ศุภวารี - นิยาย ศุภวารี : Dek-D.com - Writer
×

    ศุภวารี

    ณ ริมน้ำบางปะกง สถานที่ที่ห้วงเวลาหมุนเวียนบรรจบ ปิ่นอนงค์ ลืมตาขึ้นอีกครั้งในวันเวลาที่ไม่ใช่ของเธอ ในร่างของโฉมงามรัตนโกสินทร์นาม แม่อนงค์

    ผู้เข้าชมรวม

    1,212

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    16

    ผู้เข้าชมรวม


    1.21K

    ความคิดเห็น


    11

    คนติดตาม


    59
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  5 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 มี.ค. 64 / 20:20 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




         ครั้งนี้หล่อนยืนเรียบริมท่าน้ำ แลเห็นเด็กน้อยในชุดโจงกระเบนผ้าไทยสีเม็ดมะปรางอย่างที่ใช้กันในราชพิธีสมัยเก่า

         สมเด็จท่านฯ ให้โกนจุกแล้วจ้ะแม่... ท่านว่าฉันเป็นสาวแล้ว” พลันนั้นเด็กหญิงหันมาส่งยิ้มกว้างให้ผู้เป็นมารดา แล้วหล่อนก็ราวกับได้ส่องมองกระจก หากแต่เป็นกระจกที่พาย้อนให้ตนเองดูอ่อนวัยลงสักสิบยี่สิบปี ความตระหนกวิ่งแล่นในกายที่บัดนี้ใสโปร่ง ไร้เรี่ยวแรงควบคุม แม้ไม่สามารถจับต้องสิ่งใดได้ ภาพทรงจำในอดีตของเด็กหญิงปิ่นอนงค์ทยอยฉายผ่านสายตา ราวกับเป็นชีวิตของหล่อนเอง

         บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของพันตรีเจ้าพระยาสุรทรงศิลป์และท่านผู้หญิงกัลยาฯ เรือนสุรศิลป์ไม่เคยขาดแคลนความสุข กระทั่งย่ำค่ำคืนกาฬวาต

         หลวงเวชบริบูรณ์ฯ ท่านขึ้นท่ามาแล้วเจ้าค่ะ

         เอ็งรีบไปเร่งตามเข้ามา” เสียงเคร่งขึ้งของผู้เป็นพ่อเรือนแทรกความเจ็บปวดทรมานของเด็กหญิงบนตั่งไม้ กลิ่นสมุนไพรฉุนจมูก บ่าวไพร่พัดควันแข็งขันพลางเช็ดน้ำหูน้ำตา ไม่ทราบว่าเกิดจากเคืองควันหรือหรือความห่วงอาลัยต่อนายน้อยของเรือน

         ราตรียาวนานพ้นผ่าน แพทย์หลวงที่ถูกเชิญมามีสีหน้าวิตก ครั้นชายแก่ส่ายศีรษะจนปัญญา คุณผู้หญิงกัลยาฯ ท่านก็ทรุดลงสะอื้นไห้ปานจะขาดใจ เมื่อรู้ตัวอีกครั้งปิ่นอนงค์ในฐานะผู้เฝ้าดูก็สายตาพร่าเลือนด้วยน้ำตากลบ เจ็บร้าวราวกับที่มองดูอยู่นี้เป็นชีวิตของตน ครึ่งหนึ่งในใจนั่นเชื่อมั่นแล้วว่านี่คงไม่พ้นเป็นอดีตชาติที่เคยพ้นผ่านมา

         นับแต่วันนั้นมา รอยยิ้มและเสียงหัวเราะก็กลายเป็นสิ่งหายากในเรือนบริบูรณ์ศิลป์แห่งนี้ เด็กหญิงถูกเลี้ยงดูอย่างเคร่งครัด โดยมีบิดาและมารดาถนอมประคองไว้กลางสองมือ

         และแล้วตัวละครใหม่ก็ถูกเพิ่มเข้ามาในฉากชีวิตตรงหน้าหล่อน ครั้งนั้น ‘แม่อนงค์’ อายุได้เต็ม ๑๔ ขวบปี ท่าทางซื่อสะอาดกว่าอายุอานามที่สมัยนั้นสมควรเรียกว่าสาวสะพรั่งอยู่อักโข

         อนงค์ ลูกนั่งพักเถิดหนา มาออกร้านงานวัดต้องลมเช่นนี้จะล้มป่วยเอาได้” ท่านผู้หญิงกัลยามีสีหน้าหวั่นวิตก มองบุตรสาวหยิบจับพับกระทงห่อหมกอย่างคล่องแคล่ว

