ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Love & Lost] ให้รักก็ได้ .. ให้ร้ายก็เริ่ด

    ลำดับตอนที่ #7 : อาสา .. ให้รัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 65
      0
      20 เม.ย. 55

    ตอนที่ 7 อาสา .. ให้รัก

     

    และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ผมต้องตื่นแต่เช้าในรอบปี วันที่ผมมามหาลัยโดยอาศัยรถแท็กซี่ ทิ้งรถคันงามไว้ที่คอนโด วันที่ผมต้องจากคอนโดไปถึงหนึ่งอาทิตย์เพื่อจะตามคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนจำเป็นของผมไปเข้าค่าอาสาพัฒนาชนบท แค่ชื่อก็บอกแล้วครับว่าต้องไปไกลจากเมืองหลวงแน่ๆ เฮ้อ แค่คิดก็เหนื่อยแล้วครับ

     

    “ทำไมต้องนัดเจอกันเช้าขนาดนี้ด้วย นัดเที่ยงๆบ่ายๆไมได้เหรอ” ผมขอบ่นหน่อยเหอะครับ

    “ทำไมไม่ถามไอ้โชกุนตั้งแต่วันประชุม” คนนั่งแท็กซี่ข้างๆผมค้อนกลับมา

    “ไมได้ฟังนี่วันนั้น” ผมตอบไป

    “ก็แล้วทำไมไม่ฟัง” อีกคนก็สวนมาทันที

    “ไม่อยากฟังมันพูด มันเก็กจะตายห่า นึกว่าหล่อนักเหรอไง” ผมบอกไป พร้อมกับแสดงสีหน้าหมั่นไส้เล็กน้อยเมื่อหน้าของมันตอนนั้นลอยมา

    “งั้นก็อย่าบ่น” มันพูดพร้อมกับสะบัดหน้าไปมองกระจก ไอ้นี่นับวันชักจะเอาใหญ่แล้วครับ ได้ทีก็ดุผม ค้อนผม ผมเป็นเจ้านายนะเว๊ยยยยยยยยย

     

     

     

    “มากันแล้วเหรอ” เสียงไอ้โชกุนตะโกนมาแต่ไกล พร้อมกับรีบเดินเข้ามาช่วยไอ้ต้นกล้าถือกระเป๋าเป้ลูกกระจิ๊ดหนึ่ง

    “โทษทีที่มาช้า พอดีรถติดอ่ะ” ต้นกล้าบอกไอ้โชกุนไป

    “อืม ไม่เป็นไร ก็กำลังรอๆกันอยู่” ไอ้โชกุนตอบมาพระเอกสุดอะไรสุด ผมปล่อยให้พวกมันทักทายกัน ส่วนตัวเองก็ปลีกตัวไปหาไอ้สนิท ที่นั่งชิวอยู่ใต้ต้นไม่อย่างสบายใจ

    “ถึงนานแล้วเหรอมึง” ผมถามมันไป มันหันมามองผมเล็กน้อยก่อนหันไปทางเดิมต่อ

    “ถึงก่อนมึงสักพักได้ หน้าเสียแต่เช้าเชียวมึง หงุดหงิดแฟนเหรอวะ” ไอ้นี่มองหน้ารู้ใจไปหมด

    “ไม่รู้สิ เบื่อที่จะทะเลาะด้วยละ” ผมตอบมันไป

    “ทะเลาะทุกวัน ลูกดกนะเว๊ย” มันแซวผมกลับ

    “กูไม่ตลกนะครับคุณสนิท” ผมทำหน้าตาจริงจังใส่มัน

    “แปลกเนอะ เวลาไอ้ต้นกล้าอยู่กับมึง กลับทำให้มึงหงุดหงิด แต่เวลามันอยู่กับคนอื่นนะ มันกลับทำให้คนอื่นยิ้มแล้วยิ้มอีก ดูอย่างตอนนี้มันอยู่กับไอ้โชกุนสิ ไอ้โชกุนยิ้มปากแทบถึงหู ดูภานุโน่น ก่อนต้นกล้าจะมานั่งหงอย พอต้นกล้ามาถึงร่าเริงเปลี่ยนโหมดไปเลย” ไอ้สนิทเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่มันจับตามองอยู่

