ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic บุพเพสันนิวาส] กิจรักข้ามภพ - การะเกด x จันทร์วาด [เกศจันทร์วาด]

    ลำดับตอนที่ #7 : สะคราญใจ

    • อัปเดตล่าสุด 24 มี.ค. 61




    ตอนที่ ๗ : สะคราญใจ

             แสงแดดแรงแผดส่องทั่วบริเวณเรือนไม้สักทองของออกญาโหราธิบดี บ่าวทาสต่างไม่มีใครอยากออกจากที่กำบัง เนื่องด้วยอากาศของวันนี้ร้อนจัด แต่กลับมีแม่หญิงของเรือนที่ไม่กลัวแดดกลัวดำ เดินไปเดินมาบนเฉลียงด้วยหน้าตากระวนกระวาย เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง สร้างความวุ่นวายกระบาลปวดให้บ่าวสองคนที่ต้องคอยติดตามรับใช้เป็นที่สุด

              "โอ๊ย! แม่นายเจ้าคะแดดมันร้อน ไฉนจึงไม่มาหลบในเรือนเจ้าคะ" นังผินเดินตามไปกล่อมไป พลางใช้มือที่หยาบจากการทำงานหนักป้องบังแสงแดดมิให้เผาถูกหน้า

               "ขึ้นเรือนเถิดเจ้าค่ะแม่นาย" ส่วนบ่าวร่างผอมก็เดินตามถือร่มกางให้แม่นายตนแต่ด้วยความปราดเปรียวของเกศสุรางค์ ก็ทำเอาตามบังให้ไม่ทันเหมือนกัน

                  "ก็ข้าเบื่อนี่นา ตั้งแต่เกิดเรื่องก็โดนขังไว้แต่ในเรือนตั้งครึ่งเดือน ข้าเนี่ยบอร์ริ่ง(Boring)จะตายอยู่แล้ว!" เกศสุรางค์เหล่มองบนก่อนยืนเท้าสะเอวใส่บ่าวที่ตื้อให้ขึ้นเรือนไม่เลิก

                   "บ่อลิง? บ่อลิงคือผู้ใดรือ ?แล้วเหตุใดจึงจักตายเสียเล่าเจ้าคะ" นังแย้มถามหน้าซื่อ 

                   เกศสุรางค์จิ๊ปากเบื่อหน่ายคนอโยธยาที่ฟังภาษาของตัวเองไม่ออก "ข้าจะหนี"
     
                   นังผินกับนังแย้มหน้าเหวอหันจ้องกัน ก่อนควับกลับไปมองแม่นายตนสายตาอ้อนวอน "ไม่เอาเจ้าค่ะ!"

                    "พี่ผิน...พี่แย้ม กล้าขัดคำสั่งข้ารึ?" เกศสุรางค์พูดเสียงกึ่งบังคับ พร้อมจ้องขู่จนสองบ่าวพากันขนลุกซู่ไปทั้งตัวเพราะรู้ฤทธิ์แม่หญิงการะเกด

                    "แล้วแม่นายจะไปที่ใดเล่าเจ้าคะ?" 

                    "ข้าจะไปชุมชนโปรตุเกส!"

    .............................................

                  เรือนใหญ่กว้างสร้างไว้ริมน้ำดูคึกคัก บ่าวไพร่สาละวนเตรียมข้าวของมือเป็นระวิง เพราะอีกสามวันเรือนออกญาโกษาธิบดี จะมีงานบุญเลี้ยงพระใหญ่ รับขวัญลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่ตกน้ำตกท่าไปถึงสองครั้งสองครา

                  จันทร์วาดยืนง่าเงยคอยออกคำสั่ง วันนี้อากาศร้อนนัก ร่างเล็กสวมผ้าแพรคาดอกม่วงน้อยชิ้น แลผ้าซิ่นสีเข้าชุดราคาแพง เปิดเอวบางให้รับไอเย็นจากลม 

                  "จันทร์วาดเอาการเอาการดีเชียวหนา" คุณหญิงนิ่มที่เพิ่งออกมาจากหอนอนเอ่ยชมลูกสาวที่ดูขยันขันแข็ง "แม่จักจัดทำบุญรับขวัญออเจ้า ดีใจรือไม่?"

