ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Exo] Because you're my frienD [BaekDo]

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 57


     

     

    Fic’Because you’re my FrienD

    {Baekhyun x D.O}

    #FicBD

     

    ::Chapter 1::

     

    มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะให้คนทั้งโลกมารักเรา

    ในเมื่อมีคนรักก็มักจะมีคนเกลียด

     

    เราห้ามให้คนอื่นหยุดว่าเราไม่ได้

    แต่เราสามารถห้ามการกระทำที่ไม่ดีของเราได้

     

              “แบคฮยอนนายกินเถอะ  ฉัน..”

              “ไม่เอา  มีเพื่อนก็ต้องกินข้าวกับเพื่อนสิ  ไปตักอาหารกัน ~”  ว่าจบแบคฮยอนก็คว้าข้อมือของเพื่อนตัวเล็กให้เดินไปด้วยกันทันที  

              ความรู้สึกเวลามีเพื่อนมาชวนกินข้าวมันก็ดีอยู่หรอกนะแต่สายตาของนักเรียนคนอื่นที่กำลังมองมานี่สิ..

             คนอย่างคยองซูมีเพื่อนคบด้วยอย่างนั้นหรอ ?’  พวกเขาคงจะคิดอย่างนั้นกัน

               แบคฮยอนและคยองซูนั่งทานข้าวด้วยกันท่ามกลางสายตาของนักเรียนหลายร้อยคนที่จับจ้องมา  แต่ถึงอย่างนั้นเด็กใหม่ก็ไม่ได้ใส่ใจสายตาของคนอื่นเลยสักนิด  แบคฮยอนมีแต่ชวนคยองซูคุยและทำให้เพื่อนตัวเล็กรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยที่สุด 

               แต่ในทางตรงกันข้ามคยองซูแค่นั่งก้มหน้าก้มตาจัดการกับข้าวเที่ยงตรงหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็เท่านั้น  จะตอบคำถามแบคฮยอนก็แค่ไม่กี่คำเท่านั้นเอง

     

     

     
     

               ทำไมต้องเดินก้มหน้า”  คำถามเดิมรอบที่สองออกมาจากปากแบคฮยอนในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินกลับห้องเรียนด้วยกัน   และคำตอบที่ได้ก็ยังเหมือนเดิมกับครั้งแรกที่ถามคยองซูเงียบ

               ทำไมไม่ลองสู้คนอื่นดูบ้าง”   แต่แบคฮยอนก็ยังถามต่อไปอย่างนั้น  

                คยองซูหยุดเดินก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนตัวสูงช้าๆ

               “ถ้าอยากเป็นเพื่อนกับฉัน..อย่าถามแบบนี้อีกได้มั้ย”  ตัวเล็กเอ่ยแผ่วเบา  แบคฮยอนที่อยู่ล้ำหน้าไม่กี่ก้าวจึงหันหน้ากลับมา

               ถ้าอยากเป็นเพื่อนกับฉัน ก็ช่วยตอบคำถามฉันหน่อยได้มั้ย”   คนตัวสูงกว่าก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าคยองซู   ความเงียบเข้าปกคลุมทางเดินที่ร้างผู้คนอีกครั้ง  ตรงนี้มีแค่แบคฮยอนกับคยองซูสองคนเท่านั้น  คนตัวสูงจึงเลือกที่จะถามคำถามเหล่านั้นที่นี่   ที่ที่มีแค่เราสองคน

               “……”

               “ฉันไม่อยากให้นายอ่อนแอ  ฉันอยากให้นายเข้มแข็ง  ไม่มีใครอยู่กับนายได้ตลอดหรอกนะคยองซู

               “…มันก็ไม่เคยมีใครอยู่กับฉันมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วล่ะร่างเล็กว่าอย่างน้อยใจก่อนจะออกเดินด้วยฝีเท้าที่เร็วกว่าเดิม   ดูก็รู้ว่าคยองซูกำลังน้อยใจมากแค่ไหน 

               อาการเหล่านั้นทำให้แบคฮยอนรู้สึกผิดแบคฮยอนไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คนตัวเล็กรู้สึกแบบนี้เลยสักนิด  แค่อยากให้อีกคนมีความมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้  ถ้าวันไหนที่แบคฮยอนไม่ได้มาโรงเรียนเพราะงาน..แล้วคยองซูจะไม่โดนแกล้งอีกหรือไง    