    “นี่มึงมาก่อนกูเป็นวันหรือเปล่าวะ สังเกตอย่างกับนักจิตวิทยา” ผมหันไปมองหน้ามันอย่างงงๆ

    “เรื่องแค่นี้ มีแต่คนโง่ๆแบบมึงเท่านั้นแหละที่ไม่รู้” มันหันมาด่าผมแบบเนียนๆ ก่อนจะหันไปสังเกตสิ่งรอบตัวมันต่อ ผมละเบือ่โหมดนี้ของมันจริงๆ

     

     

    “พี่วายุ  ไปลงรายชื่อกัน” เด็กน้อยต้นกล้าเดินมาหาผมก่อนจะดึงมือผมไปลงชื่อลงทะเบียน โดยมีไอ้สนิทเดินตามหลังมาติด

    “จะลากทำไมละครับ เดี่ยวก็ล้มลงไปหรอก” ผมบอกมัน  ถึงแม้จะพูดเพราะขึ้น แต่ก็อารมณ์ไม่เข้าใจมันเหมือนเดิม

    “ก็พี่วายุมัวแต่ไปนั่งคุยอะกับพี่สนิทละครับ คนเค้าลงทะเบียนกันหมดแล้ว และนี่ก็กำลังจะขึ้นรถกันแล้วด้วย” มันหันมาพูดเพราะๆกับผม แต่สายตามันช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน นี่สินะเค้าเรียกว่าสวมหน้ากากใส่กัน

    “อ่ะ เสร็จแล้ว” ผมตอบมันเมื่อเซนต์ชื่อตัวเองเสร็จ

    “ไปขึ้นรถกันครับ” มันพูดพร้อมกับแสยะยิ้มให้ผมเบาๆ นี่มึงคงฝืนมากสินะ

    “พี่วายุจะนั่งกับใคร ?” มันหันมาถามผม

    “ก็นั่งกับนายไง ทำไมเหรอ?” ยังไงอีกเนี่ย

    “ต้นกล้าว่าจะนั่งกับภานุ แต่ ..”

    “อืม งั้นชั้นนั่งกับไอ้สนิทก็ได้” ผมพูดตัดบทมันไป

    “โอเค งั้นหาที่นั่งเอาเองนะ ต้นกล้าไปนั่งกับภานุละ” มันพูดพร้อมกับโบกมือทิ้งผม เล่นงี้เลยเหรอนี่

    “ไงมึง แฟนทิ้งเหรอวะ” ไอ้สนิทนี่ก็นะ มึงสังเกตกูตลอดเวลาเหรอนี่

    “ทิ้งเหี้ยไร เค้าเรียกว่าที่ว่างเว้ย space อ่ะรู้จักป่ะ  ไปมึงนั่งกับกูเลย” ผมพูดพร้อมกับกอดคอมันขึ้นรถทัวร์ไป  ผมได้นั่งหลังๆแล้วครับ ไอ้ต้นกล้านั่งหน้าๆกับภานุ และก็มีไอ้โชกุนนั่งใกล้ๆ กลางๆเป็นที่นั่งของพวกไอ้สมยศครับ  และก็ยังมีคนอื่นๆอีกที่ไปกับรถคันอื่นๆ

     

     

    “เอาละนะคะ ยินดีต้อนรับเหล่าชาวค่ายทุกท่าน อิชั้นยศวดีรับหน้าที่เป็นพิธีกรตลอดการเข้าค่ายในครั้งนี้ โดยได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการจากน้องโชกุนแล้ว ใช่มั๊ยคะน้องโชกุน” ไอ้สมยศเริ่มจับไมค์แล้วครับ พร้อมกับหันไปแทะโลมไอ้โชกุน เอาเยอะๆเลยไอ้สมยศ

