ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic บุพเพสันนิวาส] กิจรักข้ามภพ - การะเกด x จันทร์วาด [เกศจันทร์วาด]

    ลำดับตอนที่ #8 : ปิ่นรัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.04K
      287
      26 มี.ค. 61

     
    ตอนที่ ๘ : ปิ่นรัก (การะเกดคืนร่าง)

               วันฟ้ามืดครึ้มด้วยเมฆเทาส่งสัญญาณเตือน ว่าอีกไม่ช้าหยาดน้ำฝนก็จะโปรยปรายลงมอบความชุ่มชื้นให้กับผืนดิน ในห้องที่จัดในแบบของล้านนา เตียงนอนไม้สลักถูกผูกไว้ด้วยมุ้งฝ้ายดิบสีขาว หีบเครื่องประดับ ผ้าแพรไหมและเงินชั่งวางเรียงรายแสดงถึงความร่ำรวยของเจ้าของห้อง

                  "ห๊าว~ อื้ม ง่วงจัง" หญิงสาววัยแรกรุ่นบิดร่างยืดเส้นสาย "แต่เตียงแข็งชะมัด ถ้าเอาร่างอ้วนๆฉันมานอนมีหวังเป็นแผลกดทับแน่"

                    'เกศสุรางค์...เกศสุรางค์' เสียงพูดยานคางดังก้องไปทั่ว แต่มีเพียงเกศสุรางค์เท่านั้นที่ได้ยิน

                 "เฮือก! คะ...ใครน่ะ?" ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกหดหัวหดหางขดตัวขนลุกซู่เย็นยะเยือก ตาเรียวคมกลอกมองทั่วทั้งห้องที่ว่างเปล่าด้วยขวัญผวา

                     'ข้าการะเกด' 

                 "การะเกด นี่เธอกลับมาแล้วเหรอ?" เกศสุรางค์ถามเสียงสั่น

                      'ข้ายังกลับ..ไม่ได้'

                   "ทำไมล่ะ?" เกศสุรางค์ยิ้มแหยถามด้วยหน้าถอดสี  เหลือบมองรอบตัวอย่างระแวง เพราะไม่รู้ว่าเจ้าของเสียงสุดสยองนั้นจะโผล่มาเมื่อไหร่

                    แต่เสียงนั้นก็เงียบลง เกศสุรางค์ค่อยๆหย่อนขาลงจากเตียงอย่างไม่ค่อยวางใจ ก่อนสูดลมเข้าปอดรวบรวมความกล้าวิ่งเตลิดออกจากห้อง "อุกรี๊ดดด!!!!"

                    "ว๊าย!!!!?" นังผินกับนังแย้มกำลังนั่งพับผ้าอยู่ แผดเสียงร้องด้วยตกใจแม่นายที่จู่ๆก็โผล่ออกมาจากหอนอน "ม..แม่นายเป็นกะไรไปเจ้าคะ!?" นังแย้มถาม

                    "ป..เปล่าไม่มีอะไร" เกศสุรางค์ตอบทั้งหน้าซีด

                   "ไม่มีอันใด ใยจึงหน้าซีดหน้าเซียว..ทำอย่างว่าเห็นผี" นังแย้มมองดวงหน้างามด้วยห่วงใย 

                   "ช่างเหอะพี่แย้ม..ขอข้านั่งข้างนอกด้วยแปปนึงนะ"

            ***การะเกด...เธอกลับมาทำไมกันนะ มีอะไรต้องการให้ฉันช่วยรึเปล่า?***

    ................................................................

                 ณ เรือนออกญาโหราธิบดี ชายหนุ่มสองสหายเกลอสนิทได้นัดปะกันไว้ เมื่อวันก่อนหมื่นสุนทรเทวาได้รับการอวยยศเป็น 'ขุนศรีวิสารวาจา' ส่วนด้านหมื่นเรืองราชภักดีเป็น 'ขุนเรืองอภัยภักดี' วันนี้พ่อเดชจึงรีบตื่นแต่ไก่โห่มาเตรียมตัวรอสหายตน

                  "ท่านขุนขอรับ!" หนุ่มน้อยวิ่งขึ้นเรือนมานั่งคุกเข่าประนมมือ "แม่หญิงจันทร์วาดมาที่ท่าแล้วขอรับ"

                  ดูเหมือนวันนี้ขุนศรีวิสารวาจาจะมีแขกมาหาที่เรือนถึงสองผู้ เขายิ้มเล็กๆด้วยทราบว่าแม่หญิงโฉมงามมาเยือนเรือน

                  จันทร์วาดขึ้นเรือนมาด้วยกิริยางดงาม ผมโซงโขดงเกล้าสูงประกาศความสูงศักดิ์ลับเรียวหน้ารูปไข่น่ายล ก่อนร่างน้อยจะนั่งลงบนพลับพลาด้วยทีท่าเรียบร้อยประดุจผ้าพับไว้ แล้วยกมือไหว้เจ้าของเรือนตามธรรมเนียม "คุณพี่.." 

