คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3
Fic’Because you’re my FrienD
{Baekhyun x D.O}
#FicBD
::Chapter 3::
มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์จะได้รัก
แต่จะมีสักกี่คนที่ได้ความรักกลับคืนมา
เพราะความรักมักไม่ยั่งยืน
โลกใบเดิม…
คยองซูกำลังก้าวเข้าสู่โลกใบเดิมของเขาอีกครั้ง โลกที่มีแต่ความโดดเดี่ยว โลกที่มีแต่คนมาทำร้าย
ขาเรียวเล็กหยุดลงที่หน้าห้องเรียนเหมือนทุกครั้ง แค่ไม่อยากเดินเข้าไปเพื่อพบกับความเจ็บปวด ต่อให้ต้องยืนอยู่ที่หน้าห้องแบบนี้ทั้งวันคนตัวเล็กก็ยอม…ถ้ามันช่วยให้คยองซูไม่โดนรังแก
ยิ่งเข้าไปแล้วต้องเจอหน้าแบคฮยอนก็ยิ่งรู้สึกผิด ทั้งๆที่แบคฮยอนทำดีกับคยองซูทุกอย่าง…แต่คยองซูกลับพูดทำร้ายจิตใจไปแบบนั้น พูดเหมือนแบคฮยอนเป็นตัวถ่วงในชีวิต ทั้งๆที่ร่างสูงเป็นเพื่อนคนเดียวของตัวเองแท้ๆ
คยองซูเห็นแก่ตัวเกินไป..ไม่อยากให้ตัวเองเจ็บจนต้องพูดทำร้ายจิตใจคนอื่น ความจริงคยองซูเองก็เจ็บเหมือนกัน...ทั้งๆที่แบคฮยอนทำให้ตัวเองมีความสุขแท้ๆแต่กลับบอกว่าเพราะแบคฮยอนจึงทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด
คิดอะไรอยู่นะโดคยองซู..
“เฮ้อ..”
“ขอทางหน่อยได้มั้ย” เสียงเรียบนิ่งที่ดังมาจากด้านหลังทำให้คยองซูถึงกับสะดุ้ง ร่างเล็กรีบหลีกทางให้อีกคนก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองช้าๆ
บยอนแบคฮยอน…
“เอ่อ..บ..แบคฮยอน..สวัส..” ยังไม่ทันที่คยองซูจะเอ่ยทักจนจบประโยค คนร่างสูงก็เดินตัดหน้าเข้าห้องไปทันที ไม่ได้สนใจคยองซูเลยสักนิด
“อ้าวคยองซู ! มัวทำอะไรอยู่ เข้ามาสิเด็กน้อย” จอนจองกุกที่นั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนในห้องตะโกนเรียก วินาทีนั้นเองที่คยองซูต้องยอมรับความจริงแล้วก้าวเข้ามาในห้อง…
คยองซูหลับตาปี๋…มันต้องมีอะไรบางอย่างโยนมาใส่ตัวเขาแน่ๆ
ปึก !
“โอ๊ย !” มือเล็กยกขึ้นถูหน้าผากตัวเองเบาๆเพราะความเจ็บปวดที่มากกว่าทุกครั้งที่โดนทำร้าย ไม่ใช่เศษกระดาษที่โยนมาอย่างเคย แต่มันคือแท่งปากกาที่ฟาดเข้าหน้าผากคยองซูเต็มๆจนมันเป็นแผลและเลือดออก…
แบคฮยอนเพียงแค่หันกลับไปมองคยองซูแวบหนึ่งเท่านั้น…ก่อนจะเดินไปที่นั่งตัวเองด้วยท่าทีเมินเฉย
“เฮ้ย ! คยองซูเป็นแผลเลยหรอ ขอโทษๆ…ยังไงก็ฝากทิ้งปากกาด้ามนั้นด้วยแล้วกันนะ ฮ่าๆ” โดนแกล้งแบบเดิมๆ…เหตุผลเดิมๆ
คยองซูใช้มือเล็กปิดแผลตัวเองไว้…ถึงแผลจะไม่ได้ลึกแต่มันก็เจ็บมากพอสมควร ร่างเล็กก้มลงเก็บปากกาก่อนจะเดินไปที่หลังห้องแล้วนั่งลงกับโต๊ะเรียนตัวเดิม นั่งเงียบๆคนเดียว
เจ็บจัง..
