ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (fic b.a.p) SCH0ΘL dαч ๖๖๖

    ลำดับตอนที่ #4 : RETRACE III

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 288
      1
      15 มิ.ย. 56

     

    RETRACE

    III

     

     
     

      

              'สิ่งที่เด็กๆควรจะรู้เอาไว้  คือละครหรือนิยายบางเรื่อง  นางร้ายกับนางเอก...แม่มดใจร้ายกับเจ้าหญิง  ก็แทบจะแยกกันไม่ออกว่าใครเป็นใคร'



     

     

              สมิคฟอร์ดเป็นโรงเรียนสุดหรู  โด่งดัง  และเป็นที่รู้จักของทุกคนในเกาหลีและในโลก ด้วยดีกรีโรงเรียนที่ดีที่สุดของโลกอันดับที่23  นักเรียนของที่นี่ต้องเลิศ  ต้องมีทางเลิศของตัวเองสักทาง  นักการเมือง นักวิทยาศาสตร์ บุคคลสำคัญหลายๆคนก็ต่างจบจากที่นี่ไปส่วนใหญ่ 

     

              แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน ที่จะจบจากที่นี่ได้

     

              เพราะอะไรเดี๋ยวก็รู้กันเอง

     

     

     

     

     

              หากจะถามว่าใคร คือคนที่เพอร์เฟ็กส์ หล่อ เท่ และเคร่งขรึมเกินมนุษย์ในโลกนี้ในสมิคฟอร์ด  เชื่อเลยละว่าทุกคนจะต้องตอบว่า  ฮวางซองชินกรรมการคุมกฎ หรือประธานนักเรียนสุดหล่อของสมิคฟอร์ดนั่นเอง... เขาเป็นหลานชายคนเดียวของผอ. ที่เกษียณไปเมื่อปีที่แล้ว  ด้วยหน้าตาที่แม้ว่าจะหล่อเหลาขนาดไหนแต่ก็ดูเย็นชาและไม่ค่อยยิ้ม อุปนิสัยเงียบๆ ที่เรียกเป็นภาษาวัยรุ่นได้ว่า ซึน’  เลยทำให้เขาดูน่าเกรงขามและเป็นที่เกรงกลัวของเหล่านักเรียนคนอื่นๆ

     

     

     

              ทุกคนถอยไป!”  ฮวางซองชินรีบวิ่งเข้ามาเพื่อดูศพของนักเรียนที่เสียชีวิตอย่างรวดเร็วและมีสติที่สุดในขณะที่ทุกคนเอาแต่กรีดร้องและขวัญเสีย ร่างสูงแหวกฝูงชนเข้ามาอย่างเร่งรีบโดยมีซอนัมโซตามเข้ามาติดๆ

     

              ถอยออกไปห่างๆเลย! ถอยไปสิ!” เขาขึ้นเสียงเมื่อเห็นว่านักเรียนชายคนอื่นๆยังคงสาละวนอยู่กับร่างที่โชกเลือด ถ้ามุงกันอยู่แบบนี้จะตรวจสอบอะไรได้ยังไงและดูเหมือนจะได้ผล เพราะเหล่านักเรียนต่างรีบถอยกรูดไปดูสถานการณ์ห่างๆอย่างห่วงๆ ยกเว้นนัมโซที่ยังยืนอยู่ที่เดิม  เขาคิดว่าถ้าหากเขาเป็นนักเรียนคนอื่นๆเขาคงจะกลัวหมอนี่และถอยห่างไปเหมือนกันนั่นแหละ แต่นี่ฮวางซองชินเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของเขา เพราะอย่างนั้นพวกเขาทั้งสองจึงคุ้นเคยกันในระดับหนึ่งล่ะนะ

     

              เฮ้ มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าซองชิน”   นัมโซ

     