               ตอนนี้คงจะมีแค่ซูจองเท่านั้นที่รู้ว่าแบคฮยอนกำลังจะได้เป็นดาราวัยรุ่นคนใหม่   บางทีแบคฮยอนอาจจะติดงานจนไม่ได้มาเรียน  ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องมีวันนั้นแล้วถ้าวันนั้นมาถึงคยองซูจะยังไง 

               ทั้งสองคนเดินมาเงียบๆไม่ได้คุยหรือมองหน้ากันเลยสักนิดจนถึงหน้าห้องเรียนทว่าคยองซูกลับยังไม่เดินเข้าไปในห้องนั้น  ร่างเล็กชะงักฝีเท้าอยู่ที่ประตูหน้าห้องอย่างเคย  ดวงหน้าหวานเงยขึ้นก่อนจะมองเข้าไปในห้อง

               ทำไมไม่เข้าไปล่ะคยองซู”  เอ่ยถามจากด้านหลัง  ร่างเล็กไม่ยอมตอบ..แบคฮยอนจึงมองตามสายตาของคยองซูแล้วก็พบว่า..โต๊ะของคยองซูกำลังถูกเพื่อนบางคนขีดเขียนอะไรบางอย่างอย่างสนุกสนาน

               เมื่อเห็นว่ากำลังมีคนแกล้งเพื่อนตัวเล็ก  แบคฮยอนจึงดันร่างของคยองซูออกก่อนจะแทรกตัวเดินเข้าไปในห้องเรียนนั่น  สองขาก้าวอย่างไวไปที่กลุ่มนักเรียนเหล่านั้นก่อนจะกระชากแขนของจองกุกให้หันมาเผชิญหน้ากัน

               ทำอะไร !”  แบคฮยอนถามจ้องตาเขม็ง

               เสือก !” จองกุกว่าอย่างหยาบคายพร้อมกระชากแขนตัวเองให้หลุดจากมือของแบคฮยอน   คนสองคนจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร  เพื่อนคนอื่นที่กำลังขีดเขียนโต๊ะถึงกลับผละออกและแยกย้ายกันออกจากบริเวณโต๊ะของคยองซูทันที

               สองคนนี้คงต้องได้มีเรื่องกันแน่ๆ

               แกก็อีกคนไอ้เด็กใหม่ ระวังจะเจอดีเข้าสักวัน !”  จองกุกขู่พร้อมกับกระชากคอเสื้อของแบคฮยอน  

               ทำไม  จะพาฉันเข้าห้องปกครองแบบนายหรือไง หึ..เป็นไง  แอร์เย็นมั้ย”  แบคฮยอนยกยิ้มที่มุมปากอย่างร้ายกาจ   เพื่อนทุกคนที่อยู่ในห้องเริ่มซุบซิบกันถึงเรื่องที่แบคฮยอนพูดว่า จองกุกเข้าห้องปกครอง

               ตั้งแต่ตอนเที่ยงข่าวก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วว่าบยอนแบคฮยอนเป็นผู้กล้าที่สามารถลากคอจองกุกถึงมืออาจารย์ฝ่ายปกครองได้

                แต่ไม่มีใครรู้ว่าจองกุกโกรธแค่ไหน  

                ไม่รู้ใครรู้ว่าต่อไปแบคฮยอนกับคยองซูจะต้องโดนอะไรต่อไป

                แบคฮยอน..กลับไปนั่งที่นายเถอะ ใกล้ได้เวลาเรียนแล้ว”  คยองซูที่เพิ่งเดินเข้ามาพูดขึ้น   แบคฮยอนปัดมือของจองกุกออกก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง  หัวโจกของห้องมองคนตัวเล็กที่ยืนก้มหน้าก่อนจะใช้มือหนาผลักอีกคนออกให้พ้นทางจนคยองซูเกือบล้มแล้วจึงเดินกลับไปที่นั่งของตัวเองอย่างหัวเสียเช่นกัน

     

     
     

