คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : วุ่นวาย .. ให้รัก
ตอนที่ 5
“ทำไมชั้นต้องมาประชุมด้วยเนี่ย นายประชุมเสร็จแล้วค่อยไปบอกชั้นไม่ได้เหรอ” ผมทักท้วงขึ้นทันทีเมื่อเดินมาถึงชมรมอาสาของคณะต้นกล้า ก็จะไม่ให้ทักท้วงได้ไงครับ ไอ้เด็กน้อยต้นกล้ามันลากผมมาเข้าร่วมประชุมดำเนินการสำหรับคนที่จะไปเข้าค่ายอาสาที่จะมีในไม่กี่วันนี้ และผมคิดว่าผมไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ เชื่อเหอะไม่มีอะไรมากหรอก อ่านตามเอกสารที่แจก แล้วก็ปล่อยกลับ
“ถ้าไม่เข้า ก็ไม่ต้องไป อย่าเรื่องมากได้ป่ะ แล้วก็ช่วยทำหน้ายิ้มๆ อย่างกับคนที่รักกันมากๆหน่อยได้มั๊ย” นั่น ขึ้นเสียและสั่งผมอีก ผมต้องออกกฎใหม่ไหมนี่ ว่าการเป็นลูกจ้างห้ามขึ้นเสียงกับนายจ้าง
“นายนี่นะ” ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี
“ทำไม” ดูที่เถียงกลับมา มันน่านัก แต่ไม่ทันแล้วครับ ผมอ้าปากจะดุมันไปแต่ต้องหุบลงเมื่อสายตาของผมไปปะทะกับบุคคลอันตราย เห็นแล้วผมเลยรวบไหล่ต้นกล้ามากอดบ่าทันทีให้มันเห็นเหมือนกับที่ผมเห็น
“กอดบ่าทำ .. พี่วายุ เข้าไปข้างในกันเถอะครับ” ไอ้ต้นกล้าก็ปากค้าง พร้อมกับพูดไม่จบประโยคแรกเหมือนกัน จนมันต้องเปลี่ยนหน้ากากทันทีทันใด
“สวัสดีจ๊ะ ต้นกล้า วายุ” เสียงนั้นถูกกล่าวออกมา เมื่อเธอและเดอะแก๊งมาประจันกันอยู่หน้าผม
“สวัสดีครับพี่ยศวดี” ต้นกล้ากล่าวทักไป
“ไง ไอ้สมยศ” ผมก็ยังคงทักมันเหมือนเดิม
“กรี๊ดดด ไอ้วายุ ชั้นบอกแกครั้งที่ล้านได้แล้วนะยะ ว่าให้เรียกชั้นว่ายศวดี แกนี่สมองกร่อน ปัญญากลวงหรือไงยะ” ไงละครับ ผมโดนด่าอีกแล้ว
“ได้ยินมึงด่า แล้วกูมีความสุขจัง” ผมบอกไอ้สมยศไปพร้อมกับรอยยิ้ม
“แกนี่มันโรคจิตนะ น้องต้นกล้าดูแลมันดีๆละ เดี่ยวมันจะแงะหัวเข้าสักวัน” มันหันมาพูดกับผม ก่อนจะไปพูดกับต้นกล้า ถึงเป็นคำพูดล้อเล่น แต่สายตานั้นก็ไม่ได้ดูเป็นมิตรอะไรเลย
“ไปกันเถอะพวกแก เดี่ยวจะลงชื่อไปค่ายไม่ทัน เดี่ยวน้องโชกุนของชั้นจะงอนเอา” ไอ้สมยศพูดก่อนจะแบะปากมาทางผม และมองเหยียดๆก่อนจะพาเดอะแก๊งค์ของเธอเดินเข้าห้องชมรมไป
“หมายความว่าไง พวกนี้ไปด้วยเหรอ” ผมถามขึ้นทันทีที่พวกนั้นเดินออกไป
“เราก็เพิ่งจะรู้พร้อมนายนี่แหละ” ต้นกล้าหันมาบอกผมหน้าเครียด
“ก็นายนั่นแหละ ไม่น่าจะตามเราไป ถ้านายไม่ตามไปนะ พวกนั้นคงไม่ไปหรอก” ต้นกล้าโยนมาทางผม