              มี  ช่วยออกไปห่างๆจะได้ไหม?”  ซองชินตอบอย่างรำคาญเต็มแก่  แต่ก็ไม่ได้หวังว่านัมโซจะถอยออกไปอยู่แล้ว ด้วยประสบการณ์ที่เรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่ม.ต้นทำให้เขารู้ว่าซอนัมโซไม่ใช่ว่าใครจะไปสั่งเขาได้ง่ายๆ ร่างสูงย่อตัวลงก่อนจะจับๆคลำๆที่บริเวณต้นคอของศพดูและก็พบว่าผู้ชายคนนี้เสียชีวิตไปแล้วจริงๆ  เขาตายแล้วงั้นสินะ”  นัมโซเอ่ยเสียงเรียบแต่ก็แฝงไปด้วยความขี้เล่นในแบบของเขา  ซองชินลุกยืนขึ้นแล้วถอนหายใจ

     

              ใช่  เขาตายแล้ว

     

              ไม่กี่อึดใจ เหล่าครูอาจารย์ประมาณสามสี่คนก็วิ่งลงมาจากตึกและเข้ามาดูร่างไร้วิญญาณของนักเรียนชายที่เพิ่งเสียไปสดๆร้อน หลายคนเอามือปิดปากไว้เพราะช็อกจนไม่สามารถพูดอะไรได้  คุณครูประจำห้องพยาบาลเข้ามาตรวจสอบศพให้แน่ชัดและพบว่ามีกระดูกหักหลายจุดและอวัยวะก็กระแทกจนบอบช้ำ  กะโหลกก็ยังแตกอีกต่างหาก  ซึ่งมันไม่มีความเป็นไปได้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้จะรอดไปได้เลย

     

              เดี๋ยวก่อนนะครับอาจารย์…”   ซองชินพูดขัด  เขาชี้มือไปที่รอยเลือดข้างๆกายของเด็กหนุ่มผู้โชคร้ายที่พลัดตกจากตึก  รอยเลือดนั่น  อาจารย์ลองดูมันดีๆ

     

              “รอยเลือดเหรอ?”  อาจารย์เพ่งตามอง  ซอนัมโซเองก็ก้มตัวสูงๆของเขามองลงมาเหมือนกัน  แล้วก็ต้องพบกับความน่าประหลาดใจจากรอยเลือดกระเซ็นที่ไม่น่าเป็นไปได้

     

              School day 666

     

              จะมีรอยเลือดที่ไหนบ้าง  ที่กระเซ็นออกมาเป็นลวดลายตัวอักษร???

     

     

              “มันเหมือนกับ...รอยกรีดที่แขนของลีโฮยอนเลยนะครับอาจารย์  ซองชินเอ่ยขึ้นมาเบาๆ แล้วหันไปมองหน้าซอนัมโซเพื่อนร่วมชั้นที่ทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ข้างๆกัน

     

     

     

     

              [จองแดฮยอน ]

     

              ผมอยากจะกรี๊ดออกมาเป็นภาษาซูลู  ....

     

              เมื่อสองชั่วโมงก่อน  ฮิมชานบอกว่าให้ผมลองมาสำรวจหรือเที่ยวเล่นแถวๆ สวนดอกไม้ดู  และผมก็บ้าจี้เข้ามาจริงๆโดยไม่ได้รู้เลยนะว่าสมิคฟอร์ดมันใหญ่แล้วก็กว้างโคตรพ่อโคตรแม่  ผมเดินอยู่ในสวนอยู่ดีๆ หลงเข้าป่ามาซะได้ 

     

              จองแดฮยอนคนนี้หลงทางครับพี่น้องงงง โห่ฮิ้ววว! T.T

     

              อย่าอย่าเพิ่งคิดว่าผมจะโง่ร้องไห้ฟูมฟายนะฟ่อยยผมคือจองแดฮยอน บ้านผมอยู่ในปูซานและผมเองก็เคยไปหาเห็ดในป่าบ่อยๆ(แต่มีเพื่อนไปด้วยกันทุกครั้ง พร้อมกับเข็มทิศ แผนที่ และอุปกรณ์ยังชีพราวกับไปเข้าป่าเป็นเดือนๆ) ผมไม่กลัวอยู่แล้ว  แค่ทำตำหนิเอาไว้ผมก็จะหาทางถูกคร้าบบบบ

     

              ขีดๆ เดินไปไหนก็ขีดๆ

     

              ขีดๆ

     

              อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา

     

     

     