                  "ตั้งแต่งานบุญหลายวันก่อนก็ไม่ได้เจอกันเลยหนา" ชายหนุ่มยิ้ม "ออเจ้ามาถึงเรือน มีธุระอันใดรือ?" 

                  "มิได้มีธุระอันใดดอกเจ้าค่ะ น้องเพียงแวะมาหาแม่การะเกด" จันทร์วาดตอบตามตรงพร้อมก้มหัวลงเล็กน้อย 

                   "ออ.. ข้าเองก็รอขุนเรืองเกลอข้าอยู่พอดี"

                   "เจ้าค่ะ..แล้วแม่การะเกดอยู่รือไม่?"

                  พอถามถึงเสียงหัวเราะคิกคักของแม่ตัวแสบก็ดังแว่วขึ้นเรือนมา พร้อมกับบทสนทนาเหมือนกำลังคุยกับใครอีกคน

                   "หมื่นเรืองมาข้าล่ะดีใจมากเลย จะได้ถามอะไรหลายอย่าง" 

                   "งั้นรือ เหตุใดไม่ถามคุณพี่ออเจ้าเล่า?"

                  "คุณพี่น่ะ ไม่เคยเล่าอะไรให้ข้าฟังหรอกค่ะ มีแต่ด่าๆๆกับวางมาดไปวันๆ" เกศสุรางค์พูดหน้าเซ็ง

                 "ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ออเจ้าช่างพูดจาน่าขันนัก" 

                 เกศสุรางค์เดินคุยกับขุนเรืองอภัยภักดีขึ้นมาจนถึงบนเรือน ดึงเอาสายตาของแม่หญิงที่นั่งคอยอยู่ให้หันมอง โดยที่ทั้งสองยังคงยืนยิ้มคุยกันอย่างสนิทสนม

                 "คุณพี่..ขุนเรืองอภัยภักดีมาถึงแล้ว จักให้น้องกลับเลยรือไม่คะ?" น้ำเสียงใสกลับพูดออกมาอย่างแง่งอนสีหน้าขุ่นใจ

                 "ออเจ้ามิรอเจอแม่การะเกดก่อนรึ?" ขุนศรีวิสารวาจาถามแม่หญิงตรงหน้าแบบงงๆ เพราะได้ยินแม่หญิงเอ่ยว่าอยากเจอสาวน้อยอยู่หลัดๆ

                 "แม่หญิงจันทร์วาดนี่นา..หมื่นเรืองป่ะไปนั่งคุยกัน" เกศสุรางค์เกิดอาการดี้ด้าเมื่อเห็นคนที่ตัวเองยัดเยียดความเป็นแฟนให้ แล้วชวนขุนเรืองเดินตรงเข้าหาสองชายหญิงที่นั่งรออยู่

                 "ขุนเรืองอภัยภักดี" จันทร์วาดยกมือไหว้

                 "แม่หญิง.." ขุนเรืองรับไหว้เสมออกและนึกสนุกปากขึ้นมา "แม่หญิงช่างงามนัก มาหาพ่อเดชมาเรื่องอันใดรือ?"

                  "อะแฮ่ม!" ชายกับหญิงเจ้าของเรือนกระแอมแกล้งไอโดยพร้อมเพรียง ก่อนหันหน้ามองค้อนใส่กัน

                  "ข้ากำลังจะกลับแล้วเจ้าค่ะ " จันทร์วาดเอ่ยเสียงเรียบแบบเนิบๆ พร้อมยกมือไหว้สองขุนคู่สหายแล้วทำทีจะเดินลงจากเรือน

                 "เดี๋ยวๆ! ประชดกันเรื่องอะไรอีกเนี่ย?" เกศสุรางค์รู้ทันอาการประชดประชันของอีกฝ่าย เพราะถ้ามีเรื่องไม่พอใจ จันทร์วาดจะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง

                  "มิเป็นดังออเจ้าคิดดอกหนา" จันทร์วาดจ้องตาดุ

                 ขุนเรืองมองเกศสุรางค์กับจันทร์วาดแล้วก็เหมือนจะรู้อะไร เขาเดินดิ่งเข้าหาขุนศรีวิสารวาจาพร้อมโอบไหล่ด้วยแขนใหญ่กำยำของเขา "ไปกันเถิดสหาย ให้แม่หญิงคุยกันเถิดหนา"

                  "แต่ออเจ้าชอบนั่งกงนี้มิใช่รือ ?" 