                  "เจ้าค่ะ" เสียงแผ่วตอบหน้าเฉย

                  คุณหญิงนิ่มใยจะไม่รู้ ตั้งแต่วันนั้นลูกสาวก็เปลี่ยนไปโข ไม่ค่อยสดใสเหมือนก่อนและเอาแต่ทำการทำงาน กรองมาลัย เข้าโรงครัวปรุงกับข้าว เย็บเสื้อผ้าและควบคุมบ่าวไพร่ ราวกับพยายามลืมหรือไม่อยากคิดเรื่องอะไรบางอย่าง

                  "วันนี้คุณพ่อจักไปเชิญท่านออกญาโหรธิบดีมาร่วมงานบุญที่เรือน ลูกจักไปด้วยรือ?" 

                   ดวงตากลมส่อแววดีใจที่จะได้ไปบ้านโหราธิบดี หัวใจแห้งเหี่ยวมีความหวังจะได้เจอคนที่อกคะนึงถึงตลอดหลายวัน

                 "แต่แม่ออกความเห็นว่าไม่อยากให้เชิญแม่การะเกด"

                   ดวงหน้าหวานพลันเปลี่ยนกลายเป็นละห้อยสร้อยเศร้า เพราะนึกถึงคำที่ผู้เป็นแม่ได้สั่งไว้ ก่อนพยักหน้ารับคำอย่างจำใจ "ลูกจะไปเจ้าค่ะ"

    ...................................

              เพลาชายที่ตลาดชุมชนโปรตุเกส พ่อค้าแม่ขายต่างพากันจัดแจงขนของเข้าร้านของตัวเองอย่างขยันขันแข็ง ด้านร้านขายผ้าหญิงสาวก็กำลังจัดแจงยกหอบผ้าเข้าร้านทีละกอง

               "แม่มะลิ!" แว่วเสียงสดใสเอ่ยเรียกคนที่หอบผ้าพะรุงพะรัง ก่อนคนพูดจะยื่นมือเข้าช่วยอีกแรง "ให้ข้าช่วยนะ"

               "แม่การะเกด มาแต่เช้าเลยนะจ๊ะ" มะลิดีใจอย่างมากที่เห็นสาวงามมาเยี่ยมหาตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด "มีออเจ้ามาช่วย ข้าคงจะขายดี"

                "หูย แม่มะลิ ข้าเขินนะ" เกศสุรางค์ฉีกยิ้มกว้างก่อนวางหอบผ้าลงแล้วตีแขนแม่มะลิเบาๆอย่างเขินอาย "ปากหวานไม่เบานะเนี่ย"

                 "ข้าพูดความจริง..แม่การะเกด" สาวลูกครึ่งยิ้มพราย มองสาวอโยธยารูปงามด้วยแววตาคมหวาน ใจนางชื่นชอบและชื่นชมความฉลาดและความแก่นของเกศสุรางค์ "ออเจ้างาม..ข้ามาค้าขายอยู่สยามหลายปี มิเคยเห็นผู้ใดงามเทียบออเจ้า"

                เจอแววตาแบบนั้นเข้าไป ประกอบกับใบหน้าที่คมประดุจนางสาวไทยสมัยใหม่ เกศสุรางค์ในร่างแม่การะเกด ก็หน้าแดงฉ่าไปจนถึงหู ก็คนเป็นติ่งฝรั่งนี่นา มารียาชัดๆ! "แม่..มา..เล๊" เด็กสาวบิดตัวไปมาอย่างเอียงอาย

