ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic]All of Couple B.A.P EXO SJ

    ลำดับตอนที่ #15 : [BangDaeHim] Unlovable ไม่ขอเป็นคนที่ถูกรัก 3

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 55


    :) Shalunla







    Unlovable   ไม่ ขอเป็นคนที่ถูกรัก

     




     




    และในกลางวันของวันนั้น ผมก็ได้มานั่งอยู่กับพี่ฮิมชานและเพื่อนๆของเขาอีกมากมาย พวกเขาก็ยังคงทำสิ่งที่เขาทำเป็นประจำก็คือ การดีดกีต้าร์ให้เพื่อนร้องเพลง โดยมีพี่ฮิมชานเป็นคนดีดกีต้าร์เหมือนอย่างเคย แต่คนร้องกับไม่ใช่เพื่อนๆของเขาเหมือนอย่างเคย แต่เป็นสาวน้อยผู้น่ารักคนหนึ่งที่นั่งข้างๆพี่ฮิมชานซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อน ที่กำลังดีดกีต้าร์และร้องเพลงไปพร้อมๆกับพี่ฮิมชาน

     

     

    ผมพยายามส่งสายตาไปหายงกุกที่นั่งถัดจากยองแจเพื่อต้องการให้อีกฝ่ายแนะนำสาวน้อยคนนี้ให้ได้รู้จัก แต่อีกฝ่ายก็ไม่แม้ที่จะสนใจ และเหมือนยองแจจะเห็นว่าผมมองสาวน้อยคนนั้นอยู่นานด้วยความสงสัยจึงเป็นคนเอ่ยแนะนำแทนเสียเอง

     

     

    “เอ้อ นี่แดฮยอนลืมแนะนำสาวน้อยผู้น่ารักของเราไปเลย เธอชื่อจูเนียลนะ เป็นแฟนของเจ้าชายฮิมชานผู้หล่อเหลาคนนี้นั่นเอง!! เป็นไงน่ารักมากใช่ไหม? ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าไปรักได้ยังไง รู้แต่ว่าเพิ่งตกลงคบกันไปเมื่อวานนี้เอง^^

     

     

    ผมถึงกับตกใจกับคำตอบที่ได้รับมา ผมรู้สึกว่าหัวใจแตกสลาย และใบหน้าร้อนฉ่าอย่างบอกไม่ถูก ผมได้แต่นั่งนิ่ง ความรู้สึกของผมตอนนี้แปรปรวนไปหมด ผมหันไปมองพี่ฮิมชานและสาวน้อยที่ชื่อจูเนียลแฟนของพี่ฮิมชาน ทั้งสองกำลังมองมาที่ผมพร้อมส่งรอยยิ้มมาให้ผมอย่างเป็นมิตร

     

     

    นะ นี่พี่ฮิมชาน มะ มี แฟนแล้วงั้นหรอ?

     

     

    ผมคิดในใจอย่างอึ้งๆ ทำไมผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยล่ะ? ทั้งๆที่ผมมองพี่ฮิมชานมาตลอด แต่ไม่เห็นเขาจะสนใจใครเลย แต่ทำไมถึงได้ตกลงเป็นแฟนกับสาวน้อยคนนี้กัน?

     

     

    “ผะ ผมชื่อแดฮยอนครับ เป็นน้องรหัส ของพะ พี่ฮิมชาน ยินดี ทะ ที่ได้รู้จักครับ”

     

     

    ตอนนี้ผมรู้สึกว่าน้ำตาของผมเริ่มคลอไปหมดทั้งตาแล้ว พร้อมทั้งใบหน้าที่ร้อนมากขึ้น นี่ผมเป็นอะไรไป และในขณะที่น้ำตาของผมกำลังจะรินไหลลงมานั้น ผมก็รู้สึกได้ถึงแรงที่กระชากจากข้อมือจนตัวปลิวไปตามแรงดึง ก่อนที่อีกฝ่ายจะลากผมไปที่ไหนสักแห่ง เขาคนนั้นก็คือ บัง ยงกุกนั่นเอง