“นายอย่ามาบ้าน่ะ ก็ได้ยินอยู่ว่าพวกมันจะมาแทะโลมโชกุน ไมได้เกี่ยวกับพวกเราสองคนซะหน่อย และถ้าชั้นปล่อยนายไป คงได้เป็นขี้ปากกว่านี้แน่” ผมบอกมันไป
“ต่อจากวินาทีนี้ ห้ามขึ้นเสียงกับชั้น ห้ามเถียงชั้นอีก ชั้นพูดอะไรก็ต้องเชื่อ ในที่สาธารณะ เราต้องเป็นแฟนกันตลอด เข้าใจชั้นมั๊ย น้องต้นกล้า” ผมพูดอย่างเบาๆ ก่อนที่จะกระซิบข้างหูในประโยคท้ายๆ
“ไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ก็ได้ ห่างไปเลยนะ” มันพูดพร้อมกับเอามือผลักออก หันมามองผมค้อนๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องชมรมไป
“เอ๊ย เป็นไร ไม่พอใจอะไรอีก หรือว่าเขิน เขินแน่ๆ” ผมพูดออกไปลอยๆคนเดียว ก่อนจะรีบเดินตามมันเข้าไปในห้องชมรม
“โอเคนะครับ มากันครบแล้ว กว่าจะครบกันได้ งั้นเดี่ยวผมจะอธิบายขอบเขตค่ายคร่าวๆให้ฟังนะครับ” เมื่อผมเข้านั่งที่ได้ ไอ้โชกุนก็เริ่มพูดทันที นั่นหมายความว่ามันเหยียดๆผม ที่ผมเข้ามาช้า
“มันเหน็บชั้นว่าชั้นมาช้า” ผมหันไปกระซิบกับไอ้ต้นกล้า
“เค้าไปเหน็บนายตอนไหนอีก เค้าก็พูดไปอย่างนั้นแหละ” ไอ้ต้นกล้าบอกผม
“นายเข้าข้างมัน !!” ผมพูดอีกครั้งก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มาใส่หูฟังฟังเพลง แทนที่จะได้ยินไอ้คนหน้าห้องพูดอะไรปาวๆ
เสร็จประชุม ผมก็ออกมาเลยครับ แต่ต้นกล้ามันขอคุยงานกับเพื่อนมันเล็กน้อย ผมเลยรออยู่ข้างนอกห้องชมรมมัน และก็ต้องเจอกับกลุ่มไอ้สมยศก่อนกลับอีกครั้ง
“อุ๊ยตาย ไม่ยักเชื่อ ว่าพ่อเทพบุตรอย่างแก จะไปออกค่ายอาสากับเค้าได้ด้วย” นั่นไงครับ นึกแล้วว่าต้องแขวะผม
“กูก็ไปกับแฟนกู ไปดูแลแฟนกู มันจะไปแปลกตรงไหน” ผมตอบมันไป
“แปลกดิ ก็แฟนแกคนก่อนๆ แกไม่เห็นต้องตามเฝ้าแจถึงขนาดนี้เลย กลัวคนอื่นเขาไม่รู้เหรอ ว่าเป็นแฟนกัน กลัวใครเข้าไม่รู้เหรอยะ ว่าหันมาชอบผู้ชายแล้ว” ดูมันครับ พูดมาทำหน้าทำตา วานโดนเตะจริงๆ
“กูจะชอบชายหรือหญิงมันก็เรื่องของกู มึงเลิกยุ่งกับชีวิตกูได้แล้วอีสมยศ ก่อนที่กูจะเอาเลือดปากมึงออก” ผมบอกมันไป
“ว๊ายตายแล้ว กระเทยกลัว ทำตัวเถื่อนแบบนี้น้องต้นกล้าเขาคบได้ไงนะ เจ๊ละเป็นห่วง เอาว่าก็ขอให้รักกันนานๆ รักกันมั่นคง อย่าให้พลาดแล้วกันนะคะนะ รับรองว่าอียศวดีคนนี้แหละ จะหัวเราะเยาะและก็เหยียบซ้ำจนถึงที่สุด ให้สมกับที่แกเคยทำกับชั้นไว้ ไอ้วายุ ไปกันเถอะพวกหล่อน คุยกับอรินานไปแล้ว” มันพูดกับผมด้วยสีหน้าที่บอกเลยว่าไม่ได้มีความเป็นมิตรหลงเหลืออยู่ในนั้น ก่อนที่มันจะหันไปคุยกับเพื่อนมันและเดินออกไป