    “เอาเลยครับพี่ยศวดี เต็มที่เลยครับ” ไอ้โชกุนตอบมา

    “แหม นี่ถ้าอิชั้นกับน้องโชกุนไม่อย่างว่าๆกัน  อิชั้นคงไม่ได้มายืนตรงนี้หรอกนะ รู้ไว้ซะด้วยนะทุกคน”  ไอ้สมยศเอาใหญ่

    “อย่างว่าอะไรวะสมยศ มึงเป็นพ่อมันเหรอวะ” ผมตะโกนไปจากหลังรถ ไอ้สนิทที่นั่งใกล้หัวเราะออกมาเบาๆ

    “อ๊ายยยย อีวายุ แกหุบปากไปเลยนะ  ไม่อย่างนั้นชั้นจะกัดแกกับน้องต้นกล้าตลอดงานแน่” มันพูดมาพร้อมกับจิกตาแบะปากใส่ผมและต้นกล้า ไอ้ต้นกล้าหันควับมาค้อนตาใส่ผม สายตาประมาณว่า หุบปากเสียเถอะ

    “แล้วน้องต้นกล้า ทำไมไม่นั่งกับพี่วายุละคะ ?” นั่นไง ไอ้สมยศเริ่มแล้ว

    “กูอยากเว้นที่ว่างใว้สำหรับความรักบ้าง แค่นี้ตัวก็จะติดกัน 24 ชั่วโมงแล้ว ให้เค้าอยู่กับเพื่อนเขาบ้าง ใช่มั๊ยจ๊ะน้องต้นกล้า”

    “โว้วววววววว”  เสียงโห่ดังขึ้นมา เมื่อผมพูดกับไอ้สมยศเสร็จ ก่อนจะหันไปทำตาหวานใส่ไอ้ต้นกล้า ที่หันมาแกล้งยิ้มใส่ผม

    “แหม อิจฉาย่ะ หวานกันให้นานๆนะคะนะ แล้วชั้นจะรอดู” ไอ้สมยศอาฆาตพยาบาทอีกแล้วครับ

    “เอาละค่ะ เสียเวลามาเยอะแล้ว  ต่อไปอิชั้นจะนำทุกท่านเข้าสู่ช่วงเวลาสันทนาการ อลังการล้ายี่กันนะคะนะ ถ้าพร้อมแล้วเรามาจอยกัน จอยกันเลยค๊า ....”

     

     

    เสียงขอไอ้สมยศยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ และดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง การที่ผมคาดว่าจะได้หลับระหว่างทางคงผิดหวัง เมื่อนั่งมากับรถคันเดียวกับไอ้สมยศ มันไม่รู้เอาเรี่ยวเอาแรง เอามุก เอากิจกรรมมาจากไหนนักหนาถึงได้เล่นกันตั้งแต่รถออก จนกระทั่งถึงค่ายอาสา ผมละยอมรับในความเก่งกล้าสามารถของมันจริงๆ

     

    พวกเรามาถึงค่ายก็เกือบเย็นแล้วครับ ค่ายที่เรามานี่อยู่แถบชายแดนไทย กัมพูชาครับ เป็นหมู่บ้านแถบอีสานของไทย ค่อนข้างกันดารพอสมควร เห็นแล้วก็เกิดคำถามกับตัวเองเลยครับ ว่าผมจะอยู่ที่นี่ครบเจ็ดวันเหรอ

     

    “ไงมึง คิดอะไรอยู่” ไอ้สนิททักผมทันทีที่ผมสอดส่ายสายตามองไปรอบๆค่ายแห่งนี้

    “คิดอย่างที่มึงคิดนั่นแหละ” ผมตอบมันพร้อมยิ้มฝืนๆให้ หันไปมองไอ้ต้นกล้าที่ลงมาก่อนผม ตอนนี้มันกำลังวุ่นอยู่กับกลุ่มเด็กๆที่มาต้อนรับพวกเราอยู่ มันหันมายิ้มให้ผมก่อนจะยกมือกวักมือเรียกผม ผมมองหน้ามันอย่างงงๆว่าจะเรียกทำไม