     

     

    ยงกุกลากผมออกมาเรื่อยๆอย่างไม่รู้จดหมาย เพราะตอนนี้สายตาของผมมองไม่เห็นทางข้างหน้าแล้ว เพราะน้ำตาที่เอ่อไหลไม่ยอมหยุด ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายลากไปเรื่อยๆอยู่อย่างนั้น และอยู่ๆผมก็รู้สึกร่างกายไม่มีแรงและล้มลงไปกับพื้นที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้สีเหลืองเทาที่ล่วงโรยจากต้นไม้จนเต็มพื้นจนหนาสูงประมาณข้อเท้าของผม ผมล้มลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น โดยที่ข้อมือของผมยังคงถูกยงกุกจับเอาไว้อยู่ ยงกุกยืนจับข้อมือผมอยู่อย่างนั้นไม่ปล่อย โดยที่เขาก็ไม่คิดที่จะหันกลับมา

     

     

    “ฮึก ฮือ ทะ ทำไม นะ นายไม่บอกฉัน ฮึก ว่าพี่ฮิมชาน มะ มีแฟนแล้ว ฮือ ฮึก ฮือออ”

     

     

    ผมก้มหน้าร้องไห้อยู่กับพื้นจนน้ำตาที่ไหลรินจากดวงตาหยดลงไปที่ใบหน้าแห้งนั่น หยดแล้วหยดเล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความเจ็บปวดข้างในใจนี้ มันยากที่จะรักษาจริงๆ ผมเจ็บ เจ็บเหลือเกิน ทำไมคนที่ผมรัก เขาไม่คิดที่จะสนใจผม นี่สินะ ความเจ็บที่ผมปฏิเสธยงกุกไป มันเจ็บมากจริงๆ แต่ผมไม่เข้าใจ จะชวนผมเข้ามาในกลุ่มทำไม ถ้าแค่ต้องการแนะนำแฟนให้ผมรู้จัก พี่ฮิมชาน พี่จะรู้บ้างไหม? ว่าผมเจ็บ

     

     

    “ฮึก ฮืออออ ฮือออ ฮึก”

     

     

    “ฉันบอกนายแล้ว ว่าอย่ามา นายไม่เชื่อฉันเอง”

     

     

    นี่สินะ เหตุผลที่เขาพยายามห้ามผมไม่ให้มาหาพี่ฮิมชาน เป็นเพราะผมเองที่ดื้อรั้น ไม่ยอมเชื่อ แต่ทำไมเขาไม่บอกผมล่ะ ว่าพี่ฮิมชานมีแฟนแล้วแบบนี้ สู้ให้ผมรู้ก่อน ดีกว่าที่ต้องมาเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผมคงไม่รู้สึกเจ็บขนาดนี้

     

     

    ยงกุกค่อยๆหันมาหาผม พร้อมนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของผม พร้อมมือทั้งสองข้างที่เปลี่ยนจากจับข้อมา มือจับที่บ่าของผมแทน ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะมองใบหน้าของอีกฝ่ายตอนนี้ ในที่สุดผมก็ได้เห็น สีหน้าและแววตาที่ดูเจ็บปวด แววตาที่ดูเศร้าสร้อยไร้ความสุข อย่าบอกนะว่าเมื่อเช้า เขาเสแสร้งแกล้งไม่รู้สึกเจ็บ แต่ภายในใจของเขานั้น มันคงเจ็บลึกเข้าไปข้างใน ไม่ต่างกับผมตอนนี้

     

     

    “อย่าร้องไห้เลยนะ คนอย่างนายไม่เหมาะกับน้ำตาหรอก”

     

     

    “แล้วทำไมนายไม่บอกฉันห๊ะ!! ว่าพี่ฮิมชานมีแฟนแล้ว ทำไมนายไม่บอกฉันตั้งแต่ทีแรก ฉันจะได้ไม่เจ็บขนาดนี้ ทำไมนายไม่บอกฉัน!!