                  "ข้าชอบทุกที่ ที่มีสหายอย่างออเจ้าอยู่ ไปกันเถิดขุนศรีวิสารวาจา" 

                  ทุกอย่างเป็นใจเปิดโอกาสให้เกศสุรางค์กับแม่จันทร์วาดได้อยู่ด้วยกัน แต่กิริยาท่าทีของแม่หญิงสูงศักดิ์จะยังขุ่นเคือง

                    "เป็นอะไรอีก?" เกศสุรางค์เท้าเอวถาม ก็คนตามง้อเหนื่อยเป็นเหมือนกันนี่เนอะ

                  "ข้าเห็นออเจ้าคุยกับท่านขุนกำลังสนุก ไม่อยากจะรบกวน" จันทร์วาดเหลือบมองตอบเสียงนิ่ง

                   "หวง? หอ-อัว-งอ หวง พูดแบบนี้ค่ะ" ร่างโปร่งขยับเข้ายืนตรงหน้าอีกคน "หวงข้าเหรอคะ? คุณพี่จันทร์วาด?"

                    "ใช่! ข้าหวงออ...เอ่อ...." จันทร์วาดหน้าเลินเล่อสะดุ้งรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากพูดความจริง แล้วหน้าแดงจนสังเกตได้ 

                     "หวงก็บอกมาตรงๆเถอะ " เกศสุรางค์จ้องจับผิดจันทร์วาดพลางส่ายหน้าเหนื่อยหน่าย ก่อนปรับหน้ามายิ้มออดอ้อน "นะคะคุณพี่จันทร์วาด"

                      "ออเจ้าหาควรเรียกข้าว่าคุณพี่ไม่" ร่างน้อยตวัดตาค้อนใส่ก่อนหลบไปมองทางอื่น

                      "หรือจะให้เรียกคุณพี่จันทร์...เอหรือคุณพี่วาดดีคะ?" 

                      "ออเจ้าช่างวิปลาสนัก" จันทร์วาดหันมองบ่าวรอบๆเรือนด้วยเกรงว่าจะได้ยินเข้า
       
                     เกศสุรางค์มองจ้องอย่างรู้ทัน เพราะเป็นลูกคุณหนูใช่จะพูดอะไรประเจิดประเจ้อก็ได้ "เย็นชาชะมัด.. ถ้ากลัวคนจะได้ยินก็ไปคุยในห้องข้าสิ"

                    "หญิงผู้ดีมิควรเชิญผู้อื่นเข้าหอนอน" 

                    "นั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ได้... " พอเห็นว่าอย่างไรอีกฝ่ายคงไม่หยุดวางท่า เกศสุรางค์ก็คิดแผนที่จะทำให้อีกฝ่ายยอมอยู่ต่อ ชวนทำของกินดีกว่า! "นี่แม่จันทร์วาด เราไปทำมะม่วงน้ำปลาหวานกัน!"

                    "มะม่วงกะไรนะ?" ชาวอยุธยาจะเคยกินก็แต่จิ้มเกลือ จันทร์วาดเอียงหน้าขมวดคิ้วถามอย่างฉงน 

                     "ไม่รู้จัก? ช่างเถอะ แต่รับรองว่าแซ่บ!" แม่จอมแก่นดีดนิ้วดังเป๊าะใส่คนที่ดูงงๆกับคำศัพท์ยุคใหม่ ด้วยมั่นใจว่าแม่หญิงอโยธยาจะต้องชอบเมนูเด็ดนี้แน่นอน ว่าแล้วเกศสุรางค์ก็คว้าจูงมือจันทร์วาดตรงเข้าโรงครัว

                    นังเหมือนกับนังบุญที่ติดตามมามองการจับมือถือแขนของแม่หญิงอย่างหวั่นใจ เพราะถูกคุณหญิงนิ่มกำชับว่าอย่าให้แม่จันทร์วาดไปสุงสิงกับแม่การะเกด(เกศสุรางค์)เกินจำเป็น แต่จะเอ่ยห้ามบ่าวก็หากล้าขัดเจ้านายไม่

                    วันนี้ในครัวมีมะม่วงที่เก็บมาใหม่ใส่กระจาดสานวางไว้บนแคร่ ตาคมว่องไวเห็นเข้าก็ดึงจูงร่างน้อยเดินเงอะงะเพราะไม่คุ้นทาง ลงบันไดเชื่อมไปนั่งบนแคร่

                    "โห มะม่วงสวยๆทั้งนั้นเลย" เกศสุรางค์หยิบมะม่วงทั้งน้ำลายสอไปพลางเพียงแค่คิดถึงรสเปรี้ยวของผลไม้ลูกนี้

                      "สวยจริงๆเจ้าค่ะ" นังแย้มมองมะม่วงในมือเรียวแล้วน้ำลายสอตาม

                     จันทร์วาดนั่งเซ่อตาปรอยมองกองผลไม้สลับกับวงหน้าเรียวที่จดจ่ออยู่กับของกิน แล้วหยิบผลมะม่วงขึ้นเตรียมบรรจงแกะสลัก เกศสุรางค์หยืดตาดูลักษณะกิริยาเรียบร้อยเป็นกุลสตรีอย่างอยากรู้อยากเห็น เหมือนจะตื่นตาตื่นใจในความเพรียบพร้อมด้านความเป็นหญิงของคนตรงหน้า  ก่อนหันไปมองพวงมะม่วงในตะกร้าสานที่มีบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่

