ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (fic b.a.p) SCH0ΘL dαч ๖๖๖

    ลำดับตอนที่ #5 : RETRACE IV

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 213
      0
      4 ส.ค. 56

    RETRACE

    IV

     

     

    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ฉันจะหาทางสืบจนได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กนักเรียนที่ชื่อ ลีโฮยอน ^^”

     

     

     

     

              ที่นี่แปลกประหลาดกว่าที่ผมคิดไว้...อันที่จริงผมคิดว่าที่นี่จะปกติ  แต่จริงๆแล้วมันห่างไกลกับคำๆนั้นมากเลยจริงๆ

     

     

              สวัสดี”   เสียงซุกซนของเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับผมเอ่ยทักทายแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร  เขาย่อตัวลงจ้องหน้าผมที่นั่งแหมะหายใจหอบอยู่บนพื้น 

     

              นายเป็นใคร?”  ผมถาม  มือเย็นเฉียบ  หูอื้อไปหมด  ผมกลัว กลัวจนอยากจะตายไปเลยแต่มันไม่ตายนี่สิ  เมื่อกี๊ก็เห็นผีตุ๊กตา ตอนนี้จะเห็นผีคนอีกเหรอเฮ้ยยย 

     

              ใบหน้าเปื้อนยิ้มของหมอนั่นหัวเราะขบขันมีความสุข  เขาชี้ตรงป้ายชื่อกรอบสีทองที่ติดอยู่บนหน้าอก  แสงของดวงจันทร์แม้จะมีเพียงน้อยนิดแต่ก็กลบความมืดจากด้านนอกได้  ผมเห็นมันรางๆ

     

              ชเว จุนฮง

     

              “ชเวจุนฮง...เหรอ

     

              ผมพูดออกมาช้าๆเป็นคำๆ  คำถามต่อไปคือ

     

              นายเป็นคนใช่ไหมวะ?”

     

              จุนฮงพยักหน้า  ยิ้มกว้าง  ผมสังเกตได้เลยว่าไอ้หมอนี่มันขาวมากมายก่ายกอง ขนาดมืดยังเห็นหน้ามันชัดแจ๋วเหมือนมันเรืองแสงแล้วเดินได้  มีบางอย่างในจิตใต้สำนึกบอกกับผมว่าไอ้นี่มัน  ไม่ธรรมดา

     

              “ยินดีที่ได้รู้จัก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นที่นี่นะ J”    ยื่นมือมาเขย่ามือผมเบาๆ

     

              “ว้า ท่าทางง้องแง้งไม่ได้เรื่องไม่เหมือนที่ฉันคาดเอาไว้เลย  นักเรียนหมายเลข666 ต้องเทพกว่านี้สิจริงไหมต้องเจ๋ง  เก่ง ฉลาด...เหมือนที่ในบันทึกนั้นเขียนเอาไว้สินะ”  เขาเริ่มพูดประโยคแปลกๆที่ผมไม่เข้าใจ  พลางดึงมือของผมให้ลุกขึ้นให้ยืนตรง

     

              พูดอย่างนั้น หมายความว่ายังไง

     

              “J”  จุนฮงเลือกที่จะยักไหล่ไม่ตอบผม ฉันขอไม่ตอบคำถามนี้และแนะนำตัวแทน  ฉันชเวจุนฮง  ม.ปลายปีสอง  เป็นรุ่นน้องนายปีนึงแต่ฉันไม่ถือเรื่องอายุหรอก  ฉันเรียกใครตามที่ฉันอยากจะเรียกเท่านั้น

     

              “ฉันจองแดฮยอน  แต่นายน่าจะบอกสักหน่อยว่านายมาที่นี่ได้ยังไง?” ผมเลือกที่จะไม่สนใจเรื่องอายุเช่นเดียวกันและเริ่มถามในสิ่งที่อยากรู้

     

              “มาตามบันทึก  อ้อ...นายไม่รู้จักสินะ”  เขาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ซึ่งมันน่าถีบเป็นที่สุด  ไฟสลัวๆจากดวงจันทร์ส่องลงมาเห็นแววตาร้ายกาจที่แฝงอยู่ในใบหน้าอ่อนเยาว์นั่น  ผมรู้สึกเหมือนตัวเองตกอยู่ในอันตรายจนประหม่าเล็กน้อย

     

              บันทึก?”