     

     

    ตอนนี้ผมรู้สึกว่าสติของผมได้หลุดไปแล้ว ผมเขย่าร่างของยงกุกสุดแรงจนอีกฝ่ายร่างกายไหวไปตามแรงเขย่านั่น ผมไม่หยุดแค่การเขย่าเท่านั้น ก่อนที่จะทุบไปที่หน้าอกของอีกฝ่ายอย่างแรง เพื่อระบายความเจ็บปวดที่มีอยู่ในจิตใจ แต่อีกฝ่ายก็ไม่บ่นอะไร ที่ผมทำร้ายร่างกายนั้น แต่กลับอยู่นิ่งให้ผมทุบตีเขาอย่างนั้น

     

     

    “ฉันขอโทษ”

     

     

    “นายพูดแค่นี้น่ะหรอ? นายจะรู้บ้างไหมว่าฉันเจ็บ ฉันเจ็บที่นายไม่บอก ฉันเจ็บที่พี่ฮิมชานชวนฉันมานั่งด้วยเพื่อแนะนำแฟนของตัวเอง!! ฉันเจ็บที่คนที่ฉันรักและรอพาผู้หญิงที่เขารักมาเย้ยคนที่รักเขา!! ฉันเจ็บ!! ฮึก ฮืออ”

     

     

    ผมระบายความเจ็บปวดในใจออกไป และเพิ่มแรงทุบตีใส่อีกฝ่ายให้มากขึ้น ผมเกียจเขา ผมเกียจไอ้บ้ายงกุก ผมเกียจเขา ผมเกียจพี่ฮิมชาน!!

     

     

    “นี่!! มีสติหน่อยสิ อย่าให้ความรักที่นายมีต่อฮิมชานครอบงำสิ อย่างนี้เขาไม่ได้เรียกว่านายรักฮิมชานหรอกนะ แต่นายต้องการครอบครองมันมากกว่า นายอย่าเอาความรักที่มีค่ามาทำร้ายตัวเองสิ มีสติหน่อย!!

     

     

    อีกฝ่ายคงทนความเจ็บที่ผมทุบตีเขาไม่ไหว จนต้องรวบจับมือของผมเอาไว้ พร้อมทั้งตวาดใส่ผมดังลั่น เพื่อเรียกสติของผมให้กลับมา

     

     

    “ไม่ ฉันไม่ได้ต้องการครอบครองเขา ฮึก ฉะ ฉันแค่รักเขา ฉันรักพี่ฮิมชาน ถึงฉันไม่ขอให้เขามารัก ฉัน แต่ฉันก็ต้องการที่จะรักเขาตลอดไปแต่ตอนนี้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมมันเจ็บ เจ็บไปหมด ราวกับร่างกายจะแตกสลาย ฮึก ฮืออ”

     

     

    “นายพูดเองไม่ใช่หรอ ว่าไม่ได้ต้องการให้เขามารัก แต่นายจะขอรักเขา เพราะฉะนั้นนายจะมานั่งฟูมฟายทำไมเมื่อเขามีคนอื่น แบบนี้น่ะหรอ? ที่นายเรียกว่าไม่ต้องการความรักตอบจากไอ้ฮิมชาน!!

     

     

    “นายอย่าหลอกตัวเองอีกเลย ว่านายไม่ได้ต้องการให้ฮิมชานมารัก การแสดงออกของนาย มันแสดงออกมาหมดแล้วล่ะ ว่านายรัก และต้องการไอ้ฮิมชานมากแค่ไหน!!

     

     

    “ฉะ ฉันน่ะหรอ? ต้องการให้พี่ฮิมชานมารักตอบ ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ..