    “ไปดิไอ้วายุ แฟนมึงเรียกแล้วนั่น” ไอ้สนิทคงเห็นเหตุการณ์นี้ เลยทักท้วงผมอีกที

    “เออ เห็นแล้ว” ผมพูดพร้อมกับเดินไปหาไอ้ต้นกล้า ที่กำลังโดนเด็กๆอ้อมล้อม

     

    “มีอะไร” ผมกระซิบถามมันเบาๆ หลังจากแทรกวงล้อมเด็กๆมาได้

    “เด็กๆเค้าอยากเล่นด้วย” ต้นกล้ากระซิบบอกผมเบาๆเหมือนกัน

    “เล่น? เล่นอะไรอ่ะ” ผมถามมันอย่างงงๆ

    “เล่นไล่จับไง แต่นายเป็นคนไล่นะ พร้อมแล้ว เริ่ม” เอ๊ยยย นี่ผมยังไม่ทันรู้เรื่องอะไรเลยนะ ตกลงให้ผมเป็นคนวิ่งไล่จับเลยนี่นะ แล้วไม่ถามความสมัครใจผมหน่อยหรือไงเนี่ย แล้วนี่วิ่งหนีกันไปหมดแล้ว

    “เออ เล่นก็ได้เว๊ย” ผมพูดกับตัวเอง เห็นหน้าไอ้สนิทมองมาแบบยิ้มๆส่ายหัวให้ผม ก่อนที่ผมจะออกวิ่งไล่ ไม่ได้วิ่งไล่ใครหรอกครับ ขอจับไอ้ต้นกล้าก่อนละกัน หลอกผมมาเล่นอะไรก็ ไม่รู้ แต่เหมือนจะคิดผิดครับ ไอ้นี่มันวิ่งไวอย่างกับอะไรดี พอจะแตะมัน มันก็เอาเด็กมาขวางไว้ ถ้าผมเอามือไปแตะเด็กก็ไม่ได้อีก สงสารเด็กๆมัน ถึงเด็กมันอยากจะเล่น แต่แบบนี้เด็กมันคงฮากว่าครับ ดูปกป้องพี่ต้นกล้ามันซะเหลือเกิน

     

    “อะไรกัน เหนื่อยแล้วเหรอ” เสียงไอ้ต้นกล้าครับ ตะโกนถามผมเมื่อผมกำลังยืนก้มตัวหอบอยู่

    “ไม่ได้เหนื่อยเว๊ย รอแป๊บนะ ไอ้ปากดี” ไม่ได้เหนื่อยจริงๆครับ แต่ไม่ค่อยมีแรงวิ่งแล้ว แต่จะให้ยอมแพ้ได้ไง ในเมื่อตอนนี้คนเกือบทั้งค่ายมายืนมองผมกับไอ้ต้นกล้าเล่นกันเป็นหย่อมๆแล้ว

    “ไม่ได้ปากดี นายต่างหากที่ปากดี วิ่งไล่มาจะสิบนาทีละ ยังจับใครไมได้สักคน ใช่มั๊ยเด็กๆ” ดูที่มันเย้ยผมครับ ชักจะทนไมได้แล้ว ยังชวนเด็กเย้ยอีก

    “เจอกูแน่ไอ้ต้นกล้า” ผมรีบออกตัววิ่ง พร้อมๆกับที่กลุ่มพวกมันก็แตกตัวหนีกัน ผมวิ่งไปก่อนจะหยุดนิ่ง  มันก็หยุด ผมเลยรีบวิ่งต่อ แล้วมันก็วิ่งอีก ผมทำแบบนั้นยู่สองสามครั้งจนมันเริ่มงงว่าผมเป็นอะไร และเล่นอะไรของมัน จนครั้งสุดท้ายผมหยุดอีกครั้ง แต่หยุดน้อยกว่าเดิม ก่อนจะรีบวิ่งอย่างไวไปหามัน ไอ้ต้นกล้าตั้งตัวไม่ทัน หันมามองผมอย่างตกใจ ผมรีบกระโจนจับตัวมันไว้

