ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Love & Lost] ให้รักก็ได้ .. ให้ร้ายก็เริ่ด

    ลำดับตอนที่ #6 : รอยยิ้ม .. ให้รัก

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 55


    ตอนที่ 6  

     

    “นายยยยย”  อยู่ๆไอ้ต้นกล้าก็เรียกชื่อผมขึ้นมา ขณะที่เราสองคนกำลังเดินทางไปมหาวิทยาลัย

    “หือ มีไร” ผมหันไปมองมัน มันยิ้มเหมือนมีอะไรจะคุยกับผม

    “พี่สนิทเขาชอบกินอะไรเหรอ” มันถามมาแบบอายๆ

    “ไม่รู้สิ ชั้นก็เห็นมันกินหมดนั่นแหละ” ผมตอบไป

    “คิดดูหน่อยสิ เอาที่ชอบกินบ่อยๆอ่ะ” มันพยายามคะยั้นคะยอผมต่อ

    “ผัดไทยมั้ง เห็นมันชอบสั่ง” ผมตอบไปส่งๆเหมือนกัน

    “ผัดไทยเหรอ น่ารักจังเนอะ ผู้ชายชอบกินผัดไทย” มันพูดออกมาหน้าตาเคลิ้มๆ

    “เป็นอะไรไปหรือเปล่าเนี่ย สติอยู่กับเนื้อกับตัวหรือเปล่าเราอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับหันไปดูด้วยความเป็นห่วง

    “ตัวอยู่นี่ แต่ใจอยู่ที่พี่สนิท” มันพูดมาพร้อมทำหน้าเขิน  เอิ่มมมม ไปไม่ถูกแล้วผม

    “ออกตัวแรงนะเราเนี่ย” ไม่รู้จะพูดไงแล้วครับ

     

     

    นี่ตั้งแต่มันตกลงกับผมให้ผมช่วยมันจีบไอ้สนิท มันก็พ่นถามคำถามเกี่ยวกับไอ้สนิทกับผมตั้งแต่เมื่อคืนละ ถ้าไม่แยกกันไปนอน มันคงรู้เรื่องไอ้สนิทตั้งแต่เด็กๆแน่ นี่ดีนะมันถามเอารวบรัดแค่ช่วงๆนี้

     

    “ทำไมถึงชอบไอ้สนิทละ” ผมถามมันบ้าง

    “พี่สนิทน่ารัก ดูเป็นสุภาพบุรุษ มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ หน้าตา หุ่น สมบูรณ์แบบ” ต้นกล้าพรรณณาเพื่อนผมให้ผมฟัง

    “แล้วชั้นละ ?” ผมถามเกี่ยวกับผมบ้าง

    “นายนะเหรอ ปากเสีย ชอบเอาแต่ใจ สร้างแต่ปัญหา ขี้เก็ก ถึงหน้าตา หุ่น ฐานะจะดีกว่าพี่สนิทเล็กน้อย แต่เจอข้อเสียข้างหน้าไป กลบหมด !!!” ดูมันครับ ดูมัน ทีกับผมแล้วแทบไม่มีอะไรดีเลย

    “ใช่ซี้ ชั้นมันไม่มีอะไรดี”

    “ถูก เงียบแล้วขับรถไปเลย” นั่น มีสั่งผมอีก ไอ้ลูกจ้างตัวดี

    “หึหึ อย่ามาชอบชั้นก็แล้วกัน จะหลอกให้หัวปักหัวปำ” ผมพูดคนเดียวลอยๆ

    “ฝันไปเถอะ !!!” และมันก็ตอบกลับมาเต็มหน้าผม

     

     

     

     

     

    “เอ๊ย ไอ้สนิท มึงกำลังชอบใครอยู่บ้างวะตอนนี้” ผมหลอกถามมันขณะที่เรากำลังนั่งเรียนเลคเชอร์วิชาน่าเบื่อวิชาหนึ่ง

    “ก็มีบ้าง ไมเหรอวะ” มันตอบมา แต่สายตายังมองสไลด์ข้างหน้า

    “ใครเหรอวะ ทำไมไม่บอกกูบ้าง” ผมอยากรู้ขึ้นมาทันที กับคำว่าก็มีบ้างของมัน

    “ยังไม่ถึงเวลา แล้วมึงมีไร ถามกูแปลกๆบ่อยละ” มันหันมาถามผมอย่างจริงจัง

    “เปล่า แค่จะบอกว่ามีคนเค้าแอบชอบมึง” ผมบอกไปอ้อมๆ

    “น้องต้นกล้าเหรอ?”