              ...ซะที่ไหนล่ะวะ!!!  นี่ตรูเดินกลับไปกลับมาสามสี่รอบแล้วเนี่ย  ไอ้ตำราหลงป่าที่เคยอ่านไหงมันใช้ไม่ได้จริงเลยวะ! ตูก็ขีดจนต้นไม้ทั้งป่ามีแต่รอยขีดแล้วยังหาทางออกไม่ได้เลย  สงสัยคงต้องติดแหง็กอยู่ในนี้จนกลายเป็นทาร์ซานเจ้าป่า  โหนห้อยเถาวัลย์แล้วร้องโห่ฮี้โห่ฮี้โห่เหมือนในการ์ตูนดิสนีย์ซะแล้วมั้งเนี่ย  เอ้ะ...หรือจะกินฉี่ตัวเองเพื่อความอยู่รอดดีล่ะเราเอ๋ย

     

              โอย  ตรูเหนื่อย ตรูเพลียหิวน้ำ  หิวข้าว  ข้าวสักเม็ดยังไม่ตกถึงท้องแถมยังต้องมาลำบากลำบนหาทางออกจากป่านี่อีก  ท้องฟ้าเป็นสีส้มแดงๆเหมือนพระอาทิตย์จะตกดินแล้ว  ผมเริ่มจะกังวลกับชีวิตในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าของตัวเองแล้วล่ะ ถ้ามืดขึ้นมานี่ตายเลยนะ สงเสือนู่นนี่เต็มป่าไปหมดและยังดูอันตรายมากๆเลยด้วย  ผมคือไอ้ห่วยจ๋องนะตะเองไม่ใช่ฮีโร่โมเดิร์นไนท์การ์ตูนที่จะได้มีพลังต่อสู้กับสัตว์ร้ายได้ด้วยอ่ะ

     

              “สัพเพ สัตตา  สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์  จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่างได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย  อเวราโหนตุ  บลาๆๆๆ”  รู้สึกเหมือนสติจะหลุด ได้แต่พนมมือไหว้เจ้าป่าเจ้าเขา ไหว้แม่งหมด เห็นต้นม้งต้นไม้อะไรก็ไหว้  ท่องบทสวดมนต์ทุกบทที่พอจะจำได้และคาถาแฮรี่พอตเตอร์อีกหนึ่ง เอ้ยไม่ใช่ละ!

     

              ผมเดินไปเรื่อยๆ มองออกไปด้านหน้าที่มีต้นไม้รกรุงรังปกปิดทิวทัศน์บางที่เอาไว้  แล้วก็ต้องพบกับของแปลกๆแบบที่คาดไม่ถึงว่าจะมีในป่าร้างๆทึบๆแบบนี้ด้วยเว้ยเฮ้ยโดมสีขาวหลังเล็กๆที่ดูโทรมๆเพราะขาดคนดูแลมาท่าทางจะหลายสิบปีตั้งตระหง่านอยู่  ด้านข้างๆกันมีสวนดอกไม้ที่ดอกไม้แห้งเหี่ยวไปจนเหลือไว้เพียงกองธุลีสีน้ำตาลเข้ม  กระถางที่สลักลวดลายงดงาม  อ่างน้ำพุที่มีนางฟ้ามีปีกยืนถือพินอยู่ และยังมีซุ้มเล็กๆเอาไว้นั่งคุยเพื่อพักผ่อนอยู่ตรงกลางสวนอีกด้วย

     

              งงว่ะ....ที่นี่ที่ไหนกัน?

     

              ผมค่อยๆย่องเหมือนโจรเข้าโดมเล็กๆนั่นอย่างระมัดระวัง   เปิดประตูฝืดๆที่เมื่อเปิดออกก็ได้ยินเสียงดังแกร๊กๆๆ แอ้ดดด  เหมือนไม่มีใครได้เข้ามานาน  ช่องหน้าต่างทุกช่องในปราสาทถูกปิดสนิทมีเพียงแสงสลัวๆจากพระอาทิตย์ยามเย็นที่สะท้อนลงมาจากหลังคาโดมที่มีรูตรงกลาง...มันไม่ใช่รอยรั่ว  แต่มันเหมือนมีคนจงใจทำให้มันเป็นวงกลมๆตรงด้านบนนั่นยังไงก็รู้   ผมเปิดกระตูค้างเอาไว้แล้วเดินเข้ามาสำรวจภายใน  พื้นที่เปื้อนขี้ดินขี้ฝุ่นเกรอะกรังทำให้ผมมองไม่เห็นเลยว่าที่นี่ใช้กระเบื้องอะไรบุพื้น  แต่ผมก็คงไม่ลงทุนที่จะเอาไม้กวาดมากวาดๆเพียงเพื่อจะมองเหมือนกัน 

