย ไว้ลงตัวรวบหัวรวบหางก่อนนะมึง.. ฮะฮ่าๆๆ” หัวเราะมีความสุข


     “ระยำ..กะพญาเทครัว ไม่กลัวบ้านแตก”


     “ไม่หรอกน่า ระดับกูขอ 3P จัดสรรปันส่วนสบาย รอสำเร็จกูบอกมึงคนแรก
    ถามเรื่องกูแล้วไอ้พรตเป็นไง..ยอมอยู่ในโอวาทมึงเปล่า” พูดถึงไอ้รั่วผมอดยิ้มจนได้


     “คุยเรื่องเมียสุดหล่อเผลอยิ้มเชียวห่า..เป็นเอามาก..สัดรัน” มันแซว


     “ธรรมดาคนรักนี่หว่า เหมือนเดิมห่างหูห่างตาไม่ได้ ต้องพึ่งอุปกรณ์ไฮเทคมึงไง” บอกมันกลั้วยิ้ม


     “กุนซือเทพอย่างมึง แม่งเจ้าเล่ห์ตัวพ่อ..สัด” อวยกูอีก


     “กูเจ้าเล่ห์แล้วมึงตัวเหี้ย’ไร..ล่อทั้งพี่ทั้งน้อง” ขอคืนหน่อย


     “ฮะฮ่าๆ..ผลพลอยได้ ติดสอยห้อยตามไม่ยอมห่าง ไม่รวบยอดกูจะได้ซั่มเหรอสัด..คึคึ” จัญไรจริง


     “มึงมันหมาป่า..ไม่ใช่สิงห์ว่ะโทนี่”


     “สิงห์เจ้าเล่ห์มีถมเถ เอาตรงกลุ่มเรา 5 คน เจ้าเล่ห์ตัวพ่อทั้งนั้น
    เว้นแต่ไม่แสดงออกซึ่งหน้า ไอ้โต๋เทพสุดไม่งั้นพวกเราไม่แห้วตะเกียง
    ไอ้บอมย์ใช่ย่อยไม่เจ้าเล่ห์คงไม่ดอดมาต่อด๊อกเตอร์ถึงที่นี่หรอกน่า
    ควงสาวไม่ซ้ำหน้าถือว่าได้เปรียบรูปร่างหน้าตา ไอ้ห่านี่แรงกว่ากูอีก
    ส่วนไอ้กานเห็นมันแบบนั้นไม่เจ๋งจริงคงไม่เป็นผัวกรองกุมภ์..ฮะฮ่าๆๆ”
    นึกถึงเรื่องนี้ ผมพานขำตาม ไอ้ห่ากานแม่งสุดๆ ล่อรุ่นป้าในคราบสาวน้อย เจ๋งจริงว่ะ!..


     “ทำมาหัวเราะ มึงเองยกเป็นกุนซือเทพ ที่จริงมึงเจ้าแผนการโคตรๆ เจ้าเล่ห์กว่าใครอีก..สัดรัน” ชมกูซ้าาา!!!


     “ขอบใจที่ชม..คึคึ” หน้าด้านยอมรับดื้อๆ


     “กูหลอกด่าว่ะ..กร๊ากก” ทำทีเป็นขี่..สัดโทนี่


     “เหรอไอ้หรั่งตาขาว จะชมจะด่ากูถือเป็นเกียรติอย่างสูง
    ไม่เช่นนั้นคนอย่างมึงคงไม่ยอมหลุดปาก กูทำงานก่อนไว้คุยกันใหม่”
    ตัดบท มีเวลาคุยกับมันหลายนาทียังไม่ได้จับงานเป็นชิ้นเป็นอัน
    เพราะได้สมศรีมาเป็นเลขาแบ่งเบางานล้นมือไปได้เยอะมาก


     “เออ..ได้ของแล้วบอกกูด้วย” มันย้ำหนัก


     “อืม..ถึงมือแล้วกูบอก” ผมรับปาก เป็นการยุติบทสนทนาผ่านโลกออนไลน์
    ซึ่งอยู่กันคนละซีกโลก แถมมันยอมแหกขี้ตาไม่หลับไม่นอนทั้งที่เวลาต่างกันครึ่งรอบ
    เพื่อรอคุยกับผมอีก ซึ้งใจว่ะเพื่อน...


     “ขออนุญาตค่ะ..บอส” เสียงคุณสมศรีกดโฟนเข้ามา


     “เชิญครับ”


     “มีกล่องพัสดุจากอเมริกาถึงบอสค่ะ จะให้ดิฉันเอาเข้าไปให้ไหมคะ” มาแล้วสินะ


     “เอาเข้ามาเลยครับ” ไม่ถึงนาที เธอเคาะประตูก่อนผลักเปิด
    ในมือมีกล่องพัสดุปิดผนึกแน่นหนามาวางที่โต๊ะ กำชับเธออ้างผมไม่ว่างรับแขกแม้แต่
    ‘ไอ้รั่ว’ ห้ามรบกวนเป็นอันขาดจนกว่าผมอนุญาต เธอรับคำ สายตาไม่ตั้งคำถาม
    สมเป็นเลขาไม่ละลาบละล้วงมากความ รับคำสั่งปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ถูกใจผมสุดๆ


     คล้อยหลังเธอปิดประตูล็อกแน่นหนา ผมจัดการแกะกล่อง นำสิ่งที่ต้องการออกมา
    เป็นกล้องสอดแนมขนาดจิ๋วเชื่อมโปรแกรมคอมฯได้อย่างเหลือเชื่อ ตัวกล้องเป็นแบบไวเลส
    ลักษณะเหมือนกระดุมเม็ดเล็ก มีความคมชัดประสิทธิภาพสูงลิ่วสมราคาหลัก 7
    จริงๆ โทนี่ขายในราคากันเองแบบเพื่อนรักเพื่อนสนิท


     ตัวกล้องคล้ายกระดุมขอมันมา 4 เม็ด ใช้โปรแกรมชุดเดียวแบ่งเป็นหลายช่อง..
    อาศัยดูพร้อมกันได้ จุดประสงค์ติดห้องไอ้รั่วโดยเฉพาะ


     ขั้นตอนโหลดโปรแกรมลงคอมฯ กับโทรศัพท์มือถือไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อนมากนัก
    เหมือนการโหลดโปรแกรมทั่วไป ก่อนซ่อนไฟล์ในโฟลเดอร์ส่วนตัวที่มีรหัสป้องกัน
    แค่นี้ก็เสร็จสิ้นในส่วนซอฟแวร์ เหลือติดตั้งกล้องซึ่งผมแอบสำรวจเล็งจุดไว้ไม่มีพิรุธ
    เว้นการเข้าไปติดต้องเนียนไม่ให้ไอ้รั่วรู้ว่าผมแอบติดกล้องในห้องทำงานมัน


     [ว่าไง..คิดถึงกูเหรอ] กดสายไปหามัน


     “หึหึ..คิดถึงดิ มาหาหน่อย..รออยู่”  รีบสมอ้าง


     [เห้ย! พูดเล่นไม่คิดว่ามึงจริงจัง โด่! เมื่อคืนล่อซะอิ่มแปร้ไม่ครบเซเว่นคิดถึงกูแล้ว..คึคึ] 
    อดยิ้มตามคำพูดมันจนได้ พ่องมึงคิดได้..ไม่ครบเซเว่น มันหมายถึง 24 ชั่วโมง


     “วินาทีเดียวกูก็คิดถึงมึงแล้ว..รีบมานะ” หยอดกลับ นึกหน้ามันป่านนี้คงเห่อแดงเรียบร้อย


     [เชี้ย! หม้อกูสัด..ไปก็ได้ไปให้เห็นหน้า มึงได้หายคิดถึง คงมีบริษัทกูนี่แหละ
    รองประธานกรรมการโดนเรียกโดยผู้ช่วยฝ่ายการตลาดให้ไปพบถึงห้องทำงาน..
    อย่าให้ใครรู้เป็นอันขาดเสียการปกครองหมด คราวหลังคิดถึงกูก็หัดมาหาเองมั่ง ไม่ใช่โทรตาม..แม่ง]
    ฟังมันบ่นจับน้ำเสียงกำลังแก้เขินผมชัดๆ กลั้นหัวเราะท้องแข็งไม่ให้เล็ดลอดเข้าโทรศัพท์
    เดี๋ยวมันเหวี่ยงหนักกลายเป็นจริงจังจนได้


     “ขอรับท่านรอง..อย่าลืมสิครับบทบาทอีกอย่างท่านคือเมียผู้ช่วย
    ผัวคิดถึงสมควรมาให้เห็นหน้าสมเป็นศรีภรรยาที่ดีครับท่าน สามารถยกนิ้วให้
    ว่าท่านรองวางตัวเหมาะสมทุกบทบาท” ไม่วายหยอดอย่างมีเชิง
    คาดว่ามันคงกำลังกัดปากทำหน้าเหรอหรา แดงก่ำอย่างเคยแล้วแน่


     [พอๆ..เดี๋ยวเลี่ยนหนักแดกมื้อเที่ยงไม่ลง มึงพลอยไม่มีเพื่อนแดกด้วยนะโว้ย
    ผีเข้าหรือองค์ลงวะ..พ่อศรีเรือนสิงห์รัน] ฟังมันย้อนผมดิ


     “สีทำไมเรือน..กูสีหัวเคียวอย่างเดียวว่ะ..พรต” สวนคำผวน
    คุยกับมันเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ผมชอบมาก ไร้สาระแต่ผ่อนคลายประหลาด


     [เหี้ย!..คืนนี้มึงอดสี โทษฐานพูดไม่โดนใจกู] มันอายเห็นๆ คึคึ!


