คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2
Fic’Because you’re my FrienD
{Baekhyun x D.O}
#FicBD
::Chapter 2::
มันก็เหมือนกับดอกไม้ริมทาง
ต่อให้สวยหรือหอมแค่ไหนก็เป็นได้แค่ของข้างทาง
ไม่มีใครสนใจ มีแต่คนเหยียบย่ำ
เป็นเหมือนสิ่งที่ไร้ค่า..ไร้ความหมาย
แสงแดดยามเช้าสอดส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่างและผ้าม่านลายลูกไม้กระทบร่างสูงที่นอนอยู่บนผืนเตียงใหญ่ แบคฮยอนพยายามขยับกายหนีสิ่งรบกวนการนอนแต่สุดท้ายเขาก็หนีมันไม่พ้นและยอมแพ้มันในที่สุด
ร่างสูงในชุดนอนเสื้อยืดกางเกงขายาวค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ความง่วงที่ยังหลงเหลืออยู่มากมันทำให้แบคฮยอนเอาแต่คิดว่าถ้าวันนี้เป็นวันหยุดคงจะดี เมื่อวานเขาเหนื่อยจริงๆ..ถ่ายซีรีย์ตั้งแต่เย็นจนดึกแล้วยังต้องตื่นเช้าไปเรียนอีก
แบคฮยอนยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังที่เข็มสั้นกำลังชี้ไปที่เลขเจ็ดก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างที่เคยทำประจำทุกวัน แล้วไม่นานร่างสูงในชุดนักเรียนก็หยิบกระเป๋าเป้ลงมายังห้องอาหารข้างล่าง
“ลงมาแล้วหรอแบคฮยอน” เสียงผู้เป็นปู่ที่นั่งอยู่ตำแหน่งหัวโต๊ะเอ่ยทักหลาน แบคฮยอนโค้งให้ผู้ใหญ่ตามมารยาทก่อนจะนั่งลงที่ประจำเพื่อรอทานอาหารเช้า
“วันนี้มีงานหรือเปล่า” บยอนแทซอง..พ่อแบคฮยอนถาม
“มีครับ วันนี้ฉากที่ต้องเข้ามีน้อยกว่าเมื่อวาน แต่กว่าจะได้ถ่ายก็คงเย็นมากแล้วกว่าจะเสร็จก็คงจะดึกเหมือนเดิม”
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็ไปกับหนูซูจองแล้วกันนะ ไปทักทายพ่อของเขาสักหน่อย” ปู่ของแบคฮยอนพูดยิ้มๆ และตอนนี้ข้าวต้มร้อนๆซึ่งเป็นอาหารเช้าก็มาเสิร์ฟถึงโต๊ะพอดี
“ไม่ครับ พ่อต้องให้คนไปรับไปส่งผมที่กองถ่ายเหมือนเดิม ผมไม่ไปกับซูจอง” ว่าเป็นเชิงตัดบทก่อนจะเริ่มตักอาหารเช้าเข้าปาก แทซองส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นของลูกชายพลางคิดในใจว่า…
แล้วแบบนี้แบคฮยอนจะยอมหมั้นกับซูจองได้ยังไง..