     

     

    “ไม่ นายคิด เพียงแต่นายไม่รู้ใจตัวเองต่างหากล่ะ”

     

     

    “ฉัน ฉันไม่รู้จะทำยังไง ยงกุก ฉันรักพี่ฮิมชาน ฉันไม่ต้องการเห็นเขาอยู่กับใคร ฉันรักเขา ฮึก ฮืออออ”

     

     

    “อย่าร้องไห้อีกเลยนะ อยากระบายอะไรก็ระบายมาเถอะ ฉันพร้อมที่จะรับฟัง ถ้ามันทำให้นายรู้สึกดีขึ้น ระบายออกมาได้เลย แต่ขอร้องล่ะ อย่าให้ฉันเห็นน้ำตา คนที่ฉันรักเลย

     

     

    ยงกุกหยุดที่จะตวาดผม ก่อนที่จะโน้มใบหน้ามาใกล้ผม ก่อนที่จะประทับริมฝีปากของเขามาทาบทับริมฝีปากของผม มันไม่ใช่จูบที่ลึกซึ้ง แต่มันเป็นเพียงแค่การประทับรอยจูบเพื่อสื่อความในใจที่แสนมีค่านั้นให้อีกฝ่ายมากกว่า ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่อีกฝ่ายส่งมาให้ ผมรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่มีอยู่ในใจของยงกุก ที่เจ็บไปไม่น้อยกว่าผมเลย ผมคงผิดมากสินะ ที่ทำแบบนั้นกับเขาไป ผมทำร้ายจิตใจเขามากไปจริงๆ….

     

     

    “เฮ้ย! ยงกุก แดฮยอนเป็นไรไปวะ”

     

     

    ทุกคนต่างถามยงกุกด้วยความสงสัย เมื่อเห็นยงกุกอุ้มร่างเล็กของแดฮยอนที่หมดสติไว้ในอ้อมกอดตนเอง ทุกคนต่างตกใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นแดฮยอนเป็นแบบนั้น ต่างก็ถามด้วยความเป็นห่วง และเดินเข้ามาหา เพื่อต้องการรู้ว่าเหตุการณ์หลังจากที่ยงกุกลากแดฮยอนออกไปนั้นมีอะไรเกิดขึ้น

     

     

    “ก็แค่สลบน่ะ คงเพลีย”

     

     

    “ไอ้ฮิมชานมันวิ่งตามมึงไป แต่หามึงกับแดฮยอนไม่เจอ มึงไปอยู่ที่ไหนมาวะ”

     

     

    ยองแจถามด้วยความสงสัย เพราะเห็นฮิมชานเดินกลับมาด้วยสีหน้าสลด แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรหรือไปเห็นอะไรมา จึงทำให้เขาและเพื่อนๆสงสัยกันเป็นอย่างมาก

     

     

    “กะ กูไปที่สวนต้นไม้มา”

     

     

    “แล้วมึงไปหาพวกมันที่ไหนวะไอ้ฮิมชาน”

     

     

    “กะ กูไปหาที่ห้องน้ำหลังมอ”

     

     

     “อืมๆ มึงพาแดฮยอนกลับบ้านไปเลยดีกว่า ให้ไปพักผ่อนเดี๋ยวคงดีขึ้นเอง”

     

     

    ยงกุกไม่รอช้าที่จะพาแดฮยอนออกจากที่ตรงนั้น ถึงแม้ความเป็นจริงแล้ว แดฮยอนไม่ได้หมดสติอย่างที่เขาบอกกับทุกคน เพียงแต่แดฮยอนขอให้เขาพากลับบ้าน เพราะยังรับไม่ได้ถ้าหากต้องเห็นฮิมชานอยู่กับแฟนของเขา เพราะก่อนที่จะออกจากมได้นั้น ต้องผ่านจุดที่ทุกคนอยู่ เขาจึงได้ขอร้องยงกุกให้ทำแบบนี้ ยงกุกก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธคำขอนั้น

     

     