     “แต่กูมั่นใจไม่อด อย่ามัวลีลารีบมาบัดเดี๋ยวนี้” เลียนเสียงท่านเปาบุ้นจิ้นออกคำสั่ง


     [ขอรับ..ท่านเป้ารัน..กรุณารอหัวโด่ตรงนั้น ข้าน้อยจะรีบไปตัดหัวท่านเป้า ณ บัดนาว]
    ผมขำกร๊ากแบบไม่ต้องกั๊ก มันไม่ทันได้ยินแล้ว สังเกตสัญญาณไฟที่เครื่องดับ
    แสดงว่ามันวางหูกำลังมุ่งหน้ามาห้องผม ก่อนมันมาถึงต้องรีบหลบไปปฏิบัติตามแผน
    หลังล่อเหยี่ยวออกจากถ้ำได้สำเร็จ


     “คุณสมศรี ถ้าคุณพรตมาบอกให้รอในห้องไปพลางๆ นะครับ ไม่เกิน 5 นาที
    ผมกลับมา ถ้าเขาถามผมไปไหน บอกสั้นๆ ฉุกเฉินก็พอ..ตามนี้”
    กำชับเลขาร่างท้วมขั้นโคม่า เธอรับปากทันควัน


     “ได้ค่ะบอส” จากนั้นรีบฉากหลบไม่ให้ไอ้รั่วเจอ เห็นมันหายเข้าห้อง
    ถึงค่อยผลุบไปห้องมันเพื่อติดตั้งกล้องสอดแนมรุ่นจิ๋วให้เรียบร้อย
    แปะเข้ากับกล่องเสียบปากกาหนึ่งตัว ได้มุมเก้าอี้ทำงานมันพอดิบพอดีอีกตัว
    ติดกับไฟเพดานอีก 1 ตัว มองจากเพดานอีกมุม อีกสองไว้หน้าต่างมองประตูทางเข้า
    ตัวสุดท้ายติดตรงหัวม่านมองตรงโซฟารับแขกพอเหมาะเชียว


     เรียบร้อยดึงโทรศัพท์เปิดโปรแกรม เช็คความเรียบร้อยทั้งภาพและเสียง
    คมชัดจนต้องยกนิ้วยอมรับประสิทธิภาพอย่างชื่นชม
    สมเป็นไอ้โทนี่ยอดมนุษย์ไฮเทคกลุ่มผมจริงๆ
    งานนี้ต้องส่งของขวัญแทนการขอบคุณไปให้มันแล้วครับ...หึหึ


     “โทษที..เผอิญกูติดธุระกับลูกน้องไม่โกรธใช่ป่ะ”
    มาถึงผมเนียนเดินเข้าไปจับบ่า ก้มคลอเคลียซอกคอมันอย่างเอาใจ หูมันแดงหน้ากัดพิลึก


     “แม่ง..อย่าพิเรนทร์..ที่ทำงานห่า” ดูมันเขินผมครับ


     “กูขอโทษตามแบบฉบับ ไม่คิดปี้มึงที่นี่หรอก รอว่างจริงๆ ค่อยจับกดทีเดียว..หึหึ” ผมกวนกึ่งแหย่ขำๆ


     “สัดรัน..หัดมองกูเข้มมั่ง หน้ามึงอ่อนยิ่งกว่ากูอีก เป็นรุกหน่อยป้อกูใหญ่นะมึง กูไม่ได้แต๋วนะ..เหี้ย!”
    มันค้อนผมช่างตลก ตาคมเข้มมีตวัดหางตาใส่อีกต่างหาก หน้าไม่หล่อคงดูไม่จืดเชียวล่ะ


     “กูไม่ได้คิดว่ามึงแต๋ว คิดไปโน่นเลย” ผมออกตัว สาบานไม่เคยมองมันแต๋วแม้แต่น้อย
    ที่มันยอมทั้งที่มันหล่อเข้มกว่าผมอีก คมเข้มแมนเรียกพ่อ สาวหลงตรึม
    แค่มันรักยอมอยู่ในฐานะคนรัก..ผมก็ซาบซึ้งสุดๆ แล้ว


     “ปากมึงไม่คิด แต่การกระทำนี่ดิ เล่นแบบนี้กูขนลุก ไว้ตอนซั่มกันกูจะไม่ว่าเลยห่า
    เวลานี้ขอร้องอย่าทำกูแปรปรวน” มันระบายความรู้สึก ผมต้องรีบเบือนหน้าหนี
    ไม่งั้นได้หัวเราะฮาแตก ต้องใช้ความพยายามอดทนอดกลั้นอารมณ์ที่โดนผมจุดประจำสินะ


     “อยู่กันจนลูกเข้าม.1 เพิ่งรู้มึงหวั่นไหวกับกูง่ายขนาดนี้เชียวเหรอ” อดแหย่มันเขินไม่ได้สิน่า


     “ใครบอกกูหวั่นไหว แค่ไม่อยากแปรปรวนวูบวาบ ไม่ได้หวั่นไหว..ตีความเรื่อยเปื่อยนะ..สัด” มันแก้ตัวน้ำขุ่น


     “เหรอออ!!...บ้านกูเรียกอาการนี้ว่าหวั่นไหว แปรปรวนแล้วแต่เหอะ สรุปเป็นกับกูคนเดียวใช่เปล่า”
    ผมอยากต่อปากต่อคำต้อนมันมีความสุข เห็นหน้าตาเหรอหราหาทางไปแถๆ ของมันแล้ว..แอบขำ..


     “ครวยเหอะ..อารมณ์นี้ให้กูรู้สึกกับตัวผู้ไหนอีก นอกจากมึงสาบานได้
    กูแทบไม่มีมโนภาพถึงผู้ชายทำกระดอแข็งด้วยซ้ำ” คำพูดตรงไปตรงมาของมัน ทำผมหัวเราะจนได้


     “พรืด..ฮะฮ่าๆๆ” ขำจริงครับ


     “หัวเราะทำเหี้ย เดี๋ยวปั๊ดเตะหำแตก..ห่านิ” ฟังมันขู่ดิ


     “กูตลกสัด ดีใจที่มึงให้ความรู้สึกพิเศษกับกูคนเดียว” ผมไม่ได้อวย 
    แต่นับถือน้ำใจมัน นึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งที่มอบสิ่งดีๆ เหล่านี้ให้
    เสมอต้นเสมอปลายตลอดมาไม่เปลี่ยนแปลง


     “เออ..กูกลับล่ะ ได้เวลานัดคุณหญิงเพ็ญจิตร
    เพิ่งถอยอัญมณีลุ่มเจ้าพระยาที่มึงกับกูออกแบบเมื่อสองเดือนก่อน ลูกค้าประจำไม่ควรให้รอ”


     คุณหญิงเพ็ญจิตรคือลูกค้าไฮโซถูกตาไอ้ห่าพรตเป็นกรณีพิเศษ
    ชนิดยกลูกสาวใส่พานประเคนถึงตักได้คงทำไปแล้ว ท่าทางหมายมั่นปั้นมือจับไอ้พรต
    เป็นเขยขวัญให้ได้ ลูกสาวหน้าตาดีเปรี้ยวแสบทรวงกันเลย 
    พกความมั่นใจเกินร้อย ไม่รู้งานนี้พ่วงกันมาด้วยหรือเปล่า


     “เอาดิ..กูขอสะสางงานหน่อย เที่ยงเจอกัน” ปากบอก
    แต่ใจได้เวลาทดสอบประสิทธิภาพกล้องจิ๋วไอ้โทนี่ซักที


     หลังไอ้รั่วกลับห้อง ผมเปิดคอมฯจอแบนเข้าโปรแกรมเปิดกล้องส่องห้องทำงานมัน
    ไอ้รั่วยังมาไม่ถึงปราศจากสิ่งมีชีวิต รอไม่เกินสามนาทีร่างสูงสมาร์ทสวมเชิ้ตสีขาวแขนยาว
    กางเกงแสลคสีดำเข็มขัดหรูราคาแพงลิ่ว ดูง่ายแต่เนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า
    พาหน้าหล่อๆ โผล่เข้าประตูมา แอบเห็นมันผิวปากอารมณ์ดี