“วันนี้แบคฮยอนไม่เล่นด้วยหรอคยองซู หืม?” จองกุกหันถามกวนประสาท ทั้งๆที่เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นก็เพราะตัวเองทั้งนั้น
“จะคุยอะไรกันก็คุย ไม่ต้องเอาฉันไปเกี่ยวข้อง” แบคฮยอนพูดเสียงเรียบพร้อมกับส่งสายตาเย็นชาให้จองกุก หัวโจกของห้องกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างสะใจ
แบคฮยอนพูดแบบนี้คงโกรธคยองซูมากๆเลยใช่มั้ย?
“จอนจองกุก ไปนั่งที่ได้แล้ว” เป็นอาจารย์ประจำชั้นที่เดินเข้ามาในห้องแล้วเอ่ยสั่งเสียงเรียบ จองกุกเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองอย่างหัวเสียเพราะถูกขัดจังหวะการแกล้งคยองซู และเมื่อห้องทั้งห้องเริ่มเงียบอาจารย์สาวสวยจึงเริ่มพูดขึ้น
“พวกเราคงรู้กันดีอยู่แล้วนะว่าอีกหนึ่งอาทิตย์จะมีการสอบปลายภาค”
“โอ๊ยย ! สอบอีกแล้วหรอเนี่ย” เสียงนักเรียนในห้องเริ่มบ่นกันจ้อกแจ้กจนอาจารย์สาวต้องกระแอมให้ทั้งห้องเงียบแล้วจึงเริ่มพูดต่อ
“เอาล่ะๆ ถ้าสอบเสร็จแล้วก็จะมีการปิดเทอมเป็นเวลาหนึ่งเดือน ครูหวังว่าพวกเธอจะใช้เวลาหนึ่งเดือนนี้ให้เป็นประโยชน์นะ อีกสิบนาทีเริ่มเรียน” คุณครูคนสวยว่าแค่นั้นก่อนจะเดินออกจากไป เสียงคุยกันดังจ้อกแจ้กดังขึ้นในทันที คยองซูเองก็ตัดสินใจลุกจากโต๊ะของตัวเองเพื่อจะออกไปล้างแผลหากแต่เขากลับถูกจอนจองกุกยืนขวางทางไว้
“จะไปไหนคยองซู”
“ไป..ล้างแผล” คนตัวเล็กเอ่ยแผ่วเบา ใบหน้าหวานก้มมองพื้นไม่ยอมเงยขึ้นไปคุยกับอีกคน
“หรอ งั้นรีบไปเถอะ…เอ้อ ไม่ต้องเข้าไปล้างในห้องพยาบาลนะ ใช้น้ำจากก๊อกล้างก็พอแล้ว” คยองซูเงยหน้าขึ้นมองจองกุกทันที อะไรกัน…ไปห้องพยาบาลก็ไม่ให้ไป แล้วแบบนี้คยองซูจะไปหาพาสเตอร์ปิดแผลจากที่ไหนกัน…
“แต่ว่า..ฉันไม่มีอะไรปิดแผล ฉันขอไปเอาพลาสเตอร์ที่…”
“อย่าให้ฉันเห็นว่ามีพลาสเตอร์ปิดแผลนายนะ...ไม่อย่างนั้นจะเจอเยอะกว่าเมื่อวาน” ประโยคหลังคยองซูแทบต้องกลั้นลมหายใจ จองกุกยื่นหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆอย่างน่ากลัว คนตัวเล็กทำได้แค่เม้มปาก..พนักหน้าช้าๆเป็นเชิงว่าเข้าใจก่อนจะค่อยเดินออกจากห้องไปทันที