     

              “ช่ายยย  เป็นบันทึกที่น้อยคนนักที่จะเคยเห็น...อา ไม่เคยมีใครเคยเห็นนอกจากฉันเลยนะ  แม้แต่ท่านประธานนักเรียน  หรือว่าหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า คิลเลอร์’”

     

              ผมหยุดความคิดไว้ที่คำว่าคิลเลอร์  นั่นไม่ได้หมายความว่านักฆ่าหรืออะไรสักอย่างงั้นเหรอ  ตำแหน่งแบบนั้นมาอยู่ในโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ได้ยังไง?

     

              เหมือนจุนฮงจะรู้ในสิ่งที่ผมคิด 

     

              นายเข้ามาที่นี่โดยไม่รู้อะไรเลยงั้นสิ

     

              “ฉันจะไปรู้อะไรได้ยังไง”  ในเมื่อข้อมูลทุกอย่างของที่นี่ที่ผมเคยได้ยินมันช่างแตกต่างกับความเป็นจริง

     

              แล้วนายอยากรู้หรือเปล่าล่ะ?”

     

              หมอนั่นกระชับเสื้อสูทให้เข้าที่  เป็นเหตุให้แขนเสื้อเลิกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยสักลายดาวแปดแฉกและตัวอักษรลิ่มที่พันรอบๆที่ดูยังไงก็เหมือนพวกบ้าลัทธิ  แสงจันทร์สอดส่องเข้ามาทำให้ผมเห็นใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นได้ชัดเจนยิ่งกว่าตอนแรก

     

              ในเมื่อฉันเป็นหนึ่งในนักเรียนของสมิคฟอร์ด...อันที่จริงจะรู้ไปก็ไม่น่าเสียหาย

     

              โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอดผมกำลังพูดอะไรออกไป  นี่ผมกำลังพาตัวเองไปซวย

     

              แต่อีกใจหนึ่ง  เหมือนกำลังเรียกร้องถึงบางอย่างที่ต้องค้นหา... อยากรู้  แต่ก็ไม่อยากรู้ในเวลาเดียวกัน   ผมใจเต้นแรงเมื่อรู้สึกถึงสายลมแผ่วเบาที่พัดมาแตะที่ฝ่ามือ  ความรู้สึกที่โดนผีหลอกเมื่อครู่หายไปสิ้น เหลือเพียงความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองที่ผมไม่รู้เลยว่ามันกำลังจะทำให้ตัวเองนั้น

     

              จมดิ่งสู่ห้วงความมืดมิด...

     

              ชเวจุนฮงแค่นยิ้มมุมปาก  เขากอดอกก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ

     

     

     

              บันทึกที่ฉันพูดถึง  คือหนึ่งใน  ไดอารี่ทั้ง 7 เล่ม ของรุ่นพี่ในโรงเรียนทั้ง 7 คนที่หลงเหลือเอาไว้เป็นปริศนาให้รุ่นน้อง

     

              “….”

     

              “ฉันไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่ได้ไดอารี่อีกหกเล่มไป  แต่ฉันได้ครอบครองมัน1เล่ม” 

     

              “….”

     

              “มันเป็นบันทึกที่ เขียนโดย  เซฮีวอน และมันมีบันทึกเส้นทางสายนี้ ฉันเลยลองเข้ามา ไม่นึกว่าจะมีผู้โชคดีเข้ามาก่อนฉัน ฮ่าๆ

     

     

              ถึงว่า  ทำไมเขาถึงเหมือนกับตั้งใจมาที่นี่อยู่แล้ว ไม่เหมือนผมที่หลงมา  ผมตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ จุนฮงหยุดพูดไปสักพักเหมือนนึกอะไรขึ้นได้  คำพูดที่ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติของชีวิตนักเรียนม.ปลายธรรมดา  แต่ผมคิดว่ามันไม่ธรรมดา

     

     

              ไว้ฉันจะเล่าต่อที่โรงเรียน  ถ้ามืดกว่านี้  นายจะโดนทำโทษเอานะ หึหึ

     

     

     

     

              รุ่งอรุณแห่งเทพีเฮร่ามาถึงสมิคฟอร์ดเร็วกว่าที่คาดไว้...