     เดินมาลากเก้าอี้พนักสูง หย่อนตัวเอนหัวเหม่อลอยครุ่นคิด
    เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวคิ้วขมวด หน้ามันเปื้อนยิ้มตลอดเวลา
    ทำผมที่แอบมองอยู่ถึงกับเผลอยิ้มตาม
    แค่เห็นอารมณ์มันในมุมที่ไม่คิดจะได้เห็น รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ


     แล้วหัวใจผมก็ฟูฟ่องพองคับอก เมื่อมือหนาแกร่งของมันเปิดลิ้นชัก
    หยิบรูปคู่ของเราใส่กรอบไซส์มาตรฐานออกมา จ้องตาคมหวามไหวระริก
    ฉายอารมณ์รำลึกความหลังจมดิ่ง ในรูปเป็นผมกับมันกอดคอกันถ่าย


     จำได้ติดตางานกีฬาสีตอนม.4 ปีที่ตะเกียงเป็นเจ้านางน้อยคู่ไอ้โต๋นั่งเสลี่ยง
    ตอนนั้นผมกับมันแย่งซีนกันดูตลกๆ สรุปเราถ่ายรูปด้วยกัน
    เป็นผมที่กอดคอมันบังคับกลายๆ มันแพ้กีฬาราบคาบตกเป็นจำเลยเรียบร้อย


    หน้ามันแดงก่ำ แต่ผมยิ้มมีความสุข ตอบไม่ได้สุขอย่างไร รำลึกความรู้สึกตอนนั้น
    สุขที่กำราบเหยี่ยวทระนงหลงตัวบ้าบอสำเร็จ ไม่นึกไม่ฝันมันจะเก็บรูปนี้ไว้
    ของผมมีแต่เก็บเป็นไฟล์ไม่ได้ปริ้นท์รูป มันเล่นอัดออกมาใส่กรอบเลยเว้ย!!!..


     “เจ้านายคะ..คุณหญิงเพ็ญจิตรขอพบตามนัดค่ะ”
    เสียงเลขาวัยกลางคนฝีมือเชี่ยวของไอ้พรต มรดกตกทอดจากพ่อมันบอกผ่านโฟนอิน
    ดึงมันกลับจากภวังค์ รีบซุกรูปเก็บลิ้นชักโต๊ะทำงาน ตอบเสียงทุ้มหล่อตามแบบฉบับของมัน


     “เชิญคุณหญิงครับคุณณี..รบกวนน้ำดื่มต้อนรับด้วยนะครับ”


     “ได้ค่ะเจ้านาย” รอไม่นาน ผู้หญิงบอบบางวัยเฉียดหกสิบ
    กรีดกรายเดินนวยนาดตามหลังเลขาคนเก่งไอ้รั่วเข้ามา
    ใส่เครื่องเพชรปานเยาวราชเคลื่อนที่ ทุกคอลเลคชั่นล้วนเป็นของบริษัทฯ เราทั้งนั้น
    ล่าสุดเป็นอัญมณีลุ่มเจ้าพระยา ชื่อคอนเซ็ปที่ผมกับไอ้รั่วร่วมกันออกแบบยกเซท
    มีตุ้มหู สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ตัวเรือนเป็นทองคำขาวฝังเพชรราคา 10 ล้าน
    จัดทำ 10 ชุด ขายเกลี้ยงตั้งแต่เปิดตัว


     “หวัดดีครับ..คุณหญิง” ไอ้รั่วลุกต้อนรับ
    ทักทายมีสัมมาคารวะก่อนเบี่ยงตัวออกจากโต๊ะทำงาน
    ตรงมายังโซฟารับรองลูกค้าทำหน้าที่เจ้าบ้านอย่างสมเกียรติ


     “ไหว้พระเถอะจร้า..หลานพรต” นับญาติอย่างสนิท


     “ครับ..ให้เกียรติมาเยือน คุณหญิงมีอะไรให้ผมรับใช้
    หรือต้องการมาดูคอลเลคชั่นใหม่ ตอนนี้ผมยังไม่ได้เปิดตัว ต้องรออีก 2 เดือน ชมดีไซน์ใหม่ๆ”
    ไอ้รั่วออกตัวหลังนั่งเรียบร้อย ผมฟังเนียนๆ อย่าคิดไม่มีงานทำล่ะ เคลียร์เอกสารเรียบร้อย
    รอสรุปจากฝ่ายการตลาดเรื่องแคมเปญญี่ปุ่น งานนี้ผมกับไอ้รั่วคงไปเอง ได้เจอไอ้กานที่นั่นแน่
    ไอ้ห่านี่หลังจบม.ปลายมันไปใช้ชีวิตที่นั่น เรียนที่นั่นลงหลักปักฐานที่นั่นเลย


     “น้าหญิงมาวันนี้ตั้งใจนำของดีมาแนะนำ”
    ท่าทางจีบปากจีบคอตามประสาไฮโซชั้นสูง กุลีกุจอตอบไอ้รั่วอย่างมีจริตจะก้าน

     “ของดี..อะไรครับ” มันมีสีหน้างง..ปนสงสัยชัด


     “อิอิ..นี่ไงจ๊ะ ของดีเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ”
    พูดพร้อมกับหยิบกล่องผลิตภัณฑ์วางโต๊ะกระจก
    รอยยิ้มและเสียงหัวเราะกระมิดกระเมี้ยนแฝงจุดมุ่งหมายอ่านได้ไม่ยาก


     “อะไรครับ..” หน้าตาไอ้รั่วยังงงไม่เลิก


     “นี่คือกากใยธรรมชาติบริสุทธิ์ ผลิตจากพืชพันธุ์ธัญญาหาร
    ใช้ชงกับน้ำร้อนดื่มดีท็อกซ์ลำไส้ ล้างสารพิษที่สะสมภายในตัวออกมา
    ไม่ว่าจะสารหนักตะกั่วสารหนู บลาๆๆ” คุณหญิงบรรยายสรรพคุณยาวเป็นหางว่าว
    ไอ้รั่วนั่งผงกหัวฟังด้วยอาการงงไม่สร่าง


     “แล้วยังไงครับ คุณหญิงเอามาให้ผมเป็นของฝาก”
    มันถามช้าๆ ชัดๆ นิ้วชี้ไปที่กล่องซึ่งเป็นประเด็นประกอบคำพูดไปด้วย


     “เปล่า..เอามาขายให้ลองทาน” ตาคมเข้มของไอ้รั่วเบิกโพลง
    ก่อนจะรีบปรับให้ปกติ มันคลี่ยิ้มการค้าแล้วถามอย่างสุภาพ


     “คุณหญิงทำธุรกิจพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมไม่เห็นทราบมาก่อน”


     “เพิ่งลงทุนไปต้นเดือนนี่เอง” เธอตอบด้วยใบหน้าภาคภูมิใจสุดๆ


    “โห!..เปิดบริษัทฯเลยเหรอครับ” ไอ้รั่วออกอาการทึ่งปนตื่นเต้น
    ร้อยวันพันปีข่าวคราวคุณหญิงเพ็ญจิตรทำธุรกิจไม่ยักมีกระแส
    จู่ๆ โผล่มาเปิดตัวกะทันหัน เป็นใครคงอดแปลกใจไม่ได้ ผมเข้าใจความรู้สึกไอ้รั่วมัน


     “ไม่เท่าไหร่หรอกหลานพรต น้าหญิงลงทุนแค่ 300 เอง”
    เธอปิดปากขำอย่างผู้ดี บอกอย่างติดตลกเมื่อเห็นไอ้รั่วตาค้าง


     “อะไรนะครับ ทำธุรกิจ 300 ไอ้กล่องนี่ราคาเท่าไหร่ครับ”
    ไอ้รั่วถามทันควันหลังได้ยินคำเฉลยจากคุณหญิงน้า..ซึ่งแทนตัวนับญาติไปแล้ว


     “พันสี่..ถ้าหลานซื้อสองกล่องลดเหลือสองพันสองนะจ๊ะ
    โปรโมชั่นประจำเดือนบริษัทจัดพิเศษ แต่ถ้าหลานพรตสมัครธุรกิจ 300 บาท
    ซื้อในราคา 980 แถมสร้างรายได้ต่อเนื่องยันลูกหลานเหลนโหลนเหลาลื้อ
    อูย..เป็นกอบเป็นกำ นับเงินหลักล้านไม่หวาดไม่ไหว..คิคิ”
    คุณหญิงเพ็ญจิตรพูดพร้อมกับกรีดมือในอากาศ
    เพื่อให้เห็นภาพคล้อยตามไปด้วย ผมกลับดูน่าเวียนหัวมากกว่า