                 กริ๊งง ~

                 เสียงออดหมดเวลาดังขึ้นก้องโรงเรียนเป็นสัญญาณว่าการเรียนการสอนของวันนี้หมดลงแล้ว  นักเรียนทุกคนต่างเก็บสมุดหนังสือและภาระงานต่างๆลงกระเป๋าก่อนจะทยอยเดินออกจากห้องกันทีละคนสองคน  จนตอนนี้ในห้องเหลือแค่แบคฮยอนและคยองซูอีกครั้ง

                 แบคฮยอน..ตื่นได้แล้ว  เลิกเรียนแล้วนะไม่กลับบ้านหรอ”  คยองซูลุกจากโต๊ะของตัวเองก่อนจะเดินไปสะกิดเพื่อนใหม่ให้ตื่นจากภวังค์  ความจริงตอนหมดชั่วโมงซูจองก็พยายามปลุกแบคฮยอนแล้วนะ  แต่เขาก็ไม่ยอมตื่นเสียที

                 แบคฮยอนตื่นได้แล้ว”  คยองซูเขย่าไหล่ของคนที่นอนฟุบอยู่บนโต๊ะแรงขึ้นแบคฮยอนจึงค่อยรู้สึกตัว  คนที่เพิ่งตื่นเงยหน้าขึ้นอย่างงัวเงียก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนตัวเล็ก

                 เพื่อนหายไปไหนหมดอ่ะเลิกเรียนแล้วหรอ

                 “เลิกแล้ว  กลับบ้านได้แล้ว”  คยองซูว่าก่อนจะเดินไปที่กระดานไวท์บอร์ดหน้าห้องแล้วเริ่มใช้แปรงลบกระดานลบรอยปากกาสีน้ำเงินออก  แบคฮยอนมองการกระทำของคนตัวเล็กอย่างสงสัยก่อนจะเอ่ยปากถาม

                  วันนี้เวรทำคววามสะอาดนายหรอ ?”

                  “…..”

                  “แล้วเวรฉันวันไหนอ่ะ ? ”

                  “….”   เมื่อเห็นว่าอีกคนเงียบไป  แบคฮยอนจึงลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินไปยืนข้างๆคนตัวเล็ก  หากแต่คยองซูก็ไม่สนใจการกระทำของอีกคน 

                   พอลบกระดานเสร็จคยองซูจึงไปเดินหยิบไม้กวาดที่อยู่ข้างๆ   พลันข้อมือของตัวเองก็ถูกคว้าไว้   ใบหน้าหวานหันไปหาอีกคนเป็นเชิงถามว่ามีอะไรหรือเปล่า

                   ฉันถามว่าเวรฉันวันไหน  แล้ววันนี้เวรนายหรอ”  แบคฮยอนพูดย้ำพลางจ้องตาคยองซู  
                   
                    

                   “ไม่มี..ไม่มีเวรนายหรอก  กลับไปได้แล้ว  ร่างเล็กพูด ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนใหม่ช้าๆ

                   แบคฮยอนถอนหายใจต่ำให้ความดื้อของอีกคนที่คอยแต่จะไล่เขาให้กลับบ้าน ท่อนขายาวย่างกายเข้าไปหาคยองซูเรื่อยๆแต่คนตัวเล็กกลับถดกายหนีไปทางหลังห้อง   มือเล็กกำด้ามไม้กวาดเอาไว้แน่นพลันสายตาก็มองเพื่อนใหม่เป็นระยะ   แบคฮยอนเองก็ไม่พูดอะไร  เขายังคงย่างกายเข้าหาคยองซูที่ถอยหนีอยู่อย่างนั้นจนแผ่นหลังของคนตัวเล็กแนบชิดกับผนังห้อง

                   และถึงอย่างนั้นคนที่ตัวสูงกว่าก็ยังเดินก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆเรื่อยๆจนระยะห่างระหว่างคนสองคนน้อยลงไป 

                   ใบหน้าของอีกคนมันใกล้ขนาดไหนคยองซูก็ไม่รู้หรอก  รู้แค่แผ่นอกกว้างของอีกคนมันใกล้มากจนคยองซูไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นมอง