เพราะแบคฮยอนรู้ดีว่าพวกผู้ใหญ่กำลังคิดจะทำอะไร เขาจึงพยายามที่จะพบปะและทานข้าวกับตระกูลจองให้น้อยที่สุด
“อื้ม ! ข้าวต้มวันนี้อร่อยดีนะครับ อ่า..คุณน้าใช่มั้ยครับที่เป็นแม่บ้านใหม่” แบคฮยอนยิ้มพลางหันไปถามผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันกับแม่ของตัวเองที่ยืนอยู่มุมห้อง
“ค่ะ ถ้าอร่อยก็ทานเยอะๆนะคะ” เธอตอบกลับมาพร้อมกับยิ้มกว้างให้เมื่อลูกชายของเจ้านายเอ่ยปากชมก่อนจะจึงหายเข้าไปในครัวเมื่อตนทำหน้าที่เสร็จ
ครืด..ครืด
สมาร์ทโฟนเครื่องบางของแทซองสั่นเป็นสัญญาณว่ามีสายเรียกเข้า ไม่รอช้าชายวัยกลางคนจึงหยิบมันขึ้นมาก่อนจะกดรับสายทันที
“ครับผู้กำกับ” จากทีแรกที่แบคฮยอนไม่ได้สนใจสายเรียกเข้านั่นเขาก็ต้องเงยหน้าขึ้นทันที ผู้กำกับอย่างนั้นหรือ..โทรมาทำไมแต่เช้ากัน
“อ๋อ…ได้ครับได้ ….ไม่เป็น’ไรครับ ผมเข้าใจๆ ……ฮ่าๆสวัสดีครับ”
“ผู้กำกับโทรมาทำไมครับพ่อ” แบคฮยอนถามขึ้นทันทีที่พ่อของเขาวางสาย
“ผู้กำกับบอกให้แกไปถ่ายละครตอนนี้ มันเป็นฉากที่ต้องถ่ายตอนเช้า..ถ้าแกไปตอนเย็นก็จะไม่ทัน เพราะฉะนั้นเดี๋ยวฉันจะโทรไปบอกอาจารย์ที่โรงเรียนให้ว่าแกจะไปเรียนแค่ช่วงบ่าย”
“เลื่อนคิวไม่ได้เลยหรอครับ ฉากนี้วันศุกร์ค่อยถ่ายไม่ได้หรอ ผมอยากไม่อยากขาดเรียน”
ก็แค่เป็นห่วงคยองซู…กลัวว่าจะมีใครมาทำร้ายถ้าไม่มีแบคฮยอน
“ไปเถอะแบคฮยอน ขาดเรียนแค่ช่วงเช้าเอง อย่าเพิ่งปฎิเสธผู้กำกับเลย..แกเพิ่งเข้าวงการนะ ไม่สิ..ยังไม่เดบิวต์เลยด้วยซ้ำ” แทซองขอ ไม่ใช่ว่าแบคฮยอนไม่อยากไปทำงาน งานพวกนี้ก็คือสิ่งที่เขารัก….แต่เขาแค่เป็นห่วงคยองซูก็เท่านั้นเอง
แต่ทว่าสุดท้ายแบคฮยอนก็ตอบตกลงและยอมไปตามคำขอ ขาดเรียนแค่ครึ่งวันคยองซูคงไม่เป็นอะไรหรอก
ต้นหญ้าต้นเดิม…
ถนนเส้นเดิม…
หมู่บ้านและร้านค้าร้านเดิม…. คยองซูเดินผ่านสิ่งเหล่านั้นมาเรื่อยๆจนถึงโรงเรียนโรงเรียนเดิม.. และการถูกกระทำที่เหมือนเดิม…หรืออาจจะเจ็บปวดกว่าเดิมคยองซูเองก็ไม่รู้
ร่างเล็กในชุดนักเรียนสะพายกระเป๋าเป้เดินเข้ามาในโรงเรียน โค้งทักทายให้เหล่าอาจารย์ที่เขาเดินผ่านตามมารยาท วันนี้คยองซูมาโรงเรียนเช้าและอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เช้าชนิดที่ว่าโรงเรียนแทบจะร้างผู้คนเลยด้วยซ้ำ ที่สำคัญตอนนี้คนตัวเล็กไม่เดินก้มหน้าเหมือนที่แบคฮยอนบอกเอาไว้แล้วด้วย..
แต่ตอนนี้แบคฮยอนจะมาถึงโรงเรียนหรือยังนะ
ขาเล็กก้าวไปตามทางเดินที่มีนักเรียนเดินอยู่ประปราย ในมือเล็กถือนมรสช็อกโกแลตสองกล่องเอาไว้กะว่าจะเอามาฉลองกับแบคฮยอนที่กำลังจะได้เป็นดาราเสียหน่อย คยองซูไม่มีเงินพอที่จะซื้อของขวัญดีๆให้แบคฮยอนได้หรอก
แต่ทว่าเมื่อเดินเข้ามาถึงในห้องคยองซูก็ต้องแปลกใจเพราะตอนนี้ในห้องเรียนไม่มีใครเลยสักคน
บางโต๊ะก็มีกระเป๋าวางอยู่…แต่เจ้าของกระเป๋าหายไปไหนกันหมดนะ
ถึงมันจะเงียบผิดปกติแต่คยองซูก็ยังเดินเข้ามาในห้องเรียนแล้ววางกระเป๋าไว้ บรรยากาศในห้องมันแปลกจริงๆนะ…ประตูหลังก็ถูกปิดเอาไว้ เปิดให้ใช้แค่ประตูหน้าเท่านั้น ที่สำคัญเพื่อนคนอื่นหายไปไหนกันหมด
“แบคฮยอนยังไม่มาโรงเรียนหรอเนี่ย…” คยองซูบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆเพราะโต๊ะข้างหน้ายังว่างเปล่าไม่มีแม้แต่กระเป๋าที่คนตัวสูงใช้ คยองซูฟุบลงกับโต๊ะก่อนจะหลับตาลงกะว่าจะนอนแก้เบื่อ แต่ทว่า…
ปัง !