     “เออ..ตกลงบริษัทชื่ออะไร  คุณหญิงเป็นเจ้าของเองหรือเปล่าครับ” ไอ้พรตเริ่มจับทางแล้วตอนนี้


     “ชื่อเทียนเส็งเป่ายุ่น ประธานบริษัทคุณxx สินค้ามีอย. ได้มาตรฐาน ISO หลานชายไม่ต้องกังวล
    ไม่ต้องสต๊อกคลังสินค้าไม่ต้องมีหน้าร้าน เราขายตรงเก็บเงินสร้างรายได้ ลงทุน 300 ตลอดชีพ
    สร้างทีมงานต่อยอดลึกสิบชั้น แผนการตลาดเป็นแบบนี้ น้าหญิงรบกวนเวลาหลานพรตไม่เกินยี่สิบนาที
    อธิบายแผนการตลาด รับรองหลานพรตมีความรู้พื้นฐานเป็นทุนจะเห็นโอกาสที่น้าหญิงนำมามอบให้”
    ผมกลั้นขำทันที พอรู้แล้วว่ากำลังพรีเซ้นต์ธุรกิจเครือข่าย


     “ผมเข้าใจแล้วครับ เป็นพวกเครือข่าย” ไอ้รั่วเปรยตรงๆ


     “อุ้ย! ไม่ใช่นะจ๊ะ ธุรกิจที่น้าหญิงนำมาแนะนำเป็นขายตรงจร้า
    ไม่ใช่เครือข่ายอย่าเข้าใจผิด” เธอรีบปฏิเสธทันควัน


     “หืม..ขายตรงยังไง” ไอ้รั่วก็ถามทันทีเช่นกัน


     “ก็นี่ไง..วิธีการนำสินค้าสู่ผู้บริโภคไม่ต้องผ่านคนกลางหรือนายหน้ายี่ปั้ว
    จากโรงงานสู่ผู้บริโภคโดยตรง” เธอกระหยิ่มยิ้มย่องสีหน้าอมภูมิความรู้สุดๆ
    เชิดไหล่คอตั้ง เหมือนผู้ทรงคุณวุฒินักวิชาการเต็มคราบ


     “เหรอครับ..ผมว่าไม่ใช่แหละ นี่เรียกเครือข่ายไม่ใช่ขายตรง
    มันอ้อมเห็นๆ ตรงยังไงกัน” ไอ้รั่วสำแดงเดช กลายเป็นผมนั่งขำ
    ฟังมันโต้คารมกับคุณหญิงเป็นเรื่องโจ๊กก่อนเที่ยงไปแล้ว 


     “ต๊าย!! ขายตรงสิคะหลานพรต น้าหญิงปฏิเสธเสียงแข็งเลยเชียว
    นี่แหละขายตรงสุดๆ ไม่ใช่ขายอ้อมเครือโข่งเครือข่ายอะไร”
    เสียงแหลมปรี๊ดสูงคัดค้านหัวชนฝา หลังไอ้รั่วยืนกรานเถียงเธอไม่ลดละ


     “มันจะตรงได้ยังไงครับ เห็นอยู่ชัดๆ คุณหญิงเอาสินค้ามาขายผม
    อ้อมเห็นๆ แถมอ้อมโลกข้ามน้ำข้ามทะเลอีกต่างหาก”
    เอาล่ะเว้ย!..เริ่มรั่วแล้วตอนนี้ สีหน้าคุณหญิงจากที่ยิ้มระรื่นเริ่มตึง
    ตาลงสีเขียวม่วงเริ่มตวัดค้อนไอ้รั่วไปหลายที


     “นี่แหละค่ะขายตรงหลานพรต ป้าอุตส่าห์หอบหิ้วสินค้ามาแนะนำหลานถึงที่เจอตัวจังๆ มันอ้อมตรงไหนคะ”
    เธอสะบัดค้อนพร้อมหางเสียงใส่มันไปอีกที


     “นี่แหละครับอ้อมสุดๆ ผมถามหน่อย..สินค้านำเข้าหรือในประเทศ”


     “ของนอกสิค่ะ ระดับน้าหญิงไม่บริโภคเกรดพื้นหรอกค่ะ ของดีมาจากเกาหลีเชียว
    เป็นที่นิยมอย่างล้นหลาม” เธอยืดอกคอตั้งอีกครั้ง


     “นั่นไงว่าแล้วต้องไม่ใช่ผลิตในไทย นี่แหละขายอ้อม คุณหญิงไม่ใช่เจ้าของธุรกิจ
    เจ้าของตัวจริงประธานบริษัทเทียนเส็งเป่ายุ่ยนั่นต่างหาก” ไอ้รั่วตัดบท


     “เป่ายุ่นค่ะ ไม่ใช่ยุ่ย” คุณหญิงแก้คำผิด ผมขำกร๊ากคนเดียว
    เป็นความหรรษาพาฮาจริงๆ เมียรั่วกับคุณหญิงตาตั้ง
    ตอนนี้ตาเธอตั้งเรียบร้อย หลังไอ้รั่วขานชื่อบริษัทเธอเพี้ยน


     “ครับยุ่นก็ยุ่น แต่คุณหญิงไม่ใช่เจ้าของ สินค้าไม่ได้ผลิตเองรับของนอกต่างหาก
    แบบนี้แหละอ้อมหลายทอดเชียวครับ อย่างคุณหญิงถือเป็นพลทหารเปรียบกองทัพมด
    ทำหน้าที่กระจายสินค้าและบริการสู่ผู้บริโภค ไม่ถือว่าขายตรง
    เรียกให้ถูกคือการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจมีสินค้าเป็นตัวเดินงานถึงจะถูก"
    ไอ้รั่วใจเย็นอธิบายอย่างมีหลักการ


     “งั้นเหรอคะ  ช่วยบอกน้าหญิงชัดๆ เข้าใจง่ายหน่อยเถอะ
    ตกลงขายตรงในความคิดของหลานชายมันยังไง ถึงจะพูดได้เต็มปากว่าขายตรง” 
    เธอสะบัดหางเสียงเน้นคำท้ายโดยเฉพาะทีเดียว


     “เบาๆ หน่อยก็ได้ครับคุณหญิง คำว่าตรงมันกระเด็นมานอนบนหน้าผมแล้วครับ”
    ฮะฮ่าๆ..ขำไอ้รั่วสุดๆ เล่นซึ่งหน้าเลยมัน มีเอานิ้วเช็ดประกอบ
    ให้คุณหญิงเห็นว่าน้ำลายแหมะแก้มมันตรงไหน คุณหญิงนักขายถึงกับหน้าแดงไปแล้วตอนนี้


     “ไม่เป็นไร ผิดพลาดได้ผมไม่ถือ ขายตรงในความคิดผม
    ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ คุณหญิงมาซื้อเพชรกับผมถึงบริษัทขอส่วนลดจากผมเป็นการส่วนตัว
    ตกลงซื้อขายกันเสร็จสิ้นม้วนเดียวจบเมื่อสองเดือนก่อน ยังจำได้ใช่ไหมครับ” มันย้ำ


     “จำได้สิคะ หลานชายลด 20% น้าหญิงต้องจำได้ไม่ลืม” เธอลดน้ำเสียงลงเป็นปกติ


     “นั่นแหละครับขายตรง ผมเป็นผู้ผลิตสินค้าเป็นเจ้าของธุรกิจ
    ขายให้คุณหญิงซึ่งเป็นคนมาซื้อด้วยตัวเอง แบบนี้เรียกขายตรง
    กรณีคุณหญิงชวนผมสมัครทำธุรกิจ ซื้อสินค้าที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ
    ไม่มีโรงงานผลิตของตัวเอง หาสมาชิกไปเรื่อยๆ
    เพื่อให้ซื้อสินค้าบริการของบริษัทเป็นการหมุนเงินในองค์กร
    จ่ายผลตอบแทนกลับมาเราเรียกว่า ‘เครือข่าย’ ถูกต้องที่สุด”
    หน้าคุณหญิงอึ้งค้าง เถียงไม่ออกกับบทสรุป


     “ช่างเถอะ เครือข่ายก็เครือข่าย แล้วหลานชายสนใจทำธุรกิจไหม
    ร่วมกันกับน้าสิ เราจะได้ผลตอบแทนเร็วขึ้น คนกว้างขวางไฟแรงมีหัวคิดอย่างหลานชาย
    ต้องประสบผลสำเร็จเร็ววันแน่” เธอเปลี่ยนกลยุทธ์หันมาโน้มน้าวไอ้รั่วแทน


     “โอ้! ไม่ล่ะครับ ผมไม่มีเวลาทำอะไรหรอกคุณหญิง แค่นี้ก็งานรัดตัวมากแล้ว” มันปฏิเสธทันที