                  เรื่องเวรทำความสะอาดก็โดนเพื่อนแกล้งให้ทำทุกวันหรอ  เสียงทุ้มของอีกคนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง  เสียงนั่นมันใกล้หูของคยองซูมาก 

                   รู้แล้ว..รู้แล้วล่ะว่าตอนนี้ใกล้กันขนาดไหน

                  “.....”   คยองซูไม่ยอมตอบ...อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกบางอย่างที่คยองซูเองก็ไม่แน่ใจ  มือเล็กกำด้ามจับไม้กวาดไว้แน่นกว่าเดิมแถมยังกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเพราะความรู้สึกแปลกๆนั่นอีกต่างหาก

                  ความรู้สึกอะไรก็ไมรู้..รู้แค่คนตัวเล็กไม่เคยรู้สึกแบบนี้

                  คยองซูเงยหน้าขึ้นมาคุยกันก่อน”   

                  แต่คำร้องขอของแบคฮยอนก็ไม่สำเร็จ   ร่างเล็กยังไม่ยอมมองอย่างอื่นนอกจากพื้นหรือรองเท้า   มือหนาจึงเอื้อมไปจับคางเล็กให้เงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากัน

                  หน้าของเราสองคน..ใกล้กันจริงๆด้วย

                   “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันทำช่วยนะ”  แบคฮยอนพูดพลางยิ้มหวานให้อีกคน   คนตัวสูงเดินหันหลังไปหยิบเอาไม้กวาดมาก่อนจะเริ่มกวาดห้อง   คยองซูมองการกระทำของอีกคนก่อนจะค่อยๆยกยิ้มอย่างมีความสุข

                   ...แบคฮยอนจะเป็นเพื่อนกับคยองซูตลอดไปใช่มั้ย?

     
     

                   หลังจากที่ทั้งสองคนช่วยกันทำความสะอาดห้องจนเสร็จแบคฮยอนและคยองซูจึงจัดการเก็บกระเป๋าของตัวเองแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกัน  โรงเรียนในเวลาเย็นๆแบบนี้มักจะมีนักเรียนไม่มากนัก  ส่วนมากจะเป็นพวกนักกีฬาที่กำลังฝึกซ้อมกันมากกว่า

                   ครืด  ครืด..

                   แรงสั่นจากสมาร์ทโฟนเครื่องบางของแบคฮยอนทำให้ร่างสูงหยุดเดิน  เขาหยิบมันขึ้นมาก่อนจะกดรับสาย  คยองซูกำลังจะเดินไปที่อื่นเพราะแบคฮยอนอาจจะต้องการความเป็นส่วนตัว..หากแต่อีกคนกับคว้าข้อมือเล็กไม่ให้ไปไหน


                   ครับ...

                ‘ทำไมตอนนี้ยังไม่กลับบ้าน  แกอยู่ไหนแบคฮยอน..ต้องไปถ่ายซีรีย์ไม่ใช่หรือไง

                   “อยู่โรงเรียน

                ‘พ่อให้คนขับรถรออยู่ที่หน้าโรงเรียน  รีบขึ้นรถแล้วไปที่ตึกได้แล้ว  ไปสายตั้งแต่วันแรกจะโดนว่าเอา  ที่สำคัญแกจะอยู่โรงเรียนแบบนั้นคนเดียวมันก็อันตรายนะ  สุขภาพแกยิ่ง…’

                   “ผมอยู่กับเพื่อน  แล้วผมก็สบายดี  แค่นี้นะครับ”   ว่าจบแบคฮยอนก็กดตัดสายปลายทางทันที  คยองซูมองหน้าอีกคนอย่างไม่เข้าใจเพราะเมื่อตอนออกมาจากห้องเรียนยังอารมณ์ดีอยู่เลยแล้วทำไมพอคุยโทรศัพท์ต้องอารมณ์เสียกันนะ

                   สงสัยหรอว่าใครโทรมา”  ถามออกไปทั้งที่ยังไม่ยอมปล่อยมือของอีกคน  คยองซูพยักหน้าเบาๆ

                   แต่ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรนะ  ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของนาย” 