เสียงประตูห้องที่ถูกปิดอย่างแรงดังลั่น คยองซูสะดุ้งก่อนจะยันตัวขึ้นยืน
“จ..จองกุก” เป็นจอนจองกุกนั่นเองที่ทำให้เกิดเสียงประตูดังลั่นนั่นขึ้น ทำไม..ทำไมต้องปิดประตู
เสียงจังหวะฝีเท้าสม่ำเสมอของจองกุกที่กำลังก้าวเข้ามาช้าๆกำลังทำให้คยองซูเริ่มกลัว แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็ยังไม่ลุกไปไหน ขามันแข็งไปหมดแล้ว…ที่ทำได้ตอนนี้ก็คือก้มหน้ามองคำด่าทอบนโต๊ะของตัวเองและรอสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็เท่านั้น
ปัง !
มือหนาวางลงบนโต๊ะคยองซูอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง คยองซูสะดุ้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกคนช้าๆ
“แกรู้อะไรมั้ย…เมื่อคืนฉันทะเลาะกับพ่อมา” จองกุกพูดเสียงเรียบแต่แววตาแฝงไปด้วยความน่ากลัว
“ม..ไม่รู้” คยองซูก้มหน้าลงไปอีกครั้งเพราะไม่กล้าจะมองตาอีกคน ในใจได้แต่ภาวนาขอให้ใครก็ได้เข้ามาในห้องสักที..ตอนนี้คยองซูกลัวไปหมดแล้ว
แต่คยองซูไม่รู้…ว่าจองกุกสั่งไม่ให้ใครเข้ามาในห้องถ้ายังไม่ถึงเวลาเรียน
“อ๊ะ..โอ๊ย !” ร่างเล็กถูกโยนให้ลงไปนอนกองกับพื้นเพราะแรงผลักของคนอีก คยองซูรีบถดกายหนีไปหลังห้องทันที…แต่ทว่ามือหนากลับกระชากคอเสื้อของเขาให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แววตาเรียบนิ่งที่กำลังจ้องมองมา…คยองซูไม่รู้จริงๆว่าจองกุกกำลังคิดอะไร แต่มันทำให้คยองซูกลัวไปหมดแล้ว
“ไม่รู้หรองั้นหรอ ทั้งๆที่แกเป็นคนทำเนี่ยนะ !”
“ทำอะไร…ฉันไปทำอะไรให้นาย ปล่อยเถอะนะ” เพราะความอ่อนแอที่คยองซูมีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรมันจึงทำให้น้ำใสๆเริ่มคลอที่ดวงตา
“แกรู้มั้ยว่าพ่อลงโทษฉันยังไง เหอะ ! ทั้งกักบริเวณ ทั้งไม่ให้เงินฉันมาใช้เหมือนเมื่อก่อน รู้มั้ยว่ามันทรมาณขนาดไหน !” จองกุกตะโกนใส่หน้าของอีกคนสุดเสียง มันน่ากลัวจนคยองซูสะดุ้งอีกครั้งพลันมือเล็กทั้งสองข้างก็ยกขึ้นมาไหว้อ้อนวอน
“ขอ..ขอโทษ ฮึก ฉันขอโทษ” ถึงคนตัวเล็กจะไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร แต่ความกลัวที่มีอยู่ทั้งใจทำให้เขาต้องพูดออกไปแบบนั้น
“ขอโทษหรอคยองซู ห้ะ?!!”
ตุ้บ !