                     "ว๊าย!!!?" เมื่อเห็นว่ามีงูในพวงมะม่วง เกศสุรางค์แผดร้องสุดเสียงพลันผละร่างเปรียววิ่งไปยืนหลบอยู่ด้านหลังสาวรุ่นพี่ที่แม้จะตกใจแต่ก็รักษากิริยางดงามไว้ได้

                      "ออเจ้าเป็นอันใดไป?" จันทร์วาดหันไปถามหน้าตื่น ในมือยังคงถือมะม่วงไว้

                       "ง..งะ..งู!!" เกศสุรางค์ย่อตัวซ่อน โดยใช้ร่างอีกคนเป็นที่กำบังให้เหลือเพียงตาที่สามารถส่องเห็นงูเขียวได้

                      "ออเจ้ากลัวงูด้วยรึ?" นางถามอย่างไม่เชื่อหู

                     "เอ๊า! ใครบ้างล่ะจะไม่กลัวงู?" ตาคมเบิกโตมองบ่าวในเรือนจับงูไปปล่อย แต่ยังคงหลบอยู่หลังอีกคนอยู่

                     "ข้าเคยเห็นออเจ้าจับงู..แล้วนำมาแกว่งเล่น " พอนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต คนพูดก็พลันหน้าถอดสี "ออเจ้ายังเคยจับงูมาให้ข้าดู"

                     "ข้าเนี่ยนะจับงู!!? แถมแกว่งเล่นด้วย!? " เกศสุรางค์กลับมานั่งหันหน้าถามย้ำกับจันทร์วาด ก่อนสงบจิตสงบใจได้ "แล้ว...ยังเอาไปให้ออเจ้าอีก?"

                     "ใช่ ออเจ้าเคยบอกแก่ข้าว่า ออเจ้าเคยกินงู ที่เมืองสองแควเขากินงู งูเห่าก็กิน งูสิงห์ก็กิน"

                      "โอย ไม่เป็นลมก็ดีเท่าไหร่ละ" เกศสุรางค์พัดไม้พัดมือใส่หน้าพร้อมถอนหายใจเซือบๆ "เอาล่ะแม่จันทร์วาด ข้าจะสอนออเจ้าทำน้ำปลาหวานนะ"

                     จันทร์วาดพยักหน้ารับแล้วขยับไปใกล้ๆมองดูแม่ครัวหัวป่าที่ตั้งอกตั้งเทส่วนผสมต่างๆลงหม้อ ก่อนเริ่มก้มหน้าก้มตาแกสลักลูกมะม่วงด้วยลายอันวิจิตร

                    ฝ่ายบ่าวไพร่ที่ช่วยกันฝานปอกมะม่วงต่างพากันมองแม่นายที่เกียจคร้านปรุงเครื่องจิ้มอย่างตกตะลึง กลิ่นหอมของน้ำปลาเจอกับน้ำตาลปึกและปลาแห้งตำละเอียดโชยหอมไปทั่วจนแต่ละผู้ต้องกลืนน้ำลายลงอึกใหญ่

                     "เสร็จแล้ว! มาแม่จันทร์วาดกินกัน" เกศสุรางค์หยิบมะม่วงจิ้มเครื่องน้ำปลาหวานปรุงใหม่ๆหอมหวานอมรสเปรี้ยวจากมะม่วงสดถูกหยิบเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย "อื้ม อร่อย แต่อย่ากินเยอะนะ ถ้ากินแล้วเสาะท้องอย่ามาว่าข้าน๊า~"

                     จันทร์วาดถือมะม่วงไว้ในมือเหลียวมองซ้ายมองขวาดูบ่าวทาส ที่นั่งกินมะม่วงน้ำปลาหวานกันหน้าตั้ง แต่ยังกล้าๆกลัวๆที่จะกินเข้าไป เพราะเป็นอาหารที่แปลกไม่เคยกินมาก่อน

                  "มัวรออะไรอยู่เล่าซัดเลย ! ถ้ากินแล้วจะหยุดไม่ได้เลยนะขอบอก" ถึงจะพูดยังไงจันทร์วาดก็ไม่ยอมกินเสียที เกศสุรางค์เบ๋ปากมองพร้อมใช้มือหยิบมะม่วงชิ้นใหม่จิ้มเครื่องขึ้นมาถือไว้ "หรือต้องให้ข้าป้อน หืม?"

                  ได้ยินดังนั้นมือน้อยก็รีบจิ้มน้ำปลาหวานกับมะม่วงหยิบเข้าปากทันที ก่อนจะกัดเคี้ยวเข้าปากด้วยอาการเข็ดฟัน

                   "แซ่บมั้ย?"