     

              ร่างบางลุกขึ้นจากเตียงนอนนุ่ม  วันนี้วันเสาร์และมันเป็นวันหยุดพักผ่อนของทุกคน หลายคนเลือกที่จะกลับบ้านไปหาครอบครัว  แต่นั่นไม่ใช่กับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่ใช้ชื่อว่า เซฮีวอน

     

              ฮีวอนเป็นนักเรียนทุนเหมือนกับโฮยอน   เขาเป็นเด็กกำพร้าจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งในแดกู เขาเคยถามคนเลี้ยงว่านามสกุลและชื่อของเขามาจากไหน  คำตอบที่ได้คือเป็นนามสกุลจากคนตายคนหนึ่งที่เผอิญหล่อนไปเจอป้ายหลุมศพโดยไม่ได้ตั้งใจและเห็นว่ามันเพราะดีเลยเอามาตั้งให้  ส่วนชื่อ...เขาจำไม่ได้แล้วว่ามันได้มาอย่างไร

     

              มือเรียวหยิบแว่นตาจากหัวเตียงขึ้นมาใส่   ก่อนจะลุกขึ้นแล้วปิดขี้เกียจสองสามครั้ง  จากนั้นตรงไปที่หน้าต่างแล้วเปิดม่านสีครีมออกให้แสดงแดดสาดกระทบเข้ามาในห้องมากขึ้น  ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มอย่างชอบใจ  อา...วันนี้เขาจะทำอะไรดีนะ

     

              หลายอาทิตย์ผ่านไปหลังจากโฮยอนฆ่าตัวตาย  นักเรียนหลายคนค่อยๆ  ทยอยกันเสียชีวิตด้วยปมปริศนาซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร  มีเพียงตัวอักษรมรณะ  ‘school day 666’   และการตายบางคนก็แปลกเกินกว่าที่จะเข้าใจได้...

     

              และบางคนก็สยองจนไม่อยากพูดถึงเช่นกัน

     

              เมื่อวันก่อนมีนักเรียนม.ปลายปีหนึ่งกินอาหารอยู่ในโรงอาหาร  ส้อมที่โรงอาหารของโรงเรียนใช้เป็นเหล็ก  ในขณะที่หมอนั่นกำลังเสียบไส้กรอกขึ้นเคี้ยวก็มีลูกบอลจากทางไหนไม่รู้มากระแทกที่มือของเขา  ส้อมเลยเสียบทะลุคอตาย  น่าแปลกที่ไม่มีใครเล่นฟุตบอลอยู่ทางนั้นสักคน

     

              เมื่อเอาลูกบอลเจ้ากรรมมาตรวจสอบ  ประธานนักเรียนคนเก่งก็เห็นรอยตราสัญลักษณ์ที่ลูกฟุตบอล

     

              ‘school day 666’

     

              ทำให้ตอนนี้  คำสาปสยอง ‘school day 666’ ได้แผ่กระจายไปให้นักเรียนหวาดผวาเล่นๆกันทั่วทั้งโรงเรียนแล้ว

     

              “เฮ้อออ นึกแล้วเครียด”   ฮีวอนกุมขมับ อันที่จริงเขาไม่ได้สนิทกับโฮยอนมากมายถึงขนาดจะต้องร้องไห้ไว้อาลัยเป็นอาทิตย์ๆ เหมือนกับโกซอง  วันๆฮีวอนกับโฮยอนไม่ค่อยได้คุยกันมากด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะฮีวอนไม่ชอบทักใครหรือสนใจใครมากกว่าหนังสือเรียน   และโฮยอนเองก็เงียบเกินกว่าที่จะสนิทกับใครได้นอกจากคนที่มักจะเข้าหาคนอื่นก่อนอย่างโกซอง