“โอ๊ย !” จองกุกยกมือหนาขึ้นมาซัดหมัดหนักๆเข้าเต็มแก้มของคยองซู คนตัวเล็กร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างทั้งร่างแทบล้มลงไปกับพื้นหากไม่มีมือหนาจับคอเสื้อไว้
“จำไว้ว่าฉันไม่ต้องการคำขอโทษของแก!” ร่างเล็กถูกโยนให้กระแทกผนังหลังห้องอย่างแรงอีกครั้งแล้วร่างของคยองซูก็ลงไปนอนกองกับพื้น
“ฮึก...แล้วนายต้องการอะไรจากฉันล่ะ..อ๊ะ” มือหนากระชากคอเสื้อของคยองซูเข้ามาอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้นที่คยองซูกำลังกลัวก็กำลังจับจ้องมา…
“ฉันต้องการให้เด็กสกปรกๆอย่างแกไม่มีเพื่อน” ร่างสูงพูดเสียงแผ่วเบาทว่ามันกลับเต็มไปด้วยความน่ากลัว
“…..”
“แม้กระทั่งไอ้แบคฮยอนหรือใครก็ตาม แกต้องอยู่คนเดียวแบบที่แกเคยอยู่”
“ฮึก…จองกุก..”
“ถ้าฉันเห็นแกกับมันยังคุยกันอีกอยู่ล่ะก็…แกไม่ได้แค่โดนชกแน่คยองซู จำไว้ !” พูดจบอีกคนจึงยอมปล่อยร่างเล็กแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้ให้คยองซูอยู่กับความเสียใจเพียงลำพัง ใบหน้าหวานมีรอยแผลและคราบน้ำตา เลือดที่ออกมาจากมุมปากทำให้รู้ว่าตอนนี้คนตัวเล็กกำลังเจ็บแค่ไหน
ทั้งเจ็บทั้งเสียใจ…ต่อไปนี้คยองซูกับแบคฮยอนคงจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว
“ฮึก…ฮือออ” ต่อไปนี้เด็กน้อยคยองซูคนเดิมกลับมาแล้ว… ไม่มีคยองซูผู้เข้มแข็งเหมือนที่แบคฮยอนว่าเหมือนเมื่อวาน ยังไงฟ้าก็กำหนดมาให้เขาต้องอยู่คนเดียวตามลำพัง ไม่มีใครช่วยคยองซูได้สักคน..ไม่มีแม้แต่คนเดียว
มันก็เหมือนกับดอกไม้ริมทาง ต่อให้สวยหรือหอมแค่ไหนก็เป็นได้แค่ของข้างทาง ไม่มีใครสนใจ มีแต่คนเหยียบย่ำ เป็นเหมือนสิ่งที่ไร้ค่า..ไร้ความหมาย
คยองซูพยายามลุกขึ้นยืน ความรู้สึกจุกและเจ็บไปทั้งตัวกำลังทำให้ร่างกายของคยองซูทรมาน แต่ยิ่งรู้ว่าต่อไปนี้แบคฮยอนจะไม่ใช่เพื่อนของตัวเองอีกต่อไปความรู้สึกเจ็บกายมันก็เทียบไม่ได้กับความรู้สึกเจ็บที่ใจเลยสักนิด
ร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ตัวเดิม มือเล็กหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนบางออกมาจากกระเป๋าก่อนจะซับเลือดที่ซึมออกมาจากมุมตัวเองปากเบาๆ แต่น้ำตานี่มันก็ไหลออกมามากมายเสียเหลือเกิน
ทำไมอ่อนแอแบบนี้คยองซู..