     

              ครึ่ก...ครึ่ก

     

              เสียงของหน้าต่างที่อยู่ดีๆก็ทำท่าจะหลุดร่วงลงมาซะอย่างนั้น   โอยขนลุก  มันดูสยองยังไงก็ไม่รู้  ผมชะงักกึกแล้วหันมองไปรอบๆ  แล้วก็พบว่าไม่มีอะไรผิดปกตินอกจากสายลมแผ่วๆที่พัดเข้ามาตามรอยแตกของช่องหน้าต่าง   ผมสังเกตดีๆแล้วที่นี่ก็เป็นที่ที่สวยอยู่พอสมควร  รูปภาพวาดแบบยุโรปถูกแขวนไว้รอบๆผนังสีขาวที่ตอนนี้แปรสภาพเป็นสีแทนเรียบร้อย  แต่ไม่ยักกะเป็นรูปที่ผมรู้จักหรือโด่งดังอะไรมากมาย   บางรูปก็เป็นดอกไม้  ทิวทัศน์  หรือสัตว์ต่างๆนาๆที่เหมือนจริงราวกับรูปถ่าย  แต่มีอยู่รูปหนึ่งที่เป็นภาพถ่ายขาวดำ เป็นคนหลายๆคนที่ดูเหมือนจะเป็นภาพรวมรุ่นของเด็กชั้นมัธยมปลาย...เอ๋  แต่คนนี่ผมมองไม่ค่อยชัดแฮะ  ฝุ่นมันเขรอะจนมองหน้าใครต่อใครไม่เห็นเลย

     

              ตึ๊ง...ตึ๊ง

     

              นาฬิกาลูกตุ้มเรือนใหญ่ที่ส่งเสียงเรียกความสนใจของผมให้หันไปมองโดยลืมรูปภาพนั่นไปจนสิ้น  มันตั้งอยู่ที่ริมผนัง  ผมแปลกใจจริงๆว่าทำไมมันถึงยังคงส่งเสียงดังกริ้งกร้างอยู่ได้ทั้งๆที่ที่นี่มันเก่าจนไม่น่ามีอะไรที่ใช้ได้  เข็มสั้นชี้ที่เลขหกและเข็มยาวชี้ที่เลขสิบสองบ่งบอกเวลาได้ว่าตอนนี้หกโมงตรงแล้ว

     

              ตึ๊ง...ตึ๊ง

     

              ตึ๊ง...ตึ๊ง

     

              ตึ๊ง...ตึ๊ง

     

              ตึ๊ง...ตึ๊ง

     

     

     

              ทะ..ทำไม

     

              ทำไมมันไม่หยุดส่งเสียงล่ะ?

     

                   ตึ๊ง...ตึ๊ง

     

               ผมหมุนไปรอบตัว  ประตูที่เปิดค้างไว้ปิดดังปัง!!!  ผมขนลุกซู่  ความหวาดกลัวประดังประเดเข้ามาเหมือนจะฆ่าผมทั้งเป็น  ผมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดนั่นลงไปอย่างยากลำบาก  ด้านในมืดสนิท  มืดอย่างสมบูรณ์แบบ 

     

             มืดอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ  มืดจนมองไม่เห็นแม้แต่เท้า  หรือของใกล้ตัวเลย

     

              ผมรู้สึกเหมือนเป็นคนตาบอด  มือของผมคลำหาทางแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีสำหรับการออกไปจากที่นี่  ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเสือกมากๆ  อยากรู้อยากเห็นจนเรื่องเข้าตัวเองจนได้ ถ้าหากว่าผมไม่เข้ามาในนี้ก็คงไม่โดนแบบนี้  บางทีที่นี่อาจจะเป็นบ้านผีสิงก็ได้ใครจะไปรู้  อ้ากกกกก ถ้ามีเอ็ดเวิร์ดโผล่ออกมากัดคอผมล่ะ?!