     

              แอ้ดดด ดด

     

              ฮีวอนที่ตอนนี้เปลี่ยนชุดเป็นชุดธรรมดาที่ไม่ใช่ชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนเปิดประตูเบาๆ   ร่างบางกระดกแว่นตากลมๆของตัวเองขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหันมาสนใจกองหนังสือที่ตัวเองถืออยู่เป็นปึกๆต่อ

     

              ท็อปของห้องมักจะเป็นเขา  เซจุน  และหลังๆมานี่จะมีโฮยอนมาเบียดตำแหน่งนั้นเสมอ  แต่ก็เอาเถอะ  คนตายไปแล้วจะเอาเรื่องของเขามาคิดก็จะยังไงๆอยู่

     

     

              ว่าไงน้องแว่น

     

              “นะ...นัมโซ”   ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อมือของใครบางคนสะกิดที่ด้านหลัง  ทำให้หนังสือนับสิบที่ถืออยู่ร่วงหล่นลงพื้นทันที  ร่างเล็กรีบก้มลงเก็บแต่เมื่อหันกลับไปนัมโซกลับหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข

     

               ฮ่าๆๆ ตกใจล่ะสิ

     

              “เฮ้! คราวนี้ฉันไม่ได้ผิดกฎนะ  และฉันก็ไม่ได้ออกไปทำอะไรไม่ดีสักหน่อย...

     

              “อ้อโอเคน้องแว่น  นายแค่ไปสำรวจทั่วสมิคฟอร์ด  จนรู้ทางลับ ทางหนีทีไล่  เคยแอบเข้าห้องส่วนตัวของประธานนักเรียน ฉันสงสัยจริงๆว่าความจริงนายมีเรดาห์จับทางอยู่บนหัวรึเปล่า  หรือนายเป็นหนึ่งในประธานนักเรียน??”

     

              ซอนัมโซโค้งตัวลงมาใกล้จนหน้าแทบจะชิดกัน  ฮีวอนรีบถดตัวหนีแล้วกระดกแว่นตาให้เข้าที่เหมือนทุกครั้งที่รู้สึกอาย  จะไม่ให้อายได้ยังไงในเมื่อซอนัมโซหล่อขนาดนั้น

     

              ไม่ใช่สักหน่อยฉัน...ฉันไม่ใช่  นายเองก็เป็นหนึ่งในประธานนักเรียนก็น่าจะรู้ดีว่าไม่มีชื่อฉันอยู่ในนั้น”  พูดไปถอยไป เพราะคนตัวสูงได้แต่หัวเราะแล้วก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

     

              ฉัน...ฉันจะลงไปอ่านหนังสือแล้ว!”

     

              คนตัวเล็กกว่าพูดตัดบท ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างไม่ลืมหูลืมตา นัมโซมองตามยิ้มๆ  ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าใครเป็นคนแบบไหน  เห็นอย่างนี้เซฮีวอนก็ไม่ใช่เล่นๆนะ

     

              หมอนี่น่ะ  น่าสนใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุยกันเลย  ถึงแม้จะดูขี้อายไปหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าฮีวอนเป็นคนที่มีประโยชน์กับทุกคนที่เข้าใกล้เจ้าตัวเลยทีเดียว

     

              เล็กพริกขี้หนูน่ะ  รู้จักไหม??