     “แหมๆ..ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่หลานชายสมัครธุรกิจจ่ายเงินก้อนหนึ่งเพื่อทำยอด
    จากนั้นก็รอรักษายอดซื้อผลิตภัณฑ์ทุกเดือน จะได้เงินปันผลตอบแทนกลับมาแน่นอน
    พอบริษัทเติบโตเราก็เติบโตไปกับบริษัทด้วย เป็นการลงทุนไม่สูญเปล่านะคะ” เธอยังพยายามโน้มน้าวต่อ


     “ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณที่หวังดีและมอบโอกาสกับผม แต่เรื่องสมัคร 300 เป็นสมาชิกผมไม่มีปัญหา
    ส่วนไอ้อาหารเสริมดีท็อกซ์ลำไส้ผมซื้อ 2 กล่องไม่ปฏิเสธ เรื่องทำธุรกิจผมไม่เอาครับ
    เพื่อไม่ให้คุณหญิงเสียเวลาในการมาพบผมครั้งนี้ ผมมีตุ้มหูทับทิมสยามน้ำงามคู่หนึ่ง
    เก็บกรุคอลเลคชั่นนับสิบปี ไม่เคยให้ใครมาก่อน จัดทำแค่ 20 ชุด มีแต่คนอยากได้
    ทางผมมีเหลือชุดเดียวอุบปิดเงียบ ภรรยาท่านรองนายกฯยังอยากได้ฝากบอกผมมาถ้ามีให้รีบนำมาปล่อย
    ผมยังปฏิเสธไปเลยครับ สำหรับคุณหญิงผมตัดสินใจ ตัดความเสียดายขายให้ในราคาพิเศษ สนใจไหมครับ”
    เอาแล้ว งานนี้ไอ้รั่วปั่นคืนบ้างแล้ว


     “ต๊ายย!! จริงเหรอคะหลานพรต  ไหนเอาออกมาชมเป็นขวัญตาหน่อยสิจ๊ะ ถูกใจรับรองน้ารวบทันที” เข้าทางมัน


     “ถ้างั้นรอสักครู่นะครับ ผมให้เลขาเบิกจากเซฟก่อน” เป็นอันปิดการขายเป็นที่เรียบร้อย
    กับชุดตุ้มหูทับทิมสยามราคาเจ็ดแสน ชุดนี้ไม่ได้เก็บกรุห่าเหวอะไรของมันหรอก
    ทำมายี่สิบชุดจริง เป็นแคมเปญตอนเปิดงานท่องเที่ยวทั่วไทยเหลือกลับมาชุด
    มองหาลูกค้าอยู่พอดี เข้าล็อกคุณหญิงเพ็ญจิตรมาถึงถิ่น ความตั้งใจชวนไอ้รั่วทำธุรกิจขายตรง
    เจอมันขายกลับปิดการขายเรียบร้อย


     “อูยยย!!..งามมาก ขอบใจหลานพรตมากนะจ๊ะที่เก็บชุดนี้ไว้ให้น้า
    อย่างนี้แหละไม่ให้น้าอยากดองญาติได้ยังไง ทั้งหล่อทั้งเก่งทั้งน่ารักแบบนี้
    ยัยเพ็ญแขของน้าถึงได้เพ้อ..อิอิ” ไอ้รั่วอึ้งกิมกี่ เจอมุกต้อนมุมเข้าเต็มๆ


     “เหอๆ..ดีใจที่คุณหญิงพอใจในสินค้าครับ
    ส่วนคุณเพ็ญแขผมคงไม่กล้ารับความปรารถนาดีหรอก
    เธอเหมาะกับลูกนักการเมืองใหญ่มากกว่ามาจมปลักกับพ่อค้าแบบผม”


     “โอย!! ถ่อมตัวแบบนี้แหละ ถูกใจน้าสุดๆ” กลับตรงกันข้ามเสียงั้น


     “ตกลงคุณหญิงเข้าใจขายตรงหรือยัง ผมขายตรงกับคุณหญิงเลย” ไอ้รั่วตัดบทดึงเข้าเรื่องการขาย


     “เข้าใจจร้า ต่อไปน้าคงไม่กล้าพูดขายตรงแล้ว เครือข่ายก็เครือข่าย
    หลานชายตรงไปตรงมาดีจังเลยเนอะ” เธอชมมันหน้าตาเฉย


     “หูยยย!! ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ บางครั้งผมก็อ้อมอย่ายกยอเลย ผมรู้สึกแปลกๆ..เหะๆ”
    มันยิ้มแหย แน่ละเล่นป้อขายของได้มันก็อ้อมเห็นๆ ตรงที่ไหน แต่อย่างน้อยมันเก่ง
    ผมยิ้มมีความสุขกับการชมกิจกรรมในห้อง ทดสอบประสิทธิภาพอุปกรณ์คมชัดทั้งภาพทั้งเสียง
    หลังจากนี้ใครที่มีจุดประสงค์เข้าหาผลประโยชน์กับมัน อยู่ในสายตาผมตลอด
    จุดมุ่งหมายหลักที่ผมทำเรื่องติดตั้งกล้อง ไม่ได้หวังละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของมันหรอก
    เรื่องของผัวเมียย่อมเป็นเรื่องเดียวกัน ผิดตรงไหนที่ผมอยากรู้วันๆ มันพบเจอใครบ้าง...?


     หลังล่ำลาส่งแขก มันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ ได้เวลาผมพักกล้องสอดแนม
    หันมาสนใจงานจริงจัง ดูเวลาชั่วโมงครึ่ง เหลือเฟือกับการเคลียร์งานต่างๆ ในเช้านี้
    ก่อนออกไปทานมื้อเที่ยงกับมันตามปกติ..หึหึ

     


     “โทนี่..กูได้ของแล้วนะ” ผมออน Skype คุยกับโทนี่ตามที่รับปาก


     “เหรอ..เรียบร้อยไหม” มันถาม ออกอาการหาวนอนไปด้วย


     “เออ..เจ๋งว่ะ ไว้จะส่งของกำนัลไปให้ ไม่กวนแล้ว..มึงนอนเหอะ”


     “อืม..ค่อยคุยกัน” ปิดการสนทนา น่าเห็นใจอเมริกาค่อนรุ่งคงนอนยังไม่เต็มอิ่ม
    ดูนาฬิกาใกล้เลิกงาน ตรวจเช็คความเรียบร้อยอีกครั้ง
    จังหวะสายภายในดัง ก่อนเสียงทุ้มหล่อจะตามมาติดๆ


     [รัน..มาหากูดิ] ไอ้รั่ว


     “ไม..คิดถึงกู” อดแซวไม่ได้


     [คึคึ!..ไอ้หนุ่ยรายงานตัว แจ้งความคืบหน้า มึงมาฟังด้วย]
    ไอ้หนุ่ยคือลูกน้อง Outsource ส่งไปหาวัตถุดิบที่จีน


     “อืม..รอแป๊บ ไปเดี๋ยวนี้”  วางสายเสร็จ ไม่ลืมกำชับคุณสมศรี


    “ผมไปห้องคุณพรตคงไม่กลับ มีอะไรโน้ตไว้ พรุ่งนี้เช้าผมมาเคลียร์”


     “ค่ะบอส” เธอรับคำสุภาพ ผมยิ้มทิ้งท้ายก่อนหันหลังตรงไปหาไอ้รั่ว
    เจอคุณณีเลขาคนเก่งของมันส่งยิ้มทักทายแต่ไกล


     “หวัดดีค่ะคุณรัน..เจ้านายรออยู่” ผมพยักหน้ารับ


     “มีใครอีกไหม” ถามให้แน่ใจ


     “คุณหนุ่ยกลับจากจีนกำลังรายงานตัวค่ะ”
    เคาะประตูส่งสัญญาณผลักเข้าไปเสียงพูดคุยดังเข้าหูทันที


     “เท่าไหร่วะ” ไอ้รั่วถามไอ้หนุ่ย ทั้งคู่ต่างหันมองผม


     “หวัดดีครับ..ลูกพี่” ไอ้หนุ่ยยกมือไหว้ มันเป็นลูกน้องในความดูแลของผมโดยตรง


     “มาถึงควรไปรายงานกู แหล่มมานี่..ห่า” ผมแหย่ไม่จริงจังนัก


     “โห!!..ตกลงไงเนี่ยะ ตามใจไม่ถูกวุ้ย! ท่านรองวรพรตเชิญพบด่วน
    เพิ่งลงเครื่องก้นยังไม่ทันแตะเก้าอี้ด้วยซ้ำ” สีหน้าโอดครวญกวนส้นของมัน
    ไม่ได้ชวนให้สงสาร ตรงข้ามหน้าส่งบาทาสักป๊าบ!