“มาแล้ว รอนานมั๊ย” ต้นกล้าเข้ามาทักพอดีครับ
“ไม่นานหรอก กลับกันเถอะ” ผมไม่รู้จะพูดอะไร พอนึกถึงเรื่องที่ไอ้สมยศพูด ที่มันควรจะจบไปนานแล้วแต่ไม่จบแล้วมันตื้อๆ เหมือนคนโดนเอาของแข็งทุบหัว
“หิวหรือเปล่า ไปหาอะไรกินกันก่อนเข้าคอนโดไหม” ต้นกล้าที่เดินตามหลังผมมา ถามขึ้น
“ยังไม่หิว อยากกลับห้อง” ผมบอกไป โดยไม่ได้หันไปพูดด้วย
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมอยู่ๆก็เงียบ รอเรานานเหรอ” ต้นกล้าถามอีกที
“ไม่มีอะไร อย่าเซ้าซี้อะไรตอนนี้ได้มั๊ย” ผมพูดพร้อมกับหันหน้าดุไปมองมัน ต้นกล้าหลบตาทันทีที่เห็นผมทำหน้าดุใส่ ผมรีบหันหน้ากลับ ก่อนจะรีบเดินไปที่รถ
ไม่รู้ว่าเพราะผมรีบเดินมาที่รถ หรือว่าเพราะต้นกล้าเดินมาช้ากันแน่ ผมถึงรับรู้ว่าเป็นเวลานานพอควรที่ผมมาถึงรถก่อนต้นกล้า มันทำให้รูสึกผิดที่เมื่อกี้หันไปตะคอกใส่มัน ต้นกล้าเดินมาถึงรถ เปิดประตูเข้ามานั่งเงียบๆ เช่นเดียวกับผมที่นั่งเงียบๆอยู่ก่อนแล้ว แต่ยังไม่มีการสตาร์ทรถเกิดขึ้น
“อยากกินอะไร” ผมถามขึ้นลอยๆ
“ไปทำอะไรกินที่ห้องก็ได้ นายอยากกลับห้องไม่ใช่เหรอ” อีกคนตอบมาเสียงเบาๆ
“แล้วนายหิวหรือเปล่าละ” ผมถามขึ้นพร้อมกับหันหน้าไปมอง ก็เจอหน้ามันมองมาที่ผมก่อนแล้ว
“เปล่า” มันตอบ
“จ๊อกกก !!”
“แล้วนั่นเสียงอะไร” ผมทักขึ้นเมื่อได้ยินเสียงท้องร้องของคนที่บอกว่าเปล่า ที่ตอนนี้เอามือลูบท้องตัวเอง พร้อมกับหน้าอมยิ้มเหมือนเด็กโดนจับได้ว่าใส่รองเท้าผิดข้าง
“เดี่ยวจะพาไปหาอะไรกินก่อนขึ้นห้องละกัน ถ้ารอไปกินที่ห้องเลย นายได้หิวตายแน่” ผมพูดไปยิ้มๆ ให้กับความปากแข็งของเด็กน้อยคนนี้ และมันทำให้ผมยิ้มออกมาหลังจากเครียดเรื่องไอ้สมยศ
“ยิ้มอะไรของนาย คนหิวมันผิดเหรอ” ดูดิ ผมดีด้วยหน่อยไม่ได้ ว่าผมอีกละ
“ไม่ผิดหรอกครับคุณต้นกล้า เดี่ยวพี่วายุจะพาไปหาอะไรอร่อยๆทานนะครับ” ผมบอกพร้อมกับสตาร์ทรถพาไปร้านอาหารที่ไม่ห่างจากมหาลัยมาก
“ชั้นชวนไอ้สนิทด้วยได้มั๊ย” ผมหันไปถามต้นกล้า เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องจะคุยกับมัน และคิดว่ามันคงยังอยู่ๆแถวมหาลัย
