collapase - แดนคนตาย
นายทหารนาวิกโยธินโค้ดเนม"เชลเตอร์"ถูกส่งตัวเข้าไปในเมืองเอสเธอร์พร้อมกับทีมเพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิต แต่กลับได้พบความจริงอันหน้าตกตะลึง
ผู้เข้าชมรวม
86
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทที่ 1 Genesis
11 ตุลาคม 2014
6 ชั่วโมงก่อนภารกิจ DeadStrom
ผมนั่งอยู่บนบนหลังรถฮัมวี มองแสงแดดยามเย็น และกลุ่มควันสีดำที่มาจากการจู่โจมของผู้ติดเชื้อ หรือ ในนามที่รัฐบาลสหรัฐเรียกว่า สเลเยอร์ เป็นกลุ่มผู้ติดเชื้อโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการคือคลุ้มคลั่งเสียสติ และ กระหายเนื้อสดสด จากมนุษย์ เป็นข้อมูลที่ได้มาคร่าวคร่าวๆจากรายงานของทีมก่อนหน้าผม ผมมีโค้ดเนมว่า เชลเตอร์ ผมกับทีม ของผม เซอร์วิออร์ กำลังนั่งรถฮัมวี่จะเข้าไปยังฐานจ่ายงานเพื่อรับคำสั่งจากพันตรีเวอนอน ผู้รับผิดชอบภารกิจช่วยเหลือ ของเมืองเอสเธอร์
“เฮ้ สหายขอต้อนรับสู่งานเสี่ยงตายอีกครั้ง และ สนุกกับมัน วู้ฮู้ ” เสียงจากชายผิวดำที่นั่งข้างๆผมดังขึ้นเขาคือเพื่อนสนิทของผมเองและเป็นผุ้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคในทีมของผมโค้ดเนมของเขาคือ ดาครู้ด
“หุบปากน่า กี่ครั้งกันแล้ว ห๊าที่นายพูดแบบนี้ แล้วมันมักจะจบลงไม่สวยเลยรู้มั๊ย? ” เสียงจาก สวาม พลแม่นปืนประจำทีมส่งเสียงเอะอะโวยวายหลังจากที่ดาครู้ดทำลายความเงียบสงบในรถคันนี้ลง
“เอาน่าๆ”เสียงจากคนขับรถซึ่งก็คือหัวหน้าทีมผมเอง ร้อยโท ดีเร็ค แกริสัน พูดขึ้นมาเพื่อจะพยายามไม่ให้ สวาม พูดถึงภารกิจที่แล้วของพวกเรา “เฮ้นีเป็นครั้งแรกที่ทีมของเราเหลือเพียงสี่คน แต่พวกนายทุกคนก็จำได้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราทำงานด้วยกัน” หลังจากที่หมวดดีเร็คพูดทุกคนก็เงียบละเริ่มจะเห็นด้วยกับที่กัปตันพูดออกมาว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราร่วมรบด้วยกัน
“และที่สำคัญคือเราทำงานกันเป็นทีม” ผมพูดขึ้นเสริมในขณะที่รถจอดในลานจอดรถของฐานบัญชาการ
“ใช่เลยๆอย่างที่เชลเตอร์พูดนั่นแหละ” ดีเร็คพูด “พวกนายหยิบอุปกรณ์แล้วเตรียมลงจากรถแล้วตามชั้นมาได้ยินชั้นพูดแล้วใช่มั๊ย?” ดีเร็คเริ่มบอกพวกเรา
“ฮูร่าห์”ผมกับเพื่อนๆอีกสองคนพูดเสียงดังออกมาพร้อมกัน
“ทำให้เสร็จๆ” ดีเร็คบอกกับพวกเราเพื่อเร่งพวกเรา