     “กูตามมันเอง ดูมันซื้อบัวหิมะมาฝากดิ” ไอ้รั่วชูขวดบัวหิมะโชว์ผม


     “รู้จักเซ่นของ..ติดสินบนนะมึง” ผมแซวยิ้มๆ


     “เจ้านายโหมงานหนัก กลัวช้ำเลือดช้ำหนองบัวหิมะช่วยได้นะครับ”
    ฟังปากไอ้ห่านี่..มันกำลังยั่วไอ้รั่วครับ


     “ช้ำพ่องมึง..ให้มึงหนองแดกเองเหอะ เอาดีๆ ตกลงเท่าไหร่แน่”
    มันคงคุยค้างไว้ ผมมาขัดจังหวะพอดี


     “สี่ขวดหกร้อยสี่สิบ..หยวน” ไอ้หนุ่ยตอบไอ้รั่ว


     “เออ..หยวน” ไอ้รั่วตีมึน หยิบทั้งหมดลงกล่องหน้าตาเฉย


     “อ้าว! เฮีย..ไหงดื้อๆ ซะงั้น ของฝากขวดเดียว อีกสามผมแดกข้าวครับท่าน
    สงสารลูกน้องตาดำๆ ตรากตรำหอบหิ้วข้ามกำแพงเมืองจีนมั่งดิ อะไรมาหยวน..วุ้ย!”
    มันตาเหลือกแบมือกระดิกนิ้วยิกๆ


     “มึงบอกเอง..หยวน” ไอ้รั่วสวนกลับ


     “โห!!..ผมบอกสี่ขวดหกร้อยสี่สิบหยวนเหอะ” ไอ้หนุ่ยเถียงตาตั้ง


     “หยวนพ่องมึง ไม่บอกเป็นเงินบาท..มึงอด”


     “โธ่ถัง! เฮียคำนวณได้นี่” ออดอ้อนทำตาปริบๆ


     “กูไม่คำนวณ เงินมึงไม่ใช่เงินกู อ้อยเข้าปากช้างกูริบ”
    กรรม! เป็นเอามากทั้งเมียทั้งลูกน้อง


     “ง่า! ไม่สงสารผมดิ ไปจีนไม่ถึงอาทิตย์กิ๊กชิ่งไปมีแฟนใหม่
    ช้ำใจกายยังเจอเฮียเบี้ยวอีก สงสารกันบ้างไหม”
    สีหน้าอาการแทบชักดิ้นชักงอแล้ว ผมนั่งเก้าอี้ทำงานไอ้รั่ว
    มองเจ้านายลูกน้องไร้สาระไปพลางๆ


     “มึง..ถูกทิ้ง” ไอ้รั่วถามอย่างสนใจ


    “ถูกทิ้งมันหมาแล้วเฮีย..ผู้หญิงเค้าชอบคนเลว..รวยหล่อ
    ผมไม่มีทั้งหมดทั้งมวล มันเลยชิ่งตีจาก” ไอ้หนุ่ยรำพึงรำพัน


    “เปล่า!! ผู้หญิงไม่ได้ชอบคนเลวรวยหล่อ แค่ไม่ชอบมึง
    พอเค้าไม่เอาทำพูดเหน็บแนม..ถุย!” ไอ้หนุ่ยอึ้งตาค้าง
    ผมนั่งขำตลกสีหน้ามันสุดๆ เจอไอ้รั่วตอกหงายเงิบ..ไปไม่เป็นทีเดียว


    “โว๊ะ! ซ้ำเติมลูกน้อง โด่ใครหล่อเลือกเหมือนเฮียวะ
    ต่อให้ไม่ต้องรวยขอแค่หน้าตาก็กินขาด สาวน้อยสาวใหญ่สั่นระริก
    พอเฮียพรตเฮียรันเดินผ่านตั้งแต่ร้อยเมตร
    ผมไม่มีวาสนารูปลักษณ์สวรรค์ปั้นแบบนี้นี่ครับ
    เยาะเย้ยเข้าไปเหอะ..กรรมของไอ้หนุ่ย” โอดครวญได้น่าถีบ


    “คึคึ น่าสงสาร..เอางี้กูแนะนำมึงทำโปรฯ รับรองสาวสมัครเพียบ”
    ไอ้รั่วออกไอเดีย ผมฟังเงียบๆ  รู้ไม่ใช่วิธีธรรมดาหรอกความคิดมันรั่วสุดโต่ง
    อย่านึกจะปกติเหมือนชาวบ้านชาวช่องเชียว


    “จริงหรา!!..ได้ผลแน่น๊า” ไอ้ห่าหนุ่ยตาลุกออกอาการสนใจใหญ่ ลากหางเสียงปัญญาอ่อนสุดๆ


    “อย่าแรดกูขนลุก..การันตีไม่ได้ผลมึงรับไปเต็มๆ”
    ไอ้รั่วยืดอกตาคมสั่นระริก คงเป็นโปรพิลึกพิลันตามสไตล์เช่นเคย


    “อ้าว! ทำไมผมต้องรับเองวะ ความคิดเฮียนิ” มันงง?


    “กูคิด..แต่ไม่ใช่คนเอาไปปฏิบัติ ไม่ได้ผลกูจะรับทำไม อวดฉลาด
    แต่เสือกไม่เฉลียว ไม่ได้ผลมึงคนเดียวเต็มๆ” ก๊าก!!..แอบขำอยู่คนเดียว
    คนหนึ่งรั่ว คนหนึ่งขาดๆ เกินๆ คุยเป็นปี่เป็นขลุ่ย มึงก็ไปกันได้เนอะ


    “รีบบอกมาดิ..สำเร็จผมเปิดเหล้า” ไอ้หนุ่ยติดสินบนทันที


    “กูอนุญาตให้ประชาสัมพันธ์บอร์ดบริษัทฯ โปรโมชั่นรับเป็นแฟนก่อนค่อยจีบทีหลัง(กูรีบ)
    ไม่ต้องเสียค่าเลี้ยงดู(ออกเองได้) กินน้อย(กำลังลดหุ่น) ไม่ต้องเสียเงินโทร(ใช้โปรโทรฟรีทุกเครือข่าย)
    ไม่ดื้อไม่ซนไม่งอแง (ชอบเล่นพ่อแม่จ้ำจี้ไม่เบื่อ) อย่าลืมวงเล็บสำคัญ รับรองได้ผล”
    ผมขำท้องเกร็ง ส่วนไอ้หนุ่ยอ้าปากพะงาบๆ


    “อะไรเนี่ยะ เฮียบ้าป่าว..ผมผู้ชายไม่ได้หาเสี่ยเลี้ยง พีอาร์ข้อความแบบนั้นทำไมวุ้ย!” มันโวยไอ้รั่วใหญ่


    “มึงไม่รู้อะไร นี่แหละสร้างกระแส หญิงสนตรึม!! เห็นพวกโพสในเฟสฯไหม
    คนนั้นโพสโสด คนโน้นโพสเหงา คนนี้โพสโคตรเศร้า กูแนะนำมึงโพสไม่มีใครเอา
    ดูใครน่าเห็นใจกว่ากัน..คึคึ”  คิดได้..เมียกู


    “หึหึ..ลูกพี่มึงแนะนำดีลองเอาไปใช้มีสิทธิ์ได้ผล..ฮะฮ่าๆ”
    ขำเข้าเส้นครับ ยุส่งไอ้หนุ่ยอีกแรง ให้ตายคิดได้..รั่วสาด


    “เข้าท่า..เฮียรันยืนยันผมจะลองเอาไปใช้..ได้ผลอย่างไรจะรีบรายงานความคืบหน้าโดยด่วน”
    มันเอาปากกาจดยิกๆ กันลืม ไอ้นี่บ้าตามไอ้รั่วเรียบร้อย ผมลองยุส่งเล่นๆ
    ดันบ้าจี้ ลูกพี่รั่วลูกน้องขาดพอกันทั้งคู่


    ไอ้หนุ่ยเป็นเหลนรหัสมาสมัครทำงานที่นี่ พวกเราสนิทกันส่วนตัว
    วางตัวกันเองเฉพาะตอนอยู่กันลำพัง นอกนั้นไม่เคยแสดงอภิสิทธิ์เบ่งโชว์พนักงานคนอื่น
    ด้านกาลเทศะยกนิ้วให้มันได้


    “พอๆ คุยงาน ก่อนกูเบี้ยวค่าบัวหิมะมึงจริงๆ” ไอ้รั่วดึงปากกาจากมือไอ้หนุ่ย
    มันเงยหน้ายิ้มแหย  รีบรายงานที่ไปติดต่อซัพพลายเออร์ทางจีนเกี่ยวกับวัตถุดิบได้คุณภาพแต่ต้นทุนต่ำ
    มันทำหน้าที่ไม่บกพร่อง พร้อมกับมอบไฟล์ในแฮนดี้ไดรฟ์ให้ไอ้รั่วต่างหาก
    ทำโปรไฟล์มีข้อมูลเปรียบเทียบอ้างอิง สมเป็นรุ่นน้องมหา’ลัยพวกผม