    หลังจากที่เดินผ่านกลุ่มนั้นมาได้สักพัก ยงกุกก็ว่างร่างบางของแดฮยอนลงที่พื้นปล่อยให้อีกฝ่ายได้เป็นอิสระ แม้ภายในจิตใจจะไม่อยากปล่อยร่างบางนี้ไปเลยก็เถอะ แต่เขาก็ทำเช่นนั้นไม่ได้ ทั้งคู่เดินไปด้วยกันจนถึงบ้านของแดฮยอน โดยที่ไม่มีการพูดคุยใดๆทั้งสิ้นในระหว่างการเดินทางนั้น

     

     

    ณ บ้านของแดฮยอน

     

     

    “นี่ ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนไหม?”ยงกุกเอ่ยบทสนทนาขึ้นหลังจากที่เงียบกันมานาน

     

     

    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันอยากอยู่คนเดียว ขอบใจนะ”แดฮยอนตอบกลับออกไป ทั้งๆที่ในหัวเขายังลบภาพฮิมชานกับจูเนียลที่ร้องเพลงและนั่งข้างกันออกไปไม่ได้ก็เถอะ

     

     

    “อืม”

     

     

    ยงกุกตอบเพียงเท่านั้นก่อนที่จะเดินไปที่มอเพื่อที่จะกลับไปเอารถฮาเล่ย์คู่ใจที่มอเพื่อขับกลับบ้านของตน ความจริงเขาอยากขับฮาเล่ย์มาส่งแดฮยอนที่บ้าน แต่แดฮยอนขอเขาไว้เพราะเขาไม่อยากเป็นจุดเด่น และให้เหตุผลว่าคนอย่างเขาไม่คู่ควรที่จะนั่งบนรถราคาแพง เขาจึงต้องเดินมาส่งแดฮยอนที่บ้านซึ่งห่างจากมอไปไม่เท่าไหร่แทน

     

     

    หลังจากที่ยงกุกกลับไปแล้ว ผมก็เดินเข้ามาที่ห้องนอนและล้มตึงลงบนที่นอนอย่างหมดแรง และเพลียกับการร้องไห้อย่างหนักเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผมอยากจะลบความทรงจำที่ได้รู้เรื่องว่าพี่ฮิมชานมีแฟนแล้วออกไปจากหัวสมองนี้ไปให้หมด ผมอยากความจำเสื่อม อยากจะไม่รับรู้อะไรก่อนหน้านี้ รวมถึงเรื่องที่ได้รู้จักกับพี่ฮิมชานด้วย ถ้าผมไม่รู้จักพี่ฮิมชานมาก่อนและทำให้ผมรักขนาดนี้ ผมก็คงไม่เจ็บ

     

     

    แดฮยอนคิดอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยวนไปวนมา จนร่างบางนั่นก็ได้หลับลงในที่สุด ทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำและเปลี่ยนเครื่องแบบใดๆทั้งสิ้น ร่างบางนั้นหลับไปเพราะความเพลียได้สักพักใหญ่ๆ จนเวลาร่วงเลยไปถึง 3 ทุ่ม อยู่ๆเสียงมือถือของแดฮยอนก็ดังขึ้น จนทำให้แดฮยอนตื่นจากความฝันอันขื่นขม เมื่อแดฮยอนรู้สึกตัวก็รีบควักโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมากดรับสาย

     

     

    “ฮัลโหล”

     

     

    “แดฮยอนนายอาการดีขึ้นหรือยัง พี่เป็นห่วงนายมากนะ”

     

     

    เอ๊ะ! เสียงนี่มัน….’

     

     

    “พี่ฮิมชาน

     

     

    ตอนนี้ผมตกใจเป็นอย่างมาก ถึงกับลืมความเพลียและลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ที่ฮิมชานโทรมา และพี่ฮิมชานมีเบอร์เราได้ไงล่ะเนี่ย!?