                  สาวหน้าคมยิ้มกรุ้มกริ่ม จ้องเข้านัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของอีกคน "เวลาอายยิ่งน่าเอ็นดูหนักหนา"

               **โอ้! พระเจ้า สายตาและคำพูดคุกคามมากเลยจอร์ช! **

                   "แล้วเจ้าออกหลวงขี้หลี ยังมาเกี้ยวออเจ้าอยู่รึเปล่า?" เกศสุรางค์ถามแต่มะลิกลับทำแชเชือนไม่อยากตอบ

                   "แล้ววันนี้ออเจ้ามาคนเดียวรือ?" แม่ค้าเรือนแพเปลี่ยนเรื่องทันทีก่อนเหลียวมองรอบๆเหมือนหาใคร

                   "อะ..อ๋อ จ่ะ มาคนเดียว แล้วจะให้มากับใครล่ะ?" เกศสุรางค์ฉงนกับคำถาม พลางชายตามองตามทิศทางที่มะลิมอง 

                   "ก็..แม่หญิงรูปงามที่ออเจ้าเคยมาด้วย" มะลิถามอย่างระวังพร้อมสังเกตทีท่าหงอยๆของอีกฝ่าย 

                  "อ๋อ แม่หญิงจันทร์วาด...ทะเลาะกันน่ะ ทะเลาะหนักมากด้วย" ร่างโปร่งถอนหายใจ "ป่านนี้คงเกลียดข้าไปแล้วล่ะมั้ง"

                "ไม่ต้องกังวลไปหรอกหนา แม่หญิงผู้นั้นแม้นอย่างไร นางจักไม่มีวันเกลียดออเจ้า" มะลิทำหน้าหงอยๆ หลุบตาซ่อนความใจน้อยลึกๆ

                 "แม่มะลิไม่ใช่นาง จะรู้ได้ไงเล่า" เกศสุรางค์ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อคำบอก พร้อมถอนหายใจเสียงดัง "แม่มะลิต้องเห็นสายตาตอนนั้นนะ..หูย น่ากลัว อย่างกับจะกินหัวข้า"

                  "แม่การะเกด เชื่อข้าเถิด หากออเจ้ามองลึกไปในดวงตานั้นออเจ้าจักเข้าใจ" ใจของมะลิหวังเพียงให้แม่หญิงตรงหน้ามีความสุข แม้สิ่งที่พูดออกไปจะทิ่มแทงความรู้สึกตัวเองมากเพียงใด นางได้แต่เพียงแสร้งยิ้มให้เกศสุรางค์สบายใจ

                 เกศสุรางค์รับฟังแต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจ เพราะวันที่ทะเลาะกันจันทร์วาดดูโกรธมาก "จ่ะๆ..ถ้ามีโอกาสจะสังเกตนะ"

                 "แม่นายเจ้าคะได้เพลากลับเรือนแล้วหนาเจ้าคะ" นังผินน้อมตัวบอก

                 "ออเจ้าต้องกลับแล้วรึ" สาวเชื้อสายแขก-ญี่ปุ่นโอบอ้อมแขนกอดร่างโปร่งอย่างทะนุถนอมอ่อนโยน ก่อนขยับปากกระจับมอบสัมผัสแห่งไมตรี จูบหน้าผากคนหน้าสวยด้วยใจอาทร "ไว้มาอีกหนา"

                  "อ..อีผิน" นังแย้มอ้าปากค้างเห็นฟันดำ "ม..มึงดู!"