     

     

              ซอนัมโซยิ้มมุมปากสุดเท่ห์  ร่างสูงล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินผิวปากและเดินออกไป  ก่อนจะพบกับชายหนุ่มอีกคนที่เดินสวนทางกันมา  พวกเขามองหน้ากันนิ่ง

     

              สวัสดี... คิม ฮัน J

     

              ฉันคือเซจุนต่างหาก”  ชายหนุ่มยิ้มสวย แม้จะรู้สึกหงุดหงิดจากการที่หมอนี่แยกเขาไม่ออกก็ตาม

     

              หน้าเหมือนกันนี่นะ

     

              “แต่ท่าเดินของฉันกับเขามันแตกต่างกัน นายควรจะรู้เอาไว้

     

              “นั่นสินะ”  ยิ้มกวนประสาท

     

              ถอยไป อย่าขวางทาง”   เซจุนพูดพร้อมกับรอยยิ้มเชือดเฉือนเมื่อนัมโซยืนบังทางอยู่  ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร เขาผิวปากอย่างใจเย็น แล้วก้าวเดินออกไปโดยไม่ลืมทิ้งคำพูดชวนคิดไว้ด้านหลัง

     

              “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ฉันจะหาทางสืบจนได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กนักเรียนที่ชื่อ ลีโฮยอน ^^”

     

              “…”

     

              “ฉันขอเอาตำแหน่งคิลเลอร์เป็นพยานเลยล่ะ

     

     

     

              หนึ่ง  ทุ่ม  ครึ่ง...”  มุนจงออบพูดเสียงเลื่อนลอยเมื่อเงยหน้าขึ้นจากนาฬิกา  ร่างเล็กนั่งหย่อนขาลงที่สะพานข้ามสระน้ำสีใสของสวนหย่อมเล็กๆ ที่เห็นถึงปลาคราฟหลายสิบตัวด้านล่าง  ข้างๆกันมีตุ๊กตาผมสีดำหนึ่งตัวนั่งเป็นเพื่อน 

     

              เลทไป...ครึ่งชั่วโมงกับอีกห้าวิ...หกวิ  เจ็ดวิ  อ้ะ...แปดวิแล้ว”   จงออบเอียงคอ  หยิบไม้แหลมจากข้างกายขึ้นมา  ก่อนจะทิ่มมันลงไป  โดนปลาโชคร้ายตัวหนึ่งที่โดนเสียบทะลุกลางลำตัว มันดิ้นไปมาอย่างทรมาณสักพักก่อนจะหยุดลงพร้อมกับลมหายใจที่หายไป...

     

              ฉันนี่จับปลาเก่งชะมัด...แล้วเมื่อไหร่นักเรียนหมายเลข666จะมาล่ะเนี่ย  ปล่อยให้ฉันนั่งรอ  รอนานกว่านี้ไม่ได้แล้วนา”  พูดพึมพำในริมฝีปาก ทันใดนั้นเสียงเท้าที่ย่ำดินของใครบางคนก็ดังขึ้น ไม่สิ มันมีมากกว่าหนึ่งคน

     

     

              คนหนึ่งคือมนุษย์สองขั้ว  ชเวจุนฮง  เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย  เดี๋ยวฉลาดเดี๋ยวโง่  หนึ่งในคนรู้จักของมุนจงออบ

     

              ส่วนอีกคน...ไม่รู้จัก  แต่คาดว่าหมอนี่อาจจะเป็นนักเรียนหมายเลข 666

     

     

              “อ้าววว  รุ่นพี่  วันนี้มาทำอะไรที่สระน้ำนี่ครับเนี่ย  เดี๋ยวก็ตายหรอก

     

              เป็นเสียงทักของชเวจุนฮง  ผู้ชายอีกคนที่อยู่ข้างๆกันได้แต่ยิ้มแหยมาให้จงออบ  ร่างบางลุกขึ้น  โยนไม้เสียบปลาลงบ่อเหมือนเดิมแล้วเดินทั่กๆเข้ามา

     

              มือเรียวเชยคางจองแดฮยอนขึ้น 

     

              เลขที่หกร้อยหกสิบหกหรือเปล่า?”

     

              “ชะ...ใช่” 

     

              ทำหน้าเหมือนจะตาย  กลัวอะไรยังไม่ได้ทำอะไรเลย”  ยิ้มเย็นๆถูกแต่งแต้มขึ้นบนใบหน้าราบเรียบ  นั่นทำให้แดฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองโดนแย่งอากาศหายใจไปในพริบตา ร่างสูงถอยหลังมาหนึ่งก้าว 

     

              ถอยหนีทำไม?”