     

     

    “ใช่พี่เอง อาการดีขึ้นบ้างหรือยัง เป็นอะไรมากหรือเปล่า?”

     

     

    เสียงของพี่ฮิมชานพูดออกมาแสดงถึงความเป็นห่วง แต่ในใจผมน่ะหรอ? ผมไม่ต้องการความเป็นห่วงจากพี่ฮิมชานแล้วล่ะ ผมกลัวว่าผมจะลืมพี่ฮิมชานไม่ได้ ตอนนี้ผมอยากอยู่ห่างๆ อยากเลิกแอบมองพี่ฮิมชานสักพัก เผื่อผมจะลืมพี่ฮิมชานได้บ้าง

     

     

    “ครับ ผมดีขึ้นแล้ว แล้วพี่

     

     

    “พี่เอาเบอร์มาจากไหนน่ะหรอ? จำได้ไหม? ในวันรับน้อง ที่เรารู้จักกันวันแรก วันนั้นเราแลกเบอร์กันไง จำได้ไหม?”

     

     

    ผมนึกย้อนไปในวันที่มีกิจกรรมรับน้อง ในวันที่ผมได้พูดคุยและทักทายกับพี่ฮิมชานครั้งแรก และเป็นวันที่ผมดีใจมากที่สุด วันนั้นผมจำได้ว่า พี่ฮิมชานคอยดูแลผมเป็นอย่างดี และคอยช่วยผมทำกิจกรรมต่างๆจนผ่านไปด้วยดี คอยปลอบผมยามผมกลัว คอยซื้อขนมมาให้  คอยทำแผลให้ในยามที่ผมมีแผล พี่ฮิมชานดูแลผมดีทุกอย่าง จนผมรู้สึกว่ามีหวัง แต่สุดท้ายมันก็เปล่าเลย มันเป็นเพียงแค่การดูแลน้องของพี่รหัสเท่านั้น และผมก็จำได้ว่าวันนั้นเราแลกเบอร์กัน เพราะพี่ฮิมชานกลัวว่าผมจะเกิดอุบัติเหตุในการทำกิจกรรม หรือมีเรื่องให้เขาช่วยในยามที่พี่เขาไม่อยู่ เพื่อให้ผมได้โทรตามเมื่อต้องการความช่วยเหลือ

     

     

    “ครับผมจำได้”

     

     

    “แล้วเป็นไงอาการดีขึ้นแล้วใช่ไหม? พี่เป็นห่วงนะ”ยิ่งพี่ฮิมชานพูดคำว่า เป็นห่วงกับผม ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าผมจะลืมพี่ฮิมชานได้ยากมากขึ้น

     

     

    “ครับ พี่อย่าห่วงเลย ผมกลัวมันไม่หาย (กลัวว่าพี่จะไม่หายไปจากความทรงจำของผมสักที)”แม้ปากของผมจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ในใจมันกลับไม่ใช่ความหมายเดียวกันเลย 

     

     

    เราคุยกันอยู่อย่างนั้นราวๆชั่วโมง ผมอยากตัดสายพี่ฮิมชานทิ้ง แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนที่ผมรักมานาน และไม่ใช่ผมไม่ดีใจที่พี่ฮิมชานโทรมาหาผม เพราะผมกลัว กลัวว่าถ้าขืนเรายิ่งคุยและผูกพันกัน จะทำให้ผมยิ่งถลำลึกลงไป จนไม่สามารถหลุดออกมาจากหลุมดำนั้นได้ แต่ที่ผมไม่ทำ มันก็เพราะหลายเหตุผล เพราะอีกใจก็อยากคุย อีกใจก็ดีใจ แต่อีกใจก็อยากจะลืมอีกฝ่ายเร็วๆ และรีบสมานแผลในใจที่ถูกอีกฝ่ายทำร้าย ผมจะต้องลืมเขาให้ได้ ผู้ชายที่ผมแอบรักมานาน มันจะต้องมีวันนั้นสักวัน….







     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×