     

     

     

    แต่เรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เป็นเพราะผมกระโจนหามันอย่างไว มันจึงไม่ได้เตรียมแรงรับตัวผมไว้ ตัวของมันจึงล้มลงไปตามแรงที่ผมพุ่งเข้าหา ผมเห็นว่ามันจะล้มเลยเอามือตัวเองไปโอบกอดตัวมันไว้ แต่เสียดายที่ร่างของไอ้ต้นกล้าถูกแรงดึงดูดของโลกดึงไปเยอะเสียแล้ว ผมจึงไม่อาจต้านแรงนั้นได้ พาลแต่จะไปช่วยเพิ่มแรง จึงทำให้เราทั้งคู่ล้มลงไปด้วยกัน โดยที่ไอ้ต้นกล้าอยู่ด้านล่าง แต่มีมือของผมรองหลังมันไว้เพื่อไม่ให้มันเจ็บ

     

     

    แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะตอนนี้หน้าของผมกับมันห่างกันแค่ไม่กี่เซนเท่านั้น สายตามันมองผมมาอย่างตกใจ แต่ผมกลับมองมันไปอย่างเป็นห่วง กลัวว่ามันพลาดท่าหัวกระแทกพื้นจะเป็นอย่างไง

     “แหม สองผัวเมียคู่นี้จะจีบกันอีกนานมั๊ยคะเนี่ย มาค่ายอาสานะคะ ไม่ใช่มาฮันนีมูนกันนะคะนะ” เสียงของไอ้สมยศดังมาดึงสติของเราสองคนให้รู้ตัวว่ามีคนจับตามองพวกเราอยู่

    “มึงไม่เป็นไรใช่มั๊ย” ผมถามมันออกไป พร้อมกับลุกขึ้นออกจากตัวมัน

    “เปล่า ไม่เป็นไร” ไอ้ต้นกล้าตอบกลับมา สายตาเลิกลัก มองที่แขนผม

    “แขนนาย ..” มันพูดออกมาพร้อมกับชี้ที่แขน ที่ถลอกเล็กน้อยเพราะล้มลงบนกรวดทราย

    “ไม่เป็นหรอก นิดหน่อยเอง” ผมบอกมัน

    “ไม่เป็นไรได้ไง ไป เดี่ยวเราทำแผลให้” ต้นกล้าพูดพร้อมกับจับมือผมเดินไปที่ไหนสักแห่ง ระหว่างที่กำลังเดินไปที่ไหนสักแห่งนั้น ผมหันไปมองรอบข้าง มีสายตาหลายคู่มองมาทางผม บ้างเป็นสายตาชาวบ้านที่มาต้อนรับ บ้างเป็นสายตาเด็กๆที่แอบอมยิ้ม บ้างก็เป็นสายตานักศึกษาร่วมมหาวิทยาลัยที่พอรู้เรื่องราวระหว่างผมกับต้นกล้า ก็ยิ้มออกมาออกหน้าออกตาหน่อย  ส่วนผมนะเหรอ ได้แต่ยิ้มตอบแบบเขินๆไป

     

     

    เราสองคนมาในที่ๆไม่เจริญมากนัก คำว่ารักร่วมเพศ หรือว่าเกย์คงเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับที่นี่ การแสดงออกของผมสองคนจึงดูเป็นเรื่องที่ชาวบ้านงุนงง แต่ก็ต่างให้ความสนใจ ผู้ชายตัวโต หน้าตาดี กับเด็กน้อยตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักสองคนวิ่งไล่จับกัน ภาพของคำว่าพี่น้อง คงลอยเข้าหัวของชาวบ้านแน่ๆ ผมคิดแบบนั้น

     

     