“ฮึก..” คยองซูหันไปมองกล่องนมสองกล่องที่เตรียมมาไว้ให้ตัวเองกับแบคฮยอนแต่คงต้องเอามาดื่มแทนข้าวเที่ยงแล้วล่ะ… วันนี้คยองซูไม่ได้เตรียมข้าวเที่ยงมาเพราะคิดว่าจะได้มาทานกับแบคฮยอน แต่เพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน คยองซูจึงรู้ว่ามื้อเที่ยงระหว่างเขากับแบคฮยอนคงจะไม่มีอีกต่อไป
“โอเค..คัท !” เสียงผู้กำกับที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น นักแสดงที่กำลังเข้าฉากจึงกลับมาสู่โหมดปกติอีกครั้ง ช่างแต่งหน้าและผู้จัดการตรงเข้าไปหาสองนักแสดงที่เพิ่งเข้าฉากเสร็จทันที
“ขอบคุณครับพี่จงอิน ทำงานหนักมากเลยนะครับ” แบคฮยอนโค้งให้นักแสดงรุ่นพี่ที่เพิ่งเข้าฉากด้วยกัน
“เก่งมากเลยนะแบคฮยอน นี่ต้องขาดเรียนมาใช่มั้ยเนี่ย” รุ่นพี่ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ฮ่ะๆ นิดหน่อยครับ”
“เอาน่าๆ ตอนพี่เรียนมัธยมก็ต้องขาดเรียนมาทำงานอยู่บ่อยๆเหมือนกัน แล้วตอนนี้เป็นยังไงล่ะ..หืม? ฮ่าๆๆ” รุ่นพี่ร่างสูงพูดติดตลกพลางตบไหล่แบคฮยอนเบาๆ
คิมจงอิน…นักแสดงหนุ่มไฟแรงของยุค ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้จงอินดังแล้วก็ประสบความสำเร็จขนาดไหน ทั้งเซ็กซี่ ทั้งหน้าตาดีแถมยังมีแอคติ้งขั้นเทพจึงทำให้ถูกอกถูกใจแฟนคลับและผู้กำกับจนตอนนี้กระแสของคิมจงอินแรงจนออกนอกประเทศไปแล้ว งานละครและงานโฆษณาที่เยอะจนวันนี้ต้องเลื่อนคิวฉากที่ต้องถ่ายอีกวันมาถ่ายในช่วงเช้าของวันนี้ทำให้แบคฮยอนปฎิเสธไม่ได้ แต่พี่จงอินไม่ว่างจริงๆนี่นา
“ผมจะตั้งใจทำงานเหมือนพี่นะครับ”
“สู้ๆนะแบคฮยอน พี่เป็นกำลังใจให้” จงอินพูดก่อนจะเดินไปลาพี่ๆทีมงานแล้วขึ้นรถไป…คงจะมีงานต่อสินะ
“แบคฮยอน ทำได้เยี่ยมจริงๆนะเรา” เสียงผู้กำกับดังมาจากด้านหลัง ร่างสูงจึงหันไปตามเสียงเรียก
“อ่า..ครับ ทำงานหนักมาเลยนะครับผู้กำกับ” ตอบพร้อมกับยิ้มกว้างให้
“ขอโทษจริงๆนะที่ทำให้ต้องขาดเรียนน่ะ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมเข้าใจว่ามันคงเป็นเรื่องปกติในวงการที่นักแสดงต้องขาดเรียนมาทำงาน แล้วนี่มันก็คือสิ่งที่ผมรักหนิครับ” แบคฮยอนยิ้ม
“ขอบใจมากเลยนะที่นายเข้าใจ เด็กดีจริงๆ”
“ฮ่ะๆ ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้น..ผมขอตัวไปเรียนก่อนนะครับ สวัสดีครับ” แบคฮยอนโค้งลาผู้กำกับแล้วรีบเดินไปเก็บของเพื่อขึ้นรถไปโรงเรียนทันที
นาฬิกาข้อมือของแบคฮยอนบอกเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่งซึ่งตอนนี้ที่โรงเรียนคงเป็นเวลาใกล้พักเที่ยง ขับรถมาได้ไม่นานร่างสูงก็ถึงโรงเรียนใหม่ที่ตนเริ่มคุ้นเคย นักเรียนทุกคนยังอยู่ที่ห้องเรียนเป็นสัญญาณว่ายังไม่ถึงเวลาพักเที่ยง แบคฮยอนจึงเร่งฝีเท้ามาจนถึงห้องเรียนของตน
“ขออนุญาตเข้าห้องครับ” ร่างสูงพูดขออาจารย์ เมื่อได้รับอนุญาตจึงเดินเข้ามาที่โต๊ะเรียนของตนเองทันที และคยองซูคือสิ่งแรกที่แบคฮยอนสนใจ
นั่งก้มหน้าอีกแล้ว...คยองซูก้มหน้าอีกแล้ว
แบคฮยอนส่ายศีรษะช้าๆเมื่อเห็นว่าอีกคนยังทำอะไรเดิมๆไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองใหม่สักที แต่แปลกที่ครั้งนี้คยองซูก้มต่ำจนมองไม่เห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ
เป็นอะไรหรือเปล่านะคยองซู..