    “เอ๊ยยย มึงรู้ได้ไง” ผมตกใจทันทีที่มันบอกชื่อไอ้ต้นกล้ามา

    “ถึงกูจะไม่เคยมีแฟน แต่กูก็ไม่ใช่เด็กอนุบาลขนาดนั้นนะเว๊ย ที่ไม่รู้ว่าใครคิดยังไงกับกู กูรู้หมดแหละ แต่อยู่ที่ว่ากูจะเล่นด้วย หรือไม่เล่นด้วยก็แค่นั้น” ไอ้สนิทนี่ มันคนหรือเทพวะ

    “แล้วมึงชอบมันมั๊ย?”

    “ไม่รู้ดิ น้องเค้าก็น่ารักดี ช่างพูดช่างคุย ยิ้มทีนึงกูยิ้มตามเลย กูว่าไอ้ต้นกล้านี่อยู่ด้วยแล้วไม่เบื่อดีนะ มึงรู้สึกป่ะ ว่าเวลามันอยู่กับมึง ?” มันย้อนถามผม

    “ไม่รู้สิ อยู่ด้วยกันก็ชอบเถียงกันตลอด ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรแบบมึงเลย” ผมบอกมันไป

    “บางทีมึงอาจไม่รู้ตัว ก็อาจจะเป็นได้”

    “อย่ามาทำรู้ดีเลยมึง ตกลงยังไง ถ้าจะให้เป็นแฟนกันมึงโอเคมั๊ย” ผมถามมันตรงๆ

    “ไม่ว่ะ”

    “เอ๊ยยย ไมวะ” ไอ้นี่ก็ตอบตรงเหลือเกิน

    “เพราะว่าน้องเค้าเป็นแฟนมึง ขึ้นชื่อว่าของเพื่อน กูไม่ยุ่ง” มันตอบมาอย่างจริงจัง ก่อนจะยิ้มให้  โถ ไอ้เพื่อนแสนดี

    “แต่มึงก็รู้นี่ ว่ากูกับมันไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ มันก็แค่ละคร” ผมอธิบายมัน

    “กูรู้ แล้วคนอื่นเค้ารู้มั๊ย กูไม่อยากให้ใครมามองว่ากูไปแย่งของมึง หรือเป็นมือที่สามที่สี่ ไม่อยากให้ใครมาด่ามึงว่าไอ้โง่โดนเพื่อนแย่งแฟน ไม่อยากให้น้องต้นกล้าโดนข้อครหาว่าเทครัว มึงเข้าใจกูใช่มั๊ย ?” ทีนี่ถึงคราวมันอธิบายผม

    “มึงจริงจังไปมั๊ยวะ” ผมถามไปเสียงอ่อย

    “มันคงเป็นเรื่องเดียว ที่กูจริงจังตั้งแต่ได้รู้จักมึง”

     

     

    มันพูดมาด้วยสายตาจริงจัง นั่นไม่ใช่ประโยคที่จะพูดให้ดูสวยหรู ชวนให้ร้องโอ้ววว สุดยอดอะไรอย่างนั้น ผมรู้ความหมายของสายตานั้นดี สำหรับผมแล้วมันคือเพื่อนสนิทและเพื่อนตาย และสำหรับมันแล้ว เราสองคนก็คงคิดไม่ต่างกัน ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆให้มันไป 

     

    เสียใจด้วยวะต้นกล้า .. ชั้นช่วยนายได้แค่นี้เอง

     

     

    เมื่อพวกผมเลิกเรียนก็เป็นเวลาเดียวกับที่ต้นกล้าเลิกเรียนเหมือนกัน ผมเลยชวนไอ้สนิทเดินไปรับต้นกล้าที่คณะมัน ไอ้สนิทก็ไปเป็นเพื่อนอย่างดี ไอ้นี่ดีอย่างนึงครับ (เริ่มจะดีหลายอย่างละ) มันเป็นคนที่วางตัวได้เสมอต้นเสมอปลาย ใครชอบมัน รู้สึกกับมันมากน้อยยังไง มันก็ยังวางตัวได้เหมือนเดิมตลอด