                   “ถ้าไม่อยากให้รู้จะจับแขนไว้แบบนี้ทำไมล่ะ  หืม?”  แบคฮยอนพูดยิ้มๆพลางยกข้อมือของคนตัวเล็กที่ตัวเองจับไว้ขึ้นมาในระดับสายตา 

                    แล้วมีอะไรหรือเปล่า  ทำไมนายดูอารมณ์ไม่ดีเลย”  ร่างเล็กถามก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินพร้อมกัน  แบคฮยอนปล่อยมือก่อนจะเริ่มอธิบาย

                    วันนี้ตอนค่ำๆฉันมีถ่ายซีรีย์ แต่ตอนนี้ฉันยังอยู่โรงเรียนอยู่  พ่อก็เลยไม่ค่อยพอใจ

                    “ถ่ายซีรีย์ เดี๋ยวนะ..นี่นายเป็นดาราหรอเนี่ย”  คยองซูถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

                    “ก็กำลังจะได้เป็นนั่นแหล่ะ  ฮ่าๆ  ตึกของสถานีอยู่แถวนี้ฉันเลยต้องย้ายโรงเรียนเผื่อว่ามันจะสะดวกขึ้น” 

                     “แบบนี้มันต้องเลี้ยงฉลองหน่อยแล้วมั้ง  ฮิๆ”  คนตัวเล็กแซว  แล้วทำไมก่อนจะวางสายต้องบอกว่าผมสบายดี ด้วยล่ะ ?” 

                     “ก็เอ่อพอดีฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาลน่ะ  พ่อก็เลยเป็นห่วงมั้ง  อ่ารถฉันมารับแล้วล่ะ  ไปก่อนนะคยองซู  อย่าลืมทำการบ้านอ่านหนังสือด้วยนะเด็กน้อย”  แบคฮยอนว่าพลางยิ้มกว้างให้แล้วถึงขึ้นรถไปทันที

                     เหตุผลของเพื่อนตัวสูงมันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเลยสักนิดแบคฮยอนไม่สบายอะไรตรงไหน..?  แต่ก็ช่างเถอะ  เขาคงเพิ่งออกจากโรงพยาบาลจริงๆนั่นแหล่ะ

                       แต่ว่า….

                       คยองซูไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองชอบฉายา เด็กน้อย’  ของตัวเองมากขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ

     

     

                      เมื่อรถคันหรูของแบคฮยอนเคลื่อนออกไปคยองซูจึงกลับมาอยู่ในโลกความเป็นจริงที่ไม่มีใครปกป้องอีกครั้ง  โรงเรียนในเวลานี้เริ่มร้างผู้คนแล้วจริงๆ  ท้องฟ้าที่เริ่มเป็นสีส้มแดงบอกให้คยองซูรู้ว่าเวลานี้เย็นมากแล้ว

                      คิดได้ดังนั้นคนตัวเล็กจึงออกเดินจากเขตโรงเรียนเพื่อเดินทางกลับบ้าน  ไม่มีใครขับรถคันหรูมาส่งคยองซูที่โรงเรียนเหมือนแบคฮยอน  คนตัวเล็กอยู่กับแม่แค่สองคนและแม่เองก็ต้องทำงาน  ที่บ้านของคยองซูไม่มีรถ  มีแค่จักรยานคันเก่าๆคันเดียวก็เท่านั้น

                      คยองซูเดินมาเรื่อยๆจนถึงบ้านของตัวเอง  บ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่ไม่ใหญ่มากหลังนี้คือบ้านของคยองซู  เมื่อสองปีก่อนพ่อของคยองซูถูกรถชนจนเสียชีวิต  คู่กรณีจึงจ่ายค่าเสียหายและหาที่อยู่ใหม่ให้สองแม่ลูก ชีวิตของคยองซูจึงดีขึ้นบ้าง

                      แต่ถ้ายังมีพ่ออยู่...ชีวิตของคยองซูคงจะดีกว่านี้


                     
    กลับมาแล้วครับ”  คยองซูว่าเมื่อก้าวเข้ามาในบ้าน  รองเท้าคู่เดิมของแม่วางอยู่ที่ชั้นเป็นตัวบ่งบอกว่ามารดาของตนคงอยู่ที่บ้านแน่ๆ   คยองซูเดินเข้าไปในห้องครัวซึ่งเป็นห้องประจำที่คนที่ตัวเองรักที่สุดชอบเข้ามา   ร่างเล็กเห็นผู้เป็นแม่กำลังปอกผลไม้อยู่บนโต๊ะทานข้าวก็รีบเข้าไปนั่งลากเก้าอี้มานั่งข้างๆทันที