กริ๊งงงง
“เอาล่ะ…วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะนักเรียน ไปพักเที่ยงได้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ/ค่ะ” สิ้นเสียงทำความเคารพ นักเรียนทุกคนรีบลุกจากโต๊ะของตัวเองแล้ววิ่งไปโรงอาหารเหมือนเด็กประถมทันที
“นี่แบคฮยอน..ไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันนะ” ซูจองถามเมื่อคนในห้องเริ่มน้อยลงแล้ว
“ไม่ล่ะ เธอก็ไปกับเพื่อนเธอเถอะฉันจะไปกับคยองซู คยองซูไปทาน…อ้าว หายไปไหนแล้วล่ะ” ประโยคหลังร่างสูงหันกลับไปถามเพื่อนตัวเล็ก หากแต่ว่าที่นั่งตรงนี้กลับไม่มีคยองซูอยู่เหมือนเคย
อะไรกัน..เมื่อไม่กี่นาทีก่อนยังนั่งอยู่ตรงนี้อยู่เลย
“คยองซูไปไหน ?” แบคฮยอนถามซูจองพลางมองหาคนตัวเล็ก แต่ตอนนี้ในห้องมีแค่ซูจองกับแบคฮยอนเท่านั้น
หายไปไหน..
ไปตอนไหน..
“ช่างคยองซูเถอะแบคฮยอน รายนั้นน่ะอยู่คนเดียวตลอดนั่นแหล่ะ ไปทานข้าวกับฉันเถอะนะ” ซูจองเขย่าแขนแบคฮยอนให้อีกคนหันมาสนใจตัวเองแต่กลับได้สายตาดุกลับมาซูจองจึงยอมปล่อยมือ
“วันนี้คยองซูโดนจองกุกแกล้งมั้ย”
“เฮ้อ..นายจะเป็นห่วงอะไรคยองซูนักหนาแบคฮยอน”
“ตอบฉันสิซูจอง !” คนถูกถามถึงกับสะดุ้งน้อยๆที่อยู่ๆแบคฮยอนก็มีท่าทางแปลกไปเหมือนกับกำลังกังวลอะไรบางอย่าง
แบคฮยอนเป็นห่วงคยองซูงั้นหรอ…เหอะ
“ฉันไม่รู้ ได้ยินแค่เพื่อนเขาพูดกันว่าเมื่อเช้าจองกุกไม่ให้เข้าห้องจนกว่าจะเรียนคาบแรก ฉันก็ไม่รู้ว่านายนั่นจะปิดห้องไว้ทำไม ทีนี้ไปทานข้าวกับฉัน…แบคฮยอน ! จะไปไหน” ยังไม่ทันที่คนสวยจะพูดจบแบคฮยอนก็ลุกจากโต๊ะแล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที ไม่สนใจซูจองเลยสักนิด
เมื่อเช้าจองกุกปิดห้องทำไม ?
ทำอะไรคยองซูอีกหรือเปล่า..?