     

    ผมมาถึงคณะของต้นกล้าก็เห็นมันนั่งติวหนังสืออยู่กับภานุ โชกุน และเพื่อนคนอื่นๆอีกสองสามคน

     

    “เดี่ยวก่อนไอ้วายุ” ไอ้สนิทดึงตัวผมไว้ ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปหาต้นกล้า

    “มีไรวะ” ผมหันไปถาม

    “มองอย่างนี้ ต้นกล้ามันก็น่ารักดีนะ มึงว่าป่ะ เวลามันอยู่กับเพื่อนมัน มันก็ดูใสๆแบบเด็กปีหนึ่งทั่วไป ดูเวลามันยิ้มกับเพื่อนมันสิ เพื่อนมันแต่ละคนเหมือนจะละลาย ยิ่งไอ้โชกุนนั่น สายตามองน้องต้นกล้าอย่างกับจะกลืนกินละ” ไอ้สนิทชี้ให้ผมดูพร้อมกับบรรยายภาพที่เห็น จริงๆมันก็เป็นแบบที่ไอ้สนิทพูดนั่นแหละครับ ว่าเวลาไอ้ต้นกล้ามันยิ้มนี่ มันไม่ได้ยิ้มแค่คนเดียว มันทำให้คนอื่นยิ้มตามรอยยิ้มมันได้ เด็กตัวเล็กๆที่ดูซนๆ กับท่าทางที่ไม่ค่อยถือตัว กับตอนนี้ที่มันดูเป็นตัวเองที่สุด

    “เห็นมั๊ย มึงก็ยังยิ้มตามมันเลย” ไอ้สนิททักผม

    “เอ๊ย ยิ้มที่ไหน ไอ้มั่ว” ผมว่ามันไป

    “อย่ามาๆ ไปกันเถอะ กูแค่อยากให้มึงเห็นอย่างที่กูเห็นก็แค่นั้น บางทีระยะที่ใกล้เกินไป ก็มักจะไม่เห็นอะไรที่สวยงาม ลองถอยออกมาห่างๆ เราก็จะเห็นอะไรชัดขึ้น” ไอ้สนิทคมอีกแล้วครับ พูดมาทีนึงผมเลือดซิบ

    “ก็มึงเป็นคนแบบนี้สินะ ไอ้ต้นกล้ามันถึงชอบนักชอบหนา” ผมบอกมันไป มันไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มน้อยๆกลับมา

     

     

    “ต้นกล้า พี่วายุมาแล้ว” เสียงภานุบอกต้นกล้า เมื่อเห็นว่าพวกผมกำลังเดินเข้าไปหา

    “ติวเสร็จกันหรือยังครับ” ผมถามพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ๆ

    “ใกล้เสร็จแล้วครับ พี่วายุรออีกสักแป๊บได้มั๊ย เหลืออีกนิดเดียวแล้ว” ต้นกล้าตอบผมกลับมา เดี่ยวนี้เราสองคนเริ่มรับส่งกันดีขึ้นแล้ว โดยไม่ต้องบอก ไม่ต้องเตรียมสคริปต์

    “ก็ได้ครับ งั้นพี่ขอนั่งฟังด้วยคนนะ” ผมพูดพร้อมกับนั่งลงไปข้างๆต้นกล้า ซึ่งอีกข้างเป็นไอ้โชกุนที่มองหน้าผมแบบไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ไอ้นี่ก็ชักจะยังไง คนเค้าเป็นแฟนกัน แต่มันทำตัวหึงอย่างกับเป็นอะไรกับไอ้ต้นกล้า

                                                                                  

     

    “ถึงไหนกันแล้ว มาต่อกัน” ต้นกล้าพูดพร้อมกับชวนเพื่อนติวต่อ ทุกคนในโต๊ะหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย ไอ้สนิทแยกไปนั่งฟังเพลงเสียบหูฟังอีกโต๊ะนึง

    “ต้นกล้า แล้วทำไมข้อนี้ถึงตอบแบบนี้ละ” ภานุถามต้นกล้าขึ้นมา

    “ก็เพราะว่าเซลล์ตัวนี้มีผลต่อการทำงานของสมอง เลยต้องใช้สารตัวนี้ในการกระตุ้น  ใช่มั๊ยต้นกล้า” แต่คนตอบกลับเป็นไอ้โชกุนครับ ไอ้นี่ขี้อวดนะครับผมว่า เพราะมันมองมาทางผมแบบเย้ยๆ เก่งตายละ