พอผมก้าวเท้าลงจากรถ พวกผมก็หยิบกระเป๋าเป้ออกมาสะพายไว้ข้างหลังและหยิบอุปกรณ์คู่กายซึ่งจริงแล้วมันไม่ใช่อุปกรณ์หรอกมันเป็นอาวุธมากกว่ามันก็คือปืนเอ็มสี่เอสซิสเต็มแบบติดกล้องซ้อนสองชั้น ไฮบริดท์ไซด์ อาวุธคู่กายตำแน่งหน่วยจู่โจมของผมนั่นเอง
หลังจากนั้นพวกผมก็เดินตามดีเร็คไปยังเต้นท์จ่ายงาน ซึ่งถ้าคุณเป็นผมคุณจะเห็นได้เลยว่ามันวุ่นวายมากเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่กำลังรับโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากคนที่ติดอยู่ในเมือง หลังจากที่พวกเราเข้ามาในเต้นท์จ่ายงานแล้ว ในเต้นท์นี้มันมีกระดานเป็นแผนที่เมืองและกำหนดการต่าง กับโต๊ะยาวเต็มไปด้วยเอกสาร และชายสองคน คนแรกยืนอยู่หน้ากระดานที่มีแผนที่เมืองกำลังกอดอกและจ้องมองกระดานเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ส่วนคนที่สองนั่งอยู่เก้าอี้แบบพับได้กำลังอ่านหนังสือ พอพวกเราเดินเข้ามาเขาก็หันมามองเรา แล้วก็อ่านหนังสือที่มีชื่อว่าปรัชญาแห่งความหวังต่อ
หลังจากนั้นดีเร็ค ก็สั่งให้พวกเราสามคนยืนรอกันตามสบาย ผมก็เลย ไปยืนข้างๆโต๊ะ ดูรายงานที่อยู่บนโต๊ะ ส่วน ดาครู้ด ก็นั่งลงแล็วก็ทำตัวเหมือนคน บ้า สวามเดินไปหยิบลูกกระสุนบนโต๊ะมายัดใส่แม็กซีนแล้วก็บ่นพึมพำซึ่งผมก็ฟังได้ประมาณ ว่า “ชั้นจะต้องทนไอ่บ้า ดาครู้ด นั่น ที่ทำตัวเป็นเด็กจนถึงเมื่อไหร่กันเนี่ย?”
ดีเร็คเดินไปหาชายที่กำลังมองกระดานอยู่แล้วเมื่อชายคนนั้นหันมามอง ทั้งคู่ก็วันทยหัตถ์ให้กัน แล้วดีเร็คก็รายงานว่าทีมเซอร์วิวอลมารับภารกิจแล้ว หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินมา โดยมีชายที่คุยกับดีเร็คเดินนำดีเร็คมา ส่วนดีเร็คเดินตามหลังชายคนนั้นมา
“สวัสดีทุกคนเลยน่ะ เอาล่ะแนะนำตัวเลยตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์เร่งฉันคือพันตรีเวอร์นอน ผู้รับผิดชอบปฎิบัติการนี้“
พอเขาพูดเสร็จเขาก็ชี้ไปยังแผนที่ซึ่งจุดที่ชี้ไป คือ สถานีตำรวจ
เขาพยายามบอกกับเราว่าเมื่อประมาณเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ได้มีวิทยุขอความช่วยเหลือจากในนั้น
“แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ คุณยังไม่แน่ใจที่จะเสี่ยงส่งคนจำนวนมากเข้าไป”ผมพูดขึ้นถามเป็นคนแรก
“ใช่อย่างที่เธอพูดนั่นแหละ เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้มันค่อนข้างที่จะล่อแหลมมาก การส่งคนจำนวนมากเข้าไป ผมก็เชื่อว่ามันจะเป็นการเสี่ยงไป”เขาพูดขึ้น