                   "เออ กูก็เห็น ตั้งแต่สวดมนต์กฤษณกาลี พระนครช่างผิดแผกนัก" นังผินพูดที้งอึ้งๆมองดูแม่นายถูกสาวต่างชาติคุกคาม

                    **ชิ-หายละ!**

                  เกศสุรางค์ยืนทื่อไม่กล้าขยับอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นนั้น เรียวหน้างามกลายเป็นสีชมพูแดงทั้งดวง ก่อนผ่อนคลายลงหลังอีกฝ่ายค่อยๆคลายอ้อมแขนออก

                   "เดินทางปลอดภัยหนาแม่การะเกด" 

                   "...จ่ะ ไปกันพี่ผิน พี่แย้ม" 

                   "เจ้าค่ะ"

                   นายและบ่าวลงเรือที่ท่าน้ำกันเงียบๆ ต่างยังตะลึงงันกับสิ่งที่มะลิทำ เกศสุรางค์ทั้งเขินและอาย แต่ก็นั่งคิดถึงคำพูดของมะลิตลอดทาง

       ..........................................

                ณ เรือนออกญาโหราธิบดี ออกญาเหล็กและลูกสาวจอดเรือเทียบท่า ก่อนขึ้นบนเรือนเพื่อกล่าวเชิญเจ้าของบ้านให้ร่วมทำบุญเลี้ยงพระ แต่การสนทนากลับดูตึงเครียดผิดจากการเชิญทั่วๆไป เพราะคุณหญิงนิ่มสั่งกำชับว่า ห้ามเชิญการะเกด(เกศสุรางค์)

                 "ไม่ให้เชิญแม่การะเกดรือ" คุณหญิงจำปาถามย้ำอีกที

                  "เป็นเช่นนั้นแม่จำปา แม่นิ่มกำชับมาดังนี้"  ออกญาเหล็กกล่าวน้ำเสียงจริงจัง

                  จันทร์วาดนั่งเงียบฟังผู้ใหญ่เจรจากัน มือน้อยกำพัดพับไว้หลวมๆด้วยกิริยาน่ายล มองแล้วสมกับเป็นลูกผู้ดีที่ผ่านการอบรมบ่มนิสัยมา

                   "เอาเถิดหนา นางไม่ต้องไปก็ดีไปอย่าง กิริยาดั่งม้าดีดกระโหลก หากไป...งานใหญ่โตอาจจะพังเอา" ร่างอวบยิ้มตอบคนเชิญ

                   "โหย ไรวะ" เกศสุรางค์ที่เพิ่งกลับจากหนีเที่ยวยืนแอบฟังมาแต่แรก เอ่ยเบาๆอย่างไม่พอใจ

                   "คงต้องลาแล้วแม่จำปา อย่างไรเสียไว้ปะกันวันงานบุญหนา" ขุนนางชายลุกขึ้นจากพลับพลาก่อนหันไปเรียกลูกสาวที่นั่งเหม่อลอย "แม่จันทร์วาด.."

                    "คุณพ่อเจ้าคะ คุณป้าเจ้าคะ" มือน้อยประนมเสมออกไหว้โกษาเหล็กแลคุณหญิงจำปาอย่างนอบน้อม "เรื่องแม่การะเกด.."

                   "จ่ะ ป้าเข้าใจแล้ว ป้าจักไม่เชิญนางหรอกหนา" คุณหญิงจำปาลูบหัวเด็กสาวด้วยเอ็นดู

                   "ไม่เจ้าค่ะ ข้ากำลังจะเรียนคุณป้าแลคุณพ่อว่า แม่การะเกดควรถูกเชิญด้วยเจ้าค่ะ" 

                   ออกญาเหล็กกับเจ้าของเรือนหันมองกันด้วยประหลาดใจ ที่เห็นเด็กสาวแสนเรียบร้อยพูดแก้พูดขัดคำฝากของผู้ใหญ่

                    "แต่แม่ของออเจ้าไม่ปรารถนาที่จะ.."