แบคฮยอนรีบวิ่งจากห้องเรียนมาจนถึงโรงอาหารที่คราครั่งไปด้วยผู้คน พยายามมองหาจอนจองกุกแต่กลับเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะโรงอาหารตอนนี้คนเยอะเสียเหลือเกิน
“มากินข้าวครั้งนี้ไม่เอาคยองซูมาด้วยหรอแบคฮยอน” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง คนถูกเรียกจึงหันกลับไปหาต้นเสียงทันที
“เมื่อเช้าแกทำอะไรคยองซู !” เมื่อเห็นว่าคนที่กำลังตามหาอยู่ตรงหน้าแบคฮยอนก็รีบเดินเข้าไปหาแล้วคว้าคอเสื้อไว้ทันที
“ใจเย็นๆสิ ค่อยๆคุยกันก็ได้” จองกุกตอบแบบพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นการหาเรื่องกันมากกว่า
“ตอบฉันมาสิวะ !” นักเรียนคนอื่นในโรงอาหารเริ่มหันมามองรุ่นพี่สองคนที่กำลังทะเลาะกัน อารมณ์ของแบคฮยอนตอนนี้เดือดเสียยิ่งกว่าน้ำหนึ่งร้อยองศาฯเลยด้วยซ้ำ กะไว้แล้วว่าคยองซูต้องโดนจองกุกทำร้าย
“ก็แค่…แนะนำว่าคยองซูควรจะใช้ชีวิตในโรงเรียนนี้ยังไงก็เท่านั้นเอง”
“ตอนนี้คยองซูอยู่ที่ไหน” แบคฮยอนถามเสียงเยือกเย็นทั้งที่ยังไม่ปล่อยมือออกจากคอเสื้อ
“ฉันจะไปรู้หรือไง” พูดพลางกระชากมือของอีกคนให้ปล่อยจากคอเสื้อตัวเอง จัดเสื้อให้เรียบร้อยด้วยท่าทางหาเรื่องก่อนจะเดินไปตักอาหารอย่างไม่สนใจ และแบคฮยอนเองก็เลิกสนใจจอนจองกุกแล้ววิ่งออกไปตามหาร่างเล็กทันที
คยองซูนั่งลงที่ม้าหินอ่อนหลังอาคารเรียนซึ่งร้างผู้คน ในที่สุดก็ต้องกลับมาอยู่ตัวคนเดียวอีกครั้ง ร่างเล็กถอนหายใจช้าๆก่อนจะหยิบนมสองกล่องที่เตรียมไว้ขึ้นมาดื่มแทนอาหารกลางวัน คยองซูก้มหน้าต่ำและนั่งอยู่คนเดียวจนผ่านไปหลายนาที
เพราะกลัวจะโดนจองกุกทำร้ายแบบเมื่อเช้าคนตัวเล็กจึงต้องรีบออกจากห้องมาก่อนที่แบคฮยอนจะรู้ตัว ไม่อย่างนั้นคงต้องถูกชวนให้ไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันแน่ๆ
แต่ตอนนี้แบคฮยอนจะตามคยองซูอยู่หรือเปล่านะ
“คยองซู ! ทำไมมานั่งตรงนี้คนเดียว” เสียงเพื่อนใหม่ที่คยองซูคุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง ใบหน้าหวานรีบหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะยิ่งตกใจเพราะเป็นแบคฮยอนที่กำลังเดินมา มือเล็กรีบเก็บกล่องนมบนโต๊ะแล้วเดินออกไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่ได้…ให้แบคฮยอนมาคุยกับเราไม่ได้
ขอโทษนะแบคฮยอน
“จะไปไหนน่ะคยองซู วิ่งหนีฉันทำไม” ร่างสูงตะโกนให้หลังก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าให้ตัวเองเดินตามคยองซูทัน แล้วในที่สุดแบคฮยอนก็คว้าขอมือเล็กให้หยุดเดินเอาไว้ได้
“เล่นอะไรน่ะคยองซู วิ่งหนีฉันทำไม”
“….ก็แค่..จะเอาขยะไปทิ้ง” โกหกคำโต ไม่ใช่แบคฮยอนไม่รู้ว่าคยองซูกำลังโกหก แต่เขาแค่ยังไม่ถามออกไปตรงๆก็เท่านั้น
“ฉันเรียกไม่ได้ยินหรอ” ถามทั้งๆที่คยองซูยังหันหลังให้อยู่
“……”
“หันมาเมื่อกี้ก็น่าจะเห็นกันแล้วนี่ เป็นอะไรหรือเปล่าคยองซู ทำไม..”
“แบคฮยอน…เลิกยุ่งกับฉันเถอะ”
“…….” หมายความว่ายังไงคยองซู…
“เราเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะนะ” หลังจากสิ้นเสียงของคยองซูความเงียบและบรรยากาศมาคุก็เริ่มปกคลุมไปทั่ว คนสองคนไม่พูดอะไรกันต่อ แต่แบคฮยอนก็ยังไม่ยอมปล่อยมือคยองซู แค่ไม่เข้าใจ..ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
คนตัวสูงกว่าเดินไปอยู่ข้างหน้าคยองซู ใบหน้าหวานหลุบต่ำลงทันทีเพราะไม่อยากให้แบคฮยอนเห็นแผลจากการโดนชกของตัวเอง
“ทำไม..จองกุกมันทำอะไรนาย” เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เมื่อเช้านายไม่มาเรียน คงจะทำงานอยู่ใช่มั้ย…สู้ๆนะ รักษาสุขภาพของตัวเองด้วย” คยองซูยิ้ม..ยิ้มทั้งน้ำตา
“พูดแบบนั้นทำไม พูดเหมือนเราจะไม่ได้คุยกันอีก”
“……”
เพราะเราจะอาจจะไม่ได้คุยกันอีกแล้วไงแบคฮยอน..ช่วยเข้าใจหน่อยได้มั้ย
“อย่าทำงานหนักมากล่ะ ขอบใจนะที่อย่างน้อยก็ทำให้ฉันมีเพื่อนตั้งหนึ่งวัน ฮ่าๆ” ฝืนยิ้ม..