                      ว่าไงลูก  เรียนวันนี้เหนื่อยมั้ย”  ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกอย่างใจดี

                      “ไม่เหนื่อยเลยครับ  แม่รู้มั้ย..วันนี้มีเพื่อนใหม่ย้ายเข้ามา เขายอมเป็นเพื่อนคยองซูด้วยนะ”   คนตัวเล็กรีบอวด  ไม่ใช่ว่าแม่จะไม่รู้ว่าเรื่องของคยองซูที่โรงเรียนเป็นอย่างไร  แต่สิ่งที่เธอทำได้ก็คงจะมีแต่ปลอบโยนลูกชายเท่านั้น

                      จริงหรอลูก…..ว้าย ! คยองซู..ทำไมเนื้อตัวถึงได้มอมแมมแบบนี้ล่ะลูก”  เมื่อผู้เป็นแม่ละจากการปอกเปลือกผลไม้แล้วมองเห็นรอยเปื้อนบนเสื้อนักเรียนของคยองซูถึงกับหวีดร้องออกมาอย่างนึกเป็นห่วง  เธอวางมีดและผลแอปเปิ้ลลงแล้วจึงเริ่มสำรวจเนื้อตัวลูกทันที

                      “ฮื่อ ! แม่ครับ คยองซูไม่เป็นอะไรหรอก  แต่ว่า..เพื่อนคนนั้นชื่อแบคฮยอนนะครับแม่  แถมกำลังจะได้เป็นดาราด้วย”  คยองซูแกะมือของแม่ออกจากแขนของตัวเองก่อนจะเริ่มอวดต่ออย่างอารมณ์ดี 

                      ความจริงตอนนี้ผู้เป็นแม่เองก็มีความสุขไม่แพ้กันที่ตอนนี้เห็นลูกตัวเองยิ้มได้อย่างที่ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่พ่อของเขาเสีย

                      อยากจะขอบคุณเด็กที่ชื่อแบคฮยอนจริงๆ

                      “แม่ก็มีเรื่องจะมาอวดเหมือนกัน...แม่ได้งานเป็นแม่บ้านประจำแล้วนะ  ถึงอาจจะต้องทำงานทั้งวันแต่ก็เป็นงานที่โอเคเลยล่ะ แถมตระกูลนี้เขาให้เงินเดือนแม่ตั้งเยอะแหน่ะ” 

                      จริงหรอครับแม่  แบบนี้แม่ก็ไม่ต้องไม่เป็นพนักงานเสิร์ฟเลิกดึกๆแล้วใช่มั้ย  ดีใจจัง”  ตัวเล็กโผเข้ากอดแม่ของตัวเองในทันที  

                      ต่อไปนี้คยองซูอยากกินอะไร อยากได้อะไรแม่ก็จะพยายามหามาให้ลูก”  พูดพลางลูบผมหนาอย่างอ่อนโยนและกระชับอ้อมกอด

                      แม่ของคยองซูไม่ใช่คนที่เรียนจบสูงๆ  ฐานะทางบ้านไม่ดีมาก็ตั้งแต่ไหนแต่ไร  พอได้แต่งงานกับพ่อคยองซูถึงได้พอสร้างเนื้อสร้างตัวได้บ้างแต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อสองปีก่อน  พอพ่อคยองซูเสีย..คนตัวเล็กก็เหลือแค่แม่คนเดียว  เด็กที่เพิ่งขึ้นมัธยมปลายจึงต้องเจออะไรต่างๆมากมาย  มันจึงทำให้คยองซูเข้มแข็งมาได้จนถึงวันนี้   เห็นแม่เหนื่อยมาก็มาก..