                    "ใช่เจ้าค่ะ แต่นี่เป็นคำขอร้องของข้าเองข้าขอให้คุณป้ากำชับแก่แม่การะเกด ว่าอย่างไรนางจักต้องไปให้ได้" ดวงตากลมสีนิลจ้องคุณหญิงจำปาอย่างอ้อนวอนไม่วางตา 

                      โกษาเหล็กส่ายหน้าแล้วยิ้มอ่อน ภูมิใจในความกล้าที่จะขัดคำสั่ง เพียงเพื่อรักษาความรักและมิตรภาพ "กลับเถิดจันทร์วาด"  เด็กสาวกราบลาเจ้าของเรือน ก่อนค่อยๆลุกจากท่านั่งเดินตามผู้เป็นพ่ออย่างเชื่อฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย

                    เกศสุรางค์ยืนเงียบอมยิ้มปลื้มใจ พลางเหลือบมองจันทร์วาดที่กำลังจะเดินผ่านมาถึงเธอที่หลบอยู่หลังฉากไม้ "แม่มะลิพูดถูกจริงๆด้วย"
     
                    จันทร์วาดกับโกษาเหล็กหยุดเดินตรงหน้าร่างโปร่งที่ยืนแอบอยู่หลังฉากไม้ ริมฝีปากหนาของขุนนางยศใหญ่ยิ้มให้เกศสุรางค์ด้วยเอ็นดู ต่างกับลูกสาวที่เมินหน้าหนีทันที

                    "แม่การะเกด ได้ยินที่คุยกันแล้วรึ?" 

                    "เจ้าค่ะคุณลุงเหล็ก ขอบพระคุณนะเจ้าคะ" หน้าสวยยิ้มแป้นเผยให้เห็นฟันหน้าทุกครบซี่

                    "งั้นก็ดี ไปให้ได้หนาแม่การะเกด" โกษาเหล็กเอ่ย

                    "เจ้าค่ะ..นี่แม่หญิงจันทร์วาด" เกศสุรางค์ยิ้มพรายอย่างมีความหวังที่จะคุยกับแม่สาวสูงศักดิ์อีกครั้ง

                    "..." สาวเกล้าผมโซงโขดงใช้หางตาเหลือบมองแม่หญิงจอมแก่นที่ยิ้มแป้นใส่นาง แล้วเบือนหน้าเมินก่อนสาวเท้าเดินเร็วลงจากเรือน

                    "เอ๊า!? เข้าใจยากชะมัด" เกศสุรางค์ผงะคอย่นมองตามแผ่นหลังบาง ที่เดินเชิดสไบปลิวอยู่บนเฉลียง ก่อนหันมายิ้มแห้งๆให้ออกญาโกษาธิบดีซึ่งยืนมองเธอทั้งรอยยิ้ม

                    "ข้ากลับก่อนหนา ฮ่ะ ฮ่ะ" ออกญาเหล็กเดินมือไขว้หลังเดินลงบันไดเรือนพร้อมเสียงหัวเราะ

                   "ซึนเบอร์นี้เลยเหรอวะ.." เกศสุรางค์ยืนเกาหัวแกร่กๆพลางชะเง้อมองตาม ก็เพิ่งพูดขอให้ไปร่วมงานอยู่หลัดๆแต่กลับทำเป็นไม่อยากสนทนาด้วย "นี่มันต้นตระกูลสาวซึนเดเระชัดๆ"

    ...............................................................

               สามวันต่อมาพระเก้ารูปถูกนิมนต์มาที่เรือนก่อนเวลาฉันท์เพน แขกมากหน้าหลายตาต่างพากันมาพร้อมสะพรึบ เพราะเป็นงานบุญใหญ่ โดยมีเจ้าของเรือนทั้งสามคอยยืนรับแขกที่หน้าประตูเรือน

               แขกจากเรือนออกญาโหราธิบดีก้าวขึ้นเรือนมาอย่างพร้อมหน้า วันนี้บ่าวรับใช้พากันอยู่เรือนหมด มีเพียงไอ้จ้อยและบ่าวชายคอยพายเรือรออยู่ท่า เมื่อเข้ามาในเรือนครบทุกคนก็สร้างความไม่พอใจให้คุณหญิงนิ่มเป็นอย่างมาก

               "แม่การะเกด!" คุณหญิงนิ่มพูดกระแทกเสียงใส่หญิงสาว แต่ไม่กล้าถามเพราะเกรงใจด้านโหราธิบดีกับคุณหญิงจำปา

                "ดียิ่งนักที่ออเจ้ามาด้วย" ออกญาเหล็กมองสาวน้อยอย่างเอ็นดู "ว่าอย่างไรจันทร์วาด?"