    “รายละเอียดเชิงลึก เฮียรันเอาจากเฮียพรตเองนะ ผมหมดหน้าที่แล้วลูกพี่
    ขอตัวไปพักบ้างเหอะ เหนียวตัวยังไม่ได้อาบน้ำดิ่งเข้าบริษัทเพราะคำว่ารับผิดชอบล้วนๆ
    ปลายปีห้ามลืมพิจารณาพนักงานดีเด่นล่ะ ลูกน้องมุ่งมั่นเกินร้อยเหมือนผมหายาก”
    อวยตัวเองเอาความดีความชอบเสร็จสรรพ ทะเล้นได้น่าถีบสุดๆ


    “อืม.กูรับปากพิจารณามึงคนสุดท้าย..อย่าลืมโปรโมทที่กูแนะนำ
    ได้แฟนเป็นตัวตนเมื่อไหร่รวบหัวหางเปิดตัวไปซะ จะได้ไม่ชิ่งหนีมึงอีก..จำไว้นะไอ้น้อง”
    ไอ้รั่วยังไม่จบเรื่องแฟน ย้ำส่งท้ายอีก


    “อ้าว! ไม่ใจเลยเฮีย ผมขยันซื่อสัตย์อดทนดันพิจารณาคนสุดท้าย
      แล้วแฟนทำไมต้องเปิดตัว เกิดมันทิ้งขึ้นมา..ไม่อายคนเค้าเหรอ”


    ”คึคึ! คนสุดท้ายกูสรุปหรอก มึงไม่เคยได้ยินสุภาษิต ช้าๆ ได้พร้าเล่มงามบ้างเหรอวะ
    ส่วนแฟนไม่ใช่กางเกงในต้องปิดบัง คอยแต่ปิดบังก็ไม่ใช่แฟน มึงให้เกียรติเค้า
    มีหรือจะไม่ดีใจ..เรื่องง่ายๆ ไม่รู้ เสือกอยากมีแฟนกับเขา..ไอ้ครวย” ผมหัวเราะตัวโยน
    หลังไอ้รั่วสอนไอ้หนุ่ย ทำอย่างกับมันแตกฉานการมีแฟนเต็มแก่


    “โอเช!..ข้าน้อยจำใส่กบาล ขอบคุณบัณฑิต มีท่านคอยชี้แนะ
    ชีวิตรักข้าน้อยคงไม่พบความล้มเหลว รับการคารวะจากข้าน้อยด้วยเถอะ”
    แล้วมันก็ประสานมือค้อมหัวต่ำด้วยท่าคารวะ
    เห็นแล้วได้แต่ส่ายหัวในความรั่วของลูกพี่และความบ้าบอของลูกน้อง


    “มิเป็นไร..โง่เขลาเบาปัญญาเช่นเจ้า มิเกินกำลังข้าเปิดกะโหลกให้ฉลาดล้ำ
    เจ้าคือบ่าวใต้อุ้งเท้ามิอาจทำเมิน..ฮะฮ่าๆๆ” ท่าทางเอามือลูบเคราเหมือนกงซุนของไอ้รั่ว
    พาผมขำไหล่กระเพื่อม สัมผัสอารมณ์ฮาหลุดเสียงหัวเราะเหมือนดูตลกนอกจอ


    หลังไอ้หนุ่ยขอตัวไปพัก มันเดินทางมาเหนื่อยๆ เหลือเราลำพัง
    ไอ้หล่อรั่วหันมายิ้มตาปิด คงเห็นผมขำหน้าแดงกับบทบาทของมันเมื่อตะกี้


    “เส้นตื้นนะมึง หัวเราะน้ำตาเล็ด ระวังตีนกาขึ้น” ดันแซวเฉย


    “กูไม่มีตีนกาหรอก..เชื่อสิ” ผมตอบกลั้วขำ


    “ห่า..มึงไม่ใช่ผู้วิเศษสามารถหยุดความชรา
    ไม่ให้รอยเหี่ยวย่นตีนกาติดบนหน้า หนังหน้าพระเอกแต่ละคน
    แก่ตัวมาไม่พ้นตีนกาสักราย ถึงยังไงกูรับปาก..ไม่ทิ้งมึงว่ะรัน
    เพราะปัญหาหน้ามึงเต็มไปด้วยรอยตีนกา เชื่อใจกูเปล่า..คึคึ” น่ารักฉิบหาย ฟังคำพูดมันดิ


    “เชื่อ..มึงต้องเชื่อกูด้วย บอกไม่มีรอยตีนกาย่อมไม่มี” ผมย้ำหนัก มันชะงักชักสีหน้าสงสัยตามมา


    “มึงเตรียมฉีดโบท็อก” มันเดาเอง


    “เปล่า!!!” รีบปฏิเสธเสียงสูง


    “อ้าว!” บททันคนก็ตายกันเลย แต่ผมมันไม่เคยตามทันเหะ!


    “กูมีรอยตีนเหยี่ยวติดตัวชั่วชีวิต กาที่ไหนยังกล้าแหยมอีกวะ”
      เห็นอาการหน้าแดงก่ำเขินตาม อยากกดจมูกบนหน้าหล่อชะมัดยาด


    “เหี้ย!..ป้อกูสัด ต่อไปไม่ต้องกลัวหนาวดิ เดือนหน้าไปญี่ปุ่นกูไม่เอาสเวตเตอร์ไปนะ”
    มาไม้ไหน ญี่ปุ่นเมืองที่เรากำลังจะไปหิมะปกคลุม ไม่เอาเสื้อหนาวไปด้วยหมายความว่าไง


    “ไม่กลัวแข็งตาย”


    “แข็งตายได้ไง ร่างกายกูคลุมขนสิงห์รันนี่หว่า ความหนาวกล้าหือกูเหรอ..ฮะฮ่าๆๆ”
    เป็นผมหน้าร้อนมั่ง มาเหนือเมฆเว้ย! เล่นซะกูเขินสาด!!!


    “ตกลง..กูคลุมตัวมึงไม่ให้หนาว อย่าโวยวายใกล้กูร้อนตับแตก” ผมไหลไม่หยุด


    “หือ..ถึงกับร้อนเชียว อย่างดีแค่อุ่นทำอย่างกับมึงเป็นมังกรไฟ..ควายเป็นสิงห์ไม่ใช่มังกร” มันแย้งทันควัน


    “มึงร้อนไฟสวาทกูต่างหากเล่า..ฮะฮ่าๆ” ชนะขาด
    ทำมันเขินเผลอตวัดตาคมใส่ผมอย่างจนแต้ม เจอผมตอกคืนมันตายสนิท..คึคึ!!!


    “ของหวานไหม” ไอ้รั่วถาม หลังเราทานข้าวเรียบร้อย แวะมาทานร้านประจำ
    ปกคลุมด้วยต้นไม้สวนสวย..ให้นั่งกินชิวๆ


    “เอาดิ จะสั่งอะไร” ผมเห็นด้วย


    “มันบวด” มันบอก ก่อนกวักมือเรียกพนักงานรับออเดอร์


    “มึงล่ะ..” หันมาถามผม


    “ฟักทองบวด” มันยิ้มคงคิดผัวสั่งใกล้เคียง
    รอพนักงานรับรายการเสร็จ เผยอมยิ้มกวนๆ ยักคิ้วให้ผมอย่างเจ้าเล่ห์


    “รัน..” เรียกชื่อผมเฉย


    “กลัวลืมชื่อกู” เรียกแล้วเสือกนิ่ง..สัด


    “ตอบคำถามกูถูก คืนนี้ให้ 1 ยก” สันหอยมีล่อกูอีก


    “ว่า..” ท้าก็รับครับ


    “มันอะไร..ไม่มีขน” กวนตีน สั่งมันบวดมาแดกหยกๆ


    “มัน..บวด” ผมตอบ


    “ผิด..ให้อีก 2 ครั้ง” อะไรวะ?