Baekhyun’part
ไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้งๆคยองซูก็ยังยืนก้มหน้าอยู่เหมือนเดิม ทำไมไม่ยอมฟังกันบ้างนะ…
“แต่ว่า..ฉันไม่มีอะไรปิดแผล ฉันขอไปเอาพลาสเตอร์ที่…”
“อย่าให้ฉันเห็นว่ามีพลาสเตอร์ปิดแผลนายนะ...ไม่อย่างนั้นจะเจอเยอะกว่าเมื่อวาน” ผมได้ยินคยองซูกับจองกุกคุยกันชัดเจน แต่ผมแค่ไม่อยากจะสนใจเพราะในเมื่อคยองซูพูดแบบนั้นออกมาแล้ว…ผมควรจะหยุดเป็นห่วงคยองซูดีกว่า
เพราะผมทำให้คยองซูต้องเจ็บ เพราะผมเป็นห่วงคยองซูเพราะฉะนั้นในฐานะเพื่อนก็ต้องยอมถอยออกมา
ไม่ใช่ผมว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับคยองซูหรอกนะ…แต่คยองซูไม่อยากเป็นเพื่อนกับผม..คนที่ทำให้คยองซูต้องถูกทำร้าย เพิ่งย้ายโรงเรียนมาวันแรกผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นคยองซูที่ผมอยากจะคุยด้วย
ว่าแต่…แผลของคยองซูคงไม่ลึกมากหรอกใช่มั้ย
ไวเท่าความคิดผมลุกขึ้นจากโต๊ะเรียนของตัวเองแล้วเดินตรงไปห้องพยาบาลทันที และจองกุกก็ใช้หางตามองมาด้วยท่าทางแปลกๆ แต่ช่างเถอะจะไปสนใจทำไมกันล่ะ
ผมเดินออกจากห้องมาคนเดียวจนถึงห้องพยาบาล โชคดีที่อยู่ชั้นเดียวกันก็เลยไม่ต้องเดินไกลมาก
“เอ่อ..อาจารย์ครับ ผมมาขอพลาสเตอร์ปิดแผลครับ”
“เป็นแผลตรงไหนล่ะ ต้องล้างแผลก่อนนะ” อาจารย์ห้องพยาบาลสาวแนะนำ
“อ่า..ไม่เป็นอะไรครับ ผมขอแค่พลาสเตอร์ก็พอ”
“อืม…ถ้าอย่างนั้นก็เขียนบันทึกข้อมูลตามนี้นะ เดี๋ยวครูไปเอามาให้” ว่าจบครูสาวก็ยื่นสมุดเล่มยาวๆออกมาให้ผมเขียนแล้วเธอก็เดินไปหยิบแผ่นพลาสเตอร์ก่อนจะกลับมาตอนที่ผมเขียนเสร็จพอดี
ชื่อผู้ป่วย..เอาเป็นชื่อเราแล้วกัน
“นี่ครับอาจารย์….ขอบคุณครับ” ผมรับพลาสเตอร์มาจากมือก่อนจะโค้งลาแล้วเดินกลับมาที่ห้องเรียนเหมือนเดิม
ผมขอมันมาแต่ไม่ได้จะเอามาใช้เองหรอกครับ แค่จะเอามาให้คยองซู คนตัวเล็กคงจะไม่มีพลาสเตอร์แน่ๆ..เอาใส่กระเป๋าไว้ก่อนแล้วกัน ถ้าจองกุกเห็นจะแย่เอา
ไหนบอกจะเลิกเป็นห่วงคยองซูไงบยอนแบคฮยอน
กริ๊งงง !