“แล้วแต่คุณสิ แต่ชวนมาก็ดีนะ จะต่อว่าหน่อย ว่าทำไมไม่เข้าไปประชุม หนอยแน หนอยแน” มันพูดคนเดียวของมันไปครับ ผมว่าผมเหมือนอยู่กับเด็กขึ้นทุกวันละ
ผมเลิกสนใจมันก่อนจะโทรหาไอ้สนิทให้ไปเจอกันที่ร้าน มันบอกผมว่ามันอยู่แถวนั้นพอดี คงไปถึงก่อนผม ผมเลยบอกว่าให้สั่งอาหารไว้รอเลย เพราะคนทางนี้หิวมาก เมื่อมาถึงร้าน ไอ้สนิทก็จัดการไว้เสร็จสรรพ อาหารเต็มโต๊ะไปหมด
“โอ้โหพี่สนิท นี่เราจะทานกันทั้งคณะเหรอครับ” ไอ้ต้นกล้าอุทานขึ้นเมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะ
“เว่อร์แล้วน้องต้นกล้า ไอ้วายุบอกว่าเราหิว พี่เลยสั่งๆมาให้ อีกอย่างไม่รู้ว่าเราชอบอะไร เลยสั่งๆมา คงมีสักอย่างแหละที่เราชอบ” ไอ้สนิทตอบมายิ้มๆ
“พี่สนิทนี่น่ารักจังเลยนะครับ งั้นต้นกล้าไม่เกรงใจละนะ” ต้นกล้าชมไอ้สนิท ก่อนจะรีบนั่ง ตักข้าวใส่จาน และตักกับข้าวมาใส่จานอย่างไว
“ช้าๆก็ได้ เดี่ยวก็ติดคอตายกันพอดี กินอย่างกับตายอดตายอยาก” ผมเห็นแล้วอดบ่นไม่ได้จริงๆ
“นายไม่หิว นายก็พูดได้นี่ เชอะ” มันพูดมาทั้งๆที่ยังเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก
“หยุดพูดแล้วกินไปเลย ดูที่มูมมาม” ผมดุมัน
“เมื่อไหร่พวกมึงสองคนจะเลิกทะเลาะกันวะเนี่ย กูเห็นตั้งแต่วันแรก นี่ก็เป็นอาทิตย์ละ เป็นแฟนกันประสาอะไร กัดกันทุกนาที” ไอ้สนิทสอดขึ้นมาครับ
“ใช่พี่สนิท นายนี่เค้าชอบหาเรื่องต้นกล้า ทำตัวน่ารักๆแบบพี่สนิทบ้างไม่ได้หรือไง” นั่น ยังมีปากว่ามาทักท้วงอีก
“ใช่สิ ชั้นมันมีอะไรดี ถ้าไม่มีเงินแสน นายก็คงไม่มาเป็นแฟนชั้นหรอกนะ” ผมพูดออกไป
“มึงน้อยใจเหรอวะไอ้วายุ นี่มึงน้อยใจอย่างกับคนเป็นแฟนกันจริงๆ” ไอ้สนิทพูดออกมา ต้นกล้าหันมามองหน้าผมแบบงงๆ ก้อนจะหันกลับไปเคี้ยวข้าวในปากเหมือนเดิม
“น้อยใจบ้าบออะไร กูก็แค่พูดความจริง กินข้าวดีกว่ามึง จะได้กลับคอนโดกัน กูเหนื่อยมากวันนี้” ผมพูดตัดบท ก่อนจะรีบกินข้าวบนโต๊ะ
“น้องต้นกล้าคิดไงเรียนคณะวิทยาศาสตร์ครับ” ไอ้สนิทหาเรื่องชวนคุย
“ไม่ได้คิดอะไรเท่าไหร่หรอกครับ สอบติดก็เรียน ไม่ได้คิดอะไรมาก” อีกคนก็ตอบไปลอยๆ
“ทำไมไม่เรียนนิเทศละ แสดงละครได้เก่งออก” ผมขอมีส่วนร่วม แต่ก็ได้รับสายตาประมาณว่าเงียบเถอะคงจะดีจากสายตาสองคนนั้นมา
“พี่สนิทละครับ เรียนเศรษฐศาสตร์ไปทำไม” ต้นกล้าถามบ้าง