                 "มีแขกมาเยือนเรือนข้าก็ยินดีเจ้าค่ะ" จันทร์วาดยิ้มแหยแล้วหลุบตามองต่ำ

                 "ปากแข็ง" เกศสุรางค์พูดลอยๆกระแนะกระแหนจันทร์วาดพร้อมหรี่ตามองอย่างรู้ทัน

                  หนุ่มหน้าคมหล่อเหลาขยับริมฝีปากได้รูปยิ้มให้แก่ลูกสาวเจ้าของเรือนแต่กลับถูกเมินเฉย ผิดจากแต่ก่อนนัก 

                 เมื่อแขกมากันครบงานบุญก็เริ่มขึ้น พระที่นั่งบนอาสนะถือตาลปัดสวดมนต์แลคาถาอวยพรให้ทุกๆผู้ ก่อนสำรับอาหารตกแต่งหรูหราซึ่งจัดแจงไว้จะถูกยกมาถวายแก่ภิกษุ

                 เจ้าภาพงานนั่งแถวหน้าตามพิธีเพื่อคอยประเคนอาหารให้พระแต่ละรูปบนอาสนะ

                  เกศสุรางค์นั่งหยืดคอชะเง้อชะแง้ สอดส่ายสายตามองหาใครสักคน อยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้รากมากดีที่นั่งรีบศีลรับพรกัน "อยู่ไหนว๊า?..อ๊อนั่นไง" ร่างเปรียวลุกพรวดแล้วถกผ้าซ่อนเดินแกว่นเข้าหาเป้าหมายที่นั่งแถวหน้าสุด กวาดเอาสายตาทุกคู่ให้มองตามพร้อมเพรียงกัน

                  "แม่หญิงจันทร์วาด~ว่าไง" แม่จอมแก่นนั่งแหมะลงข้างๆแม่หญิงในท่าพับเพียบ 

                   "แม่การะเกด!" จันทร์วาดอึ้งกับการกระทำไร้มารยาทของสาวน้อย พร้อมเหลือบแววตาตระหนกมองผู้คนที่จับจ้องนินทานางกับแม่ตัวแสบกันทั้งวง  "ออเจ้าทำกะไร!?"


                   เกศสุรางค์ยิ้มอย่างสมใจที่เห็นอีกคนทำท่างงเงิ่น แล้วขยับวงหน้าเรียวเข้าใกล้ พร้อมส่งสายตาเจ้าชู้หวานเยิ้มจ้องนัยน์ตาสีนิลแบบจู่โจม  จนแม่หญิงต้องหันมองอาสนะเบื้องหน้า เพื่อหลบสายตาเจ้าจอมซน ริมฝีปากบางถูกขบเคี้ยวพร้อมเสียงถอนหายใจแสดงความโมโห

                   "มา! เขากรวดน้ำกันแล้ว" มือเรียวหยิบเต้ากราดน้ำขึ้นถือไว้ แล้วดึงเอามือของคนนั่งข้างมาวางบนหลังมือตัวเอง ก่อนเริ่มรินกรวดน้ำตามฃพระสวด "ห้ามปล่อยนะ" ตาคมเหลียวมองคนที่ทำท่างุ่มง่ามงุนงง แล้วก้มลงมองสองมือที่ร่วมกรวดน้ำด้วยรอยยิ้ม