เสียงออดเริ่มคาบเรียนคาบแรกดังขึ้นแบคฮยอนจึงรีบวิ่งเพื่อให้ทันเข้าห้องเรียนทันที กลัวจะช้ากว่าอาจารย์วิชาแรกแล้วจะโดนดุเอาได้
แต่มันเหมือนกับผมเห็นใครกำลังเดินมาจากอีกฝั่งเหมือนกันนะ ผมคิดว่าเป็น…
“คยองซู..” ผมเผลอเรียกชื่อเพื่อนตัวเล็กออกมาแผ่วเบาเมื่อแน่ใจแล้วคนตรงหน้าคือใคร จากที่เราสองคนรีบวิ่งจะเข้าห้อง แต่พอเห็นกันและกันต่างคนต่างก็เดินช้าลงทันที
ผมกับคยองซู…เราไม่ได้ตั้งใจจะมองตากันหรอกใช่มั้ย
คยองซูหยุดเดินทันทีทั้งๆที่อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงประตูห้องแล้ว ใบหน้าหวานของอีกคนเบือนหนีไปอีกทางทันที ผมหน้าม้าสีดำเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ…และบางทีคยองซูก็อาจจะไม่รู้ตัวว่าเลือดกำลังซึมออกมาจากแผลอีกครั้ง
เพราะความเป็นห่วงหรืออะไรสักอย่างผมจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนบางออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินไปหาคนตัวเล็ก แต่คยองซูกลับยิ่งเดินถอยหลังกลับไปเสียอย่างนั้น
“คยองซู..พอดีเลือดนายมันยังออกอยู่เลย เอาผ้าเช็ดหน้า..”
“อาจารย์เดินมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันเข้าห้องก่อนนะ” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบคยองซูก็ปฎิเสธความหวังดีของผมเสียอย่างนั้น… ไม่ชอบกันขนาดนั้นเลยหรอคยองซู
ผมมองคนตัวเล็กเดินก้มหน้าเดินเข้าห้องก่อนจะเดินตามเข้าไปด้วยเหมือนกันเมื่อเห็นว่าอาจารย์กำลังมาแล้วจริงๆ…เดินเข้าไปพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ
อยากเป็นเพื่อนกับคยองซูแค่ไหนก็เป็นไม่ได้
อยากจะดูแลคนตัวเล็กแค่ไหนก็ทำไม่ได้
ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกแบบนี้…
End Part..
“ทำความสะอาดห้องเสร็จแล้วรีบกลับบ้านนะคยองซู ฉันเป็นห่วง..หึ” จองกุกเดินมาหาคนตัวเล็กหลังจากคาบเรียนสุดท้ายสิ้นสุดลง เพื่อนทุกคนได้กลับบ้าน..มีแต่คยองซูที่ยังต้องอยู่ต่อ
พูดเหมือนเป็นห่วง…แต่ความจริงจองกุกก็แค่จะมาเยาะเย้ยก็เท่านั้น
คยองซูก้มหน้ารับฟังอีกคนพูดอยู่อย่างนั้นไม่ได้ตอบโต้อะไร ไม่นานเพื่อนทั้งห้องรวมถึงจองกุกก็ออกจากห้องไปจนหมด เหลือแค่คนตัวเล็กคนเดียวเท่านั้น
คยองซูนอนฟุบลงกับโต๊ะเรียนด้วยความเหนื่อยอ่อนเพราะเพิ่งทำความสะอาดห้องทั้งห้องเสร็จด้วยตัวคนเดียว คนตัวเล็กยังไม่กลับบ้านทันทีเพราะตอนนี้แม่ของเขาก็คงไม่อยู่ แม่บอกว่ากว่าจะทำงานเสร็จก็คงจะสองสามทุ่ม คยองซูจึงไม่นึกรีบร้อนที่จะกลับบ้าน
คงจะเป็นเพราะความเหนื่อยร่างเล็กจึงเผลอหลับโดยไม่รู้ตัว...ไม่รู้ตัวจริงๆว่ามีบางคนกำลังเดินเข้ามาในห้อง
“คยองซู….” บุคคลที่เข้ามาใหม่เอ่ยเรียกแผ่วเบา
“…..” เพราะคนที่ถูกเรียกกำลังหลับสนิทจึงไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากปากของคยองซู
“หลับหรอ..?” แบคฮยอนถามทวนอีกครั้ง นึกสงสัยว่าทำไมเพื่อนถึงได้มานอนหลับในห้องแบบนี้ แกล้งหลับหรอ….ไม่หรอก ดูยังไงๆก็หลับจริงๆ หลับสนิทด้วย
แต่ก็ดีเหมือนกัน..