                      คนตัวเล็กจึงสัญญากับตัวเองต้องเรียนจบมีงานทำ  แม่จะได้สบาย

                      จะไม่ทำให้แม่ผิดหวัง..แม้แต่เรื่องเดียว

     

     

     

                      “คัท โอเค..วันนี้ทำได้ดีมากทุกคน  เลิกกองครับ”  หลังสิ้นเสียงผู้กำกับวัยกลางคน  ทั้งนักแสดงและทีมงานก็โค้งและยิ้มให้กันตามมารยาทเมื่องานเสร็จ 

                      “นักแสดงสมัครเล่นจริงๆหรอเนี่ยแบคฮยอน  ทำได้ดีมากเลยนะ”  ผู้กำกับเดินเข้าไปหาเด็กมัธยมปลายอย่างบยอนแบคฮยอนซึ่งเป็นตัวละครหลักในเรื่องนี้

                      ไม่หรอกครับ  ผมต้องไปฝึกอีกมาก”  ร่างสูงยิ้ม

                      “รับรองว่าถ้าซีรีย์เรื่องนี้ฉายแล้วนายต้องดังแน่ๆ  ทำงานหนักมากเลยนะ”  ผู้กำกับตบบ่าแบคฮยอนเบาๆก่อนจะเดินออกไป  ร่างสูงโค้งตัวตามมารยาทก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อเก็บของและเตรียมกลับบ้าน

                      หากแต่ห้องแต่งตัวของเขาไม่ได้มีแค่คนที่เกี่ยวข้อง  ยังมีคนนอกอย่างจองซูจองนั่งอยู่ที่โซฟาอีกด้วย  และเมื่อแบคฮยอนเข้ามาเห็นเธอร่างสูงก็ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนที่เธอจะทัก

                     ถ่ายเสร็จแล้วหรอแบคฮยอน  ไปหาอะไรกินกันมั้ย ?  จะเข้าตึกหรือเปล่า ?”  ซูจองลุกจากโซฟาแล้ววิ่งไปหาอีกคนที่กำลังเก็บของอยู่ทันที

                     ไม่ล่ะ  ฉันเหนื่อย จะรีบกลับบ้าน

                     “….เอ้อ..แล้วเรื่องผู้จัดการล่ะ หาได้หรือยัง ให้พ่อฉันช่วยมั้ย?”

                     ไม่เป็นไร  ฉันไม่ได้ยุ่งถึงขนาดต้องมีผู้จัดการ  ไปก่อนนะ”  พูดแค่นั้นก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินจากห้องแต่งตัวไป

                     ไม่ใช่ว่าแบคฮยอนจะไม่ชอบซูจองหรอกนะ  แต่เพราะเธอเกาะแกะเกินไปหน่อยร่างสูงจึงรู้สึกรำคาญ  นี่ก็ไม่รู้ว่าถ้าตอนเย็นขึ้นรถมากับซูจองจะต้องฟังเธอพูดอะไรบ้าง   ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมทุกคนถึงบอกว่าเธอหยิ่ง ทั้งๆที่ความจริงเธอพูดมากจะตาย 

                     แบคฮยอนเดินออกมาจากกองถ่ายซึ่งวันนี้ใช้สวนสาธารณะใกล้โรงเรียนเป็นที่ถ่ายทำ  ร่างสูงขึ้นรถที่ทางบ้านส่งมารับแล้วไม่นานก็ถึงคฤหาสน์ตระกูลบยอน

                     “กลับมาแล้วครับ”    แบคฮยอนพูขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟาหรู

                     “ถ่ายละครวันนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ  วันแรกหนิ”  ผู้เป็นพ่อวางหนังสือพิมพ์ลงก่อนเอ่ยถามเสียงเรียบ 

                     “ก็ดีครับ  แต่เหนื่อยหน่อย  ผมขอตัวไปพัก....”