                   "แสบ..?" เสียงนุ่มพูดเบาๆ ไม่มั่นใจว่าออกเสียงถูกรึเปล่า ตามด้วยเสียงหัวเราะของเกศสุรางค์เมื่อได้ยินสำเนียงนั้น

                    กินมะม่วงน้ำปลาหวานเสร็จแล้ว ทั้งคู่ชวนกันไปนั่งเล่นที่ท่าน้ำริมคลอง สนทนาตามประสาหญิงสาว เกศสุรางค์เป็นฝ่ายเดินนำไปก่อน

                    "นี่แม่จันทร์วาดปื่นที่ให้ไปวันนั้นออเจ้าชอบมั้ย?" สำเนียงเสียงภาษาสมัยใหม่ปนอยุธยาถามพลางยิ้มให้

                    "อืม" จันทร์วาดตอบสั้นๆแล้วหยิบปิ่นสีทองที่ได้รับเป็นของขวัญออกจากห่อถุงผ้าเล็กๆ

                   "โห นี่พกไปทุกที่เลยเหรอ?"

                "ออเจ้าเป็นคนร่าเริง เมื่อเห็นปิ่นนี้ข้าก็มีกำลังใจ" ตากลมมองเครื่องประดับด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย ถึงแม้จะไม่ใช่สิ่งที่หรูหรามากแต่มันก็เป็นเหมือนของแทนใจ ที่หยิบขึ้นมาดูเมื่อไหร่ก็คลายทุกข์โศก

            **โห พออยู่สองต่อสองปากหวานเชียวนะยะ**

               "ขอดูซิ" เกศสุรางค์จับเอาปิ่นทองมาพิจารณาดูด้วยอิ่มใจ แล้วเผลอยิ้มเขินก่อนบิดตัวหนีอย่างเอียงอาย 

                  'เกศสุรางค์...'

               เสียงเรียกยานคางที่คุ้นเคยดังก้องขึ้นในหัวของเด็กสาว จนเธอหน้าถอดสีซีดเผือด สร้างความประหลาดใจให้จันทร์วาดที่นั่งสังเกตอยู่ข้างๆ

               "ออเจ้าเป็นกะไร? เหตุใดจึ่งหน้าซีดหน้าเซียว?" 

                ยังไม่ทันตอบสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำเอาสติแทบเลือนหาย เมื่อดวงวิญญาณของการะเกดโผล่ขึ้นยืนทั้งน้ำตาไหลอยู่ใกล้ๆ เกศสุรางค์ดึงสติไว้ไม่อยู่จนหลุดเสียงร้องลั่น

               "กรี๊ด!!!!?" ปิ่นที่อยู่ในมือถูกปล่อยกลิ้งตกลงไปในน้ำ เกศสุรางค์มองตามด้วยตกใจ "ป..ปิ่นหล่นลงน้ำไปแล้ว!"

                "ช่างเถิดแม่การะเกด แต่เมื่อครู่ออเจ้าเป็นกะไร เหตุใดจึ่งร้องเสียงหลงฉะนั้น" จันทร์วาดถามสีหน้ากังวล

                "รอข้าตรงนี้นะ เดี๋ยวข้าจะลงไปเก็บให้" เกศสุรางค์มั่นใจในฝีมือการว่ายน้ำของตัวเองมาก จึงรีบกระโดดลงน้ำไป และโชคดีที่ปิ่นไม่ได้จมลงลึกแต่ติดอยู่ตามรากจอกแหน

             **เจอแล้ว โชคยังดีที่หล่นลงไม่ลึกมาก**

                 มือเรียวคว้ากำปิ่นทองแทนใจนั้นมาถือไว้ ในตอนกำลังจะว่ายขึ้นผิวน้ำนั้นขาสองข้างกลับไม่มีแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ เกศสุรางค์ดิ้นพล่านด้วยหวาดกลัว แต่ยังคงถือปิ่นปักไว้แน่น

            **เกิดอะไรขึ้น!? เป็นตะคริวเหรอ โอ้ย จะไม่ไหวแล้ว ม..แม่จันทร์วาด**

                สุดความคิดนั้นภาพทุกอย่างก็มืดมิดลง เกศสุรางค์ไม่สามารถรับรู้เรื่องราวต่อจากนี้ได้อีก

    ----------------------------------------

                "แม่การะเกด..แม่การะเกด!?" เสียงของจันทร์วาดร้องเรียกร่างไร้ลมหายใจที่นอนกำปิ่นทองแน่นอยู่บนท่า ขุนศรีวิสารวาจาเองก็กังวลใจ ใช้นิ้วแตะที่ปลายจมูกของร่างเย็นเฉียบ

                "แม่จันทร์วาด...แม่การะเกด..ไม่หายใจ" พ่อเดชก้มหน้าพูดเสียงสั่น โดยมีขุนเรืองอภัยภักดียืนหน้าเคร่งเครียดอยู่ด้วย