    “มันทอด”


    “เหลือครั้งเดียว คึคึ! กุนซือเทพจนแต้ม” ดีใจใหญ่


    “มันสำปะหลัง”


    “ผิด..หมดโอกาส..กร๊าก!!..ในที่สุดมึงก็แพ้”


    “เฉลยดิ” ชักฉุน..กวนตีนกูแหละ


    “มันยังเด็ก..ฮะฮ่าๆๆ คิดไม่ถึงอ่ะดิ..กิ๊วๆ”
    ล้อเลียนห่า คิดไม่ถึง พ่องมึงแหนะ.. ‘มันยังเด็ก’ ควาย เล่นซะกูอึ้ง


    “ปกติเค้าให้แก้ตัวนี่หว่า” ผมย้ำ


    “แก้ตัวเหี้ยไร” มันหรี่ตาจับพิรุธ เรื่องระแวงผัวไม่มีใครเกิน
    อย่างว่ามันหลงกลผมเป็นประจำ ย่อมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ


    “อ้าว! แพ้แล้วแพ้เลย มึงไม่ตอบคำถามกูบ้าง
    คำเฉลยส้นตีนแบบนี้ไม่ยุติธรรม เด็กบางคนมีขนเหอะ..ใช่ว่าไม่มี”
    เถียงใจขาด เคยเห็นเด็กสองขวบแม่ปลดกางเกงให้ฉี่ ขนตูดยังกับลิง


    “เหอะ!..เด็กแก่แดดดิมีขน..ความจริงย่อมเป็นสัตว์..จะ..ทำ”


    “ครวย..พ่องมึงแหนะ” ผมชูนิ้วกลางไปที


    “คึคึ!..รันขึ้น งานนี้ไม่สงบสยบความเคลื่อนไหว..โมโหเหรออ!!
    คืนนี้ไม่ได้ซักยก..ฮะฮ่าๆๆ มึงตอบผิดเอง เทพจริงต้องรู้ดิ..คึคึ!!”
    หัวเราะร่าเลยห่า ถูกใจใหญ่สินะ


    “ปกติกูขึ้นประจำ หรือมึงยอมขึ้นขย่มตอกู..หืม”
    อยากหัวเราะท้องแตก เจอผมสวนหน้าเหวอไปเลย


    “เหี้ย!” สบถสั้นๆ เมินหูแดงแปร๊ด


    “พรต..เขินเหรอ” อดแกล้งไม่ได้ เห็นอาการแล้ว..น่ารักว่ะ!


    “เขินพ่องมึงแหนะ พูดมากขนมหวานมาแล้ว”
    มันบุ้ยปากใส่พนักงานเดินยกถาดขนมหวานตรงมาที่โต๊ะ


    “หึหึ!..” ผมหัวเราะในคอ มีการเบรกเอาตัวรอดนะมึง


    เรากินขนม พร้อมคุยแผนนัดประชุมพนักงานส่วนที่เกี่ยวข้อง
    เตรียมแคมเปญไปญี่ปุ่น พรุ่งนี้ต้องสรุปธีมของงานแล้ว


    “ตกลงมึงให้ไฮไลท์ของงาน..ตะเกียงฝังเพชรจริง” มันถาม


    “อืม..วัฒนธรรมญี่ปุ่นคุ้นเคยกับตะเกียง ชิ้นเอกเราจัดทำตะเกียงฝังเพชร
    ตัวเรือนทำจากทองคำขาว มูลค่าบวกฝีมือร้อยกว่าล้านเป็นงานโบแดงในแคมเปญนี้
    ดูเข้ากับพื้นเพวัฒนธรรมมากกว่า อีกอย่างตะเกียงยังสื่อถึงวิถีความเป็นอยู่ท้องถิ่นของไทยเราด้วย
    ทำให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่เหมือนกันของคนไทยกับญี่ปุ่น เปิดงานมึงจะได้พูดเต็มปาก”
    ผมอธิบายถึงแนวคิด ในการวางคอนเซ็ปต์ทำตะเกียงเป็นผลงานชิ้นโบแดงไปโชว์ตัว


    “แล้วกิโมโนปักดิ้นทองล่ะ”


    “ยูกาตะกับกิโมโนยังคงไว้ แต่ให้เป็นสีสันของงานแทน
    ปักดิ้นทองดอกซากุระ มูลค่าตามงบของแผนกออกแบบแค่ยี่สิบล้านต้นๆ
    จัดเป็นพระเอกของงานไม่ได้หรอก อย่างน้อยต้องเหยียบร้อยล้านถึงสมชื่อบริษัท
    ขืนมึงดึงดันยกชุดนี้โชว์ดูเป็นตลาดกลางนะพรต งานนี้เปิดตัวใหญ่งานช้าง
    นักการเมือง นักธุรกิจ พ่อค้า มาเฟียเข้าร่วมเพียบ รวมท่านทูตไทยด้วย
    ไม่คิดเผื่อให้รอบคอบ จะดูไม่ดีเอาได้” ผมเตือนให้มันเห็นภาพ


    “อืม..แน่ใจเปิดตัวตะเกียงแล้วจะมีคนซื้อ” มันกลัวขายไม่ออก


    “หึหึ!..กูแน่ใจ ตะเกียงฝังเพชรตัวเรือนทองคำขาว ใช้งานระบบไฟฟ้า
    ไม่ใส่น้ำมันให้เป็นเขม่า แกะลายบนครอบแก้วดอกซากุระ
    ร้อยทั้งร้อยเปิดตัวขี้คร้านพวกไฮโซหน้าใหญ่แย่งกันจอง..มึงควรทำไซส์มินิติดไปสัก 5 ชิ้น
    ราคาสัก 10 ล้าน ปล่อยหมดแน่ ที่เหลือนำพวกสินค้าสต๊อก
    ให้พวกนางแบบนายแบบเดินโชว์ตามแพลนเดิม
    แล้วเรื่องบริษัทขนถ่ายมึงให้คุณณีติดต่อประสานงานเรียบร้อย”


    “อืม..บอกจะเข้ามาคุยรายละเอียด ไว้มึงเข้าประชุมกับกูอีกทีดิ งานนี้พันกว่าล้าน
    วงเงินประกันความเสียหายเท่าครึ่ง เราเรียกเจ้าประจำ เห็นต่อรองความเสี่ยงสูง
    เขาขอเพิ่มค่าจ้าง ยังอยู่ระหว่างต่อรองกันว่ะ”
    งานขนถ่ายเครื่องเพชรเปิดแคมเปญ บริษัทฯจ้างมืออาชีพดูแล
      พวกนี้มีระบบป้องกันรักษาความปลอดภัยในการโจรกรรมมาตรฐานสูง


    “อืม..พรุ่งนี้มื้อค่ำพ่อมึงเชิญที่บ้าน” ผมเตือนเผื่อมันลืม


    “จำได้น่า..อยากเจอหน้าลูกเขย..จิ๊” พ่อมันปลื้มผมเป็นพิเศษ
    เจอกันทีคุยยาว ไอ้ห่าพรตมันประชด


    “หึหึ!..อย่างว่าลูกเขยหล่อ เก่งด้วย” ผมแหย่มันเล่น


    “ไม่ยกหางตัวเองเลย..สัด” มันค้อน ก่อนเช็ดมุมปากยกน้ำจิบแสดงว่าอิ่มแล้ว


    “รอมึงยกไม่ไหว หรือของกูใหญ่ไม่รู้ มึงกลัวเมื่อยถึงไม่ค่อยยกเท่าไหร่” ผมแซวให้มันอาย


    “ครวย! กูไม่ยกแต่ยัดเข้าปากประจำ..ห่า” ก๊าก! ตรงไปไหนวะ


    “ลืมไป มันอร่อยไม่ต้องยก กินแทน” ขำไปด้วยแซวมันด้วย
    หน้าหล่อๆ เขินหนักกว่าเดิมอีก..น่าดูพิลึก


    “เหรอ!..ของกูคงไม่ต่างกัน มึงแดกได้ไม่เบื่อนิ” กรรม!


    “อร่อยว่ะ..คืนนี้ผลัดกันแดกนะ” รวบรัดตัดจบ


    “กูปฏิเสธ มึงแพ้คำถาม” เสือกจำได้อีกว่าผมแพ้


    “เมื่อกี้กูขอแก้ตัวไง” ผมอ้าง


    “ตกลงเอายังไง” เข้าทางหลงกลผมจนได้ มันเพิ่งบอกผมแพ้เกมตอบปัญหา
    คืนนี้อด..ตอนนี้เผลอรับปากให้เล่นเกมคืน กูอดตรงไหนวะ!


    “มึงรู้จักวิวัฒนาการ..ดูด..ของมนุษย์ไหม” ผมถาม


    “อย่าบอก..ลามก” มันตาเหลือกแย้งทันควัน


    “เปล่า..ตอบกูดิ มีวิวัฒนาการกี่ขั้น” ผมตอบ


    “พ่องมึง..ดูดนม..ดูดครวย..จบ” ฮะฮ่าๆๆ..ส้นตีนฉิบหายไอ้ห่า


    “ผิด..ให้อีกที” ผมกวนทั้งที่หัวเราะท้องเกร็ง


    “สัด..ดูดเหี้ยไร ไม่มีแล้ว” มันโบ้ยโบกมือพัลวัน


    “สรุป..มึงยอม” ผมหรี่ตาจ้องมันกลั้นยิ้ม


    “ฉิบหาย..กวนส้นตีน เออ..เฉลยดิ ฟังไม่ขึ้นกูไม่ยอมรับ”


    “มี 4 ขั้นวะ” ผมหัวเราะตัวโยน ไอ้พรตหรี่ตาจับผมใหญ่


    “ไหนลองว่ามา”


    “เอางี้..กูวาดภาพประกอบเลย” พูดจบหยิบกระดาษพกสมุดฉีก
    ดึงปากกาวาดรูปให้มันดู พอเห็นรูป หน้ามันอึ้ง ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะซะลั่นเชียว..หึหึ!!!


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×