                     “แล้วทำไมวันนี้ถึงออกมาจากโรงเรียนช้า มัวแต่อยู่กับเพื่อนหรือไง”  คุณชายบยอนพูดตัดทั้งที่แบคฮยอนยังพูดไม่จบ  ร่างสูงถอนหายใจออกมาเบาๆแต่ก็ไม่ตอบอะไร

                     เพื่อนเป็นใครล่ะ ที่บ้านทำธุรกิจอะไร

                     “ไม่ทราบครับ  ผมรู้แค่เค้าเป็นคนดี ผมขอตัว”  แบคฮยอนเหนื่อยเกินที่จะมาต่อล้อต่อเถียงกับพวกตรรกะบ้าบอของพ่อเขาแล้วจริงๆ   ทำไมเพราะตัวเองเป็นคนรวยก็เลยคบได้แต่กับคนรวยด้วยกันอย่างนั้นหรอ  บอกตรงๆว่าแบคฮยอนไม่ชอบความคิดพวกนี้

                    ร่างสูงโค้งตัวให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะหันหลังเตรียมเดินขึ้นห้อง  และคุณชายบยอนก็ทิ้งท้ายมาแค่ประโยคเดียว

                   “อ้อ !   ฉันรับแม่บ้านใหม่เข้ามานะ  แต่ไม่ได้อยู่ประจำหรอก  แม่บ้านใหม่จะเริ่มมาทำงานพรุ่งนี้เลย”  พูดแค่นั้นก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านต่อ

                   เหอะ..นี่แหล่ะครับคือประโยคทิ้งท้าย  ไม่ได้แสดงความห่วงใยไม่ได้ใส่ใจผมสักนิด

      

     

     

     

    100%



     

    ทีแรกกะว่าจะให้ชีวิตคยองซูดราม่ากว่านี้นะ

    ทำนองว่าแม่ก็ไม่รักอะไรอย่างนั้น..แต่มันจะดาร์กไปค่ะ
    ก็เลยให้พี่แบคฮยอนของเรามีปัญหากับทางบ้านแค่คนเดียวพอ แบดบอยสุดๆ ฮริ้ง
    ~


       ตอนนี้หลายๆคนอาจจะยังเดาเนื้อเรื่องไม่ออกว่าจะไปยังไงมายังไง 
    แต่พอตอนที่
    2-3 ก็เริ่มแบบ..เฮ้ย อัยย๊า เยเฮท โอโฮรัท โอ้วโอ้วย่าห์แก๊บซอง อุงยาๆ หรืออะไรก็ว่าไปแน่นอน 
    แต่รับรองได้ว่าตอนท้ายๆดราม่าพันเปอร์เซ็น  คิดพล็อตไปน้ำตาไหนไป ฮึก
    ..TT 
    เอาเป็นว่าเรื่องนี้อย่าเพิ่งดราม่าทั้งเรื่องเลยแล้วกันเนาะ เอาแค่หนักๆตอนท้ายพอ ฮี่ๆๆ 
    พอดีไรท์เป็นคนบอบบางแล้วก็อ่อนไหวง่าย
    ..ไม่อยากแต่งดราม่าน้ำตาแตกเท่าไหร่ [หรา !?]


         พล่ามมาซะยาว..แต่เราก็จะพล่ามต่อไป 
    สวัสดีปีใหม่ไทยนะจ๊ะรีดเดอร์ผู้น่ารักทุกคน 
    แดดแรงแบบนี้ไปเล่นน้ำระวังสีผิวจะเหมือนจงอินเอาล่ะ 
    อย่าคิดว่าตัวเองผิวแบบนั้นแล้วจะเซ็กซี่เหมือนไคนะ 
    NoNoNo~ ฮิๆๆๆ 
    [แต่ถ้าใครคิดว่าตัวเองเซ็กซี่ก็ส่งรูปมาให้ไรท์ดูบ้างได้ ไม่ถือๆ .เฮ้ยพูดอะไรออกไป ]
    เอาล่ะพอได้แล้วสำหรับการพล่ามในแชปนี้ อย่าถือสาไรท์เลยนะ  สวัสดีปีใหม่ไทยจ้า 


    ปอปลา.และลอลิง . อย่าลืมเ
    ม้นแล้วก็แท็ก    #FicBD   ในทวิตให้หน่อยนะจ๊ะ
    เดี๋ยวจะไปส่อง

    แล้วจะรีบมาอัพให้ในเร็ววัน    เย่~

     รักรีดเดอร์ รักคนเม้น คนติดแท็ก ฮริ้ง ~

     

     

     

     #แก้คำผิด 17 / 04 / 2557 

     

     

     

     
    themy  butter
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×