                    ถึงจะโมโหแต่เมื่อมองวงหน้าร่าเริงปนใสซื่อดวงนั้นก็ทำให้ยิ้มได้เสมอ สำหรับแม่หญิงที่ต้องคอยแบกรับเกียรติและศักดิ์ศรีของครอบครัวจนไม่เป็นตัวของตัวเอง รอยยิ้มบริสุทธิ์นั้นทำให้ทุกข์โศกในใจคลายมะลายสิ้น ตากลมหวานยังคงจับจ้องเรียวหน้างามมิยอมวาง

                   น้ำหยดสุดท้ายหมดจากเต้ากรวด แต่จันทร์วาดกลับชะงักงันนิ่งมองเกศสุรางค์เสียเคลิ้มใจ 

                   "นี่.." เกศสุรางค์เหล่มองคนที่จับมือเธอไม่ยอมปล่อย "เขาจะรดน้ำมนต์กันแล้ว"

                   "อะ..อ้อ ข้ารู้แล้ว" จันทร์วาดผงะปล่อยมือ ก่อนสองหญิงงามขยับใกล้กันจนแขนขาวแนบสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด แล้วก้มประนมไหว้รับน้ำมนต์ที่สาดพรมให้ร่มเย็น

                  "นี่แม่จันทร์วาด" นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองสาวงามข้างๆ 

                   คนถูกเรียกเลิกคิ้วตอบรับคำเรียกทั้งยังก้มอยู่ "ว่าอย่างไร?"

                    "ดีกันนะ" เกศสุรางค์ยิ้มพร้อมยื่นนิ้วก้อยไปใกล้ๆมืออีกคนที่กำลังประนมอยู่

                    "ดีกัน??" เป็นจังหวะที่สงฆ์รดน้ำมนต์เสร็จ จันทร์วาดปรับกลับมานั่งหลังตรงเช่นเดิม แล้วหันมองสัญญาณนิ้วประหลาดที่เกศสุรางค์ทำใส่อย่างฉงน

                    "ข้าขอโทษนะเรื่องวันนั้น" เกศสุรางค์ทำหน้าอ้อนพลางกระดิกนิ้วก้อย

                    "ฮึ" จันทร์วาดกระตุกมุมปากยิ้มโดยไม่มองเกศสุรางค์ แต่ก็เพื่อซ่อนความรู้สึกเท่านั้น

                    "ฟอร์มจัดชะ!" 

                  พิธีเสร็จสิ้นผู้คนที่มากมายจนแน่นเรือนก็เตรียมตัวแยกย้ายกลับอยู่ล้นท่า รอให้กระแสน้ำสงบ จันทร์วาดอาสามาส่งแขกเรือนโหราธิบดีถึงท่าน้ำ โดยมีคุณหญิงนิ่มจับตามองจากบนเรือนอย่างไม่พอใจ

                  "ดูสิเจ้าคะ ห้ามแล้วฟังเสียเมื่อไหร่" คุณหญิงนิ่มมองลูกสาวอย่างระอา

                  "เอาเถิดแม่นิ่ม ปล่อยให้เด็กเขาเล่นกันเถิดหนา" ออกญาเหล็กยิ้มอ่อนๆ 

                  หมื่นสุนทรเทวาหยุดยืนที่ท่าก่อนหันมองสองแม่หญิงเดินเคียงคุยกัน แล้วถอนหายใจหน้าขรึม " แม่การะเกด กลับเรือน"

                  "คุณพี่ ข้ากับแม่หญิงจันทร์วาดยังคุยกันไม่เสร็จ รอแปปนะคะ" เกศสุรางค์พูดแบบเยาะเย้ย

                  "ออเจ้าเป็นคนพูดจามิรู้ความ เจรจาด้วยมีแต่จะทำให้แม่หญิงจันทร์วาดปวดหัวเสียเปล่า" 

                 "เอ๊า! คุณพี่!?" คนพูดมองค้อนหมื่นสุนทรอย่างเอาเรื่อง ก่อนหันไปเห็นแม่หญิงจันทร์วาดที่แอบหัวเราะ "อันนี้ก็อีกคน ถ้าเห็นข้าแล้วรำคาญใจ วันหลังจะไม่คุยด้วยแล้ว"