“เรียนเพื่อให้รู้เรื่องเงินๆทองๆ โอกาส ต้นทุน อะไรพวกนี้แหละครับ จบไปก็คงได้ใช้กับธุรกิจ” ไอ้สนิทนี่มันรักษาภาพลักษณ์ของมันแบบมั่นคงจริงๆ ถึงมันจะดูหลุดๆในบางครั้ง แต่มาดของมันโดยรวมแล้ว มีเสน่ห์กว่าผมเยอะ แต่นั่นแหละ เพียงแค่มันไม่ค่อยสนใจคนที่เข้าหามัน มันเลยอยู่โสด และฮอตอยู่ทุกวันนี้
“คนรวยก็งี้แหละนะครับ เรียนไปเพื่อทำให้ตัวเองรวยกว่าเดิม” ไอ้ต้นกล้าพูดสรุปออกมา
“น้องต้นกล้าละครับ ที่บ้านทำอาชีพอะไร” ไอ้สนิทถามในคำถามที่ผมไม่เคยถาม ไอ้นี่นี่ คุยแต่อะไรมีสาระเว๊ย
“ลูกจ้างเขาทั่วไปนี่แหละครับ ไม่ได้รวยอะไรมากมาย ถ้ารวยผมคงไม่มาทำงานรับจ้างเป็นแฟนเศษฐีเจ้าปัญหาแถวนี้หรอกครับ” ไอ้ต้นกล้าตอบ
“คุยกันสองคนก็อย่าพาลกูดิวะ พอกูจะคุยด้วยกลับมองว่าเสือก” ผมพูดออกไปลอยๆ
“มึงจะพูดอะไรอีกป่ะไอ้วายุ พูดให้จบๆ กูกับน้องต้นกล้าจะได้คุยกันต่อ” ดูครับดู ดูไอ้สนิทเพื่อนผมพูด
“งั้นมึงเอามันไปนอนคุยเล่นที่คอนโดมึงเลยดีมั๊ย” ผมประชดไป
“ก็ดีนะพี่สนิท ผมอยากคุยกับพี่สนิท ดูมีสาระดี” แต่ไอ้ต้นกล้ากลับเอาจริง
“เป็นอันว่ามึงอนุญาตนะไอ้วายุ เดี่ยวพรุ่งนี้กูพามาส่ง” และไอ้สนิทก็รับปากทันใด
“เอ๊ย ได้ไงวะ แฟนกูนะเว๊ย จะให้ไปนอนกับมึงได้ไง คอนโดมึงก็มีแค่ห้องเดียว”
“ก็นอนห้องกู เตียงกูไง ได้ใช่มั๊ยครับน้องต้นกล้า”
“ไม่ได้ !!!” ผมพูดขึ้นเสียงดัง
“อะไรวะมึง แค่นี้ทำเสียงดัง” ไอ้สนิทพูดมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“ถ้ามึงเอาไป มึงก็ต้องจ่ายค่าเช่า เพราะกูเป็นนายจ้าง” ผมเริ่มมีเงื่อนไขกับมัน
“งั้นคุณก็หักจากเงินเต็มๆผมก็ได้” ไอ้ต้นกล้าก็เสนอเงื่อนไขมา
“สามร้อยพอมั๊ย ?” และนี่คือราคาลดของมัน
“หมื่นนึง !!” ผมบอกราคาเต็มมันไป
“โอยยยย งั้นเราค่อยคุยกันวันหลังอีกนะครับพี่สนิท เจ้านายผมดุ” ไอ้ต้นกล้าหันไปพูดกับไอ้สนิทเบาๆ
“ฮ่าๆๆ ได้ครับน้องต้นกล้า เจ้านายเผลอแล้วเจอกัน”
บทสนทนาระหว่างสองคนนั้นก็ยังคงมีมาเรื่อยๆ พวกมันสองคนหันมาคุยกับผมบ้าง เพื่อไม่ให้ผมหลับ และรำคาญจนเข้าไปขัดพวกมัน สักพักนึงเราก็ทานอาหารกันเสร็จ แยกย้ายกันกลับห้อง
“พี่สนิทนี่ไม่มีแฟนจริงเหรอ?” นายต้นกล้าถามขึ้นทันทีที่ขึ้นรถมาได้
“ไม่รู้สิ ยังไม่เคยเห็น” ผมตอบไป
“หรือว่าพี่แกแอบชอบนายอยู่” มันพูดพร้อมกับหันมามองหน้าผม