คนตัวสูงกว่าเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่หลับอยู่บนโต๊ะ แก้มใสนอนทับแขนของตัวเองอยู่ ถึงจะเห็นหน้าไม่ค่อยชัดแต่ก็เห็นแผลที่เกิดจากเมื่อเช้าชัดเจน
ยังเป็นรอยแดงๆอยู่เลย..เจ็บมากมั้ยคยองซู
แบคฮยอนใช้มือของตัวเองล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเอาพลาสเตอร์ปิดแผลออกมาก่อนจะนั่งย่อเข่ากับพื้นเพื่อที่จะได้เห็นแผลอีกคนชัดๆ... ถ้าเอาวางไว้คยองซูคงไม่ยอมติดมันแน่ๆ งั้นทำให้เลยแล้วกัน…
มือหนาจัดการแกะกระดาษที่ติดกับพลาสเตอร์อยู่ให้ออกจากกัน ค่อยๆเลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานของอีกคนช้าๆ ปัดผมหน้าม้านุ่มออกเบาๆเพื่อให้รอยแผลชัดๆแล้วจึงจัดการแนบแผ่นพลาสเตอร์ลงกับแผลของคนตัวเล็กอย่างเบามือ
“อ๊ะ !” คยองซูร้องออกมาเพราะความรู้สึกแสบที่แผล คนตัวเล็กสะดุ้งตื่นแต่ก็ยังนอนอยู่แบบนั้น มือเล็กเอื้อมไปสัมผัสแผลของตัวเองก่อนจะพบว่ามีพลาสเตอร์ปิดไว้อยู่ ไวเท่าความคิดคยองซูจึงรีบลืมตาขึ้นทันที
…แล้วก็เห็นคนตรงหน้า…บยอนแบคฮยอน
“จ..เจ็บหรอคยองซู ฉันขอโทษนะ” แบคฮยอนมองหน้าคนตัวเล็กทั้งในท่าคุกเข่า นัยน์ตาของคนสองคนตอนนี้กำลังมีกันและกันอยู่ในนั้น...
คนตัวเล็กจึงรีบลุกขึ้นยืนทันทีเพราะอยู่ๆคยองซูก็รู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าขึ้นมาแปลกๆ มือเล็กกำลังจะแกะพลาสเตอร์ออกเพราะถ้าจองกุกเห็นคงจะได้มีเรื่องกันแน่ๆ แต่ทว่า..แบคฮยอนกลับเอ่ยห้ามขึ้นพร้อมกับจับแขนเล็กข้างนั้นไว้ไม่ให้คยองซูแกะพลาสเตอร์ออกได้
“แผลนายถึงมันจะไม่ลึกมากแต่มันก็อาจจะติดเชื้อได้นะคยองซู..ติดไว้เถอะนะ” แบคฮยอนบอกน้ำเสียงอบอุ่น
“นายไม่ได้ยินที่จองกุกพูดหรอ…”
“ได้ยิน..ฉันได้ยินหมดทุกอย่าง”
“แล้วทำไม..”