                  "ข้าหารำคาญใจไม่" จันทร์วาดยิ้มแฝงเล่ห์ลึก ก่อนยื่นหน้าเข้ากระซิบที่ริมหูคนงอแง "ข้าเห็นออเจ้าแล้ว 'สะคราญใจ' เสียมากกว่า"

                  "??????" ปรัศนีลอยเต็มหัวเกศสุรางค์ เพราะฟังคำโบราณที่อีกฝ่ายพูดไม่ออก แต่สังเกตเห็นว่าจันทร์วาดจะยิ้มมีเล่ห์นัยกับเธอเหลือเกิน   "เอ้อนี่ แม่จันทร์วาดข้ามีของจะให้" มือเรียวหอบเอาห่อผ้ายื่นให้สาวตรงหน้า

                 "ข้าเห็นออเจ้าจะให้ข้าอยู่หลายครา" 

                 "งืม เค้าจะให้ตัวเองตั้งหลายครั้งแต่ไม่มีโอกาส" เกศสุรางค์บิดตัวอ้อนจันทร์วาดซึ่งยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า

                 เมื่อเห็นว่าคู่หมายพูดจาวิปลาสฟังไม่รู้ความก็กระแอมเสียงดัง "แม่การะเกด.." เขาพูดด้วยแววตาดุ แล้วงึกหัวไปทางเรือที่จอดรออยู่

                "รู้แล้ว! เรียกอยู่ได้"

                "ออเจ้านี่กำเริบใหญ่แล้วนะแม่การะเกด! พูดกับพี่เช่นนั้นได้เยี่ยงไร?" คุณหญิงจำปาที่รออยู่บนเรือมองค้อนเด็กสาว "รีบลงเรือมาปะไร"

                 "เจ้าค่ะ.." คนโดนดุทำหน้ามุ่ยปากจู๋แล้วก้าวลงนั่งบนเรืออย่างอิดออด "ไว้เจอกันใหม่นะ แม่จันทร์วาด" เกศสุรางค์โบกมือโบกไม้ให้เจ้าของเรือนที่ยืนถือของขวัญมองจากบนท่า

                  "ออเจ้าให้อะไรแม่จันทร์วาด?" พ่อเดชถาม

                   "ให้อะไรก็ได้ค่ะ..เรื่องของผู้หญิง ผู้ชายไม่ต้องมาสนใจหรอก" เกศสุรางค์ลอบเบ้ปากใส่ชายหนุ่ม ก่อนหันกลับไปถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น "คุณพี่คะ 'สะคราญใจ' แปลว่าอะไรคะ?"

                   "คำว่า 'สะคราญใจ' จะใช้เวลาเห็นสิ่งที่สวยงาม ส่วนมากใช้กับผู้หญิงที่สวยมากๆ หรือหญิงผู้เป็นที่รัก" หมื่นสุนทรเทวาตอบเสียงฉะฉานพลางมองหน้าคนถามที่กำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ "ออเจ้าไปได้ยินมาจากที่ใด?"

                   "อ..อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ" เกศสุรางค์ก้มหน้างุดซ่อนสีเลือดฝาดอย่างเอียงอาย บิดไปบิดมาไม่หยุด "บ้า.."

                   "ออเจ้าช่างวิปลาสนัก" หมื่นสุนทรขมวดคิ้วมองเกศสุรางค์

                    "เออ ด่ามาเหอะ ตอนนี้อารมณ์ดี"
      
             **เห็นเงียบๆ ปากหวานไม่เบาเลยนะแม่จันทร์วาด**
     
                  
    ((จบตอนที่ ๗))

    ***********************
    ช่วงนี้ไรท์ก็จะยุ่งหน่อยๆขอรับ -_-
    อย่างไรก็ขอฝากฟิคไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกๆผู้
    ด้วยรักขอรับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×