    “โอ๊ยยย” ผมร้องออกมาเล็กน้อย เมื่อแอลกอฮอล์ สีฟ้าใสถูกลดลงบนแผล

    “เจ็บเหรอ ?” อีกคนถามมาด้วยสายตาเป็นห่วง

    “เปล่า ร้องเป็นพิธี” ผมตอบไป

    “อืม ถามเป็นพิธีเหมือนกัน” ดูมันครับ ดูมัน

    “ไม่น่าชวนนายเล่นเลย ดูดิมาวันแรกก็ได้แผลแล้ว แล้ววันทีเหลือหลังจากนี้ แผลนายไม่เต็มตัวแย่เหรอ” มันพูดของมันมาเรื่อยๆ สายตามันก็จดจ่ออยู่กับแผลถลอกเล็กน้อยของผม ทำแผลไปเรื่อยๆตามประสามัน

    “นายจะบ้าเหรอ แผลถลอกแค่นี้ ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมากหน่า” ผมบอกมันไป เพราะไม่อยากให้มันคิดว่าเป็นความผิดมัน

    “อืม ขอโทษนะ” มันพูดออกมาพร้อมกับมองหน้าผมอย่างกับเด็กทำอะไรผิด ผมมองหน้านั้นยิ้มๆ

    “อืม” ไม่รู้จะตอบอะไร เลยตอบไปแค่นี้ ใจจริงก็อยากบอกขอโทษมันที่ตัวเองก็มีส่วน แต่ด้วยศักดิ์ศรอะไรก็ไม่รู้ที่ค้ำคออยู่ เลยทำให้ปากแข็งพูดออกไปไม่ได้

    “เสร็จละ ออกไปกันเถอะ เขากำลังจะทำพิธีเปิดแล้ว” ต้นกล้าบอกผมก่อนจะเก็บกล่องยา เป็นเวลาเดียวกับที่เสียงโทรโข่งดังที่ลานชาวบ้านเมื่อครู่

     

     

     

    “สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาวบ้านทุ่งกระโทก พวกเราเหล่านักศึกษารู้สึกมีความยินดีที่ได้มาเยี่ยมเยือนที่นี่ มาพัฒนาหมู่บ้านแห่งนี้ การมาสร้างห้องสมุดให้กับโรงเรียนบ้านทุ่งกระโทกในครั้งนี้ของพวกเราก็เพื่อหวังว่า ภายภาคหน้าเยาวชนรุ่นหลังๆจะได้ใช้มันให้เกิดประโยชน์ เป็นแหล่งค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆต่อเยาวชนต่อไป  ...” เสียงของไอ้โชกุนครับ เป็นประธานค่ายก็ต้องพูดสินะ ตามสคริปต์สินะ อ่ะโด่ เท่ตายละ

     

    พิธีการก็ดำเนินไปเรื่อยๆครับ มีผู้ใหญ่บ้าน มีครูใหญ่มากล่าวต้อนรับเราตามลำดับ มีร้องเพลงชาวค่ายเล็กน้อย และก็กิจกรรมสันทนาการที่เอาชาวบ้านมาเป็นส่วนร่วม ชาวบ้านที่นี่น่ารักดีครับ เป็นกันเองมาก มีเข้ามาถามอาการผมหลายคนเลยว่าที่หกล้มเมื่อกี้เป็นอะไรบ้าง เล่นเอาผมจากที่ปรับตัวเข้ากับคนอื่นยาก ค่อยๆปรับตัวเข้าได้ง่ายกว่าเดิม

     

    “พี่สนิทน้ำครับ” ต้นกล้ายื่นกระติกน้ำส่งให้กับไอ้สนิทที่นั่งพักอยู่ที่ม้านั่งริมต้นไม้ ส่วนผมกำลังยืนคุยกับชาวบ้านที่เดินมาถามอาการผม

    “ขอบคุณครับน้องต้นกล้า เหนื่อยไหมครับ” บทสนทนาระหว่างคนสองคนเริ่มขึ้นอย่างง่ายๆ

    “ไม่ครับ พี่สนิทละเหนื่อยไหมครับ” ต้นกล้าตอบไป ผมคุยกับชาวบ้านเสร็จพอดี ยืนมองต้นกล้าจากมุมนี้ ซึ่งไม่ไกลจากที่สองคนนั้นนั่งกันมากนัก ผมจึงค่อนข้างจะได้ยินเสียง แต่มุมที่ผมยืนไม่ได้เป็นมุมตรงจากสายตาของคนทั้งสอง