“คยองซู…ฉันไม่เคยไม่เป็นห่วงนายเลยนะ”
ตึกตัก…ตึกตัก
อะไรกัน…ทำไมอยู่ๆใจมันก็เต้นแรงแบบนี้
“ถึงนายจะบอกว่าเราไม่ใช่เพื่อนกัน แต่ฉันยังห่วงนายเสมอ..ยังอยากเป็นเพื่อนอยู่”
“….” คยองซูเงยหน้าขึ้นมองอีกคนช้า…นี่แบคฮยอนไม่เคยโกรธเขาเลยอย่างนั้นหรือ ที่ไม่ยอมคุยกันตอนที่จองกุกอยู่ด้วยคงเพราะเป็นห่วงกลัวคยองซูจะโดนทำร้ายสินะ
“เงียบทำไม...เข้าใจมั้ยเด็กน้อย” แบคฮยอนถามย้ำด้วยน้ำเสียงอบอุ่น รอยยิ้มจริงใจที่ส่งมาให้แบบนี้มันทำให้คยองซูยิ้มน้อยๆตามออกมาได้อย่างไม่รู้ตัว
“ยิ้มแล้วน่ารักจะตายแต่ทำไมไม่ชอบยิ้ม หืม?” แบคฮยอนยกมือขึ้นมายีผมคนตัวเล็กเบาๆ คยองซูปัดมือหนาของคนที่ตัวสูงกว่าออกพลางยู่ปากอย่างน่ารักจนแบคฮยอนเผลอขำออกมา
“แบคฮยอน..ขอบคุณนะแล้วก็ขอโทษด้วย” ขอบคุณที่ไม่โกรธกัน ขอบคุณที่ยังเป็นห่วงกันเสมอทั้งๆที่ฉันทำร้ายจิตใจนายแท้ๆ
“แบคฮยอนไม่เคยโกรธคยองซูเลยครับ” ร่างสูงตอบมาอย่างอารมณ์ดี
“ขอบคุณครับแบคฮยอน ฮ่าๆ จะพูดแบบนี้กันทำไมเนี่ย…แต่นายกลับไปได้แล้วล่ะ เดี๋ยวมีใครเห็นเข้า”
“มีคนเห็นแล้วยังไงต่อ” แบคฮยอนเอียงคอ ทำท่าสงสัยแบบล้อเลียน
“ก็..กลัวมีคนเอาไปบอกจองกุกแล้วฉันจะ..”
“แบคฮยอนจะเป็นเพื่อนกับคยองซูแบคฮยอนก็ต้องดูแลคยองซูสิ”
ประโยคที่แบคฮยอนพูดมันเหมือนกับประโยคที่คยองซูเคยได้ยิน ‘ถ้าเราจะรักหรือแต่งงานกับใคร…เราก็จะต้องดูแลและรักคนคนนั้นสุดหัวใจ’
“ขอบคุณนะแบคฮยอน งั้นกลับบ้านกัน” ว่าจบคนตัวเล็กก็หันหลังกลับไปเก็บกระเป๋าของตัวเอง
“เออ..แล้วทำไมเมื่อวานกินแค่นม? แล้วเอามาสองกล่องเลยหรอ” แบคฮยอนก็แค่สงสัย เพราะถ้าคยองซูจะกินข้าวก็น่าจะเตรียมข้าวมาสิไม่ใช่นม
“ก็แค่..วันนั้นฉันตั้งใจจะเอามาให้นาย นายกำลังจะได้เป็นดารา..ฉันเองก็ไม่ได้มีเงินซื้ออะไรแพงๆให้ก็เลยตั้งใจจะเอามากินด้วยกัน แต่ว่า…” แววตาของคนตัวเล็กหมองลงทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ถึงมันจะผ่านมาแล้วแต่คยองซูก็ยังจำความรู้สึกเจ็บปวดตอนที่โดนจองกุกซ้อมกับความเจ็บปวดที่บอกว่าจะไม่เป็นเพื่อนแบคฮยอนอีกได้ดี
เจ็บมาก..