“จะบ้าเหรอ โตกันมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แค่คิดก็ขนลุกแล้ว” ผมพูดออกไป
“พวกนายนี่โตกันมาด้วยกันหมดเลยเนอะ นาย พี่สนิท และก็คู่หมั้นนาย” นายต้นกล้าพูดออกมาลอยๆ
“ชอบไอ้สนิทมันเหรอ” ผมถามออกไป
“เปล๊า .. แค่พี่เค้าน่ารักดี” ต้นกล้าพูดออกมาพร้อมกับทำท่าเขินๆ
“ลองจีบมันดูดิ เผื่อทีมันก็อาจจะชอบนายด้วยก็ได้” ผมบอกมันออกไป
“จะดีเหรอ นายช่วยชั้นหน่อยสิ นะๆๆๆๆ” มันทำหน้าตื่น ก่อนจะทำหน้าอ้อนวอนผม
“นะนะ ชั้นลดเงินในสัญญาก็ได้ อ่ะเหลือแปดหมื่น” ตอนนี้เรากำลังต่อรองราคากันอยู่ครับ
“โห ลดลงสองหมื่นเอง ไม่น่าจะคุ้มแฮะชั้น” ผมบอกไป ทำหน้าไม่สนใจ
“นายอย่ามาใจร้ายกับเราให้มากนะ พอคู่หมั้นนายกลับมานายก็ยังคงสถานะมีแฟน แต่เรานี่สิ ต้องตกกระป๋องกลายเป็นไอ้คนโสด โดนนายเฉียดหัวทิ้งเลยนะ แต่ถ้าเราได้เป็นแฟนกับพี่สนิท นายคิดดู ว่ามันแฟร์ๆเลยนะ” แฟร์ตรงไหนของมัน
“เหลือหกหมื่น” ผมต่อราคา
“เจ็ดหมื่นห้า” มันต่อกลับ
“เจ็ดหมื่น ไม่บอกผ่าน และถ้าไม่เอาก็ไม่ช่วยแล้ว” ผมตัดราคาอีกครั้ง พร้อมยืนยันราคานี้
“หึหึ ก็ได้ ไอ้ขี้งก !!!!” ต้นกล้ายอมแฮะ
“ใครกันแน่ที่งก ไอ้หน้าเลือด !!!” ผมขอกลับบ้าง
“นายตกลงว่าจะช่วยแล้วนะ อย่ามาเปลี่ยนคำพูดละ ไม่งั้นเงินนะเราจะคิดดอก ให้เงินต้นเป็นหนึ่งแสนเหมือนเดิม และบวกเพิ่มอีกสามหมื่นนี่อีก เป็นแสนสาม ถ้านายผิดคำพูด”
“เยอะไปละ เยอะไปละ ยังไงมันก็อยู่ที่นายด้วย ว่าจะทำลายกำแพงเย็นชาของไอ้สนิทได้หรือเปล่า ไอ้นั่นนะมันไม่เคยรักใครเลย และถ้ามันชอบนายจริงๆ นายก็อย่าทำมันเสียใจละ ไม่งั้นชั้นเอานายตายแน่” ผมบอกมันไป
“เอาจนตายเลยเหรอ หื่นนะเนี่ยนายอ่ะ” มันย้อนผมครับ
“อย่ามาทะลึ่งกับชั้นนะ !!!”
ตกลงตอนนี้ผมกับไอ้ต้นกล้าอยู่ในสถานะไหนกันแล้วครับเนี่ย เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้วเหมือนกันแฮะ แฟนหลอกๆ ไปด้วย และช่วยให้มันมีแฟนจริงๆไปด้วย เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากผลกรรมที่ตัวเองเคยสร้างไว้ และจะได้แต่งงานกับผู้หญิงที่หมั้นหมายอย่างไม่มีมารมาขัดขวาง อย่างที่มันบอกนั่นแหละครับ ผมกับมันวินวิน ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่พวกเราคิด มันก็คงจะดีไม่น้อย ..
แต่ถ้ามันไม่เป็นไปตามนี่ละ .. ผมไม่อยากจะนึกภาพต่อเลย
ความคิดเห็น