     

              ตึ๊ง....ตึ๊ง

     

              นาฬิกายังคงดังไม่หยุดหย่อน  ผมรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่ต่ำลงจนเย็นยะเยือก  เหงื่อเม็ดเล็กไหลหยดลงมาตามคางและหน้าผาก  รู้สึกอยากจะมุดดินหนีเหตุการณ์บ้าๆนี่ที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุดแต่มันก็ทำไม่ได้  ร่างทั้งร่างแข็งทื่อ  ไม่กี่อึดใจผมก็ได้ยินเสียงบางอย่างหล่นกระแทกพื้น  พร้อมๆกับหน้าต่างบานตรงหน้าที่หล่นลงไปกองอยู่บนพื้นอย่างน่าอนาถ  แสงจากดวงอาทิตย์สีแดงๆอมส้มนั่นส่องเข้ามาทำให้ผมเห็นมันได้ชัดเจน

     

              ตุบ!...

     

              ตุ๊กตา...?

     

              ผมคิดว่าผมตาฝาดไปแล้วล่ะ  ผมว่าผมบ้าไปแล้วแน่ๆ  ตุ๊กตาตัวนั้นค่อยๆอ้าปากและขยับปากขึ้นลง  ตามด้วยตุ๊กตาจากไหนก็ไม่รู้อีกหลายตัวที่เดินก้าวออกมาจากมุมไหนต่อมุมไหนก็ไม่รู้  โอยน้ำตาจะไหล

     

              เขามาแล้วนี่  มาแล้ว  รอเขามาตลอดเลยนี่นะ

     

              ตุ๊กตาตัวหนึ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงเล็กๆนั่น

     

              ดีใจ...เด็กคนนั้นต้องดีใจแน่ๆ  เขารอนายมาตลอด มาสิ  มากับเรา มาสิ

     

              ‘อา...นายไม่ทันแล้ว  เด็กคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว  ไม่มีเขาอยู่ในนี้อีกแล้ว  กลับไปเถอะ  อา...หรือนายไม่อยากกลับละ  อยู่ที่นี่ก่อนสิ  อยู่กับเรา  รอจนกว่าเด็กคนนั้นจะกลับมาดีไหม?’

     

              ผมไม่เข้าใจว่าพวกมันพูดเรื่องอะไร

     

              เขาไม่กลับมาแล้ว..เด็กที่น่าสงสารคนนั้นไม่กลับมาอีกแล้ว  เพราะนาย  เพราะนาย  แล้วก็เพราะนาย

     

              ทำไมต้องเป็นผมล่ะ? เด็กคนนั้นคือใคร  ผมไม่เข้าใจในสิง่ที่มันต้องการจะสื่อแม้แต่นิดเดียว  ตุ๊กตาพวกนี้โรคจิตไปแล้วแน่ๆ เอ๋ หรือผมกันแน่ที่บ้า

     

              ไม่มีใครยกโทษให้นาย  ไม่มี  ไม่มี  และก็ไม่มี

     

              ‘ฮ่าๆๆๆ  ฮ่ะๆๆๆๆ  ไม่มีหรอก  ไม่มีไม่มีใครเลย...ทุกอย่างว่างเปล่า  ความทรงจำที่เลือนหาย  เสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาณนั่นนายจะต้องได้รับแทนเขา  นายทำอะไรกับเขาไว้?!’

     

     

              ‘จะต้อง...ได้รับผลกรรมเหล่านั้นคืนอย่างแน่นอน

     

     

              ผมไม่รู้ว่ามันต้องการอะไร  แต่ตุ๊กตาพวกนั้นค่อยๆทยอยเดินกลับไปและหายไปในมุมที่พวกมันเดินออกมา  ผมตัวแข็งทื่อ  ผมกลัวจนไม่สามารแม้จะเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือได้  ตาของผมร้อนผ่าวและมือที่กำแน่นก็เย็นเฉียบ   พลันสายตาก็เห็นแดดอ่อนๆที่ส่องลงมาตรงกลางของโดมราวกับจงใจจะให้ผมเห็นบางอย่าง

     

              ป้าย...หลุมศพ?