“……”
“ถ้าอย่างนั้น…ฉันไปก่อนนะ..อ๊ะ” ร่างทั้งร่างถูกคนตัวสูงกว่าดึงเข้ามากอดจนไม่มีระยะห่างระหว่างกัน คยองซูตั้งตัวไม่ทัน….แบคฮยอนจะมากอดเขาทำไม ถ้าจองกุกรู้เข้าต้องเป็นเรื่องแน่ๆ..
“ไม่ให้ไป นายเป็นเพื่อนคนเดียวของฉันนะคยองซู” เสียงนุ่มพูดข้างๆหูคนตัวเล็ก ไม่เป็นแบคฮยอนคงไม่รู้ว่าเขากำลังเสียใจแค่ไหน…แต่ถ้าไม่เป็นคยองซูก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าเขาก็ทรมาน…
คยองซูเสียใจ..ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนเลือกทางนี้เองแท้ๆ
“ปล่อยเถอะแบคฮยอน อย่าทำให้ฉันต้องเจ็บไปมากกว่านี้ได้มั้ย” คยองซูดิ้นอยู่ในอ้อมกอดก่อนที่แบคฮยอนจะยอมผละออก ตอนนี้เองที่เห็นหน้าอีกคนชัดเจน…รอยช้ำที่มุมปากนั่น
“เป็นเพื่อนกับฉันมันทำให้นายต้องเจ็บปวดมากขนาดนั้นเลยหรอคยองซู…” กลับกลายเป็นแบคฮยอนเสียเองที่แสดงแววตาแสนเศร้าและผิดหวังนั้นออกมา
“ฉัน…” ต้นแขนเล็กที่ถูกมือของแบคฮยอนจับเอาไว้ก็ถูกผละออก แบคฮยอนมองหน้าอีกคนด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความรู้สึกภายในใจ
“งั้นเราเลิกเป็นเพื่อนกันก็ได้…ฉันจะไม่ยุ่งกับนายอีก” พูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังให้คยองซูแล้วเดินจากไปทันที คนตัวเล็กมองตามแผ่นหลังของอีกคนก่อนจะพบว่าตอนนี้ตาของพร่ามัวเกินกว่าที่จะมองเห็นอะไรได้ชัดๆ..เพราะม่านน้ำตากำลังบดบังคยองซูเอาไว้
ร้องไห้อีกแล้ว..
ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง..
จะเสียใจทำไมคยองซู ในเมื่อนายเป็นคนเลือกทางนี้เอง..ไม่สิ คยองซูไม่ได้เลือก…แต่ถูกบังคับให้เลือกต่างหาก…
[100%]
[TALK]
ขอบคุณทุกเม้นทุกกำลังใจที่เม้นให้ไรท์นะคะ
รักมากจุ้บๆ <3
ส่วนตอนหน้าจะเป็นยังไงนี่ก็ฝากติดตามด้วยเน้อ
เม้นแล้วติดแท็ก #FicBD เป็นกำลังใจให้ไรท์ว่ายังมีคนอ่าน ไรท์ก็รีบมาอัพให้ในเร็ววัน ซารางเฮ ~
ปล. ที่บางคนเดาไว้ว่าแบคฮยอนจะเป็นโรคอะไรหรือเปล่า
สปอยล์ไว้ก่อนว่า ‘ใช่ค่ะ’ ตอนที่ 3 จะมาเฉลยว่าแบคฮยอนเป็นโรคอะไร ปูเสื่อรอเค้านะ จุ้บ <3
ความคิดเห็น