“นายไม่จำเป็นต้องให้อะไรฉันหรอก แค่เป็นเพื่อนฉันก็พอ..ได้มั้ยคยองซู” ความเงียบเข้าปกคลุมห้องเรียนสี่เหลี่ยมที่มีแค่แบคฮยอนกับคยองซูอีกครั้ง ความจริงคนตัวเล็กอยากมีเพื่อนมากขนาดไหนใครๆก็รู้ แต่ถ้าคยองซูเป็นเพื่อนกับแบคฮยอนจริงๆทั้งสองคนก็อาจจะเดือดร้อน
“แต่ถ้าฉันยอมเป็นเพื่อนกับนาย จองกุกไม่ปล่อยนายไว้แน่”
“แล้วยังไงต่อ ? ฉันเคยลากจองกุกเข้าห้องปกครองมาแล้ว คนอะไรก็ไม่รู้ทั้งหล่อทั้งเก่ง เฮ้อ…เพลียจริงๆ” บรรยากาศ
มาคุกลับมาครึกครื้นอีกครั้งเพราะแบคฮยอนเล่นมุกหลงตัวเอง คยองซูหลุดขำกับท่าทางปาดเหงื่อของอีกคนก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“ถ้าอย่างนั้น..เราก็แอบๆเป็นเพื่อนกันได้มั้ย อีกแป๊ปเดียวก็ปิดเทอมแล้วนี่”
“ทำไมต้องแอบด้วย”
“นะแบคฮยอน...เพื่อความสบายใจ”
“…..”
“นะแบคฮยอนคนหล่อ งืออ..”
“ทำไมชอบพูดความจริง..โอเคๆ ก็ได้ๆเพราะยังไงก็ยังได้เป็นเพื่อนกับเด็กน้อยอยู่ดี” แบคฮยอนพูดพร้อมกับยิ้มกว้างให้ คยองซูเองก็ยิ้มตอบจนตายี หลังจากนั้นทั้งสองคนจึงเดินออกจากห้องแต่ไม่พร้อมกันเพราะกลัวว่าจะมีใครมาเห็น
สำหรับคยองซู…แค่ได้มีเพื่อนอย่างแบคฮยอนก็ดีใจแล้ว
สำหรับแบคฮยอน…แค่ได้ดูแลคยองซูก็ดีใจแล้ว
ทั้งสองคนสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม คยองซูเองก็จะพยายามเข้มแข็งขึ้นเหมือนที่แบคฮยอนบอก อาจจะได้กินข้าวคนเดียว อาจจะได้เดินคนเดียวแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเพื่อนคบสักหน่อย
เพราะแบคฮยอนเข้ามาชีวิตคยองซูถึงได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่คยองซูไม่เคยได้รับมาตลอดสิบแปดปี ตอนนี้คยองซูมีเพื่อนแล้ว..มันมีความสุขแบบนี้นี่เอง
ขอบคุณนะแบคฮยอน..ขอบคุณมากจริงๆ
‘เราสองคนจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป..’
[100%]
มาอัพกันแล้วกับฟิคบีดีของเรา
มาถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไปว่าแบคฮยอนเป็นโรคอะไร ฮ่าๆๆๆ
แต่ตอนหน้าเอาจริงๆแล้ว จะยอมบอกแล้วว่าแบคเป็นอะไร
ตอนติดพลาสเตอร์ให้กันนี่ฟินกันบ้างมั้ยคะ ไรท์ยังแต่งไม่เก่งก็พยายามที่สุดแล้ว ฮ่าๆๆ
ยังไงก็เม้น และแท็ก #FicBD ในทวิตเป็นการให้กำลังเค้าด้วยนะตัวเอง แล้วจะรีบมาอัพในเร็ววัน ขอบคุณ
ปล. ทำไมตอนนี้ทอร์คสั้น แหม่..ไม่ใช่สไตล์ของไรท์เลยจริงๆ
#แก้คำผิด 24 / 04 /2557
ความคิดเห็น