     

     

              หมึกมันเลือกจนผมไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเป็นหลุมของใครกันแน่  และผมเองก็จะไม่เข้าไปแน่นอน  ผมกลัวจนฉี่แทบราดและผมก็แน่ใจว่าผมโดนผีหลอกเข้าซะแล้ว  ผมสะดุดบางอย่างล้มลง

     

              ตุบ!

     

              “โอ้ยบ้าเอ้ย!”

     

              ผมยันตัวเพื่อที่จะลุกยืนขึ้นและหนีออกจากที่นี่โดยทางไหนสักทางหนึ่งก็ยังดี  แต่เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน  ผมหัวใจหล่นวูบ  จะมีอะไรมาทำให้ผมกลัวมากกว่านี้อีกนะ...

     

     

              แอ๊ดดด...

     

     

              โอ๊ะโอ...

     

     

              ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร  แต่หมอนั่นใส่เครื่องแบบของสมิคฟอร์ด...

     

     

     

     

     

              เมื่อนาฬิกาชี้เลขหกโมงครึ่ง  ทุกคนในสมิคฟอร์ดจะรู้ดีว่าเป็นเวลาที่ต้องเข้าหอและอาบน้ำนอนได้แล้ว ไม่อย่างนั้นจะโดน ทำโทษ

     

              “จุนฮงมันหายไปอีกล่ะ”  เสียงของยุกซองแจ  เพื่อนสนิทของชเวจุนฮงดังขึ้นเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้อง  เขาส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอากับเพื่อนนิสัยชิวๆ ชิลๆ  แบบหมอนี่สุดๆ  เฮ้มีใครเห็นมันหรือเปล่า  นายเห็นไหมริกกี้

     

              “ไม่นี่  นายน่าจะชินได้แล้วกับเพื่อนสนิทของนาย  หมอนั่นมันปกติที่ไหน ตกค่ำตกคืนก็เอาแต่จะออกไปทำไรไม่รู้ข้างนอก ถ้าโดนจับได้แล้วถูกลงโทษขึ้นมานะจะหนาว”  ริกกี้ตอบแล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ

     

             ซองแจถอนหายใจ  ก่อนจะหันหลังไปเห็นรุ่นพี่ที่เดินถือหนังสือหอบใหญ่เข้ามา  ยูยองแจนั่นเอง  ซองแจได้แต่มองตาละห้อยแล้วนึกเจ็บใจที่ตัวเองไม่กล้าที่จะไปทักเขาเลย  แต่ใครๆก็รู้ดีว่ายูยองแจไม่ชอบพวกเด็กอายุน้อยกว่าอยู่แล้วล่ะ  แถมมันยังเป็นการ ข้ามรุ่นซึ่งเป็นกฎห้ามสุดๆในสมิคฟอร์ดว่าห้ามรุ่นน้องทำตัวยุ่มย่ามกับรุ่นพี่เกินไป

     

              ตุบ...

     

              หนังสือหล่นลงบนพื้น  ยูยองแจทำสีหน้าเซ็งเล็กน้อยแล้วทำท่าจะเก็บมันขึ้นมา  แต่ก็งกๆเงิ่นๆเพราะว่าหนังสือที่เต็มแขนเต็มมือไปหมด ซองแจอึกอักแต่ก็รีบเข้าไปช่วย

     

              นี่ครับฮยอง...”  ซฮงแจยื่นหนังสือให้ร่างบางรับไป  ยองแจไม่มองหน้าอีกคนแม้แต่นิด  เขาพยักหน้าเบาๆแล้วหยิบหนังสือกลับมาและเปิดประตูเข้าห้องไป  ทิ้งให้ซองแจตื่นเต้นอยู่ตรงทางเดินคนเดียว

     

              อา...มือเราแตะกันด้วย

     

     

     