“คุณจะส่งพวกเราสี่คนเข้าไปค้นหาผู้รอดชีวิตที่ยังไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ไหม ใช่รึเปล่าครับ?” ดาครู้ดถาม
“ห้าคน ไม่ใช่สี่เขาจะส่งเจ้าหน้าที่จาก ยูเอซี ซึ่งเป็นองค์กรต่อต้านการทดลองอาชีวภาพในมนุษย์ พวกเขาจะส่งคนไปกับเราด้วยเพื่อที่จะหาข้อมูลหลักฐานว่านี่อาจจะไม่ใช่การกลายพันธุ์ของไวรัสแน่ แต่อาจจะเป็นการก่อการร้ายทางด้านชีวภาพ”
ดีเร็คพูดขึ้นมา
“แล้ว สมาชิกคนที่ห้าของทีมเรา อยู่ไหนแล้วล่ะ” สวามถาม
“เอาล่ะทุกท่าน ผมขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับ เจ้าหน้าที่จากยูเอซี เดวิด รูฟโฟโล”พันตรีเวอร์นอนพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปยังชายสวมแว่นกันแดดที่นั่งเก้าอี้อยู่กำลังอ่านหนังสือที่มีชื่อว่าปรัชญาแห่งความหวัง
ผม ดาครู้ด และสวาม หันไปทางชายที่ชื่อ เดวิด
“เฮ้ว่าไง สวัสดี” เดวิดกล่าวเพื่อทักทาย
“เอาล่ะหลังจากนี้พวกนายก็ไปทำความรู้จักกันเอาเองล่ะกัน” พลตรีเวอร์นอน พูด
“มีเวลาเตรียมตัวสองชั่วโมง ไปเตรียมตัวให้พร้อมติดอาวุธเต็มอัตราศึก หลังจากนั้นให้ไปรวมตัวกันที่ลานจอด แบล็คฮวอก ใครมีคำถามอะไรบ้างไหม?”เขาออกคำสั่ง
“แล้ว ข้าศึกล่ะครับ”สวามถาม ราวกับเรื่องนี้สำคัญสุด
“พวกสเลเยอร์ มันจะเชื่องช้า ไม่มีความรู้สึก ไม่เจ็บปวด ไม่ตายแต่เมื่อมันเข้าใกล้อาหาร ซึ่งก็คือ พวกเรา มันก็จะเคลื่อนไหวเร็วขึ้น อย่าให้โดนกัดไม่งั้น พวกคุณจะติดเชื้อ แล้วกลายสภาพเป้นแบบพวกมัน ” เดวิด รูฟโฟโล ตอบคำถามนี้ให้พวกเราชัดเจนยิ่งขึ้น
“พวกเราคืออาหาร” ดาครู้ดเอ่ยขึ้น
“แล้ว วิธีการกำจัดพวกมันล่ะ?” ผมเอ่ยคำถามออกมาอีก
“ยังไม่มี”ครั้งนี้คนที่ตอบคำถามของเราไม่ใช่นายเดวิด แต่เป็นผุ้หมวดดีเร็คของเราแทน “เท่าที่เห็นจากรายงานเบื้องต้นเรายังไม่รู้อะไรแน่ชัด”
“ถูกอย่างที่ผู้หมวดของนายว่า แต่จะให้ถูกต้อง ยิงเน้นๆไปที่หัวใจ สองนัด หัวหนึ่งนัด” เดวิด ช่วยกระจ่างข้อสงสัยขึ้นมา
“แสดงว่าเราต้องเตรียมกระสุนไปเยอะเลยทีเดียว”สวามพูด
“เห็นด้วยสหาย”ผมแสดงความเห็น
“เอาล่ะไปเตรียมตัวกันได้ แล้ว ” ผู้พันสั่ง “อีกอย่างจำไว้เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไปแยกย้ายได้ทำให้เสร็จทำให้เสร็จ”
“ฮูร่าห์!!”พวกเราห้าคนตะโกนพร้อมกันก่อนจะเดินออกไปจากเต้นท์
ผลงานอื่นๆ ของ riptides ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ riptides
ความคิดเห็น