                "ไม่จริง..." ร่างน้อยหมดเรี่ยวแรงลงตรงนั้น พลันหวนนึกถึงช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้ใช้ร่วมกัน รอยยิ้มนั้นนางคงไม่มีวันได้เห็นอีกแล้ว ความสุขนั้นมันมลายหายสิ้น "แม่การะเกด.."  มือน้อยแตะลูบเรียวหน้างามอย่างอาลัย ก่อนจะฉุกคิดถึงคำบอกที่เกศสุรางค์เคยพูด

                        'นี่ ที่ข้าทำไปน่ะมันเป็นการช่วยชีวิต เวลาคนจมน้ำ สำลักควัน หยุดหายใจก็ใช้วิธีนี้แหล่ะ'

                "ใช่..นางเป่าลมใส่ปากข้า.." เสียงแผ่วพูดขึ้นลอยๆ ก่อนก้มลงมองร่างไร้ลม "ขอโทษนะเจ้าคะคุณแม่นิ่ม คุณพ่อเหล็ก การกระทำของข้าครานี้คงทำให้ชื่อเสียงของพวกท่านมัวหมอง"

                จันทร์วาดตัดสินใจประกบริมฝีปากถ่ายลมแห่งชีวิตกับร่างที่ตอนนี้เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ จนสองขุนผงะตกใจไม่คิดว่าแม่หญิงผู้เรียบร้อยคนนี้จักหาญกล้าทำเรื่องบัดสีน่าอับอาย

                 "ฟื้นเสียสิแม่การะเกด..เหตุใดออเจ้าจึ่งไม่ฟื้นเล่า ข้าก็ทำแบบเดียวกับที่ออเจ้าทำกับข้าแล้ว ใยจึงนอนนิ่งฉะนี้ " จันทร์วาดพร่ำเพ้อเสียใจกระวนกระวายทั้งน้ำตา พลางมอบสัมผัสอุ่นจากกลีบปากให้กับร่างเย็นเฉียบเรื่อยๆ แม้มันจะไร้ผล "ออเจ้าโป้ปดต่อข้า ข้ากระทำอย่างที่ออเจ้าเคยบอกว่าเป็นการช่วยชีวิต..แต่ข้าอาจนำชีวิตออเจ้ากลับมาได้ไม่"

                ในขณะที่กำลังร้องไห้ระทมคร่ำครวญอยู่นั้น ร่างเย็นยะเยือกพลันลืมตาขึ้นราวปราฏิหารย์ "ข้า..อยู่ที่ใด?" เสียงแหบแห้งเอ่ยถาม

                 "แม่การะเกด! ออเจ้าฟื้นแล้ว" จันทร์วาดประคองร่างเปียกชุ่มขึ้นนั่ง ก่อนหันไปออกคำสั่งกับบ่าวไพร่ที่ยืนตะลึงกับสิ่งที่แม่หญิงกระทำ "พาแม่หญิงขึ้นหอนอนเถิดหนา"

                 "เจ้าค่ะ" นังผินนังแย้มไม่รู้จะขอบคุณแม่หญิงจันทร์วาดอย่างไรดี ได้แต่ช่วยกันประคองร่างแม่นายของพวกตน

                 จันทร์วาดกับขุนทั้งสองเดินตามกันไปยังหอนอนของการะเกด บ่าวสองคนช่วยกันผัดเสื้อผ้าเปียกชุ่มออกเป็นชุดนอน แลใช้ผ้าฝ้ายขาวซับน้ำที่ชุ่มทั่วผมยาว

                  "แม่จันทร์วาด..ออเจ้ากลับเถิดหนา ประเดี๋ยวให้นังผินนังแย้มช่วยกันดูแลนายมันต่อไป" ขุนศรีวิสารวาจาเอ่ยทั้งหน้าเสีย

                  "ข้าขออยู่ต่อเถิด ข้ามีส่วนผิดในเหตุครั้งนี้" ร่างน้อยขยับลงนั่งที่ขอบเตียง "ผิน..แย้ม พวกเอ็งไปเกียมผ้าแลน้ำฝนมาให้ข้า"

                  "เจ้าค่ะแม่หญิง" สองบ่าวเร่งทำตามคำสั่งเร็วไว ทั้งเป็นห่วงแม่นายจนทำตัวไม่ถูก เพราะเคยเห็นการะเกดสิ้นลมต่อหน้าต่อตามาแล้วครั้งหนึ่ง

                  น้ำฝนและผ้าจัดเตรียมมาอย่างเรียบร้อย ก่อนมือน้อยจะใช้มันเช็ดตามเรียวหน้าและเนื้อตัวของคนที่นอนทอดร่างนิ่งหายใจโรยริน จันทร์วาดนั่งมองอย่างอาทรห่วงใย เช็ดถูตัวให้เสียเวลาล่วงเลยตะวันตก