               ใครๆก็รู้ว่าคิมฮิมชานเป็นคนแบบไหนจึงเลือกที่จะไม่เข้าใกล้คงจะดูปลอดภัยกว่า  แต่นั่นไม่ได้ผลสำหรับมุนจงออบที่ชอบสิ่งที่เรียกว่า ท้าทาย

     

              ฮิมชานนั่งวาดรูปอยู่ในสวนกว้าง  เวลานี้เขาดูใจเย็นและอบอุ่นอย่างประหลาด  ปลายพู่กันที่ตวัดสีขึ้นลงเป็นจังหวะเดียวกันกับเพลงที่เจ้าตัวฮัมเบาๆในลำคอ  ใบหน้าที่เรียบเนียนแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี  ไม่ทันไรเสียงก้าวเท้าของใครบางคนก็หยุดอยู่ด้านหลัง

     

              วาดรูปอีกแล้วเหรอ?”  จงออบถาม  ในมือถือตุ๊กตากระต่ายคนละตัวกับเมื่อตอนเช้า  “ไม่เบื่อเหรอ?”

     

              อื้ม  ไม่เบื่อหรอก”  คิมฮิมชานหันมาและยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง  จงออบยิ้มมุมปาก

     

              มันค่ำแล้วนะ  นายกลับเข้าหอเถอะ  เดี๋ยวก็โดนลงโทษหรอก

     

              “ไม่เอา  ฉันจะอยู่ที่นี่”  ฮิมชานทำสีหน้ากระเง้ากระงอดซึ่งจงออบเห็นว่ามันงี่เง่าสุดๆ

     

              เดี๋ยวยงกุกจะว่านายเอานะ

     

              “ไม่ว่าฉันหรอก...ยงกุกไม่ว่าฉันหรอก  เขาใจดีกับฉันจะตายนี่นา  ฉันน่ะ  ฉัน......ฉันเป็นคนสำคัญ  เพราะอย่างนั้นนายไม่มีสิทธิสั่งฉันหรอกนะ”  เขายิ้มอยู่อย่างนั้นพร้อมกับตวัดปลายพู่กันไปด้วย  แต่ปลายพู่กันที่ตวัดหนักขึ้นเรื่อยๆเหมือนสกัดกลั้นอารมณ์ของตัวเองอยู่

     

              กลับ”  จงออบฉุดแขนฮิมชานให้ลุกขึ้น  แต่ฮิมชานสะบัดแล้วหันมาเผชิญหน้าอย่างไม่กลัวเกรง

     

              นายนั่นแหละที่ต้องกลับไป  กลับไปถ้านายยังไม่อยากโดนพักการเรียนก็อย่ามายุ่งกับฉันฉันจะฟ้องยงกุกให้พักการเรียนนาย”  จงออบแทบไม่เชื่อหูตัวเอง  นี่หมอนี่เอายงกุกมาขู่เขางั้นเหรอ  จงออบบีบแขนของฮิมชานจนเจ้าตัวรู้สึกเจ็บแปลบแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา ทั้งสองจ้องหน้ากันนิ่ง

     

     

     

              เป็นแค่คิมฮิมชาน  อย่ามาหือกับฉันนะ...

     

     

              สิ่งที่เด็กๆควรจะรู้เอาไว้  คือละครหรือนิยายบางเรื่อง  นางร้ายกับนางเอก...แม่มดใจร้ายกับเจ้าหญิง  ก็แทบจะแยกกันไม่ออกว่าใครเป็นใคร 

     

     

    _________________________________________________________________________________________________

     



    หายไปนานมากมาย ขอโทษที่ให้รอนานค่ะ
    ^^

    ตัดสินใจแล้วล่ะว่าถ้าเม้นไม่ถึงก็ไม่เป็นไร ปล่อยไปเถอะ 

    แต่ใครที่เข้ามาแล้วไม่เม้นก็ควรจะสำเหนียกตัวเองได้แล้วเนอะ

    ที่ไรต์เข้ามาเพราะว่าอยากแต่งแล้วก็อยากเห็นคอมเม้นต์ของรีดเดอร์คนอื่นๆค่ะ

    ฮ่าๆ  ตอนนี้บอกตรงๆ  ติดวนสต. มาก ก้ากก

    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×