         ไหวเจ้าค่ะ จะหาโอกาสได้ตอบแทนเจ้าจอมท่านสักคราช่างยากนัก” หญิงสาวผู้ขานตอบนั้นมีรูปร่างแบบบางอรชรจนคล้ายว่าต้องลมจะล้มไป ต่างจากความสมสัดส่วนอย่างคนรักกีฬาอย่างหล่อนอยู่มากนัก ผมยาวเหยียดตรงเข้มเสมอกัน ผิวกายนวลลออน่ามองไปเสียทุกที่

         แม้ว่าจะคล้ายเธออยู่สิบส่วน แต่กิริยาอ่อนช้อยนุ่มนวลเช่นนั้นก็ต่างชัดอยู่มากโข คืนนี้แม่อนงค์ได้โอกาสมารับใช้เจ้าจอมตำหนักที่อุปถัมภ์ตน ออกร้านขายอาหารในงานฤดูหนาวที่ปิ่นอนงค์มองปราดเดียวก็ทราบว่าคืองานดูตัวของหนุ่ม ๆ สาว ๆ สมัยนี้เท่านั้น

         ใช้เวลาไม่นานนัก ‘สามีในอนาคต’ ของแม่อนงค์ก็ปรากฏตัว หล่อนทราบมาก่อนตัวสาวเจ้าเสียอีก ในเรือนสุรศิลป์ ไม่มีสิ่งใดที่วิญญาณเร่รอนเช่นหล่อนไม่ได้ร่วมรับรู้ แต่คราวนี้กลับประหลาด ไม่มีเสียงใดจากหลุดจากปากบุรุษผู้นั้นมาถึงหูหล่อน ราวกับมีใครมาหมุนปิดเสียงโทรทัศน์ในช่วงที่ละครกำลังถึงจุดสำคัญอย่างไรอย่างนั้น

         ปิ่นอนงค์จึงทำได้แค่มอง พินิจอยู่เช่นนั้นจนภาพคมชัด เขางามสลักจิตสลักใจ ไม่ใช่อย่างผู้ชายสมัยหล่อน แต่กลับคมคายคล้ายภาพศิลป์ คิ้ววาดตรง ผิวสีอ่อนผมสีเข้มเสยขึ้นอย่างพวกผู้ดี ไรฟันเรียงตรงสะอาดตา ครบถ้วนอย่างบุรุษในฝัน หากแต่เป็นบางสิ่งในสองนัยน์คู่นั้นที่ดึงดูดหล่อนอย่างไม่สิ้นสุด ชั่วครู่หนึ่งหล่อนคิดยังคิดไปว่าได้สบตา หากเมื่อมองให้ดี เป็นตัวหล่อนต่างหากที่พาตนเองมายืนอยู่เบื้องหน้าแม่อนงค์

         งานวิวาห์ถูกจัดอย่างสมฐานะ วันคืนแห่งความสุขคืนกลับมาอีกครั้ง หากด้วยเคราะห์กรรมทำให้ ไม่อาจยืนยาวยั่งยืนดั่งที่สมควรจะเป็น ภาพสุดท้ายที่หล่อนได้เห็น แม่อนงค์สิ้นใจในเรือนไม้นั้น เดียวดายอย่างน่าสังเวชแม้จะมีบ่าวไพร่ทั้งหลายข้างกาย ไม่นานนักบิดามารดาก็ตามเข้าสมทบ ร่ำไห้ปานจะขาดใจ

         ลมหายใจสุดท้ายของสตรีผู้นั้นสิ้นลงพร้อมด้วยห้วงคำนึง

         ถึงผู้ที่ไม่ได้แม้จะมารั้งอยู่ดูใจ

         ...คุณพระจิรกรธรางกูร

         สามีของหล่อน

         ดวงใจของหล่อน

         ภาพที่เลือนลางด้วยน้ำตาพลันดับมืด ความรู้สึกที่ห่างไปแสนนานหวนคืนอีกคราว

         ลมหายใจ... หล่อนจะไปมีลมหายใจได้อย่างไร

         และแล้วสายน้ำที่กลับทะลักเข้าปอดก็ให้คำตอบนั้น ปิ่นอนงค์ตะเกียกตะกาย เสียงตะโกนไม่ได้สรรพอื้ออึงอยู่บนผิวน้ำ ก่อนร่างจะถูกแรงบางอย่างฉุดขึ้นใบหน้าที่คุ้นเคยในห้วงความทรงจำของผู้อื่น บุรุษที่แม่อนงค์ของหล่อนคะนึงหาก่อนที่จิตดวงนั้นจะแตกดับ

         ชายผู้นั้น... เป็นสิ่งสุดท้ายที่หล่อนได้เห็นก่อนจะสิ้นสติไปอีกครั้ง

    ______________________________


    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น