                  "แม่หญิงจันทร์วาดตะวันตกแล้วหนาเจ้าคะ" นังผินเอ่ย

                  "พวกเอ็งมีอันใดต้องทำก็ไปเถิด ประเดี๋ยวข้าจักอยู่ดูแม่การะเกดเอง" จันทร์วาดพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

                   นังผินกับนังแย้มหันมองกันก่อนคลานเข่าออกจากหอนอนพร้อมปิดประตูเหลือเพียงหน้าต่างที่เปิดรับลมโชย


              ปิ่นผมสีทองถูกวางไว้ข้างหัวนอน จันทร์วาดนั่งมองหุ่นอรชรที่นอนทอดกายนิ่งอยู่บนเตียง พลางใช้ผ้าชุบน้ำเย็นบรรจงเช็ดตามเรียวหน้าขาวด้วยห่วงใย  ดวงหน้างามส่องประกายดึงดูดหัวใจของนางอย่างประหลาด กลีบปากบางพลันรู้สึกร้อนวูบวาบ ตรึกตรองถึงสัมผัสอันละมุนจากริมฝีปากเรียวได้รูปคู่นั้น

               "แม่การะเกด...ข้า" ฟันขาวขบเคี้ยวริมฝีปากตนข่มแรงปรารถนา แต่สุดท้ายก็มิอาจต้านทาน ผ้าเย็นถูกวางกลับในกะละมังทองเหลืองเช่นเดิม ก่อนหน้ารูปไข่จะค่อยๆโน้มลงประทับรอยจูบให้คนตรงหน้ามอบสัมผัสอันอบอุ่น

              คนถูกจูบพลันลืมตาตื่นจากนิทราพร้อมคว้าหมับจับข้อมือโจรขโมยจุมพิศด้วยกิริยาผิดแปลก ทำเอาร่างน้อยต้องผละตัวออกด้วยตกใจและเขินอายกับสิ่งที่กำลังทำอยู่

               "เป็นออเจ้า" ริมฝีปากเรียวชุ่มฉ่ำพรายยิ้มมองแม่จันทร์วาดที่นั่งหน้างุดอยู่ขอบปลายเตียง "ข้ารอมานานเหลือเกิน"

              ร่างน้อยไม่เข้าใจกับคำพูดผิดแผกนั้น เอาแต่นั่งมองอย่างเคอะเขินละอายกับสิ่งที่ทำลงไปเมื่อครู่ "ข้ามิเข้าใจสิ่งที่ออเจ้าพูด"

               "ไม่ต้องเข้าใจดอกหนา" ตาเรียวคมแสดงความปรารถนาใคร่อยากอย่างชัดเจน พลางเคลื่อนมือจับเชยคางสาวตรงหน้าขึ้นเชยชม "งามเหลือเกิน แม่หญิงของข้า"

                ด้วยมีใจให้กันอยู่แล้วร่างน้อยแอบเผลอไผลหลวมกายใจ ปล่อยความรู้สึกเคลิ้มตามหญิงที่รุกล้ำคุกคามอย่างห้ามไม่ได้

                "แม่ กะ..การะเกด อือ" เสียงหวานกดครางในลำคอ พยายามฉุดยั้งใจที่กำลังอ่อนระทวยด้วยหน้าแดงระเรื่อ "ออเจ้ามิควรกระทำเช่นนี้" 

                " ฮึ" แววตาดุดันจ้องแววมันวาวหิวกระหาย บัดนี้ร่างโปร่งหุ่นอรชรไม่ใช่เกศสุรางค์ แต่กลับเป็นการะเกดตัวจริง "อย่าให้ข้าต้องกระทำอะไรรุนแรงเลย"

                  มือที่ใช้เชยคางถูกใช้บีบเข้าที่เรียวหน้ารูปไข่ และจับจ้องนัยน์ตาสีนิลฉายแววหวาดกลัว อย่างแผดกร้าว อีกมือไม่อยู่นิ่งจับคลำไปตามเรือนร่างน้อยสั่นเทา

                "ข..ข้าต้องขอตัว" จันทร์วาดเบือนสะบัดหน้าหนี และรีบลุกจากเตียงเดินดิ่งเข้าหมายเปิดประตู แต่ถูกแรงดึงฉุดกระชาก จนร่างน้อยกระตุกกลับล้มลงนอนบนพลับพลาไม้หน้าคันฉ่อง

               "โอ๊ย!"