    “ไม่เลยครับ สนุกดีเนอะ พี่อยากมาหลายครั้งละ แต่ไม่มีเพื่อนมาด้วยสักที นี่ดีนะคราวนี้ที่มีไอ้วายุกับน้องต้นกล้ามาด้วย พี่เลยไม่ค่อยเหงาเท่าไหร่” สองคนนั้นคุยกัน

    ผมลังเลใจว่าจะเดินเข้าไปร่วมวงสนทนาด้วยดี หรือว่าจะปล่อยให้ไอ้ต้นกล้าได้อยู่กับไอ้สนิทบ้าง แต่ก็ยังไม่ทันได้คิดตก ก็มีเสียงเรียกผมดังขึ้น

    “พี่วายุ มากินน้ำครับ” เป็นเสียงของไอ้ต้นกล้าที่ตะโกนบอกผม ผมหันกลับไปยิ้มให้ ก่อนจะเดินเข้าไปหาพวกมันทั้งสองคน

    “น้ำครับพี่วายุ” ต้นกล้าส่งกระติกน้ำใบเดียวกับที่ยื่นให้ไอ้สนิทตอนแรกมาให้ผม

    “ไงมึง เหนื่อยป่ะ” ไอ้สนิทชวนผมคุย

    “เหนื่อยเหี้ยไร ยังไม่ได้ทำอะไรเลยเนี่ย” ผมพูดอวดดีไป

    “เออ วันนี้พักไปก่อน พรุ่งนี้เหนื่อยแน่ๆ คิดภาพแล้วกูหนาว” ไอ้สนิทบอกผมมา

    “ตอนเช้าอากาศคงหนาวสินะ” ผมตบมุขมันไป

    “สัดสิ กูเปรียบเทียบว่ามันคงจะเหนื่อยเหี้ยๆ” ไอ้สนิทบอกมาอีกที

    “เออ กูรู้แล้ว แซวเล่นไปนั้นแหละ” ผมบอกไป ก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้ต้นกล้าที่นั่งมองหน้าผมกับไอ้สนิทคุยกันอยู่ แต่ดูๆแล้วจะมองหน้าไอ้สนิทมากกว่า

    “เอ่ออ กูว่าเดี่ยวกูไปล้างหน้าล้างตาก่อนดีกว่า เหนียวตัวชิบหาย” ผมพูดเพื่อจะขอแยกตัว

    “เอ๊ย กูไปด้วยดิ กูก็อยากล้างตัวเหมือนกัน” ไอ้สนิทขอไปด้วยคน

    “เอ๊ย มึงนั่งเป็นเพื่อนต้นกล้าก่อน เดี่ยวกูกลับมา” ผมพูดพร้อมกับบอกมันอย่างจริงจัง ก่อนจะเดินจากพวกมันสองคนมา

     

     

    “บางทีกูก็ต้องปล่อยให้มึงอยู่กับสิ่งที่มึงชอบบ้าง” ผมบอกกับตัวเองเบาๆ

     

     

    “แฟนไปไหนละยะ”  เสียงของไอ้สมยศดังขึ้นข้างตัวผม ขณะที่ผมกำลังตักน้ำล้างหน้าล้างตาจากโอ่งแถวๆนั้น

    “นั่งคุยอยู่กับไอ้สนิท มึงมีไร” ผมตอบมันไป ไมได้มองหน้ามัน จัดการล้างมือล้างแขนต่อ

    “แฟนเธอนี่ก็ใช่ย่อยนะชั้นว่า จะเอาทั้งเธอ ทั้งเพื่อนเธอเลยเหรอ”

    “มึงพูดอะไรไอ้สมยศ พูดให้มันดีๆหน่อยๆ ให้เกียรติต้นกล้ามันบ้าง” ผมหันไปดุไอ้สมยศแบบไม่พอใจ