    “อืม เหมือนที่โชกุนบอกนั้นแหละ เรื่องนี้ถามโชกุนเลย เค้าสอบได้ท็อป” ไอ้ต้นกล้านี่ก็นะ ยอเพื่อนอยู่ได้ ไอ้โชกุนนี่ยิ้มใหญ่เลย

    ผมนั่งฟังไปอีกสักพัก ไอ้โชกุนมันก็ยังสไตล์เดิมของมัน อวดภูมิไปเรื่อย ผมยังคิดเลยว่าทำไมถึงต้องให้ไอ้ต้นกล้าติวให้ ในเมื่อที่ติวๆกันอยู่นั้น ไอ้โชกุนมันก็อธิบายได้หมดทุกอย่าง

     

     

    ถ้ามันไม่ใช่อุบายของไอ้โชกุน ..

     

     

    “หิวยังครับต้นกล้า” ผมถามขึ้นเบาๆ แต่ก็ทำเอาทั้งวงเงียบกันหมดมาสนใจผมกับต้นกล้า

    “นิดหน่อยครับ พี่วายุละ” ไอ้นี่น่ารักจริงๆครับ สมบทได้โคตรเนียน

    “หิวแล้วครับ วันนี้จะทำอะไรให้พี่ทานดีละ เอาอร่อยๆนะ” ผมพูดไปลูบท้องไป หมั่นไส้ไอ้โชกุน อยากจะให้มันเห็นความหวานของเราสองคนซะบ้าง

    “นี่ต้นกล้าทำกับข้าวให้พี่วายุทานด้วยเหรอ อิจฉาพี่วายุจังเลย” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น

    “ก็ไม่บ่อยหรอก เราก็ทำตามประสา” ต้นกล้าตอบเพื่อนเขา

    “แต่อร่อยทุกอย่างเลยนะครับน้องๆ ว่างๆไปนั่งเล่นคอนโดพี่กัน พากันไปติวหนังสือก็ได้นะ แล้วจะให้ต้นกล้าเค้าทำอะไรให้กิน ดีมั๊ยต้นกล้า” เอากับกูซี้ไอ้โชกุน ถึงมึงจะเก่ง แต่กูรวย กูใจปล้ำเว๊ยยย

    “จะดีเหรอพี่วายุ ต้นกล้าเกรงใจพี่วายุ” ไอ้ต้นกล้านี่ตุ๊กตาทองจริงๆ ดูที่พูดที่ทำหน้าทำตา ผมละอยากจะหลุดขำ

    “ดีสิครับ น้องๆไม่ต้องเกรงใจนะ ไว้จะไปวันไหนบอกต้นกล้ามาละกัน พี่จะได้พาต้นกล้าไปซื้อของตุนไว้” ไงละไงละไอ้โชกุน กูเท่ชิบหายเลยสิตอนนี้

    “ขอบคุณพี่วายุมากเลยนะครับ ไว้วันไหนอยากไปเที่ยวคอนโดพี่ พวกเราจะบอกต้นกล้าไปนะ” ภานุสรุปบอกผม ก่อนจะยิ้มให้อย่างกับรู้ทัน

    “ได้เลยน้องภานุ” ผมพูดพร้อมกับตบหลังเล้กน้อย

    “กูว่าพวกเราพอกันแค่นี้ก่อนเหอะ ที่เหลือกลับไปอ่านกันเอง ไม่มีอะไรมากแล้ว” อยู่ๆไอ้โชกุนก็พูดขึ้นมา พร้อมกับลุกขึ้นเก็บข้าวของ ทนดูกูหวานไม่ได้อ่าดิ๊

    “อืม ไม่มีอะไรมากแล้ว ที่เหลือไปอ่านๆกันเอาเองนะ” แฟนกูพูดได้นางเอกมาก แล้วดูนั่นที่ยิ้มให้เพื่อนๆมันอีก ผมว่าในกลุ่มนี้มีประมาณสองสามคนแหละ ที่ชอบไอ้ต้นกล้าอยู่บ้าง ผมมองสายตาพวกนี้ออก แต่อาจจะไม่มากเท่าไอ้โชกุน ที่แสดงออกอย่างกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ

    “ขอบใจมากนะต้นกล้า ยังไงไว้เจอกันพรุ่งนี้ ไปแล้วครับพี่วายุ สวัสดีครับ” เด็กๆพวกนี้พูดลาผมกับไอ้ต้นกล้า ก่อนจะชวนกันเดินออกไป

    “ไว้ยังไงเดี่ยวกูโทรหานะ” ไอ้โชกุนพูด ก่อนจะเดินออกไป ไอ้ต้นกล้าได้แค่ยิ้มให้

     

    “หึหึ ไว้ยังไงเดี่ยวกูโทรหานะ กูไม่ให้รับเว๊ยยย” ผมพูดให้หลังไป แต่มันคงไม่ได้ยินหรอก

    “นายนี่นะ ไปยั่วอารมณ์โชกุนเค้าทำไม” ต้นกล้าหันมาดุๆผม ก่อนจะหันไปยิ้มกับไอ้สนิทที่กำลังเดินมา แหม มองผ่านกูเลยนะมึง

    “ไม่ได้ยุ่วซะหน่อย ชั้นแค่รำคาญมันที่โชว์พาวเยอะแยะ นายทนได้ไงกัน” ผมบอกมัน

    “มันก็เป็นปกติของมันแบบนี้แหละ เราชินแล้ว” มันบอกผม

    “กลับกันหรือยัง” ไอ้สนิทเดินมาก็ถามทันที

    “เออ กลับก็กลับ” ผมบอกไอ้สนิทก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะ

    “กลับกันเลยเหรอ ?” ไอ้ต้นกล้าถามขึ้น เหมือนมีอะไรตอยากจะพูด

    “ทำไม นายอยากจะไปไหนอีก” ผมหันไปถาม

    “นึกว่าจะไปหาอะไรกินกันก่อน” มันพูดออกมาเสียงอ่อย ไอ้สนิทยิ้มเหมือนเดาใจไอ้ต้นกล้าออก พอๆกับผมที่เข้าใจรูปการนี้

    “ไว้วันหลังดีกว่าครับน้องต้นกล้า วันนี้พี่นัดทานข้าวกับที่บ้านไว้” ไอ้สนิทตอบพร้อมยิ้มให้

    “อ๋อ เหรอครับ ไม่เป็นไรครับ ไว้วันหลังเนอะ” หึหึ หน้าจืดไปเลยนะ ไอ้เด็กน้อย

    “กูไปก่อนนะไอ้วายุ เจอกันพรุง่งนี้” ไอ้สนิทหันหลงพูดกับผม ก่อนจะยกมือเป็นเชิงลา และเดินออกไป

     

    “เฮ้ออออออ” เสียงคนตัวเล็กข้างๆผมถอนหายใจ

    “แค่นี้ถึงกับถอนหายใจเลยเหรอ วันนี้มันคงไม่ว่างจริงๆนั่นแหละ อย่าเพิ่งท้อดิ” ผมพูดให้กำลังใจมัน พร้อมกับเอามือโอบบ่า

    “แค่เริ่มก็ไปได้ไม่สวยซะแล้ว เราชักใจฝ่อๆ” มันพูดออกมาหน้าเครียด

    “เรื่องนี้ง่ายกว่าแกล้งเป็นแฟนชั้นอีกนะ นายทำได้อยู่แล้ว”  ผมพูดพร้อมกับยิ้มๆ มันหันหน้ามามองผม เราสบตากันอยู่พักหนึ่ง  ก่อนที่มันจะพูดอะไรออกมา

    “อื้มมม ขอบใจนายมากนะ” มันพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอีกครั้ง เป็นการสังเกตรอยยิ้มของมันแบบใกล้ๆครั้งแรก ครั้งนี้ผมอยากเถียงไอ้สนิทเหลือเกิน ที่มันบอกว่าหากว่าใกล้ไปแล้วมักจะไม่เห็นอะไรที่สวยงาม แต่ตอนนี้นี้กลับขัดกันอย่างที่มันบอกอย่างสิ้นเชิง ..

     

     

     

     

    ไอ้สนิท .. กูว่าตอนนี้สวยงามกว่าว่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×