               เสียงอุทานดังขึ้นอย่างเจ็บปวดเมื่อผิวบอบบางตกกระทบไม้แข็ง การะเกดไม่พูดพร่ำทำเพลงอันใดอีก ร่างโปร่งขึ้นนั่งคร่อมแลดึงกระชากถอดสไบจนรุ่งริ่งด้วยมือ

               "แม่การะเกด! " จันทร์วาดแย่งผ้าต่วนหลุดรุ่ยกลับมากอดห่อปิดเรือนร่างเบื้องหน้า มิให้ปรากฏต่อสายตาฝ่ายคนรุก เหลือให้ยลเพียงแผ่นหลังขาวที่สะท้อนกับกระจกเงา

               "อย่าเสแสร้งเลยหนา ข้าเห็นว่าออเจ้าสมยอม" ตาคมแวววับจิกมองคนไร้ทางสู้ สลับมองคันฉ่องที่เผยให้เห็นเรือนร่างอ้อนแอ้นที่ยังมิเคยผ่านมือผู้ใดมาก่อน 

              มือซุกซนลูบไล้เรียวแขนนวลเนียน มอบสัมผัสกระสันเสียว พร้อมจิกจ้องด้วยสายตาเสน่หา วงหน้างามเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พิรากล ก่อนส่ายแทรกซอกไซร้คอระหงที่บิดสะบัดขัดขืนอย่างกระหรรหาย

             "อือ..มะ..แม่การะเกด หยุดเถิดหนา ข้าขอร้อง" ร่างเสียเปรียบสั่นระริกส่งเสียงหอบเทา พลางดันมือน้อยอ่อนแรงขัดขืนอย่างไร้ผลต่อกิริยาก้ำเกินล่วงล้ำ "แม่..การะเกด..แม่การะเกด หยุด!"

               "แม่จันทร์วาด เงียบปากเสียเถิดหนา" ร่างสะโอดสะองอุดมด้วยราคะจริต กดคร่อมบังคับร่างบางที่ดิ้นดื้อดันให้แผ่นหลังเนียนละออแนบลงบนพลับพลาไม้สัก ก่อนเคลื่อนนิ้วมาแตะริมฝีปากบางที่ร้องอ้อนวอนให้เงียบเสีย "ประเดี๋ยวคืนนี้ ออเจ้าจักมิอาจหยุดร้องเรียกข้าได้สักเพลาเดียว"

                สิ้นเสียงนั้นผ้าต่วนท่อนสไบของแต่ละผู้ถูกทึ้งกระชากกระจัดกระจายไปคนละทาง ก่อนร่างน้อยถูกบังคับให้เชื่อฟัง ร้องรำขับขาลลำเนาเพลง

                  เจ้านกน้อยสิ้นแรงจะบินหนี
                  ในอุ้งมือราชสีห์กดค้ำไซร้
                  ปลดสิ้นเครื่องผ้าห่มท่อนสไบ
                  ละอายใจหนักหนาเคืองระคาง
                  เคลื่อนขยับเรือนร่างหน้าคันฉ่อง
                  ปรายเหลียวมองเอียงอายดวงหน้าสวย
                  เอวกระสันบิดแทรกอ่อนระทวย
                  เนินทองสวยหวามอกปวดเอย
                  คลองน้ำแห้งแลดิ้นแสบสัน
                  แม่น้ำพลันไหลเข้าสู่คลองใส
                  แจวเรือผ่านช้าก่อนเร่งเร็วไว
                  จนหอบไซร้หายใจแผ่วรินโรย

                กลางดึกสองร่างกอดประสานแนบชิดกันมิห่าง ก่อนร่างโปร่งจะขยับรู้สึกตัว ตาคมไล้ปรายมองดวงหน้ารูปไข่ที่ดูเหน็ดเหนื่อยอ่อนแรง พร้อมใช้มือเรียวสางสัมผัสไรผมด้วยเอ็นดู

                 "อือ..แม่การะเกดพอเถิดหนา ออเจ้าปลุกข้าถึงสามครั้งสามครา... สิ่งใดมากไปย่อมมิใคร่จักดี" ร่างน้อยพลิกหันหลังให้หญิงที่คุกคามนนางไม่หยุดหย่อน

                  การะเกดจูบหอมแผ่นหลังเนียน มือเรียวซนไม่ยอมหยุดนิ่ง จับลูบตามร่างที่นอนโรยริน "สามครา? ยังมิสมกับที่ข้าเฝ้าคอยคิดถึงออเจ้าเลยหนา แม่จันทร์วาด"

                  "อย่าพูดจาเลื่อนเปื้อน ออเจ้าปะข้าอยู่บ่อยๆ จักมาคิดถึงกะไร?" 

                   ร่างโปร่งพลันขยับขึ้นคร่อมมิยอมฟังคำทัดทาน "ออเจ้าหาปฏิเสธข้าได้ไม่.."

                  "แม่การะเกด! ออเจ้าช่างดื้อดึงนัก" คนถูกคร่อมพูดเสียงเบาทั้งหน้าแดง

                 "เงียบปาก..แล้วเก็บแรงไว้ใช้กับข้าเถิดหนา...แม่จันทร์วาด"

                
    ((จบตอนที่ ๘))
               
    ขออภัยอัพช้ากว่าสัญญาไปหนึ่งวันขอรับ
    ไรท์ไมเกรนกำเริบ 555. นอนทั้งวันเลยขอรับเมื่อวาน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×