     

              “ฉันชื่อจองแดฮยอน   ยินดีทะ...ที่ได้รู้จัก  อันที่จริงนี่มันเลยเวลาเข้าหอแล้ว  ผมคงต้องรีบ  ไม่งั้นคงต้องโดนลงโทษจาก...จากคิลเลอร์  ซึ่งฉันไม่อยาก  อ่า...อยากโดนลงโทษ

     

              ชเวจุนฮงหัวเราะคิกกับคำพูดติดๆขัดๆของชายหนุ่ม  มุนจงออบหุบยิ้ม

     

              อ้าว”  ร่างเล็กอุทานเบาๆ  แล้วหันไปทางจุนฮงที่ขำคิกคักอยู่

     

              “นายไม่รู้หรอ  ว่าฉันนี่แหละคิลเลอร์

     

              แดฮยอนทำหน้าเหวอ  อ้าปากกว้าง  อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกล  เมื่อตอนที่จุนฮงพาเดินออกจากป่ามาเขาสาธยายความโหดของวิธีการลงโทษของคิลเลอร์เอาไว้ซะอลังการงานสร้าง  จับถ่วงน้ำบ้างล่ะ  อดน้ำบ้างล่ะ  โดนขังบนหอคอยสามวันบ้างล่ะ   แต่ดูสิ  ดูคิลเลอร์สิ!

     

              เขาก็แค่ผู้ชายตัวขาวๆ ตาตี่ๆ ท่าทางเฉื่อยๆ  หน้าตาน่าเอ็นดู  รอยยิ้มแปลกประหลาดที่ว่าจะสวยก็สวย จะโหดก็โหด

     

              ที่มีท่าทาง  และโทนเสียงที่หลอนสุดๆก็แค่นั้น T^T

     

     

     

     

              “และนายไม่รู้เหรอ  ว่านายคือนักเรียนหมายเลข666  นั่นหมายความว่านายอยู่เหนืออภิสิทธิ์ทั้งปวง...นายจะไม่โดนลงโทษ  นายคือคนพิเศษ

     

             “..?”

     

     

              “นายคือคนพิเศษ  พิเศษที่สุด...เพราะนายน่ะโชคร้ายที่สุดยังไงกันล่ะ

     

     

              รอยยิ้มสวยๆผุดขึ้นบนริมฝีปากเรียวบาง  ตามสัญชาติญาณของจองแดฮยอนบ่งบอกได้เลยว่าเขาไม่ปลอดภัยแน่นอน  ดูหมอนี่สิ  

     

     

              ดูแววตาของเขา...

     

     

              อันตราย...แต่ก็  ไม่รู้สิ พูดไม่ถูก




     

    -------------------------------------------------------------

      

    จุ้ฟฟฟฟฟฟ กลับมาแล้วกับตอนที่สี่  ฮ่าๆ

    ตอนนี้ก็ยังมืดมัวขุ่นๆเช่นเดิม อย่างที่เคยบอกว่าฟิคเรื่องนี้มันแนวหลอนๆนะจ๊ะทุกท่าน
     คือว่าไรเตอร์อยากจะบอกทุกคนว่าตำเเหน่งในชาติก่อนกับตอนนี้ไม่สัมพันธ์กันนะคะ ชาติก่อนเป็นคิลเลอร์ ชาตินี้อาจจะไม่ได้เป็นก็ได้ อย่าเพิ่งคิดไปไกลว่าออบเป็ยนัมโซเน้อออ ฮ่าๆ 
    ส่วนตั้งเเต่สองตอนที่เเล้ว ยงกุกไม่ได้บ้านะคะ เเต่เป็นฮิมชานต่างหาก จงออบว่าว่าฮิมชานประสาทค่ะ เลยบอกให้ยงกุกดูเเลคนในปกครองตัวเองให้ดีๆด้วย ไรงี้

    ติดตามตอนต่อไปด้วยเน้ออ ><

    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×