    “อุ๊ย อารมณ์ขึ้น คงจะพูดแทงใจดำ ก็ดูสิ แฟนแกหัวร่อต่อกริกกับสนิทอย่างกับสนิทกันมาสามชาติ เวลาน้องต้นกล้าอยู่กับสนิทนะ ดูเป็นตัวของตัวเองมากกว่าอยู่กับแกอีก ชั้นไม่ได้มาเสี้ยมอะไรแกนะ แค่อยากออกความคิดเห็น จากอดีตเพื่อนที่เคยสนิทด้วย ไปละ” มันพูดอะไรของมันออกมามากมาย ก่อนที่จะเดินจากไปดื้อๆ

    “เดี่ยวก่อนไอ้สมยศ” ผมเรียกดักมันไว้ มันหันมามองหน้าผมนิดหนึ่ง

    “ปล่อยเรื่องของกูกับไอ้ต้นกล้าผ่านไปสักเรื่องไม่ได้เหรอ ที่ผ่านมามึงวุ่นวายกับคนของกูไม่พออีกเหรอ” ผมบอกเชิงขอร้องมัน

    “ทำตามที่ชั้นขอให้ได้ก่อนสิ แล้วชั้นจะยอมจบทุกอย่าง ถ้ายังทำไม่ได้ ก็เลิกพูดแบบนี้สักที” มันตอบมาด้วยหน้าตาจริงจัง ก่อนจะสะบัดหน้ากลับแล้วเดินออกไป

     

    ผมคอตกเมื่อได้ยินคำพูดเดิมๆของมัน ที่แสดงถึงความผิดพลาดในอดีตของผม ที่ยากจะแก้ไข

     

    “ปัดโถ่เว๊ยยยยยย” เสียงตะโกนสบถขึ้นพร้อมกับขันน้ำที่ปาลงโอ่ง ละอองน้ำกระเด็นใส่หน้าผมเล็กน้อยพอชุ่มตัว

     

     

     

     

     

     

     

    “นายเป็นไรเหรอ”  เสียงของต้นกล้าดังขึ้นมาตรงทางเข้าที่ไอ้สมยศเพิ่งเดินออกไปเมื่อครู่ มันคงมาทันเห็นผมตะโกนออกไปเมื่อกี้ ถึงมองผมมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง

    “เปล่า ไม่มีอะไร” ผมตอบมันไป ก่อนจะตักขันมาล้างหน้าอีกครั้ง ก่อนจะปิดฝาโอ่ง และเอาขันวางไว้บน

    “ชั้นจะมาตามนายไปกินข้าวเย็น” ต้นกล้าบอกผม

    “อืม ไปสิ” ผมตอบพร้อมกับเดินไปหามัน

    “แล้วไอ้สนิทละ” ผมถามไปเมื่อเดินมาใกล้ๆมัน

    “พี่สนิทแยกตามหลังนายไปติดๆนั่นแหละ บอกว่าจะไปช่วยเค้าในครัว” ต้นกล้าตอบผมมา แปลว่าสองคนนี้ไม่ได้นั่งสวีทอะไรกันอย่างที่ไอ้สมยศพูด แล้วไอ้สมยศกุเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่ออะไรกัน

    “ขอโทษนะที่ช่วยนายได้แค่นี้” ผมบอกต้นกล้าไป

    “ไม่เป็นไรหรอก ค่อยๆเป็นค่อยไป ยังไงชันก็ยังเป็นแฟนนาย จะทำอะไรมากมันก็ไม่ดี ชั้นไม่อยากจะให้ใครเค้าเอาไปนินทา” มันหันมาตอบผมยิ้มๆ สีหน้าไม่ได้คิดอะไร ก่อนจะหันหลังกลับเดินนำผมไป

     

     

     

     

    “ต้นกล้า” ผมเรียกชื่อมันเมื่อนึกอะไรขึ้นออก

    “ว่าไงครับ” มันหันมาถามแบบยิ้มๆ ประมาณว่าอะไรของมันอีก

     

     

     

    “จับมือนาย เดินไปกินข้าวได้มั๊ย ? ”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×